บทที่ ๗
ละครฉากหนึ่ง
“รู้สึกยังไงบ้างครับที่ได้มาทำงานกับแองเจิ้ลครั้งแรก”
พิธีการชายในรายการถามขึ้น ดราก้อนกับหยางอิงนั่งติดกันบนโซฟา ทั้งคู่ทำสัญญาสงบศึกว่าจะเล่นละครตบตาทุกคน ภาพที่ปรากฏต่อหน้ากล้องคือชายหนุ่มหญิงสาวที่หันมายิ้มให้กันเป็นระยะๆ
“ผมดีใจมากครับ ผมรู้จักน้องอิงมานานแล้ว เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน”
“จริงหรือครับเนี่ย น่าจะไม่มีใครรู้มาก่อนเลย สมัยเรียนคุณแองเจิ้ลเป็นยังไงบ้างครับ สวยน่ารักเหมือนตอนนี้หรือเปล่า”
“ก็สวยนะครับ แต่ตอนนั้นอิงดัดฟัน ความน่ารักก็เลยน้อยกว่านี้นิดหน่อย แต่ด้วยความที่น้องอิงเป็นคนหน้าหวานอยู่แล้ว ก็เลยเป็นที่สนใจของรุ่นพี่ในโรงเรียน”
หยางอิงแอบทำหน้าเบ้ วัยเด็กของหล่อนนั้นแทบจะไม่มีคนรู้จัก เพราะหยางอิงตัวผอมเก้งก้าง ผิวดำคล้ำ แถมยังใส่เหล็กดัดฟัน ดราก้อนต่างหากที่หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่วัยรุ่นและมีผู้หญิงค่อนโรงเรียนมารุมสนใจ
“โอ้โห ผมเดาไว้ไม่ผิดเลย แองเจิ้ลสวยน่ารักขนาดนี้ต้องมีคนมาจีบเพียบเลยใช่ไหมครับ”
พิธีกรหันไปหาหยางอิงบ้าง หล่อนคลี่ยิ้มหวาน เอ่ยตอบ
“ไม่จริงเลยค่ะ ตอนเด็กๆ อิงกะโปโลจะตาย ขนาดพี่ริว ยังไม่เคยชายตามองอิงเลยด้วยซ้ำ”
“ใครว่าพี่แอบมองน้องอิงบ่อยออก” ดราก้อนหยอดคำหวาน หยางอิงยิ้มอายๆ แต่มือกลับเอื้อมไปหยิกแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างแรง เขาเจ็บแต่กลั้นใจฉีกยิ้ม หญิงสาวหัวเราะ
“จริงหรือคะ อิงไม่ยักรู้”
“จริงครับ พี่ชอบมองน้องอิง ชอบมาก เหมือนตอนนี้ไง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าสวยราวกับนางฟ้า”
ร่างสูงยื่นหน้ามาหา หยางอิงอึ้ง นั่งตัวแข็งทื่อเมื่อจมูกของชายหนุ่มวนเวียนมาข้างแก้ม แต่เพราะอยู่ต่อหน้ากล้องจึงไม่กล้าทำอะไร
“ผมเชื่อแล้วว่าทั้งหมดเป็นข่าวลือ ริวกับน้องแองเจิ้ลไม่ได้ไม่ถูกกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คงจะมีโอกาสได้ฟังเพลงเพราะๆ จากน้องทั้งสองคนเร็วๆ นี้ใช่ไหมครับ”
“แน่นอนค่ะ เรากำลังอยู่ในช่วงเตรียมงาน ส่วนอิงก็ไปเรียนร้องเพลงเพิ่มขึ้น”
“ความจริงน้องอิงไม่ต้องเรียนอะไรมากหรอกนะครับ เพราะปกติอิงร้องเพลงเพราะอยู่แล้ว เสียงก็หวานมากจริงไหมครับทุกคน”
ดราก้อนเอื้อมมือไปกุมมือหยางอิง หล่อนฉีกยิ้มแต่แอบหันไปถลึงตาใส่ชายหนุ่ม เพียงครู่เดียวก่อนจะรีบกลบเกลื่อนด้วยการชกเข้าที่หัวไหล่ชายหนุ่ม ดราก้อนนิ่วหน้าฝีนหัวเราะ
“พี่ริวก็ ชมอีกแล้ว อิงเขินแย่”
“น้องอิงก็มือหนักใช้ได้เลยนะครับ”
พิธีกรชายอมยิ้ม หันมาพูดกับกล้อง “โอ๊ย ท่านผู้ชมครับรู้สึกอย่างผมไหมครับว่าน้องริวกับน้องแองเจิ้ลเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากเลยนะครับ ผมอยากฟังเพลงคู่เร็วๆ แล้ว ทุกคนคิดแบบนั้นไหมครับ”
ผู้ชมในห้องส่งปรบมือพร้อมกัน ดราก้อนยิ้ม เขาหันไปหยิบกีตาร์ขึ้นมา
“ตอนนี้เพลงคู่ยังไม่พร้อม งั้นเราฟังเพลงของน้องอิงก่อนแล้วกันนะครับ ผมจะเป็นคอรัสให้”
หยางอิงเบิกตากว้างมองดราก้อน เขานำสแตนด์สำหรับวางโน้ตกับเนื้อร้องเพลงขึ้นมากางตรงหน้า
“ไหวไหมครับน้องอิง ถ้าเราสองคนจะร้องสดๆ ให้เป็นของขวัญกับท่านผู้ชมทางบ้านตอนนี้ เรียกว่าสเปเชียลสุดๆ กันไปเลย”
“ไหวค่ะพี่ริว”
ดราก้อนยิ้ม เขาเริ่มเล่นกีตาร์ เพลงนี้คือเพลงที่หยางอิงใช้ประกวดในรอบสุดท้ายเป็นเพลงช้าที่ทำให้หล่อนได้คะแนนโหวตอย่างถล่มทลายและชนะการแข่งขันในที่สุด หยางอิงเหลือบมองเขาอย่างประหลาดใจเพราะนึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะเตรียมเพลงนี้เองไว้
“ถ้าพี่เล่นผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ”
หยางอิงยิ้ม หล่อนรออินโทรก่อนเริ่มต้นร้องเพลงท่อนแรก เสียงหวานใสราวกับระฆังแก้ว ตรึงทุกคนเอาไว้ ไม่เว้นแม้แต่ชายหนุ่มที่รับบทนักดนตรีชั่วคราว เขาเผลอมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเสียงของหล่อนจะไพเราะขนาดนี้ หญิงสาวร้องตามโน้ตไม่มีผิดแม้แต่จุดเดียว ยิ่งตอนท่อนเอื้อนหล่อนก็ทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติ ดราก้อนร้องรับ เสียงของนักร้องชายและหญิงประสานกันอย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมในห้องส่งต่างฟังด้วยความเคลิบเคลิ้ม ภาพที่ทุกคนทางบ้านเห็นคือนักร้องคู่ชายหญิงที่ร้องเพลงประสานกันได้อย่างลงตัว ทุกท่วงทำนองช่างลงตัวเหมาะเจาะสมกับเป็นมืออาชีพ กลบกระแสความเป็นคู่กัดไปได้ในทันที
ดราก้อนกำลังนั่งรถตู้ออกจากสตูดิโอที่ถ่ายร่างกาย เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น
“เฮ้ คุยได้ไหม” เอริกกรอกเสียงมาตามสาย
“ได้สิ นายว่างแล้วหรือ”
เขาติดต่อไปหาเอริกเพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับทัมบ์ไดรฟ์ของเฉินห่าวตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแต่ตอนนั้นเพื่อนรักบอกว่ายังมีงานค้างไว้จะติดต่อกลับ
“ใช่ นายแวะมาที่บ้านฉัน เดี๋ยวนี้ตอนนี้เลยได้ไหม”
“วันนี้เลยหรือ”
“ใช่ นายไม่สะดวกหรือ”
“เปล่า งานเสร็จพอดี ว่าแต่ว่าบ้านนายอยู่ที่ไหนนะ”
ดราก้อนรู้จักกับเอริกหลายปีแล้ว เพื่อนคนนี้เป็นแฮกเกอร์มือฉกาจ แต่ไหนแต่ไรเอริกค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวมากๆ แม้สนิทกันมานานแต่ดราก้อนก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพักอยู่ที่ไหน
“ฉันส่งที่อยู่ไปให้นายทางมือถือแล้ว แค่คลิกจีพีเอสเครื่องจะนำทางมาหาฉันเอง ไม่ต้องห่วง”
เขาหยิบโทรศัพท์มาเปิดหน้าจอและก็พบว่ามีพิกัดส่งเข้ามาในมือถือของตัวเองเรียบร้อยแล้วจริงๆ “นี่อย่าบอกนะว่านายแฮ็กมือถือฉันน่ะ” ปลายสายเริ่มโวยวาย
“เอาน่า นายไม่ได้มีรูปโป๊อยู่ในมือถือสักหน่อย ก็แค่รูปวิวทิวทัศน์ อ้อแล้วก็ไลน์ของนักร้องที่ชื่อแองเจิ้ลคนนั้น”
“ไอ้เอริก เกินไปแล้วนะ รู้จักบ้างไหมความเป็นส่วนตัวน่ะ ถึงเราจะซี้กันแต่ฉันก็ฟ้องนายได้นะโว้ย”
“แหม แค่แกล้งหยอกนิดเดียวทำเป็นซีเรียสไปได้ ว่าไงสรุปว่าจะมาหรือไม่มา ถ้าไม่มา ก็ต้องรอไปอาทิตย์หน้านู่นเลยนะ เพราะฉันงานยุ่ง แต่ธุระของแกน่าจะเป็นธุระด่วน”
“ไปสิ แต่ฉันขอกลับไปเอาของที่คอนโดแป๊บเดียว แล้วตามไปเจอแกที่บ้าน รอหน่อยแล้วกัน”
“โอเค มาถึงแล้วโทร. เข้ามานะ ฉันส่งเบอร์โทร. พิเศษไปให้นายแล้ว จะได้ลงไปรับ”
ดราก้อนก้มมองมือถือ สัญญาณเตือนเมื่อมีข้อความส่งเข้ามาอีกครั้ง เบอร์มือถือนี้ไม่ใช่อันเดียวกับที่เขาใช้โทร.
“นายนี่สมกับเป็นแฮกเกอร์มือหนึ่งจริงๆ นะ กลัวใครดมกลิ่นเจอหรือไง”
“แหงอยู่แล้ว ถ้าฉันไม่แน่จริงคงไม่มีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงตอนนี้หรอก อ้อ แล้วตอนมา อย่าลืมซื้อไก่ทอดกับเบียร์มาด้วยนะ ฉันหิวจนแสบไส้ไปหมดแล้ว เวลาท้องกิ่วสมองมักจะไม่ค่อยทำงาน อาจจะทำให้ธุระของนายล่าช้า” เพื่อนรักหัวเราะมาตามสาย ดราก้อนยิ้ม
“เอาแค่ไก่ทอดเองหรือ แต่งานที่ฉันจะให้นายทำ มันหินมากเลยนะ”
“เอาแค่นี้ก่อน หลังจากเห็นเนื้องานแล้วฉันค่อยบอกอีกทีว่าจะคิดค่าจ้างนายเป็นตัวเลขสักกี่หลักดี ไหนๆ ก็มีเพื่อนเป็นนักร้องดาวรุ่งพุ่งแรงแล้ว”
ดราก้อนนั่งแทะน่องไก่ มืออีกข้างก็กระดกกระป๋องเบียร์ดื่มอั้กๆ ตรงหน้ามีกองกระดูกไก่ที่วางซ้อนกันสูงเกือบเต็มจาน ทันทีที่มาถึงบ้านเอริกอีกฝ่ายก็แย่งถุงไก่ทอดไปกินอย่างหิวโหย ตามด้วยเบียร์อีกสองกระป๋อง หลังจากนั้นก็ฉวยทัมบ์ไดรฟ์ไปเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
“ระวังนะ ห้ามเชื่อมต่อวายฟายเด็ดขาด”
“เห็นฉันเป็นเด็กอมมือไปได้ ไอ้พวกระบบห่วยๆ พรรค์นี้ไม่มีทางเจาะเข้ามาในโลกของฉันได้หรอก”
ชายหนุ่มมองไปรอบห้องของเพื่อนรัก สถานที่แห่งนี้ควรจะถูกเรียกว่ากองบัญชาการย่อมๆ ถึงจะถูก ห้องพักของเอริกอยู่ชั้นใต้ดินทางเข้าก็สลับซับซ้อนแถมยังต้องเข้าจากตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ด้านหน้ามีจอคอมพิวเตอร์ทั้งหมดห้าเครื่อง มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัยปรากฏเป็นเรียลไทม์ ก่อนเข้าตัวตึกเอริกต้องกดรหัสความปลอดภัยหลายจุดเพื่อปลดล็อกเข้าตัวตึก
“ฉันแค่เป็นห่วง”
เอริกยักคิ้ว หยิบเบียร์กระป๋องที่สามไปนั่งดื่ม และสอดทรัมป์ไดรฟ์เข้าไปในเครื่อง ดราก้อนไม่เร่งเร้า เขาให้เวลาเอริกเพื่อจัดการกับทรัมป์ไดรฟ์ที่ได้รับมา ตลอดเวลาที่มองหน้าจอ ใบหน้าอวบอูมของเพื่อนรักเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เสียงสบถดังออกมาเป็นระยะๆ เมื่อพยายามถอดรหัสที่ล็อกข้อมูลเอาไว้ ดราก้อนเดาว่าภายในนั้นน่าจะมีข้อมูลสำคัญ หลังจากรออยู่เกือบยี่สิบนาที อีกฝ่ายก็หมุนเก้าอี้หันมาส่งยิ้มอย่างมีชัย ผายมือไปยังหน้าจอมอนิเตอร์
“พร้อมจะดูหนังสั้นด้วยกันหรือยัง”
“หนังสั้นงั้นหรือ”
“เรียกว่าเทปบันทึกภาพน่าจะเหมาะกว่าคงมีใครสักคนอัดคำสารภาพเอาไว้ ฉันใช้โปรแกรมแปลภาษาเรียบร้อย”
ดราก้อนพยักหน้า เอริกกดปุ่มยืนยัน รออยู่ครู่เดียววิดีโอที่ถูกเข้ารหัสในไฟล์แรกก็ถูกเปิดออกและเริ่มต้นฉาย พอเห็นคนในนั้น ดราก้อนก็โพล่งขึ้น
“นั่นมันคุณนฤบาลนี่”
“นี่นายรู้จักเขาด้วยหรือ”
“รู้สิ เขาเป็นเจ้าของบริษัทเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปที่จ้างฉันเป็นพรีเซนเตอร์และเพิ่งถูกฆ่าตาย”
“งานเข้าแล้ว” เอริกสบถ
ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบ ทั้งคู่ต่างรอฟังว่านฤบาลจะพูดอะไร คลิปนี้ถูกอัดไว้สองวันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ข้อความด้านในทำให้ชายหนุ่มยิ่งประหลาดใจเพราะเขาเอ่ยถึงปริญญ์และครอบครัว ซึ่งหมายถึงคนในบ้าน รวมถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของปริญญ์ทั้งสามคน นอกจากนั้นนฤบาลยังเล่าย้อนอดีตตอนตนตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าทั้งที่ตัวเองไม่เป็นผู้ทำ
“นี่มันคือหลักฐานฆาตกรรมชั้นเยี่ยมเลยนะ นายงานเข้ารัวๆ เลย”
ยิ่งฟังข้อความในคลิปที่อัดไว้ ชายหนุ่มก็มือเย็นเฉียบ นฤบาลรู้ว่าตัวเองจะถูกลอบฆ่านานมาแล้ว แต่เขาต้องทำตามคำสั่งขององค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ เพราะหลักฐานความผิดในอดีต สมัยเป็นวัยรุ่น นฤบาลเคยพลั้งมือทำร้ายคนจนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้คนป่วยยังนอนโคม่าเป็นผู้ป่วยติดเตียง ครอบครัวเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินถึงร้อยกว่าล้าน
หลักฐานทั้งหมดทำให้นฤบาลต้องติดคุกเพราะเหตุเกิดที่ต่างประเทศ แม้ว่านฤบาลจะยอมออกค่ารักษาให้ทุกอย่างแต่ก็ยังถูกข่มขู่ คนเจ็บเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อค้ายาเสพติดของฝั่งพม่า มีคนแนะนำนฤบาลให้ไปขอความช่วยเหลือจากองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ พวกเขาช่วยให้นฤบาลพ้นผิดแถมยังช่วยต่อรองจำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้น้อยลงมากกว่าครึ่ง
เรื่องที่สองที่ทำให้นฤบาลละอายใจต่อปริญญ์มาตลอดก็คือเรื่องที่เขาเคยนำเงินบริษัทไปหมุน เนื่องจากลูกชายคือเตชัช นำเงินไปละลายในบ่อน ปริญญ์จับได้ และรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายให้คนอื่นรู้ แต่ขอร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหาร นฤบาลยังไม่ได้ทำตามนั้น ปริญญ์ก็มาเสียชีวิตไปเสียก่อน ช่วงแรกเขาสองจิตสองใจว่าจะลาออกดีหรือไม่ แต่แล้วชาญชัย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนอีกคน กลับชิงถอนหุ้นและย้ายไปอยู่ต่างประเทศทำให้นฤบาลไม่กล้าลาออก
เขาจำต้องประคับประคองบริษัทเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปที่สั่นคลอนด้วยข่าวลือเอาไว้ ที่ผ่านมานฤบาลใช้ชีวิตอย่างหวานอมขมกลืนนั่นก็เพราะเดือดร้อนเรื่องเงิน ลูกชายคนโตก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนจนเขาต้องเอาเงินส่วนตัวไปตามแก้ หลายคดีที่ต้องต่อสู้กับอิทธิพลเพื่อให้ลูกชายปลอดภัย ดังนั้นนฤบาลจึงเหมือนคนขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้
แม้ว่าตอนนี้เขารับตำแหน่งของประธานบริษัทก็จริง แต่ว่าเงินกำไรทั้งหมดไม่ได้เข้าตัวเอง แต่ถูกนำไปแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ หุ้นจำนวนหนึ่งซึ่งเคยเป็นของปริญญ์ได้ถูกโอนย้ายไปให้คนอื่นซึ่งนฤบาลไม่ได้บอกเอาไว้ในวิดีโอ
“นายเจอตอแล้วนะดราก้อน นายต้องจะรีบส่งไอ้นี่ให้ตำรวจ”
“ฉันจะไว้ใจใครได้ คนรอบตัวๆ ฉันอาจจะเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ก็ได้”
ชื่อขององค์กรลับถูกกล่าวถึงหลายครั้งในวิดีโอ สมาชิกขององค์กรล้วนแล้วแต่มีหลากหลายอาชีพ หลากหลายฐานะทำให้นฤบาลต้องติดกับดักและออกจากองค์กรไม่ได้ สีหน้าและแววตาของนฤบาลทำให้รู้ได้ว่าเขากลัวที่จะเปิดโปงพวกมัน ขณะเดียวกันก็คงจนตรอกไม่รู้จะทำยังไงแล้ว น่าเสียดายที่คลิปนี้ไปไม่ถึงมือตำรวจ จึงทำให้คดีฆาตกรรมของเขาป่านนี้แล้วยังปิดไม่ลง
“แล้วไฟล์ที่เหลือล่ะ นายเปิดได้ไหม”
“สบายมาก มือชั้นนี้แล้ว แต่ฉันว่ามันจะทำให้นายโชคร้ายกว่าเดิม”
“ทำไมล่ะ” ดราก้อนถามอย่างสงสัย
เอริกกดปุ่มเพื่อให้ข้อมูลปรากฏอยู่บนหน้าจอ ชื่อของบุคคลมากมาย รวมถึงธุรกิจที่คนเหล่านั้นภายใต้การบงการขององค์กรลับปรากฏขึ้น ดราก้อนมองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง เมื่อรายชื่อนับพันๆ ชื่อปรากฏอย่างต่อเนื่อง
“นี่มัน”
“คนพวกนี้น่าจะเป็นสมาชิกองค์กรลับที่มีเครือข่ายยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีคนระดับบิ๊กๆ มากมายอยู่ในลิสต์นี้ ทั้งทหารเอย ตำรวจ นักการเมืองแม้แต่คนในระดับสูงของต่างประเทศ”
ชายหนุ่มมองรายชื่อที่ค่อยๆ เลื่อนตัวขึ้นบนหน้าจอ หลายคนเขาคุ้นเคยเพราะเป็นคนดังในวงสังคม และที่สำคัญคือมาจากหลายประเทศ
“ปริญญ์น่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อยากจะถอนตัว แต่ถูกพวกมันสั่งเก็บ หรือว่าเขาเองก็มีคดีความในอดีต”
“ฉันว่าทุกคนน่าจะมีความลับและองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์เลือกที่จะกุมความลับของพวกเขาเอาไว้เพื่อต่อรอง อ้อ ฉันยังเจอรายชื่อคนสำคัญของนายในนี้ด้วยนะ”
เอริกกดปุ่มหยุดรายชื่อเอาไว้ เมื่อถึงตัวอักษรนำหน้า ภาพบนหน้าจอถูกขยายพร้อมกับภาพถ่ายที่ดราก้อนจำได้เป็นอย่างดี
“แม่”
“ใช่ แม่นายก็เป็นสมาชิกองค์กรนี้ด้วย แปลกไหมล่ะ แม่นายเป็นดารา ท่านไม่น่าจะมีความลับอะไร”
ดราก้อนอึ้ง จับต้นชนปลายไม่ถูก เอริกกดปุ่มเพื่อเซฟไฟล์ทั้งหมดลงในแผ่นดิสก์สองอันยื่นให้แก่ดราก้อน
“สองอันนี้ฉันเซฟไว้ให้นาย นายจะได้ไม่ต้องแวะมาหาฉันให้ช่วยเปิดเอกสารทุกครั้ง บอกตามตรงฉันกลัว”
นักร้องหนุ่มตบบ่าเพื่อนรัก เอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ขอบใจมากนะเอริก ฉันขอโทษที่ดึงนายเข้ามาเสี่ยง”
“โอ๊ยเรื่องแค่นี้เอง ไม่มีปัญหาหรอก ฉันเซียนพอ พวกมันไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันกับนายเปิดไฟล์นั้นแล้ว แต่ต่อไปนายต้องระวังตัวให้มาก คนขององค์กรน่าจะจับตานายอยู่”
“ฉันรู้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่ขนาดนี้”
“ระวังตัวดีๆ นะ ฉันว่าเรื่องนี้มันเกินมือนายไปมาก ทางที่ดีนายต้องหาตำรวจที่มือสะอาดและใหญ่พอที่จะปรึกษาเรื่องนี้”
“ฉันจะลองคิดดูนะ ยังไงก็ขอบใจมาก นายจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่”
เอริกยักไหล่ กระดกเบียร์กระป๋องที่สามลงคอรวดเดียวหมด เขาหัวเราะร่วน
“ไม่มากไม่น้อย แค่ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักมัลดีฟ หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ฉันอยากจะไปนอนอาบแดดใจจะขาดแล้ว”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะโอนเงินให้นายก็แล้วกัน”
เสียงเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ดราก้อนหยิบขึ้นมาดู เลขบัญชีถูกส่งเข้ามาในมือถือเรียบร้อย เอริกหัวเราะร่วน
“ไม่ใช่อะไร ฉันกลัวนายลืมน่ะ ก็เลยช่วยอำนวยความสะดวกให้ ไม่ต้องรีบนะ ฉันคงยังไม่ไปในสองวันนี้แน่นอน ต้องรับสมัครเพื่อนร่วมทางให้ได้ก่อน” เอริกหัวเราะร่วน ดราก้อนมองแผ่นดิสก์ในมือ สำหรับเขาแล้ว ภาระอันยิ่งใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้น
ชายหนุ่มขับรถออกจากบ้านเอริกด้วยความสับสน เขาปะติดปะต่อข้อมูลทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความจริงอันเจ็บปวดก็คือเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเหว่ยป๋อจือ รูปถ่ายที่เห็นจากในแฟ้มเอกสารในบ้านเฉินห่าวทำให้รู้ว่าเขาคือลูกชายคนสุดท้องของนักธุรกิจไทย ชื่อจริงของเขาคือปัณณ์ ครอบครัวเขาถูกองค์กรลับไฟร์ฟีนิกซ์ฆ่าตาย ส่วนเขากับพี่น้องอีกสองคนอยู่ในรถที่มารดาขับหนีและตกลงไปในแม่น้ำ
ภาพของน้ำจำนวนมากที่ไหลทะลักเข้ามาในรถคล้ายความฝัน เนื่องจากตอนนั้นดราก้อนยังเด็กมากเขาจึงจำอะไรไม่ได้เลย จิตใต้สำนึกที่ซ่อนตัวอยู่ก้นบึ้งทำให้ชายหนุ่มกลัวการดำน้ำเป็นที่สุด ดราก้อนไม่เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อน จนกระทั่งมารู้ความจริง แต่ปัญหาก็คือเขามาอยู่กับเหว่ยป๋อจือได้อย่างไร
ข้อมูลในข่าวไม่ได้เอ่ยถึงเด็กทั้งสามคนมากนัก อาจเพราะทุกคนปักใจเชื่อว่าเด็กทั้งสามเสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากน้ำในแม่น้ำเชี่ยวมาก ตามข่าวไม่มีการพบศพเด็กทำให้ดราก้อนมีความหวังว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนเดียวที่รอดชีวิต พี่ๆ ของเขาอาจจะมีชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน
สิ่งที่เขาสงสัยก็คือทำไมมารดาถึงเข้าเป็นสมาชิกองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ หรือว่าท่านเองก็ถูกข่มขู่ด้วยความลับเช่นเดียวกัน เฉินห่าวก็น่าจะรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้วจึงเข้ามาตีสนิทและสอนวิชาป้องกันตัวให้ และบางทีเฉินห่าวกับมารดาอาจจะรู้จักกันก็เป็นได้ ทางเดียวที่จะได้คำตอบคือต้องถามมารดาโดยเร็วที่สุด ดราก้อนกดจีพีเอสนำทางมุ่งสู่วัดที่มารดาไปนั่งสมาธิ ชายหนุ่มมัวแต่มองทางข้างหน้าเขาจึงไม่รู้ว่าบัดนี้ด้านหลังมีรถคันหนึ่งแล่นตามมาอย่างเงียบๆ ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าเครียดขรึม หล่อนพึมพำลอดริมฝีปาก
“เขาจะไปไหนของเขาอีกนะ”
คนในรถลังเล แต่แล้วปลายสายตากลับเหลือบไปเห็นรถคุ้นตาที่แล่นตามชายหนุ่มไปติดๆ หญิงสาวมือเย็นวาบเมื่อจำได้ว่าคนในรถคือมือขวาของบิดา
“นั่นมันหลิวเยว่นี่ ทำไมถึงขับรถตามดราก้อนนะ หรือว่า”
หยางอิงตัดสินใจในเสี้ยววินาที แม้ว่าความกลัวบิดาจะมีมากแต่หล่อนจะไม่ยอมให้บิดาทำอะไรดราก้อนอย่างเด็ดขาด หญิงสาวนึกถึงสิ่งที่บิดาโทร. มาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเมื่อเห็นคลิปสัมภาษณ์ในรายการที่ลูซี่ส่งไปให้
“ไอ้ริวมันเลวมาก มันหยามพ่อ พ่อไม่ปล่อยมันไว้แน่”
หรือว่าบิดาต้องการทำร้ายดราก้อน หยางอิงยอมไม่ได้ หล่อนตัดสินใจในเสี้ยววินาทีที่จะขับรถตามหลิวเยว่ไปติดๆ
ดราก้อนจอดรถด้านหน้าวัด เนื่องจากเป็นเวลาค่ำแล้ว รอบบริเวณจึงเงียบสงัด เขากดกริ่งด้านหน้า รออยู่ไม่นานก็มีแม่ชีมาเปิดประตูใหญ่ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยขึ้น
“คุณมาหาใครคะ”
“ขอโทษนะครับที่ผมมารบกวนตอนดึก แต่ผมมีธุระ ผมต้องการพบคุณเหว่ยป๋อจือ เรื่องด่วนมาก”
“แต่นี่ดึกมากแล้ว วัดเรามีแต่แม่ชีมาถือศีล คงไม่ค่อยสะดวกให้ผู้ชายเข้าไปเท่าไหร่”
“ผมทราบครับ แต่นี่เรื่องด่วนจริงๆ ผมต้องการพบคุณเหว่ยป๋อจือตอนนี้ เธอเป็นแม่ของผม ผมพยายามโทร. หาเธอตามเบอร์ที่ให้ไว้แต่เธอไม่รับสายเลย”
“แม่คุณคงต้องการความสงบ เธอถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ ถ้าไงมาใหม่พรุ่งนี้เช้าไม่ดีกว่าหรือ”
“แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายเลยนะครับ ผมกลัวว่าแม่จะไม่ปลอดภัย แม่ชีช่วยไปเรียกแม่ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“คุณคงคิดมากเกินไป ที่นี่เป็นวัดแม่ชี คนที่มา ก็มีแต่คนคิดดีทำดี มาถือศีลกินเจ แม่คุณจะปลอดภัยที่อยู่ที่นี่”
“ผมขอร้อง ผมจำเป็นต้องพบท่านจริงๆ ผมทราบมาว่ามีคนต้องการทำร้ายแม่ แม่ชีโปรดช่วยผมทีเถอะนะครับ หรือไม่ก็ช่วยเอาโทรศัพท์นี้ไปให้แม่ผมที บอกว่าผมต้องการคุยด้วย ถ้าได้ยินเสียงท่าน ผมจะได้สบายใจ”
แม่ชีถอนหายใจยาว ยื่นมือมารับโทรศัพท์อีกเครื่องจากดราก้อน ก่อนเดินเข้าไปด้านในวัด ดราก้อนมองไปรอบๆ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาค่อนข้างเงียบสงบ แต่เพราะอะไรวันนี้เขาถึงรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย อาจเพราะข้อความในคลิปรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามารดาจะปลอดภัย บางทีองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์ อาจจะส่งคนมาทำร้ายท่านเมื่อไหร่ก็ได้ ในเมื่อมารดาคือกุญแจสำคัญที่จะไขเรื่องราวต่างๆ ในอดีต จู่ๆ เสียงกรี๊ดก็ดังจากข้างใน ดราก้อนวิ่งตามเสียงเข้าไปทันที เมื่อไปถึงก็พบว่าประตูห้องพักเปิดอ้าอยู่ แม่ชียืนตัวสั่น ยกมือปิดปาก และร้องไห้ ชี้ไปข้างใน
“เกิดอะไรขึ้นครับ แล้วแม่ผมล่ะ”
ภาพที่เห็นอยู่ด้านหน้าคือสภาพของห้องที่พังระเนระนาด ข้าวของหล่อนกระจัดกระจายแต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุของเสียงกรี๊ด คือรอยเลือดเปื้อนใหญ่ที่อยู่กลางห้องต่างหาก รอยเลือดนั้นลากยาวไปจนถึงหน้าต่าง และรอยเลือดเปื้อนตรงวงกบหน้าต่าง
ดราก้อนวิ่งไปที่หน้าต่าง รีบปีนออกไป เขาเห็นรอยเลือดหยดไปตามทางก่อนที่ร่องรอยทั้งหมดจะหายไปตรงหน้าผาด้านหลังของวัด เวิ้งเบื้องล่างคือหน้าผาที่มีทะเลลึกอยู่เบื้องล่าง เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง
“แม่ แม่ครับ แม่อยู่เปล่า”
ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงคลื่นซัดมาเป็นระยะๆ ดราก้อนหันมาหาแม่ชีที่วิ่งตามออกมา
“รีบโทร. หาตำรวจเดี๋ยวนี้ บอกให้เขาส่งตำรวจมาด่วนที่สุด”
“ได้ค่ะ ฉันจะรีบโทร. เดี๋ยวนี้” แม่ชีบอกละล่ำละลัก
ดราก้อนหยิบมือถือของตนออกมา เขาชะโงกลงไปด้านล่างซึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน แต่เพราะมีต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมากทำให้ไม่เห็นเบื้องล่าง เขาใช้ไฟจากมือถือส่องลงไปแต่ก็ยังมองไม่เห็น ชายหนุ่มตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบ เขาใช้มือเหนี่ยวต้นไม้ที่อยู่ริมสุดของหน้าผาและปีนลงไปแต่ไปได้แค่เพียงห้าร้อยเมตรก็พบว่าด้านล่างเป็นหน้าผาหินที่ลื่นมา ด้วยตัวเปล่าคงไม่สามารถลงไปถึงด้านล่างได้ เขาตะโกนเรียกมารดาอีกครั้ง ความรู้สึกหวิวในอกเมื่อคิดถึงคำพูดสุดท้ายกับมารดา ตลอดเวลาหลายปีเขากับท่านระหองระแหงกัน ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
“แม่อย่าเป็นอะไรนะครับ ผมขอโทษ”
ร่างสูงหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา เขามองรอบกายที่มืดมิด และตอนนั้นเองสายตาก็ปะทะกับบางอย่างที่สั่นไหวติดอยู่ที่ปลายกิ่งไม้
ร่างหนาก้าวลงจากรถกำลังจะเดินเข้าไปในวัด เพราะเห็นประตูเปิดอยู่ เขามาจอดรถซุ่มดูอยู่นานแล้ว แต่เพราะเห็นดราก้อนกำลังเจรจากับแม่ชีตรงประตูจึงหยุดรอ หลังจากรออยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังจากด้านใน ดราก้อนวิ่งเข้าไปในนั้น หลิวเยว่ดับเครื่องและวิ่งไปที่ประตู ขณะก้าวจะพ้นประตูมือเล็กของใครบางคนก็จับที่บ่า ด้วยสัญชาตญาณหลิวเยว่หันไปกระชากข้อมือแล้วบิดอย่างแรง
“โอ๊ย หลิวเยว่ ปล่อยฉันนะ”
เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคือลูกสาวของเจ้านาย “คุณหนูอิง มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามนายว่ามาทำอะไรที่นี่ พ่อส่งนายมาทำร้ายดราก้อนใช่ไหม”
“เปล่าครับ ไม่ใช่”
“ไม่จริง นายขับตามเขามาพักใหญ่แล้ว ฉันเห็น นายต้องการอะไรกันแน่”
“ผมตามคำสั่งนายท่าน คุณหนูอย่าสนใจเลย”
“พ่อสั่งว่าอะไร บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ พ่อให้นายทำร้ายเขาใช่ไหม”
“เปล่าครับ นายท่านไม่เคยบอกให้ทำร้าย” หลิวเยว่ขบกรามแน่น ดูออกว่ากำลังสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่
“นี่มันดึกมากแล้ว คุณหนูกลับบ้านเถอะครับ นายท่านจะได้ไม่เป็นห่วง บอดีการ์ดสองคนหายไปไหน ทำไมปล่อยให้คุณหนูขับรถคนเดียวแบบนี้”
“ฉันโตแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมีคนดูแล นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าตามดราก้อนทำไม ใช่เรื่องสัมภาษณ์เมื่อตอนบ่ายนี้หรือเปล่า”
“ผมไม่ทราบ ผมแค่ทำตามคำสั่ง ถ้าคุณหนูอยากรู้อะไร ถามนายท่านเองก็แล้วกัน”
“นี่พ่อกลับมาแล้วหรือ”
หลิวเยว่เงียบ ไม่ตอบ เขามักจะเป็นแบบนี้ ทำตัวเป็นมือขวาผู้สื่อสัตย์และไม่ยอมบอกอะไร “ท่านเป็นห่วงคุณหนู ผมจะพาคุณหนูกลับบ้าน ที่นี่คงไม่ปลอดภัยแล้ว”
มือหนาเปลี่ยนมากำรอบข้อมือหยางอิงและลากหล่อนไปขึ้นรถ หญิงสาวโวยวาย
“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่กลับ นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าพ่อสั่งให้ทำอะไร” หยางอิงสะบัดออก แต่ข้อมือที่แข็งแรงเหมือนดั่งคีมเหล็กทำให้หล่อนขัดขืนไม่ได้ สุดท้ายกลับโดนลากไปขึ้นรถแทน หญิงสาวโวยวายต่อ “ฉันไม่กลับ นายจะมาใช้กำลังบังคับฉันแบบนี้ไม่ได้”
“ผมทำได้ครับ เพราะคำสั่งแรกของนายท่านที่สั่งพวกเราทุกคนก็คือดูแลความปลอดภัยของคุณหนู ตอนนี้ข้างในนั่นน่าจะเกิดเรื่องไม่ดี คุณหนูต้องรีบกลับบ้าน”
หยางอิงมองเข้าไปในวัดและเห็นว่าวัดที่เคยปิดไฟเงียบจู่ๆ ก็มีเสียงอึกทึกจากด้านใน แถมไฟทุกดวงก็เปิดจนสว่างจ้า เสียงไซเรนรถตำรวจดังใกล้เข้ามา
“ใครเป็นอะไรงั้นหรือ ดราก้อนเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่ทราบ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องสนใจ คุณหนูต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
หลิวเยว่กึ่งลากกึ่งบังคับให้หยางอิงเข้าไปในรถ หล่อนพยายามจะลงรถอีกทาง แต่เขากลับล็อกรถจากด้านในและรีบเคลื่อนรถออกไปเสียงก่อน หญิงสาวโวยเสียงดังลั่น
“หยุดรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะเข้าไปในวัดดูว่าเกิดอะไรขึ้นหลิวเยว่ ฉันบอกให้หยุดรถ”
ไม่มีเสียงตอบ แต่กระจกที่กั้นระหว่างคนขับรถกับผู้โดยสารถูกเลื่อนขึ้น หยางอิงพุ่งไปที่ประตูแต่ล็อกกลับปิดตาย รถคันนี้ถูกออกแบบมาอย่างพิเศษทำให้หล่อนหนีไปไหนไม่ได้เลย หน้าต่างทุกบานติดฟิล์มหนาทึบ หยางอิงทุบกระจกที่กั้นระหว่างหล่อนกับหลิวเยว่แต่เขาไม่โต้ตอบเลย รถแล่นห่างวัดออกไปเรื่อยๆ สิ่งที่หญิงสาวเห็นคือรถตำรวจหลายคันที่แล่นด้วยความเร็วสูงไปที่วัด
ปฏิบัติการค้นหาตัวเหว่ยป๋อจือเป็นไปอย่างเร่งรีบ เมื่อตำรวจเข้ามาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องพักของอดีตดาวค้างฟ้า ร่องรอยบ่งชัดว่าเกิดการต่อสู้และมีผู้บาดเจ็บ รอยเลือดคงเป็นของใครสักคน รอยเลือดถูกส่งไปที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อดูว่าเป็นเลือดของใคร รวมถึงหลักฐานแวดล้อมโดยรอบ
ทีมกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ไต่เขามาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา รวมถึงเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินดูรอบๆ เพื่อตามหาเหว่ยป๋อจือซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะตกหน้าผาลงไป
ดราก้อนนั่งมองเศษผ้าที่ถูกบรรจุไว้ในถุงพลาสติก อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เศษผ้านี้ไม่ใช่ชุดที่เหว่ยป๋อจือสวมก่อนเข้านอนวันนี้ นั่นหมายถึงว่ามีโอกาสที่เลือดนั้นจะไม่ใช่มารดา บางทีท่านอาจจะมีชีวิตอยู่ ร่องรอยที่เกิดขึ้นทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายบุกเข้ามาทำร้าย เหว่ยป๋อจือคงต่อสู้ หล่อนอาจจะบาดเจ็บและหนีไปทางหน้าผา และบางทีอาจจะตัดสินใจกระโดดลงไป แต่เนื่องจากระยะตรงหน้าผาลงไปถึงทะเลค่อนข้างสูงอาจทำให้บาดเจ็บ
หน่วยตำรวจน้ำนำเรือออกสำรวจหาตามแนวชายฝั่งด้านล่างหน้าผา เพื่อหาร่องรอยของผู้บาดเจ็บ ทีมเดินเท้าอีกส่วนหนึ่งออกสำรวจจากด้านล่างเพื่อดูว่ามีร่องรอยของใครบ้าง ดราก้อนกระวนกระวายใจ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่รอข่าวจากตำรวจ ลี่หงมาถึงวัดในเวลาไล่เลี่ยกับตำรวจ กองทัพนักข่าวต่างรอกันอยู่ด้านหน้าเพื่อทำข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของเหว่ยป๋อจือ ดราก้อนไม่มีกะจิกะใจจะให้สัมภาษณ์ เขาจึงมอบให้ผู้จัดการหนุ่มเป็นผู้ตอบ ลี่หงเดินมาตบบ่า
“ฉันเคลียร์เรื่องนักข่าวให้แล้วนะ นายไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจนะ”
ดราก้อนยกมือกุมขมับ ไม่เคยรู้สึกมืดแปดด้านเท่านี้มาก่อน เขาช่างโง่ที่คิดมาตลอดว่ามารดาไม่รัก กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว เขาพลาดที่ไม่มาหาท่านเร็วกว่านี้ ยิ่งคิดว่ามารดาเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องเผชิญการตามล่าจากองค์กรไฟร์ฟีนิกซ์เพียงลำพัง หัวตาก็ร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกผิด เขามองเศษผ้าในมือ
“นายไหวไหม”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่เจอศพ ฉันก็ยังมีความหวังว่าแม่จะยังมีชีวิตอยู่” ดราก้อนขอบตาร้อนผ่าว
“แม่นายหนีใครหรือ”
“ฉันไม่รู้จริงๆ”
ลี่หงตบบ่า นั่งลงข้างๆ ดราก้อน “เอาเถอะ ฉันเข้าใจ นี่ไม่ใช่ความผิดของนาย ตำรวจน้ำแจ้งมาว่าลาดตระเวนมาสองรอบแล้วแต่ยังไม่เจอ แต่พวกเขาจะไม่หยุดค้นหาในคืนนี้และเริ่มต้นค้นหาใหม่เมื่อฟ้าสาง”
“ขอบใจนะลี่หง ถ้าไม่ได้นาย ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ฉันพลาดเอง ฉันมาที่นี่ช้าเกินไป”
“อย่าโทษตัวเองเลยน่า ก็นายไม่รู้นี่นา”
“ใช่ ฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันมันโคตรโง่” ดราก้อนทุบหัวตัวเอง เขาสมควรตายเป็นหมื่นๆ ครั้งให้เหมาะสมกับความงี่เง่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เล็กจนโตเขาชอบทำตัวประชดชีวิต พูดจาเหน็บแนมมารดาอยู่เป็นประจำ ยิ่งคิดว่าที่ผ่านมาเขาทำให้ท่านถูกนินทาว่าท้องไม่มีพ่อทั้งๆ ที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านด้วยซ้ำ แต่มารดากลับเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีราวกับลูกในไส้ น้ำตาร้อนๆ เอ่ยมาออกมาคลอตรงหัวตา
“นายหิวไหม กินอะไรสักหน่อยไหม”
“ไม่ ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้ข่าวของแม่”
“แต่ตำรวจ”
“ทำไมหรือ”
“คือพวกเขาอยากจะสอบปากคำนาย ฉันพยายามบอกเขาแล้วว่านายคงไม่พร้อมให้การอะไรตอนนี้ และก็ไม่อยากให้นายต้องไปโดนนักข่าวรุมทึ้งหน้าสถานีตำรวจด้วย แต่เขาบอกว่าจำเป็นมากเพื่อจะได้ข้อมูลมาช่วยแม่นาย”
ดราก้อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาคงเลี่ยงไม่ได้ “ก็ได้ ฉันจะไปให้ปากคำที่สถานีเอง แต่นายช่วยบอกเขาว่าขอเป็นพรุ่งนี้ คืนนี้ฉันขอรออยู่ที่นี่จนกว่าจะได้ข่าวแม่”
“โอเค ฉันจัดการให้เอง ถ้านายง่วงละก็ฉันขับรถตู้มาจอดไว้ข้างวัดนี่เอง นายเอากุญแจไปเปิดแล้วนอนพักได้นะ”
“ขอบใจมากนะลี่หง นายคือเพื่อนแท้ของฉันเลยทีเดียว”
ความคิดเห็น |
---|