4

คนที่เปลี่ยนไป


4

คนที่เปลี่ยนไป

 

ตลอดทางที่ขับรถเบนซ์คันเก่ากลับมาถึงบ้าน จิตใจของกินรินยังเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่านนับตั้งแต่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด

จิรสิน คนที่จองรถเบนซ์รุ่นล่าสุดในงานมอเตอร์โชว์เป็นลูกชายของป้าพรไปได้อย่างไร มาถึงตอนนี้หล่อนก็ยังแทบไม่อยากเชื่อ

วันนั้นเพื่อนๆ ที่มาออกงานด้วยกันต่างก็เดากันว่า เขาน่าจะเป็นลูกครึ่งฝรั่ง หรือไม่ก็เป็นหนุ่มไฮโซสักคนที่ไปอยู่เมืองนอกมานานจนพูดไทยไม่ค่อยชัด เพราะปลายเสียงออกสำเนียงฝรั่งให้ได้ยินแทบทุกคำ แต่เสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เขาเป็นลูกครึ่งเพราะมีเค้าหน้าฝรั่ง ดูยังไงก็ไม่ใช่คนไทยแท้แน่ๆ

แต่วันนี้หล่อนได้คำตอบแล้วว่าเขาไม่ใช่ลูกครึ่งฝรั่ง เพราะสามีป้าพรที่เสียชีวิตไปไม่ใช่ฝรั่งแน่นอน แต่ทำไมหน้าตาเขาถึงดูไม่ค่อยเหมือนคนไทยนัก นอกจากผิวสีแทนอ่อนๆ เท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นคนไทย

แล้วที่หล่อนกำลังรู้สึกสับสนไม่ใช่เพราะเรื่องหน้าตาของเขา แต่เป็นเรื่องที่เขามีท่าทีแปลกๆ ดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่สุดท้ายกลับมาชวนให้ไปเป็นเลขาฯ ส่วนตัว

‘แล้วใครจะกล้าไปทำงานด้วยล่ะ!’

“ป้าพรเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง” พิมพาถามลูกสาวทันทีที่เห็นหน้า

นอกจากกินรินแล้ว ในบ้านญานันทรก็ยังมีพิมพาอีกคนที่ไม่รังเกียจจรัสพร แถมยังรู้สึกสงสารเสียด้วยซ้ำกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พิมพาเป็นเพียงสะใภ้จึงไม่มีอารมณ์ร่วมเรื่องที่จรัสพรเคยหนีออกไปแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ แต่ก็แสดงความเห็นใจอีกฝ่ายมากนักไม่ได้ เพราะเกรงใจคนอื่นๆ จึงทำได้แค่แอบแวะเวียนไปดูแลและทักทายกันบ้างเท่าที่พอมีโอกาส

“ดีขึ้นมากเลยค่ะ ได้รักษาในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในกรุงเทพฯ ยังไงก็ต้องหายแน่ๆ”

“อย่าเสียงดังไปลูก” ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาแตะแขนลูกสาว “ไปคุยกันในห้องดีกว่า เอาของวางไว้ตรงนี้ก่อน”

“ค่ะ” กินรินจึงวางถุงผ้าที่ใส่ปิ่นโตกลับมาไว้บนโต๊ะ แล้วเดินตามแม่ไปที่ห้องนอนของตนเอง

“โรงพยาบาลเอกชนค่ารักษาแพงหูฉี่เลยนะลูก แล้วเด็กสินนั่นมีเงินจ่ายหรือ นี่ป้าพรเข้าโรงพยาบาลมาตั้งกี่วันแล้ว มีหวังหมดตัวกันพอดี”

“ทำไมแม่เรียกเขาอย่างนั้นคะ ตอนนี้เขาไม่เด็กแล้วนะ น่าจะอายุสามสิบกว่าแล้ว”

“ก็แม่ไม่เคยเจอเขาอีกเลยนี่ ตอนที่มารับป้าพรไปโรงพยาบาลก็ไม่ทันได้เจอกัน” พิมพาเพิ่งนึกออกว่าป่านนี้เด็กสินน่าจะโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว

“เขาคงไม่หมดตัวหรอกค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก วันก่อนเขาเพิ่งไปจองรถเบนซ์ในงานราคาตั้งหลายล้าน”

“จริงหรือลูก”

“ค่ะ แต่กระเต็นไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ยังนึกว่าเป็นลูกครึ่งฝรั่ง หน้าตาเขาไม่ค่อยเหมือนคนไทยแท้ๆ เลยค่ะ”

“ถ้าเขารวยจริงๆ ก็ช่างเถอะ แม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวจะเดือดร้อนตอนจะเอาคนป่วยออกจากโรงพยาบาล หลายคนแทบอยากจะฆ่าตัวตายไปเลยกับค่ารักษามหาโหด รักษาตัวหายแล้วแต่ต้องมานั่งใช้หนี้ต่อ”

“คงไม่หรอกค่ะแม่ ท่าทางพี่สินเขามีเงิน แล้วหน้าตาฉลาดออกอย่างนั้นก็คงพอรู้อยู่หรอกว่าโรงพยาบาลเอกชนชาร์จค่ารักษาแพงแค่ไหน” กินรินยืนยันเพื่อให้แม่สบายใจหายห่วงเรื่องนี้

“อ้อ...แล้วตอนนี้สินเขาหน้าตาเหมือนฝรั่งเหรอ สงสัยไปอยู่กับฝรั่งนานหน้าเลยเปลี่ยน”

“ตอนเด็กๆ เขาไม่เหมือนฝรั่งหรือคะ” กินรินถามเพราะไม่เคยเห็นหน้าตาจิรสินตอนเป็นเด็ก

“แม่จำได้ว่าตอนเด็ก ตัวผอมๆ ผิวคล้ำๆ หน่อย แต่ไม่ถึงกับดำเป็นเหนี่ยงหรอกนะ แต่หน้าเข้มกว่าเด็กไทยทั่วไป ได้ยินว่าพ่อเขามีเชื้อแขกทางอาหรับหรือเปอร์เซียอะไรโน่น ทั้งคุณปู่เรากับปู่ใหญ่ถึงได้ไม่ยอมรับ คงรังเกียจว่าเป็นลูกแขก ไม่มีหัวนอนปลายเท้า”

กินรินฟังเรื่องราวด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ทั้งเรื่องที่เขาไม่มีเชื้อฝรั่ง แต่กลับกลายเป็นแขกอาหรับหรือเปอร์เซีย แล้วยังเรื่องที่บรรดาคุณปู่ต่างรังเกียจหลานตัวเองเพราะมีเชื้อสายแขกอยู่ในตัว โดยที่คนรุ่นใหม่อย่างหล่อนแทบไม่รู้สึกอะไรเลยว่าใครจะมีเชื้อชาติไหน เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติปะปนกันจนแทบแยกไม่ออก

“ที่จริงฝรั่งกับแขกขาวก็ดูคล้ายๆ กันอยู่นะ หน้าคมๆ โด่งๆ เหมือนกัน” พิมพาพูดแล้วก็นึกอยากเห็นหน้าลูกชายของจรัสพรสักครั้งว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

“ค่ะ จริงๆ แล้วคนเปอร์เซียหรือแขกขาว หรือพวกชนเผ่าอารยันก็จัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์คอเคเซียนเหมือนกับฝรั่ง บางครั้งก็แทบแยกไม่ออก”

“แต่คนบ้านนี้ไม่ปลื้มนะลูก หนูจะพูดอะไรก็ระวังๆ หน่อย”

“แต่พี่สินดูดีนะคะแม่ ทำไมคุณปู่ใหญ่ยังไม่ชอบใจอีก”

“คนแก่ก็อย่างนี้แหละ ฝังใจอะไรแล้วเปลี่ยนยาก ปู่เราเองก็เหมือนกัน”

“ดูท่าทางพี่สินก็คงไม่ค่อยพอใจพวกเราค่ะ” กินรินรู้สึกอึดอัดจนต้องเล่าให้แม่ฟัง

“เขาพูดไม่ดีกับกระเต็นหรือลูก”

“ก็ไม่เชิงค่ะ แต่ดูระแวงๆ เหมือนกลัวว่าเราจะคิดไม่ดีกับเขา เป็นเพราะเขาเคยโดนมาเยอะตอนเด็กๆ ใช่ไหมคะ” กินรินสรุปตามที่ได้ยินจากผู้เป็นแม่ เพราะก่อนหน้านี้แทบไม่เคยมีใครเอ่ยถึงเรื่องราวของจิรสินมาก่อน

“มันก็นานมาแล้วนะ แม่เองก็เข้ามาอยู่บ้านนี้ทีหลัง รู้แต่ว่าพวกพี่อำไพกับพี่ประภาไม่ค่อยชอบหลานเลยรุมโขกสับกันใหญ่ ก็โดนกันหนักหนาทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ แม่เองเป็นแค่สะใภ้ไม่รู้จะไปช่วยได้ยังไง แล้วมารู้ทีหลังจากพ่อของหนูว่าคุณปู่ทั้งสองคนโกรธมากที่ป้าพรหนีออกไปแต่งงานกับพ่อของสิน พอกลับมาก็จะไม่ยอมให้เข้าบ้าน แต่คุณย่าบ้านโน้นขอร้องให้รับไว้”

“เรื่องแค่นี้เองหรือคะที่ถึงกับต้องโกรธเกลียดกัน พี่สินก็เลยต้องหนีออกไปใช่ไหม”

“ใช่...ตอนนั้นน่าจะสักสิบสามหรือสิบสี่นี่แหละ เด็กผู้ชายกำลังจะย่างเข้าวัยรุ่นทนอยู่แบบนี้ไม่ไหวหรอก ขนาดเด็กบางคนพ่อแม่เลี้ยงอย่างดียังไม่วายเสียผู้เสียคน นี่ดีนะว่าสินเขารักดี พอได้ไปอยู่ที่ดีๆ กับคนดีๆ เลยสร้างตัวจนมีฐานะขึ้นมาได้”

“เขาบอกกระเต็นว่าอยากพาแม่ออกจากบ้านนี้ไปอยู่ด้วยกันค่ะ”

“มันก็น่าอยู่หรอกนะ มาเห็นแม่อยู่บ้านเล็กใกล้กับเรือนคนใช้ แล้วตัวเองรวยขนาดนั้นใครจะรับได้”

“ก็สมควรแล้วที่เขาไม่อยากญาติดีกับ...เรา” กินรินพึมพำเบาๆ

จิรสินคงเหมารวมว่าคนบ้านนี้เคยทำกับเขาไว้อย่างแสนสาหัสจนไม่คิดนับญาติกันอีกเลยก็ว่าได้ แล้วเขามาชวนให้หล่อนไปเป็นเลขาฯ ส่วนตัวทำไมกัน ทั้งที่วางท่าตีหน้าเคร่งใส่ขนาดนั้น

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น