16
กฤตนัยรู้สึกตัวตื่นขึ้นในช่วงเช้ามืด เขาค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นเพื่อปรับสภาพในการรับแสง มือหนายังคงกอบกุมมือบางของบัวบูชาเอาไว้เหมือนเช่นตอนก่อนนอน ปกติทุกเช้าที่เขาตื่นนอน พอลืมตาขึ้นมาจะพบว่าบัวบูชานั่งมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เธอจะนั่งรอจนเขาตื่นแล้วจึงค่อยไปทำอย่างอื่น
แต่เช้านี้เธอยังคงฟุบหน้านอนอยู่ที่ข้างเตียง ด้วยคงเหนื่อยและล้าที่ต้องหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน เพราะคนที่ขาเข้าเฝือกอยู่นั้นทั้งเมื่อยง่าย ทั้งเอาแต่ใจ เธอจึงต้องคอยขยับเปลี่ยนท่าให้ตลอดเวลา ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาบัวบูชาดูแลกฤตนัยเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเอาใจใส่กันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยทีเดียว
กฤตนัยค่อยๆ หันตะแคงข้าง มองคนที่ยังอยู่ในห้วงนิทราด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ทำให้เขาสุขใจได้อย่างน่าประหลาด ทั้งช่วยเรื่องงานบริหารในบริษัท ทั้งดูแลเรื่องอาหารการกิน เช็ดเนื้อเช็ดตัว เขาเสียอีกที่แสนเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมให้เธออยู่ห่างกายเลยแม้แต่น้อย
บัวบูชารู้สึกถึงความเคลื่อนไหวบนเตียง หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาและยกศีรษะขึ้น ก็พบว่ากฤตนัยกำลังนอนมองเธอตาแป๋ว
“นอนต่อก็ได้นะครับ ยังเช้าอยู่เลย” คนเจ็บเอ่ยเสียงเบา
“พี่ใหญ่ตื่นนานแล้วหรือคะ” คนเพิ่งตื่นพูดเสียงงัวเงียพลางยกมือขึ้นขยี้ตา
“ตื่นได้สักพักแล้วครับ เห็นน้องบัวกำลังนอนสบายเลยไม่อยากกวน พี่อยากให้น้องบัวพักผ่อนเยอะๆ ที่ผ่านมาน้องบัวไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย พี่ขอโทษนะครับที่เอาแต่ใจ” กฤตนัยพูดพลางเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มของใบบัวเบาๆ อย่างทะนุถนอม
หญิงสาวอมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “พี่กลางบอกว่าวันนี้จะให้คุณหมอมาตรวจดูอาการพี่ใหญ่อีกที งั้นเดี๋ยวบัวขอไปอาบน้ำแต่งตัวสักครู่นะคะ”
“มาอาบที่นี่ไม่ได้หรือครับ พี่นอนเจ็บอยู่แบบนี้ จะเอาแรงที่ไหนไปแอบดูน้องบัวอาบน้ำกัน” คนป่วยเอาแต่ใจเริ่มออกอาการ
“ไม่เอาค่ะ บัวไปแป๊บเดียวเองนะคะ” บัวบูชาส่งยิ้มหวาน แล้วรีบเดินออกจากห้องไปทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว จึงกลับมาเช็ดตัวและแปรงฟันให้กฤตนัยอย่างเช่นทุกวัน
“วันนี้มีข้าวต้มหมูสับนะคะ นมพิศทำเองเลย ต้องอร่อยแน่ๆ” บัวบูชาคนข้าวต้มในชามให้คลายร้อน แล้วจึงเลื่อนโต๊ะวางอาหารไปไว้ตรงหน้าคนเจ็บ
“วันนี้พี่ปวดแขนมาก ป้อนหน่อยนะครับ”
“ปวดแขน” บัวบูชาหรี่ตามองพร้อมกับทวนประโยค
“ครับ ปวดมากๆ” กฤตนัยพยักหน้ายืนยันคำตอบ
หลายวันที่ผ่านมาบัวบูชาต้องเจอกับสารพัดข้ออ้างที่ชายหนุ่มขยันสรรหามาออดอ้อนให้เธอเอาใจ เป็นอีกมุมหนึ่งที่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะมี จากเดิมเธอรู้จักเขาในตำแหน่งประธานบริหารที่มีแต่ความจริงจังและดุดัน แต่ฐานะใหม่ที่เริ่มเรียนรู้ทำให้เธอได้รู้จักเขาในอีกมุม มุมที่เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการคนดูแลและเอาใจใส่ตลอดเวลา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนที่แววจะเดินนำนายแพทย์หนุ่มหน้าตาดีและทีมผู้ช่วยเข้ามาในห้อง เพื่อตรวจอาการของกฤตนัยอย่างละเอียดอีกรอบ
“อาการดีขึ้นมากเลยนะครับ ไม่มีแผลกดทับ แปลว่ามีคนดูแลดี” นายแพทย์หนุ่มพูดกับคนเจ็บ แต่แอบส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้พยาบาลส่วนตัวคนพิเศษที่ยืนอยู่ข้างเตียง
บัวบูชายิ้มบางๆ ตอบนายแพทย์หนุ่ม ส่งผลให้คนเจ็บที่มองตามสายตาของคุณหมอถลึงตาโตอย่างไม่สบอารมณ์
“บัวบูชา พี่หิวน้ำ”
การเรียกชื่อเต็มด้วยเสียงที่กดต่ำแบบนี้ทำให้คนที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งเล็กน้อย จึงรีบเดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วย่อตัวลงที่ข้างเตียง ก่อนจะยื่นแก้วน้ำออกไปให้ แต่คนเจ็บก็หาได้ใส่ใจจะรับแก้วน้ำไปไม่ ในทางกลับกันเขากลับมองใบหน้าหวานจนตาไม่กะพริบ
หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะขยับแก้วน้ำเข้าไปให้ใกล้ปากเขาที่สุด และคนเจ็บก็รีบกุมมือของเธอเอาไว้แล้วจึงก้มหน้าลงจิบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ประหนึ่งว่าภายในห้องนี้มีกันอยู่แค่เพียงสองคน
“คุณใบบัว ดูแลคนป่วยดีมากเลยนะครับ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด หมอขอชื่นชม” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ บัวก็ทำตามที่พี่กลางสอน”
“เพราะผมเป็นคนเจ็บคนสำคัญ เพราะฉะนั้นก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนที่ใบบัวจะดูแลผมเป็นอย่างดี” คนเจ็บเริ่มออกอาการ
นายแพทย์หนุ่มหรี่ตามองคนเจ็บเล็กน้อย พลางนึกย้อนถึงบทสนทนาของตนกับคุณหมอกลางก่อนที่จะมาตรวจเคสนี้
‘ผอ. ให้พยาบาลคนไหนไปดูแลคุณใหญ่ครับ’
‘น้องบัวครับ น้องสาวผมเอง’
‘ผอ. มีน้องสาวด้วยหรือครับ ทำไมผมไม่รู้มาก่อน’ นายแพทย์หนุ่มที่ยังคงครองสถานะโสดถามย้ำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
‘ครับ’ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตอบยิ้มๆ
‘เป็นวาสนาของผมแท้ๆ ที่จะได้เจอน้องสาว ผอ. ก่อนใคร’ คนโสดเอ่ยอย่างลิงโลด
ถึงตอนนี้เขาคงต้องกลับไปถามคุณหมอกลางอีกครั้งว่าเหตุใดพี่ชายคนโตถึงได้ออกอาการหวงน้องสาวถึงเพียงนี้
บัวบูชานั่งมองใบหน้าบึ้งตึงของกฤตนัยแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ส่วนแววที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ก็ได้แต่กลั้นขำเอาไว้ เพราะเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจ้านายหน้านิ่งพูดน้อยเวลามีความรักขึ้นมาจะกลายเป็นเด็กหวงของขนาดนี้
“น้องบัวครับ พี่ปวดหัวแล้วก็เมื่อยด้วย” คนขี้หวงเริ่มแผลงฤทธิ์
บัวบูชารู้ดีว่าควรต้องทำอย่างไรให้เขาใจเย็นลง เธอจึงเดินเข้าไปประคองชายหนุ่มให้นอนตะแคง แล้วเอื้อมมือไปปัดผมที่ตกลงคลุมหน้าพร้อมกับลูบตรงหน้าผากชายหนุ่มเบาๆ คล้ายกับเป็นการปลอบประโลมจนคนเจ็บคลี่ยิ้มพอใจ
“งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ คุณใหญ่จะได้พักผ่อน” เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา คณะแพทย์จึงขอตัวกลับ
“เชิญครับ ขอบคุณที่มา แวว ช่วยส่งคุณหมอด้วย” กฤตนัยตอบเสียงเรียบ
เมื่อคณะคุณหมอเดินออกจากห้องไปแล้ว กฤตนัยก็รีบตะกายคว้าสมาร์ตโฟนที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาต่อสายหาคุณหมอกลาง
“กลาง ต่อไปไม่ต้องให้หมอคนนี้มาตรวจพี่นะ” คนเจ็บกรอกเสียงไปตามสาย
“ทำไมหรือครับ หมอคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลเราเลยนะครับ”
“เหรอ แต่ต่อไปพี่ขอหมอที่แก่ๆ หน่อยนะ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นหมอผู้หญิงไปเลย”
“พี่ใหญ่มีอะไรหรือเปล่าครับถึงอยากเปลี่ยนหมอ”
“ก็หมอของนายมันแอบมอง แอบส่งยิ้มให้ใบบัว พี่ไม่ชอบ”
บัวบูชาตีเข้าที่แขนคุณใหญ่เบาๆ พร้อมกับถอนหายใจยาว
“โธ่ ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ เฮ้อ แต่เอาเถอะครับ ผมจะทำตามความต้องการของพี่ใหญ่ทุกอย่าง” น้องชายผู้ที่เป็นทั้งหมอและเจ้าของโรงพยาบาลได้ฟังเหตุผลของพี่ชายก็หลุดขำออกมาเสียงดัง
“อ้อ แล้วก็ ผมให้คนเอารถเข็นกับไม้เท้าไปส่งให้แล้วนะครับ วันนี้ลองนั่งรถเข็นออกมาสูดอากาศนอกห้องดูบ้าง ลำพังพี่ใหญ่ผมไม่ห่วงหรอก แต่ผมสงสารน้องบัวที่ถูกขังให้อยู่แต่ในห้องมาร่วมสัปดาห์ ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน”
“เว่อร์ไปนิด ไอ้น้องชาย แต่ก็ขอบใจมาก” คุณใหญ่กดวางสาย แล้วจึงหันไปมองคาดโทษคนที่แอบประทุษร้ายกล้ามแขนทันที
“ตีพี่เหรอคะ ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ต้องโดนลงโทษ” กฤตนัยว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จำเลยข้อหาทำร้ายร่างกายในระยะประชิด
บัวบูชายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า “ไม่ต้องเลยค่ะ ไปเรียกคุณหมอว่ามันได้ยังไงกัน ไม่น่ารักเลย”
“ก็ใครใช้ให้มามองแฟนพี่ล่ะ” คนเอาแต่ใจยังคงใช้น้ำเสียงขัดใจ
“ขี้ตู่ตลอด” บัวบูชาทำหน้ามุ่ย “บัวไม่เห็นว่าคุณหมอจะมองอะไรบัวเลย”
“น้อยไปสิครับ ตานี่หวานเยิ้มเลย”
บัวบูชากลอกตามองเด็กชายกฤตนัยที่นอนทำเสียงกระเง้ากระงอดอยู่บนเตียง “ไหนพี่ใหญ่บอกว่าปวดหัวไงคะ บัวนวดให้นะ”
“ครับ นวดครับ” กฤตนัยยิ้มกว้าง ละทิ้งความขุ่นมัวจิตใจไว้เบื้องหลัง
บัวบูชาขยับตัวคนป่วยขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง แล้วนำหมอนหนุนมาพาดขาในแนวตั้ง เสร็จแล้วจึงจัดศีรษะของกฤตนัยให้นอนลงบนหมอน จากนั้นจึงลงมือนวดลำคอ บ่า ไหล่ แล้วจึงขยับขึ้นมานวดศีรษะและใบหน้าของชายหนุ่ม ด้วยน้ำหนักมืออย่างพอดี ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป ความผ่อนคลายที่ได้รับส่งผลให้ผู้ได้รับการบำบัดเข้าสู่นิทราในที่สุด
หลังจากที่คุณหมอกลางให้คนสนิทนำรถเข็นและไม้เท้ามาส่งให้ที่บ้าน บัวบูชาจึงพากฤตนัยนั่งรถเข็นออกไปนั่งเล่นที่มุมสระว่ายน้ำ ซึ่งบริเวณนี้เป็นมุมโปรดของสี่หนุ่มอีกมุมหนึ่ง
“สวัสดีครับพี่ใหญ่ ได้ออกจากห้องมารับพลังงานแสงอาทิตย์สักทีนะครับ” คุณเล็กที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเดินเข้ามาทักทายพี่ชาย
“อืม แต่ความจริงพี่อยากจะอยู่แต่ในห้องมากกว่านะ” กฤตนัยตอบน้องชาย แต่ส่งสายตากรุ้มกริ่มไปยังบัวบูชา
คุณเล็กจึงได้แต่เบะปากมองคนหลงเด็กด้วยความหมั่นไส้
“น้องบัวจะพาพี่ใหญ่ไปไหนครับ” ในเมื่อหมั่นไส้พี่ชาย จึงหันไปคุยกับว่าที่พี่สะใภ้แทน
“บัวว่าจะพาพี่ใหญ่ไปนั่งเล่นที่มุมสระว่ายน้ำข้างบ้านค่ะพี่เล็ก”
“งั้นดีเลย เดี๋ยวพี่ตามไป ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง”
บัวบูชาเข็นรถพากฤตนัยเดินชมสวนรอบสระว่ายน้ำไปพลางๆ เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เธอก็เพิ่งจะได้มีโอกาสเดินออกมาบริเวณดังกล่าวก็คราวนี้
“น้องบัวชอบที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ค่ะ ที่นี่สวยมากเลยนะคะ”
“งั้นก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ถาวรเลย”
“ได้ยังไงกันคะ บ้านบัวก็มี”
“ไว้ให้คนเช่าก็ได้ พี่จะเป็นธุระให้ เพราะพอแต่งงานแล้ว ยังไงก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่อยู่ดี”
“แต่งงาน!” บัวบูชาร้องเสียงหลง
“ครับแต่งงาน ถ้าไม่ติดเจ้าเฝือกบ้านี่ พี่ก็อยากจะแต่งซะวันนี้พรุ่งนี้เลย”
“บัวยังไม่คิดไปไกลขนาดนั้นหรอกค่ะ เราเพิ่งจะเริ่มเรียนรู้กันเอง อีกอย่างพี่ใหญ่ก็ยังไม่เคยเจอครอบครัวของบัวเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมั่นใจได้ยังไงคะว่าจะผ่านด่านหินของคุณพ่อบัวไปได้”
“งั้นพอพี่หายดีแล้ว เราไปหาพวกท่านกันนะคะ”
“แต่คุณพ่อบัวดุมาก...เลยนะคะ เป็นตำรวจที่ยิงปืนแม่นที่สุด” บัวบูชาเน้นเสียงยาวตรงคำว่า ‘มาก’ จนคนฟังต้องแอบปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ ไปให้
“คุณพ่อหวงลูกสาวมากเลยด้วย โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็ก” ลูกสาวตำรวจยังข่มขู่ไม่เลิก
“น้องต้นแก้ว” กฤตนัยอมยิ้ม
“พี่ใหญ่รู้จักต้นแก้วด้วยหรือคะ”
“ก็ชินบอก บอกว่าสนใจน้องสาวของน้องบัว งั้นพี่จะช่วยคุณพ่อน้องบัวกันเตชินจากต้นแก้วเป็นการทำคะแนน งานนี้เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ใครดีใครได้” กฤตนัยหัวเราะหึๆ ในลำคอ
“แต่คุณชินเป็นคนดี บัวจะช่วยคุณชินค่ะ”
“อ้าว แล้วพี่ล่ะคะ”
“ของแบบนี้ใครดีใครได้” บัวบูชาย้อนคำพูดของคนเจ้าเล่ห์
“ว่าไงวัน” กฤตนัยส่งสายตามองแม่บ้านที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงมุมต้นไม้
“มีคนมาขอพบคุณใหญ่ค่ะ” วันรายงาน
“ใคร” กฤตนัยถาม
“นีน่ากับวิกกี้เองค่ะใหญ่ เซอร์ไพรส์ค่ะ” สองสาวสวยที่แต่งตัวเปรี้ยวฉูดฉาดเดินเฉิดฉายเข้ามา
“นีน่า วิกกี้” กฤตนัยขมวดคิ้วเข้าหากัน “มาได้ยังไงครับ” เสียงเจ้าของบ้านไม่บ่งบอกถึงความยินดีแม้แต่น้อยที่ได้รับการเซอร์ไพรส์แบบนี้
“แหม ใหญ่เนี่ยใจร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าหากไม่ไปเดินห้างแล้วเจอคุณรองก็คงไม่รู้ เจ็บขนาดนี้ยังไม่ยอมบอกเพื่อนเลย นีน่าละไม่เข้าใจจริงๆ ว่าใหญ่จะเกรงใจนีน่าทำไมนักหนา” หญิงสาวผมซอยสั้นนามนีน่าเดินโฉบเข้ามาเกาะแขนข้างซ้ายของกฤตนัย พลางส่งสายตาวิบวับให้คนเจ็บบนรถเข็นไปด้วยขณะเจรจา
ส่วนหญิงสาวอีกคนที่มาพร้อมกันก็เดินอ้อมมายืนอยู่ทางฝั่งขวา เบียดบัวบูชาออกจากวงสนทนาไปโดยปริยาย
ทางฝั่งคุณเล็กหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินฮัมเพลงออกมาจากตัวบ้าน แต่บังเอิญชนเข้ากับวันที่กำลังหันรีหันขวางออกมาจากมุมสระว่ายน้ำเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะคุณเล็ก” วันขอโทษขอโพย
“ไม่มองทางเลยวัน เดินเหมือนหนีโจรมา” นายน้อยส่ายหน้ายิ้มๆ
“ยิ่งกว่าหนีโจรอีกค่ะ” วันตอบพลางชะเง้อมองมุมสระว่ายน้ำไปพลาง
“งานเข้า!” คุณเล็กอุทาน
“ถ้าพี่รองกับพี่กลางกลับมาให้ตามไปที่สระด้วยนะ” นายน้อยสั่งการเสร็จก็รีบสาวเท้าไปยังมุมสระว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว
...
“อ้าว พี่นีน่า พี่วิกกี้ มาได้ยังไงครับ” คุณเล็กทักทายผู้มาเยือน
“ก็แวะมาหาใหญ่น่ะสิคะ พี่ชายคุณเล็กเนี่ยน่าตีจริงเชียว เจ็บตัวขนาดนี้ยังไม่ยอมบอกนีน่าสักคำ” นีน่าชม้ายชายตามองคนเจ็บขณะตอบ
“แล้วทำไมพี่ใหญ่ต้องบอกพี่นีน่าด้วยล่ะครับ” คุณเล็กดับฝันคู่คนสนทนาเสียดื้อๆ ก่อนจะเดินไปเข็นรถคุณใหญ่ออกมาจากวงล้อมของสองสาว แล้วนำมาจอดไว้ข้างๆ บัวบูชา โดยมีสองสาวผู้มาใหม่เดินฮึดฮัดตามมาติดๆ
“น้องบัว พี่อยากนอนเล่นตรงเก้าอี้ตัวนั้นได้หรือเปล่าครับ” กฤตนัยคว้ามือบัวบูชามากุมไว้ขณะถาม
“ได้ค่ะ เดี๋ยวบัวไปเตรียมที่ให้นะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินลิ่วไปจัดเตียงนอนข้างสระว่ายน้ำ โดยมีคุณเล็กช่วยเข็นคุณใหญ่ตามมา แล้วช่วยพยุงมานั่งบนเตียง
บัวบูชาช่วยจัดท่าให้กฤตนัยนั่งเอนหลังพิงพนักเตียง แล้วจัดขาทั้งสองข้างโดยใช้หมอนใบเล็กหนุนขาข้างที่ใส่เฝือกไว้อย่างนุ่มนวลและทะนุถนอมเช่นเคย
“ใหญ่ขา นีน่าซื้อขนมเค้กร้านโปรดของใหญ่มาฝากด้วย นี่เธอ ช่วยเอาไปใส่จานให้ที” นีน่าว่าพลางยื่นถุงขนมให้บัวบูชา
หญิงสาวรับถุงขนมมาถือไว้ แล้วก้มลงมองหน้าคนเจ็บสลับกับถุงขนมในมือ ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านทันที โดยมีสายตาของเสือใหญ่และเสือเล็กมองตาม สองพี่น้องหันสบตากันพร้อมกับถอนหายใจยาว
“เมื่อไหร่คุณรองจะกลับมาสักที วิกกี้มีเรื่องจะคุยด้วย” หญิงสาวอีกหนึ่งนางทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
คุณใหญ่กับคุณเล็กสบตากันอีกครั้ง ก่อนที่คุณเล็กจะล้วงสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดแอปพลิเคชันยอดฮิตขึ้นมา แล้วกดส่งข้อความเข้ากลุ่มครอบครัว
คุณเล็ก : พี่รอง พี่กลาง ถึงไหนแล้วครับ
คุณรอง : หน้าปากซอย
คุณกลาง : อีก 100 เมตรก็เลี้ยวเข้าบ้านแล้ว มีอะไร
คุณเล็ก : ว่าที่สะใภ้คนรองมาเยือนครับ เลยรีบส่งข่าว เผื่อใครบางคนจะได้เตรียมทางหนีทีไล่ได้ทัน
คุณรอง : ว่าที่สะใภ้คนรอง เฮ้ย ใครวะ
คุณกลาง : พี่รองซุ่มหรือครับ
คุณรอง : นั่นสิ เอาละ เจ้าเล็กรีบเฉลยสักที ฉันจะถึงบ้านแล้ว
คุณเล็ก : พี่วิกกี้กับพี่นีน่ามา
คุณรอง/คุณหมอกลาง : งานเข้า
...
“อ้าว หนูบัวจะไปไหนลูก” คุณน้ำเพชรร้องทัก
“มีแขกซื้อขนมมาฝากพี่ใหญ่ค่ะ บัวเลยจะเอาไปจัดใส่จาน”
“วันนี้หนูทำขนมบัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อนไว้ให้พี่เขาแล้วนี่”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ พี่ใหญ่อาจจะเบื่อขนมไทยแล้วก็ได้” บัวบูชาตอบด้วยรอยยิ้มบาง
คำตอบของบัวบูชาทำให้สองผู้อาวุโสสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชรหรี่ตามองหญิงสาวพร้อมกัน
“แต่พ่อไม่เบื่อนะ พ่ออยากทาน เดี๋ยวให้แววยกมาให้พ่อกับแม่ด้วยนะลูก” ท่านเจ้าสัวบอกกับว่าที่ลูกสะใภ้
“ขอของพี่ด้วยนะครับ” สองเสียงดังประสานกันที่หน้าห้องรับรอง
“ได้ค่ะพี่รอง พี่กลาง จะให้บัวจัดไปให้ตรงไหนดีคะ”
“ข้างสระน้ำครับ พี่ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวลงมา” คุณรองตอบ ก่อนที่บัวบูชาจะเดินเลี่ยงไปเตรียมของว่างในห้องครัว
หลังจากจัดเตรียมของว่างทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว บัวบูชาจึงเดินกลับไปข้างสระว่ายน้ำอีกครั้งพร้อมกับแววและวัน เมื่อเดินมาถึงบริเวณข้างสระก็พบว่านีน่านั่งอยู่ข้างเตียงที่คุณใหญ่นอนอยู่ คุณรอง คุณกลาง คุณเล็กนั่งบนเก้าอี้สนามที่อยู่ข้างเตียงคุณใหญ่ โดยมีวิกกี้นั่งเกาะแขนคุณรองเอาไว้แน่น
แววยกจานใส่ขนมเค้กที่นีน่าซื้อมาไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงคุณใหญ่ พร้อมกับนำน้ำเปล่าไปวางไว้สำหรับหญิงสาวทั้งสอง ส่วนวันยกขนมบัวลอยเผือกไปวางบนโต๊ะสามถ้วยสำหรับคุณรอง คุณกลาง และคุณเล็ก
“น่าทานมากๆ เลยครับน้องบัว” คุณหมอกลางกล่าวพลางหยิบช้อนมาตักบัวลอยเผือกกิน บัวบูชายิ้มรับน้อยๆ
“บัวลอยเผือกทานคู่กับน้ำใบเตยนะคะพี่กลาง บัวต้มไม่หวานมากเกินไป”
“แล้วของพี่ล่ะคะน้องบัว” คนบนเตียงที่นอนชะเง้อคอมองน้องๆ ตักขนมหวานกินกันอย่างเอร็ดอร่อยเอ่ยถาม เพราะมองหาถ้วยของตนเองไม่เจอ
“บัวเห็นว่าแขกของพี่ใหญ่ซื้อขนมมาฝากแล้ว เลยไม่ได้ตักมาให้ค่ะ”
“ใหญ่กินเค้กนี่ดีกว่า เดี๋ยวนีน่าป้อน แต่น่าจะมีชาร้อนสักแก้วนะ เข้ากันดีทีเดียว เธอช่วยไปชงชาให้ฉันทีสิ” นีน่าพูดกับคุณใหญ่แล้วหันไปสั่งบัวบูชา
“ใบบัวมานั่งตรงนี้” กฤตนัยเรียกพลางขยับที่ให้หญิงสาวมานั่งบนเตียง เพราะตั้งแต่เดินกลับมาจากห้องครัวเธอก็ไปยืนอยู่ข้างโต๊ะที่สามเสือนั่งอยู่ โดยไม่สนใจมองเขาเลยแม้แต่น้อย
“แววไปตักขนมที่คุณใบบัวทำมาให้ฉันด้วย แล้วก็ขอน้ำใบเตยสองแก้ว เร็วๆ ด้วยล่ะ ฉันหิวแล้ว” คุณใหญ่หันไปสั่งการกับแววขณะที่บัวบูชาเดินทอดน่องไปนั่งลงบนเตียงอย่างช้าๆ
“ใหญ่ขา จะไปกินขนมแบบนั้นทำไมกัน มีแต่กะทิ อ้วนแย่” นีน่าทำเสียงขัดใจ
“คุณรองก็เหมือนกัน วิกกี้อุตส่าห์ซื้อขนมเค้กมาฝาก แต่กลับมานั่งกินขนมอะไรแบบนี้ อี๋ เช้ยเชย” วิกกี้เอ่ยกับคุณรองด้วยเรื่องเดียวกัน
“ขนมเค้กผมกินจนเบื่อแล้ว และผมก็ไม่เห็นว่าขนมไทยจะเชยตรงไหน” คุณรองตอบวิกกี้ทั้งที่มือยังจับช้อนคนบัวลอยเผือกในชาม โดยไม่ยอมเงยหน้ามองคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย
“น้องบัวใจร้ายจริงๆ เลย ไม่ยอมตักขนมของพี่มา ดูสิ พี่ต้องมานอนท้องร้องทนดูสามแสบกินอวดอยู่แบบนี้” กฤตนัยดึงมือบัวบูชามากุมไว้แนบอกด้วยความเคยชิน
“หิวก็กินขนมเค้กสิคะใหญ่ นีน่าป้อนนะคะ”
“ไม่ละนีน่า ผมไม่ชอบกินเค้ก ผมจะรอกินขนมที่ใบบัวทำ” คนเจ็บพูดพลางยกมือบางที่กอบกุมอยู่ขึ้นมาแล้วประทับจุมพิตผะแผ่ว
การกระทำของกฤตนัยส่งผลให้สองผู้มาเยือนเหลือบตามองกัน เพราะแต่ไหนแต่ไรสี่หนุ่มบ้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องถือเนื้อถือตัวเป็นที่สุด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงคนไหนเข้าหาได้ง่ายๆ แม้กระทั่งพวกเธอเองที่รู้จักกันมามากกว่าสิบปีก็ยังไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้มากกว่าฐานะเพื่อน ซึ่งฐานะนี้เป็นฐานะที่พวกเธอไม่ต้องการ แต่ที่ยังเพียรอุตส่าห์เฝ้าสานสัมพันธ์อยู่ด้วยเพราะหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะเปิดใจยอมรับพวกเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และด้วยที่ผ่านมาสี่หนุ่มไม่เคยควงใครออกสื่อในฐานะคนสนิท พวกเธอจึงแอบคิดไปเองลึกๆ ว่า ชายหนุ่มให้ความสนิทสนมกับเธอมากที่สุด แต่สิ่งที่กฤตนัยแสดงออกในตอนนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างกายเขานั้นสำคัญเพียงใด
“ใจคอใหญ่จะไม่แนะนำสาวน้อยคนนี้ให้พวกเรารู้จักเลยหรือคะ” นีน่าฝืนยิ้มหวาน
“ใบบัว คนรักของผมครับ” กฤตนัยแนะนำเสียงเรียบพร้อมกับเอื้อมมือลูบแก้มนวลของหญิงคนรักอย่างแผ่วเบา “ป้อนขนมพี่หน่อยนะคะ พี่หิวจะแย่แล้ว” คนป่วยส่งเสียงออดอ้อน
บัวบูชาอมยิ้มน้อยๆ พร้อมขยับปรับท่าให้คนขี้อ้อนก่อนจะป้อนขนมอย่างเช่นทุกครั้ง
“ตายจริง นีน่าก็เผลอเรียกใช้งานเป็นแม่บ้านเลย ใหญ่ก็ไม่ยอมแนะนำแต่แรก อย่าถือสาพี่นีน่าเลยนะคะคุณน้อง” นีน่าพูดเสียงจิก ตีสีหน้าสำนึกผิด แต่ปรายหางตาไปมองบัวบูชาอย่างเสียไม่ได้
“ใช่ค่ะ พี่วิกกี้ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ แยกไม่ออกจริงๆ แต่อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ จะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของที่นี่ต้องหัดแต่งตัวให้มีคลาสกว่านี้หน่อย ไม่ใช่หยิบจับอะไรได้ก็ใส่ๆ รวมกัน แบบนี้มันดูกลมกลืนกับพวกคนงานในบ้านไปหน่อยน่ะจ้ะ” วิกกี้เบะปาก ก่อนจะหันไปมองบัวบูชาตั้งแต่หัวจดเท้า พูดจบสองสาวก็ยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะออกมาคล้ายเห็นเป็นเรื่องตลก
“งั้นสินค้าของห้างผมก็คงเป็นสินค้าไม่มีคลาสสินะครับ เพราะชุดที่น้องบัวใส่มาจากห้างผมทั้งหมด แถมยังเป็นคอลเล็กชันใหม่ของแบรนด์ดังด้วย”
คุณรองวางช้อนขนมลงก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาวที่เกาะแขนข้างซ้ายของเขาเอาไว้เป็นปลิง แล้วจึงหันไปพิจารณาการแต่งตัวของว่าที่พี่สะใภ้
“แล้วที่สำคัญที่สุด ชุดนี้คุณแม่ก็เป็นคนเลือกให้เองกับมือ อืม หรือว่าช่วงนี้คุณแม่ไม่ค่อยได้ตามแฟชั่น”
“เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก ค้นหาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ “วิกกี้อาจจะตาเบลอไปหน่อย ช่วงนี้งานเยอะค่ะ เลยรวนๆ ไปบ้าง ใช่ไหมนีน่า” วิกกี้พยายามหาข้อแก้ตัว
“ใช่จ้ะ คุณรองก็คิดมากไปได้” นีน่าหน้าชาเพราะเรื่องที่วิกกี้เผลอไปวิจารณ์
“น้องใบบัวอย่าเข้าใจพี่สองคนผิดนะคะ พี่ วิกกี้ แล้วก็สี่หนุ่มบ้านนี้เราสนิทสนมกันมานาน เจอกันทีไรก็หาเรื่องหยอกเย้ากันเสมอ โดยเฉพาะพี่กับใหญ่เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ออกงานด้วยกันบ่อย จนใครๆ แอบเชียร์ให้เราคบกันจริงๆ ใช่ไหมคะใหญ่ คิดถึงตอนนักข่าวรุมสัมภาษณ์เราสองคนเรื่องนี้ก็อดขำไม่ได้นะคะ” นีน่าแสยะยิ้ม ก่อนที่จะหันไปขอแนวร่วมสำหรับเรื่องที่ตนเล่า
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือนีน่า ผมไม่ยักจะจำได้” กฤตนัยกลืนบัวลอยเผือกลงท้อง ก่อนจะหันไปย้อนถามตามตรง
“เอ่อ” สาวมั่นอย่างนีน่าสูญเสียความมั่นใจไปกะทันหัน หน้าชาวาบเพราะคำพูดตัดเยื่อใยนั้น
“ตายจริง นีน่าเพิ่งนึกได้ว่านัดคุณพ่อไว้ เรากลับกันดีกว่าวิกกี้” เห็นท่าไม่ค่อยดี นีน่าจึงชวนวิกกี้ถอยทัพ
“งั้นวิกกี้กลับก่อนนะคะคุณรอง” วิกกี้ส่งเสียงออดอ้อน นัยน์ตาพราวระยับ
“เชิญ คงไม่ออกไปส่งนะ ผมกินขนมอยู่ แววส่งแขกด้วย” คุณรองดับฝันหญิงสาวอีกนางอย่างเลือดเย็น
วิกกี้และนีน่ากำมือแน่น แต่ก็ยังคงรักษาอาการไว้อย่างดี ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้ทุกคน แล้วจึงเดินตามหลังแววออกไปอย่างเงียบๆ
“วาจาท่านพี่ช่างคมคายยิ่งนัก ข้าน้อยนับถือๆ” คุณเล็กเอ่ยกับพี่ชายคนรองเสียงระรื่น
สี่เสือมองหน้ากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ทิ้งพี่ไว้กับคนอื่น แล้วยังปล่อยให้พี่ทนหิวมองสามแสบกินขนมอวดอีก” กฤตนัยเชิดใบหน้าหล่อขึ้น มองตำหนิหญิงคนรักที่กำลังตั้งอกตั้งใจป้อนขนมเขาอยู่
“บัวคิดว่าพี่ใหญ่จะชอบเสียอีกที่มีสาวๆ สวยๆ มาหา” บัวบูชาย่นจมูกใส่คนเสน่ห์แรง
ป๊อก! กฤตนัยยื่นมือไปดีดหน้าผากมนของเธอหนึ่งที
“โอ๊ย ช้ำหมดแล้วค่ะ” หญิงสาวลูบหน้าผากป้อยๆ
“ไม่ช้ำหรอกค่ะ ตีเบาๆ เอง เพราะถ้าหากเกิดช้ำขึ้นมาจริงๆ คนที่จะขาดใจตายก็คือพี่นี่แหละ”
“บัวลอยเผือกจืดไปสนิท เพราะต้องหลีกทางให้ความหวานของพี่ใหญ่ เฮ้อ” คุณหมอกลางถอนหายใจ
คุณรองและคุณเล็กเบะปาก กลอกตามองไปยังเตียงนอนสนามที่พี่ชายนอนอยู่ ส่วนคนเจ็บนั้นยังคงอมยิ้มหน้าระรื่น หาได้สะทกสะท้านใดๆ ไม่
ความคิดเห็น |
---|