4

ตอนที่ 4


บทที่ 4

                ‘ทำไมโรงเรียนเราต้องเรียนวิชาเกษตรด้วยนะ’

                เด็กสาววัยสิบสามบ่นเป็นหมีกินผึ้งในคาบเรียนสุดท้ายของวัน มือก็ยังขุดแปลงผักอยู่ยิกๆ ทั้งที่ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าโรงเรียนที่เธอเพิ่งเรียนต่อมัธยมก็ไม่ได้มีที่ดินมากมายจนต้องให้นักเรียนมาปลุกผักข้างสวนย่อม แต่ก็ยังจะดันทุรังสอนวิชาเกษตรในแบบหนึ่งห้องหนึ่งแปลง เด็กสามสิบคนรุมแปลงผักแปลงเดียว

                ‘ขี้บ่นน่าเวียงดาว ปลูกๆ ไปเถอะ ถือเสียว่าเราจะได้ปลูกผักเป็น’ เพื่อนใหม่ชื่อไข่มุกที่ช่วยกันขุดแปลงผักบอกปลงๆ ‘แล้วเราก็ได้ยินรุ่นพี่บอกว่าวิชานี้ ถ้าผักสวยก็เกรดดีนะ เอาไว้ดึงเกรดตัวอื่นด้วยไง’

                ‘แต่เราสาบานเลยว่าโตไปจะไม่ทำเกษตรเด็ดขาด’

                ‘ทำไมล่ะ’

                ‘เรากลัวขุดแปลงไปแล้วเจอกิ้งกือน่ะสิ เจอกันเมื่อไหร่เราคงตายแน่ๆ’

                เวียงดาวบ่นหน้ามุ่ยเพราะตัวเองมีความทรงจำไม่ดีกับกิ้งกือเลย เรียกว่ากลัวจนขี้ขึ้นสมองเลยก็ได้ แต่เธอคงไม่รู้ว่าที่หลุดไปปากกับเพื่อนไปมันลอยไปเข้าหูใคร

                กว่าจะขุดแปลงผักเสร็จก็ใช้เป็นเวลาเป็นชั่วโมง เหงื่อไหลไคล้ย้อย ไหลมาปนกับกลิ่นเสื้อนักเรียนตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาสวมเป็นเด็กมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง ทำให้เด็กสาวย่นจมูกกับกลิ่นของตัวเอง คิดว่าหาที่ร่มๆ นั่งพักให้ลมโกรกหน่อยคงดีกว่า เพราะขืนขึ้นรถเมล์กลับบ้านด้วยกลิ่นนี้คงเกรงใจชาวบ้านแย่

                ‘เวียงดาว’

จู่ๆ เพื่อนร่วมชั้นก็เข้ามาเรียก เป็นเด็กผู้ชายหน้าตี๋ตัวอ้วนกลมที่เรียนชั้นเดียวกัน แต่เธอจำชื่อไม่ได้ เพราะเพิ่งเปิดเทอมมาเพียงสองวัน ยังรู้จักเพื่อนๆ ในชั้นไม่ครบทุกคนเลย

‘ว่าไง’ เธอทักอย่างสนิทสนมเอาไว้ก่อนเพราะอย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน ‘มีอะไรเหรอ’

‘เราเห็นเธอเหนื่อยน่ะ ก็เลยเอาของมาให้’

‘อะไร’

นายตี๋ไม่ตอบแต่ยื่นมือเหมือนจะส่งของมาให้เธอ… เป็นสิ่งทำให้เวียงดาวแทบหยุดหายใจ หัวใจล่นลงไปที่ตาตุ่ม น้ำตาเล็ดแต่เลือดในตัวเหมือนถูกแช่แข็ง เพราะสิ่งที่เธอกลัวที่สุดถูกโยนเข้าใส่

‘กรี๊ด!!!’

เวียงดาวกรี๊ดร้องสุดเสียงจนน้ำตาไหล ดิ้นลนลานให้พ้นเจ้ากิ้งกือตัวอ้วนสีแดงก่ำที่ขดตัวเป็นวง ร้องจนเสียสติ แต่นายตี๋ยังแกแล้งกันไม่หยุด แถมพรรคพวกที่ซ้อนอยู่ก็โผล่ขั้นมาที่ซ่อน โยนกิ้งกือใส่เธออีกตั้งหลายตัว… เธออยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว!

เด็กสาววิ่งอย่างไม่มีสติ ไม่รู้ทิศทาง รู้แต่ว่าเด็กผู้ชายพวกนั้นเก็บกิ้งกือขึ้นมาโยนใส่เธออยู่ไม่ขาดสาย ยิ่งวิ่งหนีก็ยิ่งวิ่งไล่ เหมือนเธอยิ่งร้อง ไอ้พวกบ้านี่ยิ่งได้ใจ แต่เพระกลัวจนสั่นไปหมด เวียงดาวไม่เหลือสติจะคิดหาทางต่อสู้หรือรับมือ ทำได้เพียงวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด ก่อนที่กิ้งกือจากมือคนพวกนั่นทำให้เธอช็อกตาย

‘หยุดนะ! ทำอะไรกัน’

                สวรรค์มาโปรด… เวียงดาวยังไม่รู้หรอกว่าใครมาช่วยเธอ รู้แต่เป็นนักเรียนชายร่างสูงใหญ่ เธอสูงเพียงกลางหลังของเขาเท่านั้น คงเป็นรุ่นพี่ แต่เด็กสาวก็รู้การอยู่หลังผู้ชายคนนี้แล้วปลอดภัย เธอก็ไม่คิดจะก้าวขาหนีไปไหน ปล่อยให้คนที่เข้ามาช่วยกันตัวเธอไว้จากพวกใจร้ายนั้น

                ‘เอากิ้งกือมาโยนใส่เพื่อนแบบนี้ได้ยังไง’ คนที่มาช่วยเธอถามเสียงดังระหว่างที่เธอแอบโผล่หน้าจากด้านหลังออกมาดู ‘ก็เห็นอยู่น้องเขากลัว สนุกกันนักหรือไง’

                ‘โธ่พี่ หยอกเล่นเฉยๆ เอง’

                ‘ถ้ามีใครเอาหมาบ้าวิ่งไล่กัดน้อง น้องจะสนุกด้วยไหม’ รุ่นพี่ถามเสียงเย็นจนพวกที่แกล้งเธอหน้าเสียไปตามๆ กัน ‘แล้วเป็นผู้ชายภาษาอะไร รังแกผู้หญิงได้’

                ‘ก็…’

                ‘ถ้าหาคำแก้ตัวไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาพูด’ รุ่นพี่สั่งอย่างเฉียบขาดราวกับตัดสินความผิดของพวกนั้นไปแล้ว ‘ไปให้พ้นเลยไป แล้วอย่าให้พี่เห็นว่าแกล้งใครอีกนะ ไม่อย่างนั้นจะจับส่งเข้าห้องปกครอง’

                ขู่ไปเท่านั้นเด็กนักเรียนชั้นม. หนึ่ง ก็เผ่นเหน็บไม่เห็นฝุ่น จนบางทีเวียงดาวก็อยากรู้ว่าคนที่ช่วยเธอนี่หน้าเหี้ยมแค่ไหน ดุเป็นท่านเปาเลยหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นเพราะเธอเอาหลบภัยอยู่ข้างหลังเขา

                ‘ตัวเล็ก เป็นยังไงบ้าง’

                น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปตอนคุยกับเธอ ฟังละมุนละไมจนเวียงดาวอุ่นไปทั้งหัวใจ และรุ่นพี่หันมาแล้ว

เพียงวินาทีเดียวที่เห็นหน้า รอยยิ้มอบอุ่นเอื้ออาทรนั้นทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองอีกแล้ว ทุกอย่างรอบตัวคล้ายว่าหยุดเคลื่อนไหวเพียงสบตากัน มีเพียงเสียงหัวใจของเธอเท่านั้นที่ดังระรัว

                นัยน์ตาสีดำสนิทคมราวดวงตาเหยี่ยวนั้นสะกดเธอให้ตกลงในห้วงภวังค์ เวียงดาวถอนสายตาจากเขาไม่ได้เลย ยังมองใบหน้าคมคายปนดุดันของชายหนุ่ม กรามสันดูแข็งแรงเสริมให้ใบหน้ารูปไข่ดูคมสัน คิ้วตรงหนาเข้มดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันนั้นทำให้เขาดูเคร่งขรึม หากไม่ได้มาช่วยเธอไว้ เวียงดาวคงนึกกลัวผู้ชายผิวเหลือคนนี้เพียงแต่เห็นหน้ากัน

ทว่าเมื่อได้สบตา เธอกลับพบว่าในความเคร่งขรึมนั้นแฝงไว้ด้วยหัวใจอ่อนโยนและเอื้ออาทร แววตาของเขาติดตรึงใจ เรื่องที่เขาช่วยเธอไว้ประทับใจไม่รู้หาย ในความรู้สึกของเวียงดาว ชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กลายเป็นเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวและเอาทุกความรู้สึกดีๆ ของเธอไป

                จะเรียกว่าตกหลุมรักได้ไหม เด็กสาวก็ยังไม่แน่ใจ รู้แค่หัวใจของเธอไม่ได้เต้นด้วยจังหวะเดิมอีกแล้ว

 

                ‘เวียงดาว! ทำอะไรน่ะ’

                เด็กสาวสะดุ้งโยง ชาไปทั้งตัวเพราะถูกจับได้… ทั้งที่อุตส่าห์ดูลาดเลาแล้วแท้ๆ ว่ายามใกล้คาบกิจกรรมอย่างนี้ ทุกคนคงลงไปที่ลานหน้าเสาธงกันหมด ถึงได้ย่องขึ้นในชั้นเรียนของรุ่นพี่ชั้น ม.หก แต่ไข่มุกยังตามมาจนได้

                ‘เอาอะไรเข้าไปใส่ไว้ในโต๊ะ’

คนตามเธอมาถามคิ้วขมวดแล้วเดินอาดๆ เข้ามาดู ก้มมองรวดเร็วจนเวียงดาวก็ตั้งตัวไม่ทัน และได้แต่ยิ้มแหย่เมื่อเห็นเพื่อนดึงเอาช็อกโกแลตออกมาจากใต้โต๊ะของรุ่นพี่

‘เวียงดาว!’ ไข่มุกร้องเสียงหลง ‘เธอเอาช็อกโกแลตมาใส่ไว้ใต้โต๊ะเรียนของรุ่นพี่ม.หกเนี่ยนะ… ทำไปทำไม’

‘ก็…’ คนโดนจับได้พูดไม่ออกแต่เขินจนหน้าแดงไปหมด ‘เราอยากขอบคุณที่พี่เขาช่วยไว้วันนั้นนะ’

‘พี่หน้ายักษ์ที่มาช่วยไล่แก็งกิ้งกือให้เธอน่ะเหรอ’

‘เขาไม่ได้หน้ายักษ์เสียหน่อย’ เวียงดาวเถียงแทนเต็มปาก ‘เวลาพี่เขายิ้ม น่ารักจะตายไป แต่ที่หน้านิ่งๆ ไปหน่อยเพราะไม่ค่อยยิ้มเท่านั้นเอง’

‘หา!’ เพื่อนร้องเสียงแหลมแล้วทำหน้ายุ่ง ‘รู้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าแอบดูพี่เขา’

‘เปล่านะ!’

‘ไม่ได้แอบแล้วรู้ได้ยังไงว่าเขายิ้มน่ารัก แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่หน้ายักษ์นั่งโต๊ะนี้’ ไข่มุกซักฟอกไม่ยอมหยุด ทำหน้าอย่างกับโคนันตอนสืบคดี ‘เวียงดาว! เธอแอบสะกดรอยตามพี่เขาเหรอ’

‘บ้า!’

‘ตายแล้ว… ยายโรคจิต โกหกเสียงสูงเชียวนะ’ เพื่อนยังไล่ต้อนอย่างรู้ทัน ‘อย่าบอกนะว่าเธอชอบพี่หน้ายักษ์’

‘เราเปล่านะ!’

‘อย่ามาโกหกเราซะให้ยากเลยเวียงดาว’ แม่คนรู้ดีต้อนจนเธอจำนนต่อหลักฐาน ‘หน้าเธอแดงหมดแล้ว ตกลงชอบพี่หน้ายักษ์จริงๆ ใช่ไหม’

‘ก็บอกว่าไม่ได้หน้านยักษ์ไงไข่มุก พี่เขาน่ารักจะตาย ใจดีด้วย’

‘ฮั่นแน่! แอบดูเขามานานล่ะสิ ถึงได้รู้มากขนาดนี้… นี่รู้ถึงขั้นว่าพี่เขาอยู่ห้องไหน นั่งตรงไหน เธอนี่มันโรคจิตชัดๆ เลยเวียงดาว’

‘ยายบ้า!’

เวียงดาวค้อนขวักแล้วหน้าบูดใส่เพื่อนเผื่อว่าไข่มุกจะเลิกซักฟอกเธอเสียที แต่ที่เพื่อนว่าก็จริง เพราะเธอแอบตามรุ่นพี่ใจดีคนนี้มาตั้งแต่วันที่เขาช่วยไว้ อยากขอบคุณอีกสักครั้งเพราะวันนั้นไม่ได้พูดกันเสียเท่าไหร่เขาก็เดินจากไปอย่างไม่ทันได้ถามชื่อกัน ให้เธอจำได้แต่ชื่อนักเรียนที่ปักหน้าอกเสื้อ

แต่เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะให้เธอตามหาเขาพบ เป็นนักเรียนชั้นม.หก เรียนดีมากเสียด้วย หนำซ้ำเธอยังแอบเข้าไปจดตารางเรียนของรุ่นพี่ในห้องแนะแนวจนรู้ว่าแต่ละวันเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอจะทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย จึงได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ทว่าเขาหันมาทีไร เป็นได้สติหลุดจนทำอะไรไม่ถูก เขินจนสติเปิดเปิงไปหมดทุกที

‘รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ’ จู่ๆ ไข่มุกก็เปลี่ยนเรื่องหนีทำเอาเธอปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน ‘คาบกิจกรรมวันนี้เราต้องไปจับสายรหัสกันนะ’

‘จริงสิ เกือบลืมไปเลย’

‘แหม… ก็มัวแต่มาส่งช็อกโกแลตบอกรักพี่หน้ายักษ์อยู่นี่’ ไข่มุกยังแซวไม่เลิกจนเธออายไปหมด ‘เอาไว้ค่อยมาจีบเขาต่อแล้วกันนะเวียงดาว รีบลงกันเถอะเดี๋ยวเราจะไปเช็คชื่อไม่ทันนะ’

สรุปว่านี่ไข่มุกมาตามเธอแต่ดันมารู้ความลับเข้าเต็มๆ… เวียงดาวแทบจะตบขมับตัวเอง แล้วยายนี่จะไว้ใจได้ไหม จะเอาเรื่องของเธอไปโพนทะนาให้คนอื่นฟังหรือเปล่า แต่ความกริ่งเกรง เวียงดาวก็หายใจไม่ทั่วท้อง รู้แต่เพียงว่าไข่มุกเลิกล้อเลียนเธอแล้ว บางทีอาจจะเก็บความลับได้ ถ้าให้เป็นเพื่อนสนิทคู่หูกันก็คงจะดี

เวียงดาวโล่งใจมากขึ้นที่ไข่มุกไม่พูดเรื่องที่เธอเอาช็อกโกแลตไปใส่ไว้ใต้โต๊ะรุ่นพี่นั่นอีก รีบจูงมือลงมาเธอลงมาที่ลานหน้าเสาธงเพื่อทำกิจกรรมใหญ่ประจำเทอม

‘น้องๆ มาจับฉลากเลือกพี่รหัสกันนะ’

รุ่นพี่ซึ่งเป็นกรรมการนักเรียนประกาศผ่านโทรโข่ง ให้นักเรียนชั้นม.หนึ่งราวสองร้อยคนมารวมตัวกัน แล้วเข้าแถวตามห้องของตัวเอง ให้พี่ๆ เดินเอากล่องฉลากมาให้จับ… เวียงดาวเปิดฉลากของตัวเองแล้ว ได้ชื่อพี่รหัสที่อยู่ชั้นม.สอง ก็เดินไปหาแถวของพี่ๆ มายืนรอน้องรหัสกันอยู่เพื่อตามหา

‘พี่นิศาใช่ไหมคะ’ เวียงดาวเดินเข้ามาหารุ่นพี่ตามชื่อที่ปักหน้าอกเสื้อนักเรียนแล้วยื่นฉลากให้ ‘หนูจับได้ชื่อพี่’

‘ว้าว! น้องรหัสพี่น่ารักจัง’ พี่นิศาของเธอยิ้มหวานแล้วเข้ามาจูงมือ ‘ชื่ออะไรจ๊ะ’

‘เวียงดาวค่ะ’

‘มาจ้ะเวียงดาว พี่จะพาไปรู้จักสายรหัสของเรา’

พี่นิศาไม่รอให้เธอตอบอะไร แล้วจูงมือให้แยกออกมาทางด้านซ้ายของลานหน้าเสาธง เห็นกลุ่มนักเรียนต่างระดับชั้นรออยู่อีกสี่คน เวียงดาวก็ใจเต้นตึกตัก เพราะเธอกำลังจะได้รู้จักคนใหม่ๆ ให้พวกเขาได้เป็นพี่น้องผ่านสายรหัสนี้

‘อ้าวตัวเล็ก!’

คราวนี้แหละเวียงดาวจะหัวใจวายตายจริงๆ!

เด็กสาวยืนตาเหลือกแล้วเผลอปากก็อ้าหวอ รู้สึกเหมือนอากาศไม่พอหายใจเอาเสียเลย หัวใจมันก็เต้นตักตึกโครมครามไปหมด… เพียงแค่เขามองมา ตั้งใจจ้องหน้าสบตากัน เวียงดาวก็แทบจะลืมหายใจเมื่อเห็นหน้าพี่รหัสจากชั้นม.หก

‘ดีใจจัง ได้มาเป็นพี่น้องกันด้วย’ เขาคงยังไม่รู้ว่าเธอช็อก ‘ชื่ออะไรล่ะเรา’

‘วะ… เวียงดาวค่ะ’

เด็กสาวพยายามตั้งสติให้ดีที่สุดและคุมตัวเองไม่ร้องกรี๊ด ทั้งที่ตอนนี้อยากร้องดังๆ กระโดนโลดเต้นให้เต็มที่ โอกาสใกล้ชิดของเธอกับรุ่นพี่ที่ตัวเองปลื้มปริ่มอยู่มันใกล้แค่เอื้อมเท่านี้เอง

‘พี่ชื่อแทนนะ’

‘ค่ะ’

ในที่สุดก็ได้รู้จักกันแล้ว!

เวียงดาวแทบจะร้องกรี๊ด ไม่รู้ว่าควบคุมตัวเองได้ดีแค่ไหน รู้แต่ว่าตอนนี้มันเขิน อาย บิดม้วนไปทั้งตัว ไม่กล้าสบตา ‘พี่แทน’ ของเธอเสียด้วยซ้ำ แต่หน้าบานแค่ไหนไม่อยากจะพูดเลย

‘ป่ะตัวเล็ก เดี๋ยวเย็นนี้เราไปกินไอศกรีมกัน’

‘คะ?!’

‘ก็เลี้ยงต้อนรับเวียงดาวไง’ พี่นิศาแทรกขึ้นมา ‘ไอศกรีมประเพณีจ้ะ พี่ม.หกจะเลี้ยงรับน้องเข้าสาย ไปกินด้วยกันนะ’

‘จะได้ไปกินไอศกรีมกับพี่แทนด้วยเหรอคะ!’

‘อื้ม’ พี่แทนครางรับคำ ดูจะขำๆ กับความตื่นเต้นของเธอเสียด้วยซ้ำ ‘ไปกันหมดนี่แหละ วันนี้พี่เลี้ยงเอง’

เวียงดาวไม่รู้หรอกว่าใครร้องเย้ขึ้นมาบ้าง รู้แต่วันในหัวเธออื้ออึงไปหมด ได้ยินแต่หัวใจของตัวเองเต้นตึกตักราวเสียงกลองลั่นระรัว นี่เธอกำลังจะไปกินไอศกรีมกับเจ้าชายขี่ม้าขาวของตัวเองเชียวนะ ใครจะไปตั้งตัวถูก เท่าที่ยืนหายใจไหวก็ดีแค่ไหนแล้ว

‘น้องเวียงดาว’

                คนดีใจเพิ่งรู้สึกตัวก็ตอนถูกเรียก ได้สติอีกทีก็เห็นพี่ๆ ในสายรหัสอีกห้าคนเดินไปไปหลายเมตรแล้ว มีแต่เธอนี่แหละที่ยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมเพราะดีใจจนทำอะไรไม่ถูก ขายังแข็งอยู่กับที่ ก้าวไปไหนก็ไม่ได้

                ‘เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ยเรา’ คนที่ทำเธอใจเต้นแรงจนพูดไม่ออกเดินกลับมาดูอาการใกล้ๆ จนเวียงดาวเริ่มสะท้าน ‘ไม่สบายหรือเปล่า’

                ‘ปะ… เปล่าคะ’ เวียงดาวตื่นเต้นจนเสียงสั่นไปหมด ‘ไม่เป็นไร สบายดี’

                ‘ถ้าเป็นอะไรก็บอกพี่ได้นะ’

                ‘ค่ะ’

‘ดีมาก เจ้าตัวเล็ก’

คนตัวโตบอกอย่างใจดีแล้วลูบหัวเธอเบาๆ ยิ่งทำให้เวียงดาวรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกมีแค่เธอกับเขาสองคน หัวใจเคลิ้มไหลไปกับความสุขสม ร่างกายเบาหวิวราวปุยนุ่มเมื่ออยู่ในภวังค์แสนหวานอันชุ่มฉ่ำ มือของพี่แทนที่ลูบผมให้เบาๆ ราวกับว่าเขาสัมผัสเข้ามาถึงหัวใจ

‘เป็นพี่น้องกันแล้ว ต่อไปนี้เวียงดาวก็มีพี่คอยดูแลนะ’

‘ค่ะ พี่แทน’

                เวียงดาวรับคำเบาๆ… แต่เพียงเท่านั้นพี่แทนก็ยิ้มกว้างให้ได้เป็นครั้งแรก เป็นรอยยิ้มที่เหมือนทำให้โลกของเธอสว่างไสว ประทับอยู่ในหัวใจไม่รู้ลืม

               

‘เวียงดาว! รู้หรือยังว่าพี่แทนสอบติดหมอ’

ไข่มุกเป็นม้าเร็ววิ่งมาบอก… หลังจากที่คบหามาจนถึงเทอมสอง เวียงดาวก็รู้ว่าเพื่อนคนนี้คบหาได้ เก็บความลับของเธอได้ และเป็นที่ไว้ใจมาพอที่จะเล่าความรู้สึกที่มีต่อพี่แทนให้ฟัง แต่ถึงไม่เล่าไข่มุกก็คงดูออกอยู่ดี ก็เธอเล่นเอาเวลาว่างที่มียามอยู่โรงเรียนไปซุ่มแอบดูคนๆ เดียวอยู่ทั้งวัน

‘รู้แล้ว เมื่อเช้าได้ยินพี่แทนคุยกับเพื่อนอยู่เลย’

‘นี่เธอแอบเอาช็อกโกแลตไปใส่โต๊ะพี่แทนอีกแล้วเหรอ!’

ไข่มุกร้องตาโตจนเวียงดาวคว้าแขนไว้ก่อนที่จะทำความลับแตกกลางลานม้าหินอ่อนของโรงเรียน

‘แล้วพี่แทนล่ะ รู้หรือยังว่าช็อกโกแลตนั่นเป็นของเธอ’

‘ยังไม่รู้’ เวียงดาวตอบเบาๆ ‘แต่เอาไปวางใหม่ทีไรก็ไม่เห็นของเก่านะ พี่แทนคงเอาไปกินแล้วแหละ’

‘แน่ใจนะว่าไม่ได้เอาทิ้ง’ คำถามเพื่อนทำเอาเธอค้อนควัก ‘นี่เวียงดาว! ถ้าพี่แทนของเธอไม่ได้ตะกละเหมือนยายสโนไวท์กินไม่เลือกจนโดนแอ๊บเปิ้ลพิษนั่นนะ จ้างให้เขาก็ไม่กินหรอก เกิดขึ้นเข้าไปโดนยาเสน่ห์ของเธอเข้าจะทำยังไง’

‘ยายบ้า! เราไม่ได้ใส่ยาเสน่ห์ให้พี่แทนกินนะ’

‘ทั้งที่อยากใส่ใจจะขาดว่าอย่างนั้นเถอะ’

ไข่มุกยังล้อเลียนไม่เลิกจนเธอหน้ายุ่งไปหมด แต่ใจก็อดคิดตามไม่ได้ เพราะตลอดเวลาหลายเดือนที่เธอขยันเอาช็อกโกแลตไปใส่ไว้ใต้โต๊ะเรียนของพี่แทน ก็ไม่รู้ว่าเขากินบ้างไหม หรืออาจจะโยนทิ้งไปอย่างที่เพื่อนว่าก็ได้ คิดอย่างนั้นหัวใจก็ห่อเหี่ยวจนวันนี้ไม่กล้าเอาของไปใส่ไว้เหมือนเดิมเลย

‘เวียงดาว! อย่าทำหน้าจ๋อยอย่างนั้นสิ’ ไข่มุกเรียกเธอเหมือนตั้งใจฉุดกันกลับมาจากความห่อเหี่ยว ‘มาดูของฝากที่เรามาให้เธอดีกว่า’

‘อะไร’

‘เมื่อกี้เราเพิ่งเดินผ่านหน้าห้องแนะแนว’ เพื่อนยิ้มหวานอย่างล่อตาล่อใจ ‘เจอรูปพี่แทนขึ้นบอร์ดคนสอบติดมหาวิทยาลัยก็เลยขโมยมาฝากเธอ’

‘ไข่มุก! นี่มันทำผิดนะ’

‘ถ้าเธอไม่เอา เราเอากลับไปติดไว้ที่เดิมก็ได้นะ’                       

เรื่องอะไรจะไม่เอาล่ะ!

เวียงดาวไม่ปล่อยโอกาสให้เพื่อนได้เอามันกลับไปติดที่เดิมแน่ แล้วรีบคว้าเอารูปถ่ายขนาดสองนิ้วในมือไข่มุกมาอย่างรวดเร็ว ยิ้มหวานให้รูปนักเรียนของพี่แทน คนอะไรก็ไม่รู้ ขนาดผมเกรียนยังหล่อเลย

‘นี่เธอ น้ำลายย้อน’

‘เปล่านะ!’

เวียงดาวร้องเสียงหลงแต่ก็เผลอเช็ดปากเพราะไม่รู้ว่ามองรูปพี่แทนจนน้ำลายย้อนจริงๆ หรือเปล่า แต่ท่าจะโดนอำ เพราะยายไข่มุกหัวเราะร่วนเชียว

‘เป็นเอามากนะเวียงดาว’ ไข่มุกยังไม่หยุดขำ ‘แล้วเมื่อไหร่จะไปบอกรักพี่เขาสักที’

‘บ้า! รักเริกอะไร เรายังเด็กอยู่เลยนะ’

‘อีกไม่กี่วันก็จะอายุสิบสี่แล้วไม่ใช่เหรอ เป็นวัยรุ่นแล้วย่ะ’ คนเป็นวัยรุ่นก่อนเธอย่นหน้าบอกแต่สายตาดูกังวลแทนกัน ‘แต่อีกแค่เดือนเดียวพี่แทนก็จะเรียนจบแล้วนะเวียงดาว เธออาจจะไม่ได้เจอพี่แทนอีกแล้ว จะไม่บอกพี่เขาจริงๆ เหรอ’

‘เรา… ไม่กล้าหรอก’

‘แล้วก็มาเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวเนี่ยนะ

‘ก็เรากลัวโดนพี่แทนปฏิเสธนี่ไข่มุก’ เวียงดาวตอบตามตรงอย่างที่หัวใจกลัว ‘เกิดพี่แทนไม่ชอบเราขึ้นมาแล้วตัดขาดกับเรา เราต้องใจขาดตายแน่ๆ เลย’

‘แต่เราว่าเธอต้องบอกแล้วนะเวียงดาว’ ไข่มุกปลุกใจเธออย่างฮึกเฮิม ‘ให้ใจพี่เขาไปแล้วทั้งที จะรับหรือไม่รับก็ให้มันรู้ไป ดีกว่าปล่อยให้เรื่องนี้คาใจไปจนตายนะ’

‘แล้วจะให้เราเดินไปบอกพี่แทนยังไงล่ะ’

‘วาเลนไทน์นี่ไง’ แม่คนปลุกใจกันวางแผนให้เสียตาวาว ‘เธอเอาช็อกโกแล็ตไปให้พี่แทนเลย’

 

วันวาเลนไทน์… วันที่โรงเรียนคึกครื้นเหลือเกิน แต่สำหรับเวียงดาว หัวใจของเธอมันสั่นไปหมด เพราะยังไม่รู้เลยว่าหากช็อกโกแลตกล่องนี้ส่งออกมามือของเธอไป แล้วพี่แทนจะรับมันไว้หรือไม่

เวียงดาวมองทุกอย่างรอบตัวอย่างตื่นเต้นปนกระวนกระวาย ในขณะเดียวกันก็กล้าๆ กลัวๆ ความรู้สึกของเธอมันตีกันอยู่ในอกจนแทบจะทะลักออกมา และสายตาก็ยังส่องหาคนที่เธออยากเอาช็อกโกแลตไปให้กับมือ อยากรู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร หากรู้ว่าช็อกโกแลตที่อยู่ใต้โต๊ะเป็นของน้องคนเล็กในสายรหัส

แต่เพราะทางโรงเรียนไม่ได้อนุญาตให้จัดกิจกรรมอะไร วันพิเศษของเหล่าวัยรุ่นจึงยังเป็นวันเรียนตามปกติ ซ้ำเธอมีเรียนเต็มตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทำให้ตอนพักเปลี่ยนคาบต้องเทียววิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างห้องเรียนของตัวเองกับห้องเรียนของพี่ม.หก เหนื่อยหอบอยู่หลายรอบ แต่ยังไม่มีโอกาสได้อยู่กับพี่แทนสองคนบ้างเลย

เขาคงยังไม่รู้ว่ามีคนมาแอบดู เพราะพี่แทนยังอยู่กับเพื่อนๆ ร่วมชั้น จะให้เธอเดินถ่อมๆ เอาช็อกโกแลตเขาไปให้ก็อายคนพวกนั้น หรือไว้จะรอให้หลังเลิกเรียนดีหนอ

สุดท้ายเวียงดาวก็ตัดสินใจว่าจะให้หลังเลิกเรียน แต่เจ้าวิชาเกษตรฯ ไม้เบื้อไม้เมานี่ทำให้อารมณ์เสียเพราะไม่รู้พระศุกร์เข้าพระเสาแทรกอะไร วันวาเลนไทน์ถึงเป็นวันที่เธอเป็นเวรรดน้ำผัก อย่างนี้พี่แทนจะเลิกเรียนไปก่อนไหม

‘เวียงดาว! รดน้ำเสร็จหรือยัง พี่แทนออกจากโรงเรียนไปแล้วนะ’

‘ว่าอะไรนะ!’

ไม่ร๊งไม่รดมันแล้ว!... เวียงดาวถึงกับทิ้งบัวรดน้ำเมื่อม้าเร็วมาส่งข่าวร้าย แต่นับว่าโชคยังดีที่ไข่มุกอยู่เวรคนละวันกับเธอจึงฝากให้ไปเฝ้าพี่แทนได้ นี่ถ้าเพื่อนไม่มาบอก วันนี้เธอคงคราดกับเขาแน่

เวียงดาวคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งสุดชีวิตไปที่หน้าประตูโรงเรียน หวังเพียงว่าเธอจะได้เอาช็อกโกแลตให้คนที่ตัวเองแอบชอบมาเกือบปีในวันพิเศษนี้ด้วยตัวเอง

เด็กสาววิ่งเร็วจนหอบ หายใจแทบไม่ทัน แต่ก็ต้องตั้งสติเมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนเพราะผู้คนมากมายเหลือเกิน เวลาเลิกเรียนอย่างอย่างนี้นักเรียนก็ทยอยกลับบ้าน แล้วฝั่งตรงข้ามถนนก็มีโรงเรียนนานาชาติอีกโรงหนึ่ง เด็กนักเรียนยิ่งมากเป็นสองเท่า

‘มาทันไหม เจอพี่แทนหรือเปล่า’

ไข่มุกที่วิ่งตามมาถามอย่างตื่นเต้นแต่เธอกลับส่ายหน้าแทนคำตอบอย่างผิดหวัง แล้วก้มมองกล่องช็อกโกแลตในมือ นึกอยู่เหมือนกันว่าคงต้องให้พรุ่งนี้แทน แต่ความรู้สึกมันจะพิเศษเหมือนให้วันนี้ไหม เวียงดาวก็ยังไม่รู้เลย

‘เวียงดาว!’ ไข่มุกร้องเสียงหลงขึ้นมาอีกรอบ ‘นั่นไงพี่แทน’

คนมีความหวังเงยหน้ามองทันที กำกล่องช็อกโกแลตแน่นแล้วรวบรวมความกล้า เพราะอีกแค่เดือนเดียวก็จะไม่ได้เห็นหน้าพี่แทนทุกวันเหมือนเดิมแล้ว เธอต้องบอกความรู้สึกที่มีต่อเขาให้ได้ เพราะถึงเขาจะปฏิเสธ อย่างน้อยเวียงดาวก็ถือว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไรให้ค้างคาใจ แต่หากเขาตอบรับ ก็หมายความว่าหลังจากเรียนจบ พี่แทนกับเธอก็ยังได้อยู่ใกล้ๆ กัน

ทว่าเมื่อมองไปยังคนที่ตัวเองแอบรักอยู่เกือบปี หัวใจของเวียงดาวก็เหมือนถูกฉุดลงเหวลึก แสงสว่างวูบดับจนโลกมืดมิด เพราะเธอได้เห็นชีวิตนอกโรงเรียนของพี่แทน… เป็นอีกด้านที่เวียงดาวไม่เคยรู้มาก่อนเลย

‘นั่นพี่ติ๋ว… ดาวโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ตรงข้ามเรานี่ไง ทำไมมากับพี่แทนได้’

ไข่มุกตอกย้ำภาพที่เห็นตรงหน้าให้โลกของเธอยิ่งมืดมนและเจ็บปวดมากกว่าเดิม

‘อย่าบอกนะว่าพี่เขาเป็นแฟนกัน’

เวียงดาวพูดไม่ออกทั้งที่เธอรู้คำตอบอยู่เต็มอก ได้ยืนนิ่ง ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ายังหายใจ แต่หากจะรู้สึก คงมีแต่เจ็บปวดและผิดหวัง ถาโถมเข้าหาจนไม่อาจรับได้ไหว น้ำหยดใสไหลออกจากดวงตาร้อนผ่าว เมื่อต้องยืนมองพี่แทนไปกับผู้หญิงอีกคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน

แต่สองคนนั้นจะเป็นอะไรกันได้เล่า ในเมื่อพี่แทนดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่เดินตามหลังอยู่อย่างนั้น กระเป๋านักเรียนก็ถือให้ แล้วไปด้วยกันในวันวาเลนไทน์… เป็นอะไรไม่ได้นอกจากคนรักกัน

 

พี่แทนมีคนรักอยู่แล้ว สวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนั้น จะมาสนใจอะไรกับเด็กกะโปโลอย่างเธอ

เวียงดาวกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ไม่อยากร้องไห้แต่ก็กลั้นไม่อยู่ เด็กสาวจึงได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาตลอดการเดินทางกลับบ้าน พาใจช้ำๆ ดวงนี้หลบไปรักษาเพียงผู้เดียว

แต่พอถึงบ้านเวียงดาวก็ขยี้น้ำตาทิ้งเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ถามว่าเธอเป็นอะไรถึงร้องไห้ สูดหายใจลึกๆ เข้าไปเพื่อเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าบ้าน… ที่แสนอบอุ่นที่เธอเรียกว่าครอบครัว คงทำให้ใจซ้ำๆ ดวงนี้ดีขึ้นบ้าง

‘ตายแล้วเวียงดาว! ทำไมตาบวมอย่างนั้นลูก’ เดินเข้าบ้านแค่ก้าวเดียวแม่ก็ทักอย่างเป็นห่วง ‘ร้องไห้หรือเปล่า ใครทำอะไรหนู’

‘ทำสวนผักแล้วเจอกิ้งกือน่ะค่ะแม่’ เด็กสาวโกหกเพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง ‘ไม่มีอะไรหรอก  หนูตกใจเลยร้องไห้’

‘โธ่ลูก… กลัวอะไรกับกิ้งกือ มันเจอเราเข้าหน่อยก็ขดตัวม้วนหนีแล้ว’ แม่ปลอบพลางเดินเข้ามาหา ‘แล้วนี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เอาน้ำแข็งประคบหน่อยดีกว่า ตาจะได้หายบวม’

‘ขอบคุณค่ะแม่’

‘อ้อเวียงดาว แม่มีข่าวดีจะบอก’

‘คะ?’

‘แม่กับพ่อทำเรื่องย้ายกลับไปอยู่กับคุณย่าได้แล้วนะ เทอมหน้าหนูกับน้องไปเรียนต่อที่ขอนแก่นนะลูก’

เวียงดาวยังมึนงงกับคำที่แม่บอก เธอทำเพียงพยักหน้าแล้วขอตัวขึ้นห้องนอน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันช่างมากมาย หนักและเหนื่อยเหลือเกิน

ความผิดหวังดูเหมือนจะทำร้ายเวียงดาวได้มากที่สุด เด็กสาวน้ำตาซึมขึ้นมาอีกหนเพราะภาพเมื่อตอนเย็นยังติดตา พี่แทนไปกับสาวสวยที่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนั่นเธอหูอื้อจนจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่คิดจะถามอีก เพราะไม่รู้จะตอกย้ำอาการอกหักจากรักครั้งแรกไปทำไม

เด็กสาวปลอบตัวเองว่าอย่างนั้น แล้วดึงรูปถ่ายของพี่แทนออกมาจากสมุดโน้ต มองหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย คิดถึงวันแรกที่พบกัน รอยยิ้มแรกที่มีให้ ฝ่ามืออบอุ่นที่วางอยู่เหนือศีรษะ ยิ่งทำให้เธอนึกหวนถึงวันเก่าๆ ที่เคยเฝ้ามองเขาอยู่เสมอมา

ทว่าตอนนี้เธอจะเฝ้ามองพี่แทนไม่ได้อีกแล้ว จะรักคนมีเจ้าของไม่ได้ ทางเดียวที่ต้องทำคือตัดใจเสีย ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะยิ่งแย่มากกว่าเดิม

เวียงดาวมองรูปถ่ายของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจทิ้งฉีกมันทิ้ง ปล่อยให้กลายเป็นเพียงเศษกระดาษปลิวตกไปทางหน้าต่าง พยายามตัดใจให้ขาดและไม่คิดถึงความรู้สึกดีๆ นั่นอีก

ทุกเรื่องราวคงกลายเป็นความทรงจำในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ… 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น