10

10

10

 

รถหรูจำนวนสิบสองคันเรียงขบวนเป็นแนวยาวเคลื่อนเข้าไปยังอาณาเขตของคฤหาสน์สไตล์โบราณที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวขนาดหกไร่ ดวงตาสวยเป็นประกายยามมองผ่านกระจกรถเพื่อชมทิวทัศน์รอบข้าง ยิ่งรถขับเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นความเก่าแก่และโอ่อ่า ริศาคิดว่าที่นี่ไม่ต่างจากพระราชวังเลยสักนิด พื้นที่กว้างขวางกว่าคฤหาสน์ของจิรฉัตรเท่าตัว เพียงแต่ไม่ทันสมัยเท่า

รถยนต์แล่นไปตามทาง จนกระทั่งในที่สุดก็มาจอดตรงวงเวียนรูปปั้นม้าสีดำตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าคฤหาสน์ ริศาเปิดประตูก้าวลงมายืนข้างรถแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะพอมาอยู่เบื้องหน้าในระยะใกล้ๆ แล้ว คฤหาสน์หลังนี้มันใหญ่จริงๆ แต่ในความใหญ่โตนี้ก็ให้ความรู้สึกของความอ้างว้างและโดดเดี่ยวแฝงอยู่ด้วย

“ถ้าอยู่คนเดียวคงเหงาแย่”

เธอพึมพำมองตัวคฤหาสน์โบราณที่ทำด้วยหิน ตัวคฤหาสน์และหลังคา รวมไปถึงปล่องไฟเป็นสีเทาหม่น ด้านข้างของคฤหาสน์เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างและมีคอกม้าตั้งอยู่ไกลๆ

หญิงสาวไม่อยากจะคิดเลยว่าครอบครัวของจิรฉัตรจะร่ำรวยมหาศาลขนาดไหน เพราะดูจากบ้านของพ่อเขาแล้วคงจะหลายพันล้านบาทเลยทีเดียว

“ยืนทำอะไรอยู่ เข้าไปสิ”

“อ๋อ ค่ะ”

ริศาทำหน้าเหลอหลา เพราะมัวแต่ชื่นชมความโอ่อ่าของคฤหาสน์เลยไม่ได้ยินว่าท่านเรืองศักดิ์เรียกเธอหลายรอบแล้ว ส่วนจิรฉัตรนั้นอดขำกับท่าทางของเธอไม่ได้ ก่อนจะเดินนำหน้าไป

ท่านเรืองศักดิ์พาเดินไปยังห้องรับประทานข้าวที่ตอนนี้มีแม่บ้านสองสามคนช่วยกันตั้งโต๊ะอาหารเรียบร้อย พวกเธอชำเลืองมองแขกผู้มาใหม่แล้วยกมือไหว้ทักทาย ก่อนเดินหายลับไป ริศามองดูเมนูอาหารราคาแพงแล้วขมวดคิ้วทำหน้าเครียด

ให้ตายสิ กินไม่เป็นสักอย่าง!

ทั้งปักเป้าทะเล ไข่ปลาคาเวียร์ กุ้งล็อบสเตอร์ เบอร์เกอร์เนื้อวัวชิ้นใหญ่ราดด้วยซอสกุ้ง เสิร์ฟพร้อมด้วยไวน์ออสเตรเลีย ทั้งหมดนี้รสชาติเป็นอย่างไรบอกได้เลยว่าเธอไม่ทราบ ไม่รู้จัก และไม่เคยมีเงินมากพอที่จะซื้อมาลองชิม

ทั้งสามคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร โดยมีท่านเรืองศักดิ์นั่งตรงหัวโต๊ะ ถัดมาคือจิรฉัตรซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามภรรยา ริศาอยากจะถามว่าท่านหญิงของคฤหาสน์อยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่กล้าอ้าปากเปล่งเสียง ได้แต่นั่งก้มหน้ามองจานเปล่าของตัวเองด้วยความเกรงใจ จะตักอะไรเข้าปากสักคำยังไม่กล้า แม้ว่ากระเพาะน้อยๆ จะเริ่มประท้วงก็ตาม

จิรฉัตรแอบมองเธออยู่และพอจะรู้ว่าหญิงสาวน่าจะหิว เพราะไม่ได้รับประทานมื้อเย็นมาจากบ้าน เขาจึงหั่นเบอร์เกอร์เนื้อวัวแล้วตักใส่จานของเธอให้

ริศาเงยหน้ามองคนตัวโตที่พยักพเยิดให้เธอลองรับประทานดู หญิงสาวหันมองผู้ใหญ่ในบ้านเพื่อสังเกตการณ์ ท่านเรืองศักดิ์เองกำลังมองเธออยู่เช่นกัน

“สั่งมาให้กิน ก็กินๆ เข้าไปสิ”

ท่านว่า หลังจากไม่มีใครเริ่มรับประทานอาหารเป็นคนแรกสักที

“ในจานหล่อนน่ะหลายหมื่นเชียวนะ”

ริศาเบิกตา อ้าปากค้าง ก้มมองเบอร์เกอร์ในจาน ก่อนสบตาจิรฉัตรซึ่งพยักหน้ายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เธอจึงใช้ส้อมจิ้มมันเข้าปากคำโต เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มตุ่ย

เคี้ยวไปมองหน้าผู้ชายอีกสองคนไป

อืม อร่อยดี

แล้วก็ตามด้วยอีกหลายคำ ตักนู่นนี่นั่นเข้าปากอย่างละนิดอย่างละหน่อย จิรฉัตรเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นเท้าคางกลั้นขำ ส่วนมาเฟียรุ่นใหญ่มองตาปริบๆ นึกแปลกใจท่าทางเหมือนเด็กของลูกสะใภ้ที่เคยวางมาดนางพญาอยู่ตลอดเวลา

ยี่สิบนาทีต่อมามื้อค่ำเกือบดึกก็จบลง โดยมีตัวหลักในการย่อยอาหารเป็นริศา เธอเสียดายอาหารราคาแพงที่สองพ่อลูกแทบไม่แตะ เลยจัดการคนเดียวจนอิ่มแปล้ รู้ตัวอีกทีลมก็ตีขึ้นคอจนอาหารเกือบหลุดออกมาทางเดิม

จิรฉัตรขอตัวไปรับสายโทรศัพท์เรื่องงานข้างนอกบ้าน ก่อนไปเขาลังเลนิดหน่อยที่จะต้องทิ้งน้องภรรยาไว้ตามลำพังกับพ่อ ทว่าพอเห็นทั้งสองไม่ทะเลาะกันเลยพอหายห่วงได้บ้าง หากเป็นรสาตัวจริงเขาคงไม่กล้าทิ้งเธอไว้แน่

ริศานั่งรอจิรฉัตรอยู่ที่โซฟาหนังในห้องรับแขก นัยน์ตาคู่สวยมองท่านเรืองศักดิ์ซึ่งกำลังยืนหันหลังให้เธออยู่ ชายชราจ้องมองไปยังรูปติดผนังขนาดใหญ่กรอบไม้แกะสลัก รูปครอบครัวอันประกอบไปด้วยตัวเขา ภรรยา และลูกชายตัวน้อย

“นั่นท่านหญิงใช่ไหมคะ”

มาเฟียอาวุโสหันมองเจ้าของคำถาม ซึ่งบัดนี้ได้ย้ายตัวเองมายืนอยู่ข้างๆ เขา ดวงตาคู่สวยจ้องมองรูปภาพด้วยความอ่อนโยน ท่านเรืองศักดิ์รับรู้ได้ว่าเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่คนเดิมที่เขาเคยรังเกียจอีกต่อไป จึงตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่กระโชก

“ใช่ นั่นคือญาดา ภรรยาของฉันเอง”

ริศาลอบมองชายชรา หลังจากที่เขาหันใบหน้ากลับไปยังรูปดังเดิม แววตาเศร้าโศกที่เต็มไปด้วยความรักความคิดถึงคนที่จากไปของเขา ทำให้เธอน้ำตาคลอและเข้าใจว่าท่านหญิงของคฤหาสน์ได้จากไปไกลแสนไกลแล้ว ทำให้เธอคิดถึงพ่อกับแม่และบ้านที่เชียงใหม่ขึ้นมาบ้าง

“ท่านสวยมากเลยค่ะ แล้วก็ดูใจดีมากด้วย”

หญิงสาวคลี่ยิ้ม แววตาเป็นประกายชื่นชมสาวงามในภาพจากใจจริง

“ใช่ ญาดาสวยและใจดีมาก” ท่านเรืองศักดิ์ยืนยัน แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวตรงๆ “แต่โลกมักเหวี่ยงคนที่ดีมากๆ ออกไปจากชีวิตของเราเสมอ”

ที่เธอคิดว่าบ้านหลังนี้ดูเงียบเหงา คงไม่ได้รู้สึกไปเองสินะ

“ไม่หรอกค่ะ โลกแค่ย้ายพวกเขามาอยู่ในความทรงจำของเราแทน”

ท่านเรืองศักดิ์น้ำตาคลอ ริศาเองก็เช่นกัน

นานแล้วที่ชายชราไม่ได้ฟังประโยคที่เสียดแทงหัวใจลงไปลึกขนาดนี้ หญิงสาวตรงหน้าน้ำตาไหลอาบแก้มแล้ว แต่ยังคงฝืนส่งยิ้มเป็นกำลังใจมาให้อีก เธอช่างดูคล้ายภรรยาผู้เข้มแข็งและอ่อนโยนของเขาเสียจริง

“คุยอะไรกันอยู่ครับ”

จิรฉัตรถาม เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อและผู้มีศักดิ์เป็นภรรยาของเขากำลังยืนมองหน้ากัน มือหนาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง

“ไม่มีอะไรหรอก แกพาแม่หนูนี่ไปพักผ่อนเถอะ”

แม่หนู

จิรฉัตรเลิกคิ้วสงสัย ไหงสรรพนามเรียกริศากับรสาถึงได้ต่างกันขนาดนี้ คนหนึ่งเรียกแม่หนู อีกคนเรียกนังนี่

ดูท่าพ่อของเขาจะโดนความช่างอ้อนช่างประจบของริศาเล่นงานเข้าให้เสียแล้ว

 

จิรฉัตรเดินนำคนตัวเล็กไปยังห้องที่เขาใช้พักเวลามาหาพ่อที่นี่ ซึ่งเป็นห้องของเขามาตั้งแต่ในวัยเด็กก่อนที่จะซื้อคฤหาสน์หลังปัจจุบันที่กรุงเทพฯ

“คืนนี้เราต้องนอนห้องเดียวกันนะ จะให้พ่อรู้ไม่ได้ว่าอยู่ที่นู่นเราแยกกันนอน”

ริศาพยักหน้าเข้าใจ หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อรู้ว่าต้องนอนห้องเดียวกันกับจิรฉัตร เหตุการณ์ในห้องนอนเมื่อหลายวันก่อนวนเวียนเข้ามาในหัวอีกครั้ง เธอพยายามเก็บอาการเขินไว้ให้มากที่สุด

“ฉันนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ” เธอชี้ไปที่โซฟามุมห้อง

“ไม่ต้อง” จิรฉัตรปฏิเสธ แล้วหันมาสบตาเธอ “นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหละ จะกลัวอะไรอีกสัญญาก็ยกเลิกไปแล้ว”

ชายหนุ่มทำเนียน หลอกให้เธอตายใจว่าเขายังไม่ระแคะระคายว่าเธอคือรสาตัวปลอม เขาจะเล่นละครไปเรื่อยๆ จนกว่าวันที่เปิดเผยความจริงจะมาถึง

ริศากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าสัญญาที่เขาว่าหมายถึงคือการแตะเนื้อต้องตัวรวมไปถึงเรื่องบนเตียงกับรสา เธอได้แต่หวังว่าเขาจะไม่หื่นกระหายใส่คนอย่างเธอในช่วงสามเดือนนี้

สามเดือนสำหรับแผนยกเลิกการหย่า...

ทั้งสองคนผลัดกันใช้ห้องน้ำในการทำภารกิจส่วนตัว หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดนอน จิรฉัตรให้ริศายืมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขา เพราะเธอไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆ ยามมองร่างบางในชุดของเขาเอง ขนาดภรรยาตัวจริงของเขายังไม่เคยสวมมันเลยสักครั้ง

ริศาลำบากเล็กน้อยกับกางเกงผ้ายืดตัวใหญ่ของจิรฉัตร นอกจากจะหลวมมากแล้วยังยาวมากจนเธอเดินไม่ถนัด ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรกับพวกฮิปฮอปสมัยก่อนเลยแม้แต่น้อย ครั้นเห็นเจ้าของชุดนั่งมองอยู่บนเตียงก็ต้องขมวดคิ้วสงสัย

“มันตลกมากไหมคะ”

จิรฉัตรส่ายหัว

“จะนอนอยู่แล้วยังจะห่วงสวยอีกเหรอ”

“เปล่านะคะ ฉันแค่คิดว่ามันเทอะทะเกินไป”

ชายหนุ่มเห็นด้วย แต่ไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายไม่มั่นใจในตัวเองออกไป เขาเลื่อนตัวลงนอนตะแคง ห่มผ้า แล้วดับโคมไฟฝั่งตัวเองลง

“นอนเถอะ พรุ่งนี้จะพาไปไหว้แม่”

ริศาสงสัยหนักกว่าเดิม

หมายถึงไปไหว้กระดูกของท่านหญิงหรือเปล่านะ

 

เช้าตรู่วันถัดมา ริศาสวมชุดเดรสสีดำสุภาพตัวเดียวกับเมื่อวานซึ่งแม่บ้านนำมาให้หลังจากซักรีดเรียบร้อยแล้ว จิรฉัตรและท่านเรืองศักดิ์พาเธอไปที่ทุ่งกว้างห่างจากตัวคฤหาสน์ไม่มากนัก แผ่นศิลาสลักชื่อ ‘ญาดา จินดามหาศักดิ์’ ตั้งไว้ตรงหลุมดินนูนขึ้นจากพื้นบริเวณอื่นเล็กน้อย ประดับด้วยดอกไม้สีน้ำเงินเข้มเต็มไปหมด

“กระดูกของแม่ส่วนหนึ่งฝังอยู่ที่นี่”

จิรฉัตรพูด ดวงตาคมล้ำลึกจ้องมองตัวอักษรนิ่ง ทางด้านท่านเรืองศักดิ์นั้นย่อตัวลงลูบหลุมดินอย่างไม่นึกรังเกียจว่าจะสกปรก ภาพความอบอุ่นของครอบครัวมาเฟียทำให้เธอมองพวกเขาในแง่ดีมากขึ้น ลบภาพมาเฟียขาโหดสั่งฆ่าคนไปได้เสียสนิทใจ

มือบางยกขึ้นไหว้สวัสดีท่านหญิงผู้หลับลึกมาเป็นเวลานาน ในใจนึกขอโทษที่มาหลอกลวงลูกชายของท่าน และขอโทษอีกครั้งที่เธอรู้สึกดีๆ กับชายหนุ่มมากกว่าฐานะพี่เขย

ลมเย็นๆ พัดมารอบทิศสัมผัสใบหน้านวลคล้ายรับฟังความในใจของหญิงสาว เธอมองดอกไม้สีสวยที่เคลื่อนที่ไปมาตามแรงลม

“แม่ชอบดอกไม้ชนิดนี้มาก บอกว่ามันสวยดี”

จิรฉัตรพูด เหม่อมองผู้เป็นพ่อซึ่งเดินห่างออกไปสูบซิการ์และหวนรำลึกถึงความทรงจำครั้งวันวาน ท่านมักจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมหญิงผู้เป็นที่รัก

“ดอกไฮเดรนเยีย เบล่าค่ะ” ริศาพูดไปยิ้มไป

“รู้จักด้วยเหรอ”

“ค่ะ ที่ร้านของฉันก็มีขายนะคะ เป็นสายพันธุ์ฝรั่งเศส สีของมันสวยมากจริงๆ”

“ร้านของคุณ”

ริศาได้สติก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก อ้ำๆ อึ้งๆ อยากจะเขกหัวตัวเองซะเหลือเกิน ดันเผลอลืมตัวแสดงความชอบดอกไม้ออกนอกหน้าเสียได้

ช่วยไม่ได้ ก็คนมันเป็นแม่ค้าร้านดอกไม้นี่!

“คือ...เอ่อ” หญิงสาวกลอกตานึกคำพูด “ฉันหมายถึงร้านของน้องสาวฉันน่ะค่ะ เธอมีดอกไฮเดรนเยียที่ร้านค่ะ”

จิรฉัตรหรี่ตามองจับผิด รู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มเข้าแผนเมื่อเธอยอมเฉลยออกมาเองว่ามีน้องสาว ซึ่งคงหมายถึงตัวเธอเองนั่นแหละ ดูก็รู้ว่าชอบดอกไม้มากขนาดไหน ตาถึงได้เป็นประกายขนาดนั้นเวลาที่จ้องมอง

“ไปทานมื้อเช้ากันเถอะเด็กๆ”

ท่านเรืองศักดิ์เดินกลับมาหลังจากสูบซิการ์เสร็จ เดินคั่นกลางระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้ ระหว่างเดินกลับคฤหาสน์ก็ชวนพูดคุยกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ริศารู้สึกเหมือนตัวเองได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้จริงๆ เธอมีความสุขมาก แต่ก็เจ็บปวดด้วยเช่นกัน

มื้อเช้าของคฤหาสน์ท่านเรืองศักดิ์เต็มไปด้วยอาหารหรูหราเต็มโต๊ะราวกับว่าสมาชิกในบ้านมีเป็นร้อยอย่างไรอย่างนั้น ริศาคีบนู่นตักนี่ให้ชายชราและมาเฟียหนุ่มจนแทบไม่ได้ตักอาหารเข้าปากตัวเอง จังหวะที่เธอเอี้ยวตัวไปรินน้ำชาให้ท่านเรืองศักดิ์แล้วหันกลับมาที่จานของเธอ จิรฉัตรจึงคีบซูชิยื่นมาจ่อตรงปากบางไว้

“อ้าปาก”

ริศายิ้มกว้าง แล้วอ้าปากงับซูชิจากอีกฝ่าย เคี้ยวไปยิ้มไปจนตาหยี

ท่านเรืองศักดิ์แอบเหลือบมองแล้วนึกเอ็นดู ตักข้าวผัดที่เด็กสาวตักให้เข้าปากบ้าง ระหว่างที่ลูกชายสุดที่รักกำลังกระดกน้ำเปล่าในแก้วลงคอ ท่านก็พูดขึ้น

“อีกไม่นานก็จะลงโลงอยู่แล้ว พ่ออยากอุ้มหลานก่อนตายนะเจ้าฉัตร”

พรูด!

จิรฉัตรพ่นน้ำออกมาใส่หน้าหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าสวยเปียกชุ่ม เขารีบลุกขึ้นคว้าทิชชูเอื้อมไปเช็ดหน้าเธอทันที ตาจมูกแดงไปหมดเพราะไอสำลักน้ำอยู่หลายหน

ริศารับทิชชูมาเช็ดเอง เพราะจิรฉัตรเช็ดแรงจนเครื่องสำอางบนหน้าเธอหลุดออกหมด ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม มองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาคาดโทษ

“พูดอะไรเนี่ยพ่อ!”

“พูดเรื่องหลานไง แต่งงานกันมาสองปีกว่าแล้วไม่มีลูกซะที เป็นหมันหรือไง”

ท่านเรืองศักดิ์ว่า พลางใช้ช้อนคนน้ำชาในแก้วให้เข้ากับน้ำแข็งที่เริ่มละลาย

ริศาหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ก้มหน้าก้มตากินเมล็ดทานตะวันในจานเงียบๆ

“ยังไม่พร้อม”

จิรฉัตรเอ่ยเสียงเรียบ หยิบทิชชูเช็ดปาก จะให้มีลูกตอนนี้ได้ยังไงในเมื่อผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่ภรรยาเขา

“ไม่พร้อมอะไรกัน เงินก็มีตั้งเยอะแยะกะอีแค่เด็กคนเดียวเลี้ยงไม่ได้หรือไง” ชายชราบ่นลูกชาย ก่อนหันมาถามความเห็นลูกสะใภ้แทน “อ้วนขึ้นมานิดหน่อยเก้าเดือนไหวไหมรสา”

ริศาสำลักเมล็ดทานตะวันบ้าง โชคดีที่ยกมือขึ้นมาปิดปากทัน ไม่อย่างนั้นคงกระเด็นไปใส่หน้าจิรฉัตรแน่นอน

แต่เอ๊ะ ก็น่าเอาคืนเมื่อกี้อยู่นะ...

“ก็...ตามที่คุณฉัตรบอกนั่นแหละค่ะคุณพ่อ” ริศายิ้มแห้ง

“อะไรกัน พวกแกมันไม่ได้เรื่องจริงๆ”

ท่านเรืองศักดิ์บ่นอุบ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอาหารไป ท่าทางเหมือนเด็กถูกขัดใจ จิรฉัตรมองตามหลังพ่อแล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนลอบมองหญิงสาวซึ่งยังคงหน้าแดงไม่หาย

เขาอยากให้ลางสังหรณ์ของตัวเองเป็นแค่ความผิดพลาดจริงๆ

ทางด้านท่านเรืองศักดิ์ได้กำชับแม่บ้านอาวุโสให้ไปจัดเตรียมซื้อยาชนิดหนึ่งมาให้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผู้มีอิทธิพล

พระเจ้าจะต้องเสกหลานมาให้เขาในคืนนี้แน่!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น