บทที่ ๕
ไฟล์ที่ถูกใส่รหัส
เมื่อกลับถึงที่พักดราก้อนก็ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามทันที เขาเป็นห่วงเฉินห่าวทางเดียวที่จะรู้คำตอบนั่นก็คือการเปิดทัมบ์ไดรฟ์ ครั้งสุดท้ายที่พบกันอาจารย์กำชับให้เขาเก็บรักษาของชิ้นนี้ไว้ให้ดี เมื่อกลับมาถึงบ้าน ดราก้อนจึงนำทัมบ์ไดรฟ์ใส่ไว้ในตู้เซฟ เขาตัดสินใจนำมันออกมา
ชายหนุ่มเลือกใช้โน้ตบุ๊กส่วนตัวและปิดวายฟายเป็นอย่างแรกเพื่อป้องกันการดาวน์โหลดบางอย่างออกจากเครื่อง เขาเสียบอุปกรณ์เข้าไปในเครื่องและเริ่มต้นด้วยการสแกนไวรัสเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกเล่ห์เหลี่ยมทำลายเครื่อง สัญญาณดังเมื่อเครื่องสแกนเรียบร้อยแล้ว แต่พอดราก้อนคลิกดูไอคอนด้านในกลับพบว่ามีกล่องโต้ตอบเด้งขึ้นมาบนหน้าจอเพื่อให้ใส่รหัส
“นี่คืออะไร ไฟล์วิดีโองั้นหรือ”
ดราก้อนพึมพำกับตัวเอง ภาพหน้าจอหมายถึงการให้ใส่ตัวเลขสิบหลัก ซึ่งน่าจะเป็นรหัสลับในการเปิดไฟล์วิดีโอนี้
“ซวยแล้ว ไม่รู้รหัสทำยังไงดีวะ”
ชายหนุ่มคลิกดูขนาดของข้อมูลที่บรรจุอยู่ในทัมบ์ไดรฟ์และพบว่านอกจากไฟล์วิดีโอที่เข้ารหัสแล้วยังมีอีกหลายส่วนที่เครื่องอ่านไม่ออก น่าจะเป็นความจงใจของผู้สร้างไฟล์เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลออกไป ตอนแรกเขาตั้งใจจะส่งไฟล์เหล่านี้ไปให้คริสทางอีเมลแต่พอนึกได้ว่าเฉินห่าวเคยย้ำหนักหนาว่าห้ามเชื่อมต่อวายฟาย ดราก้อนตัดสินใจปิดไฟล์ทั้งหมด เขานั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ของเขามีน้อยมาก ครั้นจะส่งของเหล่านี้ให้แก่ตำรวจเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าควรไว้ใจใครบ้าง
“คิดสิริว ว่ามีใครที่เซียนเรื่องนี้”
ใบหน้าของชายคนหนึ่งผุดขึ้น เพื่อนคนนี้เป็นแฮกเกอร์ชื่อดัง บางทีเขาอาจจะขอให้เพื่อนช่วย ดราก้อนถอดทัมบ์ไดรฟ์ออกจากโน้ตบุ๊ก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ส่งข้อความไปหาเพื่อนชื่อเอริก
“มีเรื่องให้ช่วย พบกันได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่”
“อีกสองวัน พร้อมแล้วจะทักไป”
ดราก้อนอมยิ้มให้โทรศัพท์ เขานำทัมบ์ไดรฟ์ใส่เข้าไปในตู้เซฟตามเดิม บางทีเขาอาจจะต้องลองตามหาตัวเฉินห่าวให้พบก่อนเป็นอันดับแรก แต่ปัญหาก็คือเขาควรเริ่มจากที่ไหนดี ที่ไหนในฮ่องกงที่เฉินห่าวคิดว่าปลอดภัยและเหมาะจะเป็นแหล่งกบดานที่ดีที่สุด
“เอาใบนี้และก็ใบนี้ด้วยค่ะ”
หยางอิงยื่นเครดิตการ์ดส่งให้แก่พนักงานท่ามกลางความตกใจของเพื่อนสาว ทั้งสองออกมาชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ตลอดเวลาที่หญิงสาวเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แถมยังรูดการ์ดไปนับครั้งไม่ถ้วน
พนักงานสาวกอบสินค้าได้แก่ กระเป๋าถือสี่ใบ รองเท้าห้าคู่และก็เข็มขัดสามเส้นเพื่อนำไปใส่ถุง อ้ายเหม่ยเพื่อนสาวยื้อมือพนักงานเอาไว้หันมาหาหยางอิง
“จะเอาทั้งหมดนี่เลยหรือ มันแพงมากๆ เลยนะ ไหนเคยบอกว่าไม่อยากใช้เงินพ่อยังไงล่ะ”
“แต่วันนี้ฉันเครียด ฉันจะรูดๆๆๆ การ์ดให้หมดวงเงินไปเลย”
อ้ายเหม่ยเบิกตากว้างมองเพื่อนราวกับตัวประหลาด ครอบครัวหยางอิงร่ำรวยแต่หญิงสาวไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย นับตั้งแต่หญิงสาวตัดสินใจประกวดร้องเพลง หล่อนก็พยายามหารายได้ของตัวเอง เมื่อได้ตำแหน่งเพื่อนสาวเลิกใช้เงินของบิดา ใบหน้าบูดบึ้งทำให้อ้ายเหม่ยไม่กล้าค้าน
“ใจเย็นๆ นะหยางอิง ทั้งหมดนี่น่าจะเกือบๆ ล้าน คิดดูให้ดีๆ ก่อนไหม ฉันรู้นะว่าแกกำลังกลุ้มหรือไม่ก็โมโหอะไรสักอย่าง อาจจะหูอื้อตาลาย แต่การรูดเอาๆ แบบนี้มันเกินไปหน่อยนะ ไหนเคยบอกว่าอยากยืนด้วยลำแข้งตัวเองยังไงล่ะ”
หยางอิงกระแทกตัวลงบนเก้าอี้ ใบหน้าบูดบึ้ง อ้ายเหม่ยหันไปหาพนักงาน
“ขอเวลาสักครู่นะคะ ขอเราปรึกษากันก่อน เดี๋ยวค่อยเรียกคุณอีกทีนะคะ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา เชิญคุณลูกค้าตามสบาย ถ้าพร้อมเมื่อไหร่เรียกดิฉันได้ทุกเมื่อนะคะ”
พนักงานสาวเดินปลีกตัวออกไปปล่อยให้สองสาวเพื่อนซี้อยู่กันตามลำพังในโซนวีไอพีซึ่งมีที่นั่งเป็นสัดส่วน อ้ายเหม่ยนั่งลงข้างๆ หันไปตบบ่าเพื่อนรักให้หันหน้ากลับมาเผชิญหน้า
“แกมีปัญหาอะไรกันแน่ ทำไมวันนี้ถึงได้ทำตัวแบบนี้”
“ไม่มี ฉันแค่เบื่อ”
หยางอิงส่ายหน้า ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ถูกเพื่อนกดไหล่ให้นั่งลงตามเดิม อ้ายเหม่ยส่ายหน้า
“ไม่จริง ฉันรู้ว่าแกมี เล่ามาเดี๋ยวนี้ นี่แกทะเลาะกับพ่อมาอีกแล้วใช่ไหม”
ครั้งก่อนที่หยางอิงทะเลาะกับบิดา หล่อนก็ชวนเพื่อนรักมาที่ห้างเพื่อชอปปิงระบายอารมณ์ อ้ายเหม่ยเองต้องคอยห้ามปรามเพื่อนรัก
“เปล่า”
“อย่าโกหก แกต้องทะเลาะกับใครมาแน่ๆ ถ้าไม่ใช่พ่อก็ต้องเป็นคนอื่น ใครที่ทำให้แกไม่พอใจบอกฉันมาสิ ฉันจะไปเล่นงานให้”
“ถึงบอกไปแกก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เพราะแกหลงเขามาก”
อ้ายเหม่ยตาโต มองเพื่อนสาวอย่างประหลาดใจ
“นี่อย่าบอกนะว่าแกทะเลาะกับดราก้อนน่ะ มันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาเดี๋ยวนี้”
“เห็นไหม ไม่ทันไร แกก็เข้าข้างเข้าแล้ว พูดถึงผู้ชายเข้าหน่อยทำเป็นเสียงอ่อนหวาน”
นอกจากดราก้อนจะเป็นขวัญใจของสาวๆ ทั่วเกาะฮ่องกงแล้ว เขายังเป็นศิลปินในดวงใจของอ้ายเหม่ยอีกด้วย เพื่อนสาวคลั่งไคล้ถึงขั้นซื้อสินค้าที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ทุกอย่าง แถมในห้องนอนยังมีรูปชายหนุ่มแปะอยู่เต็ม ตอนที่รู้ว่าหยางอิงได้ทำโพรเจกต์คู่กับดราก้อน อ้ายเหม่ยกรี๊ดหนักมากแถมยังฝากให้หล่อนขอลายเซ็นมาให้ด้วย
“แหมๆ ฉันเปล่าสักหน่อย ว่าแต่แกกับดราก้อนมีเรื่องอะไรกันหรือ”
“ก็เขาทำตัวงี่เง่าน่ะสิ ฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุด”
หยางอิงเม้มปากแน่น ภาพความใกล้ชิดผุดขึ้นมาอีกครั้ง น่าแปลกที่มันมีความรู้สึกร้อนวูบตามตัวผุดขึ้นมาด้วย ทำไมหล่อนต้องหวั่นไหวกับชายหนุ่มด้วย แค่หลับตาสมองก็เห็นภาพใบหน้าคมสัน พร้อมกับนัยน์ตาคมกริบคู่นั้นอยู่เรื่อย แม้จะสั่งตัวเองว่าไม่ให้สนใจแต่หยางอิงกลับคิดถึงเหตุการณ์นั้นอยู่เรื่อย
“เขาทำตัวแบบไหนหรือ” อ้ายเหม่ยยื่นหน้ามาถามแบบสงสัย
“เขาก็ เอ่อ”
แค่หลับตาหยางอิงริมฝีปากหยักลึกก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าแถมยังใกล้เข้ามาทุกขณะ เนื้อตัวราวกับมีประจุไฟฟ้าวิ่งพล่านอยู่ทั่วร่าง น่าอายเหลือเกินที่หล่อนกลับอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหากเขาไม่หยุดเสียก่อน แก้มนวลแดงระเรื่อเมื่อคิดถึงภาพอันวาบหวิวและพลอยทำให้การเล่าหยุดชะงักไปด้วย
“ว่าไง”
หยางอิงสั่นศีรษะ
“ไม่เอา ฉันไม่อยากพูดถึงเขาอีก เรารีบจ่ายเงินแล้วก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
หญิงสาววางการ์ดลงไปบนเคาน์เตอร์และกดกริ่งเรียกพนักงานอีกครั้ง อ้ายเหม่ยยื้อแขนเอาไว้ มองอย่างไม่เข้าใจ
“แกจะมาเล่าค้างๆ คาๆ แบบนี้ไม่ได้นะ ไหนบอกว่าเขาทำตัวงี่เง่า งี่เง่าอะไร และงี่เง่าแบบไหนฉันอยากรู้”
“ก็เขาดูถูกฉันน่ะสิ เอะอะก็หาว่าฉันเด็กบ้างละ ฉันใช้อิทธิพลของพ่อรังแกคนอื่นบ้างละ ทุเรศที่สุด ตัวเองทำตัวแย่เองต่างหาก”
อ้ายเหม่ยนิ่ง มองหน้าเพื่อนสาว หยางอิงชะงัก
“นี่อย่าบอกนะว่าแกเองก็คิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้น”
“เปล่าน่า ฉันเป็นเพื่อนสนิทแก ทำไมจะไม่รู้ว่าแกเป็นคนยังไง แต่เรื่องของพ่อแก ฉันก็พอเข้าใจได้อยู่”
“แต่ฉันไม่เคยขอให้พ่อช่วย อย่างครั้งนี้ก็เหมือนกัน ฉันบอกให้พ่อยกเลิกคำสั่งทุกอย่าง เพื่อที่ฉันจะได้พิสูจน์ตัวเองอย่างยุติธรรม ฉันจะทำให้คนอื่นยอมรับฉันให้ได้”
“ฉันเอาใจช่วยนะ ฉันรู้ว่าแกตั้งใจกับโพรเจกต์นี้มาก ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ไม่ต้องไปหวั่นไหว”
“แน่นอน เพราะมันคือสิ่งที่ฉันฝันมาตลอดชีวิต ฉันต้องเป็นนักร้องหญิงแนวหน้าของฮ่องกงให้ได้”
“ฉันรู้ว่าแกทำได้ ฉันเชื่อมั่นใจตัวแกนะ”
อ้ายเหม่ยโอบบ่าเพื่อนรัก พนักงานสาวนำการ์ดมาให้เซ็นต์ พร้อมกับนำสินค้าทั้งหมดใส่ถุง หยางอิงกับอ้ายเหม่ยช่วยกันถือ
“เราจะไปไหนกันต่อดี”
“เราไปหาที่นั่งกินไอติมกันดีกว่าฉันเมื่อยแล้ว อย่าเข้าร้านชอปปิงอีกเลย แค่นี้ก็ถือไม่ไหวแล้ว”
“ก็ได้ ตามนั้น”
สองสาวเดินออกจากร้าน อ้ายเหม่ยหันมาถาม
“วันเสาร์นี้แกจะไปงานวัดเกิดของลิลลี่หรือเปล่า”
ลิลลี่คือลูกสาวนายธนาคารซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับหยางอิง แม้จะเรียกว่าเป็นเพื่อน แต่นิสัยต่างกัน ที่ผ่านมาหยางอิงจำเป็นต้องคบกับเพื่อนกลุ่มนี้เพราะคำสั่งของพ่อ ในบรรดาลูกคนรวยด้วยกัน มีแค่อ้ายเหม่ยที่นิสัยถูกคอ บิดาของอ้ายเหม่ยเป็นทนายความที่เก่งกาจ ที่ผ่านมาเหวินลู่ชิงก็หลุดพ้นคดีจากฝีมือของบิดาอ้ายเหม่ยนั่นเอง
“จะถึงแล้วหรือ ทำไมเร็วจัง”
“ใช่ จัดที่บ้านตากอากาศบนเขา แค่คิดฉันก็ขี้เกียจแล้ว”
“แต่ขืนไม่ไป มีหวังยายลิลลี่แขวะไม่เลิกแล้วหาเรื่องดรามาอีกตามเคย”
ตอนวันเกิดหยางอิงที่ผ่านมา หญิงสาวเลือกจะฉลองสองคนกับอ้ายเหม่ย ลิลลี่น้อยใจมาก ส่งข้อความมาตัดพ้อชุดใหญ่
“ฉันถึงได้ลังเล แต่ถ้าแกไป ฉันก็ไป จะได้มีเพื่อนคุย”
“ก็ได้ ไหนๆ ก็เลี่ยงไม่ได้แล้วนี่ งั้นเราไปเจอที่บ้านลิลลี่สักทุ่มหนึ่งแล้วกัน และพอสามทุ่มก็บอกว่าติดธุระ ฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นั่นนาน ขี้เกียจฟังหล่อนอวดนู่นนี่ น่ารำคาญ”
“แกเตรียมของขวัญให้ลิลลี่หรือยัง”
“ยังเลย แต่ไม่มีปัญหาหรอก เอาของที่เราชอปปิงวันนี้ให้ไปสักชิ้นก็สิ้นเรื่อง ยายลิลลี่บ้าของแบรนด์ รับรองยิ้มจนปากถึงหูแน่นอน”
ชายหนุ่มจอดรถที่หน้าบ้านแห่งหนึ่ง มองเผินๆ จะคิดว่าเป็นบ้านตากอากาศธรรมดา มีเพียงเขาที่รู้ว่าคือบ้านอีกหลังของเฉินห่าว ดราก้อนเคยมาหลายครั้งตอนที่เฉินห่าวชวนให้มาฝึกศิลปะป้องกันตัว ด้านหลังบ้านมีลานกว้างพร้อมเป้าไว้สำหรับซ้อมยิงปืน เนื่องจากบ้านตั้งอยู่บนภูเขาสูงจึงค่อนข้างสันโดษ
ชายหนุ่มมองจากด้านนอกรั้วเข้าไปและพบว่าภายในบ้านเงียบไม่มีการเคลื่อนไหว เขาจอดรถห่างจากบ้านไปเกือบหนึ่งกิโล หลังจากดูจนแน่ใจว่าไม่มีใคร ชายหนุ่มจึงตัดสินใจปีนรั้ว ร่างสูงกระโดดลงในสนาม ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มแห้ง เฉินห่าวคงไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว จึงไม่มีเวลาดูแลให้เขียวชอุ่มเหมือนเดิม ชายหนุ่มเดินเร็วๆ เข้าไปที่หน้าต่างชะโงกหน้าเข้าไป แต่ก็พบว่าภายในปิดไฟมืด ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว รอบบริเวณจึงค่อนข้างเงียบ
เขาเดินไปที่ประตูหลังเพื่อหาทางเข้า แต่ตอนที่ไปถึงนั่นเอง ดราก้อนก็สังเกตว่าประตูเปิดอ้าอยู่
“อาจารย์มาที่นี่งั้นหรือ”
ไวเท่าความคิด ดราก้อนย่อตัวลง เขามองการเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง คนที่ออกมาไม่ใช่เฉินห่าวแต่เป็นชายฉกรรจ์สองคนที่สวมหมวกปิดบังใบหน้า ดราก้อนไม่ต้องการปะทะกับใครในตอนนี้ เท่าที่เขาแอบมาตามเฉินห่าวถึงที่นี่ก็นับว่าเสี่ยงมากพอแล้ว เขารีบหลบและมองพวกมันปีนออกไปทางรั้วอีกทาง เพียงไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็แล่นห่างตัวบ้านออกไป โชคดีที่ดราก้อนจอดรถไว้อีกฝั่ง พวกมันจึงไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ ชายหนุ่มรอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน
บ้านพักมืดสนิท ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายส่องเข้าไปด้านในให้เห็นทาง ด้วยความรอบคอบเขาจึงสวมถุงมือเอาไว้ด้วย ดราก้อนมองเข้าไปในบ้านและก็พบว่าข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย พวกคนร้ายคงต้องการหาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ของมีค่า สังเกตจากโทรทัศน์ และเครื่องเสียงยังคงวางอยู่
ดราก้อนเดินเข้าไปในห้องรับแขกพบว่ามีสภาพไม่แตกต่างกัน โซฟาถูกรื้อและกรีดออกจนฟองน้ำด้านในตกอยู่เกลื่อนพื้น เขาตัดสินใจขึ้นไปชั้นบนซึ่งจำได้ว่าเป็นห้องนอน สภาพของห้องเละเทะกว่าด้านล่าง ตู้ล้มลงกับพื้น ข้าวของกระจัดกระจายอยู่เต็ม พวกมันคงมาถึงก่อนหน้าเขาสักพักแล้ว และดูจากท่าทางน่าจะไม่พบสิ่งที่ต้องการ
ชายหนุ่มย่อตัวลงใช้ไฟฉายส่องไปที่พื้น เขาเดาว่าเฉินห่าวน่าจะเก็บของสำคัญเอาไว้ที่นี่ แต่อาจารย์ผู้ชาญฉลาดของเขาเก็บของไว้ที่ไหนกันนะ ดราก้อนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนเพดานพบว่าฝ้าถูกเปิด ภายในว่างเปล่า
ถ้าไม่ใช่บนฝ้า บางทีอาจจะเป็นบนพื้น เขาก้มตัวลงมองใต้เตียงและก็พบว่าว่างเปล่า แต่แล้วพลันนึกได้ ชายหนุ่มใช้มือผลักเตียงไปด้านข้าง และใช้มือเคาะไปบนแผ่นไม้ใต้เตียงทีละแผ่น หูก็เงี่ยฟัง เสียงตรงหัวเตียงต่างจากพื้นที่อื่นๆ ดราก้อนจึงผลักเตียงให้พ้นจากขอบของแผ่นไม้ เขาใช้มีดพกที่เหน็บอยู่ที่เอวงัดลงไปในช่องระหว่างแผ่นไม้ ขอบด้านหนึ่งกระเด้งออกเผยให้เห็นช่องที่ซ่อนอยู่
“เห็นไหมว่าผมเก่ง แค่นี้ก็เดาได้แล้วว่าคุณซ่อนของเอาไว้ที่ไหน”
ดราก้อนยิ้มอย่างย่ามใจ เขาเปิดแผ่นไม้ออกและก็พบกล่องไม้ใบหนึ่งซ่อนอยู่ด้านใต้ ชายหนุ่มใช้มีดงัดฝาให้เปิดออก ภายในมีแฟ้มเอกสารอยู่ เขากำลังจะเปิดอ่าน แต่แล้วเสียงรถที่แล่นมาหน้าบ้านก็ทำให้ชายหนุ่มชะงัก เขามองออกไปนอกหน้าต่างและก็พบว่าคือรถตำรวจ ชายหนุ่มรีบเก็บแฟ้มเอกสารใส่เป้ด้านหลัง เขาเดินลงบันไดเร็วๆ หวังว่าตำรวจคงใช้เวลากับประตูหน้าไม่ได้เลือกที่จะปีนเข้าบ้านอย่างเขา และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อดราก้อนไปถึงประตูหลัง ตำรวจก็เพิ่งจะเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามา ชายหนุ่มมองไปด้านหลังพบว่ารั้วเหล็กด้านหลังมีช่อง เขาตัดสินใจลอดออกไป พื้นที่หลังบ้านเป็นป่าค่อนข้างทึบแถมยังไม่มีบ้านคน
ชายหนุ่มวิ่งเร็วๆ เข้าไปในป่า เขาจำได้ว่าหากเดินไปตามทางนี้อีกหนึ่งกิโลเมตรก็จะพบว่าถนนลูกรังที่เชื่อมต่อกับหน้าบ้าน เฉินห่าวเคยพาเขามาออกกำลังกายที่นี่ ดราก้อนจำทางได้ขึ้นใจ เขากึ่งเดินกึ่งวิ่ง หวังว่าความเร็วของเขาจะพอไปถึงที่ก่อนตำรวจจะมาพบรถที่จอดแอบอยู่ห่างออกไป
เสียงอุปกรณ์นำทางด้านหน้ารถเตือนเมื่อรถแล่นเข้ามาถึงถนนลูกรัง หยางอิงเบรกรถกะทันหันทุบมือลงกับพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด กว่าชั่วโมงมาแล้วที่หญิงสาววนเวียนเข้าออกถนนละแวกนี้ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเจอกับบ้านของลิลลี่ โชคร้ายก็คือแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือกำลังจะหมดแถมหล่อนยังลืมเอาสายชาร์จมาอีกด้วย
หญิงสาวกลั้นใจส่งข้อความไปหาอ้ายเหม่ยแต่เพื่อนสาวยังไม่ได้อ่าน หยางอิงตัดสินใจวนรถออกมายังถนนใหญ่ตามเดิม พื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขา เนื่องจากบ้านของลิลลี่นั้นเป็นบ้านพักตากอากาศ ปกติเวลาออกจากบ้านหยางอิงจะมีคนขับรถ แต่วันนี้คนขับเกิดท้องเสียระหว่างรอให้คนอื่นมาเปลี่ยน หยางอิงกลัวไม่ทันนัด จึงใจร้อนขับรถออกมาก่อนโดยไม่รอ
“ไหนบอกว่าต้องเลี้ยวเข้าถนนนี้ แล้วทำไมถึงหาไม่เจอ”
รอบตัวเริ่มมืดลงเพราะเป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้ว แถมไฟสองข้างทางก็เป็นไฟดวงเล็กที่ค่อนข้างมืด หยางอิงกดพิกัดในจีพีเอสอีกครั้ง แต่คราวนี้เครื่องยนต์กลับกระตุกอย่างแรงก่อนจะแน่นิ่งไป หยางอิงตกใจสุดขีด มองหน้าจอ
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่ารถมาเสียตอนนี้ แบตก็ใกล้จะหมด”
หล่อนพยายามสตาร์ตเครื่องอีกครั้งแต่ก็ไร้ผล เสียงไดร์ชาร์จดังซ้ำๆ แต่เครื่องยังคงนิ่งสนิท หญิงสาวสบถในใจ หล่อนตัดสินใจเปิดหน้ากระโปรงรถดูแต่สิ่งที่เห็นคือเครื่องยนต์ที่ดูคล้ายกันไปหมด หยางอิงไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์เลยสักนิดจึงไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นตรงไหนรถถึงจะสตาร์ตได้อีกครั้ง หล่อนรีบโทร. หาคนขับรถแต่สายเรียกได้แค่ครั้งเดียว หน้าจอก็ดับวูบไปทันที
“จะมาหมดอะไรตอนนี้ล่ะ โธ่ แล้วจะทำยังไง”
หญิงสาวล็อกรถและเดินออกไปยังถนนใหญ่ ใช้เวลาเกือบสิบนาทีก็พบถนนเส้นเลียบริมหน้าผา รอบกายเงียบสงัด ไม่มีรถผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียว สองข้างทางมีเพียงไฟถนนซึ่งเป็นแสงสีเหลืองนวลมองเห็นเพียงถนนตรงหน้า อุณหภูมิที่ลดต่ำลงทำให้หยางอิงห่อไหล่เพื่อไหล่ไล่ความหนาว ต้องโทษชุดแส็กสั้นสายเดี่ยวยี่ห้อที่เนื้อผ้าบางเบาเสียเหลือเกิน ใครจะคิดว่าจู่ๆ หล่อนจะต้องมาเดินตากลมบนภูเขาแบบนี้
หยางอิงฝืนเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ หวังว่าจะมีรถราผ่านไปมาบ้าง แต่โชคร้ายที่ถนนเงียบสงัด หล่อนเดินอยู่ประมาณสิบห้านาทีก็พบว่ามีไฟสว่างขึ้นสุดปลายถนน หญิงสาวคลี่ยิ้มด้วยความดีใจกำลังจะโบกรถแต่หูได้ยินเสียงเพลงดังเฮวีเมทัลดังกระหึ่มมาเข้าหู หยางอิงเห็นท่าไม่ดี สัญชาตญาณบอกให้หลบหลังต้นไม้ริมทางมองรถที่แล่นผ่าน
เสียงร้องรำทำเพลงมาจากวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง กลิ่นบุหรี่โชยมาตามสายลม คนในรถมีด้วยกันห้าคนเป็นชายสี่หญิงหนึ่ง ท่าทางเมามาย หญิงสาวย่อตัวนิ่งไม่กล้าโบกรถอีก หล่อนรับรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัยช่างน่าเสียดายที่ต้องปล่อยให้รถคันแรกให้ผ่านไป
หลังจากเสียงดนตรีห่างออกไปเรื่อยๆ หยางอิงเดินต่อ หล่อนไม่มีตัวช่วยอื่นๆ ได้แต่หวังว่าเดินไปแล้วจะพบบ้านคนหรือรถแล่นผ่านมาบ้าง หลังจากเดินต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง ความหวังก็เรืองรองอีกครั้งเมื่อเห็นแสงไฟจากสุดปลายถนนอีกฝั่งคราวนี้หยางอิงไม่ประมาท หล่อนยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ รอจนรถผ่านมาเป็นรถเปิดประทุน คนขับเป็นชายสองคนสวมเสื้อหนังสีดำทั้งคู่ หญิงสาวลังเลว่าจะโบกรถดีหรือไม่ แต่พวกมันตาไวมากหันมาเห็นหล่อนเข้าเสียก่อน หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น
“เฮ้ย นั่นผู้หญิงนี่หว่า จอดๆ ฉุดขึ้นรถไปด้วยกันเลย”
หยางอิงมือเย็นเฉียบ สองคนนั้นคงไม่พาหล่อนไปที่บ้านลิลลี่แน่ หญิงสาววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต รถคันเดิมเลี้ยวกลับรถมาอย่างรวดเร็วเพื่อไล่กวดหล่อน เสียงผิวปากพร้อมหัวเราะไล่หลังทำให้หยางอิงเหงื่อแตกพลั่ก หล่อนวิ่งไปข้างหน้าเท่าที่ขาสองข้างจะเร็วได้ สมองมีแต่ภาพตัวเองตอนถูกพวกมันทำร้ายผุดขึ้นมาไม่หยุด ในตอนนั้นเองแสงไฟจากปลายถนนก็สว่างขึ้นอีกครั้ง รถแล่นผ่านมาพอดี หยางอิงไม่มีทางเลือก จึงรีบโบกมือ เนื่องจากรถนั้นแล่นมาด้วยความเร็วสูงจึงไม่ได้มีท่าทีว่าจะชะลอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวตัดสินใจในเสี้ยววินาที
หล่อนยังไม่อยากถูกพวกเดนนรกลากขึ้นรถ ทางเดียวก็คือกระโดดลงไปกลางถนนเพื่อขวางกลางถนน หญิงสาวหลับตาปี๋ยืนอึ้งเมื่อไฟสว่างจ้าจากหน้ารถส่องเข้าตา ก่อนที่เสียงห้ามล้อดังสนั่น รถคันเดิมจอดสนิทห่างจากหล่อนไม่ถึงคืบ
“คุณๆ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
หยางอิงเพิ่งเห็นว่าหล่อนคู้ตัวอยู่กับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบไฟจากรถคันเดิมส่องมาเข้าตา มือเรียวของใครบางคนค่อยๆ พยุงหล่อนขึ้น สายตาค่อยๆ ปรับรับกับแสงจนเห็นเจ้าของมือชัดๆ
“นาย”
“เฮ้ย ยายเดวิล มาทำอะไรที่นี่”
สรรพนามที่มีแต่เขาคนเดียวที่เรียกทำให้หยางอิงสะบัดมือออกทันควัน โต้กลับไปว่า
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่านายมาทำอะไรที่นี่ แถมยังขับรถเสียเร็วจี๋ๆ ไม่เห็นคนหรือไง”
หยางอิงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกโล่งใจแค่ไหนที่เห็นดราก้อน แต่ด้วยทิฐิทำให้ไม่ยอมพูดดีด้วย ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกือบจะชนหล่อนเสียแล้ว
“เออ ดีนะ ฉันอุตส่าห์เบรกตัวโก่ง แต่เธอดันมาต่อว่าฉอดๆ ถามหน่อยเถอะ นี่มันถนนนะแม่คุณ ใครใช้ให้มายืนขวางรถแบบนี้ล่ะเดี๋ยวก็กลายเป็นผีเฝ้าภูเขาไปเสียหรอก”
“นายนั่นละที่ขับรถเร็วเกินพิกัด พื้นที่ตรงนี้ชันจะตาย นายต้องขับด้วยความระมัดระวังถึงจะถูก”
“นี่จะบอกให้เอาบุญนะ ถนนแถวนี้ฉันขับมาจนปรุแล้ว อีกอย่างนี่มันก็กลางค่ำกลางคืน คิดยังไงถึงได้ใส่ชุดล่อเสือล่อตะเข้ออกมาเดินข้างถนน อยากถูกฉุดหรือไง”
สายตาที่กวาดมองลงต่ำทำให้หยางอิงต้องก้มลงมองตาม พอเห็นคอชุดตนที่เว้าต่ำก็รีบยกมือขึ้นปิด ต้องโทษอุบัติเหตุเมื่อครู่ทำให้สายเดี่ยวข้างหนึ่งร่วงลงจากไหล่ คอชุดที่เดิมกว้างอยู่แล้วจึงร่นลงมาอีกเผยให้เห็นเนินอกนวลเนียน
“ไอ้คนบ้า คนลามก ห้ามดูนะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากดูนักหรอก แต่เธออุตริ นุ่งสั้น เปิดบนเว้าล่าง ดูสิเข่าเลือดออกแล้วเห็นไหม”
หยางอิงก้มมองตามและพบว่าตรงหัวเข่ามีเลือดซึมออกมา ดราก้อนถอดเสื้อหนังตัวนอกส่งให้
“ใส่ซะ จะได้ไม่อุจาดตา แล้วก็รอแป๊บเดียว ฉันไปเอาปลาสเตอร์ยาในรถมาให้”
ชายหนุ่มเดินไปที่รถฝั่งคนขับและเอื้อมมือไปหยิบปลาสเตอร์ยาในคอนโซลหน้าส่งให้ หยางอิงหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ
“จะเอาหรือไม่เอาบอกมา ทำหน้างอเป็นจวักน่ารำคาญ”
“เอาก็ได้” หยางอิงปิดปลาสเตอร์ที่เข่า โดยมีดราก้อนมองตาม เขาสอดส่ายสายตามองหารถคันอื่น
“แล้วนี่คนขับรถกับบรรดาบอดีการ์ดเธอหายไปไหนหมดทำไมปล่อยให้คุณหนูไฮโซอย่างเธอมาเดินดุ่มๆ แถวนี้”
“ฉันมาคนเดียว รถเสีย จอดทิ้งไว้ตรงนู้น”
“มือถือไม่มีหรือไง ทำไมไม่รู้จักโทร. หาคนช่วย”
“แบตหมด เครื่องเพิ่งดับไปเมื่อไม่นานนี้เอง”
“เออ เจริญล่ะ อย่าบอกนะว่าคิดจะโบกรถด้วยชุดนี้” ดราก้อนโคลงหัวอย่างรำคาญ สายตาตำหนิ หยางอิงหน้าบึ้ง เม้มปากแน่น
“เลิกบ่นเรื่องชุดฉันเสียทีได้ไหม ไม่เห็นโป๊ตรงไหน”
“เปิดหน้าเว้าหลัง คว้านลึกอย่างนี้เนี่ยนะไม่โป๊ ฉันไม่เข้าใจเลย พ่อเธอรึก็หวงลูกสาวอย่างกับจงอางหวงไข่ แต่ทำไมยอมให้ลูกสาวแต่งตัวเหมือนสาวบาร์แบบนี้”
“นี่ นาย” หยางอิงโกรธจนตัวสั่น กี่ครั้งแล้วที่ดราก้อนชอบพูดประชดประชันหล่อน ทั้งๆ ที่หยางอิงไม่ได้ตั้งใจ หล่อนใส่ชุดนี้ก็เพราะมีงานปาร์ตี้วันเกิดกับเพื่อนๆ แต่ใครจะนึกว่ารถจะเสีย ใครจะคิดว่าหล่อนจะต้องเดินตากอากาศหนาวยามค่ำคืนแบบนี้ แถมหล่อนเกือบจะตกเป็นเหยื่อพวกวัยรุ่นคึกคะนองและชายฉกรรจ์ แต่ดราก้อนเอาแต่ค่อนแคะไม่ได้หยุด
“ทำไม ฉันพูดจี้ใจดำหรือไง คนอย่างเธอ” เขากำลังจะพูด แต่หยางอิงจ้องหน้าตาวาว น้ำตาร้อนๆ คลออยู่ขอบตาทำให้ชายหนุ่มชะงัก น่าแปลกที่คราวนี้หยางอิงไม่โต้ตอบแต่กลับร้องไห้แทน
“คนอย่างฉันทำไม นาย นายมัน ไอ้คนแล้งน้ำใจ”
น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงมาอาบแก้ม ตามด้วยหยดที่สอง หยางอิงไม่ได้อยากแสดงความอ่อนแอให้เห็นแต่เพราะหล่อนกลัว หากดราก้อนไม่ผ่านมาบางทีหล่อนอาจจะไปลงเอยที่โรงแรมม่านรูดที่ไหนสักแห่งแล้วก็ได้
“เฮ้ย ร้องไห้เลยหรือ ฉันก็แค่”
หยางอิงสะอื้น น้ำตาล้นทะลักอาบสองแก้มเป็นทาง ดราก้อนที่หัวไหล่ของหญิงสาวให้หันมาหา
“เฮ้ๆๆ ใจเย็นก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอโทษ”
“ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อยฉัน”
หญิงสาวสะบัดตัวออกแต่ชายหนุ่มก็ตามไปดึงหล่อนเข้ามาในอ้อมกอด หยางอิงดิ้นเมื่อเขาพยายามกดศีรษะหล่อนให้ชิดกับหน้าอก ความอบอุ่นทำให้หญิงสาวเผลอซบหน้าลงแต่แล้วน้ำตาก็พลันไหลทะลักออกมาอีก ดราก้อนเชยคางหล่อนขึ้น
“หยุดร้องไห้เถอะ ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาใคร”
“ก็ใครใช้ให้นายปากเสียล่ะ เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็ว่าคิดว่าฉันไม่มีหัวใจหรือไง”
“ฉันขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะ”
หยางอิงสะอื้นใช้มือปาดน้ำตาออกไป ในวินาทีที่สบตากันนั่นเอง จู่ๆ รอบกายก็พลันเงียบสงัด ตาประสานตา หญิงสาวรู้สึกได้ถึงบางอย่าง เมื่อมือที่เชยคางเปลี่ยนเป็นประคองรอบคอพร้อมกับใบหน้าคมสันที่โน้มต่ำลงมา
เสียงหวานๆ กำลังจะเอ่ยห้ามแต่ช้าเกินไปเสียแล้ว เมื่อริมฝีปากหยักลึกประทับจนแนบสนิท แรกทีเดียวแค่ประกบปากก่อนที่อีกฝ่ายจะบดเคล้าและเพิ่มความลึกซึ้งในจูบนั้นให้มากยิ่งขึ้น หยางอิงหูอื้อตาลาย เสียงครางที่ดังข้างหูต้องไม่ใช่ของหล่อน ใจบอกให้ขัดขืนแต่ทำไมแข้งขาถึงได้อ่อนปวกเปียกราวกับขี้ผึ้งเหลวเสียอย่างนั้น แถมริมฝีปากยังเผยอยอมให้อีกฝ่ายใช้ปลายลิ้นดุนดันรุกล้ำเข้ามา
มือที่ประคองต้นคอรั้งให้ร่างบางเข้าไปแนบชิด หยางอิงเผลอยกมือโอบรอบคออีกฝ่าย ความเร่าร้อนเข้าเล่นงานจนหูอื้ออึง สมองพร่าพรายเมื่อชายหนุ่มสอนให้รู้จักจูบอันดูดดื่มที่เรียกว่าเฟรนช์คิส เวลาช่างนานเหมือนชั่วกัลป์ชั่วกัลป์ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าชายหนุ่มจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาของเขาพราวระยับไม่ได้แฝงความขี้เล่นเหมือนอย่างเคยแต่มันกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงทุ้มต่ำกระซิบ
“เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า รู้ตัวบ้างไหม”
หยางอิงเรียกสติกลับทันที หล่อนทำอะไรลงไป ผีห่าซาตานตนไหนดลใจให้ปล่อยตัวปล่อยใจให้ดราก้อนขนาดนี้ หล่อนอายจนแทบจะมุดดินหนี หญิงสาวต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้แค้น ดราก้อนขโมยจูบแรกจากหล่อน ไม่ใช่สิ หลายๆ จูบในคราวเดียวเลยด้วย หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก นึกถึงสิ่งที่ครูสอนศิลปะป้องกันตัวเคยสอนหล่อน ใช่ หล่อนต้องกู้ศักดิ์ศรีคืนมา
“นายชอบใช่ไหมล่ะ”
หยางอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดราก้อนเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง สีหน้าเขาเจือด้วยความสับสนก่อนที่หยางอิงจะเล่นทีเผลอ ยกเข่ากระแทกเข้ากึ่งกลางลำตัวชายหนุ่มเข้าอย่างจัง ดราก้อนทรุดฮวบลงมือกุมกึ่งกลางลำตัวด้วยความเจ็บปวด นัยน์ตาสองข้างพร่าพรายเหมือนเห็นดาว เขาสั่นศีรษะไล่ความมึนงง เมื่อเงยหน้าก็เห็นว่าหญิงสาวเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว รถสปอร์ตกระชากตัวออกไป เจ้าตัวยื่นมือออกมานอกหน้าต่างและชูนิ้วกลางให้
“โธ่โว้ย”
ชายหนุ่มสบถ สิ่งที่เห็นสุดปลายสายตาคือรถของตัวเองที่แล่นห่างออกไป
ความคิดเห็น |
---|