8

บทที่ 8



 

พี่รักเขา’

แน่นอน ลลิษาไม่ได้บอกวายุไปแบบนั้น และเธอก็ไม่คิดว่าจะบอกใครเรื่องนี้ แม้แต่ตัวคฑาวุธเองก็ตาม เพราะตอนนี้ชีวิตของเธอมันลงตัวอยู่แล้ว หากเรื่องที่มนัสเป็นลูกแท้ๆ ของผู้ชายคนนั้นแพร่งพรายออกไป เธออาจต้องสูญเสียลูกไปตลอดกาลเลยก็ได้

ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น”

แน่เหรอ” วายุถามย้ำ

จะมาเซ้าซี้อะไรเนี่ย ไปทำงานได้แล้วไป๊” เธอโบกมือไล่อย่างรำคาญ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะต้องการกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองจากสายตาชายหนุ่มต่างหาก

วายุเดินเลี่ยงไปด้วยสีหน้าไม่เชื่อนัก หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างทำงานกันจนกระทั่งได้เวลาร้านปิด ลลิษาจึงเดินกลับบ้านเพียงลำพัง และขึ้นเตียงนอนกอดลูกจนกระทั่งถึงเช้า

วันนี้เธอไม่ต้องรีบตื่น เพราะมนัสยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการแขนหัก ไม่ต้องไปโรงเรียน ลลิษาจึงหลับได้ยาวนานกว่าทุกวัน จนกระทั่งช่วงสาย ดวงใจก็ขึ้นมาตาม บอกว่าจะออกไปมหาวิทยาลัยแล้ว และคฑาวุธมารออยู่ข้างล่างแล้วเช่นกัน

คุณแม่ยังสาวรีบพาลูกไปอาบน้ำและพาลงไปชั้นล่าง ซึ่งคฑาวุธกำลังนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างบนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาของเขาบนโต๊ะรับแขก พอเห็นเธอกับลูก เขาก็พับฝาเครื่องลงแล้วโปรยยิ้มให้เธอ

คุณจะไปนอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวผมดูแลมนัสเอง”

ลลิษาเปิดปากหาวหวอดแทบจะทันทีที่เขาบอก “ฝากด้วยนะคะ”

ไม่ต้องห่วง” เขาโบกมือ “เออ...ผมพามนัสไปกินไอศกรีมที่ห้างฯได้ไหม”

ไอติม” เด็กน้อยตาลุกวาวแล้วหันมาส่งสายตาอ้อนวอนปริบๆ ให้ผู้เป็นแม่

หญิงสาวลังเล เพราะจะปล่อยให้ลูกไปกับคนแปลกหน้าก็นึกกลัว โดยเฉพาะคนคนนั้นเป็นพ่อแท้ๆ ของลูกเธอด้วย ก็ทำให้โอกาสที่เขาจะพาไปแล้วไม่กลับมาก็มีค่อนข้างสูงมากทีเดียว

อยู่บ้านนี่แหละลูก”

มนัสทำหน้าจ๋อยขึ้นมาทันที ดวงตารื้นเหมือนจะร้องไห้ด้วยความผิดหวัง

ทำไมล่ะคุณ ไม่ไว้ใจผมหรือ” คฑาวุธร้องถาม

ก็...เอ่อ...”

งั้นเอางี้” เขาแทรกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ก่อนจะดึงบัตรประชาชนยื่นให้เธอ “เก็บบัตรนี่ไว้ ถ้าผมไม่พาลูกคุณกลับมาก็เอาไปแจ้งความได้เลย”

แล้วคุณจะไปไหนมาไหนไม่พกบัตรประชาชนหรือคะ”

ผมร้องเพลงชาติได้...ชัดด้วย” คฑาวุธยิ้มแป้น “แฮ่ล้อเล่นน่ะ ผมมีใบขับขี่ มันใช้แทนกันได้ แถมยังขับรถได้ด้วย”

เอาเป็นว่าฉันถ่ายเก็บไว้ก็แล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องไปยืนร้องเพลงชาติกลางที่ชุมชน”

แปลว่าคุณอนุญาตให้ผมพามนัสไปกินไอศกรีมแล้วสิ”

ค่ะ” ลลิษาตอบ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายบัตรประชาชนของเขา ลูกชายก็ร้องเฮขึ้นมาด้วยความดีใจ 

ระวังหน่อยลูก แขนเจ็บอยู่นะ”

ผู้เป็นแม่ร้องบอก แต่เมื่อมองดูหน้าตาแช่มชื่นของลูกชายแล้วก็นึกเห็นใจ เพราะจะให้เด็กวัยซนนั่งเหงาอยู่กับบ้านก็ดูจะเป็นการใจร้ายไปสักหน่อย จึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปบัตรประชาชนของเขาเก็บเอาไว้ในเครื่อง แล้วยื่นมันคืนให้เขา

คุณจะเอาอะไรไหม เดี๋ยวผมซื้อมาฝาก”

ไม่ต้องหรอกค่ะ รีบกลับมาก็แล้วกัน” ลลิษาบอกเขา แล้วคุกเข่าลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับลูกชาย

จับมือคุณลุงไว้ตลอดนะ ห้ามวิ่งไปไหนไกลจากสายตาคุณลุงเด็ดขาด แล้วก็อย่าลืมว่าตัวเองแขนเจ็บ อย่ากระโดดโลดเต้นเหมือนเมื้อกี้อีก ห้ามเล่นผาดโผน ห้าม...”

พอแล้วคุณ” คฑาวุธรีบเบรกก่อนที่ข้อห้ามจะถูกขนออกมาเป็นกระบุงโกย “เอาเป็นว่าผมจะดูแลลูกของคุณให้ดีที่สุด เหมือนเป็นลูกผมเองเลยดีไหม”

ประโยคนั้นทำเอาลลิษาถึงกับชะงัก หัวใจเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือผิดที่ปล่อยให้ลูกไปกับเขา แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ให้มากที่สุด แล้วหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่

ฝากด้วยนะคะ มนัสเป็นเหมือนดวงใจของฉัน ถ้าเขาเป็นอะไรไป ฉันคงตายแน่” เธอเอ่ยฝากฝังพลางลุกขึ้นยืนประสานสายตากับเขา

ไม่ต้องห่วงครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้ม ดวงตาแวววาวของเขาจ้องเธอไม่กะพริบ 

ผมจะดูแลหัวใจของคุณให้ดีที่สุด”

ลลิษาชะงักนิ่ง หัวใจเต้นรัวเร็วกว่าเดิม เพราะคำพูดนั้นช่างละมุนอ่อนหวานต่อใจของเธอเหลือเกิน มันราวกับเป็นการบอกรักกลายๆ และทำให้เธอนึกถึงคำรักของเขาในค่ำคืนนั้นขึ้นมา แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ‘หัวใจของคุณ’ ที่เขาพูดนั้นหมายถึงมนัส ไม่ใช่หัวใจของเธอจริงๆ ก็ตาม

 

แต่กว่าคฑาวุธจะพามนัสออกมาจากบ้านได้ ก็ต้องนั่งรอลลิษาจัดกระเป๋าสะพายไหล่สีสันสดใสให้ลูกชายเสร็จเสียก่อน ในนั้นมีสิ่งละอันพันละน้อยเต็มไปหมด ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องแบกไปทั้งหมดด้วยทำไม

ถ้าแกเข้าห้องน้ำ ก็ใช้กระดาษเปียกนี่เช็ดนะคะ หัวฉีดในห้างฯไม่รู้ใครใช้มาบ้าง มันไม่ปลอดภัย” เธอใส่ซองกระดาษเปียกเข้าไปในเป้ แล้วหยิบกล่องนมขึ้นมา “อันนี้เอาไว้กินตอน...”

วันนี้จะได้ไปไหมเนี่ย” ชายหนุ่มรีบเบรก

ลลิษาถอนใจเฮือก รีบเก็บนมกล่องเข้ากระเป๋า จากนั้นก็ยื่นให้เขา

ห้ามซื้อของเล่นให้เขาด้วย”

คฑาวุธเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ผมไปนะ”

ไปนะครับแม่” มนัสเอ่ยอย่างมีชีวิตชีวา ที่จะได้ออกไปเที่ยวและกินไอศกรีมอร่อยๆ

ระวัง...”

ยังไม่ทันที่ลลิษาจะพูดอะไร คฑาวุธก็รีบอุ้มมนัสไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะขืนชักช้าไปกว่านี้ มีหวังได้สั่งเสียกันอีกยาวแน่ๆ ทั้งๆ ที่เขาก็พาลูกของเธอไปแค่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ นี้เอง

ห้างสรรพสินค้าที่คฑาวุธพามนัสไป เป็นอาคารรูปปีกนกสูงเจ็ดชั้นบนเนื้อที่หลายสิบไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าพวกท่านพบรักกันที่นี่ และก็เป็นที่นี่เองที่พ่อกับแม่มักจะพาเขามาเลือกซื้อของเล่นเสมอๆ เพราะมีแผนกของเล่นที่รวบรวมของเล่นจากทั่วโลกเอาไว้

ไปดูของเล่นกันไหม” ชายหนุ่มเอ่ยชวนเด็กน้อยที่จับมือเขาแน่นไม่ยอมห่าง

แต่แม่บอกว่าไม่ให้รับของจากลุงอีกอะครับ” มนัสบอกหน้าเจื่อน

ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ชิ้นเดียว เดี๋ยวลุงขอคุณแม่ให้เอง”

เด็กน้อยมีท่าทีลังเล เพราะของเล่นก็อยากได้ แต่ก็กลัวผู้เป็นแม่ดุเอาที่บังอาจไปขัดคำสั่งของท่าน

เอาน่า เดี๋ยวลุงรับผิดชอบเอง ถ้าคุณแม่จะตี ลุงจะกระโดดรับแทน”

ถึงเขาจะพูดแบบนั้น มนัสก็ยังดูลังเลอยู่ดี ชายหนุ่มจึงทรุดตัวนั่งลงแล้วจับศีรษะของเด็กน้อยเขย่าเบาๆ

เอางี้ สมมติว่ามีซานตาคลอสมาถามหนูว่า ‘โฮ่ๆๆ ฉันกำลังสำรวจความต้องการของเด็กทั่วโลกเพื่อทำรายชื่อจัดส่งของขวัญ หนูอยากได้อะไรในร้านของเล่นนี้ บอกมาซิ โฮ่ๆๆ’ หนูจะตอบซานตาคลอสว่าอะไร”

เลโก้ครับ” มนัสตอบแทบจะทันทีพร้อมยิ้มแฉ่ง

งั้นเลือกให้ลุงกล่องหนึ่ง ลุงจะซื้อไปเล่น แล้วหนูก็มาเล่นกับลุงดีไหม”

เด็กน้อยตาโตเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะเผยยิ้มแล้วรีบจูงเขาไปที่ชั้นวางตัวต่อสีสันสดใส จากนั้นก็เลือกเอาชุดที่เป็นสถานีตำรวจ ซึ่งประกอบด้วยอาคารสูงสามชั้น ตัวตุ๊กตาตำรวจในเครื่องแบบต่างๆ หกตัว รวมทั้งรถตำรวจหลากหลายแบบมากอดไว้

เข้าใจเลือกนะ อยากเป็นตำรวจหรือไงเรา”

ครับ” มนัสยิ้มแป้น

งั้นเดี๋ยวกินไอศกรีมเสร็จ เรากลับไปต่อเลโก้กันที่บ้าน ดีไหม”

ดีครับ” เด็กน้อยพยักหน้าด้วยสีหน้าร่าเริง

ไปกันเลย” คฑาวุธเอ่ยชวน แล้วพาเด็กน้อยไปจ่ายค่าของเล่น ก่อนจะพาไปกินไอศกรีมที่ร้านดังจนหมดเกลี้ยงถ้วย

กลับกันเลยไหม”

ดีครับ อยากต่อเลโก้แล้ว” มนัสบอกอย่างกระตือรือร้น

ชายหนุ่มจึงพาเด็กน้อยไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็พาเดินไปที่จอดรถ แต่ระหว่างทางเดินไปนั้นเอง เขากลับสังเกตเห็นแท่งไฟหมุนสีขาวแดงน้ำเงินที่ส่องสว่างอยู่หน้าร้านตัดผม จึงเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ผมยาวแล้วนะเราน่ะ”

วันก่อนแม่จะพาไปตัดผมเหมือนกันครับ แต่แขนหักเสียก่อน” เด็กน้อยยกเฝือกขึ้นชู

งั้นตัดผมกันก่อนไหม จะได้หล่อๆ”

มนัสมองไปที่ถุงใส่กล่องเลโก้สถานีตำรวจอย่างนึกลังเล

เอาน่า ตัดแป๊บเดียว แล้วค่อยกลับไปเล่น” คฑาวุธทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วชูถุงใส่เลโก้ขึ้น “เอางี้ เรามาตัดผมทรงเดียวกันดีไหม จะได้เล่นเป็นตำรวจคู่หูกันไง”

ก็ได้ครับ” เด็กชายเอ่ยออกมาด้วยความเสียดายเวลาเล่น แต่ก็ยอมเข้าร้านตัดผมกับเขาอย่างว่าง่าย

ไม่นานทั้งสองคนก็ออกมาจากร้านตัดผมพร้อมผมทรงเดียวกัน คือรองทรงสูงที่ไถด้านข้างจนสั้นกุดแล้วทำรอยขีดไว้สามขีด ดูแล้วเหมือนพ่อลูกที่ตัดผมทรงเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน

พอกลับถึงบ้าน สองลุงหลานก็เริ่มแกะกล่องของเล่นออกมาเล่นกัน คฑาวุธไม่ได้ลงมืออะไรมากนัก เพราะอยากให้มนัสสนุกได้เต็มที่ ระหว่างนั้นเขาก็เอาแต่จ้องมองเด็กชายที่กำลังเล่นของเล่นด้วยท่าทางมีความสุข ด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างประหลาด

น่าแปลกเหลือเกินที่ตลอดมา เขาไม่เคยมีความคิดที่จะมีลูกเลย และก็ไม่เคยใกล้ชิดเด็กคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน เพราะกลัวความยุ่งยากและรำคาญความวุ่นวาย แต่เขากลับรู้สึกอยากอยู่ใกล้ อยากเล่นกับเด็กคนนี้เหลือเกิน

นี่มันอะไรกันคะ”

เสียงของลลิษาทำเอาสองหนุ่มต่างวัยถึงกับสะดุ้ง มนัสถึงกับหน้าเสียรีบส่งสายตาอ้อนวอนมาทางคฑาวุธด้วยแววตาน่าสงสาร

ผมซื้อเลโก้มาเล่นน่ะ ก็เลยแบ่งให้ลูกของคุณเล่นด้วย” คฑาวุธออกรับแทน

หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นมองเขาเขม็ง “คุณเนี่ยนะ เล่นของเล่น”

โธ่คุณ เลโก้มันก็เล่นได้ทุกเพศทุกวัยแหละ คุณไม่เคยดูทีวีแชมป์เปี้ยนเหรอ พวกนักต่อเลโก้มืออาชีพก็มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น”

ลลิษายังคงประสานสายตากับเขาอย่างไม่เชื่อนัก แต่ก็ไม่รู้จะต่อว่าอะไร เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าเขาซื้อของเล่นให้มนัส

ตอนกลับก็หิ้วไปด้วยล่ะ”

ทิ้งไว้นี่แหละคุณ แบกขึ้นแบกลง กว่าจะแกะกว่าจะต่อ ไม่เป็นอันต้องทำอะไรกันพอดี ยังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องมาอีก จริงไหม”

หญิงสาวหรี่ตามองเขากับลูกสลับไปมาอย่างไม่ไว้วางใจ คฑาวุธจึงยักคิ้วให้เธอเป็นการตอบโต้ แต่มนัสกลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่เพราะกลัวความผิด

ก็ได้ค่ะ” ลลิษาเอ่ยอนุญาตอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเขาซื้อของเล่นให้ลูกเธอแน่ๆ แต่กลับเอาผิดใครไม่ได้แม้แต่ลูกตัวเอง “แล้วผมนั่น...”

อ๋อ พอดีผมเห็นมนัสผมยาวแล้วน่ะ ก็เลยพาไปตัดผม”

ต้องตัดทรงเดียวกันด้วยเหรอ”

จะได้เป็นตำรวจคู่หูกันไงครับแม่” เด็กน้อยบอกพร้อมชูตุ๊กตาในชุดตำรวจสองตัวขึ้นมา ก่อนจะหันไปหาผู้เป็นลุง “เรามาเล่นกันต่อดีกว่าครับคุณลุง”

มาๆ ช่วยลุงต่อให้เสร็จด้วยล่ะ” 

คฑาวุธหัวเราะแล้วหันไปเล่นกับมนัสโดยไม่สนใจลลิษาอีก จนกระทั่งดวงใจกลับมาจากมหาวิทยาลัย เขาจึงขับรถไปส่งคุณแม่ยังสาวอย่างที่เธอเองก็ไม่เต็มใจนัก

เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมคนมุงเต็มหน้าร้านคุณเลย”

คฑาวุธมองไปยังผู้คนที่ยืนออกันอยู่ตรงมุมตึกซึ่งกำบังอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นจากสายตาเขาและเธอ

นั่นสิคะ คุณจอดตรงนี้แหละค่ะ เดี๋ยวชนคน”

ชายหนุ่มพยักหน้า รีบหักพวงมาลัยนำรถจอดริมทาง ลลิษาเปิดประตูลงจากรถทั้งๆ ที่รถยังจอดไม่สนิท จากนั้นก็วิ่งไปหากลุ่มไทยมุงทันที

เกิดอะไรขึ้น วายุ” หญิงสาวเอ่ยถามคนที่อยู่แถวหน้าสุด แล้ววิ่งอ้อมมุมตึกไปยังด้านหน้าเฌอริลีนบาร์ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นกระจกร้านถูกพ่นด้วยสเปรย์สีแดงเป็นตัวอักษรน่าสยดสยอง

ไปตายซะ นังแม่มด’

ลลิษายกมือสั่นเทาขึ้นปิดปาก เพราะตั้งแต่บริหารร้านมาก็ยังไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

ล้างออกไม่ทันร้านเปิดแน่พี่”

ใครกัน มือบอนจริงๆ” ชาตรีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พร้อมชกมือตัวเองอย่างเอาเรื่องไปด้วย

เอาไงดีคะพี่ จะปิดร้านทำความสะอาดก่อนไหม” จอยเอ่ยถาม

นั่นสิคะ ถ้าลูกค้ามาเห็นคงพากันกลัว หนีไปกินร้านอื่นแน่” แจนเสริม

คฑาวุธเห็นแบบนั้นก็อดปากไม่ไหว รีบก้าวไปยืนข้างๆ ลลิษาแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ผมว่าไม่ถึงขั้นต้องปิดร้านทำความสะอาดกระจกแค่บานเดียวหรอกครับ”

แล้วจะทำยังไงล่ะคุณ ถ้าลูกค้ามาเห็นคงได้ผงะกันบ้างล่ะ” วายุเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงขุ่น

เขายิ้มและไม่ตอบคำถามวายุ แต่หันหลังให้แล้วเดินกลับไปที่รถ ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมม้วนกระดาษโปสเตอร์ที่มีความยาวเกือบสองเมตร

อะไรคะนั่น”

โปสเตอร์โฆษณาขายบ้านในโครงการที่ผมเพิ่งทำเสร็จน่ะครับ”

แล้ว...”

ผมจะเช่าพื้นที่ร้านคุณตรงนั้นติดป้ายโฆษณานี้สักหน่อย ส่วนด้านในคุณก็ปิดม่านสักวันก็แล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้คนมาจัดการเรื่องสีสเปรย์นั่นให้”

ไม่รบกวนขนาดนั้นหรอกค่ะ”

ไม่รบกวนหรอกครับ ผมมีช่างที่รู้จักหลายคน รับรองครึ่งวันก็เสร็จ”  

แต่...”

เอาเป็นว่าผมจะหักจากค่าเช่าโฆษณาดีไหมครับ”

โอ๊ย ฉันไม่คิดค่าโฆษณาหรอกค่ะ แค่คุณช่วยไม่ให้ภาพลักษณ์ของร้านเสีย ฉันก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้วล่ะค่ะ” ลลิษาบอกอย่างเกรงใจ

ไม่ได้ครับ” คฑาวุธโบกมือ “มันเป็นธุรกิจ แล้วมันก็เป็นงบที่เบิกมาแล้ว เดี๋ยวคนจะหาว่าผมเอาเข้ากระเป๋าเอง เสียชื่อแย่”

เจ้าของร้านสาวหันไปมองบรรดาพนักงานอย่างขอความเห็น ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย ยกเว้นวายุที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่คนเดียว

งั้นก็ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวค้อมศีรษะลง ก่อนจะหันไปหาการ์ดร่างใหญ่ “ลุงชาตรีคะ เดี๋ยวช่วยคุณวุธติดโปสเตอร์โฆษณานี้ด้วยนะคะ”

ได้ครับคุณโรส” การ์ดร่างใหญ่ยิ้มรับด้วยความเต็มใจ

ส่วนพวกเธอ เข้าไปเตรียมเปิดร้านได้แล้ว”

ทั้งแจนและจอยต่างทำหน้าเสียดาย “ให้เราช่วยคุณวุธแปะเป้า...เอ๊ย...โปสเตอร์ไม่ได้หรือคะ”

ไม่ได้ย่ะ แค่ลุงชาตรีก็พอแล้ว อย่ามาทำเป็นอู้ เดี๋ยวฉันก็ตัดเงินเดือนเสียนี่” บทจะโหด ลลิษาก็โหดขึ้นมาจนลูกจ้างพากันขยาด “วายุ ช่วยพี่ปิดม่านด้วยนะ”

ได้ครับพี่” บาร์เทนเดอร์หนุ่มพยักหน้า แล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปในร้านอย่างไม่สนใจใคร  

 

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ลลิษาหันมายิ้มกับเขาอีกครั้ง ก่อนจะโบกมือเรียกสองสาวด้วยสีหน้าขึงขัง จนแจนกับจอยต่างรีบตามเธอเข้าไปในร้านและจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อต้อนรับลูกค้าให้ทันเวลา

ระหว่างนั้นคฑาวุธก็แกะโปสเตอร์ออกมา มันไม่ใหญ่พอจะปิดข้อความได้ทั้งหมด แต่ส่วนที่ไม่ถูกปิดบังก็ไม่มากพอจะทำให้รู้สึกน่ากลัวอีกแล้ว

เรียบร้อย” เขาตบมือแปะๆ มองดูผลงานตัวเองด้วยความดีใจ

แหม คุณนี่มาช่วยคุณโรสได้ทันเวลาทุกทีเลยนะครับ”

ทำไมครับ” คฑาวุธหันไปมองการ์ดร่างใหญ่ “ลุงสงสัยว่าผมเป็นคนทำเหมือนวายุอีกคนหรือครับ”

ชายร่างใหญ่โบกมือหัวเราะเอิ๊ก “เปล่าครับ คุณมาทุกวันก็ย่อมต้องเจอเรื่องพวกนี้อยู่แล้วนี่ครับ ผมแค่คิดไปในทางที่ว่า ฟ้าอาจส่งคุณมาช่วยคุณโรสก็ได้”

คฑาวุธยิ้มอย่างโล่งใจ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เออ...เห็นโรสบอกว่าคุณลุงทำงานที่นี่มานานแล้วหรือครับ”

ก็ตั้งแต่เปิดร้านล่ะครับ” ชาตรีทรุดตัวลงนั่งตรงกระบะต้นไม้คอนกรีตข้างกระจก “เจ้าของเก่าเป็นคนที่มีบุญคุณกับผมมาก พอเปิดร้านก็เลยชวนผมมาทำงานด้วย หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยไปไหนอีกเลย”

ได้ยินจากโรสว่า เจ้าของเก่ากำลังรอผู้หญิงคนหนึ่งให้กลับมาเห็นบาร์นี่อีกครั้ง” คฑาวุธถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ชายร่างใหญ่

ใช่ครับ” ชาตรีเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อร้าน “เธอชื่อ เฌอริลีน เหมือนกับชื่อร้านนี่แหละครับ เป็นคนรักเก่าของเจ้าของร้าน”

แล้วทำไมเธอถึงจากไปล่ะครับ”

ชายวัยกลางคนยักไหล่ “อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ รู้แต่ว่าเธอต้องกลับบ้านกะทันหัน หลังจากนั้นเธอก็ไม่กลับมาอีกเลย”

ลุงพอจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคุณเฌอริลีนหรือเปล่าครับ”

ชาตรีขมวดคิ้วมุ่นหันมามองเขาด้วยความสงสัย “คุณต้องการรู้ไปทำไมครับ”

เอ่อ...ผมเห็นโรสเขากังวลเรื่องนี้น่ะครับ ก็เลยอยากจะลองช่วยตามหาดู”

การ์ดร่างใหญ่หัวเราะ “แหม คุณนี่รุกหนักน่าดูเลยนะ”

เขายกมือคลำท้ายทอยป้อยๆ “ทำไงได้ล่ะครับ วิธีไหนเอาชนะใจโรสได้ ผมก็อยากลอง”

ชาตรียิ้มแล้วถอนใจเบาๆ “ไม่มีใครรู้อะไรนอกจากนี้หรอกครับ เจ้าของร้านคนเก่าเป็นคนไม่ค่อยพูด”

งั้นเท่ากับว่า เราก็ได้แต่รอให้ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวหรือครับ”

ชาตรียักไหล่ “อันนี้ต้องแล้วแต่คุณโรสครับ เพราะเธอเป็นเจ้าของร้านแล้ว ถ้าเธอไม่อยากรอ แค่พนักงานอย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ”

ก็จริง” คฑาวุธพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นก็เริ่มหันไปถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุด “เมื่อก่อนคุณโรสก็เป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ใช่ไหมครับ”

ใช่ครับ” ชาตรีพยักหน้า “แรกๆ ก็มาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นค่าขนม เพราะเป็นหลานของเจ้าของร้าน แต่พอโตเป็นสาวก็มาขอทำงานเสิร์ฟ แล้วก็ฝึกงานบาร์เทนเดอร์ไปด้วย เพราะอยากหาเงินเป็นค่าเทอมเรียน เห็นว่าจะเรียนให้จบปริญญาเลย แต่เสียดาย...”

อะไรครับ” ชายหนุ่มร้องถามเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็เงียบเสียงลงไป

เอ่อ...ผมคงพูดเยอะไปแล้ว” ชาตรีถอนใจเฮือกแล้วลุกขึ้น “ต้องขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน”

เอ่อ...ขอบคุณครับ”

คุณจะเข้าไปในร้านไหม”

ไม่ล่ะครับ มีธุระต้องไปทำต่อ ฝากลาคุณโรสกับคนอื่นๆ ด้วยนะครับ”

ได้ครับ” ชาตรีทำนิ้วเป็นปืนยิงมาที่เขา “ดอกไม้ขาดน้ำไม่ได้ฉันใด ผู้หญิงก็ขาดความรักไม่ได้ฉันนั้น พยายามเข้านะครับ”

คฑาวุธยิ้มและได้แต่มองตามชายร่างใหญ่เดินหายเข้าไปในร้าน ก่อนจะถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะยังไม่ทันได้รายละเอียดอะไรเพิ่มเกี่ยวกับลลิษาเลยสักนิด

โอกาสหน้ายังมีน่า” ชายหนุ่มงึมงำ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

แต่เขาก็ไม่ได้กลับเข้าบริษัทเพื่อสะสางงานประจำวันเหมือนเมื่อวาน คฑาวุธขับรถตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งในร้านกาแฟแล้วโทรศัพท์หาใครบางคน

เฮ้ยไอ้หมอ มีเรื่องจะรบกวนหน่อยว่ะ รอที่ร้านกาแฟนะ”

คนที่ถูกเรียกว่าไอ้หมอนั้นคือนายแพทย์สมชาติ ผู้เป็นเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย และยังคงคบหากันอย่างสนิทแน่นแฟ้นมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะแยกไปเรียนวิชาชีพคนละเส้นทางนานหลายปี

หลังจากที่คฑาวุธโทร.หาเพื่อนรักไม่นาน นายแพทย์สมชาติก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมใบหน้าคมเข้มที่พาเอาคนไข้สาวและเหล่าพยาบาลต่างกรี๊ดสลบกันเป็นแถวมาแล้ว

ว่าไงไอ้วุธ มีสาวๆ อุ้มเด็กมาอ้างว่าแกเป็นพ่ออีกหรือไง”

ก็ไม่เชิงว่ะ”

สมชาติเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะทุกครั้งที่คฑาวุธถ่อมาถึงโรงพยาบาล ถ้าไม่ป่วยหนักจริงๆ ก็มักจะมาให้ทางโรงพยาบาลตรวจดีเอ็นเอความเป็นพ่อลูกกับเด็กที่มีผู้หญิงพามาอ้างว่าเป็นลูกของเขาหลายครั้ง

หมายความว่าไงวะ”

คฑาวุธถอนใจแล้วดึงซองพลาสติกใสออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้คุณหมอหนุ่มหน้ามน

ผมเด็กเหรอ”

อือ” เขาพยักหน้า “ฉันอยากให้แกตรวจดูหน่อยว่าเป็นลูกฉันหรือเปล่า”

สาวที่ไหนล่ะทีนี้” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถามขณะเก็บเส้นผมบางๆ ลงในกระเป๋าเสื้อกาวน์

เจ้าของบาร์น่ะ”

ทำไม เธอมาอ้างว่าท้องกับแก จะให้แกรับผิดชอบเรอะ”

เปล่า” คฑาวุธส่ายหน้า “เธอบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของฉันว่ะ”

ห๊ะ!?” สมชาติอุทานด้วยความแปลกใจ “แล้วแกจะตรวจทำไมให้เสียเวลาวะ แกไม่ใช่พ่อเด็กก็ดีแล้วไม่ใช่เรอะ”

มันก็คงดี ถ้าฉันไม่สงสัยว่าเด็กคนนี้อาจเป็นลูกฉันจริงๆ”

ไปพลาดตอนไหนวะ แกก็ป้องกันทุกครั้งไม่ใช่เรอะ”

ไม่รู้ว่ะ วันนั้นมันเมามาก” คฑาวุธถอนใจเฮือก

เดี๋ยวนะ” สมชาติยกมือขึ้นห้ามเขาพูดต่อ “แกไม่เคยคิดจะรับผิดชอบผู้หญิงอยู่แล้ว แล้วนี่ผู้หญิงเขาก็ไม่ต้องการให้แกรับผิดชอบด้วย แกยังจะดิ้นรนพิสูจน์หาหอกหาพระแสงอะไรอีกวะ”

ก็อยากรู้นี่หว่า”

เพื่อ?” คุณหมอหนุ่มลากเสียงยาว

ฉันอยากรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้กับลูกว่ะ”

เดี๋ยว” สมชาติจับไหล่ทั้งสองข้างของเขาแล้วเขย่าแรงๆ “แกเป็นใคร ออกมาจากร่างเพื่อนของฉันนะ ไอ้ผีบ้า”

ไอ้บ้า” คฑาวุธหัวเราะแล้วปัดมือเพื่อนออกจากไหล่ “ไม่ใช่ผีเข้าโว้ย นี่ฉันตัวจริงเสียงจริง”

คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วเพ่งพิศมองเพื่อนหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วจับข้อมือของคฑาวุธพยายามจะดึงให้ลุกขึ้นด้วย 

งั้นไป”

ไปไหนวะ”

ไปตรวจสมองหน่อย” สมชาติใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเพื่อน

ไอ้หมอบ้า ฉันไม่ได้บ้าโว้ย” คฑาวุธสะบัดข้อมือที่ถูกจับอยู่ พร้อมปัดนิ้วของเพื่อนออกจากหน้าผาก

ฉันไม่เชื่อ” หมอบ้าส่ายหน้า “ถ้าผีไม่ได้เข้า สมองก็ยังปรกติ แล้วทำไมแกถึงอยากจะรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้กับลูกที่อาจไม่ใช่ลูกแกวะ”

หรืออาจเป็นลูกฉัน”

แกแน่ใจได้ยังไงวะ”

ฉันถึงต้องพิสูจน์ไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของฉันจริงๆ หรือเปล่า”

เพื่อ?” คุณหมอหนุ่มลากเสียงยาว

คฑาวุธนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะถอนใจออกมาแล้วตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ฉันคิดว่าฉันรักผู้หญิงคนนี้ว่ะ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น