7

ตอนที่ 7


“คุณหอมจ๊ะ คุณหอม แสงเอาแกงจากไร่จอมนรีมาฝากจ้า...คุณหอม”

                เสียงเรียกโหวกเหวกทำให้หอมนวลสะดุ้งตื่น อยากลุกแต่ก็แสนยากเย็นเพราะถูกท่อนแขนที่หนักยิ่งกว่าหินล็อกตัวไว้ เธอดิ้นขลุกขลักจนเขมราชตื่นตามไปด้วย

                “อะไรเนี่ย” เพราะความง่วงที่ยากจะสลัดออกไปได้ในทันที ทำให้คนตัวโตปรับสายตาอยู่นาน

                “คุณเขมคะ ปล่อยหอมก่อนค่ะ หอมได้ยินเสียงเรียก น่าจะเป็นแสงนะคะ ขืนไม่ลุกไปยายนั่นได้โวยวายบ้านแตกแน่”

                เขมราชฟังชื่อแล้วถึงกับร้องอ๋อ เขาเห็นแสงระวีบ่อยๆ ที่ไร่จอมนรี หญิงสาวคนรับใช้ที่พูดเก่งจนลิงหลับ “บ้านแตกแล้วไง ฉันง่วง” เขมราชดื้อแพ่ง

                หอมนวลถอนหายใจ เหนื่อยกับความดื้อด้านของเขา อะไรที่ทำให้ผู้ชายที่มีเหตุผลอย่างเขมราชกลายเป็นคนเอาแต่ใจไปได้

                เสียงเรียกยังดังอยู่ ทิศทางของเสียงชัดเจนว่าคนเรียกยืนอยู่ด้านล่างตรงหน้าต่างห้องนอน

                “คุณเขมจะนอนก็นอนสิคะ แค่ยกแขนออกจากตัวหอม มันคงไม่ยากนักหรอกค่ะ”

                คนฟังยังคงแกล้งหลับตา ปล่อยให้หอมนวลกังวลอยู่คนเดียว ขืนปล่อยให้แสงระวีเรียกอยู่แบบนี้ ใครมาได้ยินคงคิดกันไปไกล ว่าเหตุใดคนถูกเรียกจึงไม่รีบออกมาขานรับ  

                “โอ๊ย!” เขมราชยอมปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระ เพราะถูกหยิกเข้าเต็มแรง

                หอมนวลรีบลุกไปชะโงกหน้าต่าง ในขณะที่เสียงเจื้อยแจ้วก็ยังดังไม่หยุด

                “คุณหอมคะ คุณหอม แสงระวีสาวใช้คนสนิทเองจ้า”

                “แสง…ชู่” หอมนวลแตะนิ้วชี้ที่ปาก เป็นสัญลักษณ์ให้เงียบ “อย่าโวยวายได้มั้ย เอาแกงมาให้ก็เอาขึ้นไปที่ครัวสิ”

                “แสงรู้ค่ะว่าต้องเอาขึ้นไปที่ครัว แต่ว่าแสงคิดถึงคุณหอมนี่ คิดว่าจะได้เจอ แต่ป้าจันเป็งบอกว่าคุณหอมยังไม่ตื่น แปลกนะคะที่คุณหอมตื่น...สาย...แบบ...นี้” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวพูดยานคาง เพราะมัวแต่ตื่นตะลึงกับคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเจ้านายสาว

                ร่างกายกำยำเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อของชายหนุ่มที่เต็มแน่นไปทั้งตัว จนหญิงสาวแรกรุ่นเผลอกลืนน้ำลายลงคอ สมองที่ว่องไวอย่างเด็กฉลาดปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันที

                “อ่อ...ที่แท้คุณหอมก็กำลัง...”

                หอมนวลหันมองตามสายตาของแสงระวี พบว่าตัวต้นเหตุยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเธอ “คุณเขม” เธอรู้ความคิดของแสงระวีทันที หญิงสาวแก่แดดแก่ลม ไม่มีทางคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ “ไม่ใช่แบบนั้นนะ”

                หอมนวลโบกมือปฏิเสธ แต่แทนที่เขมราชจะช่วยแก้ตัว กลับยิ่งสร้างความเข้าใจผิดไปกันใหญ่

                “มาแต่เช้าเลยนะแสง ขอโทษที่ให้รอนาน พอดีว่าเมื่อคืนเจ้านายเธอใช้แรงเยอะไปหน่อย วันนี้เลยตื่นสาย”

                หอมนวลถึงกับอ้าปากค้างกับคำพูดชวนให้คิดของเขา ภาพลักษณ์ที่เธอเพียรสร้างขึ้นมาเพื่อหวังให้ลูกน้องที่มีอยู่น้อยนิดได้นับถือพังทลายลงทันตาเห็นด้วยปากคอของเขมราช

                “อ่อ ค่ะ งั้นไว้วันหลังแสงจะมาใหม่นะคะ ยังไงก็...มีตัวเล็กเร็วๆ นะคะ”

                หอมนวลแทบจะกัดลิ้นตัวเอง แสงระวีพูดเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่อายสักนิด เขมราชก็กระไร สนทนากับยายเด็กแก่แดดราวกับสนิทสนมกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน

                สนิทสนม...ใช่! ทำไมเขมราชถึงจำแสงระวีได้ ในขณะที่เขาจำเธอไม่ได้ เธอมั่นใจว่าเขมราชมีโอกาสพบเธอมากกว่าแสงระวีแน่นอน

                หอมนวลหูดับไปชั่วขณะเพราะกำลังตกใจกับความคิดของตัวเอง ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงล่ำลาของแสงระวี ชาไปหมดทั้งตัว สำหรับเขมราชแล้ว...เธอคงเป็นแค่อากาศเท่านั้นจริงๆ

                “หอม”

                หอมนวลสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พบว่าตัวต้นเหตุมองมาด้วยความเป็นห่วง

                “ทำไมนิ่งไปเลย ฉันคิดว่าเธอเป็นอะไรไป”

                หอมนวลไม่ตอบ เธอมองไปทางแสงระวีอีกครั้ง ทว่าพบแต่ความว่างเปล่า

                “แสงไปแล้ว”

                “ค่ะ” หอมนวลตอบสั้นๆ แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งแหมะบนเตียง

                “เธอเป็นอะไร ไม่พอใจคำพูดฉันเหรอ ถ้าฉันพูดอะไรไม่ดีเธอบอกฉันได้นะ จะไม่ทำอีกถ้าเธอไม่ชอบ” เขมราชพูดอย่างจริงจัง หอมนวลเป็นคนไม่คิดมาก เป็นเรื่องยากที่เธอจะโกรธ ทว่าเมื่อได้โกรธแล้ว แม้ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำต่อว่าใดๆ เขาก็รู้สึกเจ็บได้เพียงแค่เห็นแววตาเฉยชาของเธอ

                “คุณเขมไม่ได้พูดอะไรไม่ดีหรอกค่ะ หอมไม่ได้โกรธอะไรคุณ” หอมนวลไม่มองหน้าเขา เธอน้อยใจจนไม่รู้จะพูดอะไร เธอไม่ควรโกรธเขาด้วยซ้ำเพราะนั่นไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นเพราะตัวเธอเองต่างหากที่ไม่มีอะไรดึงดูดให้เขาจดจำ

                “ผู้หญิงร้อยทั้งร้อย บอกไม่มีอะไรต้องมีทุกที บอกไม่โกรธ นั่นแหละกำลังโกรธ”

                คนร้อนตัวคุกเข่าตรงหน้าหญิงสาวที่กำลังทำหน้าบูด เขาทำราวกับชายหนุ่มกำลังงอนง้อคนรัก จนเธอเกือบเคลิ้มไปว่าเขากับเธอคือคนที่รักกันจริงๆ

                “หอมก็แค่ทบทวนตัวเองว่าหอมใช้ชีวิตยังไง ทำไมคุณเขมถึงจำแสงได้ แต่กลับจำหอมไม่ได้”

                ไม่เพียงแต่หอมนวลที่แปลกใจ เขมราชเองก็แปลกใจเหมือนกัน ทุกครั้งที่ไปไร่จอมนรี ความสนใจก็มุ่งไปที่จันทร์นรีเพียงคนเดียว จึงไม่แปลกที่เขาจะจำหอมนวลไม่ได้ แต่มันไม่น่าเกิดขึ้นกับคนที่พบกันหลายครั้งในเวลาสามปี ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ขนาดแสงระวีที่พบกันไม่กี่ครั้ง เขายังจำได้โดยไม่ต้องนึกเลย

                “ฉันขอโทษ แต่นับจากนี้ไป ต่อให้เห็นแค่เส้นผม ฉันก็จำได้ว่าเป็นเธอ”

                หอมนวลหลอมละลายอีกครั้งกับคำพูดไพเราะที่เธอหลงใหลตั้งแต่วันแรกที่พบ 

                “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณ”

                เขมราชยิ้ม เขาจับมือหอมนวลไว้ เหมือนมีแสงอบอุ่นจากพระอาทิตย์ส่องมายังหัวใจที่เหน็บหนาว จนเขารู้สึกอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                “วันนี้ไปที่ฟาร์มกับฉันนะ”

 

                เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเวลาสายของวันเสาร์ ทำให้แม่เลี้ยงมณีแดงที่กำลังงีบหลับต้องลุกขึ้นมารับอย่างเสียไม่ได้ โดยปกติหน้าที่รับโทรศัพท์เป็นของหอมนวล แต่นี่หลานสาวของเธอกลายเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงเขมราชไปเสียแล้ว

                “ไร่จอมนรี สวัสดีค่ะ”

                “สวัสดีครับแม่เลี้ยง รับสายด้วยตัวเองเลยนะครับ”

                แม้จำเสียงไม่ได้ แต่วิธีการพูดนั้นทำให้หญิงสูงวัยรู้ได้ในทันทีว่าคนปลายสายเป็นใคร 

                “คุณภพธร”

                “หลานสาวสุดที่รักของผมไปไหนล่ะครับ ทำไมปล่อยให้ป้ามารับสายเอง นี่สงสัยจะไปเที่ยวเล่นไร้สาระอยู่ละสิ”

                ถ้อยคำไม่ประสงค์ดีนั้นทำให้คนฟังคิ้วกระตุก รู้สึกถึงลางร้าย ดูเหมือนสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดสิบกว่าปีกำลังจะมาถึงแล้วในไม่ช้า

                ภพธรเป็นพี่ชายนิลุบล มารดาของหอมนวล ชายวัยห้าสิบห้าปีคาดหวังเสมอว่าหอมนวลจะเหลวแหลก ไร้การศึกษา ทำตัวไร้ค่า ไร้ความคิด ยิ่งหญิงสาวโง่เท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะสิ่งที่ภพธรกำลังทำ...คนฉลาดเท่านั้นที่รู้ทัน

                “ยายหอมอยู่บ้านสามีค่ะ”

                “อะไรนะ!”

                น้ำเสียงตกใจระคนดีใจของภพธรไม่ได้ผิดไปจากที่แม่เลี้ยงมณีแดงคาดไว้

                “นึกอยู่แล้ว เรียนไม่ทันจบก็มีผัวซะละ แล้วผัวยายหอมเป็นใครกันล่ะ คงจะไม่มีหัวนอนปลายเท้า ถึงได้จัดงานแต่งเงียบกริบขนาดนี้ หรือว่า...มันหนีตามกันไป”

                “ไม่ต้องห่วงหลานหรอกค่ะคุณภพธร ยายหอมแกเป็นถึงลูกสาวคุณนิลุบลนักธุรกิจชื่อดัง เป็นว่าที่เจ้าของโรงแรม ‘เคนโนซ่า’ โรงแรมหรูติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของโรงแรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอไม่ใฝ่ต่ำแน่นอนค่ะ สามีของเธอก็คุณเขมราช ธนพัฒน์ธาดา ไงคะ”

                “เขมราช ธนพัฒน์ธาดา เจ้าของฟาร์มแสงอรุณ”

                คราวนี้น้ำเสียงเย้ยหยันถูกแทนที่ด้วยอาการขบฟัน บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังข่มอารมณ์อย่างสุดความสามารถ

                “ใช่ค่ะ ฟาร์มแสงอรุณ พูดถึงชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักใช่มั้ยคะ ยายหอมจดทะเบียนสมรสได้เป็นเดือนแล้วละค่ะ แต่ที่ไม่ได้แจ้งให้คุณภพธรทราบ เพราะเห็นว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมาคุณไม่ได้มาดูดำดูดียายหอมเท่าไรนัก อีกอย่างคุณเขมแกใจร้อน อยากแต่งเร็วๆ ไม่ยอมรอให้ยายหอมเรียนจบก่อน แต่ไม่ต้องห่วงว่ายายหอมจะเรียนไม่จบนะคะ แกเรียนจบแน่ เพราะแกต้องสืบทอดกิจการโรงแรมนี่คะ และถ้ายายหอมเรียนจบเมื่อไหร่ คุณเขมจะจัดพิธีแต่งงานทันที วันนั้นฉันจะไปเรียนเชิญด้วยตัวเองเลยค่ะ”

                กึก!

                เสียงวางโทรศัพท์ดังจนเหมือนว่าคนปลายสายคงกระแทกโทรศัพท์ลงบนแป้นวาง ภพธรคงจะร้อนๆ หนาวๆ บ้าง เมื่อเห็นว่าหอมนวลไม่ใช่แค่หลานสาวเจ้าของไร่ดอกไม้ที่มีกิจการเล็กๆ เพียงหยิบมือ ทว่าเป็นถึงภรรยาพ่อเลี้ยงฟาร์มแสงอรุณอันกว้างใหญ่ไพศาล

                แม่เลี้ยงมณีแดงเคยพบภพธรครั้งแรกเมื่อสิบสามปีก่อนซึ่งไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก เพราะในวันนั้นเป็นวันเปิดพินัยกรรมของนิลุบล หลังจากเธอเสียชีวิตได้หนึ่งเดือน

                ‘ข้าพเจ้านางนิลุบล วานิชกุล ขอมอบโรงแรมเคนโนซ่าให้เด็กหญิงหอมนวล วานิชกุล บุตรสาวของข้าพเจ้า โดยจะได้รับกรรมสิทธิ์ทั้งหมดเมื่ออายุครบยี่สิบเอ็ดปีบริบูรณ์ หากข้าพเจ้าเสียชีวิตลงก่อนหน้า ให้นายภพธร ทองทวี ดูแลกิจการไปก่อนจนกว่าเด็กหญิงหอมนวล วานิชกุล จะอายุถึงที่กำหนด โดยรายได้ของกิจการนับตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้าเสียชีวิต แบ่งเป็นสามส่วน ดังนี้...’               

                ทนายความอ่านพินัยกรรมเสียงดังฟังชัด ชัดเสียจนมณีแดงจำได้ขึ้นใจ

                เวลานั้นเธอรับฟังพินัยกรรมด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว หลังจากถูกเรียกตัวให้มารับหลานสาวไปเลี้ยงดู เธอไม่ได้โกรธที่ต้องรับภาระการเลี้ยงดูหอมนวล แต่โกรธเพราะบรรดาญาติพี่น้องฝั่งมารดาของหอมนวลผลักไสเด็กน้อยราวกับเป็นเด็กข้างถนน น่าเวทนานัก เสียบิดาไปได้เพียงแค่สองปี กลับต้องมาสูญเสียมารดาไปอีก

                ภายใต้บรรยากาศตึงเครียด ภพธรในวัยกลางคนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตากร้าวกล้าจนน่าสยองพองขน เขามองหอมนวลเหมือนตัวร้ายในละครที่กำลังคิดแผนฆาตกรรมอย่างไรอย่างนั้น เธอไม่มั่นใจเลยว่าเมื่อวันที่หอมนวลอายุครบยี่สิบเอ็ดปีมาถึง ทุกอย่างจะเป็นไปตามพินัยกรรมหรือไม่

                กระทั่งวันนี้ เธอแน่ใจแล้วว่าภพธรต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมนั่น ซึ่งเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับหญิงสูงวัยอายุหกสิบปีที่ต้องปกป้องหลานสาวเพียงลำพัง โชคดีที่ฟ้าประทานเทพบุตรลงมาช่วย แม้จะกังวลอยู่ไม่น้อยว่าถ้าเขมราชรู้เรื่องทั้งหมดเขาจะยังยินดีปกป้องหอมนวลหรือไม่

                ในเมื่อชายหนุ่มไม่ได้รักหลานสาวของเธอ

                แต่อย่างน้อยเขมราชก็เป็นคนดี แถมยังมีอำนาจ ใครคิดจะทำร้ายหอมนวลคงต้องคิดให้มากกว่าเดิมหลายเท่า

 

                “ช่วงนี้เจ้านายเราดูมุ้งมิ้งเนอะ สงสัยมีความรัก”      

                เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มสวมเสื้อลายเดียวกับนายหญิง ซอมพอก็แกล้งสนทนากับฟ้าฮ่ามเสียงดังประสงค์ให้เจ้านายได้ยิน หวังยั่วโทสะเล่น ราวกับการได้ทำให้เจ้านายโมโหเป็นยาดีที่ช่วยเพิ่มพลังในการทำงาน

                “เห่านักนะ ไอ้ใหญ่” เขมราชเตะไปที่ก้นคนพูดมาก

                ซอมพอร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ กระนั้นก็ยังส่งยิ้มแป้นแล้นให้ทั้งที่แรงเตะนั้นไม่ใช่ของเล่นเลย ต่อให้ถูกกระทำมากกว่านี้ก็ยอม

                ซอมพอและฟ้าฮ่ามอุทิศตนเป็นลูกน้องเขมราชทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เจ้านายหนุ่มเรียกซอมพอสั้นๆ ว่าใหญ่ และเรียกฟ้าฮ่ามว่าเล็ก เพราะชื่อที่เรียกยากทำให้ชายหนุ่มตั้งชื่อให้ใหม่ สั้นๆ ง่ายๆ ไม่คำนึงถึงความหมายอื่นใด แม้ว่าใหญ่จะตัวไม่ใหญ่ และเล็กไม่ได้ตัวเล็กก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็ยินดีให้เจ้านายเรียกตามแต่ความพอใจ  

                “เอาเลยนาย ปากมันหมา ลามปามเจ้านายต้องเอาให้หนัก” ฟ้าฮ่ามย้ายมายืนด้านหลังเจ้านาย เหมือนนกสองหัวไม่มีผิด

                “แกด้วยไอ้เล็ก ขืนใช้ปากทำงาน เดี๋ยวไม่นานเอ็งจะได้ย้ายไปนั่งเฉยๆ อยู่บ้าน”

                ฟ้าฮ่ามที่คิดว่าตนเหนือกว่าคู่หูคู่กัดในตอนแรกอ้าปากหวอ คดีพลิกต่อหน้าต่อตา

                หอมนวลได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าสลดของสองคู่หู ดูน่าสงสารระคนขบขัน

                จังหวะเดียวกับที่ฝ่ายบัญชีนำเอกสารมาให้เขมราชเซ็น ทั้งซอมพอและฟ้าฮ่ามจึงโล่งใจที่มีคนมาเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้านายไม่ให้สำเร็จโทษพวกตนหนักไปกว่านี้

                “นายหญิงสวยมากเลยนะครับ” ฟ้าฮ่ามปรี่เข้ามาสนทนากับหอมนวลตามนิสัยช่างประจบประแจง ซอมพอเห็นเข้าก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบตามไปสมทบทันที

                “นั่นสิครับ ยิ่งยิ้มก็ยิ่งสวย”

                ผัวะ!

                “โอ๊ย!” ซอมพอและฟ้าฮ่ามร้องประสานเสียงกันจนคนงานพากันหันมามอง สองหนุ่มลูบศีรษะป้อยๆ เมื่อถูกเขมราชลงทัณฑ์ด้วยฝ่ามือ

                เจ้านายหนุ่มคว้าแขนภรรยามายืนใกล้ๆ จ้องลูกน้องจอมแสบนิ่งด้วยบังอาจมาเกาะแกะ ‘เมียนาย’

                “เอ็งสองคนคงอยากตกงานจริงๆ ใช่มั้ย”

                “โธ่นาย เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่ชมนายหญิงว่าสวย” ซอมพอกล่าวเสียงเบา ก้มหน้าไม่กล้ามอง

                “ชมก็ไม่ได้ ห้ามชม ห้ามมอง ห้ามยุ่ง เข้าใจมั้ย”  

                “โอเคครับนาย” ซอมพอยกมือตะเบ๊ะแบบนายทหาร ท่าทางขึงขังจริงจังไม่เข้ากับบุคลิกสักนิด

                เขมราชเปลี่ยนมาคุยเรื่องงาน สั่งโน่นสั่งนี่อยู่หลายคำ ฝ่ายหอมนวลได้แต่ยืนมองเงียบๆ ไม่พูดไม่จา จะเดินไปไหนก็ไม่ได้เพราะแขนถูกพันธนาการด้วยมืออบอุ่นที่เธอไม่อยากสลัดออกแม้จะทำได้ก็ตาม จนกระทั่งซอมพอกับฟ้าฮ่ามแยกย้ายไปทำงาน หญิงสาวจึงพูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกมา

                “คุณเขมไม่ต้องทำเหมือนหึงหวงหอมได้มั้ยคะ”

                “ทำไม” เขมราชยิ้ม เขาไม่เคยถูกใครขอร้องแบบนี้

                “ก็ถ้าคุณเขมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ คุณเขมก็ไม่ควรทำ”

                “รู้ได้ไงว่าฉันไม่รู้สึกแบบนั้น” เพราะเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดไตร่ตรองก่อนทำด้วยซ้ำ ทำไปตามสัญชาตญาณล้วนๆ

                “รู้สิคะ คุณไม่ได้...” หอมนวลลังเลแต่ก็พูดออกไปในที่สุด “ไม่ได้รักหอม”     

                “หึ!” เขมราชไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงได้แต่เค้นเสียงหัวเราะออกมา พร้อมพูดคำที่หอมนวลแทบจะกระโดดตะปบปาก “เธอเป็นเมียฉัน”

                “แต่เราไม่ได้เป็นสามีภรรยาแบบที่คนอื่นเป็น”

                “ไม่เป็นแบบที่คนอื่นเป็นยังไง ฉันจดทะเบียนสมรสกับเธอ และเราก็เคยมีอะไรกันแล้วด้วย”

                “คุณเขม อย่าพูดเสียงดังสิคะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” หอมนวลหันซ้ายหันขวาอย่างนึกกลัว

                “ได้ยินแล้วไง เธอเป็นเมียฉัน ฉันก็ต้องมีอะไรกับเธอสิไม่เห็นแปลก เมื่อคืนนี้ต่างหากที่แปลก...ฉันไม่น่าปล่อยเธอไปเลยจริงๆ” เขมราชโน้มตัวเข้าไปใกล้จนจมูกเกือบโดนแก้มเนียนใส

                หอมนวลเผลอผลักเขาออก เพราะตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่เป็นบริเวณโกดังเก็บน้ำนม มีคนงานค่อนข้างพลุกพล่าน 

                “ชู่ หยุดพูดนะคะ หอมอาย”

                “อายทำไม ที่นี่ฉันใหญ่สุด ใครจะกล้านินทา”

                “เพราะไม่กล้าพูดต่อหน้าน่ะสิคะ ถึงเอาไปพูดลับหลัง นั่นแหละเขาเรียนนินทา”

                เขมราชยังยิ้มร่า เขารั้งแขนคนที่เอาแต่พูดเจื้อยแจ้วให้เดินตาม ไม่ได้สนใจท่าทีหงุดหงิดของหญิงสาว จนกระทั่งมาหยุดที่พนักงานควบคุมสินค้า สอบถามพูดคุยอยู่นานสองนาน

                หอมนวลพยายามแกะมือเขาออก เพราะพบสิ่งที่น่าสนใจกว่า นั่นก็คือถังอะลูมิเนียมที่ปิดฝาอย่างดี ซึ่งคงบรรจุนมวัวอยู่เต็มถัง เธอเคยได้ยินมาว่านมที่ได้มาสดๆ นั้นอร่อยมาก แต่เจ้าของมือแข็งแรงก็ไม่อนาทรต่อความปรารถนาของเธอเลย

                “อยู่เฉยๆ” เมื่อเห็นว่าคนข้างกายบิดข้อมือไปมา เขมราชก็หันมาดุทีหนึ่งก่อนหันกลับไปคุยเรื่องงานต่อ เป็นแบบนี้อยู่สองครั้ง ในที่สุดหอมนวลก็ยอมจำนน ยืนมองถังนมที่เรียงรายเป็นร้อยๆ ถังตาละห้อย

                “คุณเขม หอมอยากกินนมวัวในถังนั่น”

                “นั่นมันนมดิบนะ ยังไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ กินไม่ได้”

                “แล้วทำไม ลูกวัวมันยังกินได้เลยล่ะคะ”

                “ก็เธอไม่ใช่วัวไงล่ะ ถึงหุ่นจะเหมือนแม่พันธุ์ก็เถอะ”

                พูดจบก็เดินฉับๆ ไปอีกทาง ทิ้งระเบิดไว้ในใจคนฟังให้ปะทุคุกรุ่น หอมนวลอยากกระทืบเท้าแล้วกรีดร้องเหมือนนางร้ายในละคร แต่เมื่อเห็นแววตาขบขันของเหล่าคนงานนับสิบที่คงได้ยินชัดทุกถ้อยคำ คนหุ่นเหมือนแม่พันธุ์จึงได้แต่หายใจเข้าออกช้าๆ ข่มอารมณ์

                ‘สักวันคงต้องหาเข็มมาเย็บปากแน่ๆ เลยคุณเขม’

 

                หอมนวลกระดกน้ำดื่มรวดเดียวหมดขวด ลำคอที่แห้งผากกลับชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะวันทั้งวันต้องเดินตามพ่อเลี้ยงเจ้าของฟาร์มจนขาอ่อนเปลี้ยไปหมด หญิงสาวทรุดนั่งบนเนินทุ่งหญ้ากว้างใกล้กับสำนักงานใหญ่ของฟาร์มซึ่งเขมราชหายเข้าไปในนั้นนานร่วมชั่วโมง

                วันนี้เธอเห็นเขาทำงานตัวเป็นเกลียวจนอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดงานในฟาร์มถึงได้มากมายก่ายกอง แค่ไร่จอมนรีที่มีงานน้อยกว่านี้มากก็ยังทำให้เธออยากโบกมือลามาหลายครั้งหลายครา ทว่าความรักที่มีต่อไร่คือสิ่งเดียวที่เธอทนทำงานได้ทุกวันไม่เคยเบื่อ  

                ‘คุณเขมก็คงทำเพราะรักเหมือนกัน’

                คิดแล้วก็ต้องยิ้ม เขมราชเป็นผู้ชายที่เธอมอบคำว่าสมบูรณ์แบบให้โดยไม่มีข้อกังขา สิ่งแรกที่เขามีคือความหล่อชนิดที่หล่อขั้นเทพยังชิดซ้าย ร่างของเขาสูงกำยำอย่างนายแบบ จมูกโด่ง คิ้วเข้ม นัยน์ตาคมสีสนิมชวนฝัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธความจริงข้อนี้อย่างแน่นอน

                สองคือความเฉลียวฉลาด ที่มิใช่แค่ใบปริญญาดุษฎีบัณฑิตเท่านั้นที่การันตี ทว่ายังเห็นได้จากวิธีการบริหารคนงานนับพันคนในกิจการที่มีพื้นที่เกือบสี่พันไร่ได้โดยไม่มีข้อบกพร่อง ซ้ำยังพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก

                และข้อสุดท้ายที่สำคัญนั่นคือความเป็นสุภาพบุรุษ อันเป็นเสมือนเนื้อในของ มิใช่เป็นเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อเอาใจใครเหมือนผู้ชายหลายคน

                ข้อสุดท้ายนี่ละ...ที่ทำให้เธอหลงใหลจนเก็บเอาไปเพ้ออยู่นานหลายปี แม้กระทั่งตอนนี้

                “คิดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย”

                เสียงของคนในห้วงความคิดดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งตัวโยน หันมามองก็พบว่าเขานั่งแหมะอยู่ข้างเธอแล้ว และแทนที่เธอจะกล่าวปฏิเสธหรือแกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่น กลับกลายเป็นเผยความจริงออกไปเสียอย่างนั้น

                “คุณรู้ได้ยังไง”

                รอยยิ้มกว้างของเขมราชหายวับ เพราะตกตะลึงกับคำตอบของหญิงสาว ทว่าหลังจากนั้นพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง พลอยทำให้คนถูกหัวเราะหน้าแดงด้วยความอาย

                “เธอคิดถึงฉันจริงๆ เหรอ” เขมราชถามไปหัวเราะไปในความเปิ่นระดับรางวัลชนะเลิศของเธอ เขารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจให้เขารู้ความจริงข้อนี้

                “ขำอะไรคะ หอมกำลังคิดว่าเมื่อไหร่คุณเขมจะออกมาจากออฟฟิศเสียทีต่างหาก หอมหิวข้าวจะแย่แล้ว” หอมนวลตอบไม่เต็มเสียง หวังจะแก้สถานการณ์ได้ทัน แต่เปล่าเลย เขมราชเข้าใจแบบนั้นไปแล้ว

                “เธอคิดถึงฉัน ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ คนเป็นเมียก็ต้องคิดถึงผัวเป็นธรรมดา”

                “คุณเขม”

                อีกครั้งที่หอมนวลเกือบหมดความอดทน เขมราชคนที่สุภาพอ่อนหวานหายไปไหนกันนะ เหลือแต่คนปากคอร้ายกาจ พูดจาขวานผ่าซาก เหมือนผีเจาะปากให้มาพูด เธอชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดก่อนหน้านี้จะเป็นความคิดที่ถูกต้อง

                ‘สุภาพบุรุษเต็มขั้นจริงๆ’ หญิงสาวคิดอย่างโมโห

                “นี่!” เขมราชจับศีรษะที่ผินหน้าหนีไปอีกทางให้หันมาเผชิญหน้า “มองฉัน”

                “ไม่!” หอมนวลขัดขืนเต็มกำลัง ไม่ยอมสบตาง่ายๆ

                “มอง”

                พ่อเลี้ยงหนุ่มมีกำลังมากกว่าจึงจับใบหน้าหวานให้หันมาทางเขาได้สำเร็จ ทว่าลูกแกะจอมพยศกลับหลับตาปี๋ไม่ยอมมองท่าเดียว

                “ได้ เธอหลับตา ฉันจูบ”

                เขมราชไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เขาโน้มกายลงจุมพิตเรียวปากอวบอิ่มโดยไม่สนสายตาใคร

                คนถูกขโมยจูบตกใจกับการจู่โจมของเขา เธอพยายามขัดขืนด้วยการเม้มปากไม่ยอมรับจูบโดยง่าย สองมือดันแผงอกกำยำให้ออกห่าง ทว่ายิ่งพยายามเท่าไร เขาก็ยิ่งควบคุมเธอด้วยจูบที่ทวีความรุนแรง

                หญิงสาวรู้สึกว่าเลือดในกายสูบฉีดผิดไปจากเดิม ท้องไส้ปั่นป่วนราวกับยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน สุดท้ายความหวั่นไหวก็พ่ายแพ้รสจูบอันแสนหวานเช่นทุกครั้งที่เธอแพ้มาตลอด เธอปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความต้องการของเขา

            เธอมันใจง่ายจริงๆ หอมนวล

                “คุณเขม” เขาถอนจูบแล้วแต่หอมนวลยังนิ่งอยู่แบบนั้น หลายครั้งที่เธอไม่เข้าใจการกระทำอันไร้เหตุผลของเขา ชายหนุ่มทำเหมือนว่ารักเธอ แต่เธอไม่เคยมั่นใจเลยว่าผู้ชายอย่างเขาจะรู้สึกแบบนั้นกับเธอจริงๆ “ทำแบบนี้ได้ยังไงคะ”

                “จูบน่ะเหรอ ก็แค่เอาปากฉันไปชนกับ...”

                “คุณเขมคะ” หอมนวลหมดความอดทน “ถ้าจะพูดจากวนประสาทแบบนี้ หอมไม่คุยด้วยแล้วนะคะ”

                หญิงสาวลุกเดินหนี แต่ถูกมือแข็งแรงคว้าเอาไว้จนร่างบางถึงกับเซ เพราะจังหวะยืนยังไม่มั่นคง

                “เดี๋ยว! โอเคๆ ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขมราชรีบขอโทษยกใหญ่ ดวงตาที่เคยกร้าวกล้าค่อยๆ หรี่ลงเพราะความหวาดหวั่น เขากลัวคนตัวเล็กจะโกรธ

                หอมนวลพ่นลมหายใจ ยอมจำนนให้แก่แววตาเศร้าที่แสดงความรู้สึกผิดของเขา ยอมจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่หลงเหลือคุณค่าใดๆ อีกแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีกับทั้งตัวเขาและหัวใจเธอ ถึงเวลาแล้วที่เธอกับเขาต้องพูดกันให้เข้าใจ

                “ที่หอมหมายถึงคือคุณทำแบบนี้กับผู้หญิงที่คุณไม่รักไม่ได้ค่ะ อีกอย่างหอมก็อายคนอื่นด้วย” หอมนวลมองไปรอบๆ ก็พบกับสายตาหลายคู่ที่มองมา เธออายจนหมดความอาย “ถ้าไม่คิดอะไร ก็อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ”

                “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาอยู่กับเธอ ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัว เอาเปรียบเธอ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่...ฉันก็พยายาม ฉันพยายามจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับเธอไปมากกว่านี้”

                หอมนวลอยากจะซาบซึ้งในความพยายามอันล้นเหลือของเขา เขมราชพูดราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้มีเสน่ห์มากล้น ผู้ชายที่ไหนอยู่ใกล้ก็พานควบคุมอารมณ์ตัณหาของตัวเองไม่ได้ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเธออยู่ตรงข้ามกับคำนั้นอย่างสิ้นเชิง และไม่ว่าเขาจะทำไปเพราะอะไรก็ตาม หากไม่ใช่ความรักแล้วละก็...เหตุผลใดก็ไม่สมควรทั้งนั้น

                “คุณเขมคิดยังไงกับหอมคะ” เธอรู้ว่าหน้าไม่อายที่ถามคำนี้กับเขา ทั้งที่เขาเพิ่งอกหักจากพี่สาวของเธอได้ไม่นาน มิหนำซ้ำคำตอบก็อาจทำให้เธอเจ็บช้ำรุนแรงกว่าเดิม             

                คนถูกถามได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ‘รักหอมนวลหรือไม่’ เขาไม่เคยหาคำตอบในเรื่องนี้ อันที่จริงเขาไม่เคยให้เวลาตัวเองได้คิดเรื่องอะไรเลยต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจันทร์นรีที่ทิ้งเขาไปโดยไม่ลา การจดทะเบียนสมรสกับหอมนวลหลังจากมีความสัมพันธ์อันเกิดจากความไม่ตั้งใจ ไม่คิดแม้กระทั่งการใช้ชีวิตของสามีภรรยา ไม่วางแผน ไม่มีอนาคต ไม่มีอดีต นั่นเป็นเพราะความผิดหวังอย่างรุนแรงจนทำให้ไม่กล้าคิดอะไรอีก ทุกวันนี้เขามุ่งทำแต่งานจนเข้าขั้นหมกมุ่น

                ส่วนเรื่องอื่น...ทำไปตามสัญชาตญาณทั้งสิ้น

                “ถามทำไม”

                “คุณเขมก็แค่พูดมาตามตรงว่าไม่ได้คิดอะไรเท่านั้นพอค่ะ หอมรู้นะคะว่าคุณเขมยังรักพี่ลูกจันทร์ แต่สักวันถ้าคุณเขมลืมพี่ลูกจันทร์ได้ คุณเขมก็จะรักคนอื่นได้เหมือนกัน เมื่อไหร่ที่วันนั้นมาถึง...หอมอาจเป็นตัวปัญหาของคุณ”

                “เธอไม่มีวันเป็นตัวปัญหาของฉันหรอกนะ ฉันต่างหากที่สร้างปัญหาให้เธอ” เขมราชพูดในสิ่งที่คิด เพราะว่าเขาล่วงเกินเธอ ทำให้หญิงสาวต้องใช้ชีวิตสามีภรรยาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ “แต่เธอพูดถูก สักวันเมื่อฉันลืมลูกจันทร์ได้ ฉันก็คงจะรักคนอื่นได้”

                คำพูดของเขาทำเอาหัวใจคนฟังร่วงหายไปเลยในตอนนั้น ทว่ายังไม่ทันได้เจ็บดี ประโยคต่อมาก็ทำให้เธอต้องตะลึง  

                “ซึ่งคนนั้นอาจเป็นเธอ”

                “คุณเขม”

                หอมนวลไม่คาดฝันมาก่อน เขาพูดว่า ‘เขาอาจรักเธอได้’ นี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ แต่จะเป็นความฝันไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือของเขาที่ส่งถึงมือเธอ

                “ฉันพูดจริงนะ” เขมราชไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อน “แล้วเธอล่ะ จะรักฉันได้ไหม”

                ครั้งแรกที่หอมนวลคิดว่าเขาถามอะไรโง่ๆ เธอรักเขาอยู่แล้วเต็มหัวใจ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอเก็บไว้ ไม่มีวันให้เขารู้

                รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าอ่อนหวาน เธอมองมือเขาที่กุมมือเธอไว้มั่น แม้บอกตัวเองว่าไม่ใช่ความฝัน แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ในชีวิตของผู้หญิงไม่มีอะไรน่าจดจำอย่างเธอ

                “ไม่รู้สิคะ”

                “ฉันรู้ว่าเธอรักฉันได้ เพราะฉันหล่อ”

                คราวนี้หอมนวลไม่ได้รู้สึกอยากตะบันหน้าหล่อเหลาเหมือนทุกครั้งที่เขาพูดจาชวนหมั่นไส้ ก็เธอกำลังตื่นเต้นกับคำถามของเขา คำถามที่บังคับให้เธอเลือกตอบได้เพียงคำตอบเดียว

                “ถ้าเธอรักฉันไม่ได้เพราะความหล่อ ฉันก็มีทางลัดนะ”

                ใบหน้าที่เริ่มแดงเพราะความขวยเขินปรากฏรอยย่นที่หัวคิ้ว “ทางลัดอะไรคะ”

                “ก็มีอะไรกันอีกสักครั้งสองครั้ง เธอก็หลงรักฉันเองแหละ”

                ทางลัดของเขาทำให้คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่าตีกลอง ใบหน้าหวานแดงก่ำ บริเวณท้องน้อยเสียววูบวาบโดยอัตโนมัติ เธออยากแข็งขืนกับคำพูดลามกของเขาแต่เธอกับโอนอ่อน นี่เธอเป็นผู้หญิงกระหายเซ็กซ์ไปแล้วหรืออย่างไร

                “คิดอะไร” เขมราชยื่นหน้ามาใกล้ จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างรู้ทันความคิด

                หอมนวลขยับหนี ทว่าลำแขนแข็งแรงกลับคว้าเธอไว้อย่างรวดเร็ว ตวัดทีเดียวร่างนุ่มนิ่มก็แนบสนิทกับลำตัวที่แข็งแกร่งประหนึ่งภูผา เขาใช้แขนข้างเดียวรัดเอวบางไว้ แล้วออกแรงยกเพียงนิดใบหน้าหวานก็สูงพอให้เขาก้มลงจูบได้อย่างถนัดถนี่ เธอบิดกายหนีแต่ทำได้ยากเย็น เหมือนว่าแขนของเขาเป็นเครื่องจักรกล ยากเกินที่จะใช้กำลังขัดขืน

                เมื่อต้านทานไม่ไหวหญิงสาวจึงยอมรับจูบนั่นอย่างง่ายดาย พร้อมกับการเรียนรู้วิธีจูบอย่างงกๆ เงิ่นๆ

                เขมราชถอนริมฝีปากออกแล้วมองใบหน้าหวานอย่างหลงใหล หัวใจที่เหมือนตายไปแล้วกลับมาเต้นอีกครั้ง แม้เอ่ยคำว่ารักไม่เต็มปาก แต่นาทีนี้เขาก็หยุดจูบเธอไม่ได้เสียแล้ว

                “จูบไม่เป็นเหรอ”

                วูบหนึ่งเขาเห็นดวงตากลมโตมีความตระหนกเหมือนตั้งสติได้ แต่เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้เธอมีโอกาสคิด เพราะขืนเธอคิดได้คงต้องออกแรงวิ่งไล่จับให้เสียเวลาอีก จริงอยู่ว่าบางครั้งเขาชอบความรู้สึกที่เธอต่อต้านเล็กๆ เหมือนม้าพยศ แต่เวลานี้เขาต้องการให้เธอเป็นแมวเชื่องๆ ยอมให้จูบได้ตามใจมากกว่า

                ริมฝีปากกระด้างทาบทับลงมาอีกครั้ง แขนเรียวของหอมนวลเผลอโอบรอบคอเขาไว้ พร้อมกับเผยอริมฝีปากให้เขาได้ครอบครอง เนิ่นนานเหมือนว่าเธอเดินทางจากโลกไปยังสรวงสวรรค์และล่องลอยอยู่ในวิมานด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น

                “เอ่อ...นายครับ”

                เสียงเรียกของบุคคลที่สามทำให้หอมนวลรีบผละจากเขา เป็นฟ้าฮ่ามที่บัดนี้ยืนทำหน้าสลดระคนหวาดหวั่น เหมือนคนชะตาถึงฆาตที่ถูกบังคับให้มาเจรจากับราชสีห์ผู้หิวโหย

                “อะไร” เสียงทรงอำนาจทำให้ลูกน้องหนุ่มสะดุ้ง เขมราชคว้ามือคนตัวเล็กมาจับไว้แสดงความเป็นเจ้าของ

                “นายแม่โทร. มาที่สำนักงาน บอกให้ตามนายกลับเรือนแสงอรุณด่วนครับ”

                เขมราชกับหอมนวลสบตากัน สังหรณ์ใจว่าอาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น

                “ใครเป็นอะไรหรือเปล่า”

                “ไม่มีครับนาย นายแม่ให้มาเรียนแค่ว่ามีคนมาขอพบครับ”

                เจ้านายหนุ่มคลายกังวลลงไปนิด ใครกันที่มาขอพบถึงเรือน คงไม่ใช่เรื่องงานแน่ เพราะถ้าเป็นเรื่องนั้นก็คงมาที่ฟาร์ม แต่ดูจากสีหน้าและแววตาของฟ้าฮ่ามก็พอรู้ได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น