3

บทที่ 3

3


เพราะเลยเวลานอนปกติมาเกือบสองชั่วโมง ปวีราจึงง่วงนอนจนตาปรือ แทบจะสัปหงกคาเตียง แต่เธอยังไม่ได้เปลี่ยนชุดและอาบน้ำ จึงทำได้เพียงแค่อ้าปากหาวหวอดๆ จนน้ำตาแทบไหลเป็นรอบที่สาม แน่นอนว่าไม่พ้นสายตาคุณสามีที่เพิ่งจดทะเบียนกันไปหมาดๆ 

“ปัณไปอาบน้ำสิ จะได้มานอนพักผ่อน” 

“ปัณยังไม่ได้ถอดชุดน่ะสิคะ ผมก็ยังไม่ได้แกะ แข็งไปหมดทั้งหัวเลย” ปวีราบอกเขาแล้วปิดปากหาวอีกรอบ 

“จะให้พี่ช่วยอะไรหรือเปล่า ชุดท่าจะถอดออกยาก” อังกูรถามด้วยความหวังดี 

“อุ๊ย ไม่ต้องค่ะ ปัณเกรงใจ” ปวีราตาสว่างขึ้นโดยพลัน ถึงจะอยากอ่อยสามีแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอยังไม่พร้อม 

“จนถึงป่านนี้แล้วจะเกรงใจอะไรกัน อีกหน่อยปัณก็ต้องเห็นพี่โป๊ เหมือนที่พี่เห็นปัณโป๊นั่นแหละ” เขาพูดอย่างไม่คิดอะไร ต่างจากเธอที่คิดอะไรๆ จนหน้าแดงเถือก 

“หน้าแดงเชียว แอบคิดหื่นอะไรอยู่ฮึ ไม่เบาเลยนะเรา”

“พี่พร้อม!” 

ร่างบางในชุดเจ้าสาวหน้าแดงตั้งแต่หูจดลำคอ ถึงจะใกล้ชิดและสนิทสนมกันมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อน จู่ๆ จะให้มาแก้ผ้าเป็นชีเปลือยต่อหน้าต่อตา จะไม่แปลกประหลาดไปหน่อยเหรอ 

...ถึงหุ่นเขาจะน่าหม่ำมากก็ตามที

“คิดไปถึงไหน พี่แค่จะช่วยปลดตะขอชุด หรืออยากช่วยพี่ผลิตลูกให้ปู่แล้ว?” ร่างสูงไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเข้ามาประชิดร่างบางทันที 

“อย่าเพิ่งนะคะ ปะ...ปัณยังไม่พร้อม” ปวีราส่ายหน้าดิก

“หันหลังให้พี่หน่อย”

“พะ...พี่พร้อมจะทำอะไร” 

พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย! 

กายบางสั่นสะท้าน หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ดวงหน้าสวยร้อนผะผ่าว เธอรู้สึกหวิวๆ ได้ยินเสียงตึ้กตั้กจากหน้าอกข้างซ้าย จนต้องแอบสูดลมหายใจเข้าปอด พลางบอกตัวเองให้ใจร่มๆ เขาแค่จะช่วยเธอปลดตะขอ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น 

เขาจะพาเธอขึ้นเขียงไปเชือดโดยที่เธอไม่เตรียมตัวไม่ได้!

ครั้นนิ้วเรียวแกร่งปลดตะขอหลุดออกจากกัน ลมหายใจชายหนุ่มพลันสะดุดกึก ลำคอเรียวสวยของปวีราไม่มีจุดด่างดำหรือริ้วรอยใดๆ เส้นผมบางเบาระต้นคอขาวเนียนยิ่งทำให้เธอดูอ่อนหวานและเซ็กซี่ 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความคิดจะรังแก หรือแม้แต่จะมองเธออย่างที่มองหญิงสาวคนอื่น เขาไม่อาจทำใจคิดหื่นกามกับน้องสาวที่เห็นกันมาแต่แบเบาะ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว... 

อังกูรรู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้ตัวว่าตนเองมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเธอ 

ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นสัดส่วนร่างกายเธอ ครอบครัวของทั้งเขาและเธอไปเที่ยวกันค่อนข้างบ่อย เวลาไปทะเล ปวีราก็สวมแค่บิกินีสีสันสดใส เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจมองอย่างละเอียดเหมือนตอนนี้ 

มือแกร่งลูบไล้ความนวลเนียนแผ่วเบา เหมือนกำลังแตะกลีบดอกไม้อันบางเบา อ่อนโยน และทะนุถนอม

“ปัณขาวมาก...”

ได้ยินคำชมของเขา หัวใจก็สั่นไหวระดับหลายสิบริกเตอร์ ลมหายใจผ่าวระอุซึ่งรินรดแผ่นหลังบาง ทำให้ปวีรารู้ว่าตอนนี้เธอและเขาใกล้กันมากแค่ไหน 

เขาไม่ได้จะทำพิธีสิงร่างเธอตอนนี้ใช่มั้ย

ได้โปรดเถอะ เธอยังไม่พร้อม เธอยังไม่ได้อาบน้ำขัดศรีฉวีวรรณแบบครบเซตตามคู่มือเจ้าสาวสุดแซ่บที่อ่านมาเลย

แล้วโจมาโลนกลิ่นโปรดของเธออยู่ไหน คงไม่ได้ลืมใส่กระเป๋ามาหรอกนะ 

ปวีราคิดนู่นคิดนี่อย่างกระวนกระวายใจ แต่ก็ยอมหันหลังให้เขาแต่โดยดี 

“เสียใจหรือเปล่าที่ต้องแต่งงานกับพี่” 

แทบไม่ต้องคิด ปวีราส่ายหน้าระรัว ก่อนจะถามเขากลับบ้าง 

“แล้วพี่พร้อมล่ะคะ เสียใจไหมที่ได้คนไม่ได้เรื่องอย่างปัณไปเป็นแม่บ้าน ปัณซักผ้า พับผ้า กับข้าวก็ทำไม่เป็น แถมยังชอบนอนตื่นสายอีกต่างหาก”

“พี่แต่งปัณมาเป็นเมีย ไม่ได้รับสมัครแม่บ้านมืออาชีพ แต่ถ้าทำเป็นเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ดี ตอนมีลูกจะได้ไม่ลำบาก”

“ปัณจะพยายามเรียนรู้ค่ะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่พร้อมต้องหนักใจ”

แววตาใสซื่อราวกับกวางน้อยเพิ่งละจากถิ่นของเธอ ทำเอาอารมณ์หื่นหดหาย กลายเป็นอารมณ์อ่อนโยนอบอุ่นเข้ามาแทนที่

อังกูรลูบหัวทุยของเมียตัวเล็กอย่างเบามือ

 “ไม่ต้องซีเรียส แค่อยู่ให้มีความสุขก็พอ พี่เข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องต้องใช้เวลาปรับตัว ทำเท่าที่ทำไหว เอาละ นี่ก็ดึกมากแล้ว ปัณไปอาบน้ำเถอะ เราจะได้นอนกันสักที เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”

เธอมองหน้าคนพูด พร้อมกับเกิดคำถามในใจ นอนด้วยกันนี่กินความหมายถึงไหน

นอนจับมือ? 

หรือนอนแบบ...

ปวีราตาเหลือก ใจร่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม 

ถึงเธอจะอยากได้เขาเป็นผัว เอ๊ย! สามีมากขนาดไหน แต่เธอไม่ประสีประสาเรื่องอย่างว่าเลยแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่แอบดูหนังเรตอาร์ตามประสาสาวช่างฝัน 

ตอนนี้ในหัวสมองน้อยๆ กำลังคิดมโนไปไกล พี่พร้อมจะใช่พวกมาโซคิสม์ ชอบใช้โซ่แส้กุญแจมือไหมนะ...

แล้วดูสายเขาสิ ไม่เหมือนพี่พร้อมคนเดิมเลยสักนิด ทำไมต้องมองเธอด้วยสายตากลืนกินขนาดนั้นด้วย เธอไม่ใช่ขนมหวานสักหน่อย 

ปวีราเข้าใจความรู้สึกของอนาสตาเซีย ในภาพยนต์เรื่อง Fifty Shades of Grey ขึ้นมาทันใด

ที่เรือนหอ พี่พร้อมจะมีห้องแห่งความลับซ่อนอยู่ไหม แล้วเขาจะลงโทษเธอแบบไหน...

ให้ตายสิ! เธอไม่พร้อมรับบทบ่าวของนายท่านนะ ครั้งแรกของเธอขอแบบเบสิกก่อนได้ไหม

ไม่ๆ คนตัวเล็กส่ายหัว 

เกิดเขาไม่ชอบใจแล้วหนีไประบายกับผู้หญิงคนอื่นล่ะ ไม่เท่ากับสิ่งที่อดทนรอมาตลอดต้องสูญเปล่าหรอกหรือ

สิบกว่าปี กว่าจะมีวันนี้... 

ไม่ได้ เธอต้องสู้!

ฟากอังกูรก็ขมวดคิ้วสงสัย ว่าเหตุใดเจ้าสาวของเขาจึงไม่ยอมเข้าไปในห้องน้ำเสียที ไยจึงเอาแต่ทำท่าทางแปลกประหลาดอยู่ได้

“ปัณ” 

เขาเรียกเธอก็ไม่ตอบสนอง

“ปวีรา! คิดอะไรอยู่ฮึ ไม่ไปอาบน้ำหรือไง” 

คราวนี้เขาเรียกเต็มยศ ปวีราจึงจะสะดุ้งรู้สึกตัว เธอมองเขาอย่างกริ่งเกรงระคนหวาดหวั่น ทำเอาสามีหมาดๆ เกิดอาการงงงวย พลางคิดว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า เหตุใดเธอถึงได้ทำหน้าเหมือนหวาดระแวงเขาอย่างนั้น

“ปะ...ไปค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่า ถ้างั้นปัณขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

เจ้าของร่างสูงพยักหน้าเชิงบอกว่า ‘ตามสบายเถอะ’ อังกูรมองตามร่างบอบบางที่เดินจ้ำอ้าวหายเข้าไปในห้องน้ำเหมือนวิ่งหนีอะไรบางอย่าง พลันอดคิดถึงเธอในวัยเด็กไม่ได้ 

ปวีราในตอนนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับตอนนี้ เธอยังน่ารัก น่าแกล้งเหมือนเดิม 

เขาจำได้ดีว่าตอนนั้นทุกคนตื่นเต้นกับข่าวดีของแม่ยายมากแค่ไหน ด้วยเพราะไม่มีใครคาดคิดว่านางภัสราจะตั้งครรภ์อีกครั้งในวัยเกือบสี่สิบ ทั้งแม่และลูกจึงถูกประคบประหงมไม่ต่างจากไข่ในหิน 

ครั้นเมื่อปวีราลืมตาดูโลก สมาชิกสองครอบครัวต่างก็หลงรักในความตัวเล็กนุ่มนิ่มของหนูน้อยปวีรา ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้ชายอย่างเขา เธอเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเขา เกือบทุกช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเธอจะมีเขาอยู่ร่วมด้วยเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ขาเล็กๆ ๆ ก้าวเตาะแตะได้เองเป็นครั้งแรก คนที่สอนเธอขี่จักรยานจนคล่องแคล่วก็คือเขา คนที่แกล้งผลักเธอตกน้ำเป็นลูกหมาตกน้ำ จนว่ายน้ำได้คล่องประหนึ่งเงือกน้อยก็หนีไม่พ้นเขา ตอนเธอไปโรงเรียนวันแรกสองตระกูลก็ยกโขยงพากันไปส่ง 

คุณหญิงรำไพ คุณย่าของเขาถึงกับน้ำตาไหลรินด้วยความใจหาย ด้วยเพราะเหตุนี้ปวีราถึงไม่เคยมีโอกาสได้ไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนพี่ๆ ภรรยาของเขาถือเป็นแก้วตาดวงใจของวัฒนานนท์และธาดาพิพัฒน์อย่างแท้จริง ถึงเขาจะรำคาญเธอบ้างตามประสาเด็กผู้ชายที่ไม่ชอบตามเอาใจใคร แต่เขาก็รักและหวังดีกับน้อง 

แต่ไหนแต่ไรมา ปวีราไม่เคยดื้อรั้นหรือเอาแต่ใจ เธอว่านอนสอนง่ายและเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่เสมอ เรียกได้ว่าสั่งซ้ายไปซ้าย สั่งขวาไปขวา ให้โดดหน้าผาเธอก็คงไปโดยไม่คิดค้าน เพราะแบบนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลจึงทั้งรักและเอ็นดูสาวน้อยมากกว่าใคร ถึงใครจะด่าว่าลำเอียงก็ไม่สน 

ผลงานชิ้นโบแดงที่คว้าหัวใจปู่กับย่าเขามาครอง คงหนีไม่พ้นการตอบตกลงแต่งงานกับเขาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ในทางกลับกันหากคนที่ถูกวางตัวให้แต่งงานกับเขาเป็นเปรมวรา พี่สาวเธอแล้วละก็ รับรองว่าทั้งธาดาพิพัฒน์และวัฒนานนท์จะต้องลุกเป็นไฟ หากเปรียบปวีราเป็นน้ำ เปรมวราก็ไม่ต่างจากไฟบรรลัยกัลป์ เป็นผู้หญิงประเภทที่เขาจะไม่มีวันเอาตัวเข้าไปใกล้ เหลือเชื่อที่ปวีราไม่ได้รับความร้ายกาจมาจากพี่ชายและพี่สาวเลยแม้แต่น้อย

นับเป็นโชคดีของเขาที่เธอไม่คัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ และในเมื่อเขาไม่ทุกข์ร้อนกับการแต่งงานกับเธอ อังกูรก็หวังว่าน้องน้อยของเขาจะไม่ทุกข์ใจกับชีวิตแต่งงานในครั้งนี้เช่นกัน เพราะถึงแม้จะเป็นการคลุมถุงชน แต่เขาก็ไม่ได้ฝืนใจตัวเอง ปวีราเป็นเด็กน่ารัก ถึงจะอ่อนแอและขี้โรคจนป่วยกระเสาะกระแสะบ่อยๆ แต่เธอก็อยู่ในโอวาทเขามาโดยตลอด 

ในเมื่อเขามีข้าวให้เธอกินครบสามมื้อ มีเงินให้เธอชอปปิงไม่ขาดมือ อยากจะไปเที่ยวที่ไหนบนโลกก็ย่อมได้ และไหนๆ เขาก็ช่วยดูแลเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต จะเปลี่ยนจากเลี้ยงน้องมาเป็นเลี้ยงเมียก็คงไม่ต่างกันเท่าไร ท่านประธานหนุ่มสรุปเอาเองง่ายๆ 

อังกูรไม่มีโอกาสรู้เลยว่า นอกจากศรีภรรยาคนดีของเขาจะไม่ทุกข์ใจ เธอยังสบายใจเฉิบถึงขั้นฮัมเพลงในอ่างน้ำวนเย็นฉ่ำราวกับฉลองชัยชนะบางอย่าง 

ริมฝีปากอมชมพูยกยิ้มพอใจ ประกายนัยน์ตาคู่สวยฉายแววสมหวัง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิดไว้เป๊ะ

พี่พร้อมจะเป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้น!


เจ้าสาวมือใหม่ขัดถูทุกซอกทุกมุมของร่างกายอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะวงแขนขาวเนียน จะให้มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ไม่ได้เด็ดขาด กระทั่งมั่นใจว่าสะอาดหมดจดดีแล้ว ปวีราจึงยอมรามือ และหลังจากชั่งใจอยู่เป็นนาน ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจหยิบชุดนอนที่เปรมวราซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงานขึ้นมาสวมปกปิดกายขาวผ่อง 

เสื้อเชิ้ตซีทรูคอวีความยาวระดับต้นขาส่งผลให้คนใส่รู้สึกหวิวๆ ชอบกล แม้จะมีชั้นในลูกไม้บางเบาสวมทับส่วนเร้นลับอยู่ก็ตาม กระนั้นปวีราก็อดหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกด้วยความภาคภูมิใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเซ็กซี่กับชาวบ้านเขาได้เหมือนกัน 

มาถึงขนาดนี้แล้วจะขาดการพอยต์เท้าจิกเท้าไปได้ยังไง มือใหม่หัดยั่วเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเด็กไซด์ไลน์ยั่วสวาทพวกเสี่ยกระเป๋าหนักอย่างไรอย่างนั้น

เสี่ยขา เสี่ยพร้อม มาหาหนูปัณสิคะ

ปวีรากระดิกนิ้วเรียกเสี่ยที่น่าจะรออาบน้ำจนหลับไปแล้วเข้ามาหา พลันหัวเราะคิกคักกับความบ๊องของตัวเอง

ถ้าเธอออกไปทั้งแบบนี้ พี่พร้อมจะหาว่าเธอยั่วไหมนะ...

ไม่สิ ปัญหาคือเธอจะยั่วเขาขึ้นไหมต่างหาก

พี่พร้อมออกจะธรรมะธัมโม ได้ข่าวว่าเขานั่งสมาธิและสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน

ในอดีตเธอไม่เคยมีความคิดจะกล้ายั่วยวนเขามาก่อน เพราะกลัวเขาจะถอยหนีไปไกล 

แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน เราไม่ได้เป็นแค่พี่น้องกันอีกต่อไปแล้ว

เอาก็เอาวะ! ถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน

ท่ามกลางแสงไฟนวลตา คนบนเตียงปรายตามองร่างบางซึ่งเยื้องย่างออกมาจากห้องน้ำในสภาพราวกับนางฟ้าตกสวรรค์ ผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชื้นแนบลู่ตัดกับผิวนวลเนียน กลิ่นหอมละมุนอันเป็นธรรมชาติจากกายบางทำเอาเลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่าน อังกูรคล้ายกับโดนสั่นคลอนอย่างรุนแรง

ชุดเธอช่างวาบหวิวโดยแท้ ถ้าเพียงแต่เธอโนบรา...

ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะคิดหื่นกับคนที่ตัวเองป้อนข้าวป้อนน้ำมาตั้งแต่เด็ก แต่จะน่าแปลกอะไร ในเมื่อตอนนี้เขาและเธอเป็นสามีภรรยากัน หาใช่พี่น้องเหมือนในอดีต 

อังกูรเพ่งราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงข้างใน ส่วนปวีราก็ได้แต่เม้มปากอย่างขัดเขิน มือบางพัดหน้าตัวเองเบาๆ 

ทั้งที่อากาศในห้องก็หนาวเหน็บระดับสิบกว่าองศา แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวแบบนี้

โดยไม่รีรอ สองขาแข็งแรงก้าวเดินคล้ายละเมอเข้าไปจูงมือภรรยาคนสวยมายังโต๊ะเครื่องแป้ง เขาหมุนร่างโปร่งบางให้นั่งลงหน้ากระจก 

“นั่งสิ พี่จะเป่าผมให้” ท่านประธานผู้สุขุมเยือกเย็นอยู่เป็นเนืองนิจแห่งหลักทรัพย์ธาดาพิพัฒน์ขันอาสา

ปวีราขยับตัวอย่างประหม่าแทนการเอื้อนเอ่ย

“แปลกตรงไหน ตอนเราเล็กๆ พี่อาบน้ำให้เราออกจะบ่อย”

ดวงหน้าหวานแดงซ่าน ใจเต้นตึ้กตั้กอย่างระงับไม่อยู่ ถ้านี่เป็นละคร ก็ต้องเป็นตอนที่พระเอกกับนางเอกใกล้จะเข้าด้ายเข้าเข็มกันเต็มที มันมักจะเริ่มต้นจากการที่พระเอกกระทำการอ่อนโยน ส่วนนางเอกก็โอนอ่อนผ่อนตาม และจบลงด้วยการอุ่นเตียง ขณะที่คิดดวงตากลมโตก็ชำเลืองมองไปยังเตียงหนานุ่มซึ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ

คืนนี้ดูท่าจะรอดยาก... 

“แต่ตอนนี้ปัณไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” ภายในคำพูดธรรมดาๆ เหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษนั้นกลับมีนัยสำคัญซ่อนอยู่

“พี่รู้...” 

แต่แล้วคนตัวโตก็ต้องชะงักงัน นัยน์ตาคมกริบเหลือบมอง ‘วิวดี’ อันกลมกลึงจากมุมสูง ดวงตาคมทอประกายปรารถนาร้อนแรง มือหนาลูบไล้ไหล่มนเบาๆ 

“ปัณโตขึ้นมาก มากเชียวละ” 

เขาเหมือนพูดกับตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ปวีราเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาคมผ่านกระจกบานใหญ่ อังกูรพิศมองดวงหน้าหวานละมุนปราศจากการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางไม่วางตา 

หากถามว่าภรรยาในอุดมคติของเขาเป็นเช่นไร ก็คงหน้าตาประมาณนี้กระมัง

ปวีรานับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากทะนุถนอมหรือดูแลใครสักคน หญิงสาวเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ฐานะ หรือชาติตระกูล 

ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่เขายังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ต้องการภรรยาที่เพอร์เฟกต์ เธอไม่จำเป็นต้องดีเลิศ แค่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เคยเป็นมา 

หลังจากบริการเป่าผมเธอจนแห้งสนิทเรียบร้อย ก็ถึงตาคุณสามีดีเด่นเข้าไปอาบน้ำบ้าง ชายหนุ่มใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ออกมาในชุดนอนสวมใส่สบาย อย่างเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนผ้าฝ้าย ไม่ได้เนี้ยบเวอร์อย่างที่คิดไว้ 

พี่พร้อมในชุดนอนดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่แววตาคมกริบของเขาช่างเหลือร้าย และส่งผลต่ออัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายดังตึ้กตั้ก เขาเล่นมองเธอด้วยแววตาลุ่มลึกเหมือนแอบคิดมิดีมิร้ายกับเธอแบบนั้น แล้วใครจะต้านทานไหว 

ปวีรากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ รู้สึกว่ามือไม้เกะกะจนไม่รู้จะวางตรงไหนดี เธอเอนกายลงบนฟูกหนานุ่มด้วยความเคอะเขิน เตียงนอนขนาดหกฟุตยุบยวบลงด้วยน้ำหนักตัวของคนที่ทรุดกายตามลงมา คนตัวเล็กทำท่าจะกระเถิบตัวถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่ก็ช้ากว่าเจ้าของร่างสูง ร่างเล็กในชุดนอนตัวบางถูกดึงเข้าไปกอดแนบอก ความอบอุ่นพลันโอบล้อมรอบกายจนดวงหน้าสวยแดงปลั่ง 

อ้อมกอดของพี่พร้อมอุ่นอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ด้วย 

กระแสความรู้สึกอันแรงกล้าผลักดันให้เธอทำใจกล้าด้วยการเลื่อนแขนสองข้างขึ้นโอบรอบเอวหนา แนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน ปวีราไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจสองดวงกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกันอย่างมั่นคง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีหวังในการอ่อยเขาต่อไป 

“ก่อนที่เราจะขยับความสัมพันธ์ไปอีกขั้น พี่อยากจะตกลงอะไรกับปัณสักหน่อย” 

ดวงตาคมกริบจับจ้องมองเธอไม่วางตา กระแสเสียงคนพูดฟังดูซีเรียสไม่น้อย ส่งผลให้ร่างอ่อนปวกเปียกในวงแขนกว้างเกิดอาการแข็งทื่อด้วยความไม่สบายใจขึ้นมา 

หรือเขาจะพูดเรื่องหย่า? เธอผงะขึ้นในใจ 

ไม่นะ! เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเพื่อเป็นการมัดใจเขาเลย 

“พี่พร้อมมีเรื่องอะไรจะคุยกับปัณเหรอคะ” นัยน์ตาหรี่เล็กลง ซ่อนความกังวลใจไว้แทบไม่มิด 

“พี่จำได้ว่าปัณเคยบอกว่าปัณมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

เขาพูดอะไรของเขา เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ใคร? ปวีราออกอาการงงไปชั่วขณะจิต 

หรือว่า...

พลันภาพเหตุการณ์เมื่อสี่ปีที่แล้วพลันย้อนกลับเข้ามาในสมอง จำได้ว่าตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องการแต่งงานของเธอกับเขาอย่างจริงจัง 

...

วันหนึ่งอังกูรอาสามารับเธอที่มหาวิทยาลัย แล้วพาไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารโปรดของเธอ ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่กินข้าวด้วยกันสองต่อสอง แต่ปวีราก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ ก็เขาคือคนที่เธอแอบชอบมาตลอดนี่นาดาวมหาวิทยาลัยแต่งหน้าทำผมเสียสวยจับตา ทว่าอังกูรกลับมองไม่เห็นมัน เขาไม่ชมเธอสักคำ ปวีราโคตรจะเซ็งอารมณ์

‘ปัณรู้ใช่ไหมว่าอีกไม่นานเราจะต้องแต่งงานกัน’ 

ร่างสูงภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว กระดุมคอด้านหน้าถูกปลดออกอย่างคลายความอึดอัด ส่งผลให้เห็นแผงอกแกร่งรำไร แขนเสื้อสองข้างถูกพับขึ้นมาอย่างลวกๆ ทำเอาปวีราลอบกลืนน้ำลาย พี่พร้อมแซ่บมากในมาดนี้ เธอละอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจริงๆ 

‘ปัณ นี่เราฟังที่พี่พูดอยู่หรือเปล่า’ 

‘คะ? ขอโทษค่ะ ปัณมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ พี่พร้อมว่าไงนะคะ’ คนถูกเรียกเบรกต่อมหื่นแทบไม่ทัน 

พี่ชายที่แก่กว่าสิบเอ็ดปีส่ายหัว ก่อนจะถามเธอด้วยประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง

‘พี่บอกว่าปัณรู้ใช่ไหมว่าอีกไม่นานเราจะต้องแต่งงานกัน’

‘ทราบค่ะ’ ปวีราในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังผงกหัว พลางเอาผมทัดหูอย่างขัดเขิน

‘แล้วปัณเต็มใจหรือเปล่า’

‘เต็มใจค่ะ’

‘จริงหรือ พี่ได้ยินจากพริ้งมาว่าปัณมีคนที่ชอบอยู่แล้ว’

‘แค็กๆ!’ ปวีราตาโต น้ำแข็งติดคอขึ้นมาทันที 

ยายพริ้ง ยายเด็กทรพี ไหนบอกจะเก็บความลับจนตายไปกับตัวไง! ไม่ทันไรก็ทรยศกันซะแล้ว

‘พี่พร้อมทราบแล้วเหรอคะ’ ดวงหน้าอ่อนใสซีดเผือดไม่เหลือสี 

‘อืม’ 

ใบหน้าหล่อขรึมไม่ยินดียินร้าย ยิ่งทำให้ปวีราใจแป้วจนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ 

เขาจะมายกเลิกงานแต่งของเราใช่ไหม 

‘ปัณขอโทษค่ะ พี่พร้อมอย่าเกลียดปัณเลยนะคะ’

‘พี่จะเกลียดปัณทำไม พี่เข้าใจ ถึงถามว่าเราเต็มใจจะแต่งงานกับพี่แน่หรือ’  

‘เต็มใจสิคะ ก็ในเมื่อคนที่ปัณชอบคือ…’

เดี๋ยวนะ! นี่เรากำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ใช่ไหม ตกลงเขารู้หรือไม่รู้กันแน่ 

ปวีราชักจะสับสน 

‘คุณคะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ลูกฉันตกบันไดเลื่อน!’

เสียงคนร้องให้ช่วยดังมาจากบันไดเลื่อนสูงตระหง่าน ส่งผลให้ร่างสูงวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาสั่งให้เธอโทร. เรียกรถพยาบาลเร็วรี่ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก และปวีราก็ประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาเหลือเกิน 

ว่าที่สามีใครหว่า หล่อแล้วยังใจบุญ ในใจเธอ ในความคิดเธอ แม้แต่ไอรอนแมนก็ยังสู้เขาไม่ได้

... 

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เขาและเธอก็ไม่มีโอกาสเอ่ยถึงเรื่องรักแรกของเธออีกเลย 

จนกระทั่งวันนี้ ในห้องหอของเธอและเขา คำถามนี้ก็ย้อนกลับเข้ามาหาตัวเธออีกครั้ง 

“ตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว ปัณกำลังจะเป็นเมียพี่ และเป็นแม่ของลูกพี่ในอนาคต” 

ปวีราตั้งใจฟัง แต่ก็ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่ออยู่ดี 

“ปัณทราบค่ะ”

“จะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหย่าร้างจากกัน และจะไม่มีกรณีที่ปัณหอบลูกหนีพี่ไปเหมือนในละครหลังข่าว”

ปวีราพยักหน้าหงึกๆ เธอมากกว่าละมั้งที่กลัวเขาจะหนี คิดแล้วอดสังเวชตัวเองไม่ได้ เขามีอิทธิพลต่อเธอมากจริงๆ 

“การที่ปัณมีผู้ชายคนอื่นอยู่ในใจ มันไม่ยุติธรรมกับพี่ ปัณต้องลืมผู้ชายคนนั้นซะ” 

คนพูดขมวดคิ้วยู่ย่น ใบหน้าหล่อเหลาตึงอย่างไม่รู้ตัว ส่วนภรรยาสาวหมาดๆ ได้แต่กะพริบแพขนตางามงอนถี่ๆ 

พี่พร้อมยามสั่งให้เธอเลิกคิดถึงผู้ชายคนอื่นช่างกร้าวใจนัก! 

พอเห็นเธอแน่นิ่งไป เขาก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา หรือเธอจะลืมมันไม่ลงจริงๆ ?...

อังกูรชักอยากรู้ว่าคนที่ปวีราปักใจชอบนักชอบหนาเป็นใครมาจากไหน เหตุใดถึงทิ้งเธอไปแบบนั้น น้องควรเจอผู้ชายที่ดีกว่านั้น เขาสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดี  

“มันยากเกินไปหรือเปล่า พี่รู้ว่าการจะลืมใครสักคนต้องใช้เวลา ถ้าปัณยังทำใจไม่ได้หรือลำบากใจ…” 

น้ำเสียงเขาแฝงความเห็นใจอยู่หลายส่วน เมื่อได้ยินแบบนั้น ปวีราก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธจนผมกระจายเต็มวงหน้า 

“ไม่ๆ ไม่ลำบากใจเลยค่ะ ปัณเคยชอบเขาก็จริง แต่มันเป็นอดีตไปแล้วค่ะ ตอนนี้เขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว” ได้ข่าวว่าเมียสวยมากด้วย

“ถ้าอย่างนั้นปัณคงจะเสียใจมาก” เขาลูบไหล่มนเป็นการปลอบใจ นิ้วเรียวแกร่งอาสาจับปอยผมขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน 

คนที่กลายเป็นผู้หญิงที่แอบรักผัวชาวบ้านยิ้มแห้ง ไม่รู้จะเห็นใจเขาหรือตัวเองดี แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอสร้างซีนเรียกคะแนนสงสารหน่อยก็แล้วกัน 

ร่างบอบบางห่อไหล่ลง ยิ่งทำให้ดูตัวเล็กตัวน้อยน่าเอ็นดูขึ้นอีกหลายเท่า ดวงหน้าสวยซึมลงเหมือนทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานราวกับต้องการให้หยดน้ำอุ่นใสในดวงตาซึ่งเอ่อล้นไหลย้อนกลับ ช่างเป็นภาพที่สวยงามและน่าอาดูร

“ปัณทำใจได้นานแล้วล่ะค่ะ”

ปากบอกว่าทำใจได้ แต่เธอกลับมีน้ำตาคลอหน่วย ทำเอาคนแพ้น้ำตาผู้หญิงเริ่มทำตัวไม่ถูก เขาปลอบใจใครไม่เก่งเสียด้วยสิ

“พี่ไม่ได้บังคับให้ปัณลืมหรอกนะ แต่ในเมื่อต่างคนต่างมีครอบครัวไปแล้ว ปัณก็ทำใจ ปล่อยวางเสียเถอะ”

คนปลอบไม่เก่งตบไหล่เธอเบาๆ ปวีราโผกอดร่างสูง แกล้งสะอึกสะอื้นตัวโยนอยู่สองสามนาที แอบชำเลืองมองเห็นเขาทำหน้าปวดใจระคนลำบากใจ เธอก็ยิ่งปล่อยโฮเสียงดังลั่นห้องหอ 

อังกูรรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม เขาเกลียดเสียงร้องไห้ โดยเฉพาะเสียงร้องไห้อันน่ารำคาญของผู้หญิง บางทีการกินยาขมอาจจะน่าพิสมัยกว่า

ส่วนคนบีบน้ำตาเก่งก็กลั้นขำจนตัวสั่น เห็นเขาทำหน้าแบบนั้นเธอก็ยิ่งอยากแกล้ง  

“ร้องออกมาเสียให้พอ” อังกูรเห็นเธอตัวสั่นก็ยิ่งลนลาน 

“ฮือๆๆ โฮๆ ไอ้คนใจร้าย! ไอ้คนใจดำ! ต่อไปปัณจะไม่คิดถึงเขาอีกแล้ว คนนิสัยไม่ดี คนมีตาหามีแววไม่”

ฮือๆ ทำไมสามีเธอหลอกง่ายแบบนี้น้า 

“ใช่ อย่าไปให้ค่าคนพรรค์นั้นเลย”

“ค่ะ ฮึก...ต่อไปปัณจะลืมเขาให้หมด” ปวีราพึมพำกับอกหนา ชุดนอนเขาเปียกชื้นน้ำตาปลอมไปหมด  

“ดีมาก ซับน้ำตาเสียเด็กดี น้ำตาปัณมีค่ามากกว่านั้น” เขาใจดีเอามือมาซับน้ำตาข้างแก้มอย่างทะนุถนอม ปลอบโยนเธอด้วยคำพูดน่ารักน่าเอ็นดูอีกครู่ใหญ่ จึงกระแอมในลำคอแล้ววกเข้าประเด็นเดิม เฉียบขาดสมกับเป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์ หากไม่ได้กำไร ก็ห้ามขาดทุน

“งั้นเป็นอันว่าเราเคลียร์กันแล้วนะ”

“ค่ะ” ปวีราส่งยิ้มบาง ดวงตาคู่สวยฉ่ำวาวด้วยหยดน้ำตา 

ดวงตาคมสาดแววลุ่มลึกราวกับหมาป่าที่จำศีลมานานหลายปี เขาไม่ใช่คนดีเด่ที่ไหน ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว ข้าวสารก็สมควรเป็นข้าวสุกตามคำฝากฝังของผู้ใหญ่

“ถ้างั้นเรามามีลูกให้ปู่กันเถอะ” 

มือใหญ่ที่โอบรอบบ่าเลื่อนมาป้วนเปี้ยนแถวบั้นเอว เสียงเขาแหบพร่าทว่าอ่อนโยน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น