17

ตอนที่ 17


สามวันถัดมาสถานการณ์น้ำท่วมก็ดีขึ้น และเส้นทางเข้าเมืองก็ถูกซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อย หอมนวลจึงไปเรียนได้ ในสภาพที่ไม่ต่างจากฝ่าพายุร้ายมา

                “อะไรนะ! คุณเขมเขาเห็นสมุดบันทึกของแกแล้วเหรอ” ปารณีย์ตกใจจนตาถลน

                ‘ไดอะรีอายุคุณย่า’ ที่เธอกับสุชาติตั้งฉายาให้หลังจากได้รับอนุญาตให้อ่านเมื่อสองปีก่อน ทั้งสองต่างเห็นตรงกันว่าสำนวนคนเขียนช่างน้ำเน่า จนอยากจะอาเจียนทุกตัวอักษร ถ้าไม่รู้ว่าหอมนวลเป็นคนเขียน พวกเธอคงคิดว่าเป็นสมุดบันทึกความทรงจำของคุณย่าอายุร้อยปีเป็นแน่

                “ไอ้หอม นี่ฉันอุตส่าห์พาไปเสริมสวยหมดเงินไปตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่คิดเสียดายหรือไงนะ ถึงปล่อยให้ตัวเองโทรมขนาดนี้” สุชาติกล่าวโดยไม่ได้สนใจเรื่องสมุดบันทึกรักอะไรนั่นของเพื่อน ตอนนี้เขาเลิกแต่งหญิงแล้วหันมาสวมชุดผู้ชายแมนๆ โดยให้เหตุผลว่า แต่งแมนๆ ไม่แสดงเพศสภาพ ได้ทั้งรุกทั้งรับ มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นอีกแยะ

                “โอ๊ย! ไอ้ชาติ ต่อให้มันสวยปานนางฟ้านางสวรรค์ คุณเขมก็ไม่ชายตาแลมันได้หรอก”  

                คำพูดของปารณีย์ทำให้น้ำตาที่เพิ่งจางหายไปเอ่อคลออีกครั้ง หอมนวลร้องไห้หลังจากกักเก็บมันมาได้ตั้งสามวัน นับตั้งแต่วันที่เขมราชได้รับสมุดบันทึกของเธอ เขาก็ไม่คุยกับเธออีกเลย แม้แต่หน้าก็ไม่มอง         

                พ่อเลี้ยงหนุ่มหอบที่นอนหมอนมุ้งย้ายไปนอนในห้องทำงาน ซึ่งโดยปกติเขาจะทำงานในห้องนอน แต่เขายอมนอนในห้องแคบๆ ที่มีเอกสารกองพะเนิน แม้เธอจะยินดีย้ายไปนอนที่อื่น แต่เขาก็เฉยชา ไม่พูดไม่ตอบ เสมือนว่าเธอไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น

                ส่วนจันทร์นรีก็หลบลี้หนีหาย ขอแม่เลี้ยงมณีแดงไปอยู่กับญาติฝ่ายแม่ที่สงขลา และนั่นทำให้หอมนวลแปลกใจ เพราะหากจันทร์นรีเอาสมุดบันทึกของเธอมาให้เขมราชเพื่อต้องการให้เขาเกลียดเธอ ก็เท่ากับว่าพี่สาวเธอทำสำเร็จ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะต้องย้ายไปอยู่ไกลถึงขนาดนั้น

                นอกจากเรื่องสมุดบันทึกแล้ว ยังมีอะไรที่เธอไม่รู้อีกหรือ 

                “ปารณีย์ นังผู้หญิงไร้เสน่ห์ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ชอบผู้หญิงสวยทั้งนั้นแหละ แล้วนังหอมมันก็ไม่ได้สวยไก่กา เพียงแต่ที่สภาพมันเป็นแบบนี้ คงเพราะไม่ได้อาบน้ำมั้ง”

                “ไอ้ชาติ ฉันอาบนะ มันแย่มากเลยหรือไง” หอมนวลแหว นึกโกรธตัวเองที่เลือกคบเพื่อนประเภทนี้ 

                “นี่...เลิกคุยเรื่องนี้ก่อน ฉันอยากรู้ปฏิกิริยาคุณพ่อเลี้ยง หลังจากที่เขาได้อ่านบันทึกรักน้ำเน่าของแก เขามีความรู้สึกยังไง”

                คำถามของปารณีย์เรียกความสนใจจากสุชาติได้ ทั้งสองคนยื่นหน้ามาฟังอย่างตั้งใจยิ่งกว่าเรียนวิชาเอกในคลาสเช้าเสียอีก

                “พวกแกคิดว่าไงล่ะ” หอมนวลพูดทั้งที่ใบหน้าเลอะคราบน้ำตา และนั่นพอจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี

                “โหย...นี่เขาไม่รู้สึกหวั่นไหว หรือซาบซึ้งอะไรเลยเหรอ ถ้าเป็นนิยายนะ ป่านนี้เขาคว้าตัวแกมาจูบแล้ว ดูอย่างเรื่องเงาอโศกนั่นไง นางเอกเขียนจดหมายหาพระเอกตั้งแปดปีโดยใช้ชื่อคนอื่น แต่พอพระเอกรู้ว่าเป็นนางเอกเท่านั้นแหละ พระเอกนี่แบบ...ปลื้มปริ่มสุดๆ”

                “แล้วก็จบแบบแฮปปีเอนดิงงั้นสิ” สุชาติต่อให้ ตามติดด้วยการถอนหายใจเฮือก “แกจำวันที่เขามาลากตัวไอ้หอมออกจากผับได้ป้ะ โหย...พระเอกละครพิศาลชัดๆ ถ้าเป็นนิยายก็คงแนวดรามาสยองขวัญ ไม่ใช่แนวซาบซึ้งกินใจอะไรเทือกนั้นหรอกย่ะ”

                หอมนวลปล่อยให้เพื่อนเถียงกันโดยไม่สนใจอะไรอีก บางที...คนที่ผิดอาจเป็นเธอจริงๆ เขาไม่ได้รักเธอ ย่อมต้องหาทางบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบเป็นธรรมดา ส่วนเธอก็ยื้อเขาไว้ด้วยข้ออ้างสารพัดสารเพ ทั้งที่จริงก็มีอยู่แค่ข้อเดียว...คือยื้อเวลาให้ได้อยู่ในชีวิตเขาก็เท่านั้น ส่วนการช่วยเขาให้พ้นจากการเป็นพ่อของลูกใครไม่รู้ นั่นเรียกว่าผลพลอยได้ ไม่ได้เกิดจากใจบริสุทธิ์อย่างเดียว

                “ไอ้หอม” ปารณีย์เรียกเพื่อนอีกครั้งหลังจากเถียงกับสุชาติจบไปหนึ่งประเด็นก็เกิดคำถามใหม่ “แล้วแกจะเอายังไงต่อไป”

                หอมนวลเช็ดน้ำตา “ก็ในเมื่อพี่ลูกจันทร์ยอมถอย ฉันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องอยู่ต่อ”

                “โอ้โห!...ตอบเป็นนางเอกเลยนังนี่” สุชาติถึงกับหัวเสีย

                “แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ เขาเกลียดฉันขนาดนั้น”

                “ไม่รู้ แต่ถ้าฉันได้คุณเขมเป็นผัว จ้างร้อยล้านก็ไม่ยอมถอยเด็ดขาด” สุชาติกำมือขวาขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘สู้’

                “เดี๋ยวไอ้ชาติ” ปารณีย์ดึงแขนที่ชูกำปั้นลง พร้อมบุ้ยใบ้ไปยังด้านหน้าตึกคณะที่พวกเธอนั่งอยู่ “ผัวมโนของแกมาโน่นแล้ว”

                เขมราชในชุดสุภาพเดินตรงมายังทิศทางที่สามเพื่อนรักนั่งอยู่ มือหนึ่งล้วงกระเป๋า สองขาก้าวยาวๆ อย่างเร่งรีบ

                “เฮ้ย! เขาต้องมาหาไอ้หอมแน่ๆ” สุชาติฟันธง

                “หรือว่าเขาจะมาฆ่าแกวะหอม” ปารณีย์เห็นด้วย ทว่าคิดไปคนละทางกับเพื่อนเกย์ลิบลับ

                “บ้าสิ เขาไม่ได้มาฆ่าไอ้หอมหรอก เขามาง้อมากกว่า คริๆ”

                คำพยากรณ์ของเพื่อนชายผู้รักชายทำให้จิตใจอันห่อเหี่ยวของหอมนวลชุ่มชื่นอย่างประหลาดล้ำ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ตลอดเวลาสามวันมานี้เป็นวันที่แสนทุกข์ทรมาน หอมนวลเหมือนตายทั้งเป็นในกรงล้อมแสนอบอุ่นของเขา นับจากวันนั้น เธอไม่หวังอะไรเลยเพียงให้เขายอมพูดด้วยสักคำ

                ทว่าสุดท้ายความคิดเพ้อเจ้อทั้งหมดก็ต้องหยุดลง เมื่อเขมราชหยุดยืนตรงโถงทางเดิน และไม่กี่นาทีต่อมาก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ทันทีที่เขมราชเห็นผู้หญิงคนนั้น สีหน้าเรียบเฉยซึ่งไม่ปรากฏรอยยิ้มมาเป็นเวลานานกลับคลี่ยิ้มด้วยความยินดี เขายังโยกศีรษะหญิงสาวผู้นั้นอย่างสนิทสนม ซึ่งใครเห็นก็ต้องคิดว่าทั้งคู่ไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดา

                “นั่นมันอาจารย์ณัฐวรานี่”

                หอมนวลได้ยินเพื่อนประสานเสียงกัน ก่อนที่โสตประสาทจะขาวโพลน ภาพชายหญิงสองคนที่ยืนเคียงข้างกันเวลานั้น ทำให้เธอเข้าใจคำว่า ‘เหมาะสม’  

                “หอม”

                สุชาติเขย่าตัวเธอจนหัวคลอน หอมนวลเพิ่งได้สติกลับคืนมา ทว่าก็ยังพูดไม่ออกอีกอยู่ดี

                “เขาจะไปแล้ว แกจะเอาไง”

                “เอาไงอะไรล่ะ เขาไม่ได้มาหาฉัน”

                “ใช่ คุณเขมซึ่งเป็นผัวแกมาหาผู้หญิงคนอื่น” สุชาติตอกย้ำ แววตาวาวโรจน์ประหนึ่งว่าเขมราชเป็นสามีของตนเสียเอง “และถ้าเป็นฉัน ฉันจะต้องเข้าไปถามให้รู้เรื่อง แตกเป็นแตก หักเป็นหัก ไปไอ้ปา”

                สุชาติหันมาหาหน่วยสนับสนุน คราแรกหอมนวลคิดว่าปารณีย์ไม่มีทางเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อย่างแน่นอน หญิงสาวจะต้องช่วยเธอห้ามสุชาติไม่ให้ทำอะไรบ้าๆ แต่เธอคิดผิดถนัด

                “ไป”

                ปารณีย์ตกปากรับคำเสียอย่างนั้น และนั่นก็ทำให้หอมนวลอ้าปากค้างจนหุบแทบไม่ลง รีบเดินตามไปห้ามเพื่อนก่อนเรื่องที่ใหญ่อยู่แล้วจะใหญ่มากขึ้นไปอีก

                “สวัสดีค่ะคุณเขม สามีเพื่อนหอม” สุชาติยกมือไหว้นอบน้อมพร้อมเอ่ยคำทักทายที่ชวนให้คิดต่อ และก็ได้ผล เพราะมันทำอาจารย์สาวถึงกับทำหน้ามุ่ย   

                “ไอ้ชาติ ไปพูดแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า” หอมนวลรีบห้ามเพื่อนไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่เมื่อสองเพื่อนรักผนึกกำลังกันแล้ว ต่อให้จอมยุทธ์จากวัดเส้าหลินก็ต้านทานไม่อยู่

                “มารับหอมเหรอคะ” ปารณีย์ยิ้มจนตาหยี

                เขมราชงุนงงเมื่อบรรดาเพื่อนของหอมนวลทักทายเขาด้วยคำพูดทำนองนี้ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงเก็บอาการได้อย่างดี ไม่มีร่องรอยความแปลกใจ ตกใจ หรือกังวลใจปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย

                “เปล่าครับ พอดีผมแวะมาหา...” ดวงตาสีสนิมมองภรรยาตามกฎหมาย “เพื่อนสนิทน่ะครับ”

                หอมนวลเห็นว่าณัฐวราหรี่ตามองเธอกับเขมราชสลับกันไปมาด้วยความแปลกใจ

                “สามี ยังไงคะเขม นี่เขมอย่าบอกนะ ว่ากลับไทยได้ไม่กี่ปี เขมก็มีภรรยาแล้วน่ะ”

                “ก็แบบที่เคยๆ มีนั่นแหละครับน้ำ”

                เขมราชแกล้งตอบให้คลุมเครือ ซึ่งนั่นทำให้หอมนวลเริ่มมั่นใจว่าระหว่างเขากับณัฐวรา คงจะไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทธรรมดา เพราะถ้าเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องปกปิดสถานะของเขากับเธอ

                “ใช่ค่ะ แบบที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนอะหอม” สุชาติขยายความเพื่อไขข้อข้องใจให้แก่ณัฐวรา

                ทั้งหอมนวล สุชาติ และปารณีย์ ต่างก็มั่นใจว่าใบหน้าของอาจารย์สาวซีดสลับแดงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ผู้ชายอีกคนยังคงไร้ความรู้สึก ทั้งๆ ที่ทุกคนหวังจะได้เห็นแววตาตื่นตระหนกมากกว่า

                “ครับ ถ้าพวกคุณไม่มีอะไรแล้ว เราคงต้องขอตัว” เขมราชระบายยิ้ม ก่อนคว้าแขนของเพื่อนสาวเบามือ “เราไปทานอาหารร้านเดิมนะครับ จะได้ระลึกความหลังให้หายคิดถึง”  

                ณัฐวรายังตกตะลึงกับข่าวสารใหม่ จึงไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากเออออห่อหมกไปกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม

                ในขณะที่หอมนวลกัดปากตัวเองจนเจ็บไปหมด แม้จะอยู่ในฐานะภรรยาผู้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามกฎหมาย แต่สิทธิ์ของเธอก็ไม่ต่างจากทะเบียนสมรสที่ไร้ค่า เธอไม่มีวันใช้สิทธิ์นั้นได้

 

การบรรยายของอาจารย์ในคลาสบ่ายจบลงโดยที่หอมนวลไม่รับรู้อะไรเลย เธอเดินออกมาจากห้องเรียนอย่างเหม่อลอยเหมือนคนไข้หนัก ไม่ว่าใครจะถามอะไรก็ตอบไม่ตรงคำถามสักข้อ เพื่อนร่วมชั้นปีจึงฟันธงทันทีว่า หอมนวลคงอกหักครั้งใหญ่

                แต่ละคนต่างอาสาเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองให้คนอกหัก เพราะการ ‘ดื่ม’ ถือเป็นรสชาติหนึ่งของชีวิตนักศึกษาคณะเกษตรผู้อินดี้ แต่พอหอมนวลคิดถึงคืนก่อนในผับเธอก็ยังสยองพองขนไม่หาย ใช่ว่าเธอกลัวพ่อเลี้ยงหนุ่มจอมโหดจะมาลากตัวกลับด้วยวิธีป่าเถื่อน แต่กลัวคนชั่วมากกว่า หากคนที่พาตัวเธอออกจากผับวันนั้นไม่ใช่เขมราช ไม่อยากคิดเลยว่าวันนี้เธอจะเป็นอย่างไร

                ที่สำคัญไปกว่านั้น เธอรู้แล้วว่าการเมาไม่ได้ทำให้ลืมความเจ็บปวดได้เหมือนที่ใครๆ ว่าไว้ แต่มันยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมให้เจ็บลึกต่างหาก

                หอมนวลในชุดนักศึกษาเดินไปเรื่อยๆ โดยมีปารณีย์กับสุชาติตามอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่ไม่รู้จะปลอบใจหอมนวลอย่างไรดีจึงได้แต่คอยระวังไม่ให้คนอกหักเดินเหม่อจนตกบันได

                คนเหม่อลอยหยุดยืนตรงป้ายทำเนียบคณาจารย์ของคณะ ซึ่งแสดงภาพถ่ายพร้อมชื่อของอาจารย์สาวผู้ซึ่งอยู่กับเขมราชในวันนี้ หอมนวลใช้เวลาพินิจใบหน้าเรียวได้รูปและดวงตาเป็นประกายเฉลียวฉลาดนั้นอยู่หลายนาที         

                “ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ณัฐวรา วัฒนะตระกูล”

                “อาจารย์คนนี้ไงหอม ที่เพื่อนในสาขาลือกันว่าสวยมากๆ เป็นอาจารย์ใหม่แหละ ฉันกับไอ้ชาติรู้จักก็เพราะแกทำโครงการอาสาสมัครช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมน่ะ ตอนแรกก็คิดว่าสวยใจดี แต่ที่ไหนได้ ทำหวังเอาหน้าพ่อเลี้ยงนี่เอง” ปารณีย์ร่ายยาว แต่สิ่งที่หอมนวลตอบกลับมาเหมือนกำลังคุยคนละเรื่อง

                “ใช่แล้ว ต้องเป็นคนนี้แหละ”

                พูดแค่นั้นหอมนวลก็หันหลังเดินกลับทันที ทิ้งให้ปารณีย์กับสุชาติงุนงงอยู่กับรูปถ่ายของศัตรูหัวใจคนใหม่ของเพื่อนผู้รักเดียวใจเดียว    

 

                เลิกเรียนแล้ว แต่หอมนวลไม่ยอมกลับฟาร์มแสงอรุณในทันที จู่ๆ เธอก็เกิดเบื่อหน้าพ่อเลี้ยงเจ้าของฟาร์ม ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากพบ ไม่อยากพูดคุย ไม่รู้ว่าเบื่อหรือว่าเจ็บกันแน่ หญิงสาวจึงเลือกตรงมายังไร่จอมนรีก่อน โดยโทร. บอกกรองแก้วเรียบร้อยแล้ว

                แต่เมื่อมาถึง ร่างบอบบางของใครบางคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้หน้าเรือนจอมนรีก็ทำให้หอมนวลถึงกับยิ้มออกมาด้วยความยินดี

                “คุณน้าแพรว”

                หญิงร่างบางผมสั้นประบ่า ใบหน้าเรียวที่ยังมีเค้าความสวยอยู่ แม้รอบดวงตาจะปรากฏริ้วรอยที่บ่งบอกว่าวัยกำลังจะก้าวสู่เลขสี่แล้ว เธอส่งยิ้มให้หลานสาวพร้อมอ้าแขนรับด้วยความคิดถึง

                “มาให้น้ากอดที ยายหลานสาวตัวแสบ ไม่เจอกันแค่ห้าปี สวยขึ้นเป็นคนละคนเลยนะ” แววตาของหญิงวัยกลางคนมองหลานสาวอย่างชื่นชม

                หอมนวลโผเข้ากอดผู้เป็นน้าเต็มรัก

                แพรวพรรณเป็นน้องสาวของนิลุบลมารดาของหอมนวล เป็นญาติผู้ใหญ่ที่หอมนวลเคารพนับถือไม่แพ้แม่เลี้ยงมณีแดง แต่หอมนวลรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเมื่ออยู่กับแพรวพรรณ เพราะกับแม่เลี้ยงมณีแดงนั้น เธอเป็นหลานที่อยู่ในโอวาท ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เถียง และไม่แสดงความคิดเห็นมากเกินไป ผิดกับแพรวพรรณที่เธอสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง

                แพรวพรรณเป็นผู้หญิงน่ารักมองโลกในแง่ดี เธอเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่มอบสิทธิ์ในการดูแลมรดกของเธอให้น้าสาวผู้เป็นน้องแท้ๆ ที่น่าจะไว้ใจได้มากกว่าพี่ชายจอมขี้โกงอย่างภพธร แต่จากคำบอกเล่าของแพรวพรรณ ทำให้รู้ว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฮุบสมบัติของภพธร

                “กลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อไหร่คะ”

                หอมนวลคลายอ้อมกอดแล้วพาน้าสาวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวเดิม ถามไถ่ถึงสามีชาวญี่ปุ่นที่แพรวพรรณตกล่องปล่องชิ้นไปเมื่อห้าปีก่อน

                “น้าอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ยังมีลูกให้เขาไม่ได้ เขาเลยไปหาผู้หญิงคนอื่นที่มีลูกให้ได้ละมั้ง”

                รอยยิ้มยินดีจากการได้พบกันกลายเป็นร่องรอยของความเจ็บช้ำที่ถูกทรยศหักหลัง อันที่จริงแพรวพรรณก็มีชีวิตไม่ต่างจากเธอ ถูกผลักไสออกจากบ้าน เมื่อเจอที่พึ่งก็รีบไขว่คว้าด้วยหมายมั่นว่าจะเป็นที่พักพิงอันแสนอบอุ่น แต่พอเอาเข้าจริง...มันกลับยิ่งตอกย้ำโชคชะตาให้เลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม

                ต่างกันก็ตรงที่แพรวพรรณถูกหลอกด้วยความรัก ส่วนเธอ...ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความหวามไหวซึ่งล่อลวงให้ลุ่มหลงจนหาทางออกไม่ได้

                “โธ่!...คุณน้าแพรว แล้วคุณน้าจะทำยังไงต่อไปล่ะคะ”

                “น้าหนีเขากลับมาไทยตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างว่าแหละนะ กลับมาบ้านก็ไม่มีใคร ตายจากกันไปหมด ลุงภพของเรา น้าก็เข้าหน้าไม่ติดหรอก เมียเขาชอบหาเรื่อง ปากก็ร้าย น้าเลยตัดปัญหาไม่ไปเยี่ยมให้เสียเวลา มาหาหลานสาวสุดที่รักดีกว่า” แพรวพรรณยิ้มให้หลานสาว แววตาวาววับมีเลศนัย

                “แต่พอมาถึงไร่จอมนรี กลับไม่พบหลานของน้า เพราะดันหนีไปแต่งงานไม่บอกกล่าวสักคำ แถมหลานเขยทั้งหล่อทั้งรวย ดีกรีดอกเตอร์อีกด้วย เพอร์เฟกต์เหมาะสมกันเสียจริง”

                “ป้ามณีไม่ได้เล่าให้น้าฟังเหรอคะ ว่าที่เขาแต่งงานกับหอมเพราะอะไร” หอมนวลไม่ได้รู้สึกยินดีกับสิ่งที่แพรวพรรณชื่นชม

                “หอม” แพรวพรรณดึงมือหลานสาวมาจับไว้ สื่อความหมายว่ารับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี “น้าขอโทษนะที่น้าช่วยอะไรหนูไม่ได้เลยสักอย่าง แม้แต่เรื่องที่หนูต้องแต่งงานด้วยเหตุผลแบบนี้”

                “มันไม่ใช่ความผิดของคุณน้าเลยนะคะ อีกหน่อยหอมก็คงหย่า กลายเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว ก็ดี...จะได้อยู่สมาคมเดียวกับคุณน้าแพรวไงคะ”  

                หอมนวลยิ้มระรื่น พยายามขจัดความทุกข์ทิ้งไป เพราะอย่างน้อยเธอก็รู้ว่าเขมราชพบเจอคนที่ดีพอที่ใช้จะชีวิตคู่แล้ว ทั้งสวย ทั้งฉลาด ทั้งชาติตระกูลเหมาะสม เขาคงมีความสุขเสียที

                หอมนวลขออนุญาตแม่เลี้ยงมณีแดงให้แพรวพรรณได้พักอาศัยที่เรือนจอมนรีเป็นการชั่วคราว ใจจริงอยากให้ผู้เป็นน้าไปอยู่เสียด้วยกันที่ฟาร์มแสงอรุณ แต่ป้าของเธอออกความเห็นว่าไม่สมควร เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้อาศัย การจะพาใครเข้าไปอยู่โดยพลการนั้นเป็นการเสียมารยาท

                “อยู่กับแม่เลี้ยงก็ดีแล้วหอม น้าจะได้ช่วยทำโน่นทำนี่แทนหอมไง” แพรวพรรณคุ้นเคยกับแม่เลี้ยงมณีแดงพอสมควร ดังนั้นหอมนวลจึงไม่กังวลใจเลยในเรื่องนี้

                “หอมขออยู่กับคุณน้าที่นี่นะจ๊ะ ป้ามณี”

                “ไม่ได้ มีผัวแล้วจะทำตัวเหมือนคนโสดได้ยังไง กลับไปเลย อย่าให้เขาว่าเอาได้ว่าหลานสาวบ้านนี้ไม่เอาไหน”

                ด้วยเหตุนี้หอมนวลจึงต้องเดินคอตกกลับฟาร์มแสงอรุณด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ดังนั้นตลอดระยะทางกลับ เธอจึงภาวนาให้เขมราชไม่อยู่ หรือไม่ก็เข้าห้องนอนใหม่ของเขาไปแล้ว จะได้ไม่ต้องพบหน้ากันให้อึดอัดใจ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น