ท่านประธานที่เคารพ

 

“จ้าจือเจ้าหญิงหิมะ หยุดเตี๋ยวนี้นะเจ้าจนตั่ว”

เด็กหญิงแก้มป่อง ตัวเล็กค่อนออกไปทางผอมมากกว่าจะเจ้าเนื้อ แต่เรี่ยวแรงกลับค่อนไปทางเหลือเฟือแทนที่จะน้อยนิดเช่นเด็กเล็กทั่วไป วิ่งวนรอบเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งสำหรับญาติผู้มารับบริการนั่งรอภายนอกโรงพยาบาล ร่างแน่งน้อยสวมชุดนักเรียนอนุบาลเอกชนชื่อดังประจำอำเภอ ในมือถือดาบอัศวินที่เพิ่งซื้อมาจากโรงเรียน 

“ฮึ ตุนัก” 

ดาบอัศวินชี้ไปยังอากาศว่างเปล่าราวกับว่าที่ตรงนั้นมีเจ้าปีศาจหมียืนแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่อย่างไรอย่างนั้น เจ้าตัวเล็กทำเสียงฟืดฟาดขึ้นจมูกไม่สบอารมณ์ ถลาเข้าไปฟาดฟันฉับๆ 

“ตายๆๆๆ ตายซะเจ้าจนตั่ว”

ปากเล็กบิดมุมด้านขวาขึ้นไปจนสูง ดวงตากลมโตปรากฏแววเหี้ยมโหด ไม่ได้สนใจคุณตาคุณยายที่นั่งเก้าอี้ยาวตัวถัดไป ดวงตาอ่อนโอนทั้งสองคู่มองมาด้วยความเอื้อเอ็นดู

“ยังไม่ยอมตายอีก ไต้เตี๋ยวจะให้จุนแม่ฉีดยาเข็มญ่ายๆ เยย”

อีกเดี๋ยวเดียวเธอก็จะได้เจอคุณแม่แล้ว เมื่อวานพี่ต้นพูดกับพี่เปรี้ยวว่าเห็นคนเหมือนคุณแม่ของเธออยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าคุณแม่เป็นพี่พยาบาลคนสวยที่เคยช่วยพี่ต้นตอนถูกงูกัด ทำงานที่โรงพยาบาลกับลุงหมอกันต์ ไม่ว่าใครจะมาโรงพยาบาลจึงร้องตามมาด้วยตลอด วันนี้เธอจึงแอบพี่ต้นหลังเลิกเรียนเพื่อมาหาคุณแม่ เพียงแต่ว่า...เธอลืมเอารูปคุณแม่มาด้วย 

แต่ไม่เป็นไร คุณแม่สวยที่สุด เธอจำคุณแม่ได้แน่ๆ

“ตอยตูเตอะ” 

เจ้าตัวเล็กแลบลิ้นยาวออกมาเย้ยหยันพร้อมกับฝ่าเท้าน้อยๆ ที่ขยี้พื้นปูนตรงนั้นเป็นวงกลม เธอนับหนึ่งถึงสิบแล้วกระโดดจะวิ่งหนีเข้าไปภายในตัวอาคารโรงพยาบาลตามความต้องการที่อยากเจอคุณแม่จะแย่ 

“ยายหนูของบ้านไหนกันนี่ตาแก่ เจ้าคนชั่วยังไม่ตายเลย ก็จะหนีไปฟ้องแม่แล้ว” 

สองขาน้อยๆ ค้างอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทักท้วงนี้ เจ้าตัวเล็กหมุนตัวกลับมาสบตาเข้ากับคุณยายบนเก้าอี้ตัวถัดไป ใบหน้าหญิงสูงวัยยิ้มทั้งปากและดวงตา

“นี่มันยายหนูบ้านนายอำเภอชัยไม่ใช่รึ มาทำอะไรที่โรงพยาบาล แล้วพี่ต้นเล่า” 

ใบหน้าคุณตาก็ไม่ต่างกัน เขาทำท่าจำเด็กน้อยได้ ดวงหน้าเล็กๆ ดวงตากลมโต แก้มป่องตัวขาวผ่อง ช่างพูดช่างจำนรรจา หลายครั้งแล้วที่เขามีโอกาสได้เจอยายหนู หลานสาวนายอำเภอชัย ลูกสาวพ่อนนท์ที่ทั้งอำเภอรู้จักเป็นอย่างดี แต่เด็กน้อยย่อมจำเขาไม่ได้ ดวงตากลมโตจึงฉายประกายความงุนงงเต็มเปี่ยม

“นี่คงไม่ใช่หนีพี่ต้นมานะ” คุณตาตั้งข้อสงสัย

“น้องหนูไม่ไต้หนี”

เจ้าตัวน้อยไม่ตื่นกลัวคนแปลกหน้า เพราะปกติก็พบเจอคนมากหน้าหลายตาจากการติดตามคุณปู่ไปทำงาน และพบปะผู้คนจากสวนบิดา คิ้วน้อยเพียงขมวดมุ่นไม่ชอบใจคำว่า ‘ฟ้อง’ ของคุณยาย และคำว่า ‘หนี’ ของคุณตา

“น้องหนูแค่มาหาจุนแม่ เจ้าคนตั่วตุมาก น้องหนูจะให้จุนแม่มาฉีดยาเข็มญ่ายๆ ไม่ไต้จะฟ้อง” 

ฟ้อง คือการเอาเรื่องไม่ดีของคนอื่นไปบอก บิดาและคุณปู่ต่างไม่ชอบให้เธอทำแบบนั้น เธอแค่จะให้คุณแม่ทำโทษคนชั่ว จึงไม่ได้จะฟ้อง

“คุณแม่” เป็นทีผู้สูงวัยทั้งสองขมวดคิ้วบ้าง ก็เป็นที่รู้กันว่าเด็กน้อยตรงหน้าไม่มีมารดามาตั้งแต่แรกเกิด

“น้องหนูไม่ไต้โจหก จุนแม่ของน้องหนูเป็นพี่พาบาลอยู่ตี้นี่” ดาบอัศวินถูกหนีบไว้ที่รักแร้ เจ้าตัวเล็กยกทั้งสองมือขึ้นกอดอก ดวงตาไม่ยินยอมรับการท้วงใดๆ 

“ยายก็อยากเห็นคุณแม่ งั้นขอยายไปด้วยสิ” กระแสเสียงอันมั่นอกมั่นใจนั้นทำให้ผู้สูงวัยใคร่รู้ตาม คุณยายผละจากเก้าอี้ก้าวเข้ามาใกล้เจ้าตัวเล็กมากขึ้น ยกมือขึ้นสัมผัสหัวไหล่เล็กนุ่มนิ่ม

คุณยายจะไปด้วย!

ดวงตาไม่ยินยอมเบิกโต ปากเล็กปฏิเสธรัวเร็ว

“ไม่ไต้ๆยังหาจุนแม่ไม่เจอ จุนยายไปต้วยไม่ไต้ เตี๋ยวจุนแม่ตกใจ” ที่เธอไม่ได้รอให้พี่ต้นมาด้วยก็เพราะกลัวว่าจะทำให้คุณแม่กลัว 

เธอลองคิดดูแล้วที่คุณแม่ไม่มาหาเธอเลย ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลก็อยู่ใกล้แค่นี้ จะต้องเป็นเพราะที่บ้านคนเยอะแยะเกินไป คุณแม่ไม่ชอบคนวุ่นวายจึงไม่ยอมมา ถ้าเธอพาคนมาด้วยมากๆ คุณแม่ต้องไม่ยอมเจอแน่

“แล้วน้องหนูรู้เหรอ ว่าคุณแม่หน้าตาเป็นยังไง” คุณตาเดินเข้ามาสมทบด้วยอีกคน

เจ้าตัวเล็กพยักหน้าไวๆ เรื่องนี้เด็กน้อยรู้ดี บิดาพูดเสมอว่าคุณแม่นั้นสวยที่สุด เธอเองก็เห็นด้วย พี่ต้นเองก็บอกพี่เปรี้ยวเมื่อวานว่าคุณแม่สวยมาก

“จุนแม่ฉวยเหมือนนางป๊า จุนพ่อบอกว่าจุนแม่ของน้องหนูฉวยตี้ฉุด” เด็กน้อยยืดอกขณะเอ่ยถึงมารดาอย่างภูมิใจ ก่อนจะยกมือโบกไปมา “น้องหนูไม่อยากจุยกับจุนตาจุนยายแย้ว น้องหนูจะไปหาจุนแม่”

“ตาไปส่งที่ประตูดีไหม ตารู้นะว่าตรงไหนมีพี่พยาบาลสวยๆ เยอะๆ” คุณตาใจดีเสนอ ไม่ทันเจ้าตัวเล็กที่ใช้ปากน้อยช่างจำนรรจานั้นขัดเร็วๆ

“น้องหนูจ้อยู้” ดวงหน้าเล็กเชิดขึ้นสูง เธอเคยมาโรงพยาบาลนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว จุดที่มีพยาบาลเยอะที่สุดถูกบันทึกอยู่ในสมองน้อยๆ เต็มไปหมด “น้องหนูไปเองไต้ น้องหนูเจ่งมากๆ จุนตากับจุนยายไม่ต้องห่วงเยย”

ดาบอัศวินถูกดึงออกจากรักแร้ เจ้าตัวเล็กกระโดดขึ้นสูงทีหนึ่งและตวัดดาบฉับๆ ซ้ายขวาโชว์สกิล

“เก่งจริงๆ ด้วย” จะมีเด็กน้อยไม่มีมารดาสักกี่คนที่ร่าเริงสดใสขนาดนี้ คุณยายเพิ่มความเอ็นดูเข้าไปอีกหลายส่วนรวดเร็ว

“น้องหนูจะปาบเจ้าจนตั่วให้หมดไปเยย ฆ่ามันตั้งหมด” ดวงตากลมโตฉายประกายความจริงจังเที่ยงตรง คล้ายผู้ทรงภูมิที่จะตามทวงความยุติธรรมให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก

“งั้นหม่ำขนมของยายสักหน่อยไหม จะได้มีแรงเยอะๆ” โดนัสก้อนกลมๆ เหลืองๆ ดูน่ากินมากถูกส่งไปเบื้องหน้า

“จะปาบจนตั่วต้องไม่หิว” เจ้าตัวน้อยลูบวนเป็นวงกลมที่ท้องเป็นความหมายว่าเจ้าตัวกลมในท้องได้ถูกบรรจุอาหารไว้จนเต็มแล้ว “น้องหนูต้องไปหาจุนแม่แย้ว จุนตาจุนยายจับบ้านตีๆ”

เจ้าตัวเล็กกระโดดดึ๋งๆ อีกที โบกมือลาแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าไปในตัวอาคารโรงพยาบาล สถานที่ที่ตนเองคุ้นชินพอๆ กับสวนทุเรียนของบิดา กระโปรงสีน้ำเงินปลิวไหวไปตามแรงวิ่งไปข้างหน้า ร่างแน่งน้อยค่อยๆ เล็กลงตามระยะห่างและหายวับไปเมื่อเลี้ยวเข้าไปสู่พื้นที่ต้อนรับด้านหน้าของโรงพยาบาล

“เอ๋...นี่ใครนะ”

ปลิวลม พยาบาลประจำห้องตรวจกุมารเวชกรรมเดินสวนเด็กน้อยเข้าพอดี ฝีเท้าค่อนไปทางหนักเพราะน้ำหนักตัวที่เลยครึ่งร้อยไปอีกเกือบครึ่งทางชะงักงัน หมุนตัวอวบระยะสุดท้ายของตนมาจับเจ้าตัวเล็กเอาไว้

“เอ๋...ป้าปิวนี่นา ฉวัดตีค่ะ” ไม่ได้ยอกย้อน เด็กน้อยแค่ชอบเลียนแบบเป็นบางเวลา ดวงหน้าเล็กๆ ยิ้มแป้น เมื่อผู้ใหญ่ย่นคิ้วหรี่ตาสื่อความหมายว่าอยากจะฟัดเจ้าตัวขึ้นมาแล้ว “น้องหนูหิวน้ำ น้องหนูหิวๆๆ หิวน้ำ”

ช่างรู้จักเอาตัวรอด ปลิวลมยิ้มกว้าง อดไม่ได้ที่จะช่วงชิงฟัดแก้มป่องๆ นั้นไปหนึ่งที แล้วช้อนเจ้าตัวเล็กขึ้นอุ้ม

“ได้ ป้าปลิวจะพาน้องหนูไปดื่มน้ำเยอะๆ เลย แล้วพี่ต้นล่ะ วันนี้น้องหนูมากับใครเอ่ย” ด้านหลังเจ้าตัวเล็กไม่มีพี่เลี้ยงประจำตัวตามมาให้เห็น มองไปโดยรอบก็ไม่เห็นบิดาตัวโต หรือคุณปู่แสนดีของเด็กน้อยแต่อย่างใด “นี่อย่าบอกป้าปลิวนะว่า...”

“น้องหนูไม่ไต้หนีพี่ต้นมานะ ป้าปิวป่อยน้องหนู น้องหนูเตินเองไต้”

ไม่ปฏิเสธรัวเร็ว ผู้ใหญ่ก็คงไม่รู้ความจริงกระจ่างไวปานฟ้าแลบ ปลิวลมมองเจ้าเลือดเนื้อเชื้อไขของพยาบาลรุ่นน้องซึ่งผูกพันรักใคร่ดุจญาติมิตรคนสนิท ดาบอัศวินแกว่งไปมาในมือน้อย ร่างเล็กดิ้นรนขลุกขลักไม่ยินยอมให้ตัวเองตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนของผู้ใหญ่

“นี่เราแสบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮื้อ” ล่าสุดที่เจอยังเป็นเจ้าก้อนแป้งช่างออดช่างอ้อนอยู่เลย จำได้ว่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้เอง

“แฉบ...ตืออะไย” การดิ้นถูกคำพูดแปลกหูดึงความสนใจไปได้ เจ้าตัวน้อยเอียงศีรษะรอฟัง ตากลมแป๋ว

“เอ๋...” กลายเป็นเจ้าตัวแสบ แต่กลับไม่รู้ความหมายได้ด้วยหรือนี่ ในหัวพี่พยาบาลครุ่นคิดคำตอบยังไม่ทันได้ความ ใบหน้าเล็กๆ ก็ขยับเข้ามาจนอยู่ในระยะสายตาสบกัน แล้วทวนคำเสียงเบา

“เอ๋...”

ปลิวลม “...”

มีคนโดนตกรอบที่นับไม่ถ้วน เพียงแต่เจ้าของเบ็ดหารู้ความใดๆ ไม่ เห็นพี่พยาบาลนิ่งไปก็ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วกระซิบกับหูส่งผ่านข้อความที่ได้ยินกันเพียงสองคน

“ป้าปิวหิวนมยื้อป่าว”

หิวนม?

ตรงไหนของเธอที่สื่อความหมายออกไปแบบนั้น

“บอกน้องหนูไต้ น้องหนูไม่บอกไต” สีหน้าจริงจังยิ่ง

จะร้องไห้หรือหัวเราะดี?

ปลิวลมจ้องตอบดวงตากลมโต และก็ได้คำตอบให้ตัวเองแค่สี่พยางค์นี้...

“เจ้าปีศาจน้อย” คำจำกัดความใดจะเหมาะสมยิ่งกว่านี้ได้อีก หน้าผากมนโยกติดหน้าผากเล็กอันปกคลุมด้วยแถวหน้าม้าน้อยๆ “รู้ได้ยังไงฮึ ว่าป้าปลิวหิวนม กระเพาะน้อยๆ อันนี้มากกว่าละสิที่หิว”

“ต๊องน้อยๆ ของน้องหนูอิ่มแย้ว ป้าปิวอ้าปากจ้วง ป้าปิวหิว”

“อ๋อ...” เพราะเธออ้าปากค้างไว้จึงถูกตีความไปว่าหิว เจ้าตัวน้อยนี่ชักจะน่ามันเขี้ยวเกินไปแล้ว “ก็ได้ ป้าปลิวจะยอมรับว่าหิว แล้วน้องหนูจะบอกป้าปลิวได้ไหมนะ ว่าหนีพี่ต้นมาที่โรงพยาบาลทำไม”

“น้องหนูไม่ไต้หนี น้องหนูแจ้จะมาหาจุนแม่”

“คุณแม่” เธอได้ยินผิดหรือไม่ มารดาเด็กน้อยไม่ใช่พยาบาลรุ่นน้องที่หายตัวไปตั้งแต่หลังคลอดคนนั้นหรือไง แล้วเจ้าตัวเล็กจะมาหามารดาที่นี่คือ...

“ป้าปิวเห็นจุนแม่ของน้องหนูมั้ย พี่ต้นบอกว่าเห็นจุนแม่อยู่ตี่นี่”

“...”

“ป้าปิวหิวนมอีกแย้ว” เจ้าตัวเล็กส่ายตัวไปมา ชักจะหงุดหงิดแล้วที่ป้าปลิวอ้าปากอยู่ตลอด

“อ๋อ...ป้าปลิวขอโทษ” ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ ปลิวลมกระชับร่างเล็กอีกนิด ค่อยๆ ใช้น้ำเสียงนุ่มๆ อธิบายช้าๆ “ป้าปลิวกำลังนึกว่าพี่ต้นจะเห็นคุณแม่ของน้องหนูได้ยังไง ป้าปลิวอยู่ที่นี่ทุกวันยังไม่เห็นคุณแม่ของหนูเลยนะ”

“น้องหนูไต้ยินตั้งฉองข้างเลย พี่ต้นเห็นจุนแม่จิงๆ” ตอนเอ่ยคำว่าทั้งสองข้าง เจ้าตัวน้อยยกมือขึ้นจับหูซ้ายไปขวา ขวามาซ้าย ก่อนจะยกมือไปคล้องคอผู้เป็นป้าแล้วโยกไปมา “ป้าปิวต้วยน้องหนูหาจุนแม่หน่อยนะ นะๆ”

“อืม...” งานยุ่งเสียแล้ว ที่บ้านเจ้าตัวเล็กจะรู้กันหรือยังว่าตัวป่วนประจำบ้านหายไป

“ป้าปิว นะป้าปิว”

“งั้นเดี๋ยวป้าปลิวพาน้องหนูไปถามคุณลุงหมอกันดีไหม ไม่แน่ว่าคุณลุงหมอกันต์อาจจะเห็นคุณแม่ของน้องหนูก็ได้”

จากประสบการณ์การเป็นพยาบาลหน่วยตรวจกุมารเวชกรรมมาหลายปี ในสถานการณ์เช่นนี้จะยืนยันหนักแน่นขัดกับความคิดของเจ้าเด็กน้อยไม่ได้ นอกจากจะไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้แล้ว ยังจะทำให้ตัวเองเสียความน่าเชื่อถือจากเจ้าตัวเล็กไปด้วย

“จุนยุงหมอ เจๆ ไปหาจุนยุงหมอ” 

ดาบอัศวินถูกชี้ไปยังทางเดินที่เชื่อมไปยังห้องตรวจเด็ก ในสมองเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่าบรรจุอีคิวไว้เท่าไร จำหลายสิ่งหลายอย่างได้ดีเกินเด็กวัยเดียวกัน

“ได้เลยค่ะ ป้าปลิวจะพาไปหาคุณลุงหมอกันเดี๋ยวนี้เลย” ปลิวลมกระชับเจ้าดุ๊กดิ๊กในอ้อมแขน อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกไปสูดความนุ่มนิ่มแรงๆ อีกที “ขออีกที” และฝังไปอีกทีติดๆ เมื่อเกิดความรู้สึกว่าพยาบาลรุ่นน้องก็คงอยากจะหอมแก้มนุ่มนี้เช่นเดียวกัน แต่กลับถูกเจ้าตัวเล็กยกมือขึ้นมาป้องแก้มเอาไว้

“ป้าปิวพอแย้ว”

“ฮึ...มีหวงด้วยเหรอ”

“ป้าปิวปากแตงแต้งแตง แจ้มน้องหนูเปื้อนหมดแย้ว เตี๋ยวจุนแม่จะจิดว่าแจ้มน้องหนูเป็นตูดยิง”

“ไม่เปื้อนก็เป็น ฮ่าๆๆๆ” ไม่พูดก็ไม่คิด พอได้ยินก็รู้สึกทันทีว่าใช่เลย

“ฮื้อ...น้องหนูโป้งป้าปิวแย้ว ป่อยน้องหนูนะ น้องหนูจะไปหาจุนยุงหมอเอง น้องหนูไม่ไปกับป้าปิวแย้ว”

คนตัวเล็กดิ้นรนรุนแรง เอะอะใหญ่โต คนตัวใหญ่กระชับมือไปหัวเราะไป ชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวค่อยๆ คลายหัวคิ้วและแรงบีบรัดภายในอกของตนลง หลังจากปล่อยให้พวกมันทำหน้าที่เปลี่ยนเขาเป็นยักษ์ขมูขีตั้งแต่ได้รับสายมาหลายนาที

“ผมว่าผมเจอแล้วละที่รัก คุณรีบโทร. กลับไปหาคุณนนท์เถอะ ก่อนที่เขาจะกลับมาไม่ถึง”

ปราณกันต์เผยรอยยิ้มมุมปากขณะกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ ที่เขาสามารถจินตนาการภาพใบหน้าดำทะมึนของคนที่กำลังเอ่ยถึงกับภรรยาได้ชัดเจน คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวผู้รักลูกดั่งดวงใจ ผู้เอาทั้งชีวิตผูกไว้กับเจ้าตัวเล็กดั่งว่าต่อให้ลูกจะเอาโลกทั้งใบนี้ ก็จะหาทางยกมาไว้ตรงหน้าให้ได้ เพราะได้ชื่อว่าเป็นบิดาเช่นเดียวกัน แถมเขายังมีเจ้าตัวเล็กแซงหน้าไปถึงสามคน แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็ยังต้องยอมแพ้ เช่น...

ท่านประธานที่เคารพ

เขาไม่มีทางยกลูกๆ ไว้ในสถานะนั้นแน่ แต่ชานนท์ทำ ไม่เพียงแค่ในรูปแบบนามธรรมเช่นความรู้สึก แม้แต่ในทางรูปธรรมก็ยังยกให้อย่างชัดเจน คนใกล้ชิดคนใดบ้าง ไม่สิ คนในอำเภอที่รู้จักชานนท์คนใดบ้างที่ไม่รู้ว่าหากเจรจาไม่สำเร็จ สามารถเข้าหาผ่านทางใคร และอำนาจสูงสุดของสวนทุเรียนกำนันปูตอนนี้อยู่ในกำมือของใคร

“จ้าที่รัก ผมจะรีบกลับ” แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ชานนท์ในเรื่องนั้น ก็ยังมีเรื่องที่เขากำชัย 

อย่างน้อยๆ ภรรยาของเขาก็ยังอยู่ ซ้ำความหวานที่หมั่นเติมเต็มให้แก่กันก็ไม่ได้ลดลงเลยจากวันที่กลับมารักกัน หากชั่งน้ำหนักจริงๆ อาจจะมากกว่าในตอนนั้นด้วยซ้ำ เพราะเรื่องราวต่างๆ ที่เคยกัดกินครอบครัวของเขาให้ทุกข์ทรมานค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา พร้อมๆ กับที่เสริมสร้างความรักความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ วันที่ผ่านไป

จึงถือได้ว่าเขาชนะชานนท์ได้ขาดลอยไม่เห็นฝุ่นในเรื่องนี้

ปราณกันต์ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์หลังจากกดวางสายภรรยาที่รัก ดวงตาเปล่งประกายความเหนือกว่า ในใจสามารถกลับมาลิงโลดต่อความพ่ายแพ้ของอีกฝ่ายได้ดังเดิม เมื่อภาระหนักถูกยกออกไปจากอก

อย่าคิดว่าเขาชั่วร้ายเลยนะที่รู้สึกยินดีกับความพ่ายแพ้ของอีกฝ่าย รู้สึกดีที่อีกฝ่ายได้ลิ้มรสชาติของการถูกภรรยาทอดทิ้ง ใครใช้ให้ในอดีตชานนท์ดันเคยมีใจปฏิพัทธ์ต่อภรรยาเขากันเล่า แถมยังรับบทเป็นพระรองผู้แสนดี ให้ภรรยาสุดที่รักของเขาชื่นชมความตรงไปตรงมา มีน้ำใจนักกีฬาหนักหนา พูดไปหลายปีก็ไม่จบสิ้น 

เขาในฐานะที่ต้องกล้ำกลืนรับบทเป็นพระเอกผู้โง่เง่าและยังอดรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายถึงขนาดขอเป็นเพื่อนแต่ถูกปฏิเสธ เพราะคนอย่าง ชานนท์ กระโดดสูง ไม่นิยมคบคนโง่เป็นสหาย ก็ต้องมีแอบเก็บความแค้นไว้เล็กๆ น้อยๆ พอเป็นพิธี

เมื่อถึงวันที่ชานนท์พลิกมารับบทพระเอกผู้โง่เง่า ใจเขาย่อมรู้สึกลิงโลดเป็นธรรมดา

รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าแพทย์หนุ่ม ก่อนจะถูกภาพการยื้อยุดโยกไปโยกมาของเด็กหญิงชนิกรณ์และพยาบาลผู้ช่วยของเขาเปลี่ยนให้เป็นรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน หากเปรียบชานนท์เป็นผู้ร้าย เจ้าตัวเล็กแก้มป่องตรงหน้านี้ก็คือนางฟ้าผู้มาโปรดบาปของบิดาโดยแท้

แพทย์หนุ่มผู้มีสถานะคุณลุงหมอดึงแขนเสื้อกาวน์ของตนเองให้สูงขึ้นอีกนิด ช่วงขายาวๆ ก้าวไปหาทั้งสองคน

“เอ๊ะ...เหมือนคุณลุงหมอกันจะได้ยินแว่วๆ ว่ามีใครจะมาหานะ”

“จุนยุงหมา!”

ไม่ เริ่มไม่ใช่นางฟ้าผู้มาโปรดบาปให้บิดาแล้ว นี่มันนางมารผู้มาพิพากษาโทษแทนบิดาชัดๆ

ปราณกันต์ถึงกับหยุดชะงัก หลังจากกวาดสายตาไปโดยรอบ เขาก็ได้รับรอยยิ้มหวานหยดของผู้มารับบริการจากทั้งสี่ทิศไม่แบ่งแยกชายหญิง เด็กเล็ก คนชรา ลำตัวค่อยๆ รู้สึกหดเล็กลง และแน่นอน...เขาได้กลายเป็นคุณลุงหมาตั้งแต่นาทีนี้

ให้ตาย!

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น