3

บทที่ 3

3

ศิรวัสสาและฟรานเชสโกยิ้มรับเมื่อเห็นสองหนุ่มสาวเดินตามกันเข้ามา และเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงก็เป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน “แม่กำลังให้คนไปตามอยู่พอดีเลย”

วีรินทร์ตรงเข้าไปทำความเคารพฟรานเชสโกก่อน เพราะเพิ่งได้พบหน้ากัน เนื่องจากอีกฝ่ายอยู่ที่บริษัทเช่นเดียวกับเฟอร์นันโดตอนที่เธอมาถึงที่นี่เมื่อช่วงบ่าย

“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอกับซานติโนเรียกฟรานเชสโกและศิรวัสสาว่าลุงและป้า ตามที่อีกฝ่ายต้องการแทนคำว่าท่านประธานและนายหญิงเหมือนคนอื่นๆ

“สวัสดีจ้ะแองจี้” ฟรานเชสโกทักทายพร้อมทั้งยิ้มให้ด้วยความปรานี

“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้เข้าไปทักทายคุณลุงที่บริษัท” วีรินทร์เอ่ยขออภัย เพราะตามธรรมเนียมแล้ว คนแรกที่เธอควรเข้าไปทำความเคารพก็คือฟรานเชสโก ที่เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของเดรอสซี แม้เธอจะไม่ใช่พนักงานของบริษัท แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าชายผู้นี้คือผู้มีบุญคุณสูงสุดของครอบครัวเธอ บิดาของเธอพร่ำสอนให้เธอและน้องชายจดจำใส่ใจไว้อยู่เสมอ

“ไม่เป็นไรหรอก จะไปที่บริษัททำไมกัน มีแต่พ่อเรานั่นแหละที่ยังทำตัวเคร่งธรรมเนียมแบบนั้นอยู่ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก มาที่บ้านน่ะดีแล้ว จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนป้าเขา พ่อเราเขาบอกลุงแล้วละว่าเรามาที่นี่” ฟรานเชสโกเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่อยากให้อีกฝ่ายกังวลกับเรื่องเล็กน้อยแบบนั้น

“จูนล่ะครับ” เฟอร์นันโดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าวีรินทร์ทักทายบิดาของเขาเรียบร้อยแล้ว

“วันนี้น้องขออนุญาตค้างกับเพื่อนจ้ะ เห็นว่าจะช่วยกันทำรายงาน” ศิรวัสสาเป็นคนตอบคำถามของบุตรชาย

เฟอร์นันโดพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ จูเลียตเป็นนักศึกษาแพทย์ ทำให้เรียนหนักพอดู ส่งผลให้กลับบ้านไม่เป็นเวลาอยู่หลายครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรอแล้วใช่ไหมครับ งั้นสั่งให้คนตั้งโต๊ะเลยก็แล้วกันนะครับ วีหิวแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อรู้ว่าไม่ต้องรอน้องสาวแล้ว

“ได้สิลูก” ศิรวัสสาตอบ ก่อนจะหันไปสั่งการสาวใช้ เสร็จแล้วก็หันไปถามวีรินทร์ด้วยความกังวล “ตายแล้ว แองจี้หิวมากหรือเปล่าลูก”

“นิดหน่อยค่ะ พี่ฮอว์คเขาตื่นเต้นไปเอง ดูสิ พูดซะคุณป้าตกใจเลย”

สมาชิกบ้านเดรอสซีอมยิ้มกันโดยถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนเป็นแม่อย่างศิรวัสสาที่คิดว่าดีแล้วที่วีรินทร์ทำให้เฟอร์นันโดตื่นเต้นซะบ้าง ไม่ใช่ราบเรียบจนเดาอารมณ์ไม่ถูก มีเพียงสาวน้อยคนนี้เท่านั้นละ ที่ทำให้บุตรชายของเธอแสดงอารมณ์ต่างๆ ออกมาชัดเจนที่สุด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอเอ็นดูวีรินทร์เป็นพิเศษได้อย่างไร

“งั้นก็ไปกินข้าวกันเถอะไป” ฟรานเชสโกเอ่ยพลางลุกขึ้นและเดินนำทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกครั้งที่วีรินทร์มาร่วมโต๊ะด้วย แต่ถึงกระนั้นสองสามีภรรยาก็ยังสังเกตเห็นว่าเธอดูจะพูดน้อยกว่าทุกคราว ปกติแล้ววีรินทร์จะช่างพูดช่างคุย เพราะนานๆ ครั้งจะได้พบกันสักหน จึงมักมีเรื่องมาเล่า รวมถึงซักถามโน่นนี่กับเฟอร์นันโดอยู่เรื่อย

แต่ครั้งนี้พวกเขากลับสังเกตเห็นว่าวีรินทร์ไม่ค่อยกล้าคุยกับเฟอร์นันโดนัก แต่กลับแอบมองบุตรชายของพวกเขาอยู่เป็นระยะๆ จึงสันนิษฐานไปว่าอาจจะมีอะไรขัดใจกันก็เป็นได้ แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร เพราะคิดว่าเฟอร์นันโดคงจัดการได้เอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ค่อยให้ใครยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องของเขากับวีรินทร์อยู่แล้ว ทั้งคู่จึงตัดสินใจว่าจะดูอยู่ห่างๆ

 

หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เฟอร์นันโดก็ไปส่งวีรินทร์ด้วยตัวเอง และถือโอกาสไปทักทายบุพการีของเธอด้วย ชายหนุ่มอยู่สนทนากับมาร์คัสและวิฬาร์สักพักก็ขอตัวกลับ โดยมีวีรินทร์เป็นฝ่ายออกมาส่งเขาที่รถบ้าง

“เรื่องวันเกิดวี พี่คุยกับอามาร์คเรียบร้อยแล้วนะ” เฟอร์นันโดหันไปเอ่ยกับสาวน้อยเมื่อเดินไปถึงรถแล้ว

“แล้วพ่อว่ายังไงบ้างคะ”

“อามาร์คอนุญาตเรียบร้อยแล้ว”

“ค่ะ” วีรินทร์รับคำสั้นๆ ไม่ต่างจากที่คาดไว้นัก ถึงแม้ว่าปกติแล้วบิดามารดาของเธอไม่ค่อยชอบให้เดินทางไปไหนนัก แต่ลงว่าเฟอร์นันโดเอ่ยปากเอง พวกท่านคงไม่ขัดใจเป็นแน่ เรื่องความภักดีและเกรงอกเกรงใจที่บิดาของเธอมีต่อครอบครัวเดรอสซี เธอย่อมรู้ดีว่ามากเพียงใด

“พี่จะให้อันเดรียนาบินไปรับ วีจะได้ไม่ต้องเดินทางคนเดียว”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ต้อง” วีรินทร์รีบปฏิเสธ

“ทำไม” เฟอร์นันโดถามสั้นๆ

“คุณอันเดรียนาเธอเป็น...เธอเป็น...” วีรินทร์ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอย่างไรดี เธอทราบมาว่าอันเดรียนาคืออดีตเลขานุการของฟรานเชสโกที่ถูกส่งต่อให้มาช่วยงานเฟอร์นันโด ฝ่ายนั้นทำงานกับเดรอสซีกรุ๊ปมานาน และเป็นที่เกรงอกเกรงใจของพนักงานคนอื่นๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว จึงไม่กล้ารบกวนให้อีกฝ่ายบินมารับ

“เป็นคนที่พี่สั่งให้ไปดูแลเราระหว่างเดินทาง” เฟอร์นันโดพูดต่อเสียเองเมื่อเห็นว่าสาวน้อยยังคงอ้ำอึ้ง

“แต่ว่า...” วีรินทร์ยังพยายามแย้งเสียงอ่อย

“อันเดรียนาเป็นคนเก่ง เมื่อก่อนเธอเดินทางกับพ่อพี่บ่อยๆ เธอจะจัดการเรื่องการเดินทางของวีแทนพี่ได้เป็นอย่างดี พี่ไม่วางใจให้วีเดินทางคนเดียว” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “หรือวีจะให้พี่บินไปรับด้วยตัวเอง”

“ไม่ค่ะ ไม่!” สาวน้อยรีบละล่ำละลักปฏิเสธ หากบอกว่าเมื่อครู่เธอเกรงใจอันเดรียนาแล้ว กับเฟอร์นันโดยิ่งเกรงใจมากกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า เธอรู้ดีว่าเวลาทุกนาทีของเขาเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น

“งั้นก็ปล่อยให้พี่จัดการเรื่องนี้เอง วีแค่เตรียมตัวเดินทางก็พอ”

“ค่ะ ทราบแล้ว”

เฟอร์นันโดมองวงหน้าเนียนกระจ่างของคนตัวเล็กนิ่งนานก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ วีรินทร์อุตส่าห์เดินทางมาหาทั้งที แต่งานของเขาก็ยุ่งมาก จะมีเวลาให้กันก็แค่ช่วงหลังเลิกงานเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เวลาตายตัว บางวันเขาก็มีนัดเจรจาธุรกิจหรืองานเลี้ยงในช่วงค่ำ ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงของการเรียนรู้งานเพื่อสานต่อกิจการจากบิดา ในขณะที่วีรินทร์อยู่ในวัยเรียน ยากเหลือเกินที่เวลาของพวกเขาจะตรงกัน

“ถอนหายใจทำไมคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” สาวน้อยสอบถามด้วยความเป็นห่วง เธอรู้ดีว่าเฟอร์นันโดเป็นคนเก็บอาการเก่ง เพราะฉะนั้นเพียงแค่การถอนหายใจก็ถือว่าเป็นการแสดงออกที่มากพอแล้วสำหรับผู้ชายคนนี้

“ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมาก อาจจะไม่ค่อยได้มาหา”

สีหน้าของวีรินทร์หมองลงเล็กน้อย แต่เธอก็เข้าใจดี เพราะบิดาของเธอเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน จะว่าไปแล้ว ภาระของเฟอร์นันโดนั้นมากกว่าบิดาของเธอเสียด้วยซ้ำไป เพราะต้องดูแลกิจการในภาพรวมทั้งหมด จึงรีบพยักหน้าและรับรองอย่างแข็งขัน “ไม่เป็นไรค่ะ วีเข้าใจ”

“ขอบใจนะที่เข้าใจ แต่มันจะเป็นอย่างนี้อีกไม่นานหรอก อย่าลืมที่พี่บอกล่ะ รีบตั้งใจเรียน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” เฟอร์นันโดเอ่ยพลางคิดว่ายิ่งวีรินทร์พ้นสภาพนักเรียนเมื่อไร ปัญหาพวกนี้ก็จะยิ่งหมดไปเร็วเท่านั้น

วีรินทร์พยักหน้ารับไปตามเรื่อง ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าการเรียนของเธอจะช่วยแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร แต่ในเมื่อเฟอร์นันโดบอกว่าได้ มันก็คงเป็นอย่างนั้นกระมัง

“พี่กลับก่อนนะ”

“ค่ะ ขับรถระวังด้วยนะคะ ความจริงพี่ฮอว์คไม่น่าลำบากมาส่งวีเลย ให้คนขับรถมาส่งก็ได้ พี่จะได้พักผ่อนบ้าง” สาวน้อยเอ่ยเสียงค่อยด้วยความเกรงใจ

“พี่ไม่คิดสักนิดว่าเป็นเรื่องลำบาก พี่อยากใช้เวลากับเราให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

ประโยคเรียบง่าย แต่กลับทำให้แก้มของสาวน้อยซับสีระเรื่ออีกครั้ง เธอไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกแปลกๆ อย่างนี้มาก่อนเลย คงเป็นเพราะแววตาที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายกระมังที่พลอยทำให้ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปด้วย

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เฟอร์นันโดก็ย้ำอีกครั้ง “พี่จะพยายามเคลียร์งาน เรามาคราวหน้าจะได้มีเวลาให้กันมากกว่านี้ โอเคไหม”

“ค่ะ” สาวน้อยรับคำสั้นๆ

“พี่ไปนะ”

“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”

เฟอร์นันโดมองคนตัวเล็กนิ่งนาน ก่อนจะตัดใจก้าวขึ้นไปประจำที่คนขับแล้วขับรถยนต์คันหรูออกไป ชายหนุ่มชำเลืองมองกระจกส่องหลังแล้วพบว่า นางฟ้าของเขายังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับต้องการมองส่งเขาจนสุดสายตา ภาพที่เห็นทำให้พญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซียิ้มออกมาด้วยความชื่นใจ เขาสูดลมหายใจลึกแล้วเริ่มนับถอยหลังรอคอยวันที่จะได้พบกันอีกครั้ง ถึงเวลานั้นวีรินทร์คงโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง โตพอที่เขาจะบอกเธอได้ตรงๆ กระมังว่ารู้สึกเช่นไร

วีรินทร์มองตามรถยนต์คันโก้ของเฟอร์นันโดจนกระทั่งมันลับไปจากสายตาจึงกลับเข้าบ้าน ตลอดทางที่เดินตรงไปยังห้องของตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างตัวเองกับผู้ชายที่เพิ่งจากไป โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่ดูเหมือนจะปลุกอารมณ์ลึกลับบางอย่างให้ตื่นขึ้น

สาวน้อยคิดถึงคำพูดของเขาที่บอกว่าการพบกันครั้งหน้าถือเป็นโอกาสพิเศษแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ถึงแม้ว่าการได้พบกับเฟอร์นันโดถือว่าเป็นความพิเศษสำหรับเธออยู่แล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำว่าครั้งนี้จะพิเศษยิ่งกว่าทุกครั้งก็อดคาดหวังและรอคอยไม่ได้

ก็เลยกลายเป็นว่าทั้งเขาและเธอต่างรอคอยการได้พบกันอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อด้วยกันทั้งคู่

 

ร่างแน่งน้อยที่เดินออกมาจากส่วนของผู้โดยสารขาเข้าพร้อมๆ กับเลขานุการสาวใหญ่ของตนเองทำให้เฟอร์นันโดถึงกับสูดลมหายใจลึกด้วยความโล่งอก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาด้วยย่างก้าวที่มั่นคงตามบุคลิก ความโดดเด่นทั้งหน้าตาและรูปร่าง รวมถึงความมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปของเขา ส่งผลให้สายตาหลายคู่จับจ้องตรงมาที่พญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีเป็นตาเดียวกัน ทว่าดวงตาคมกริบสีสนิมของเขากลับมองไปยังร่างแน่งน้อยของวีรินทร์แบบไม่ว่อกแว่กเลยสักนิด ราวกับว่าสายตาของเขามีไว้เพื่อมองเธอเพียงคนเดียว

วีรินทร์ยอมรับว่าหัวใจตัวเองสั่นระทึกไปหมดตอนที่เห็นร่างสูงสง่าเดินตรงเข้ามาหา ตั้งแต่จำความได้ เธอเดินทางมาที่นี่หลายครั้งเพราะเป็นแผ่นดินเกิดของบิดา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เฟอร์นันโดมารับเธอด้วยตัวเองถึงสนามบิน ราว

กับต้องการตอกย้ำว่านี่คือโอกาสพิเศษตามที่เคยบอกไว้จริงๆ สาวน้อยคิดพลางมองดูคนตัวโตเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

ไม่เพียงแค่วีรินทร์เท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่เลขานุการอย่างอันเดรียนาเองก็แปลกใจไปไม่น้อยกว่ากัน ตารางงานของผู้เป็นนายแน่นขนัดเพียงไหน เธอเองย่อมรู้ดีกว่าใคร และเธอยังรู้ด้วยว่าเฟอร์นันโดพยายามทำทุกวิธีเพื่อเคลียร์เวลาให้ว่างเพื่อที่จะได้ใช้เวลากับสาวน้อยที่เธอมีหน้าที่ไปรับมาคนนี้อย่างเต็มที่ แถมวันนี้ยังเดินทางมารับถึงสนามบินด้วยตัวเองอีกด้วย

ทุกอย่างล้วนตอกย้ำให้เธอตระหนักถึงความสำคัญของอีกฝ่ายที่มีต่อเจ้านายของเธอ โดยที่เขาไม่ต้องเอื้อนเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว ดังนั้นแม้ว่าโดยมารยาทแล้วเธอควรจะเอ่ยทักทายผู้เป็นนายก่อน แต่อันเดรียนาก็ยังไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา เพราะคิดว่าเขาคงไม่ได้อยากฟังคำทักทายของเธอมากไปกว่าของวีรินทร์อย่างแน่นอน

“สวัสดีนางฟ้า” เฟอร์นันโดทักทายเสียงนุ่ม

ใบหน้านางฟ้าของเฟอร์นันโดแดงก่ำ จริงอยู่ที่ว่าเขาเรียกเธออย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก และเธอก็ค่อนข้างชินพอสมควร แต่พอเขาเรียกต่อหน้าคนอื่นก็รู้สึกอายนิดๆ เช่นกัน เพราะรู้ดีว่าคุณสมบัติของตัวเองไม่ได้เลอเลิศถึงเพียงนั้น จึงอดอายอันเดรียนาไม่ได้ เสียงที่ทักทายตอบก็เลยอ่อนเบาด้วยความไม่มั่นใจ “สวัสดีค่ะพี่ฮอว์ค”

ดวงตาของอันเดรียนาเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินสรรพนามที่วีรินทร์ใช้เรียกเจ้านายของเธอ นอกจากจูเลียตแล้ว เธอไม่เคยได้ยินใครเรียกเฟอร์นันโดอย่างนี้อีกเลย แม้กระทั่งญาติๆ คนอื่นก็ยังไม่ได้รับสิทธิ์นี้ เลขานุการสาวใหญ่จึงระมัดระวังท่าทีที่มีต่อวีรินทร์มากยิ่งขึ้นไปอีก

น้ำเสียงแผ่วเบาของคนตัวเล็กทำให้เฟอร์นันโดแปลกใจ แต่ก็คิดว่าเธออาจอ่อนล้าจากการเดินทาง “วีเหนื่อยเหรอ โอเคหรือเปล่า” ก่อนจะหันไปสอบถามกับคนของตัวเอง “ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม”

“เอ่อ...เรียบร้อยค่ะนายน้อย” อันเดรียนาตอบแบบไม่ค่อยฉะฉานนัก เธอคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่การซักไซ้ไล่เลียงราวกับเฟอร์นันโดกังวลว่าทุกอย่างจะยังไม่ดีพอสำหรับสาวน้อยคนนี้ต่างหาก ที่ทำให้เธอไม่มั่นใจอย่างเคย

คิ้วเข้มของเฟอร์นันโดเริ่มขมวด นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เลขานุการสาวใหญ่หายใจไม่ทั่วท้องได้แล้ว

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ” วีรินทร์เป็นคนตอบคำถามนั้นเสียเอง

อันเดรียนาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิ้วของเฟอร์นันโดคลายออกทันทีที่ได้ยินคำรับรองของวีรินทร์ เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นว่าความรู้สึกของวีรินทร์เป็นตัวแปรสำคัญต่ออารมณ์ของเฟอร์นันโด อันเดรียนาเริ่มวิเคราะห์เหตุการณ์ตรงหน้าอย่างจริงจัง

การที่เธอก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งเลขานุการของฟรานเชสโก จนกระทั่งถูกส่งต่อมาช่วยเฟอร์นันโดที่กำลังเรียนรู้งานเพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้บริหารสูงสุดแทนบิดาของเขานั้น ไม่ใช่เพราะฝีมือในการทำงานอันฉกาจฉกรรจ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะปฏิภาณไหวพริบที่เฉียบไวต่อเรื่องต่างๆ รอบตัวด้วย เธอจึงรีบจัดลำดับความสำคัญของสาวน้อยคนนี้ไว้ในลำดับต้นๆ ทันที

“ขอบคุณคุณอันเดรียนามากนะคะ รบกวนคุณมากจริงๆ”

เสียงใสๆ ของวีรินทร์ดังขึ้น ส่งผลให้อันเดรียนาที่กำลังประมวลผลต่างๆ หลุดจากภวังค์ เธอหันไปส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนอย่างที่ทำตลอดการเดินทางร่วมกัน แต่แฝงไว้ด้วยความนอบน้อมที่มากขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว”

“ครั้งนี้รบกวนคุณมากจริงๆ ครับ แต่นอกจากคุณ ผมก็ไม่ไว้ใจให้คนอื่นไปรับวี ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลืมน้ำใจในครั้งนี้เลย” เฟอร์นันโดเอ่ยขึ้นบ้าง เพราะจะว่าไป นี่ก็ถือเป็นงานที่นอกเหนือจากหน้าที่ปกติของอีกฝ่าย

ถ้อยคำในเชิงซาบซึ้งบุญคุณเช่นนี้ทำให้อันเดรียนาปลาบปลื้มไม่น้อย เธอทำงานให้เดรอสซีมานานจนรู้ดีว่าคนในตระกูลนี้ตอบแทนบุญคุณและความแค้นที่ได้รับจากบุคคลอื่นคืนหลายเท่าเสมอ การเดินทางไปรับวีรินทร์ที่เธอคิดว่าไม่ใช่งานที่ยากลำบากอะไรเลยนี้ กลับมีน้ำหนักในใจของเฟอร์นันโดแบบไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

แต่ที่เธอกำลังนึกแปลกใจกลับเป็นการเรียกขานกันของสองคนนี้ต่างหาก เมื่อกี้เธอก็แปลกใจไปรอบหนึ่งแล้วที่ได้ยินวีรินทร์เรียกเฟอร์นันโดว่า ‘พี่ฮอว์ค’ มาตอนนี้กลับได้ยินเฟอร์นันโดเรียกวีรินทร์ว่า ‘วี’ ไม่ใช่ ‘แองจี้’ เหมือนที่คนอื่นๆ เรียกก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ ในขณะที่เฟอร์นันโดกับวีรินทร์กลับเฉยๆ คล้ายกับว่าคุ้นชินกับการเรียกขานกันที่แตกต่างจากคนอื่นๆ อยู่แล้ว ราวกับว่ามันคือความพิเศษของพวกเขาทั้งคู่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นๆ มารับรู้ด้วยแต่อย่างใด

“จัดการเรื่องกระเป๋าเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เฟอร์นันโดถามพลางมองสัมภาระของทั้งคู่

สองสาวต่างวัยพยักหน้าและตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน เป็นสัญญาณว่าพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายจากสนามบินแล้ว

“ผมให้คนมารับคุณเรียบร้อยแล้วนะครับอันเดรียนา เดี๋ยวเขาจะพาคุณไปส่งที่พักเอง” เฟอร์นันโดเอ่ยกับเลขานุการ ก่อนจะหันไปหาวีรินทร์บ้าง “วีมากับพี่”

อันเดรียนามองหนึ่งในบอดีการ์ดของเจ้านายที่ตัวเองคุ้นหน้าดีซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก เข้าใจได้ทันทีว่าฝ่ายนั้นคงได้รับหน้าที่ให้ไปส่งเธอ จึงหันไปขอตัว “ถ้าอย่างนั้นดิฉันไปก่อนนะคะนายน้อย ลานะคะคุณแองจี้ หวังว่าคงจะได้พบกันอีก”

“สวัสดีค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกเช่นกัน แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” วีรินทร์เอ่ยลาบ้าง ก่อนจะมองอีกฝ่ายลากกระเป๋าไปอย่างกระฉับกระเฉงด้วยสายตาชื่นชม

“มองอะไร” เฟอร์นันโดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอยังมองตามเลขาฯ ของเขาไม่วางตา

“มองคุณอันเดรียนาค่ะ เธอเก่งจังเลยนะคะ”

“ใช่ เธอเป็นผู้หญิงเก่ง”

คำชมสั้นๆ ของเฟอร์นันโดทำให้วีรินทร์มั่นใจในความเก่งกาจของสตรีที่เพิ่งจากไปมากยิ่งขึ้น เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่เอ่ยปากชมใครพร่ำเพรื่อ “วีจะเก่งแบบเธอให้ได้เลย”

“หือ? เราว่าไงนะ”

“วีจะเป็นผู้หญิงเก่งแบบคุณอันเดรียนาให้ได้เลยค่ะ แล้วต่อไปก็จะไปเป็นเลขาฯ ของพ่อ จะได้ช่วยแบ่งเบางานให้พ่อไงคะ” สาวน้อยเอ่ยถึงเป้าหมายชีวิตด้วยน้ำเสียงสดใส

เฟอร์นันโดมองรอยยิ้มสดใสและดวงตาสุกสกาวของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ของพี่ต่างหาก”

“อะไรนะคะ” สาวน้อยถามแบบงงๆ เมื่ออยู่ๆ เขาก็เอ่ยออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่รู้ว่าหมายถึงเรื่องอะไร

“วีเป็นของพี่ ถ้าอยากเป็นเลขาฯ ก็ต้องเป็นเลขาฯ ของพี่ ไม่ใช่ของคนอื่น”

“แต่ว่า...” สาวน้อยพยายามแย้ง บิดาของเธอจะถือว่าเป็นคนอื่นได้อย่างไรกันเล่า แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็ถูกอีกฝ่ายตัดบทเสียก่อน

“ของพี่! อย่าดื้อ”

คนดื้อได้แต่กะพริบตาปริบๆ แต่ความที่เชื่อฟังกันมาตลอดชีวิตทำให้เถียงไม่ออก ได้แต่บอกตัวเองว่าเอาไว้ค่อยตกลงกันอีกที ถึงเฟอร์นันโดจะดุ แต่จะว่าไปแล้วก็ใจอ่อนกับเธออยู่บ่อยๆ ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจจะพอต่อรองกันได้

สาวน้อยคิดไปตามประสา โดยไม่รู้ว่าเฟอร์นันโดอาจจะใจอ่อนและยอมตามใจเธอหลายเรื่อง แต่เขาไม่คิดจะยอมต่อรองเรื่องที่เธอจะเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน

“เอาละ ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยชวนพร้อมกับเอื้อมมือไปจัดการลากกระเป๋าของเธอ แขนอีกข้างโอบรอบไหล่มนราวกับจะกระตุ้นให้ออกเดิน

“ปล่อยเถอะค่ะ” สาวน้อยอ้อมแอ้มบอก

“ทำไม” คนตัวโตถาม แต่กลับไม่ยอมปล่อย โอบเธอเดินไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง

วีรินทร์เขินจนรู้สึกว่ามือไม้เกะกะไปหมด หัวใจก็เต้นโครมครามจนกลัวว่าเขาจะได้ยินและรู้ว่าเธอกำลังคิดเหลวไหลอะไรอยู่ “วีโตแล้ว พี่ฮอว์คไม่ต้องคอยจูงหรือประคองหรอกค่ะ ไม่ซนจนวิ่งหกล้มแล้วด้วย”

พญาเหยี่ยวหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “พี่รู้ว่าเราโตแล้ว”

คำตอบของเขาทำให้วีรินทร์แหงนหน้าขึ้นไปมองด้วยความฉงน ดวงตากลมโตมองเขาราวกับจะใช้แทนคำถาม เมื่อรู้ว่าเธอโตแล้ว จะมาคอยจับจูงโอบประคองไปทำไม

เฟอร์นันโดเข้าใจคำถามจากแววตาคู่งามได้เป็นอย่างดีจึงตอบเสียงเรียบ “เพราะรู้ว่าเราโตแล้ว พี่ถึงได้ทำแบบที่กำลังทำอยู่ไงล่ะ ไปเถอะ อย่าเพิ่งสงสัยอะไรเลย พี่บอกแล้วไงว่าเราจะได้คำตอบทุกอย่างตอนอายุสิบแปด”

“วีก็สิบแปดแล้วนี่คะ”

“งั้นวีก็จะได้รู้วันนี้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ โอเคไหม”

วีรินทร์ทำหน้ายู่เมื่ออีกฝ่ายชอบทำอะไรเป็นปริศนาอยู่เรื่อย แต่ก็ยอมพยักหน้าและเดินตามแรงโอบของเขาไปแต่โดยดี

สาวน้อยกวาดตามองไปรอบๆ แล้วก้มหน้างุด เพราะตอนนี้สายตาของผู้คนจับจ้องมาที่เธอกับเฟอร์นันโดเต็มไปหมด เหลือบตามองคนตัวโตที่โอบตัวเองอยู่ก็พบว่าเขาดูจะไม่สนใจสายตาใครสักนิด ในขณะที่เธอแทบวางตัวไม่ถูกเลยจริงๆ เธอเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ความคิดวนเวียนวุ่นวายจนไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พบว่าเขาพาเธอไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นตา “นี่เราจะไปไหนกันเหรอคะ”

“พี่อยากให้วีไปที่ที่หนึ่งกับพี่หน่อย”

“ที่ไหนคะ”

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

สาวน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่ว่าจะถามอะไรก็ได้แต่คำตอบทำนองนี้อยู่เรื่อย

เฟอร์นันโดชำเลืองมองคนที่ถอนหายใจเสียงดัง แถมยังมีสีหน้าคล้ายกำลังแง่งอน แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะเบาๆ ราวกับอยากเอาใจ เขารู้ดีว่าวีรินทร์เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ ของครอบครัวมาตลอด โดยมากแล้วจะได้ทุกอย่างดั่งใจเสมอ ก็เลยติดนิสัยเอาแต่ใจอยู่พอสมควร บางทีเจ้าตัวอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอย่างนั้น เพราะเธอไม่ได้แสดงออกมากจนถึงขั้นที่ใครจะตำหนิติเตียนแต่อย่างใด แต่เขาก็อดปรามไว้ไม่ได้

“เราน่ะต้องหัดใจเย็นบ้างรู้ไหม”

“แหม...ก็พี่ฮอว์คได้แต่ให้รอตลอดเลย” สาวน้อยตอบหน้ามุ่ย

“แล้วยังไงล่ะ ทนไม่ไหวเหรอ”

“มันก็ไม่ถึงกับทนไม่ไหวหรอกค่ะ แต่ก็ไม่มีใครชอบการรอคอยหรอกจริงไหมคะ”

“ใช่ ไม่มีใครชอบการรอคอยหรอก แต่บางครั้งเราก็ต้องอดทนกับมันให้ได้ อีกอย่าง...”

ประโยคที่ขาดหายไปเฉยๆ ของอีกฝ่าย ทำให้วีรินทร์อดซักไซ้ไม่ได้ “อีกอย่างอะไรคะ”

“พี่อยากจะบอกเราว่า คนที่ซาบซึ้งว่าการรอคอยมันทรมานมากแค่ไหน น่าจะเป็นพี่นี่แหละ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก”

“พี่ฮอว์คน่ะเหรอคะ” วีรินทร์ถามเสียงสูงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ พี่นี่แหละ”

“อย่างพี่ฮอว์คเนี่ยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ”

“ทำไมล่ะ อย่างพี่มันเป็นยังไง”

“ก็...ใครๆ ก็รู้ว่าพี่ฮอว์คน่ะระดับไหนแล้ว” สาวน้อยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมแอ้มต่อแบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะไม่แน่ใจว่าการพูดแบบนี้จะถือว่าเป็นการล่วงเกินเขาหรือเปล่า “ไม่มีใครไม่รู้หรอกค่ะว่าพี่มีเงินและอิทธิพลมากขนาดไหน แล้ววีก็เคยได้ยินบ่อยๆ ด้วยว่า ไม่มีปัญหาอะไรที่เงินแก้ไขไม่ได้ด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้วีแปลกใจได้ยังไงล่ะคะ”

“ก็เพราะคนที่พูดอย่างนั้นไม่รู้จริงน่ะสิ เชื่อพี่เถอะว่าปัญหาบางอย่าง เงินและอิทธิพลช่วยอะไรไม่ได้หรอก อะไรที่จำเป็นต้องรอก็ยังต้องรออยู่วันยังค่ำ เพราะอย่างนั้นพี่ถึงบอกให้เราใจเย็นสักนิดไงล่ะ ถ้าหงุดหงิดขึ้นมาก็ขอให้นึกว่ายังมีพี่ที่ทรมานกว่าเราก็แล้วกัน”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนเป็นพี่ทำให้หน้าที่มุ่ยอยู่เมื่อกี้คลายลงในทันที “ขอโทษนะคะที่วีใช้อารมณ์มากไปหน่อย”

เฟอร์นันโดอมยิ้มนิดๆ และเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนตัวเล็กอีกครั้ง พลางคิดว่าก็เพราะนางฟ้าของเขาเป็นอย่างนี้ไงล่ะ เขาถึงรักใคร่เอ็นดูมาตลอด วีรินทร์ไม่เคยเอาแต่ใจจนน่าเกลียด ไม่เคยเหลิงไปกับการตามใจของใครต่อใครจนน่าเอือมระอาแต่อย่างใด ไม่อย่างนั้นจะผูกใจคนอย่างเขาได้มั่นคงถึงเพียงนี้หรือ

คำพูดที่เฟอร์นันโดสั่งสอนทำให้วีรินทร์บอกตัวเองให้นิ่งเข้าไว้ ในเมื่อแม้กระทั่งคนอย่างเฟอร์นันโดยังต้องอดทนรอคอย แล้วทำไมเธอจะทนบ้างไม่ได้ สาวน้อยคิดพลางสงบใจรอคอยโดยไม่ทุรนทุราย กระวนกระวายแบบเมื่อสักครู่ ถูกของเฟอร์นันโด ที่ว่าทุกอย่างย่อมมีห้วงเวลาของมัน

 

“เอาละ ถึงแล้ว ไม่ต้องรอนานอย่างที่คิดจริงไหม” เฟอร์นันโดหันไปเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ เมื่อนำรถไปจอดยังอาคารแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

วีรินทร์แหงนมองอาคารสูงลิบผ่านกระจกหน้ารถ ชนิดที่เรียกว่าคอตั้งบ่าด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเฟอร์นันโดพาเธอมาที่นี่ทำไม

“เอาละ ลงไปก่อนก็แล้วกัน คำตอบทุกอย่างอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อกี้ยังใจร้อนอยากรู้อยู่เลยไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ เมื่อเห็นอาการชะเง้อชะแง้ของคนตัวเล็ก

คำกระเซ้าของอีกฝ่ายทำให้วีรินทร์ได้สติ จริงสินะ จะมามัวชะแง้มองอยู่ในรถทำไมกัน ควรจะลงไปดูให้ชัดๆ ไม่ดีกว่าหรือไงกัน ยิ่งเฟอร์นันโดบอกว่าคำเฉลยทุกอย่างอยู่ที่นี่ ก็ยิ่งกระตุ้นความสนใจของเธอได้มากกว่าเดิม จึงรีบเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปทันที

เฟอร์นันโดก้าวตามลงไปบ้าง ชายหนุ่มจัดการล็อกรถจนเรียบร้อยแล้วหันไปชักชวนคนที่ยังกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง “ไปกันเถอะวี” ไม่เพียงแค่เอ่ยชวน แต่ยังยื่นมือไปตรงหน้าสาวน้อยอีกด้วย

วีรินทร์มองมือที่ยื่นมารอของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปสบตากับเจ้าของมือข้างนั้นราวกับกำลังชั่งใจ กระแสบางอย่างที่เขาส่งผ่านมากับแววตาคู่นั้นทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าการวางมือตัวเองลงไปในมือของเฟอร์นันโดครั้งนี้ไม่

เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คล้ายกับเขามีความคาดหวังและรอคอยอะไรบางอย่างที่มากกว่าการจับจูงกันแบบเมื่อก่อน ทำให้อดลังเลไม่ได้

“มากับพี่” เฟอร์นันโดกระตุ้นซ้ำเมื่อเห็นท่าทางลังเลของสาวน้อย

น้ำเสียงเข้มลึกคล้ายคำสั่งทำให้เธอวางมือลงไปในที่สุด การรีรอคงยิ่งทำให้ดูพิลึกไปกันใหญ่ ในเมื่อนี่ไม่ใช่การจับมือกันครั้งแรกของเขากับเธอเสียหน่อย

เฟอร์นันโดยิ้มด้วยความพอใจเมื่ออีกฝ่ายวางมือลงในมือเขาอย่างว่าง่าย สำหรับเขาแล้ว มือน้อยๆ ที่เธอวางลงมา หมายถึงความไว้เนื้อเชื่อใจที่วีรินทร์มีให้ จึงกุมมือน้อยด้วยความทะนุถนอม จับจูงนางฟ้าไปฟังคำเฉลยของสิ่งที่เธอรบเร้าอยากรู้ หวังเพียงแต่ว่าคนตัวเล็กที่กำลังเดินตามเขาต้อยๆ อยู่นี้จะไม่ตกอกตกใจจนเกินไปที่ได้รู้ความในใจของเขา

พนักงานที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์แทบจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าใครเดินจูงสาวน้อยหน้าหวานคนหนึ่งผ่านบริเวณที่ตนเองประจำการอยู่ อาคารแห่งนี้เป็นที่พักสุดหรูของผู้มีอันจะกินลำดับต้นๆ ของประเทศนี้ บ้างก็ซื้อไว้เพื่อสะสมและประดับบารมี ความหรูหรามีระดับนั้นไม่ต้องพูดถึง สนนราคาห้องหนึ่งนั้น ตลอดชีวิตของคนธรรมดาสามัญทั่วไปอาจไม่กล้าคิดฝันถึงเงินจำนวนนี้เลยก็ว่าได้

พนักงานทุกคนของที่นี่ทราบดีว่าชั้นสูงสุดทั้งชั้นเป็นของทายาทคนโตของเดรอสซีกรุ๊ปแต่เพียงผู้เดียว เฟอร์นันโดแวะมาพักที่นี่บ่อยครั้ง ทว่านอกจากมาดามเดรอสซีผู้เป็นมารดาและจูเลียตผู้เป็นน้องสาว ซึ่งนานทีปีหนจะแวะมาสักครั้งแล้ว ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมีโอกาสเหยียบย่างขึ้นไปที่นั่นเลยสักครั้ง

ว่ากันว่าพญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีหวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งนัก ดังนั้นเมื่อได้เห็นแววตาและกิริยาประคับประคองที่เขาแสดงออกต่อสตรีที่จับจูงมา จึงเรียกความสนใจจากพนักงานประจำเคาน์เตอร์ได้เป็นอย่างยิ่ง แต่การอบรมที่เข้มงวดเพราะต้องบริการลูกค้าระดับวีไอพีทำให้สำรวมกิริยาได้ดีพอควร แต่ถึงกระนั้นก็มั่นใจว่าตนเองคงไม่สามารถลืมใบหน้าของสาวน้อยคนนี้ได้อย่างแน่นอน ได้แต่ลอบชำเลืองมองตามหลังไปอย่างอยากรู้อยากเห็น

เฟอร์นันโดพาสาวน้อยขึ้นลิฟต์ตรงไปยังจุดหมายด้วยกิริยาเรียบเรื่อย ผิดกับความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่ตั้งใจมาเนิ่นนาน

“เราจะไปไหนเหรอคะ” วีรินทร์ถามขึ้นเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว

แทนที่จะตอบคำถามของเธอ เฟอร์นันโดกลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้าง “วีว่าที่นี่ดูเป็นยังไงบ้าง”

วีรินทร์รีบประมวลภาพที่ตัวเองสังเกตได้ตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถ เรื่อยมาจนกระทั่งถึงในลิฟต์ ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่าย “ก็สวยดีค่ะ ดูหรูมากเลย”

ยังไม่ทันได้สนทนากันต่อ ลิฟต์ก็เปิดออกเมื่อมาถึงจุดหมาย เฟอร์นันโดจูงสาวน้อยออกจากลิฟต์แล้วพาเดินตรงไปยังห้องห้องหนึ่ง เปิดประตูออกแล้วพาเธอก้าวเข้าไปข้างใน

ดวงตาของวีรินทร์เบิกกว้างขึ้นเมื่อสำรวจไปรอบๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ช่างเหมาะเจาะลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสีสัน เครื่องเรือน การจัดวาง มันดูเหมาะสมไปหมด “ห้องใครคะ สวยจังเลยค่ะ”

เสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นระคนชื่นชมของคนตัวเล็กทำให้ริมฝีปากของคนตัวโตยกโค้งเป็นรอยยิ้มด้วยความยินดีที่ความพยายามของตัวเองให้ผลเป็นที่น่าพอใจ เขาจดจำอุปนิสัยและรสนิยมของวีรินทร์ได้ทุกอย่าง และถ่ายทอดให้มัณฑนากรเข้าใจแบบไม่มีตกหล่น แก้ไขไปหลายครั้งกว่าจะได้อย่างที่เป็นอยู่นี้ ดวงตาเป็นประกายและรอยยิ้มชื่นชมของเธอทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างช่างคุ้มค่า

“ตกลง เรามาที่นี่ทำไมคะ” วีรินทร์ซักอีกเมื่อคลายความตื่นเต้นเกี่ยวกับการตกแต่งห้องในแบบที่ตนเองชื่นชอบลงแล้ว

“พี่ว่าเราไปนั่งพักสักหน่อยดีไหม มาเหนื่อยๆ” เฟอร์นันโดเอ่ยไปอีกทาง

วีรินทร์กำลังจะขยับปากซักไซ้เอาคำตอบเมื่อเฟอร์นันโดเอาแต่เลี่ยงไม่ให้ความกระจ่างใดๆ เลย พลันก็นึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งสั่งสอนไปหยกๆ ขึ้นมาได้ จึงห้ามตัวเองไว้ได้ทัน เธอชื่นชมความสุขุมและสง่างามของเขาอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นก็ควรจะทำให้ได้อย่างอีกฝ่ายบ้าง อย่างน้อยก็สักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี เธอเชื่อว่าสมัยที่เฟอร์นันโดอายุเท่าเธอ คงจะไม่มีนิสัยเซ้าซี้หรือช่างซักเป็นแน่

เฟอร์นันโดมองคนที่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเงียบไปเสียอย่างนั้นด้วยความเอ็นดู เขามองทะลุถึงความคิดเรียบง่ายของวีรินทร์ได้เป็นอย่างดี จึงอดชื่นชมไม่ได้ที่เธอปฏิบัติตามสิ่งที่เขาสอนอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเอง คิดพลางทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาล้ำลึกเกินกว่าที่ใครจะหยั่งถึง

วีรินทร์คงไม่รู้ตัวหรอกว่าเขากำลังฝึกฝนเธอ วัยเพียงเท่านี้ไม่แปลกเลยที่เธอจะเลือดร้อน คิดเร็ว ทำเร็วไปเสียทุกอย่าง แต่เขากำลังฝึกให้เธอรู้จักอดทนและรอคอย ระยะเวลาและความห่างไกลช่างเป็นอะไรที่น่ากลัวเหลือเกินหากหัวใจไม่หนักแน่นพอ เขากลัวเธอจะหวั่นไหวต่อสิ่งเร้าตามวัย

ความสดใสน่ารักของเธอทำให้เขามั่นใจว่าต้องมีอีกหลายคนที่พยายามพาตัวเข้ามาใกล้ชิด ในขณะที่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ตราบใดที่ภาระหน้าที่บังคับให้ต้องอยู่ห่างไกลกันอย่างนี้ เขาจึงต้องการฝึกฝนให้เธอค่อยๆ ซึมซับและคุ้นชินกับการรอคอยจนไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ทรมานหรือน่าเบื่อจนเกินไป คำว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิดทำให้เขากลัวพอสมควร จึงจำเป็นต้องฝึกเธออย่างนี้

“เอ่อ...งั้นวีขอเดินดูรอบๆ หน่อยได้ไหมคะ ที่นี่ตกแต่งถูกใจวีมากเลยค่ะ” วีรินทร์อ้อมแอ้มถาม เพราะคนที่เมื่อสักครู่ชักชวนเธอไปนั่งพัก ตอนนี้กลับเอาแต่ยืนมองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“ได้สิ ดีเหมือนกัน” เฟอร์นันโดเอ่ยพลางโอบไหล่คนตัวเล็กเดินสำรวจไปรอบๆ “มีตรงไหนที่วีไม่ชอบบ้างหรือเปล่า”

“ไม่เลยค่ะ ที่นี่วิเศษมาก” วีรินทร์เอ่ยชื่นชมพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง

ท่าทางพออกพอใจแกมชื่นชมที่อีกฝ่ายแสดงออกทำให้เฟอร์นันโดอมยิ้มด้วยความพอใจ ความพยายามทั้งหลายที่ทุ่มเทลงไปจะมีค่าอะไรถ้าวีรินทร์ไม่พึงพอใจ ดวงตาเป็นประกายของคนตัวเล็กทำให้หัวใจของเขาอ่อนละมุนไปหมด แม้จะพอใจในความกระตือรือร้นของเธอที่มีต่อสิ่งที่เขาวางแผนตระเตรียมไว้ให้ แต่ก็ยังอดห่วงคนที่เพิ่งเดินทางไกลข้ามซีกโลกจะอ่อนเพลียไม่ได้

“พี่ว่าวีไปนั่งพักสักหน่อยดีกว่า มานี่มา” ชายหนุ่มเอ่ยพลางจูงมือเธอเดินตรงไปที่โซฟาตัวโต กดไหล่มนเป็นเชิงบังคับให้นั่งลง ก่อนจะเลี่ยงไปหาเครื่องดื่มมาวางไว้ให้ตรงหน้า

วีรินทร์มองคนตัวโตที่เคลื่อนไหวไปมาในห้องเหมือนคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่ด้วยแววตาแปลกๆ เธอแทบไม่เคยเห็นเฟอร์นันโดในลักษณะนี้มาก่อน แบบที่ดูผ่อนคลาย คล้ายๆ ชายหนุ่มทั่วๆ ไป ตามปกติแล้วเวลาอยู่ที่คฤหาสน์เดรอสซี เฟอร์นันโดจะดูเคร่งขรึมและทรงอำนาจ อาจจะเรียกว่าถอดแบบมาจากฟรานเชสโกเลยก็ว่าได้ เพียงเขาขยับตัวนิดหน่อยหรือปรายตามองอะไรสักอย่างก็มักจะมีคนเข้ามาถามแล้วว่าต้องการอะไร การยกเครื่องดื่มมารับรองใครสักคนอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนอื่น แต่ไม่ใช่ภาพที่จะหาดูได้ง่ายๆ จากเฟอร์นันโดเลย

ราวกับรู้สึกว่าถูกจับจ้อง เพราะทันทีที่นั่งลงที่โซฟาอีกตัว เฟอร์นันโดก็หันไปสบตากับคนที่มองเขาตาแป๋วอยู่พร้อมกับตั้งคำถาม “ทำไมถึงมองพี่แบบนั้น”

“คือว่า...คือ...มันอบอุ่นน่ะค่ะ”

“หือ? เราหมายถึงอะไร อากาศ?” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ บางทีวีรินทร์อาจจะรู้สึกว่าข้างในนี้อุ่นกว่าข้างนอกกระมัง แม้จะมีสายเลือดของชาวตะวันตกอยู่ในกายครึ่งหนึ่ง แต่เธอก็เกิดและเติบโตที่ตะวันออก เขารู้ดีว่าวีรินทร์ไม่คุ้นชินกับอากาศหนาวสักเท่าไร

“คือ...ไม่ใช่อากาศค่ะ วีหมายถึงพี่ฮอว์คนั่นแหละ” วีรินทร์อ้อมแอ้มตอบ

“พี่?” คราวนี้พญาเหยี่ยวแห่งเดรอสซีถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ไม่เคยมีใครบอกเลยว่าเขาเป็นคนอบอุ่น ส่วนใหญ่คนอื่นๆ มักจะทำท่าเหมือนหนาวด้วยซ้ำไปเวลาที่เผชิญหน้ากับเขา วีรินทร์ถือเป็นคนแรกเลยเชียวละที่พูดแบบนี้

“ค่ะ วีหมายถึงพี่ฮอว์คนั่นแหละ”

“ยังไง ไหนเราลองอธิบายมาซิ”

“วีก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง อาจจะเป็นเพราะที่นี่มั้งคะ” สาวน้อยเอ่ยพลางกวาดสายตาไปรอบๆ

เฟอร์นันโดมองตามสายตาของสาวน้อย แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จึงรอให้เธออธิบายเพิ่มเติม

“วีรู้สึกว่าเวลาอยู่ที่นี่พี่ฮอว์คดูผ่อนคลาย ดูไม่เหมือน เฟอร์นันโด เดรอสซี แต่ดูเหมือนพี่ฮอว์ค เอ่อ...ฟังเข้าใจหรือเปล่าคะ วีไม่รู้จะอธิบายยังไงดีค่ะ” วีรินทร์เอ่ยพลางหัวเราะแหะๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าเธอพูดจาเพ้อเจ้อไม่รู้เรื่อง

แววตาของเฟอร์นันโดอ่อนแสงลงเมื่อเข้าใจว่าสาวน้อยต้องการสื่ออะไร แน่นอนว่า ‘เฟอร์นันโด เดรอสซี’ กับ ‘พี่ฮอว์ค’ ย่อมให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างแน่นอน เฟอร์นันโดหรือนายน้อย คือตัวตนของเขาในสายตาคนอื่น ในขณะที่พี่ฮอว์คเป็นตัวตนอีกด้านที่เขาไม่เคยเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เห็นนอกจากคนที่สนิทชิดเชื้อกันจริงๆ หากคนอย่างเขาจะมีความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่บ้าง ความอบอุ่นนั้นก็เป็นของวีรินทร์แต่เพียงผู้เดียว

“แล้ว...เราชอบไหม”

“ชะ...ชอบอะไรคะ” สาวน้อยเอ่ยถามตะกุกตะกัก รู้สึกเหมือนกับว่าแทบจะไม่กล้าสบดวงตาคมกล้าที่มองมาตรงๆ

“ชอบพี่...”

ประโยคสั้นๆ นั้นส่งผลให้ดวงตากลมโตของวีรินทร์เบิกกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นระทึกด้วยความว้าวุ่น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินอะไรทำนองนี้จากอีกฝ่าย เธอยังเรียบเรียงความคิดไม่ทันเสร็จ เฟอร์นันโดก็เอ่ยต่อไปอีก

“ที่เป็นแบบนี้ แบบพี่ฮอว์ค”

วีรินทร์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเพื่อคลายความตื่นเต้น ที่แท้เขาก็แค่อยากรู้ว่าเธอชอบที่เขาเป็นแบบนี้หรือเปล่าเท่านั้นเอง แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าแท้ที่จริงแล้วอาการวาบลึกในหัวใจเมื่อสักครู่ เป็นเพราะว่าโล่งอกหรือผิดหวังกันแน่ แต่ก็ตอบคำถามตามที่ใจคิด “ทุกครั้งที่มองนายน้อยเฟอร์นันโด วีรู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลจากเขามากค่ะ วิ่งตามเท่าไรก็ไม่ทัน วีชอบเวลาที่พี่ฮอว์คอยู่ที่นี่ มันเหมือนกับว่าพี่อยู่ใกล้ๆ เอื้อมถึง จับต้องได้ ไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ตาม”

“พี่ดีใจนะที่เราชอบที่นี่”

“ห้องนี้เป็นของพี่ฮอว์คใช่ไหมคะ” ท่าทีคุ้นเคยของเขาทำให้เธอสันนิษฐานแบบนั้น

“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว ห้องนี้ไม่ใช่ของพี่คนเดียวหรอก” ชายหนุ่มปฏิเสธ

“หมายความว่ายังไงคะ” สาวน้อยถามด้วยความสงสัย ลักษณะนิสัยของเฟอร์นันโดไม่ใช่คนที่จะแชร์ห้องพักกับใคร หรือว่าเจ้าของอีกคนจะเป็นจูเลียต เธอสันนิษฐานไปตามที่พอจะนึกออก

“จำได้หรือเปล่า ที่พี่บอกว่าทุกเรื่องที่วีข้องใจหรือสงสัย คำตอบทุกอย่างพี่มีให้วีในวันนี้”

“จำได้ค่ะ”

“พร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”

“พร้อมค่ะ”

เฟอร์นันโดจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามของคนตรงหน้า เขามองเห็นความคาดหวังรอคอย เห็นความไว้เนื้อเชื่อใจที่สั่งสมมาตามกาลเวลา เห็นความผูกพันที่มีต่อกันมาเนิ่นนาน สิ่งเหล่านี้เขาไม่มีร่วมกับผู้หญิงคนอื่น มีเพียงวีรินทร์แค่คนเดียว ทั้งเมื่อก่อน ตอนนี้ และต่อไปในภายภาคหน้า เขามั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน

ชายหนุ่มคิดพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าด้านในเสื้อสูทเพื่อหยิบบางสิ่งออกมา มองของในมืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเธออย่างแน่วแน่ยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น