7

หวานคำแรก



หวานคำแรก

 

เกือบห้าทุ่มแล้ว คนบนเตียงยังนอนมองเพดานมืดสลัวด้วยอาการตาค้าง ทั้งที่บอกบุรีว่าง่วง แต่พอเอาเข้าจริงกลับนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะแปลกที่แปลกทางส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลสำคัญคือที่โต๊ะทำงานยังมีคนนั่งดูเอกสารและเปิดโน้ตบุ๊กพิมพ์อะไรก๊อกแก๊กเป็นระยะ มันไม่ได้เป็นการรบกวนมากมายหรอก เพียงแต่ไม่คุ้นเคย

บุรีกลับเข้ามาในห้องหลังอาบน้ำเสร็จ เห็นว่าเธอจะนอนจึงเปิดโคมไฟที่โต๊ะไว้เพียงดวงเดียว แต่นั่นยิ่งกลายเป็นจุดเด่นเวลามองผ่านฉากบังตาออกไป

เขาสวมเสื้อยืดขาวสะอาดกับกางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีควันบุหรี่ ดูท่าทางจะสบายตัวทีเดียว ผมที่เพิ่งสระใหม่ๆ ทำให้มีปอยด้านหน้าหล่นลงมาระหน้าผากจึงดูอ่อนวัยขึ้น เธอมองเขาเพลินมาร่วมชั่วโมง ก่อนจะคิดได้ว่าควรนอนเสียที หวังว่าเขาจะไม่อยู่ยันเช้าหรอกนะ

“แกะตัวที่หนึ่ง...”

สุพรรณิการ์ปิดเปลือกตาลงแล้วพึมพำเบาๆ เริ่มนับแกะตัวที่หนึ่ง...สอง...สาม...

พอถึงตัวที่สิบก็ได้ยินเสียงรถดังแว่วมาจากด้านล่าง เธอลืมตาอีกครั้งแล้วมองไปยังโต๊ะ เห็นคนตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นจากโน้ตบุ๊ก เงี่ยหูฟังเสียงความเป็นไปภายนอก ครู่เดียวเขาก็ลุกยืนแล้วไล่เปิดไฟทั่วห้อง ก่อนจะมาหาเธอที่เตียง

“แตงกวา ตื่นก่อน” เสียงทุ้มเรียกเธอแผ่วเบาพร้อมแตะผ้านวมตรงปลายเท้า

หญิงสาวแกล้งงัวเงียตื่น “มีอะไรคะ”

“มาสกลับมาแล้ว เห็นรถของฉันต้องรู้แน่ว่าฉันอยู่ที่นี่ เตรียมตัวเถอะ...”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดต่อก็มีเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังกึกกักขึ้นบันไดมา มันดังสนั่นในยามวิกาลเงียบสงัดเช่นนี้

“เขาจะบุกเข้ามาเหรอคะ”

“แน่นอน คงอยากรู้เรื่องจิ ฉันปลุกเธอเพราะกลัวจะตกใจเสียงโวยวาย มาสคงดื่มเข้ามาเหมือนทุกที...” เขาชะงักคำพูดแล้วสบตาเธออย่างกังวล “อย่าตกใจถ้าฉันจะไม่อ่อนโยนกับมาส และถ้าเกิดอะไรขึ้น เธออย่าโกรธฉันนะ ไว้ใจฉัน”

สุพรรณิการ์ทำหน้างง ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูรัวๆ

“พี่บกอยู่ในห้องใช่ไหมคะ เปิดประตูให้มาสหน่อย มาสมีเรื่องจะคุยด้วย”

บุรีไม่ได้ตอบ เขาจูงมือเล็กให้หญิงสาวลุกขึ้น “ไปนั่งตรงโซฟาดีกว่า ที่เหลือฉันจัดการเอง”

หญิงสาวหยิบเสื้อคลุมตรงปลายเตียงมาสวม แล้วเดินตามเขามานั่งที่โซฟาด้วยอาการลุ้นระทึก เนื่องจากสิริมาสยังคงเคาะประตูอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ แม้จะเป็นน้องสาวภรรยาเก่าของบุรี แต่ทำตัวแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อย

“พี่บกคะ มาสรู้ว่าพี่ยังไม่นอน เปิดประตูเถอะค่ะ ไม่งั้นมาสจะยืนเคาะจนกว่าพี่จะเปิดนะ”

สุพรรณิการ์รอดูสถานการณ์ต่อ ตอนนี้บุรีเดินไปที่ประตูแล้ว และทันทีที่เขาเปิด สิริมาสก็ถลาเข้ามากอดแนบแน่น

“พี่บกกลับมาแล้ว คิดถึงจังเลย”

คนเมาซุกซบร่างใหญ่ได้วินาทีเดียวก็ถูกผลักออกอย่างแรงพร้อมเสียงตะคอกของเจ้าของห้อง

“มีสติหน่อยมาส พี่ไม่ใช่จิ อย่าทำตัวรุ่มร่าม!”

“โธ่...อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะพี่บก คุณจิน่ะใจร้าย ไม่ตอบข้อความมาสเลย โทร. ไปก็ไม่รับสาย บัวเรียงบอกว่าเขาไม่ได้กลับมาพร้อมพี่บก หึ...โรงแรมมันมีอะไรดีนักหนา”

“ถ้ากลับมาแล้วต้องปวดหัวกับเธอ เป็นพี่ก็ไม่อยากกลับ”

“พี่บกอะ”

สาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดมินิเดรสสายเดี่ยวลายดอกกุหลาบทำท่าสะดีดสะดิ้ง พร้อมริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดยื่นออกมาอย่างแง่งอน

“ช่างคุณจิเถอะค่ะ พี่บกกลับมานานแล้วเหรอคะ หิวไหมเอ่ย ถ้าหิวบอกมาสได้นะ เดี๋ยวมาสจัดให้”

สายตายั่วยวนนั้นไม่มีผลใดๆ ต่อบุรีเลย แต่กับคนที่กำลังนั่งดูอยู่ที่โซฟานี่สิ...

ไหนว่าชอบพี่จิ!

สุพรรณิการ์เริ่มหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้ทำตัวน่ารังเกียจเกินไปแล้ว พอเป้าหมายไม่อยู่ก็เข้าหาผู้ชายอีกคนหน้าตาเฉย เธอจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสิ ใครจะมายุ่มย่ามกับสามีในนามของเธอไม่ได้นอกจากนงลักษณ์

“พี่ไม่ต้องการ”

คำตอบห้วนๆ นั้นทำให้คนเมาถึงกับหน้าชา ด้วยรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร

“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอคะ พี่บกจะทำตัวแข็งทื่อเป็นพระอิฐพระปูนอีกนานแค่ไหน พี่รินตายไปสามปีแล้ว ได้เวลาเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนแล้วค่ะ อย่ามัวจมปลักอยู่เลย”

“ใครว่าพี่เป็นอย่างนั้น บัวเรียงไม่ได้บอกเหรอว่าพี่มากับใคร”

สาวผมยาวระดับคางดัดลอนสลวยทำหน้างง ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“ไม่ได้บอก พี่บกมากับใครล่ะคะ”

“เมีย” เขาตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความ แล้วเบี่ยงตัวออกให้สิริมาสเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ที่โซฟาด้านหลัง เท่านั้นเองผู้บุกรุกยามวิกาลก็เบิกตาโต

“เธอมาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“นานแล้วค่ะ” สุพรรณิการ์ตอบพร้อมส่งยิ้มหวาน

“นี่มันอะไรกันคะพี่บก เมีย? ผู้หญิงคนนี้คือเมียพี่บกเหรอคะ ไม่จริง มาสไม่เชื่อ”

“มานี่สิแตงกวา ฉันจะแนะนำให้รู้จักกับสิริมาส”

คนตัวเล็กให้คะแนนสามีบวกหนึ่งที่ไม่สนใจไยดีปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่ยื่นมือมารอรับเธอที่กำลังเดินเข้าไปหา และเธอก็ไม่ลังเลเลยที่จะสอดมือประสานกับมืออุ่นๆ ของเขาดังคนรักกัน ในขณะที่สิริมาสกำลังจ้องมองเขม็ง

“สวัสดีค่ะคุณมาส” สุพรรณิการ์เอ่ยโดยไม่ได้ยกมือไหว้ ทำให้สาวผมสั้นหน้าหงิกกว่าเดิม

“เธอเป็นใคร ผู้หญิงที่พี่บกหิ้วมานอนงั้นเหรอ นั่นไม่เรียกว่าเมียหรอกนะ”

“กวากับน้าบกแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายค่ะ อยากดูทะเบียนสมรสไหมคะ กวาเอามาด้วย”

สิริมาสเม้มปากแน่น ตวัดสายตามองบุรีด้วยความโกรธเคือง

“จริงเหรอคะพี่บก”

“พี่พูดซ้ำร้อยรอบเธอก็คงไม่เชื่อ กลับไปนอนเถอะ พรุ่งนี้มีสติแล้วค่อยคุยกัน พี่กับแตงกวาอยากพักผ่อน”

“คิดว่ามาสจะหลงกลเหรอคะ พี่บกไม่มีทางแต่งงานกับใครหน้าไหนทั้งนั้น พี่บกรักพี่ริน ยังลืมพี่รินไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ ยายเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้จะมีปัญญามัดใจพี่บกได้ยังไง มันเป็นแผนการของพี่บกกับคุณจิใช่ไหมคะ คิดจะเขี่ยมาสออกไปงั้นเหรอ ไม่มีทาง!”

“ถ้าพี่ทำ เธอไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอกมาส ที่เธอสร้างความรำคาญใจให้จิ พี่ยอมหลับหูหลับตาปล่อยผ่าน แต่ถ้าเธอจะมาระรานแตงกวา พี่จะไม่ทน”

สิริมาสกำมือแน่น สุพรรณิการ์รู้ว่าผู้หญิงแรงๆ แบบนี้คงไม่ยอมลงให้ง่ายๆ จึงพยายามช่วยตัดบท

“คุณมาสกลับไปพักเถอะค่ะ กวากับน้าบกอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกัน คืนแรกของเราที่นี่ กวาอยากให้เป็นคืนพิเศษที่สุด หวังว่าคุณมาสจะเข้าใจนะคะ”

แม้จะรู้สึกกระดากปากเหลือเกิน แต่ถ้าไม่ใช้มุกเหมือนในนิยายที่เคยอ่าน เห็นทีจะต้องคุยกันยาว

และทันทีที่พูดจบ สามีของเธอก็เปลี่ยนจากการจับมือเฉยๆ เป็นตระกองกอดเธอไว้แทน แถมยังก้มลงจูบเรือนผมหอมๆ ที่เพิ่งสระฟอดใหญ่

“เมียฉันน่ารัก”

เดี๋ยวก่อน!

สุพรรณิการ์ช็อกไปชั่ววูบกับการตอบสนองอย่างรวดเร็วและแสนจะแนบเนียนสุดๆ ของสามี

เธอแค่พูด แต่เขาปฏิบัติจริง

แบบนี้ก็ได้เหรอ!

“แก่แดดไม่เบานะ เชิญสวีตกันให้เต็มที่เถอะจ้ะ ฉันจะรอดูว่าเธอจะอยู่ที่ไร่นี้ได้นานแค่ไหน พนันได้เลยว่าไม่เกินสามเดือน ชิ!” สิริมาสเหยียดยิ้มเยาะ ก่อนจะสะบัดก้นเดินออกจากห้องไปอย่างเกรี้ยวกราด

“คุณมาสไปแล้วค่ะ” คนตัวเล็กบอกเสียงอึกอัก เพราะบุรียังคงยืนตระกองกอดเธออยู่เช่นเดิม ทั้งที่คนก่อกวนจากไปแล้ว

“ชู่...มาสยังอยู่” เขาก้มลงกระซิบ

สุพรรณิการ์หยุดความเคลื่อนไหวทุกสิ่งทันที แทบจะกลั้นลมหายใจเลยด้วยซ้ำ เธอรู้ว่าประตูยังเปิดค้าง เพราะสิริมาสไม่ได้ปิดมัน เซนส์บอกว่าเจ้าหล่อนยังแอบอยู่หน้าห้องจริงๆ เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดไปแม้แต่กึกเดียว

หญิงสาวเงยหน้ามองสามีเป็นเชิงถามว่าจะทำอย่างไรต่อ แล้วเกือบหลุดร้องวี้ดเมื่อจู่ๆ เขาก็รวบตัวเธอเข้าไปกอดแนบแน่น ไม่ใช่แค่โอบเอวเธอไว้อย่างเมื่อครู่

ตัวเขาอุ่นจัด กลิ่นกายหอมแบบที่เธอชอบพุ่งปะทะเข้าจมูก ใบหน้ารูปไข่ซุกซบอยู่ตรงอกเขาพอดี ได้ยินเสียงเต้นของก้อนเนื้อข้างในดังตึ้กตั้ก ผิดจากของเธอที่เต้นรัวถี่ยิบ...กลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงมัน

“ถ้าไม่แสดงให้ดู มาสคงไม่เชื่อ” คราวนี้เสียงทุ้มกระซิบพร้อมกดจูบที่กระหม่อมทุยได้รูป

“แสดงอะไรคะ” เธอถามหวั่นๆ เนื้อตัวเริ่มร้อนผ่าววูบวาบ ใจคอไม่ค่อยดีเลยจริงๆ

เท่าที่เขาทำยังไม่พออีกเหรอ...

“เชื่อใจฉันนะ อย่าเกร็ง ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ”

“คะ?”

สุพรรณิการ์ตามไม่ทัน แต่พอเขาช้อนคางเธอขึ้นด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมโน้มศีรษะลงมา ประสานสายตาเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว เท่านั้นก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“น้าบกคะ...”

หญิงสาวครางได้เพียงเท่านั้นก็ถูกริมฝีปากของคนตัวใหญ่ประกบทาบทับลงมาแนบสนิท เธอรับสัมผัสนุ่มหยุ่นทว่าแข็งแกร่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ...ปากเขาร้อนเหลือเกิน มันแผ่ซ่านไออุ่นมาพร้อมลมหายใจผ่าว ร่างเล็กสั่นน้อยๆ แข้งขาอ่อนระทวยยามเขาเฝ้าบดเม้มกลีบกุหลาบแรกแย้มของเธออย่างอ่อนโยนทั้งบนล่าง ดูดซับความหวานชุ่มฉ่ำเหมือนคนรอนแรมอยู่ในทะเลทรายมาเป็นแรมปี

เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วินาทีเธอก็แทบหมดแรงแล้ว แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย...

เขาควรหยุด แต่กลับใช้มือหนาประคองใบหน้าของเธอไว้และใช้ความเหนือกว่าเรียกร้องให้ริมฝีปากอิ่มเปิดรับลิ้นของเขาที่พยายามจะแทรกตัวเข้าสู่ความหอมหวานซึ่งไม่เคยมีผู้ใดได้สิทธิ์ทำเช่นนี้มาก่อน แต่แล้วในที่สุดเขาก็เป็นคนแรก

“อื๊อ...”

สุพรรณิการ์หัวใจเต้นรัวแรงยิ่งกว่าเก่าเมื่อถูกลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดอย่างดูดดื่ม มือเล็กขยุ้มเสื้อยืดที่อกของบุรีไว้แน่น อยากจะผละห่าง แต่ร่างกายไม่ยอมฟังสักนิด กลับเบียดเสียดเข้าหาร่างซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามสมบูรณ์แบบอย่างต้องการไออุ่น ปล่อยให้มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนตามต้องการ

เขาสัมผัสเธอจนทั่ว ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือลงต่ำมาที่สะโพกกลมกลึง

ชายหนุ่มนวดเฟ้นส่วนโค้งเว้าของเธออย่างทะนุถนอม ออกแรงรั้งนิดเดียวร่างกายท่อนล่างก็แนบสนิทกันราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง จนคนตัวเล็กสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ทำให้เนื้อตัวของเธอร้อนระอุขึ้นอย่างน่าอาย

สุพรรณิการ์รู้สึกเหมือนกำลังถูกดวงไฟขนาดใหญ่แผดเผาจนแทบมอดไหม้

“แตงกวา...” เจ้าของเสียงทุ้มครางต่ำ ก่อนจะพาหญิงสาวไปยังโต๊ะทำงานใกล้ๆ ทั้งที่ยังจูบเธออย่างไม่รู้จักอิ่ม เขาหย่อนตัวนั่งลงเอนกับขอบโต๊ะหมิ่นเหม่ ปล่อยให้เธออยู่เหนือเขาเล็กน้อย จากนั้นจุมพิตแสนอ่อนโยนก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนตามอารมณ์ปรารถนา

ตึง!

เสียงกระแทกจากด้านนอกที่ดังขึ้นอย่างจงใจ ทำให้คนที่กำลังกอดรัดกันชะงักกึก สติของสุพรรณิการ์กลับคืนมาทันที เธอเป็นฝ่ายถอนจูบออกมาก่อนด้วยความอับอายสุดชีวิต แม้จะไม่มีกระจก แต่ก็รู้ว่าตัวเองหน้าแดงก่ำแค่ไหน

บุรีจ้องเธอด้วยแววตาเว้าวอนอย่างไม่เคยทำมาก่อน กระนั้นก็ยอมรอจนเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังไล่ไปถึงบันไดแล้วหายเงียบลงที่ชั้นล่าง

“คะ...คุณมาสไปแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกเขาเสียงหอบ มันฟังน่าเกลียดและติดเรตอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ

บุรีไม่ตอบในทันที เพียงโอบเอวคอดไว้แล้วอิงศีรษะลงกลางอกเธอนิ่งๆ

“ขออยู่แบบนี้แป๊บหนึ่ง” น้ำเสียงของเขาก็ฟังแย่มากเช่นกัน

สุพรรณิการ์ยืนทำอะไรไม่ถูก เวลานี้ความรู้สึกต่างๆ ประดังเข้ามาพร้อมกันดังสายน้ำหลาก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมให้เขาทำอย่างนี้ทั้งที่เป็นการผิดสัญญา แต่ทำไมเธอถึงไม่โกรธเลยสักนิด กลับหลงใหลในรสจูบอันแสนตราตรึงของเขาเหมือนสาวน้อยช่างฝัน

ความรู้สึกหนึ่งแทรกเข้ามาในความคิดพร้อมกับคำถามที่ว่า ความรักที่เธอมีต่อเขามันคือแบบไหนกันแน่ อะไรบางอย่างอาจซุกซ่อนอยู่ ณ ก้นบึ้งของหัวใจเธอมานานแล้วตั้งแต่เริ่มไปทำงานพิเศษที่โรงแรมเมื่อสามปีก่อน เพียงแต่ไม่กล้ายอมรับ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะนงลักษณ์

หญิงสาวรู้สึกผิดเพราะสัญญากับเพื่อนไว้เป็นมั่นเหมาะ แต่ตอนเกิดเรื่องเมื่อครู่ เธอไม่ได้คิดถึงนงลักษณ์เลย

หัวใจจ๋า ช่วยเต้นช้าลงหน่อยเถอะ

เธอนึกอ้อนวอน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป อาการตัวร้อนรุมๆ ราวจะเป็นไข้และหัวใจที่เต้นรัวแรงก็ค่อยผ่อนคลายลงจนเกือบเป็นปกติ

“น้าบกคะ ปล่อยกวาเถอะค่ะ”

บุรีเงยหน้าขึ้นพร้อมยืดตัวนั่งหลังตรง ทว่าไม่ยอมคลายวงแขนออก

“โกรธฉันไหม” ดวงตาของเขาแสดงความหวั่นไหววูบหนึ่งขณะถาม

สุพรรณิการ์ลำคอแห้งผากเมื่อตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเอง

ผู้หญิงมากมายยอมแอบรักเขาข้างเดียวโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับดอกไม้แสนบอบบางอย่างสุพรรณิการ์ดอกนี้ มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขามากกว่าใคร แล้วเธอจะทนไม่รักเขาไหวหรือ

“ไม่โกรธค่ะ น้าบกมีเหตุผลที่ต้องทำ”

สีหน้าของเขาดีขึ้นเล็กน้อย

“ฉันอยากให้การแต่งงานของเราเป็นเรื่องจริง อยากบอกให้เธอรู้ไว้”

สุพรรณิการ์เพียงยิ้มอ่อนๆ “ถ้าเป็นอย่างนั้น กวาจะไม่แต่งงานกับน้าบกค่ะ”

“ฉันรู้ ฉันมันไม่คู่ควรกับเธอ”

“กวาเคยบอกเหตุผลกับน้าบกแล้ว”

เขาคงน้อยใจที่เธอเคยบอกว่าเขาแก่

ใช่...เธอเคยพูดอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วเขาไม่แก่เลยสักนิด

คนตัวใหญ่ถอนหายใจ ก่อนจะยกมือขึ้นโยกศีรษะเธอเบาๆ

“นอนเถอะ ฉันคงไม่ทำงานต่อแล้ว อย่าลืมล็อกประตูด้วย” ชายหนุ่มลุกขึ้นเมื่อพูดจบ ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ จากนั้นก็ออกจากห้องไปเงียบๆ

สุพรรณิการ์เดินไปปิดประตูลงกลอน ไล่ดับไฟทุกดวง แล้วกลับมานอนขดตัวบนเตียงในสภาพเหม่อลอย นิ้วเรียวแตะริมฝีปากซึ่งบวมเจ่อนิดๆ พลางนึกถึงคนที่นอนอยู่อีกห้อง

จูบแรกในชีวิตของเธอ...คือเขา

ถ้าเราแอบรักสามีตัวเองจะผิดไหม

หญิงสาวได้คำตอบให้ตัวเองทันทีว่ามันไม่ผิด แต่บทลงเอยคงมีแต่ความเจ็บปวด เพราะเขาแต่งงานกับเธอ ทำดีต่อเธอเพียงเพราะคำสั่งเสียของพ่อประจักษ์

ความสนิทสนมที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวันอาจจะทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเด็กตาดำๆ ไร้ที่พึ่งจนอยากดูแลจริงจัง ซึ่งนั่นนับเป็นโชคดีของเธอ

มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยสำหรับคนที่ยังปักใจรักภรรยาที่ตายไปแล้ว และไม่เห็นความสำคัญของการแต่งงานใหม่ เขาถึงยอมจดทะเบียนสมรสกับเธอง่ายดาย ทั้งที่ปกติแล้วผู้ชายทุกคนมักจะหลีกเลี่ยงการผูกมัด

วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เธอไม่อาจรู้

แต่ที่แน่ๆ คือเธอจะต้องเผชิญหน้ากับสิริมาส!

แค่นึกถึงผู้หญิงคนนี้ สุพรรณิการ์ก็รู้สึกมึนหัวตึ้บขึ้นมาทันที

ถ้ากิตติกับนงลักษณ์อยู่ที่นี่ด้วยก็ดีสิ...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น