14

ผู้หญิงของผม


 

14

ผู้หญิงของผม

 

จิรสินมาที่บ้านญานันทรในตอนเช้าเพื่อมารับแม่ไปพบแพทย์ตามนัด แต่พอจอดรถก็มีคนตรงรี่เข้ามาหาเสียก่อน

“พี่สิน...” พิสินีเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจที่ได้พบหน้าเขาแบบไม่คิดปิดบังความในใจ

ญาติสาวคนนี้ทำให้เขาอดยิ้มที่มุมปากด้วยความสมเพชไม่ได้ หล่อนก็สวยอยู่หรอกนะ แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ แถมบางครั้งก็ดูน่ารำคาญ “มีอะไรเหรอสินี”

“สินีมีเรื่องอยากคุยกับพี่สินค่ะ”

“ตอนนี้เลยเหรอ”

“พี่สินพอจะมีเวลาไหมคะ”

“ได้สิ” เขายอมเดินตามหญิงสาวเข้าไปในห้องโถงบ้านใหญ่เพื่อฟังว่าหล่อนมีเรื่องอะไรกันแน่ ซึ่งตอนนี้ภายในห้องไม่มีใครอื่น

“สินีได้ยินว่าพี่สินไปไถ่จำนองบ้านน้าทัดออกมาแล้วหรือคะ” หล่อนเข้าเรื่องทันที

“ครับ เรียบร้อยแล้ว”

“แล้วทำไมพี่สินยังไม่เคลียร์ให้บ้านสินี ทั้งที่เราคุยกันมาก่อน”

“ยังไงผมก็ทำตามที่ตกลงกันไว้แน่นอน แต่ขอเวลาอีกหน่อย คงไม่นาน” เขาตอบไปตามแผนที่วางไว้ ไม่ได้คิดบิดพลิ้ว แต่เขาคงไม่ให้พวกบ้านใหญ่ได้อยู่สุขสบายกันแบบง่ายๆ นัก คนพวกนี้ต้องได้รับบทเรียนบางอย่างเผื่อจะสำนึกได้ว่าคนอื่นเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน

“พี่สินเอาเงินไปเคลียร์บ้านโน้นเยอะเลยใช่ไหมคะ ตกลงเท่าไรกันแน่” พิสินียังไม่ยอมจบ ทั้งที่เขาเพิ่งบอกว่าขอเวลาไม่นาน

จิรสินแอบถอนหายใจเบาๆ ด้วยความรำคาญ เพราะรู้สึกว่ากำลังถูกตื๊อ และดูเหมือนหล่อนพยายามจะใช้ความเป็นญาติมาถามหาความช่วยเหลือและเรียกร้องความสนใจ

“สิบสามล้าน แต่ว่า...ผมยังต้องให้เช็คกินรินอีกสองล้านตามที่ตกลงกันไว้”

“ค่าอะไรคะ ก็ในเมื่อน้าทัดติดจำนองแบงก์อยู่แค่สิบสามล้าน หรือว่า...ตกลงซื้อขายบ้านกันที่สิบห้าล้านคะ” พิสินีถามเสียงร้อนรนด้วยความอยากรู้

‘ใช่! เขาบอกว่าต้องเซ็นเช็คให้กินรินอีกสองล้าน ไม่ได้พูดว่าเซ็นให้น้าทัด’

“ผมไม่ได้ซื้อบ้านหลังนั้น ผมไถ่บ้านออกมาให้กินริน แล้วสัญญาว่าจะให้เงินสดอีกสองล้านกับเธอ”

“อะไรนะ!” พิสินีถึงกับอ้าปากค้าง

“นั่นเป็นข้อตกลงระหว่างผมกับกินริน” เขาย้ำเพื่อให้พิสินีรู้ว่าข้อตกลงระหว่างบ้านใหญ่กับบ้านอีกหลังเป็นคนละเรื่อง

“นี่มันข้อตกลงอะไรคะพี่สิน” ดวงตาของพิสินีวาววับขึ้นมาด้วยความโกรธและผิดหวังอย่างปิดไม่มิด

คนที่มองอยู่จึงยิ้มที่มุมปากเพราะรู้ทันว่าหล่อนกำลังต้องการอะไร ซึ่งไม่มีวันที่จะได้สัมผัสหรือเป็นจริงอย่างแน่นอน “คุณคิดว่าผมจะยกบ้านหลังนั้นให้กินริน พร้อมกับเงินสดอีกสองล้านเพื่ออะไรกันล่ะ”

“พี่สินล้อเล่นใช่ไหมคะ” มาถึงตอนนี้หล่อนถึงกับเสียงสั่น

“ผมล้อเล่นเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก”

“พี่สินจะแต่งงานกับเด็กนั่นหรือคะ” พิสินีกัดฟันถามทั้งที่กลัวคำตอบ

ถ้าเขาเลือกนังกระเต็น ก็เท่ากับว่าหล่อนแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ!

“ผมยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน แต่ตอนนี้กินรินเป็นผู้หญิงของผม” เขาตอบไปตามจริง และคิดว่าคนในบ้านญานันทรทุกคนควรรับรู้

ฝ่ายคนที่เพิ่งรู้ความจริงถึงกับอ้าปากค้าง ‘เป็นผู้หญิงของผม ก็แสดงว่านังเด็กนั่นเป็นได้แค่เมียเก็บน่ะสิ!’

แม้จะคิดได้อย่างนั้น แต่พิสินีก็ไม่รู้สึกว่าใจชื้นขึ้นมาสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเมียเก็บหรือเมียแต่ง กินรินก็กวาดไปแล้วตั้งสิบล้าน แล้วยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรตามมาอีก

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ”

“พี่สินจะย้ายมาอยู่กับกระเต็นที่นี่หรือคะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง เพราะไม่เคยมีความคิดเช่นนี้มาก่อน เขาเกลียดบ้านนี้เลยไม่คิดว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่อีกเป็นอันขาด...แต่ฟังดูก็เข้าท่าดี!

 

พิสินีไม่รู้ว่าจิรสินเดินออกไปตั้งแต่เมื่อไร แต่ตนเองยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับถูกไฟสุมใจด้วยความริษยาขุ่นเคือง

กินรินได้ทุกอย่างทั้งบ้านและเงินสดอีกสองล้าน ในขณะที่หล่อนยังไม่รู้ชะตากรรม แล้วหากว่าจิรสินเมตตาซื้อบ้านหลังนี้ไว้ หล่อนก็ได้แค่อยู่ในฐานะผู้อาศัยเท่านั้น คิดแล้วพิสินีก็แทบอยากคลั่งเสียให้ได้ เขาไปยื่นข้อเสนอให้นังเด็กนั่นโดยไม่คิดแม้แต่จะชายตามองมาที่หล่อนเลยด้วยซ้ำ

“กรี๊ด!!!”

ประภาพรวิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยความตกอกตกใจ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของลูกสาว “สินี! เป็นอะไรไปลูก”

“แม่...” พิสินีโผเข้าหาแม่ทันทีพร้อมกับร้องไห้โฮ

ไม่นานนักอำไพกับธนดลก็เดินตามเข้ามาดูเหตุการณ์ “มันเกิดอะไรขึ้น ยายสินีร้องโวยวายทำไม” ธนดลถามคล้ายรำคาญมากกว่าเป็นห่วง ทั้งที่เห็นว่าญาติผู้น้องของตนเองกำลังฟูมฟายราวกับคนอกหักก็ไม่ปาน

ประภาพรประคองลูกสาวมานั่งที่เก้าอี้แล้วจึงเริ่มต้นไถ่ถาม โดยมีอำไพและธนดลนั่งรอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากหญิงสาวเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เพิ่งคุยกับจิรสินให้ทุกคนฟังแล้ว คนที่แทบคลั่งอีกคนก็คือธนดล เพราะกำลังจะถูกจิรสินแย่งกินรินไปต่อหน้าต่อตา

“ไอ้สินมันจงใจสร้างสถานการณ์ทุกอย่างขึ้นมา มันกำลังจะปั่นหัวพวกเรา” ธนดลโวยลั่น

“ดลใจเย็นก่อนได้ไหม” อำไพรีบปรามลูกชายที่กำลังขุ่นแค้น เพราะรู้นิสัยกันดีว่าเวลาไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา ธนดลไม่เคยสนใจใคร แต่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการอันเป็นนิสัยของคนที่ถูกตามใจจนเสียคน และตอนนี้หล่อนไม่เหลืออะไรให้ลูกชายคนเดียวอีกแล้ว

“ผมรักน้องกระเต็น รักมาก่อนมัน แล้วแม่จะให้ผมทำใจยังไง” ธนดลตะโกนใส่หน้าคนเป็นแม่ด้วยท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ว่าได้

“เรื่องแม่กระเต็นเอาไว้ก่อนได้ไหมตาดล มาคิดเรื่องบ้านช่องที่ซุกหัวนอนกันก่อนเถอะ” ประภาพรต้องช่วยปรามอีกคน

“น้าอยากจะคิดอะไรก็คิดไป อย่ามายุ่งกับผม!” ธนดลหันไปตวาดลั่นแบบไม่เกรงใจ

“มันจะมากไปแล้วนะ พูดจาให้มันดีๆ หน่อย”

“ดล...สงบสติก่อนได้ไหม แม่ก็กำลังเครียดเหมือนกันนะ แม่บอกตรงๆ ว่าเรื่องกระเต็นถ้าตัดใจได้ก็ตัดไปเถอะ”

“แม่!” ปกติแม่ไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักเรื่อง

“เชื่อแม่เถอะนะลูก ดูท่าทางมันคงเป็นไปไม่ได้แล้วละ สถานการณ์เราก็แย่พอกับเขา ทางโน้นก็คงต้องเลือกทางที่ดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ได้บ้านไปเป็นชื่อของแม่กระเต็น” อำไพจำต้องอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างตรงไปตรงมา

ธนดลยอมนั่งลงฟัง แต่หน้าตาเหมือนคนใกล้บ้าเข้าไปทุกทีด้วยความผิดหวัง “แต่ผมอยากได้น้องกระเต็น” คนอกหักเริ่มคร่ำครวญ

“วุ้ย! จะอยากได้ไปทำไมอีก ป่านนี้ยังจะมีอะไรเหลือ นายสินไม่พาไปไหนต่อไหนแล้วเหรอ”

“ไม่จริง...ผมไม่เชื่อว่าน้องกระเต็นจะทำอย่างนั้น”

“แม่ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่คนอย่างนายสินคงไม่ยอมเสียเงินสิบกว่าล้านไปฟรีๆ หรอก ดูแต่บ้านเรามันยังจะให้โอนไปเป็นชื่อแม่ของมัน” อำไพว่าอย่างแค้นใจที่จิรสินตั้งแง่ ไม่ยอมช่วยแบบให้เปล่า

“ดูท่าคงเห็นดีเห็นงามกันทั้งบ้าน เพราะหลายวันก่อนที่แม่กระเต็นจะไปไถ่บ้านที่ธนาคาร น้ากับสินีเห็นนั่งรถออกไปกับนายสินตั้งแต่ยังไม่มืด แล้วกลับมาส่งกันอีกทีเกือบห้าทุ่ม”

พิสินีฟังเรื่องเดิมที่รู้อยู่แล้ว แต่คราวนี้กลับรู้สึกเจ็บใจและเสียดายที่ตนเองไม่ได้อะไรเลย

“ไม่น่าเชื่อว่าทัดเทพจะตัดสินใจหาทางออกอย่างนี้ เด็กกระเต็นนั่นก็เหมือนกัน เพิ่งจะรู้จักกับนายสินได้ไม่กี่วันแต่ไปไกลแล้ว” อำไพบอกแล้วยิ้มอย่างเหยียดหยัน เมื่อก่อนหล่อนเคยชื่นชมลูกสาวของทัดเทพ เพราะกินรินหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู แถมกิริยามารยาทเรียบร้อยแบบลูกผู้ดี และเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียนมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าเปรียบกับพิสินีแล้วก็เรียกว่าเทียบกันไม่ติดฝุ่น ด้วยเหตุนี้เมื่อลูกชายคนเดียวเกิดรักใคร่ชอบพอขึ้นมาหล่อนจึงไม่คิดห้าม เพราะเห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า แม่หลานสาวคนสวยและแสนดีกลับยอมทอดกายให้จิรสินง่ายๆ เพราะเห็นแก่เงินและความสุขสบาย

แม้ว่าตนเองจะเป็นคนรักสบายเช่นกัน แต่อำไพก็อดตำหนิคนบ้านโน้นไม่ได้ที่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย ยอมขายลูกสาวกิน!

 

หลังพาแม่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการตามนัด จิรสินขับรถออกจากโรงพยาบาลไปที่ศูนย์การค้าชื่อดังเพื่อรับประทานมื้อกลางวันกับแม่อย่างที่เคยทำ ระหว่างทางเดินไปยังร้านอาหาร ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบในวันนี้

‘กินริน!’

หล่อนอยู่ในร้านเสื้อผ้าสตรีแบรนด์ดังกับหนุ่มหน้ามนคนหนึ่งที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ท่าทางทั้งคู่ดูสนิทสนมเป็นพิเศษและกำลังเดินเลือกดูชุดด้วยกันในร้าน

“แม่สั่งอาหารไปก่อนนะครับ ผมขอตัวไปห้องน้ำ” ชายหนุ่มบอกหลังจากเลื่อนเก้าอี้ให้แม่นั่งเรียบร้อย

เขาคงปล่อยให้สิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้คาใจต่อไปไม่ได้ กินรินบอกว่าช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จก่อนจะย้ายออกมาอยู่กับเขาที่โรงแรมตามสัญญา แถมพอจะนัดเจอกันก็แทบไม่มีเวลาให้เพราะติดงาน แต่วันนี้หล่อนกลับมีเวลามาเดินชอปปิงกับหนุ่มหน้าใสสไตล์เกาหลี ซึ่งจิรสินยังจำได้ที่อภิวัฒน์เคยบอกว่าสาวไทยชอบหนุ่มๆ หน้าตาแนวเกาหลีกันทั้งเมือง นั่นคงหมายรวมถึงกินรินด้วยอีกคน

หรือว่า...เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนรักของหล่อน!

จิรสินรีบก้าวเร็วๆ กลับไปที่ร้านแห่งนั้นอย่างไม่รั้งรอ เขาคงยอมให้หล่อนคบกับใครอีกไม่ได้แน่ในระหว่างที่เป็นผู้หญิงของเขา ส่วนเรื่องในอดีตหรือก่อนหน้านั้น จิรสินไม่ติดใจเพราะสาวอายุยี่สิบสองอย่างกินรินก็คงต้องผ่านเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ มาบ้าง และนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่เคยอยู่ในประเทศตะวันตกมานานถึงยี่สิบเอ็ดปี

“พี่สิน!” กินรินเรียกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านด้วยความแปลกใจ

“วันก่อนเราไม่ได้แวะร้านนี้ ทำไมไม่บอกล่ะว่าอยากซื้อชุดร้านนี้ด้วย” เขาถามด้วยเสียงราบเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ใครเหรอครับ น้องกระเต็น” หนุ่มหน้าใสที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาถามหญิงสาวทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยจากคำพูดของหนุ่มร่างใหญ่ที่เข้ามายืนทำหน้าเคร่ง

“พี่สิน...เป็นญาติของกระเต็นค่ะ” กินรินตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะเหลือบตามองคนตัวโตที่ทำหน้าเหมือนเคืองใครอยู่ในเวลานี้

“เป็นญาติกันหรือครับ” หนุ่มหน้าตาเหมือนพระเอกหนังเกาหลีหันมองคนนั้นทีคนนี้ทีแบบไม่ค่อยแน่ใจ เพราะหน้าตาของทั้งคู่ดูเหมือนจะไปคนละทาง

“ค่ะ พี่ณัช”

ณัชพลเป็นเพื่อนรุ่นพี่คณะเดียวกัน เหตุที่สนิทกันเป็นพิเศษก็เพราะเขาเป็นพี่รหัสของกินริน และยังเป็นทายาทเจ้าของบริษัทจัดงานอีเวนต์ที่กินรินกำลังทำงานด้วย ซึ่งคงจะเป็นงานสุดท้ายแล้ว

กินรินจึงรีบแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน โดยณัชพลเป็นฝ่ายยกมือไหว้ก่อนตามมารยาท เพราะอายุน้อยกว่า

“ถ้าคุณอยากได้อะไรอีก ทำไมไม่บอกผม” จิรสินรับไหว้พี่รหัสของหญิงสาวแล้วจึงหันมาถามหน้าตาเอาเรื่อง

“เอ่อ...กระเต็น...” กินรินหน้าเสียและพูดไม่ออก

แม้จะสนิทสนมกับณัชพลมานาน แต่หล่อนคงไม่กล้าเล่าเรื่องระหว่างตนเองกับญาติหนุ่มหน้าเข้มให้เขาฟังแน่ๆ ซึ่งกินรินตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

“ปกติคุณสินพากระเต็นไปซื้อของด้วยหรือครับ” ณัชพลอดถามไม่ได้ เพราะเริ่มรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของชายหนุ่มวัยสามสิบกว่าที่มีต่อญาติสาว

“ใช่...เพิ่งซื้อไปเมื่อวันก่อนนี่เอง หอบกลับบ้านแทบไม่ไหว เลยไม่คิดว่าจะอยากได้อะไรอีกโดยเฉพาะเสื้อผ้า” จิรสินตอบพร้อมกับจ้องหน้าหนุ่มรุ่นน้องที่น่าจะเด็กกว่าตนนับสิบปี เขาอ่านสายตาออกได้ไม่ยากว่าเจ้าหนุ่มหน้าตี๋สนใจกินรินอย่างไม่ต้องสงสัย

“คุณสินใจดีจังเลยนะครับ เป็นแค่ญาติ แต่พากระเต็นมาซื้อเสื้อผ้าตั้งเยอะแยะ”

“เราไม่ได้เป็นแค่ญาติกัน!” จิรสินบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“พี่สินคะ คือ...วันนี้กระเต็นไม่ได้มาซื้ออะไร” กินรินรีบบอก ก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดว่าหล่อนมีหนุ่มอีกคนคอยพามาจับจ่ายซื้อของอยู่เป็นประจำ เพราะนั่นเท่ากับว่าหล่อนจะกลายเป็นสาวนักชอปที่ต้องมีหนุ่มๆ มาคอยอุปถัมภ์ไม่ได้ขาด ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ และไม่เป็นความจริงอีกด้วย

“งั้นเหรอ” เขารับคำ แต่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เพราะเห็นอยู่ว่าหล่อนกำลังเดินดูเสื้อผ้ากับผู้ชายอยู่ในร้านหรูหรา ถ้าไม่ซื้อแล้วจะดูไปทำไม

“กระเต็น...ตกลงฉันเอาหมดนี่เลย” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนต้องหันไปมองและหยุดการสนทนาลง

ชยาภา เดินออกจากห้องลองเสื้อมาหาเพื่อนๆ ที่ยืนคอยอยู่ แต่ต้องชะงักเพราะมีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมา แถมสถานการณ์ยังดูเครียดๆ ชอบกล

“ใครเหรอ” คนที่หอบเสื้อผ้ามาด้วยหลายชุดกระซิบถามเพื่อนสาวคนสนิท

“พี่สิน...เป็นญาติ”

“ญาติทางไหน ทำไมหน้าตาไม่เห็นเหมือนแกเลย” สาวหน้าหวานแต่สวมแว่นตากรอบดำทำหน้าไม่ค่อยเชื่ออีกคน “แล้วทำไมฉันไม่เคยเห็นเลยล่ะ เคยไปบ้านแกออกบ่อย”

“อย่าเพิ่งถามตอนนี้ได้ไหม” คนที่ต้องตอบทำหน้าเพลียจัด ก่อนจะแนะนำว่า “พี่สินคะ ชยาภาเป็นเพื่อนเรียนคณะเดียวกับกระเต็น”

หญิงสาวที่ถูกแนะนำรีบยกมือไหว้ตามธรรมเนียมเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่า พร้อมกับแอบมองหนุ่มร่างสูงใหญ่คล้ายฝรั่ง โดยเฉพาะหน้าเข้มๆ จมูกโด่งๆ ที่ทำให้เขาดูไม่เหมือนคนไทยทั่วไป

“ผมมีเชื้อแขก หน้าก็เลยไม่เหมือนพวก...เอ่อ...คนที่บ้านญานันทร” เขาตอบให้หายสงสัยแล้วมองไปทางญาติสาวของตนเองก็เห็นว่าใบหน้าเรียวเล็กก้มลงนิดๆ เมื่อเขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

“แบบนี้นี่เอง แต่...พี่สินไม่ได้อยู่ที่บ้านกระเต็นใช่ไหมคะ” ชยาภายังติดใจสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเขาที่นั่นมาก่อน

“เปล่า...ผมแค่กลับมาเยี่ยมแม่”

“แต่เมื่อกี้ผมได้ยินคุณสินบอกว่าไม่ได้เป็นแค่ญาติกับน้องกระเต็น แล้วเป็นอะไรครับ” ณัชพลยังติดใจเรื่องที่อีกฝ่ายบอกทิ้งค้างเอาไว้ เพราะเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจญาติหนุ่มหล่อของกินรินขึ้นมา

“ถ้าคุณอยากรู้...คงต้องถามน้องกระเต็นเอาเอง”

ทั้งณัชพลและชยาภาต่างหันไปหาคนที่ถูกโบ้ยให้ตอบ แต่เจ้าตัวกลับนิ่ง ทำหน้าเหมือนกำลังถูกใครสักคนบีบบังคับจิตใจ

“น้องกระเต็นว่ายังไงครับ”

“พี่ณัชอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย เอาไว้คุยกันวันหลังก็ได้ค่ะ” ชยาภารีบบอกกับหนุ่มรุ่นพี่ เพราะเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลจากอาการของเพื่อนสาว

“ตกลงคุณไม่ได้มาซื้อเสื้อผ้าใช่ไหม” จิรสินถามคนที่เริ่มทำหน้าเหมือนไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป

“กระเต็นมาช่วยภาเลือกเสื้อผ้าปรับลุคน่ะค่ะ” ชยาภาเป็นคนตอบเสียเอง

“ถ้าอย่างนั้นผมขอพากินรินไปทานข้าวกลางวันกับผมนะครับ” จิรสินบอกกล่าวทั้งสองคนตามมารยาท

“แต่กระเต็นมากับพวกเรานะครับ แล้ววันนี้เราก็ตั้งใจจะไปทานข้าวด้วยกัน” ณัชพลมีท่าทีไม่พอใจขึ้นมาบ้าง

“ภาว่าเราให้กระเต็นเป็นคนตัดสินใจดีไหมว่าจะไปทานกับใคร” ชยาภาหาทางออกให้โดยโยนไปที่คนกลาง เมื่อเห็นแนวโน้มว่าหนุ่มๆ อาจจะเถียงกันไม่เลิก เพราะดูท่าคงไม่มีใครยอมใครแน่ๆ

“เอ่อ...พี่สินมาคนเดียวหรือคะ”

“ผมมากับแม่”

“ป้าพรอยู่ไหนคะ”

“ตอนนี้รออยู่ที่ร้านอาหาร”

“งั้นก็ได้ค่ะ กระเต็นจะไปทานด้วย” หล่อนตัดสินใจได้ในที่สุด “กระเต็นต้องขอโทษพี่ณัชกับภาด้วยนะ เอาไว้คราวหน้าค่อยนัดกินข้าวกัน”

ณัชพลถอนหายใจเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่หญิงสาวคนข้างๆ กลับทำท่าโล่งอกที่เรื่องจบลงได้ หลังจากล่ำลากันแล้ว กินรินจึงเดินตามจิรสินไปที่ร้านอาหารภายในห้าง ระหว่างทางชายหนุ่มยังทำหน้าเหมือนโกรธใครสักคน

“ไหนคุณบอกว่าไม่ว่างออกมาเจอผม มีงานยุ่งทุกวัน” เขาถามเสียงขรึม

“เอ่อ...ก็ไม่ว่างจริงๆ นี่คะ” หญิงสาวตอบเสียงเบาโดยเหลือบมองเขาเพียงนิดเดียวเท่านั้น

ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วทำหน้าเครียดกว่าเดิม ทำให้คนที่เดินข้างๆ ถึงกับใจเหี่ยวแฟบลงทันที

‘นี่เธอกลัวเขาขนาดนี้เลยหรือกระเต็น!’ กินรินพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกพลังใจกลับคืนมา แล้วบอกกับตัวเองว่า จะต้องกลัวไปทำไม เขาไม่ใช่ยักษ์ ไม่ใช่มารเสียหน่อย แต่เธอเอาเงินเขามาตั้งสิบกว่าล้าน!...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น