ใบหน้าของหญิงชราหน้าตาอิดโรยปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กเดินเข้ามายังเตียงที่นางนอนพักรักษาตัวอยู่
“แม่จ๋า” พอเดินเข้าไปถึงเตียงผู้ป่วยซึ่งอยู่ในห้องคนไข้รวมปีย์วราก็โผเข้าไปกอดมารดาเอาไว้แน่นด้วยความรักเหมือนเช่นทุกครั้งที่มา “วันนี้เป็นไงบ้างจ๊ะ”
ปรานีโอบแขนไปรอบตัวของลูกสาว ก่อนจะผละมือมารับไหว้ชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินตามลูกสาวมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ก็ดี แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะ”
ใบหน้าอ่อนเยาว์เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ก่อนจะตอบมารดาเสียงเบาอุบอิบราวกับเสียงกระซิบ “พี่พายค่ะ พี่พายเป็นเพื่อนของปีย์เอง” สายตาแห่งความปลื้มใจมองไปที่ชายคนรัก เธอไม่เคยเคลือบแคลงสงสัยใดๆ เกี่ยวกับความจริงใจของปวิมเลยสักนิด เขาแสดงออกในทุกๆ ทางที่ทำได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ปวิมรบเร้าขอให้เธอพาเขามาพบมารดาเพื่อจะได้แนะนำตัวเขาให้ครอบครัวของเธอได้รู้จัก แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอทุ่มเทใจและกายทั้งหมดที่มีให้แก่เขาได้อย่างไรกัน
สายตาของผู้ที่ผ่านน้ำร้อนมามองมองลูกสาวสลับกับชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งเห็นแก้มนวลของลูกสาวเปลี่ยนสีไปและสายตาหวานฉ่ำที่ขยันส่งไปให้อีกฝ่ายก็คิดว่าตนเองเข้าใจไม่ผิด ก่อนจะใช้สายตาพินิจพิเคราะห์ชายหนุ่มตรงหน้ามากขึ้นเป็นพิเศษ ออกจะชอบใจกับความจริงใจที่สื่ออกมาจากแววตาของชายหนุ่มที่ลูกสาวพามาแนะนำตัว อีกทั้งชายหนุ่มนั้นไม่มีท่าทางหลุกหลิก เจ้าเล่ห์ ลุกลี้ลุกลนให้เสียมาด
“พี่พายอยากมากราบแม่จ้ะ”
นางปรานีพยักหน้ารับ
“ผมมากราบเพื่อขออนุญาตคุณแม่ คบหาดูใจกับน้องครับ” ปวิมหันไปสบตาหวานๆ ที่มองเขาอยู่อย่างเอียงอาย “ผมอยากมาแสดงความจริงใจให้คุณแม่ได้ทราบ จะได้ไม่คิดว่าผมมาหลอกลวงน้อง”
นางปรานีพยักหน้ารับ “เป็นทหารหรือคุณ” นางเดาจากลักษณะการพูดการจา และท่าทางการแสดงออกของอีกฝ่าย
“ครับ” ปวิมตอบรับ
“จะคบหากันแม่ไม่ว่าหรอกนะ แต่แม่ขออย่างเดียวเท่านั้น ขอว่าอย่าพากันนอกลู่นอกทาง แม่ห่วงปีย์มัน อีกไม่นานมันก็จะเรียนจบแล้ว”
“ครับ ผมเข้าใจดีครับ คุณแม่อย่ากังวลเลยนะครับ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างนอบน้อม พยายามสำรวมกิริยาท่าทาง ไม่ส่งสายตาหวานๆ ไปให้หญิงสาวที่ยืนหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุกไม่ห่างจุดที่เขายืนอยู่เท่าไร
“เข้าตามตรอกออกตามประตูแบบนี้ แม่ก็พอใจ ถ้ายังไงแม่ก็ขอฝากปีย์ให้คุณดูแลด้วยนะ มันมีพ่อก็เหมือนไม่มี แม่เองก็มาเจ็บนอนโรงพยาบาลแบบนี้ ดูแลปีย์มันไม่ได้ มีคุณมาช่วยดูแลให้อีกแรงก็เบาใจ แล้วนี่คบหากันมานานหรือยังล่ะ” นางปรานีขยับมือที่จับมือมือลูกสาวอยู่ มองลูกสาวอย่างเอ็นดู
“เดือนกว่าแล้วจ้ะ”
“ก็ไม่นานเท่าไหร่ ค่อยๆ ดูกันไปนะลูกนะอย่าเพิ่งรีบร้อน”
ปีย์วราพยักหน้ารับ แต่ปวิมกลับยกมือไหว้มารดาของหญิงสาวอีกหน
“ผมขอบคุณคุณแม่มากครับ ที่เมตตาไว้ใจอนุญาตให้ผมคบหากับน้อง”
“ฝากปีย์มันด้วยนะพ่อคุณ มันตามใครเข้าไม่ค่อยทัน” มือที่เหี่ยวย่นแตะลงไปบนหลังมือแข็งแรง ราวกับกำลังมอบของรักให้อีกฝ่ายได้ดูแลต่อไป
ปวิมตอบรับด้วยสายตามุ่งมั่นสื่อความหมายไปให้ผู้สูงวัยกว่า ก่อนจะได้รับการตอบรับจากฝ่ามือเย็นชืดที่ตบลงมาเบาๆ บนหลังมือของเขา ใจหนึ่งเขาคิดอยากจะเอ่ยปากสู่ขอปีย์วราด้วยตนเองเสียในนาทีนี้เลยด้วยซ้ำไป เพื่อจะได้มีหญิงสาวไว้ข้างกายตลอดเวลา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าพอ เพราะหากเขาเอ่ยปากพูดออกไปก็เหมือนเป็นการสารภาพออกไปว่าเขาและปีย์วรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเพียงใด แล้วใจคนเป็นแม่จะยอมรับได้ไหม หากลูกสาวทำตัวผิดจารีตชิงสุกก่อนห่ามไปแบบนี้
และจะโทษปีย์วราก็ไม่ได้ที่ใจอ่อนยอมพลีกายให้เขาอย่างง่ายดาย ในเมื่อเรื่องทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะความใจร้อนของเขาเท่านั้น เขาใช้ลูกล่อลูกชนทั้งหมดที่มีหว่านล้อมปีย์วราสารพัด ยิ่งเห็นว่าหญิงสาวมีใจให้ก็ตื๊อหนักขึ้น เพราะหลังจากที่ลงทุนไปตามติดตามเฝ้าหญิงสาวซึ่งไปทำงานพริตตี้ขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ อยู่ร่วมเดือน เขาก็เริ่มตระหนักเห็นแจ้งแก่ใจว่าหากไม่รีบผูกมัดปีย์วราเอาไว้ให้เป็นของตัว ก็เกิดความระแวงว่าสักวันเขาอาจจะเสียปีย์วราไปให้แก่ผู้ชายคนอื่นที่มาวนเวียนเพียรขายขนมจีบไม่ต่างจากเขาแน่ๆ
อีกอย่างเขาเองก็อยากจะให้ปีย์วราเลิกทำงานพิเศษเสีย เพราะจากนี้ต่อไปเขายินดีที่จะดูแลเธอทุกอย่าง ปวิมมองหญิงสาวที่กำลังออดอ้อนมารดาด้วยกิริยาน่ารักน่าเอ็นดู รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เขาได้เจอเธอ
“ถ้าคิดจะมีแฟน ก็ช่วยเลือกให้มันดีกว่านี้สักนิดจะได้ไหม ไม่ใช่เห็นว่าหล่อหน้าตาดีเท่านั้น แค่นั้นมันไม่ทำให้ชีวิตแกสบายไปได้หรอกนะ”
เสียงที่ลอยตามลมมาทำให้ปีย์วราที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้านชะงักไปนิด ก่อนจะเห็นดวงหทัยพี่สาวที่มีอายุแก่กว่าเธอร่วม 7 ปี ยืนเท้าเอวอยู่ไม่ไกล
“ไอ้คนนี้สินะ ที่ตามไปเฝ้าแกอยู่ทุกคืน ตกลงปลงใจจะคบกับมันแล้วหรือไง ถึงได้ซ้อนท้ายมันไปไหนมาไหนด้วยกันแบบนี้”
ปีย์วราพยักหน้ารับอย่างขัดเขิน พร้อมกับหลบสายตาของพี่สาวที่มองจ้องอยู่
“หน้าตาท่าทางแบบนี้ ฉันกล้าพูดได้เลยว่าวันหน้าแกได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ ริเล่นกับไฟ ผู้หญิงคงตามกันเกร่อ แกตามมันไม่ทันหรอก”
“พี่หทัยก็อย่าเพิ่งตัดสินพี่พายเขาก่อนที่จะได้รู้จักสิคะ พี่เขาก็เป็นคนดีใช้ได้นะคะ ปีย์ดูพี่เขามาพักหนึ่งแล้ว”
“แกหลงรูปละสิไม่ว่า แต่งเนื้อแต่งตัวดูได้ที่ไหนเสื้อยืดกางยีนส์ รถราก็ไม่มี ขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ แบบนั้น ทำงานทำการหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ใช่หวังจะมาเกาะให้แกหาเลี้ยงหรอกนะ”
“พี่พายเขาเป็นทหารอากาศค่ะ” หญิงสาวบอกกับพี่สาวอย่างอ่อนใจ ตั้งแต่ที่บ้านมีปัญหาดวงหทัยก็ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนบิดา ชี้นิ้วออกคำสั่ง บงการทุกสิ่งอย่าง ปีย์วราเองก็สำนึกในสิ่งที่พี่สาวเสียสละหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด บางสิ่งบางอย่างที่ทนได้เธอก็ทน อะไรที่มองเมินได้ก็ทำเมินมองผ่านไป
ดวงหทัยหัวเราะสีหน้าและแววตาไม่เชื่อในสิ่งที่น้องสาวพูดสักนิด “มันแต่งเครื่องแบบมาให้แกดูหรือเอาบัตรมาโชว์ล่ะ ไม่เคยดูข่าวหรือไง เขาพาดหัวกันโครมๆ ว่าไอ้พวกหัวหมอรู้ว่าผู้หญิงอยากมีผัวเป็นทหารก็แต่งทหารไปโชว์อวดอ้างสารพัด สุดท้ายก็เป็นพวกต้มตุ๋น เสียทั้งเงินเสียทั้งตัว อับอายขายขี้หน้าเขาไปทั่ว แล้วหน้าขาวๆ เป็นไข่ต้มปอกเปลือก ท่าทางสำอางแบบนั้นน่ะหรือจะเป็นทหารอากาศ ทหารลมเก๊สิไม่ว่า”
หญิงสาวถอนใจ นึกอยากจะเล่าเหลือเกินว่าวันนี้ตนและปวิมไปพบมารดามาแล้ว แต่ก็กลัวพี่สาวจะว่าเอาได้ เลยตัดสินใจปิดปากเงียบไม่พูดออกไปดีกว่า “พี่หทัยก็ระแวงเกินไป พี่พายเป็นทหารอากาศจริงๆ ค่ะ ปีย์เคยไปเห็นบ้านพักในกองบินของพี่เขามา...”
ปีย์วราพูดไม่ทันจะจบดวงหทัยก็ชี้นิ้วใส่หน้าน้องสาวทันที “นี่คงไม่ได้ใจง่ายไปนอนกับมันมาแล้วนะ แกน่ะยังเรียนไม่จบ จะทำอะไรคิดถึงหัวอกฉันบ้าง ฉันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาเงินมาดูแลแกกับแม่ อย่ามาทำตัวเหลวแหลกใจง่ายท้องโตมาประจานตัวเองให้ชาวบ้านเขานินทาดูถูกมาถึงฉันเข้าล่ะ”
ปีย์วราหลบสายตาของพี่สาวอย่างคนมีพิรุธ “ปีย์รู้ค่ะพี่หทัย ที่ไปรู้ไปเห็นที่อยู่ของพี่เขาก็เพราะเอาสินค้าไปส่งให้เท่านั้น”
“อย่างนั้นก็แล้วไป อย่าให้ฉันรู้เชียวนะว่าวิ่งรี่ไปหาผู้ชายมันถึงที่ หน้าตาอย่างแกไม่ต้องกลัวหาผัวไม่ได้หรอก ขี้คร้านพอแกเรียนจบมีงานทำ ผู้ชายจะตามแกให้เกร่อไปหมด ที่ฉันพูดฉันบ่นเพราะฉันหวังดีกับแกหรอกนะปีย์ ไอ้หน้าหล่อๆ แบบนั้นฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว พวกสาวๆ ในทีมฉันน้ำตาเช็ดหัวเข่ามาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนเพราะไปหลงไอ้พวกรูปหล่อปากหวานแบบนี้ มันมาหลอกฟันพอเบื่อมันก็ไป” ดวงหทัยถอนใจ หยุดพูดหยุดบ่นเมื่อเห็นสีหน้าของน้องสาว “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง ฉันซื้อบะหมี่มาเผื่ออยู่ในครัว แกไปกินเสียสิ”
“กินมาแล้วค่ะ กินตอนกลับมาจากโรงพยาบาล”
“นี่แกไปเยี่ยมแม่มาหรือ หมอว่ายังไงมั่ง ฉันไม่มีเวลาเงยหัวไปไหนเลย ทั้งงานประจำ ทั้งงานพริตตี้”
“หมอว่าแม่แกกินข้าวได้น้อยลง กลัวร่างกายจะไม่ไหวเพราะไม่มีอาหารเข้าไป ถ้าแม่แกยังกินน้อยลงแบบนี้ไปเรื่อยๆ หมออาจต้องให้อาหารทางสายยาง[1] กับแม่”
“แล้ว...แกดูแล้วว่าไง” ดวงหทัยนั่งลงยังเก้าอี้ใกล้ตัวทันที สีหน้าติดจะเป็นกังวล
“ก็คงต้องเป็นไปตามที่คุณหมอแกบอกแหละพี่ ด้วยภาวะของโรคที่แม่เป็นอยู่เลยทำให้เบื่ออาหาร แถมแม่แกก็ไม่ค่อยมีกำลังใจอยากจะสู้เท่าไหร่”
“มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกไหม ถ้าไปใส่สายอะไรนี่”
“ไม่มีจ้ะ เท่าเดิม ส่วนเรื่องค่าเทอมของปีย์พี่หทัยไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ ปีย์ได้เปอร์เซ็นต์การขายเยอะอยู่ จ่ายค่าเทอมค่าใช้จ่ายได้จนจบเทอมแน่”
“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าแกได้ค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ฉันไม่สนับสนุนให้แกมาทำอาชีพนี้หรอกนะ ไอ้ทำครั้งคราวพอได้ แต่จะให้ยึดเป็นอาชีพฉันไม่แนะนำ คนส่วนมากยังมองอาชีพนี้ในแง่ลบอยู่มาก อีกหน่อยแกเรียนจบไป ได้บรรจุเข้ารับราชการคนเขาจะได้ไม่เอาไปลือให้เสีย”
“แต่มันก็เป็นงานสุจริตนะ”
“ฉันก็บอกแกอยู่นี่ไง ว่าคนเขาไม่ได้คิดแบบนั้นกันทุกคนซึ่งเขาก็ไม่ผิด เพราะมันก็มีคนที่เรียกตัวเองว่าพริตตี้ไปทำอะไรๆ อีกมาก” ดวงหทัยหลบสายตาน้องสาวอย่างมีพิรุธเพราะรู้ดีว่ากำลังโกหกอยู่ “มีพวกพริตตี้ที่ทำงานเอ็นเตอร์เทน บางงานต้องออกไปนอกสถานที่ตามที่ลูกค้าแจ้งมา เป็นงานดูแลลูกค้า ยอมให้ลูกค้าหอมบ้าง จับล้วงบ้าง แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพราะตกลงกันไว้ว่าแค่เอ็นเตอร์เทน ก็จะมีแค่กินข้าว ดูหนัง ทำตัวเหมือนเป็นแฟนกัน แต่คนภายนอกมันไม่ได้มองว่าแค่นั้น มันเหมารวมพวกพริตตี้อย่างเราที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือให้ข้อมูลรายละเอียดของสินค้าไปอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ฉันเองก็ต้องระวังตัวทุกฝีก้าว วงการนี้มันน่ากลัวกว่าที่แกจะคิดถึง วางยา หลอกถ่ายหนังโป๊ คิดค่าหัวคิวสารพัด ฉันเองถ้าเก็บเงินได้สักก้อนก็คงเลิกทำอาชีพนี้เหมือนกัน แกเองก็ตั้งใจเรียนให้จบ เข้าใจไหมปีย์”
หญิงสาวพยักหน้ารับ เข้าใจความห่วงใยของพี่สาวตนเองดี
“แล้วไอ้ผู้ชายของแกนี่ ฉันขอละ อย่าเพิ่งไปปลงใจกับมัน มองคนอื่นที่เขามีงานมีการมั่นคง ฐานะดีๆ ไว้บ้าง ฉันรู้นะผู้ชายเข้ามาจีบแกให้เกร่อ เลือกเอาที่มันเลี้ยงเราได้ ไม่ต้องมานั่งทำงานงกๆ เลี้ยงตัวเลี้ยงผัว ที่ฉันพูดเนี่ย ฉันหวังดีกับแกนะ”
“ปีย์เข้าใจพี่หทัย” หญิงสาวตอบรับเสียงอ่อย
“แล้วอีกนานไหมกว่าวิทยาลัยแกจะเปิด ฉันจะได้วางคิวงานแกถูก”
“อีก 2 อาทิตย์จ้ะ เออ....พี่หทัยจ๊ะ เรื่องงานฉันไม่อยากไปทำแล้ว”
ดวงหทัยหันมามองปีย์วราเพียงนิด ก่อนพยักหน้ารับ “แบบนั้นก็ดี เปิดเทอมแล้วก็ตั้งใจเรียน เทอมสุดท้ายแล้วนี่ อย่านอกลู่นอกทางเสียก่อนละ แกน่ะลูกรักของแม่ แม่ตั้งความหวังเอาไว้ที่แกว่าอยากจะให้เรียนจบรับปริญญา” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้เป็นพี่เขม้นมองน้องสาว รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนใจออกมา ท่าทางหนักอก “ไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนซะไป มาเหนื่อยๆ” ดวงหทัยโบกมือไล่ ในขณะที่ลุกเดินไปปิดหน้าต่างรวมถึงประตูบ้าน
เสียงเคาะประตูบ้านที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นทำให้หญิงสาวชะงัก “ใครน่ะ” ดวงหทัยเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมเยือนเธอหรือน้องสาวบ่อยนัก
“พี่เองหทัย” น้ำเสียงดีใจตอบกลับมา
ดวงหทัยเผยยิ้มสดใส รีบปลดกลอนที่กำลังล็อกอยู่ออกทันที พร้อมกับส่งยิ้มให้แก่ชายที่แต่งชุดหมีสีเขียว มีอาร์มเป็นตราสัญญาลักษณ์ต่างๆ ติดอยู่ที่บริเวณหน้าอกและต้นแขน
“พี่เอก” หญิงสาวส่งยิ้มให้แก่นายทหารหนุ่มใหญ่ ที่เพิ่งพบเจอกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน “เข้ามาก่อนสิคะ แล้วนี่หอบอะไรมามากมายคะ” ดวงหทัยเอ่ยถามทันทีที่เห็นว่าในมือของเอกชัยมีถุงต่างๆ ติดมือมามากมาย
“พี่ซื้อพวกขนมผลไม้มาฝากหทัยกับน้องสาว แล้วจะมาดูรถให้ด้วย” เรืออากาศเอก เอกชัย ทิพจันทร์ ส่งยิ้มให้หญิงสาวหน้าสวยที่เขาติดอกติดใจตั้งแต่วันแรกที่ได้พบและเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวซึ่งเกิดปัญหารถเสีย เครื่องดับจอดนิ่งอยู่ที่ข้างถนนบนเส้นทางไปปากช่อง
“ตั้งแต่วันที่พี่เอกซ่อมให้มันก็ไม่เคยเกเรอีกเลยค่ะ แต่หทัยยังกังวลนิดหน่อย เมื่อเช้าเลยเสียมารยาทโทรไปกวนพี่เอก” ดวงหทัยเดินพานายทหารหนุ่มมานั่งที่เก้าอี้รับแขก เธออ้างเหตุปัญหาเรื่องรถเพียงเพราะต้องการอยากจะโทรหาเขาเท่านั้นเอง “พี่เอกนั่งตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวหทัยจะไปเอาน้ำมาให้”
“ไม่เป็นไรหรอกหทัย พี่ไม่หิว ตั้งใจจะแวะมาดูรถให้หทัยเท่านั้น เผื่อเกิดปัญหาอะไรอีก”
ดวงหทัยมองเอกชัยด้วยความซาบซึ้งใจ ถ้าวันนั้นเขาไม่บังเอิญผ่านมาและมีน้ำใจเข้าไปช่วยเหลือเธอ ดวงหทัยก็คงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะอู่ที่เคยซ่อมทำรถอยู่เป็นประจำก็ไม่มีช่างที่จะออกมานอกสถานที่เพื่อจะมาซ่อมรถให้เธอได้
“ถ้าไม่ได้พี่เอก หทัยคงต้องอยู่บนถนนไปอีกนาน รถคันอื่นเขาก็ไม่มีน้ำใจจะจอดถามเลย แถมถ้าเข้าอู่ก็คงโดนไปอีกหลายพัน ไหนจะค่าลากรถ ไหนจะค่าช่าง”
“ต่อไปถ้าหทัยมีปัญหาอะไรก็ตามพี่ได้ทันที พี่ยินดี”
“หทัยจะกวนพี่เอกตลอดได้ยังไงกัน เกรงใจแย่เลย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เอกชัยขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ มีท่าทางขัดเขินอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับทั้งคำชมและรอยยิ้มจากหญิงสาวที่ต้องใจ “พี่ไปดูรถให้หทัยดีกว่า ถ้ารถไม่เป็นอะไรพี่จะได้ลากลับเลย เพราะนี่มันก็ค่ำแล้ว หทัยจะได้พักผ่อน”
“พี่เอกมาไม่ได้กวนใจหทัยเลยนะคะ แถมพอมายังใจดีซื้อขนมกับผลไม้มาให้อีก แบบนี้มาบ่อยๆ ก็ได้ หทัยอยากให้พี่เอกมา”
เอกชัยมองหญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าด้วยใจระทึก “พี่มาบ่อยๆ ได้จริงหรือหทัย”
ดวงหทัยพยักหน้ารับ “จริงสิคะ หทัยอยากให้พี่เอกมาบ่อยๆ” หญิงสาวทำท่าสะเทิ้นอายเมื่อนายทหารหนุ่มเดินเข้ามาจับมือเธอเอาไว้ ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองไปที่เครื่องหมายต่างๆ บนหน้าอกและไหล่ของอีกฝ่ายอย่างสมใจ พร้อมกับค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้แก่เอกชัย
“พี่ก็อยากมาหาหทัยบ่อยๆ พี่มาได้ใช่ไหม” เอกชัยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างเอียงอาย เมื่อสิ่งที่เธอเฝ้าฝันไว้ตั้งแต่สมัยแตกเนื้อสาวกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาในนาทีนี้ เมื่อก่อนนี้ไม่ว่าเธอจะขวนขวายเท่าไรก็ไม่ได้ดังใจเลยสักนิด มีแต่ผู้ชายไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย เจ้าชู้มากรักเข้ามาในเส้นทางชีวิตของเธอ พอครั้นเบื่อหน่ายหลงลืมไป ไม่ได้สนใจใฝ่ฝันหา มุ่งแต่จะหาเงินมาดูแลครอบครัว อยู่ๆ เอกชัยก็ปรากฏตัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมเป็นถึงนายทหารอากาศยศเรืออากาศเอก มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าช่าง มีลูกน้องมากมายหลายคน เข้าหลักเกณฑ์ชายในฝันของเธอทุกประการก็ทำเอาดวงหทัยยิ้มหน้าบานทันที เมื่อในที่สุดฟ้าก็มีตาส่งคนในฝันมาให้เธอเสียที
ดวงหทัยลงทุนไปหาเอกชัยถึงที่ทำงานโดยไม่บอกกล่าวให้เขาได้รู้ล่วงหน้า ทำทีท่าจะไปขอบคุณในความมีน้ำใจของเอกชัย แต่แท้จริงแล้วเธอต้องการไปดูให้เห็นกับตาต่างหากว่าเขาเป็นนายทหารอากาศจริงหรือไม่ ยิ่งได้เห็นบ้านช่องรถราที่อีกฝ่ายมี ถามไถ่จนรู้ความว่ายังไม่มีครอบครัวก็หมายมั่นปั้นมือทันทีว่าคนนี้แหละที่เธอต้องการ แม้ฐานะเขาจะด้อยกว่ามาตรฐานของเธอไปนิดก็ไม่เป็นไร ยิ่งเอกชัยมีทีท่าว่าถูกตาต้องใจเธอด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ทุกอย่างเลยดูเข้าทาง เหมาะเจาะไปเสียหมด
“พี่หทัย...” เสียงเรียกขานที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้น ทำให้ดวงหทัยและเอกชัยที่ยืนจับมือทำซึ้งสบสายตากันอยู่ต้องหันกลับไปมองด้วยอาการตกใจนิดๆ กันทั้งคู่
ปีย์วราชะงักทันทีที่ก้าวเท้าลงมาจากบันไดบ้าน เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาไม่คุ้นยืนจับมือพี่สาวตนเองอยู่
“อ้าว ปีย์ มาพอดี มารู้จักพี่เอกเขาเสียสิ พี่เอกเขาเป็นนายทหารอากาศอยู่ที่กองบิน 1” ดวงหทัยกล่าวแนะนำเอกชัยให้น้องสาวได้รู้จักอย่างภูมิอกภูมิใจ “พี่เอกคะ คนนี้ยายปีย์ น้องสาวของหทัย ที่หทัยเคยเล่าให้ฟังไงคะ”
ปีย์วรายกมือไหว้ชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบตรงหน้า กองบิน 1 โคราชนั้นปัจจุบันมีฝูงบิน 102 (Star) ฝูงบิน 103 (Lightning) หญิงสาวแอบหวังว่าเอกชัยอาจจะรู้จักปวิม และอาจทำให้พี่สาวเธอลดอาการตั้งแง่ที่มีต่อแฟนหนุ่มของเธอลงก็เป็นได้
ดวงหทัยหันไปมองตากับเอกชัย ก่อนจะเอ่ยปากออกมาเบาๆ ให้ได้ยินด้วยท่าทางขัดเขิน “แฟนพี่เอง”
เอกชัยมองหน้าของดวงหทัยอย่างประหลาดใจแกมยินดีเห็นชัด เมื่อดวงหทัยเป็นฝ่ายเอ่ยปากมอบสถานะคนรู้ใจให้แก่เขาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธแต่อย่างไร ยินยอมและพร้อมจะรับสถานะนี้ด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มบีบมือของหญิงสาวไว้มั่น
“ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า เห็นวิ่งหน้าตั้งลงมา”
ปีย์วราปรับสีหน้าไม่ถูกทันที เพราะเมื่อครู่นี้เธอยังประหลาดใจและตกใจอยู่ที่เพิ่งได้รู้ว่าพี่สาวมีคนรักไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีวี่แวว แถมเธอยังไม่เคยเห็นหน้าเอกชัยมาก่อนด้วย แต่ตอนนี้เธอกำลังจะโกหกพี่สาวเพื่อจะได้ไปเที่ยวและค้างกับปวิม
“พอดีเพื่อนๆ เขาจะจัดไปเที่ยวทะเลกันเสาร์อาทิตย์นี้ค่ะ เมื่อครู่เขาโทร.มาชวนปีย์ ปีย์เลยรีบวิ่งลงมาขอพี่หทัย” พอพูดจบหญิงสาวก็หลบสายตาพี่สาว ก้มหน้ามือของตนเองนิ่ง พร้อมทั้งแอบลุ้นแอบภาวนาขอให้พี่สาวหลงเชื่อและยอมให้เธอไปเที่ยวตามที่ขอ
“ไปกันหลายคนหรือ” ดวงหทัยถามอย่างไม่ชอบใจ
“ค่ะ ไปกันหลายคน” ปีย์วราตอบกลับไปเสียงเบา ค่อยๆ เหลือบมองใบหน้าของดวงหทัยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ท่าทางน่าสนุกนะครับ ไปเที่ยวก่อนเปิดเทอมหรือครับ” เอกชัยเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศระหว่างสองพี่น้องดูเกร็งๆ กลัวๆ จนแม้แต่เขาที่เป็นคนนอกยังรู้สึกว่าผู้ที่เป็นน้องสาวมีความเกรงใจพี่สาวอยู่มากโข
“ค่ะ”
ดวงหทัยถอนใจ เหลือบมองเอกชัยนิดๆ “ก็ไปสิ ไปแล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
ดวงหน้าที่ก้มหน้าหลบตาอยู่เงยขึ้นมายิ้มกว้าง หญิงสาวแทบจะกระโดดตัวลอยอย่างยินดีเมื่อดวงหทัยเอ่ยปากอนุญาตอย่างง่ายดาย ไม่ถามซักไซ้ให้มากความเหมือนอย่างเคย “งั้นปีย์โทร.ไปบอกเพื่อนก่อนนะคะว่าพี่หทัยอนุญาตแล้ว ขอบคุณนะคะ” ปีย์วราหมุนตัวกลับพร้อมกับวิ่งก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องส่วนตัวของตนทันทีด้วยความยินดี อยากจะโทร.ไปบอกกล่าวให้ปวิมได้รับรู้ในวินาทีนี้เสียเลย เธอรู้ว่าเขาจะต้องยินดีไม่แพ้เธอแน่ๆ ที่ได้รู้ว่าเธอสามารถไปเที่ยวกับเขาได้หลังจากที่เขาตื๊อชวนเธออยู่นานสองนาน
“ดูสิคะ ทำตัวเป็นเด็กเชียว” ดวงหทัยทำเป็นบ่นเสียงอ่อนใจกับเอกชัยที่ก้มหน้าลงมายิ้มรับกับเธออย่างใจดี
“ก็พี่สาวใจดีปล่อยให้ไปเที่ยวนี่ครับ แกก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”
“หทัยเห็นแกโตแล้วค่ะ อีกอย่างก็ใกล้เปิดเทอมแล้ว เลยอยากให้ปีย์ไปพักผ่อนบ้าง ปิดเทอมก็มาช่วยงานหทัยตลอด” หญิงสาวอธิบายให้เอกชัยฟังเสียงอ่อนๆ “นี่หทัยก็ไม่รู้เลยนะคะว่าจะกล้านอนที่บ้านคนเดียวไหมตอนที่ยายปีย์ไม่อยู่ ปกติเป็นคนขี้กลัวค่ะ เสียงอะไรดังนิดก็สะดุ้งตื่น แถมแถวนี้ก็เคยมีประวัติขโมยขโจรขึ้นบ้านบ่อยๆ สงสัยต้องโทร.ไปชวนให้ใครมานอนเป็นเพื่อนด้วยเสียแล้ว”
คิ้วหนาของเอกชัยขมวดเข้าหากัน รู้สึกห่วงใยดวงหทัยขึ้นมาทันที นึกเป็นห่วงเป็นใยสองสาวที่อยู่บ้านนี้เพียงลำพังเมื่อได้ฟังคำของดวงหทัย
“ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนไหม” จู่ๆ เอกชัยก็โพล่งขึ้นมา ในใจไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้เท่านั้น
ดวงหทัยส่ายหน้าปฏิเสธไปทันที “ไม่ดีหรอกค่ะ กวนพี่เอกเปล่าๆ หทัยอยู่ได้”
“แต่หทัยก็บอกพี่เองไม่ใช่หรือว่าแถวนี้ขโมยมันเยอะ”
“ค่ะ” หญิงสาวทำสีหน้าหนักอกหนักใจ เดินเบี่ยงตัวหลบไปยืนอีกทาง
“งั้นช่วงที่น้องสาวหทัยไม่อยู่ พี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนหทัยเอง”
“พี่เอก” ดวงหทัยหันทำตาหวานซึ้งใส่อีกฝ่าย ก่อนจะมองมือของตนที่ถูกเอกชัยจับไว้ทั้งสองมือ
“พี่จริงใจกับหทัย หากหทัยกลัวว่าใครเขาจะเอาไปนินทาว่าร้ายให้หทัยเสื่อมเสีย พี่ก็พร้อมจะรับผิดชอบหทัย ถ้าหทัยไม่คิดรังเกียจพี่” เอกชัยค่อยๆ ออกแรงดึงดวงหทัยเข้ามากอดไว้แนบอก “หทัยรังเกียจพี่หรือเปล่า”
ดวงหทัยส่ายหน้าไปมาช้าๆ กับอกกว้างของเอกชัย พร้อมกับซ่อนใบหน้าที่กำลังยิ้มสมใจเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น ค่อยๆ ยกแขนขึ้นมาโอบกอดบั้นเอวหนาของเอกชัยเอาไว้เหมือนดังที่เขากำลังทำกับเธอ เสมือนจะสื่อความนัยให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าตัวเธอนั้นคิดเช่นไร
ขวดเบียร์สีเขียวหยกไม่ต่ำกว่า 8 ขวดที่บางขวดก็ตั้งอยู่ บางขวดก็กลิ้งกลาดเกลื่อนไปบนพื้นห้องพักของปวิม เช่นเดียวกับกับแกล้มจำพวกถั่วและแหนมที่ไม่ค่อยจะเป็นชิ้นเป็นอันกระจายอยู่บนโต๊ะ ในขณะที่สองหนุ่มเจ้าของผลงานนั่งเหยียดขา หลังเอนอิงโซฟาด้วยท่าทางราวกับคนหมดอาลัยตายอยากด้วยกันทั้งคู่
“วางแผนยุทธการรบมาแล้วเป็นสิบเป็นร้อย ไปเมืองนอกเมืองนาฝรั่งแม่งยังชมว่าฉลาด บนหน้าอกกูเนี่ยติดเครื่องหมายมามากมายสารพัดหลักสูตร” เอกอานนท์ตีมือไปที่หน้าอกและต้นแขนของตนเอง “ยังไม่ยากเท่ากับจีบผู้หญิงคนที่กูรัก หรือเดาจิตใจผู้หญิงเลยสักนิด ทำมายวะ.. ทำไมกูไม่รักคนที่เขารักกู ทำไมกูต้องไปรักไปชอบคนที่เขาไม่มอง แม้แต่แลเขาก็ยังไม่แลมาด้วย ทีไอ้คนที่เราไม่รักละวิ่งตามติดเป็นเงาตามตัว ทำมาย.. ทำไมอะไรๆ มันไม่พอดีเลยว้า..เอิ้ก”
“...”
“แต่มึงงง ไอ้พายยย... กูไม่คิดเลยนะว่ามึงจะเป็นไอ้ผู้ชายสารเลวคนน้าน.. คนที่ทิ้งน้องปีย์ปาย..” น้ำเสียงอ้อแอ้ของเอกอานนท์เอ่ยขึ้นหลังจากพล่ามเรื่องของตนเองมาตลอดตั้งแต่เริ่มดื่มจนตอนนี้เริ่มเมาได้ที่ “ถ้าเมื่อคืนนี้น้องปีย์ไม่โดนรถชนโครมเข้าแบบนั้น กูก็ไม่มีวันได้รู้ว่ามึงกับน้องปีย์รู้จักกันมาก่อน เอิ้ก”
“...” ชายหนุ่มแกว่งแก้วที่อยู่ในมือไปเรื่อย ไม่ได้สนใจหรือโต้ตอบอะไรเพื่อนรักออกไป หากนั่งนิ่งสายตามุ่งตรงไปยังจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไร้ซึ่งความสนใจกับภาพที่เห็นเคลื่อนไหวอยู่
“แล้วแบบนี้ ลูกของน้องปีย์ ก็เป็นลูกของมึงด้วยสิ ใช่ไหมวะ” น้ำเสียงอ้อแอ้ค่อยๆ เบาลงพร้อมกับมือที่กำลังยกปัดป่ายไปมา ร่วงลงไปวางแหมะอยู่ที่พื้นพร้อมกับคอของเอกอานนท์ที่อ่อนพับ เมาแอ๋หลับไปทั้งๆ ที่มือยังจับแก้วเบียร์เอาไว้ ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เพื่อนได้คิด
คราวนี้คำพูดของเอกอานนท์เรียกความสนใจปวิมได้ชะงัดนัก ทำเอาชายหนุ่มที่นั่งนิ่งไม่แสดงสีหน้าหรือความรู้สึกใดๆ ออกมาหน้าเผือดเปลี่ยนสีไปทันตา เพราะไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน
“เฮ้ย! ไอ้นนท์” ปวิมคว้าไหล่ของเอกอานนท์เขย่าแรง “ไอ้เพื่อนนรก มึงตื่นขึ้นมาตอบคำถามกูก่อน มึงมาพูดทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้นะโว้ย ไอ้นนท์!” ปวิมเขย่าตัวเอกอานนท์ที่ตัวอ่อนราวกับคนไม่มีกระดูก ไหลลงไปนอนแผ่หราหมดสง่าราศีอยู่ที่พื้นห้อง
นั่นสิ! เด็กคนนั้นอายุเท่าไร! ปวิมร้อนใจขึ้นมาทันที คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากันในขณะที่สมองกำลังคิดตรึกตรอง ความเมามายจากเมรัยที่ผ่านกระบวนการหมักจากธัญพืชหายวับไปในพริบตา
“ไอ้นนท์! ไอ้เชี่ย! มึงลุกขึ้นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้ เด็กนั่นอายุเท่าไหร่มึงรู้ไหม!” ปวิมฮึดฮัดเพราะไม่ว่าเขาจะเขย่าจะสั่นจนเอกอานนท์หัวสั่นไหวไปตามแรกกระชากขนาดไหน แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีว่าจะมีสติกับพูดจากับเขาได้อีกหน ชายหนุ่มสะบัดมือที่ขยำคอเสื้อของเอกอานนท์อยู่ออกอย่างไม่ใยดีก่อนจะมานั่งหน้าตาเคร่งเครียด กระดกแก้วเบียร์ราวกับดื่มน้ำเปล่า อารมณ์เสียอยู่คนเดียวเพราะความรู้สึกที่ยังค้างคาใจ1
ความคิดเห็น |
---|