9
ดาราหนุ่มหน้าใส
เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ณ ร้านอาหารจักรรักษ์ไทย
“วันนี้พี่ทอย สารินจะมาถ่ายทำรายการที่ร้านเราจริงๆ เหรอคะคุณวิว” หนึ่งในบรรดาพนักงานสาวเสิร์ฟร้องถามเธอด้วยท่าทีตื่นตระหนกระคนตื่นเต้น พลอยให้พนักงานคนอื่นๆ ซึ่งกำลังปัดกวาดเช็ดถูร้านสนใจหยุดฟังคำตอบตามไปด้วย
“ใช่ค่ะ” วาดฟ้าพยักหน้ารับยิ้มๆ
“กรี๊ด!!!”
เพียงเท่านั้น ทั้งสี่สาวประจำร้านก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกระโดดโลดเต้นราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ส่วนสามหนุ่มที่เหลือได้แต่หันมองหน้ากันอย่างงงงวย
“น้อยๆ หน่อยย่ะพวกแก สงวนท่าทีกุลสตรีไทยใจงามให้เหมือนชื่อร้านเราหน่อยสิ” แพรวนภาผู้เป็นพี่ใหญ่สุดรีบปรามเหล่ายายลูกลิงทโมน
“แหมพี่แพรว อย่ามาทำเก๊กน่า ลึกๆ พี่ก็ดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนกันแหละ ใช่ม้า”
“ทำไมพี่ต้องดีใจด้วย”
“ก็พี่น่ะติ่งพี่ทอยตัวแม่ ติ่งยิ่งกว่าพวกหนูอีก หนูไปห้องพี่วันนั้นเห็นรูปพี่ทอยเต็มห้องพี่เลย ไหนจะพัดรูปพี่ทอยเอย นิตยสารที่พี่ทอยขึ้นปกเอย”
“เอ่อมันก็...” สาวใหญ่กลอกตาไปมา พยายามคิดหาข้อแก้ตัว
“หรือจะเถียง วันนั้นตอนเก็บร้านพี่ก็แอบอู้งานไปนั่งดูซีรีส์ที่พี่ทอยเล่น แบบนี้ต้องตัดเงินค่าจ้างมั้ยคะคุณวิว”
“ไม่เป็นไรค่ะ จะอภัยให้สักครั้งแล้วกัน เห็นแก่ความติ่งของพี่แพรว” วาดฟ้าตอบเสียงนุ่มนวล ก่อนจะหันไปมองสาวใหญ่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ส่งยิ้มเป็นเชิงแซวกลายๆ
ส่วนแพรวนภาทั้งเขินทั้งอาย ทำอะไรไม่ถูก แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อเมื่อโดนยายสี่ลิงทโมนจอมแสบช่วยกันแฉจนเธอโป๊ะแตก
“ฝากไว้ก่อนเถอะนะ ยายครีม ยายฝน ยายข้าว ยายดาว”
ติ่งตัวแม่มิวายไล่ขู่สำทับทีละคน ทว่าคนถูกขู่หาได้มีท่าทีกลัวไม่ หัวเราะกันคิกคักขณะกลับมาทำความสะอาดร้านต่อ
วาดฟ้านั่งดูเหตุการณ์อยู่บนเคาน์เตอร์คิดเงินของร้าน คล้ายกับกำลังดูซิทคอมยามบ่าย แพรวนภากับสี่สาวมักจะตีกันแบบนี้เป็นประจำ บางทีมีสองสาว ครีมกับข้าวแบ่งฝั่งมาทางแพรวนภาบ้างแล้วแต่สถานการณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นหัวข้อละคร ไม่ก็ซีรีส์ ทีมพระเอก ทีมพระรอง แล้วก็ถกเถียงกันได้ทั้งวี่ทั้งวัน
หญิงสาวปิดปากหาวหวอดๆ เธอน้อยหน้าเสียที่ไหนล่ะ เมื่อคืนดูซีรีส์เกาหลีจนถึงตีสาม แต่ยังถ่อสังขารมาที่ร้านตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย บิดาจะยกกิจการร้านให้เธอรับช่วงต่อในอนาคต เธอจึงต้องทำมันให้ดีที่สุด
เหมือนลดาจะมีญาณวิเศษหยั่งรู้ ชั่วอึดใจเดียว เพื่อนรักของเธอก็ทักข้อความส่งเข้ามาในกรุ๊ปไลน์
ด.ดา : ไอ้วิว
ด.ดา : ทอย สารินมาถ่ายทำรายการที่ร้านแกจริงดิ!
ว.วิว : จริงจ้า มาตอนเที่ยงๆ
ด.ดา : โหย เสียดายอะ ติดสัมภาษณ์งานพอดี ไม่งั้นฉันไปร้านแกแล้วเนี่ย
อ.อิงค์ : เก็บนอค่ะไอ้ดา ไหนบอกรักพี่ชายฉันคนเดียวไง
ด.ดา : ก็หัวใจมีตั้งหลายห้อง แบ่งให้พี่ไอซ์ห้องนึง ทอยห้องนึง
อ.อิงค์ : เหรอออ
อ.อิงค์ : ว่าแต่แต้มบุญไอ้วิวก็สูงใช้ได้นะเนี่ย ช่วงนี้ทอยสารินกำลังหล่อปังเป็นกระแสด้วย ถ้าแกได้ถ่ายรูปคู่ รับรองผู้หญิงค่อนประเทศอิจฉา ขนาดฉันยังอยากร่วมงานกับเขาอะ
ว.วิว : ไม่ต้องห่วง ฉันถ่ายแน่นอน แล้วจะขอลายเซ็นมาให้นะคะ
ด.ดา : thank you very much ค่ะเพื่อน
แล้ววาดฟ้าก็ปิดบทสนทนาของเพื่อนๆ เรื่องดาราหนุ่มที่ชื่อทอย สาริน ไว้แต่เพียงเท่านั้น
อากาศในเดือนพฤษภาคมที่ว่าร้อนนักหนา ยังไม่เท่าอุณหภูมิที่ร้อนจัดจนปรอทแทบแตกของร้านอาหารจักรรักษ์ไทยในยามนี้เลย...
ที่มันร้อนเพราะความฮอตของดาราหนุ่มหน้าใส นามว่าทอย สาริน เจ้าของดวงตาขี้เล่นและรอยยิ้มกระชากวิญญาณ ไม่นับรวมคิ้วเข้ม จมูกโด่งกับผิวขาวเนียนอันแสนเพอร์เฟกต์ที่ส่งให้เขาดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตร
“ใครก็ได้หยิกฉันที นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมวะ...” แพรวนภาพึมพำคล้ายคนละเมอ ดวงตาเคลิบเคลิ้มจับจ้องไปยังพ่อเทพบุตรเดินดินตรงหน้า
“โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย หยิกฉันทำไม” สาวใหญ่หันไปแหวใส่หญิงสาว เมื่อถูกหยิกเต็มแรงเข้าที่แขนจนอารมณ์สะดุด
“เอ้า พี่แพรวบอกว่าให้หยิก หนูก็หยิกให้ไงจ๊ะ” น้ำฝนยิ้มใสซื่อ
“ไปทำงานต่อได้แล้วไอ้ฝน พี่แพรว เรายังมีลูกค้าต้องดูแลนะ”
ข้าวแวะมาเตือนเพื่อนร่วมงานทั้งสองคน ซึ่งยืนเกาะราวระเบียงส่องดาราหนุ่มไม่วางตา แม้ว่าจะมีรายการดังมาถ่ายทำ คุณจักรก็ไม่ได้สั่งปิดร้านแต่อย่างใด เปิดร้านให้ลูกค้าทั่วไปเข้ามารับประทานอาหารตามปกติ
“ปะพี่แพรว คุณวิวเขาบอกเราแล้วว่าถ้าเลิกกองจะให้เราทุกคนได้ถ่ายรูปกับพี่ทอย ตอนนี้ไปตั้งใจทำงานกันก่อนดีกว่า”
น้ำฝนช่วยเสริมเพื่อนสนิท เป็นการปลุกไฟตัวเองและแพรวนภาให้กลับมาตั้งใจทำงาน จากนั้นทั้งหมดจึงแยกย้ายไปบริการลูกค้าแต่ละโต๊ะอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทางด้านกองถ่ายรายการตอนนี้กำลังพูดคุยอยู่กับจักร ประไพ และวาดฟ้าถึงรายละเอียดของการถ่ายทำในแต่ละช่วง นอกจากจะมีทอย สาริน เป็นพิธีกรแล้ว ยังมีพิธีกรรุ่นใหญ่มากฝีมืออีกคนคือเต๋า ณัฐวุฒิ จึงเป็นที่มาของชื่อรายการ ‘ทอยเต๋าพาชิม’ ยอดวิวในแต่ละตอนที่อัปโหลดบนยูทิวบ์ล้วนแตะหลักล้านทั้งสิ้น
วาดฟ้าเคยดูรายการอยู่บ้างสองสามตอน ไม่คิดว่าวันหนึ่งรายการจะติดต่อมาทางเพจของร้านเพื่อขอสถานที่ถ่ายทำรายการ ซึ่งถือเป็นการช่วยโพรโมตร้านอาหารจักรรักษ์ไทยไปด้วยในตัว
“เดี๋ยวให้วิวลูกสาวผมทำหน้าที่ตรงนี้แทนแล้วกันครับ ผมไม่ถนัดออกกล้องเท่าไหร่” จักรผายมือไปทางลูกสาวซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง เจ้าตัวไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มรับสดใส
“ครับไม่มีปัญหา เดี๋ยวให้คอสตูมกับช่างแต่งหน้าช่วยดูแลความเรียบร้อยของพิธีกรกับคุณวิวนิดนึง ตอนนี้ขออนุญาตถ่ายเก็บอินเซิร์ชรอบๆ ก่อนนะครับ”
“เชิญตามสบายเลยค่ะ” ประไพกล่าวเสียงนุ่มนวล ชินแล้วกับการมีคนดังหรือรายการมาถ่ายทำที่ร้าน และทุกครั้งนางไม่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ลงเพจเฟซบุ๊ก
“เดี๋ยวเชิญคุณวิวทางนี้นิดนึงนะคะ” ช่างแต่งหน้าสาวพาวาดฟ้ามานั่งบนเก้าอี้ผ้าใบในเต็นท์เล็กๆ ข้างรถตู้ โดยมีสองพิธีกรหนุ่มต่างวัยนั่งทำผมอยู่เช่นกัน
“สวัสดีครับ น้องวิวใช่มั้ย ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะ” ณัฐวุฒิเอ่ยทักทายหญิงสาวด้วยท่าทีเป็นมิตร
“เช่นกันค่ะพี่เต๋า วิวจะทำเต็มที่นะคะ”
“ผม...ทอยนะครับ” เจ้าของดวงตาขี้เล่นโบกมือทักทายพร้อมรอยยิ้ม
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเขินม้วนกลิ้งหลายตลบไปแล้ว แต่วาดฟ้ากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะ เพื่อนๆ วิวปลื้มคุณทอยมากเลย ว่าจะขอถ่ายรูปส่งไปอวดสักหน่อย”
เพื่อนเธอปลื้มเขา แล้วเธอล่ะปลื้มเขาด้วยไหม สามีแห่งชาติ ณ ตอนนี้อยากถามเหลือเกิน ดวงตาขี้เล่นจ้องมองหญิงสาวที่ดูอายุไล่เลี่ยกับเขา ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งแต้มสีสันเพิ่มแบบพอเหมาะพอดีโดยช่างแต่งหน้า
“ได้เลยครับ ทำผมเสร็จเดี๋ยวมาถ่ายรูปกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอเอ่ยขอบคุณเขา ส่งยิ้มบางเบากลับมาให้ก่อนจะเบนสายตาไปมองทางอื่น
‘เย็นชาจัง’
สารินคิดอย่างแปลกใจ ไม่อยากหลงตัวเองหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้เขาค่อนข้างโด่งดังเป็นที่นิยม มีแต่คนอยากพูดคุยสานสัมพันธ์ด้วย เพิ่งจะเจอคนเย็นชาใส่เป็นครั้งแรกนี่แหละ
ทำตัวไม่ถูกเลย...แต่ก็อดลอบมองคนเย็นชาไม่ได้
น่ารักนะเธอน่ะ ถ้าจะเย็นชาให้น้อยลงกว่านี้
รายการเริ่มถ่ายทำช่วงแรกในอีกสิบห้านาทีต่อมา วาดฟ้าพาเดินชมบรรยากาศร่มรื่นบริเวณรอบร้านอาหารหลังจากกล่าวเปิดรายการแล้ว หญิงสาวทำได้ดีและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย รับมุกตลกของสองพิธีกรหนุ่มซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความฮาเมื่อ ‘ทอยเต๋า’ มาอยู่ด้วยกัน
“นี่เป็นสวนผลไม้ที่ลูกค้าสามารถมาเดินชมและเก็บผลไม้รับประทานได้ค่ะ มีทั้งมะปราง ละมุด หว้า กล้วยน้ำว้า ชมพู่ คือจะเป็นผลไม้ที่ให้ผลเก็บกินได้ตลอดทั้งปี...”
“ชมพู่ออกลูกเยอะมากเลยนะครับ นี่คือปลูกแบบปล่อยตามธรรมชาติใช่มั้ย” สารินเอ่ยถามขณะเดินมาถึงต้นชมพู่สามต้นเรียงกัน
“ใช่ค่ะ ดูแลรดน้ำตามปกติไม่ได้ฉีดสารเคมี สามต้นนี้ปลูกมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าแล้วนะคะ”
“มิน่าล่ะต้นใหญ่มาก” ณัฐวุฒิแหงนหน้ามอง ลูบๆ คลำๆ ที่ลำต้นสูงใหญ่ของมัน
“พี่เต๋ากับคุณทอยลองเก็บลูกชมพู่ทานดูสิคะ” วาดฟ้าบุ้ยปากไปทางพวงผลชมพู่ซึ่งอยู่ในระดับความสูงปานกลางพอเอื้อมถึงได้
“เออไหนทอยลองเก็บมาชิมซิ เทสต์รสชาติหน่อย” พิธีกรรุ่นพี่เชียร์ยิ้มๆ
“ได้เลยครับพี่”
พิธีกรหนุ่มหล่อรุ่นน้องไม่ปฏิเสธ เดินไปเอื้อมเก็บชมพู่มาสองลูก แต่สิ่งที่ได้กลับไม่ได้มีแค่ชมพู่เพียงอย่างเดียว แต่มี...
“หนอน! ไอ้ทอย หนอนอยู่ที่คอมึง”
“อะไรนะพี่!”
สารินร้องตะโกนสุดเสียง โยนชมพู่ในมือทิ้ง กระโดดโลดเต้นด้วยอาการตื่นตระหนก แทบไม่เหลือเค้าสามีแห่งชาติของสาวๆ เลย
ฝ่ามือขาวพยายามดีดตัวหนอนบุ้งออกไปจากคอ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หนอนนั่นดันหล่นลงในเสื้อด้านหลังเสียอย่างงั้น
“อ๊า ช่วยด้วยครับ!”
เหตุชุลมุนวุ่นวายทำให้ทีมงานต้องหยุดการถ่ายทำกะทันหันเพื่อช่วยเหลือดาราหนุ่ม วาดฟ้าอยู่ใกล้เจ้าตัวมากที่สุดจึงพุ่งเข้าไปหาเขาพร้อมเศษกิ่งไม้แห้งในมือ
“คุณทอยอยู่นิ่งๆ นะคะ”
“ครับ” สารินรับคำเสียงสั่น หลับตาปี๋อย่างรู้สึกขยะแขยงสัตว์เลื้อยคลานมีขน
หญิงสาวเปิดเสื้อด้านหลังของชายหนุ่มออกท่ามกลางสายตาและสีหน้าบิดเบ้ของทีมงานแต่ละคน รวมทั้งพิธีกรรุ่นพี่อย่างณัฐวุฒิยังไม่กล้ามองภาพนั้น
“เจอตัวมันแล้วค่ะ” วาดฟ้าบอกก่อนจะใช้กิ่งไม้ในมือเขี่ยตัวหนอนบุ้งขนาดเท่านิ้วก้อยออกจากแผ่นหลังขาว
แม้ตัวหายนะได้จากไปแล้ว แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะจบ มันยังทิ้งร่องรอยฝากละอองขนไว้ตามผิวเนื้ออ่อนบางจนเกิดอาการคันลุกลามทั่วบริเวณแผ่นหลังและลำคอ
ดาราหนุ่มแทบร้องไห้อยู่รอมร่อ กัดฟันสู้อาการคันยุบยิบด้วยความทรมานระหว่างรอทีมงานวิ่งไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลฉุกเฉินที่รถตู้มาให้
“ตายแล้ว ไม่ได้หยิบคาราไมน์มา!”
เสียงอุทานคร่ำเครียดของทีมงานคนดังกล่าว ทำให้สารินรู้ว่าวันนี้โชคไม่เข้าข้างเขาเลย
“ไม่เป็นไรค่ะที่บ้านวิวมี เดี๋ยวให้คุณทอยไปอาบน้ำล้างตัวที่บ้านวิวก่อนก็ได้”
“งั้นรบกวนน้องวิวด้วยนะครับ”
โพรดิวเซอร์หนุ่มเอ่ยพลางค้อมศีรษะตามมารยาท วาดฟ้าพยักหน้ารับ วิ่งไปควบมอเตอร์ไซค์คันเก่าของบิดาซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล คิดไม่ผิดจริงๆ ที่วันนี้ใช้มอเตอร์ไซค์ เพราะถ้าใช้จักรยานคงถึงบ้านช้ากว่ามากๆ
“คุณทอยขึ้นมาเลยค่ะ บ้านวิวอยู่หลังร้านนี่เอง”
“ครับ”
สารินขึ้นนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์อย่างว่าง่าย ในหัวไม่ได้คิดเรื่องใดนอกจากอยากอาบน้ำชำระร่างกายเอาความคันแขยงนี่ออกไปซะ เมื่อเขาขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวที่เขาแอบคิดว่าเธอเย็นชาก็บิดมอเตอร์ไซค์พุ่งลัดเลาะไปตามทางถนนคอนกรีตสายเล็กๆ ด้วยความคล่องแคล่ว
“โถ พ่อคุณน่าสงสารจังเลยว่ามั้ยตาเฒ่า”
ประไพปรารภกับสามีที่มุมหนึ่งของบ้าน ระหว่างทอดสายตามองลูกสาวใช้คาราไมน์โลชันทาแผ่นหลังและลำคอให้พิธีกรหน้าอ่อนเพื่อบรรเทาอาการคันจากพิษของหนอนบุ้ง
“ดีนะพ่อหนุ่มที่โดนหนอนแค่ตัวเดียว ถ้าโดนมากกว่านี้คงคันคะเยอไปถึงชาติหน้า”
จักรหัวเราะขัน เขาและภรรยาไม่ได้อยู่ดูการถ่ายทำด้วย หลังจากพูดคุยกับทีมงานเสร็จก็พากันเดินกลับมาบ้าน ยังไม่ทันไร ลูกสาวขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงไอ้หนุ่มดารามาขอความช่วยเหลือด่วน เขาจึงให้อีกฝ่ายอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำรับแขกของบ้านอย่างเห็นใจ
“ขอบคุณนะวิว เธอเอ่อ...ไม่ใช่สิ คุณ เอ้ย...” สารินนึกสับสนกับสรรพนามเรียกคนเย็นชา (หรือเปล่านะ)
“จะเรียกเธอก็ได้ จริงๆ เราอายุไล่เลี่ยกัน” วาดฟ้าบอกขณะปิดฝาขวดคาราไมน์ใส่ไว้ในกล่องยาตามเดิม
“เธอรู้อายุเราด้วยเหรอ”
“รู้สิ เซิร์ชในกูเกิลมันก็ขึ้นมาหมดว่าปัจจุบันนี้ทอยสารินอายุยี่สิบเอ็ดปี”
“งั้นเธอก็อายุยี่สิบเอ็ดเท่าเรา...”
“เปล่า ยี่สิบสามน่ะ”
คนอายุมากกว่าพูดยิ้มๆ ก่อนจะฉุกคิดได้ว่านี่เธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
จุดที่เธอขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงสามีแห่งชาติของสาวๆ มาอาบน้ำที่บ้าน จุดที่เธอเป็นคนนำเสื้อผ้าชุดใหม่ที่คอสตูมจัดเตรียมมาให้ยื่นให้เขาเปลี่ยน จุดที่ทาคาราไมน์สัมผัสบนร่างกายของเขาแม้จะเป็นแผ่นหลัง...
เชื่อเถอะว่าหากบรรดาติ่งทั้งหลายรู้เข้า ถ้าไม่รู้สึกขอบคุณเธอก็คงอยากฆ่าเธอทิ้งเสีย
“น้องทอยเป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง” ทีมงานสาวคนหนึ่งโผล่เข้ามาถามอาการด้วยสีหน้าจืดเจื่อน
“ดีขึ้นแล้วครับ พร้อมถ่ายต่อ” สารินยิ้มตาหยีตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่มีท่าทีหงุดหงิดเหวี่ยงวีน
“ขอบคุณน้องวิวมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ โชคดีที่คอของคุณทอยไม่ได้มีผื่นขึ้นเยอะเลยทาโลชันแค่นิดเดียว เวลาถ่ายคงไม่มีใครสังเกตเห็น” วาดฟ้าถือโอกาสเช็กความเรียบร้อยให้เขาไปด้วย
“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกตากล้องกับพี่เต๋าก่อนว่าน้องทอยกับน้องวิวพร้อมถ่ายต่อแล้ว”
เมื่อทีมงานสาวเดินพ้นประตูห้องโถงไปแล้ว สารินจึงหันมาเอ่ยกับคนข้างกายด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
“ขอบคุณเธออีกครั้งนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน้อย”
“มาถ่ายรูปกัน”
“หืม? ถ่ายไปแล้วนี่” วาดฟ้าเลิกคิ้วสงสัย เธอขอเขาถ่ายรูปส่งไปอวดเพื่อนแล้วตอนเซตผมเสร็จ
“อันนี้เราอยากถ่ายเอง ขอลงสตอรีไอจีแล้วแท็กเธอด้วยได้มั้ย”
ฟังไม่ผิด เจ้าของยอดฟอลโลว์ไอจีหลักล้านกำลังขอถ่ายรูปกับเธอซึ่งมียอดฟอลโลว์ไอจีเพียงหลักร้อย แถมยังลงในสตอรีไอจีของเขาอีกด้วย
“ได้สิ” วาดฟ้าไม่มีเหตุผลใดต้องปฏิเสธ ถึงไม่ได้เป็นแฟนคลับเขา แต่เธอก็ยินดีจะอยู่ในสตอรีของดาราดัง
แค่นี้แฟนคลับตัวจริงทั้งหลายรวมถึงลดาคงอยากมากินหัวเธอแย่แล้วละ...
ผู้คนมักบอกว่าพี่ชายหวงน้องสาวเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากน้องสาวคนนั้นไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แถมยังพ่วงตำแหน่งว่าที่ภรรยาอีก แบบนี้จะเรียกว่าหวงแบบ ‘พี่ชาย’ หรือว่าหึงหวงแบบ ‘ว่าที่สามี’ กันแน่
ท้องฟ้าสีอมส้มในช่วงเวลาเลิกงานของบริษัทอนันต์ธาดา พนักงานทยอยตอกบัตรกลับบ้าน ยกเว้นแต่ผู้บริหารบางคน รองประธานบริษัทอย่างภาวัฒน์ที่เป็นหนึ่งในนั้น
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งเมื่อยขบบนโต๊ะทำงานมานาน เขายืนมองทิวทัศน์เบื้องหน้าผ่านกระจกใสซึ่งอยู่ในระดับความสูงที่สามารถมองเห็นกรุงเทพฯ ได้เกือบทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง บ้านช่อง ห้างสรรพสินค้า ตึกน้อยใหญ่สลับซับซ้อนท่ามกลางฝุ่นควันหนาตา
“คุณภีมคะ ร้านอาหารที่ให้จองสำหรับดินเนอร์เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ครับ”
ชายหนุ่มรับคำเลขานุการสาว ก้มดูนาฬิกาข้อมือเรือนหรู ใกล้เวลาหกโมงเย็นแล้ว เขาใช้มืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็กหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิด
ตั้งใจจะกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ แต่นิ้วดันไปโดนแอปพลิเคชันอินสตาแกรมที่นานทีปีหนเขาถึงจะเข้าสักที เขาคงกดออกถ้าไม่บังเอิญว่ามีสตอรีกลมๆ ของยายจอมแสบปรากฏอยู่
‘จะดูดีไหม ถ้าดูยายจอมแสบจะคิดไปไกลว่าเราสนใจหรือเปล่า’
ปลายนิ้วหนาค้างไว้อยู่แบบนั้น ขณะใช้ความคิดอย่างหนักราวกับมันเป็นการตัดสินใจเรื่องธุรกิจก็มิปาน
“คุณภีมไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ”
ทิพย์กมลเอ่ยถาม เพราะเห็นเจ้านายยืนนิ่งอยู่นาน ใบหน้าเหล่าคร่ำเครียดกับหน้าจอสมาร์ตโฟน
“ไม่แล้วครับ คุณทิพย์กลับบ้านได้เลย” เสียงเข้มเอ่ยอนุญาต
“งั้นฉันกลับบ้านก่อนนะคะคุณภีม สวัสดีค่ะ”
เลขาสาวจากไปแล้ว ในที่สุดภาวัฒน์ก็ตัดสินใจจิ้มนิ้วลงบนสตอรี่ของยายจอมแสบด้วยความใคร่รู้
และภาพที่ปรากฏ ทำคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิม ดวงตารีคมเพ่งมองบุคคลในภาพ เป็นชายหนุ่มที่ดูคล้ายเด็กหนุ่มหน้าใสถ่ายรูปคู่กับวาดฟ้าในลักษณะแนบชิดบนโซฟา พร้อมข้อความว่า
‘ผู้ช่วยชีวิตจาก ...’
ไวเท่าความคิด ร่างสูงใหญ่สาวเท้ายาวๆ ไปเปิดประตูห้องทำงาน เมื่อเห็นเลขานุการสาวสะพายกระเป๋าเตรียมจะกลับบ้านเขาจึงเรียกเธอไว้ก่อน
“เดี๋ยวครับคุณทิพย์”
“มีอะไรคะ?”
“คุณทิพย์พอจะรู้จักผู้ชายคนนี้มั้ยครับ เขาเป็นดาราใช่หรือเปล่า”
เขาลองเข้าไปค้นหาแอกเคานต์ของผู้ชายคนดังกล่าวที่ยายจอมแสบแชร์สตอรีต่อ พบว่าเป็นบัญชีทางการแถมยังมีผู้ติดตามหลักล้าน ดูภาพรวมก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“อ๋อ น้องทอย สาริน ใช่ค่ะเขาเป็นดารา และกำลังถูกพิจารณาให้มาเป็นพรีเซนเตอร์โครงการใหม่เราด้วย น้องเขาดังมากเลยนะคะ แต่เหมือนจะมีคู่จิ้นอยู่ชื่อน้องเดล อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ” ทิพย์กมลบอกเล่าอย่างผู้รู้ข้อมูล ซึ่งเธอรู้มาจากรุ่นน้องฝ่ายการตลาดอีกที
“ขอบคุณครับ” ภาวัฒน์พยักหน้ารับ ปมคิ้วยังขมวดแน่นไม่คลาย
“คุณภีมมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรครับ” เขาสั่นศีรษะพร้อมส่งยิ้มฝืนๆ ให้เลขาสาว
“กลับบ้านดีๆ นะครับ”
“ค่ะ”
ทิพย์กมลมองตามอย่างงงๆ เหตุใดวันนี้ท่านรองประธานถึงทำตัวแปลกประหลาดนักนะ
ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงทุกที ภาวัฒน์กลับเข้ามานั่งบนโต๊ะทำงานพร้อมกับความรู้สึกมากมาย อย่างแรกเขาสงสัยว่าดาราหนุ่มเกี่ยวข้องกับวาดฟ้าอย่างไร อย่างที่สองเขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นภาพนั้น
“เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางใช้มือกุมศีรษะแหงนพิงพนักเก้าอี้
เสียงเรียกเข้าสมาร์ตโฟนดังขึ้นต่อเนื่อง ตัวต้นเหตุของความสับสนนั่นเองที่โทร. มา เขากดรับก่อนจะกรอกเสียงเย็นชาไปตามสาย
“ว่าไง”
“พี่ภีมจะกลับมาทานข้าวเย็นมั้ยคะ วิวซื้อกุ้งมา เมื่อวานพี่ภีมบอกอยากทานคั่วกลิ้งกุ้ง” ปลายสายถามอย่างกระตือรือร้น
“พี่คงไม่ได้กลับไปทานข้าวเย็นหรอก มีนัดแล้ว”
“ว้า” เสียงหวานของปลายสายเจือความผิดหวังเล็กน้อย
“แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไว้พรุ่งนี้เย็นวิวค่อยทำให้ทาน”
“อืม แค่นี้นะ”
“ค่า รักนะคะ จุ๊บๆ”
ภาวัฒน์ทำเสียงขึ้นจมูกหลังจากวางสาย ยายจอมแสบช่างกล้านักมาบอกรักเขา ตัวเองยังถ่ายรูปคู่กะหนุงกะหนิงกับผู้ชายคนอื่นอยู่เลย
ความคิดเห็น |
---|