10

ดื่มประชดช้ำ


10

ดื่มประชดช้ำ

ในวันเดียวกันอีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ คีรีหอบหิ้วถุงอาหารและผลไม้หลายอย่างเข้ามาในบ้านเช่าของครองขวัญ ตอนนี้อาการทางด้านร่างกายของหญิงสาวเรียกว่าเกือบจะหายขาดแล้ว แต่สุขภาพจิตใจที่มีเรื่องเครียดต้องคิดทำให้เธอไม่แข็งแรงและสดชื่นอย่างควรจะเป็นนัก เรื่องที่ว่านั้นก็คือการหายตัวไปของนางทิพย์ผู้เป็นมารดาของหญิงสาวนั่นเอง

ความห่วงปนความสงสารเพื่อนร่วมงานทำให้มือขวาหน้านิ่งของโลเวลแวะเวียนมาหาและพูดคุยเป็นเพื่อนเลขาฯ สาวบ่อยครั้ง ด้วยกลัวว่าเธอจะเหงาและกังวลเรื่องของมารดามากไปจนล้มป่วยลงอีก มิหนำซ้ำช่วงนี้น้องสาวของเธอก็ออกไปอยู่ที่อื่น แม้ว่าครองขวัญจะบอกเขาและโลเวลว่าหยาดอรุณไปทำงานที่ภูเก็ต และน้องสาวติดต่อมาหาอยู่เป็นระยะๆ โดยที่ทุกครั้งหยาดอรุณจะติดต่อมาเองด้วยเบอร์โทร. ที่ไม่ซ้ำกันเลย ทว่าสิ่งที่ครองขวัญไม่รู้ความจริงเลยนั่นก็คือ หยาดอรุณอาจไม่ได้ทำงานที่ภูเก็ตอย่างที่บอกคนเป็นพี่ไว้ และการเปลี่ยนเบอร์โทร. บ่อยๆ เพราะเธอต้องการหนีใครคนหนึ่ง

คีรีกับโลเวลซึ่งรู้จักคนมากหน้าหลายตาเคยไปตามหาหยาดอรุณที่นั่นมาหลายครั้งแล้ว ทว่าไม่พบหรือมีวี่แววของหญิงสาวแต่น้อย กระนั้นโลเวลและเขาก็ปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ครองขวัญรู้ คีรีเป็นคนเดียวที่รู้ความลับระหว่างโลเวลกับหยาดอรุณดีที่สุด แต่ก็ไม่ปริปากบอกอะไรใคร เช่นเดียวกับผู้เป็นนายที่แม้จะทั้งโกรธทั้งโมโหและแทบคลั่งตายกับการหายตัวไปของหยาดอรุณ แต่โลเวลก็ไม่เคยโวยวายหรือป่าวประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของตนเองกับหญิงสาวให้ครองขวัญรู้เหมือนที่ชอบขู่หยาดอรุณไว้แต่น้อย

“สวัสดีครับคุณขวัญ ผมซื้อผลไม้ ขนมหวาน แล้วก็ของกินมาหลายอย่างเลยครับ เดี๋ยวผมเอาไปไว้ในครัวให้นะครับ” ชายหนุ่มบอกเมื่อตามพยาบาลพิเศษที่ดูแลหญิงสาวเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นของบ้าน

“สวัสดีค่ะคุณคีรี ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ เกรงใจแย่เลย” เธอพยายามจะหยัดตัวลุกไปช่วยเขาหิ้วของพวกนั้น แต่ชายหนุ่มรีบห้ามไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องลุกมาช่วยผมหรอกครับ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย มันเป็นหน้าที่ของผมครับ” เขาทำเหมือนว่านี่คือสิ่งที่โลเวลใช้ทำ ทั้งๆ ที่จริงไม่ใช่เลย

ตั้งแต่หยาดอรุณหายตัวไป โลเวลก็มาเหยียบที่บ้านเช่าหลังนี้แค่สองสามครั้งแรก ตอนที่มาตามหาหญิงสาวและถามข่าวคราวกับครองขวัญ แต่เมื่อข่าวคราวพวกนั้นไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเขาอีกต่อไปแล้ว หลังจากเขาแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาหยาดอรุณแล้วไม่เจอ โลเวลก็ไม่ได้สนใจจะมาที่นี่อีก เรื่องของครองขวัญก็เลยกลายเป็นว่าไม่ใส่ใจไปด้วย

ก็ไม่แปลกหรอกที่โลเวลจะทำเช่นนั้น ก็เขาโกรธหยาดอรุณ และถ้ายิ่งเห็นหน้าครองขวัญอีกก็ยิ่งนึกถึงน้องสาวของเธอ นึกถึงก็ยิ่งโมโหและอาจพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจครองขวัญก็เป็นได้

ไม่เกินสิบนาทีจากนั้นคีรีก็กลับมายังห้องนั่งเล่นที่ครองขวัญรออยู่อีกครั้งพร้อมกับจานขนมไทยและจานผลไม้ ซึ่งปอกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเรียบร้อยแล้ว เขาวางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าเลขาฯ สาว

“ชิมขนมสิครับ ขนมไทยเจ้านี้อร่อยมาก” เขาบอกพลางเลื่อนจานไปใกล้เธออีกนิด แม้สีหน้าจะดูนิ่งเรียบ แต่แววตาของชายหนุ่มมีประกายของความใจดีที่ทำครองขวัญรู้สึกอยู่ใกล้แล้วสบายใจแกมปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มจางๆ สีหน้าไม่สดใสนัก ก่อนจะถามอีกฝ่ายเรื่องที่เธอถามกับเขาทุกครั้งที่มาเยี่ยม “คุณคีรีพอจะได้ข่าวคืบหน้าอะไรเรื่องของแม่ฉันบ้างไหมคะ”

“ยังเลยครับ ตอนนี้ทางตำรวจก็รับคดีไว้แล้วช่วยตามหาให้อยู่ ก่อนจะมาหาคุณขวัญผมก็โทร. ไปสอบถามกับทางตำรวจ แต่เขายังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการหายตัวไปของแม่คุณขวัญเลยครับ” เมื่อบอกแล้วเห็นสีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนักก็ทำให้ไม่สบายใจไปด้วย จึงรีบปลอบเธอว่า “แต่คุณขวัญไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้คุณวูล์ฟก็บอกให้ผมจ้างนักสืบเอกชนช่วยตามหาแม่คุณขวัญอีกทาง ยังไงอาจได้ข่าวดีเร็วๆ นี้ก็ได้ครับ”

“ขอบคุณคุณคีรีมากนะคะ แล้วก็ฝากขอบคุณคุณวูล์ฟด้วยนะคะ ที่ช่วยเป็นธุระให้ฉัน ไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจพวกคุณทั้งสองคนยังไงดีเลยค่ะ” ครองขวัญน้ำตาซึม เธอดูอ่อนไหวมากหลังจากไม่สบาย อาจเพราะเจอมรสุมชีวิตหลายด้านพร้อมๆ กัน หญิงสาวจึงอ่อนแอและบอบบางลงกว่าที่คีรีเคยเห็นก่อนหน้านี้

“ผมกับคุณวูล์ฟก็เหมือนเพื่อนของคุณขวัญ เพื่อนมีเรื่องเดือดร้อน พวกเราก็ต้องช่วยกันสิครับ” เขายิ้มน้อยๆ มุมปาก ก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่อง “เอ่อ...แล้วน้องสาวคุณขวัญรู้เรื่องที่คุณทิพย์หายตัวไปใช่ไหมครับ”

“รู้ค่ะ น้ำค้างรู้เรื่องนี้ก่อนที่เธอจะไปทำงานที่ภูเก็ต แต่ตอนนั้นพวกเราสองคนก็คิดว่าแม่แค่หลบเจ้าหนี้ไปที่ไหนสักแห่งแล้วคงจะติดต่อกลับมา แต่ว่าป่านนี้แล้วแม่ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย คนแถวบ้านก็ไม่เห็นว่าแม่กลับมาที่บ้านด้วย”

“แบบนี้น้องสาวคุณขวัญก็น่าจะรีบกลับมาช่วยตามหาคุณทิพย์”

“น้ำค้างคงมีความจำเป็นอะไรสักอย่างที่กลับมาไม่ได้ แต่น้องสาวฉันก็โทร. มาถามข่าวแม่ตลอด แต่เธอก็เปลี่ยนเบอร์โทร. ตลอดเหมือนกัน”

“เหมือนคุณน้ำค้างกำลังหนีอะไรอยู่นะครับ” คีรีเปรยๆ แค่นั้น

ครองขวัญสบตาเขาก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ฉันก็กังวลอยู่ค่ะ กลัวน้องสาวจะมีปัญหาอะไรกับใคร แต่ที่ทำให้สบายใจได้หน่อยก็เพราะเธอยังโทร. ติดต่อมาบ่อยๆ”

“เอ่อ...คราวนี้เธอเปลี่ยนเบอร์อีกไหมครับ”

“ค่ะ เปลี่ยน” ครองขวัญตอบตามตรง

คีรีลอบถอนหายใจ เขาอยากจะขอเบอร์หญิงสาวไปให้เจ้านายที่ตอนนี้กำลังหัวใจเหี่ยวแห้ง แต่ก็รู้ว่าถึงให้โลเวลไปแล้วก็อาจจะติดต่อหยาดอรุณไม่ได้ เหมือนที่พวกเขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้

ขณะที่กำลังพูดคุยกับเลขาฯ สาวอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของคีรีดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ชายหนุ่มขออนุญาตรับสาย และเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของคนที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อครู่ก็รีบขอตัวกับครองขวัญทันที เพราะผู้เป็นนายโทร. มาสั่งให้คนสนิทขับรถไปรับที่บ้านปัญชิกาแล้วพาไปหาจิรายุ

 

“ชวนเมาอีกแล้วเหรอนาย ช่วงนี้เพื่อนนักธุรกิจคนเก่งของฉันกลายเป็นนักเมาเหมือนหมาไปแล้วเหรอวะ” จิรายุเอ่ยกระเซ้าหวังให้คนหน้าบึ้งที่แวะมาหาถึงที่ทำงานอารมณ์ดีขึ้นบ้าง แต่เปล่าเลย โลเวลกลับยิ่งถลึงตาวาวโรจน์ใส่

“ฉันจะเมาเหมือนตัวอะไรก็ช่างหัวเถอะ แต่ตอนนี้อยากดื่ม”

“ดื่มตอนบ่ายๆ ร้อนหัวแทบแตกเนี่ยนะ รอเย็นๆ ก่อนเถอะว่ะ” จิรายุปฏิเสธพลางลอบมองสีหน้าเพื่อน

โลเวลทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังแบกโลกไว้ทั้งโลกก็ไม่ปาน

“ไม่เป็นไร ถ้านายไม่ดื่มเป็นเพื่อน ฉันจัดเองก็ได้โว้ย ไม่ง้อ” เขาว่าจบก็ลุกพรวดจากเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงานของเพื่อน

จิรายุอ้าปากหน้าเหวอ ไม่นึกไม่ฝันว่าไอ้เพื่อนลูกครึ่งที่ชอบทำหน้าดุให้ใครๆ กลัว ตอนนี้จะขี้ใจน้อยเหมือนพวกผู้หญิง

“เห้ย! ใจเย็นๆ สิวะไอ้วูล์ฟ เป็นไรของนาย ฉันไม่ได้ปฏิเสธ แต่แค่บอกว่าตอนนี้มันบ่ายอยู่...” อธิบายไปก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจฟัง ทำทีจะเดินหนีออกจากห้องทำงานท่าเดียว จิรายุเลยไม่อยากขัดใจเพื่อนให้น้อยใจรอบสอง “เออ...ก็ได้วะ ถ้านายอยากมาก เปรี้ยวปากขนาดนั้นก็ได้ ฉันจัดให้”

“งั้นก็ไปดื่มที่บ้านฉัน” หนุ่มลูกครึ่งหันไปบอกเสียงเรียบ “หาผู้หญิงให้ด้วย สักสองสามคน”

ประโยคแรกคนฟังไม่ติดใจอะไร แต่ประโยคต่อมานี่สิทำเอาจิรายุเบิกตาโตด้วยความตกใจ “อะไรนะ นายร้องหาผู้หญิงทีเดียวสามคนเลยเหรอวะ ปกตินายไม่เคยเรียกผู้หญิงเข้าไปที่บ้านนี่หว่า แบบนี้จะดีเหรอ”

            “จะดีไม่ดีก็บ้านฉันไหมวะ นายจัดมาเถอะ” คนอยากดื่มสุราเคล้านารีบอกเสียงห้วนจัด

            “จะไปติดต่อหาใครได้ตอนนี้กันล่ะเนี่ย ถ้าเอาคนเดิมๆ ที่นายเคยเจอมาแล้วพอจะได้ไหม”

            “จะคนเดิม คนเก่า คนใหม่อะไรก็เอามาเถอะ ขอแค่อย่าปัญหาเยอะก็พอ” โลเวลบอกส่งๆ

จิรายุมุ่นคิ้วด้วยความฉงน ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะแปลกพิกลขึ้นทุกวัน ไม่เรื่องเยอะเลือกผู้หญิงเหมือนแต่ก่อน แถมยังร้องหาจะเอาผู้หญิงเข้าบ้านอีกต่างหาก ปกติอย่าว่าแต่บ้านหลังใหญ่นั่นเลย ขนาดที่คอนโดนี่โลเวลก็ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามายุ่มย่ามด้วยซ้ำ

           

            งานปาร์ตีย่อมๆ ถูกจัดขึ้นที่มุมนั่งเล่นบริเวณสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์กิติเดชาธร โลเวลสั่งให้แม่บ้านตั้งโต๊ะวางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิดให้เลือกได้ตามใจชอบ พร้อมอาหารหลายอย่างถูกจัดขึ้นโต๊ะ โดยที่ปาร์ตีเล็กๆ ยามบ่ายแก่ๆ นี้มีสมาชิกแค่สองหนุ่มเพื่อนสนิทกับอีกสามสาวที่จิรายุโทร. ตามมานั่งดื่มเป็นเพื่อนตามคำขอของเจ้าของบ้าน

            ภาพนั้นสร้างความแปลกใจให้ทุกคนในบ้านที่ปกติไม่เคยพบเห็นยิ่งนัก โดยเฉพาะธีราทรที่รู้จักนิสัยพี่ชายตนเองดีว่าไม่เคยชวนผู้หญิงเข้ามาในบ้านนี้เลยสักคน ไม่ว่าจะคู่ควงที่เป็นข่าวด้วยหรือคู่นอนชั่วคราวก็ตามที ทว่าวันนี้พี่ชายเขาแปลกไป แถมยังเลือกดื่มในเวลาบ่ายแก่ๆ แบบนี้ ยิ่งน่าฉงนใจเหลือเกิน

            “สวัสดีครับพี่ยุ” ธีราทรซึ่งเดินออกมาสำรวจตรงสนามหญ้าที่กำลังมีปาร์ตีทักทายเพื่อนพี่ชาย ก่อนเย้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ว่า “มีข่าวดีอะไรหรือเปล่าครับ ฉลองอะไรกันแต่หัววันเลย”

            จิรายุไหวไหล่ บุ้ยใบ้ปากไปยังโลเวลที่ตอนนี้นั่งคลอเคลียสาวสามคนที่ประกบซ้ายขวาและด้านหลัง “ถามพี่ชายนายสิ เกิดคึกอะไรมาจากไหนไม่รู้ นี่ไปลากพี่มาจากที่ทำงานเลยนะ”

            คนได้รับคำตอบหรี่ตามองพี่ชายที่ตอนนี้ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งลงบนตักของเขา และโลเวลก็ไม่ปฏิเสธ

            พี่ชายเขาไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย ถ้าเป็นหนุ่มเพลย์บอยอย่างจิรายุคงไม่น่าแปลกใจนัก ปกติธีราทรได้ยินโลเวลชอบแซ็วจิรายุบ่อยๆ ว่าไอ้พวกเจ้าชู้ ชอบให้ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง

            “อ้าว! ธีร์ มาดื่มด้วยกันสิ” โลเวลร้องบอก กวักมือเรียกน้องชายมานั่งใกล้ๆ

น้องชายปฏิเสธ “ไม่ดีกว่าครับพี่วูล์ฟ”

            “ใช่สิ ลืมไป จะเป็นพ่อคนแล้วนี่น้อ ต้องทำตัวดีๆ หน่อย ไม่งั้นเมียจะว่าเอาได้” โลเวลโพล่งพูดออกมาด้วยความคุกรุ่นที่กักเก็บไว้ในใจอยู่แล้ว นั่นทำให้จิรายุเลิกคิ้วสูง ละล่ำละลักถามอย่างสงสัย

            “ฮะ! อะไรนะ เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ ใครจะเป็นพ่อคน ใครมีเมีย”

            ธีราทรหันไปสบตาพี่ชายนิ่งๆ เขาตั้งใจจะเปิดตัวเรื่องนี้กับทุกคนอยู่แล้วตั้งแต่ตัดสินใจพาหยาดอรุณมาเหยียบที่บ้านหลังนี้

 อย่างไรก็คงไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป      

“ผมเองครับ” ชายหนุ่มหันไปหาจิรายุแล้วยอมรับยิ้มๆ “ผมกำลังจะมีลูก”

            “กับใคร หว่าหวาน่ะเหรอ” จิรายุที่ไม่รู้เรื่องอะไรยังคงฉงน

            “ไม่ใช่หรอกครับ ผมเลิกกับหว่าหวาแล้ว แม่ของลูกผมชื่อน้ำค้างครับ เอาไว้แล้วผมจะพามาแนะนำให้พี่ยุรู้จัก ตอนนี้เธอเวียนหัวน่ะครับ ผมก็เลยให้นอนพักที่ห้อง” เขารู้ว่าคำตอบของตนเองกำลังทำให้เพื่อนพี่ชายมึนตึ้บ แต่เดี๋ยวจิรายุก็คงหาคำตอบเอาจากโลเวลเองนั่นละ “ผมขอตัวไปดูภรรยาก่อนดีกว่าครับ ไม่อยากทิ้งให้เธออยู่คนเดียวนานๆ”

            “หึ! น่าอิจฉาชะมัด” โลเวลหัวเราะในลำคอ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ทั้งธีราทรและจิรายุรู้สึกว่าฟังทะแม่งๆ พิกล

            ธีราทรไม่อยากคิดว่าพี่ชายกำลังเย้ยหยัน ชายหนุ่มจึงรีบปัดเรื่องไม่เป็นเรื่องทิ้งไปก่อนจะบอกโลเวลว่า “เอ่อ...พี่วูล์ฟครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปบริษัทนะครับ”

            “อ้าว...จะกลับไปทำงานแล้วรึ” พี่ชายถาม

            “ครับ ผมหยุดไปนานแล้ว ทิ้งงานให้พี่รับผิดชอบคนเดียว แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจพี่จะแย่แล้วครับ เลยคิดว่าพรุ่งนี้จะกลับไปทำงานสักที”

            “แบบนี้ไม่ห่วงเมียนายจะเหงาตายหรือไง”

            “ก็ห่วงครับ” เขาตอบอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบที่ดี แต่หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำให้โลเวลกัดฟันข่มความอิจฉา จนต้องยกแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกพรวดๆ “แต่เดี๋ยวคงหางานอะไรเบาๆ ให้น้ำค้างทำแก้เบื่อ เราสองคนก็กำลังคุยกันอยู่ครับว่าจะให้เธอทำอะไรได้บ้าง แต่จริงๆ ไม่อยากให้ทำงานหนักหรอกครับ ห่วงเธอแล้วก็ลูกด้วย”

            “โอ้โห...ดูจะรักผู้หญิงคนนี้น่าดูนะ” จิรายุที่เย้าขึ้นบ้าง แต่ในใจลึกๆ กำลังสงสัยผู้หญิงที่ชื่อน้ำค้าง เขาว่าคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินโลเวลละเมอหา แต่จะใช่คนเดียวกันหรือเปล่านะ และยิ่งอยากรู้ว่าธีราทรที่ดูจะรักปัญชิกามากมายเหลือเกินก่อนหน้านี้ ทำไมถึงเลิกรากับหญิงสาวแล้วไปมีผู้หญิงคนใหม่ได้ง่ายดายนัก

            แสดงว่าไอ้ที่หายหน้าหายตาไป ธีราทรคงไปอยู่กับแม่น้ำค้างอะไรนี่สินะ

            “ก็น้ำค้างเป็นแม่ของลูกผมนี่ครับ” เขายิ้มจางๆ หากใครจะสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแววตาของชายหนุ่มไม่ได้ยิ้มด้วยสักนิด “วันนี้ก็เลยว่าจะให้เวลากับเธอมากๆ หน่อย เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปต้องทำงาน กลัวจะไม่มีเวลา...”

            ปั้ง!

            เสียงดังที่แทรกขึ้นทำให้ทุกคนตกใจ หญิงสาวสามคนที่นั่งล้อมโลเวลอยู่ถึงกับหน้าเสีย ผละห่างชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ ก็อยู่ดีๆ พ่อหนุ่มสุดหล่อก็กระแทกแก้วในมือลงบนโต๊ะเสียงดัง

ธีราทรกับจิรายุหันมองโลเวลแทบจะพร้อมกัน และเห็นหน้าหนุ่มลูกครึ่งแดงจัด คิ้วขมวดชนกันขณะที่กรามขึ้นสันนูน

อาการแบบนี้เหมือนโลเวลกำลังโกรธ แต่ว่าเขาโกรธใครล่ะ

“รินเหล้าให้ผมอีกซี้ พวกคุณสามคนผมจ้างมาบริการผมนะ ไม่ใช่มานั่งเฉยๆ” พอไม่มีที่จะลงเขาก็ตะคอกใส่แม่สาวๆ เซ็กซี่ทั้งสาม จนพวกเธอหดคอ แล้วรีบทำตามคำสั่งของชายหนุ่มอย่างรีบร้อน

สองหนุ่มรู้สึกเคลือบแคลงกับอาการโมโหไม่มีปี่มีขลุ่ยของโลเวล แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอาน้ำมันไปราดบนไฟร้อนๆ หรอก เพราะกลัวว่าไฟจะไหม้พวกเขาไปด้วย

ธีราทรขอตัวกลับขึ้นบ้านไปแล้ว ปล่อยให้จิรายุรับศึกหนัก อยู่รองรับอารมณ์โลเวลกับสาวๆ ต่อไป แต่ระหว่างนั้นที่น้องชายลับสายตาไปแล้ว คนที่นั่งหน้าตึงดื่มวิสกี้ละลายอารมณ์กรุ่นๆ อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังหน้าต่างกระจกบานยาว

แวบหนึ่งตาคมกริบสีน้ำตาลก็ประสานเข้ากับดวงตากลมคู่หนึ่งของคนที่ยืนแง้มผ้าม่านมองมาทางนี้ หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงระรัวเมื่อรู้ว่าตาคู่กลมนั้นไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นหยาดอรุณนั่นเอง และเธอคงรู้ว่าเขามองอยู่จึงรีบดึงผ้าม่านปิดลงเสียแล้ว

 

            มือเรียวยกขึ้นกุมอกด้านซ้ายที่ข้างในสั่นระรัว อาจเพราะสายตาดุกร้าวและซ่อนอารมณ์หลากหลายของโลเวลที่มองมาเมื่อครู่ก็เป็นได้ จึงทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นส่ำแบบนี้

ผู้ชายบ้า! เขาเป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ด้วย โลเวลไม่มีหัวใจและเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ดีแล้วที่เธอตัดสินใจหนีออกมาจากกรงทองของเขา ดีกว่ารอวันที่จะถูกเขี่ยทิ้งออกมาเอง และดูเหมือนการที่เขาไม่มีเธอก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายที่ทั้งหล่อและรวยอย่างเขาจะทุกข์ร้อนอะไรนี่ คนเพอร์เฟกต์แต่นิสัยเสียแบบนั้นจะหาผู้หญิงมาปรนเปรอความสุขสักกี่คนก็ได้ ในเมื่อเขามีเงิน

มั่ว บ้ากาม เธอเกลียดเขา!

หญิงสาวเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้นวมตัวนุ่ม ถอนหายใจแรง ความวิตกกังวลวิ่งวนเต็มสมอง เธอมีหลายเรื่องต้องคิดและจะต้องหาวิธีแก้ไข อย่างวันนี้เลย ผู้ชายที่เธอเห็นอยู่ข้างล่างกับโลเวลคือจิรายุ และชายหนุ่มรู้จักเธอ ทำให้วันนี้เธอไม่กล้าออกจากห้องนอนไปไหน เพราะถ้าหากจิรายุเจอหน้าเธอมีหวังความลับอะไรต่อมิอะไรคงแตก แต่ปัญหานี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับเธอห่วงครองขวัญและป้าทิพย์ ยิ่งตอนนี้ยังหาตัวป้าทิพย์ไม่เจอ และเมื่อใดที่เธอโทร. ไปหาพี่สาวก็ต้องได้ยินเสียงพูดเจือสะอื้นสะเทือนใจทุกครั้งไป ยิ่งครองขวัญยังไม่แข็งแรงแบบนี้ด้วย เธอจะโผล่หน้าไปหาพี่สาวก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าเธอท้อง และถ้าเป็นเช่นนั้นจะพลอยทำให้ครองขวัญรู้สึกแย่ไปกันใหญ่

แต่เรื่องของผู้เป็นป้าที่หายไป เธอจะนิ่งเฉยได้อย่างไรกัน บางทีเธออาจต้องลุกขึ้นมาตามหาป้าทิพย์ด้วยอีกทาง

เสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงเรียกชื่อเบาๆ หญิงสาวรู้ดีว่าเป็นธีราทรจึงเดินไปเปิดประตูให้ ช่วงนี้เธอพยายามเช็กความปลอดภัยของประตูห้องนอนอย่างรอบคอบ แต่ก็อย่างว่าละ ในเมื่อโลเวลมีกุญแจสำรอง เขาจะเปิดเข้ามาเมื่อไรก็ย่อมได้...เรื่องนี้คืออีกเรื่องที่หยาดอรุณคิดว่าจะปรึกษาสามีกำมะลอ เธอควรจะขอให้เขาทำกลอนแบบล็อกแน่นหนาเพิ่ม แต่คงต้องหาข้ออ้างที่ธีราทรไม่สงสัยให้ได้เสียก่อน

“นอนพักอยู่หรือเปล่าครับ ขอโทษนะครับที่มาเคาะประตูเรียก”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้นอน กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” เธอตอบตามตรงก่อนจะแสร้งถามชายหนุ่มขึ้นว่า “แล้วข้างล่างนั่นมีงานอะไรกันหรือคะ เมื่อกี้เห็นแวบๆ ทางหน้าต่าง”

“พี่วูล์ฟน่ะสิครับ ไม่รู้เกิดอยากดื่มจากไหนมา แถมพาผู้หญิงมาอีกต่างหาก ปกติผมไม่เคยเห็นพี่วูล์ฟพาผู้หญิงเข้าบ้าน” ธีราทรบอกขณะรุนหลังหยาดอรุณให้ไปนั่งที่เก้าอี้พร้อมกัน “คุณน้ำค้างมานั่งตรงนี้เถอะครับ”

“อย่าเรียกคุณสิคะ ไปเรียกแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นจะทำให้พวกเขาสงสัยเราสองคนนะคะ ไหนคุณธีร์บอกเองว่าอยากให้เราดูสนิทสนมกันสมกับเป็นสามีภรรยาจริงๆ จะได้ตบตาคนอื่นได้มากกว่านี้ไงคะ”

เขายิ้มเกร็งๆ “นั่นสินะครับ คุณน้ำ...เอ๊ย! น้ำก็เหมือนกันนี่ครับ ยังเรียกผมว่าคุณธีร์อยู่เลย”

หญิงสาวหัวเราะแห้งๆ “เราคงต้องพยายามกันอย่างหนักแล้วละค่ะพี่ธีร์” เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขา ต่อหน้าคนอื่นเธอกับเขาคงจะแสดงได้แนบเนียนกว่านี้

หนุ่มสาวพูดคุยกันถึงเรื่องที่ธีราทรจะออกไปทำงาน แล้วต้องทิ้งให้หยาดอรุณอยู่คนเดียว เขากลัวเธอจะเบื่อจึงปรึกษากันว่าจะให้เธอทำอะไรแก้เบื่อดี หญิงสาวคิดว่าเธออาจจะลองหัดทำขนมไทย เพราะสมัยเด็กๆ เคยช่วยป้าทิพย์ทำขายบ้าง แล้วถ้าออกมาดีก็จะขอให้เขาช่วยหาร้านรับซื้อให้ เพื่อที่เธอจะได้ทำส่งและพอจะมีเงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ สำหรับอนาคต

ใจจริงธีราทรไม่อยากให้หญิงสาวทำงานหาเงินแบบนี้ เพราะห่วงเรื่องสุขภาพของแม่และลูก อีกอย่างตอนนี้ที่เธอแสร้งเป็นภรรยาเขาก็เหมือนเขาจ้างเธอมาเช่นกัน และเขาพร้อมจะจ่ายเงินให้เธอทุกเดือนอยู่แล้ว เนื่องจากรู้ดีในว่าอนาคตถ้าลูกของหยาดอรุณคลอดออกมาคงต้องมีค่าใช้จ่ายอีกมาก แต่เมื่อหญิงสาวยืนยันว่าอยากจะทำงานก่อนที่ท้องจะโย้กว่านี้แล้วทำอะไรไม่ได้ ธีราทรจึงต้องยอมตามใจ

ระหว่างที่สามีภรรยากำมะลอพูดคุยกันอยู่ก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของธีราทร เมื่อชายหนุ่มดูหน้าจอจึงเห็นว่าเป็นนายแพทย์เจตน์

“สวัสดีครับพี่หมอ” เขาทักทายก่อน

“นายว่างไหม พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาหาพี่ที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า” ประโยคนั้นมีความหมายบางอย่างที่สองหนุ่มเข้าใจกันดี ทำให้ธีราทรรีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น

“ว่างครับ ให้ผมออกไปหาตอนนี้เลยไหมครับ”

“ถ้าได้ตอนนี้เลยก็ดีนะ”

“อย่างนั้นผมจะออกไปเลยแล้วกันครับ น่าจะไม่เกินยี่สิบนาทีคงถึงโรงพยาบาล”

เมื่อบอกอีกฝ่ายไปและทางนั้นรับรู้ ชายหนุ่มก็รีบตัดสาย ก่อนจะหันมาหาหญิงสาวที่นั่งมองหน้าเขาตาปริบๆ

“จะออกไปข้างนอกหรือคะ”

“ครับ พี่หมอเจตน์โทร. มา ถ้ายังไงผมจะโทร. มาหาคุณ เอ๊ย! ผมจะโทร. มาหาน้ำอีกทีนะ เผื่อว่าผมกลับช้าหรือมาทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนไม่ทัน น้ำจะได้ไม่ต้องรอผม”

“ค่ะพี่ธีร์” หยาดอรุณยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มเธอช่างสวยหวาน ชายหนุ่มยอมรับว่าหญิงสาวเป็นคนสวยมีเสน่ห์มากคนหนึ่งทีเดียว แต่มันไม่ได้ทำให้หัวใจดวงนี้สั่นไหวได้เลย ในเมื่อเขาคงยังรักและคิดถึงปัญชิกา

“ผมควรต้องแทนตัวว่าพี่ด้วยสินะครับ ผมลืมไปอีกแล้ว” เขายิ้มเก้อๆ ก่อนจะลองปรับสรรพนามในการพูดคุยกับอีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้นพี่ออกไปข้างนอกก่อนนะครับ น้ำจะเอาอะไรก็เรียกใช้แม่บ้านได้เลยนะ หรือถ้าอยากได้อะไรที่ไม่มีในบ้านก็โทร. หาพี่นะครับ เดี๋ยวพี่แวะซื้อให้”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวอมยิ้มนิดๆ รู้สึกว่าธีราทรเป็นผู้ชายสุภาพและแสนดีเหลือเกิน ยิ่งเขาพูดจากับเธอแบบนี้ก็ยิ่งดูอบอุ่นน่ารักเข้าไปใหญ่ เธอนึกเสียดายและสงสารถ้าหากเขาจะไม่อาจกลับไปมีความสุขกับคนที่ตัวเองรักได้อีกครั้ง หยาดอรุณจึงได้แต่ภาวนาให้ชายหนุ่มหลุดจากความทนทุกข์ที่เขาเป็นอยู่ และเปลี่ยนใจกลับไปคืนดีกับคู่หมั้นของเขาในเร็ววัน

 

ธีราทรขับรถออกไปข้างนอกแล้ว ก่อนจะออกไปเขาแวะมาบอกโลเวลตรงสนามหญ้าหน้าบ้านให้รับทราบไว้เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท ว่าเขาจะออกไปทำธุระนิดหน่อย หากไม่ได้บอกว่าธุระนั้นคืออะไร และหลังจากรถยนต์ของชายหนุ่มเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ จู่ๆ คนที่ชักชวนจิรายุมาเมาที่บ้านก็มองไปยังหน้าต่างห้องนอนของน้องชายและน้องสะใภ้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็คอยมองไปเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ก่อนจะบอกจิรายุว่า

“ไอ้ยุ นายพาผู้หญิงพวกนี้กลับไปได้แล้วไป๊”

“ฮะ! นายว่าอะไรนะ” คนถูกไล่อุทานด้วยความมึนงงเต็มกำลัง

“ก็บอกให้กลับไปได้แล้ว พาแม่พวกนี้ไปด้วย” ไม่ว่าเปล่ายังผลักไสสาวๆ ที่ก่อนหน้านี้ปล่อยให้พวกหล่อนเกาะแกะเนื้อตัวได้

“ว้าย! ตายแล้ว ทำไมคุณวูล์ฟทำกับพวกเราแบบนี้ล่ะคะ พวกเราทำอะไรขัดใจ หรือไม่ชอบใจหรือเปล่าคะ” หนึ่งในสามสาวเอ่ย ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะคล้องแขนเรียวทั้งสองข้างกับลำคอแกร่งของหนุ่มลูกครึ่ง แล้วจูบแก้มเขาเป็นการเอาใจ

การกระทำนั้นยิ่งทำให้โลเวลฉุนหนัก เขาผลักผู้หญิงคนดังกล่าวจนล้มก้นทิ่มสนามหญ้า ขณะที่ตัวเองลุกพรวดจากเก้าอี้ “บอกให้กลับไปก็กลับไปสิโว้ย!”

“เป็นอะไรของนายวะ เมื่อกี้นายเองไม่ใช่เหรอชวนฉัน แล้วบอกให้ฉันโทร. เรียกพวกเธอมา ไอ้นี่ผีเข้าผีออก” จิรายุส่ายหน้า แต่โลเวลไม่สนใจคำตัดพ้อของเพื่อน เขาหมุนตัวหันหลังให้ และไม่วายสั่งเสียงเฉียบอีกครั้ง

“ฉันไม่อยากดื่มแล้ว นายรีบพาแม่ผู้หญิงพวกนี้ออกไปเลย จ่ายเงินไปแล้วนี่ อย่าให้มีปัญหา” ชายหนุ่มหันมามองสามสาวปราดหนึ่ง ทำให้พวกหล่อนเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง

“กลับก็กลับค่ะ คุณยุพาพวกเรากลับเถอะ พวกเราไม่อยากมีปัญหากับลูกค้ามือหนัก เดี๋ยวคราวหน้าจะอดได้งานสบาย รายได้ดีๆ แบบนี้อีก” แม่สาวคนเดิมบอก และเมื่อพยักหน้ากับเพื่อนๆ ทุกคนก็เห็นดีเห็นงามด้วย

ใครจะกล้าอยู่สู้หน้าผู้ชายเอาแต่ใจอย่างโลเวลได้ สายตาที่มองมาเมื่อกี้น่ากลัวจะตาย ขืนทำตัวมีปัญหากับเขาอีกนิด เขาคงจะหักคอพวกเธอเป็นแน่

จิรายุขมวดคิ้ว ถึงแม้อยากจะต่อว่านิสัยคุ้มดีคุ้มร้ายของเพื่อน แต่ก็คงจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะไอ้ตัวดีที่ลากเขามาดื่มด้วยและตอนนี้ก็ออกปากไล่เสียอย่างนั้นเดินปัดตูดเข้าบ้านไปเรียบร้อยแล้ว

“ไอ้เพื่อนบ้าเอ๊ย วัยทองหรือไงวะ!” ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น