บทที่ ๓

ความสวยไม่เคยติดลบ เลยได้คบกับเพื่อนอนุบาล

“ฝีมือใช้ได้เลยนี่”

“คาเฟ่ที่หนูเคยทำ เจ้าของร้านก็อบขนมเองค่ะ พี่เขาก็เลยสอนหนูแต่งจานด้วย” ศศิมาตอบ วันนี้เธอได้รับสายจากร้านคาเฟ่ที่มากรอกใบสมัครไว้เมื่อวาน ว่าให้มาเริ่มงานได้ทันที ส่วนดุจตะวันได้ทำงานเป็นพนักงานขายในห้องเสื้อที่อยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งป้ายรถเมล์

“ดีมากจ้ะ งั้นวันนี้ลองรับออร์เดอร์ จัดจาน แล้วก็เสิร์ฟไปก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยเรียนเครื่องดื่ม”

“ได้ค่ะ” ศศิมายืดอกแล้วขานรับเสียงหนักแน่น จนพนักงานประจำสามคนที่ทำเครื่องดื่มอยู่ไม่ไกลอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

“ไม่ต้องขึงขังขนาดนั้น” ชุตาภาหัวเราะแผ่วเบา ความจริงเธอไม่มีแผนรับพนักงานพาร์ตไทม์ แม้ว่าคาเฟ่สาขานี้จะประสบผลสำเร็จอย่างล้นหลาม มีลูกค้าอุดหนุนเนืองแน่นนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ ตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอบริหารจัดการโดยการหมุนเวียนสับเปลี่ยนพนักงานสาขาหนึ่งกับสาขาสองมาช่วย เมื่อพนักงานในร้านส่งใบสมัครของศศิมาให้เธอทางอีเมล เธอก็แค่จะพรินต์ประวัติออกมาเก็บไว้เผื่อการขยายสาขาในอนาคต 

ทว่าเมื่อได้เห็นรูปถ่ายที่แนบมาเธอกลับรู้สึกสนใจเด็กคนนี้ แววตามุ่งมั่นของศศิมาไม่ต่างไปจากเธอเมื่อครั้งที่ยังเป็นนักศึกษา ดังนั้นวันนี้จึงลองต่อสายไปถามข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อได้รู้ว่าศศิมาส่งเสียตัวเองเรียนเธอจึงอยากสนับสนุน จึงรับเธอเข้าทำงานในช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นถึงสี่ทุ่ม ส่วนในวันเสาร์อาทิตย์ศศิมามีงานอีกที่แถวที่พักของเธอ

“ขนมน่าจะเสร็จแล้ว” ชุตาภาเบนสายตามองหน้าปัดนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์

“หนูไปช่วยนะคะ” ศศิมาเสนอตัว

“จ้ะ” ชุภาตาตอบ แล้วเดินนำพนักงานพาร์ตไทม์คนแรกของร้านเข้าไปดูขนมที่อบไว้ด้านใน

“ต้นน้ำเข้าไปข้างในกับอาพัฒน์ก่อนนะครับ ป๊าขอคุยงานแป๊บนึง” ชลชาติล้วงสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง และเมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากใคร จึงลดใบหน้าลงเอ่ยกับบุตรชายที่เงยหน้าขึ้นมองเขาอยู่

“ต้นน้ำต้องกินขนมคนเดียวอีกแล้ว” เด็กชายเม้มปาก

“ต้นน้ำ...” ชลชาติทอดน้ำเสียง ทว่ายังไม่ทันเอ่ยสิ่งใดต่อ เจ้าตัวแสบก็ปลดล็อกคาร์ซีต กระโดดเป็นลูกจิงโจ้โผไปเกาะขอบประตูรถที่เลื่อนเปิดออก

“อาพัฒน์ไปกินขนมกัน ต้นน้ำท้องร้องอ๊อกๆ เลย”

พัฒน์อมยิ้มขณะอุ้มนายน้อยลงจากรถ แล้วพาเดินเข้าไปในคาเฟ่เปิดใหม่ไม่ไกลจากอาคารสำนักงาน

ชลชาติมองตามหลังบุตรชายแล้วส่ายหน้าพร้อมยิ้ม ก่อนจะกดต่อสายกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่เพิ่งตัดสัญญาณไป

...

“เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ครับ” เจ้าของนิ้วป้อมทำตาวาว ขณะชี้รูปภาพบนเมนู

พนักงานรับออร์เดอร์เบนสายตามองคนที่พาเด็กชายเข้ามาในร้านแต่กลับไปนั่งอยู่อีกโต๊ะ และเมื่อชายคนนั้นพยักหน้าจึงกดรับออร์เดอร์ผ่านเทคโนโลยีไร้สายที่ถืออยู่ในมือ

“ต้นน้ำอยากกินอันนี้ด้วย” เด็กชายว่า พลางชี้ไปยังรูปของสมูททีอะโวคาโดช็อกโกแลต

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หลังจากรับออร์เดอร์เด็กชายเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปยังโต๊ะอีกตัวที่อยู่ถัดกัน

“ขอกาแฟร้อนที่หนึ่งครับ” พัฒน์เอ่ยโดยไม่รอให้อีกฝ่ายถาม

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวค้อมศีรษะรับแล้วจึงเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์ เพื่อเตรียมขนมและเครื่องดื่ม

...

“ชีสเค้กหนึ่ง เครปเค้กสตรอว์เบอร์รีหนึ่ง มูสเค้กหนึ่ง”

“ให้อิงช่วยจัดจานนะคะ” คนที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังร้านเสนอตัวช่วย

“ดีเลย จัดจานเสร็จแล้วฝากอิงฟ้าเอาไปเสิร์ฟโต๊ะแปดมุมขวาสุดหน่อยนะ” รุ่งทิพย์ว่า ก่อนจะเดินไปทำสมูททีอะโวคาโดช็อกโกแลต

“ได้ค่ะ” อิงฟ้ารับคำแล้วเดินไปหยิบจาน เหลือบตามองลัดดาที่กำลังจัดจานสำหรับออร์เดอร์อื่น “พี่ดาทำสวยจัง”

“ไว้มีเวลาพี่จะสอนทำนะ” ลัดดาเอ่ยอย่างใจดี

ศศิมายิ้มรับก่อนจะหันไปทางปราบดาที่กำลังบรรจงเทนมเป็นลวดลายในแก้วลาเต้ร้อน “อิงอยากทำแบบพี่ปราบเป็นบ้างจัง”

“อิงฟ้าทำลายหัวใจได้นี่” ปราบดาว่า เพราะเมื่อวานหลังจากกรอกใบสมัคร เขาได้ให้เธอลองทำเมนูเครื่องดื่มให้ดู และเธอก็ทำลาเต้อาร์ตรูปหัวใจออกมาได้ดีทีเดียว

“ลายเดียวเปรี้ยวทุกงานค่ะ” ศศิมาตอบ ขณะวางชีสเค้กลงบนจานที่เธอละเลงช็อกโกแลตให้เป็นลวดลาย จากนั้นจึงวางดอกคาโมมายล์และดอกผีเสื้อประดับตกแต่งให้สวยงาม หญิงสาวยิ้มกว้างภูมิใจกับฝีมือการจัดจานของตัวเอง เมื่อจัดจานแรกได้ดี จานที่สองและสามจึงมีความมั่นใจมากขึ้น

“เรียบร้อยแล้วค่ะ อิงยกไปเสิร์ฟเลยนะคะ”

“จ้ะ” รุ่งทิพย์ขานรับ

ศศิมาจึงยกถาดเดินไปยังโต๊ะที่รุ่งทิพย์บอกเอาไว้ก่อนหน้า ทว่าเมื่อเดินผ่านซุ้มดอกไม้ก็พบกับร่างเล็กอ้วนกลมนั่งเคาะโต๊ะเป็นจังหวะอย่างอารมณ์ดี

“ต้นน้ำ”

“พี่นางฟ้า” เด็กชายทำตาวาวตั้งท่าจะกระโดดลงจากเก้าอี้ แต่ศศิมาส่งสายตาห้ามพร้อมกับเร่งก้าวขาเข้ามาหา ยกจานขนมวางลงบนโต๊ะ ย่อตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น วางถาดลงบนหน้าขาของตัวเอง

แม้จะไม่ได้ลุกไปขัดขวาง แต่พัฒน์ก็จับจ้องคนที่ย่อตัวลงนั่งข้างๆ นายน้อยของตนไม่วางตา

“พี่นางฟ้า” เด็กชายสมุทรวางมือเล็กแนบแก้มนุ่มของพี่นางฟ้า ก่อนจะบีบเบาๆ เลียนแบบที่เธอเคยทำกับตน

ศศิมาหัวเราะชอบใจ “พฤติกรรมเลียนแบบ เอาคืนพี่หรือไงหือ”

“แก้มพี่นางฟ้านุ่ม” เด็กชายว่า ก่อนจะกวาดตามองจานขนมบนโต๊ะ “พี่นางฟ้าทำขนมให้ต้นน้ำ”

“ต้นน้ำกินคนเดียวทั้งหมดนี้เลยหรือครับ” ตอนจัดจานเธอยังคิดว่าโต๊ะนี้น่าจะมากันไม่ต่ำกว่าสามคน ไม่คิดว่าเมื่อมาถึงกลับพบเพียงเด็กตัวอ้วนกลมนั่งอยู่ตามลำพัง

“ป๊าด้วยครับ แต่ไม่รู้ว่าป๊าจะได้กินมั้ย” เด็กชายห่อไหล่แล้วถอนหายใจ

“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดถอนหายใจ” ศศิมาหัวเราะชอบใจด้วยความเอ็นดู “แล้วป๊าของต้นน้ำอยู่ไหนครับ”

“ทำงานอยู่ในรถ” เด็กชายตอบ

“ป๊าของต้นน้ำน่าจะมีงานด่วน”

“ด่วนทั้งวัน” เด็กชายว่า

“แต่ถ้าทำงานเยอะ ก็จะได้ตังค์เยอะ พอมีตังค์เยอะก็จะได้ซื้อขนมให้ต้นน้ำกินเยอะๆ ไงครับ” ศศิมาอธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง เธอเชื่อแบบนี้มาตลอด ว่าหากเราขยันทำงานมากเท่าไรก็จะมีเงินใช้มากขึ้นเท่านั้น บิดาของเจ้าตัวเล็กก็คงไม่ต่างกัน ยิ่งเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวด้วยแล้ว ก็คงต้องขยันมากกว่าคนอื่นอีกเท่าตัว

“จริงด้วย” เด็กชายพยักหน้าแรงๆ “แต่ต้นน้ำไม่อยากกินคนเดียว พี่นางฟ้ากินกับต้นน้ำได้มั้ย”

ศศิมาระบายยิ้มกว้าง เอื้อมไปหยิบส้อมสีทองคันเล็กตักชีสเค้กแล้วยื่นออกไปข้างๆ เด็กชายตัวน้อยอ้าปากรับก่อนจะยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างขึ้น “ขนมพี่นางฟ้าอร่อยสุดๆ”

“พี่อิงก็อยากกินเป็นเพื่อนต้นน้ำนะครับ แต่พี่อิงต้องทำงาน ไว้วันหลังเราค่อยกินด้วยกันนะ”

“พี่นางฟ้าไม่ได้ทำงานที่บริษัทต้นน้ำเหรอ” เด็กชายขมวดหัวคิ้ว

“บริษัทต้นน้ำ” หญิงสาวหัวเราะร่วน เด็กหนอเด็ก ตามพ่อมาทำงานจนทึกทักเอาว่าบริษัทใหญ่โตมโหฬารเป็นของตัวเอง นี่มันเธอตอนเป็นเด็กชัดๆ ตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอไปรับจ้างเก็บลำไย เธอตามไปวิ่งเล่นที่นั่นด้วย แล้วก็กลับไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่าพ่อกับแม่ของเธอมีสวนที่กว้างมาก

“ทำครับ ทำที่โน่นด้วย ที่นี่ด้วย”

“อ๋อ ทำงานเยอะก็จะมีตังค์เยอะ” เด็กชายเอียงหน้าไปมาคล้ายกำลังใช้ความคิด “พี่นางฟ้าต้องมีตังค์เยอะกว่าป๊าต้นน้ำแน่ๆ เพราะป๊าต้นน้ำมีงานแค่อันเดียว”

และจินตนาการไร้เดียงสานั้นก็ทำให้ศศิมาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะรีบงับปากลง กวาดตามองลูกค้าโต๊ะอื่นที่มองมาแล้วค้อมศีรษะลงเป็นเชิงขอโทษ

“พี่อิงขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” ศศิมาลดระดับเสียงให้เบาลง ทว่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้น เด็กชายบนเก้าอี้ก็ร้องขึ้นสุดเสียง

“ป๊า!”

ศศิมาสะดุ้ง ย่นคอยกไหล่ขึ้น ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก “เบาๆ ครับต้นน้ำ”

ทว่าความสนใจของเด็กชายไม่ได้อยู่ที่เธออีกต่อไป ยกมือขึ้นโบกแรงๆ ต้อนรับคนที่กำลังเดินเข้ามาหา พลางร้องบอกบิดาเสียงสดใส

“ป๊า นี่ไงพี่นางฟ้า แม่ต้นน้ำ”

“...”

ชลชาติจับจ้องหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ บุตรชาย ก่อนจะเบนสายตาไปทางพัฒน์ ส่วนศศิมานั้นทำได้แค่เพียงตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ กำขอบถาดเอาไว้มั่น แล้วดันตัวลุกขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณพ่อน้องต้นน้ำ หนูเป็นเพื่อนของน้องต้นน้ำค่ะ”

“เพื่อน” ชลชาติพึมพำเสียงแผ่ว ทว่า...

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ พี่นางฟ้าไม่ใช่เพื่อนต้นน้ำ” เด็กชายส่ายหน้าโบกมือทั้งสองข้างเป็นพัลวัน “พี่นางฟ้าโตแล้ว เป็นเพื่อนไม่ได้”

“จริงด้วย พี่อิงลืม” ศศิมาว่าแก้เก้อ

“เป็นเพื่อนไม่ได้แต่เป็นแม่ได้ แม่ของเพื่อนต้นน้ำก็ตัวโตแบบนี้”

“...”

“แต่พี่นางฟ้าใจดีแล้วก็สวยกว่าสามร้อยเท่า”

“...”

ถึงจะเคยผ่านเวทีประกวดนางนพมาศ นางสงกรานต์มาบ้างตอนสมัยอยู่อนุบาล แต่ก็ไม่เคยคิดว่าความสวยของเธอจะเข้าตาเด็กชายวัยไม่กี่ขวบเข้าอย่างจัง ศศิมาจึงได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน ทว่าเมื่อสายตาสบเข้ากับสายตาดุดันของคนที่ยืนจับจ้องอยู่ก็รีบงับปากลง ซึ่งเป็นจังหวะที่รุ่งทิพย์ยกเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟพอดี เธอจึงอาศัยจังหวะนั้นขอตัวกลับไปทำงาน

“เชิญคุณพ่อน้องต้นน้ำกับเพื่อนตามสบายนะคะ หนูขอตัวไปทำงานก่อน สวัสดีค่ะ” ศศิมาค้อมศีรษะลง

“...”

“พี่อิงไปทำงานก่อนนะครับต้นน้ำ”

“ครับผม” เด็กชายยิ้มกว้างจนตาปิด แล้วกวักมือเรียกบิดาที่ไม่ยอมมานั่งด้วยสักที “ป๊า ต้นน้ำหิวแล้ว”

ชลชาติละสายตาจากคนที่เพิ่งเดินจากไป แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามบุตรชาย ส่วนธีร์เดินไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับพัฒน์

“ต้นน้ำรู้จักผู้หญิงคนนั้นนานแล้วเหรอ”

“ครับ” เด็กชายตอบ ก่อนจะอ้าปากงับหลอดในแก้วเครื่องดื่มที่พี่สาวอีกคนเพิ่งยกมาวางบนโต๊ะ

ชลชาติขมวดหัวคิ้วเป็นปม เขาไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง สอนบุตรชายให้มีสัมมาคารวะ ประนมมือไหว้พนักงานทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะวางใจให้ใครเข้าใกล้ทายาทเพียงคนเดียวของตนได้ง่ายๆ และที่ผ่านมาบุตรชายของเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะให้ความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษเช่นกัน ดังนั้นจึงอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นบุตรชายคุยจ้อเหมือนรู้จักกันมาหลายปีดีดัก เห็นทีเขาคงจะต้องให้คนตรวจสอบประวัติผู้หญิงคนนี้ให้ถี่ถ้วนเสียแล้ว

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น