7

ปัญหาใหญ่ที่กลับมากวนใจ

7

ปัญหาใหญ่ที่กลับมากวนใจ

 

ห้าโมงครึ่งของวันถัดมาและเป็นวันหยุด นักศึกษาสาวอย่างเมฆานรีจึงนอนเล่นอยู่บ้าน เพื่อให้คนติดตามคุมความประพฤติของเธออย่างปีกับผลได้พักอยู่บ้านเฉยๆ เสียบ้าง

ตั้งแต่ช่วงบ่ายกระทั่งตอนนี้ เมฆานรีนอนกลิ้งมาบนที่นอน รายล้อมด้วยหนังสืออ่านเล่นมากมาย แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถที่ต่างจากรถในบ้านเธอ หญิงสาวจึงต้องวิ่งไปดูที่หน้าต่างห้องว่าใครมา

ทันทีที่เห็นรถยนต์คันนั้น เธอก็เบิกบานใจกว่าตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมั่นใจว่าเป็นรถคันเดียวกับของคนที่เธอแอบคิดถึงอยู่บ่อยๆ เมฆานรีรีบวิ่งไปออกไปเปิดประตูห้อง ยังไม่ทันที่จะก้าวไปไหน ก็เห็นใสใจผละออกจากห้องของนภาพราว จึงเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ ทั้งๆ ที่มั่นใจอยู่แล้ว

“ใครมาหรือใส” หญิงสาวถามออกไป แววตาเป็นประกาย

“แขกคุณผู้ชายค่ะ คนที่มาเมื่อวันที่คุณหนูขนของกลับบ้านไงคะ” เด็กใสว่าก่อนจะขอตัวไปตามคุณผู้หญิงของบ้าน แต่เมฆานรีพุ่งตัวไปทางบันได เพื่อไปหาแขกของคุณผู้ชายที่ใสใจกล่าวถึง

ทันทีที่เดินไปถึงหน้าห้องรับแขก เธอก็เห็นแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เขายืนมองภาพของครอบครัวเธอ ในรูปนั้นเธออายุประมาณสิบสามปีเท่านั้น เมฆานรีย้ายสายตาจากรูปภาพนั้นกลับมาพิจารณาคนตัวสูง วันนี้เขาสวมชุดแปลกตา เป็นเสื้อโปโลสีขาวขลิบน้ำเงิน นุ่งกางเกงสแล็ก พร้อมด้วยเข็มขัดหนังสีดำ บอกเลยว่าลุคนี้ก็ดูดีไม่แพ้ตอนเขาใส่สูททำงาน 

เมฆานรีมองจนกระทั่งชายหนุ่มหันหน้ามาหา เธอถึงตั้งสติได้ ส่งยิ้มหวานอย่างดีใจไปให้เขาอย่างไม่ปิดบัง

“คุณพิธาน สวัสดีค่ะ มาหาหนูหรือคะ” 

คำพูดที่มั่นใจและรอยยิ้มหวานทำให้คนที่ได้รับอยากจะยิ้มเอ็นดูเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน ถ้าไม่ติดเรื่องความขุ่นข้องหมองใจที่ยังอัดแน่นอยู่ในอกเขา ชายหนุ่มได้แต่แสดงสีหน้าเรียบเฉยและเคร่งขรึม พร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ

“เปล่า ทำไมฉันต้องมาหาเธอด้วยล่ะ” เมื่อชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเฉยเมย แววตาไร้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้ ความมั่นใจที่หญิงสาวมีเมื่อครู่ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่ด้วยความห่อเหี่ยวใจ แววตาที่เคยสดใสหมองลงจนเกือบจะเป็นความเศร้าจนคนที่เห็นใจหาย

“แล้วคุณมาที่นี่ มีธุระกับใครหรือคะ” น้ำเสียงนั้นไม่มั่นใจและเบาหวิว แต่เพราะอยู่กันสองคนในห้องที่เงียบเชียบทำให้ใครอีกคนได้ยินชัดเจน

พิธานตั้งใจจะตอบ เพราะจู่ๆ ก็ไม่ชอบใจกับอาการที่คนตรงหน้านี้เป็นอยู่ เมื่อกี้ก่อนจะถามเขา เธอก็ลอบสูดหายใจเรียกความมั่นใจ แล้วดวงตาที่เคยเป็นประกายก็หม่นลง ชายหนุ่มมองหญิงสาวในชุดอยู่บ้าน เป็นเสื้อคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสั้นครึ่งต้นขาที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าตอนอยู่ในชุดนักศึกษา ใจเขาเบาหวิว แต่ก็ทำเป็นเฉยเมยเมื่ออีกคนเข้ามาในห้อง 

“อ้าวคุณพิธาน สวัสดีค่ะ มารับยายฟ้าไปทานข้าวใช่มั้ยคะ” แม่ถามขึ้นอย่างสดใสแตกต่างกับคนเป็นลูกอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้เมฆานรีหน้าซีดลงราวกับคนป่วย

“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ด้วยเสียงเข้มขึ้นและสีหน้าเรียบเฉย 

คำยืนยันของเขาทำให้เมฆานรีมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แววตาเต็มไปด้วยคำถามแฝงการตัดพ้อจนคนมองก็แทบจะอยู่เฉยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ทันจะได้ออกตัว เจ้าของสายตานั้นก็ถามขึ้นมาก่อน

“ไปทานข้าวหรือคะ เมฆไปด้วยได้มั้ยคะแม่” หญิงสาวส่งสายตาอ้อนวอน แต่ก็โดนดุไปโดยปริยาย

“อะไรกันยายเมฆ แต่ก่อนไม่เห็นอยากออกไปไหนกับคนแปลกหน้า พี่เขาจะไปทานข้าวเย็นกัน จะไปเป็นตัวป่วนทำไม” คนเป็นแม่ว่าอย่างรู้ทันลูกสาวคนเล็ก 

เมฆานรีได้แต่ทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กถูกขัดใจให้แม่

“ว่าแต่สองคนยังไม่รู้จักกันใช่มั้ยคะ” คนเป็นแม่ถาม แน่นอนว่าทั้งสองคนพร้อมใจกันตอบทันที

“ครับ/ค่ะ” 

ชายหนุ่มหญิงสาวหันหน้าสบตากันทันใด เมฆานรีเป็นคนถอนสายตาออกมาก่อน

“งั้น คุณพิธานคะ นี่ยายเมฆ เมฆานรี น้องสาวของฟ้าเขา ส่วน เมฆ นี่คุณพิธาน” แม่แนะนำพร้อมยิ้มบาง 

เมฆานรีต้องรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ พิธานก็ต้องรีบรับไหว้ 

“อีกไม่นานก็คงลงมา เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ” คนเป็นแม่ผายมือให้แขกนั่งที่โซฟา ไม่ลืมจะดึงมือลูกสาวคนเล็กออกไปด้วย

“แม่ เมฆขอไปกับพี่ฟ้าด้วยนะ” หญิงสาวยังไม่ละความพยายาม 

“ไม่ได้ จะไปเป็นก้างพี่เขาทำไม คุณพิธานเขากำลังจะเอาใจพี่เราอยู่ เราก็ไม่ควรไปยุ่ง” คนเป็นแม่ดุ พร้อมหยิกต้นแขนลูกสาวเบาๆ เร่งพาลูกสาวคนเล็กออกจากห้อง

“อู๊ยยย แม่ไว้ใจเขาเหรอ เกิดเขาทำอะไรพี่ฟ้าล่ะ” หญิงสาวสูดปากเพราะความเจ็บ 

“แล้วยังไง เขาต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว” คนเป็นแม่ว่า แม้จะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่พอเห็นความพยายามของชายในห้องนั้นที่คอยส่งของมาให้ ทั้งวันนี้ยังมารับไปกินข้าวอีก ก็ถือว่าเป็นแววที่ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้อาจจะไม่ใช่แค่การแต่งงานทางธุรกิจ

“แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งนี่แม่” เมฆานรีพูดต่อ แต่ก็ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อพี่สาวลงมา เธอผละจากแม่ไปหาพี่สาวทันที

“พี่ฟ้า พี่จะไปกินข้าวกับเขาจริงๆ เหรอ” เมฆานรีไม่สบายใจจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน แต่คนเป็นพี่กลับมีสีหน้าเรียบเฉย 

                “คุณพ่อท่านรับปากไว้แล้ว ยังไงพี่ก็ต้องไป” แววตาของนภาพราวอ่อนลง แล้วเอ่ยทั้งที่รู้ความรู้สึกน้องดีว่า “พี่ดูแลตัวเองได้ เมฆไม่ต้องห่วงนะ” 

หญิงสาวเดินไปทางห้องรับแขก พอดีกับแขกที่นั่งรออยู่ในห้องเดินออกมา

“พร้อมแล้วนะครับ” พิธานถาม จดจ้องไปยังคนเป็นพี่สาว เมื่อนภาพราวพยักหน้า เขาก็เดินไปตรงหน้าเธอแล้วยื่นมือให้ ซึ่งหญิงสาวก็จับไว้อย่างไม่อิดออด 

ชายหนุ่มเดินกุมมือพาคนพี่เดินไปยังรถ โดยไม่ลืมเหลือบมองคนน้องที่เอาแต่ก้มหน้าคอตก เขาเข้าใจว่าเธอคงไม่พอใจและเป็นห่วงพี่สาว รวมถึงไม่อยากให้เขาเข้าใกล้คนเป็นพี่ด้วย นั่นยิ่งสร้างความมั่นใจให้เขาว่า ที่เธอทำไปทั้งหมดนั้น เพราะเธอรักพี่สาวจริงๆ 

และไม่ว่าไอ้หนุ่มหน้าอ่อนคนนั้นจะเป็นใคร อย่างไรเมฆานรีก็คงจะยังแต่งงานกับเขาแน่นอน เพียงแค่เขาเอ่ยปากเท่านั้น

 

รถของพิธานเคลื่อนออกไปจากบ้านนานแล้ว แต่เมฆานรียังยืนมองตามตาละห้อย 

ไม่รู้ทำไม ตอนที่รู้ว่าเขามาบ้าน ใจดวงน้อยที่เต้นอยู่ในอกถึงเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก แต่พอเขาปฏิเสธว่าไม่ได้มาหาเธออย่างที่คิด หัวใจก็ราวกับฟีบลง ยิ่งตอนนี้เขาไปกับพี่สาวเธอ ความรู้สึกก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ใจเธอหายจนน่ากลัวว่ามันจะไม่ได้เต้นอยู่ในอกอีกต่อไปแล้ว 

เมฆานรีอธิบายเหตุการณ์ประหลาดนี้กับตัวเองว่า เพราะเขามาหาพี่สาวเธอ มาพาพี่ออกไปจากบ้าน ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน เธอจึงกังวลใจมาก หวั่นใจว่าหากวันนี้แฟนหนุ่มของพี่สาวมาหาที่บ้านแล้วไม่เจอ และรู้ว่าพี่สาวออกไปกับคนคนนั้น เขาจะต้องเสียใจและทุกข์ใจ 

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวไม่สบายใจอย่างที่สุด

“อ้าว จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ยเรา” คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกยังไม่ขยับไปไหน 

“เขาไม่ทำอะไรพี่เราหรอก” สายธารว่า ก่อนจะฉุดแขนลูกสาวคนเล็กให้เข้าบ้านตามเธอไป

 

“เมฆ” เสียงทุ้มนุ่มแสนคุ้นเคยของแสงฉานดังขึ้น ขณะที่เมฆานรีก้มหน้าอ่านหนังสือฆ่าเวลารอพี่สาวกลับบ้าน

“พี่แสง!” หญิงสาวตกใจมาก เพราะคนที่ไม่อยากให้มาบ้านที่สุดในวันนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ ปากคอสั่นอย่างช่วยไม่ได้

“มะ...มาได้ยังไงคะ” 

“พี่แวะเอาขนมมาให้เรา ให้ฟ้าด้วย” แสงฉานหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ น้องสาว แล้ววางของลงข้างตัว ใช้มือปัดยุงและแมลงที่ติดตามผมน้องสาวอย่างเบามือ “ทำไมมานั่งอ่านหนังสือตรงนี้” 

“เอ่อ...คือ” หญิงสาวอ้ำอึ้ง 

“รอฟ้าละสิ” แสงฉานว่าอย่างเอ็นดูน้องน้อย พลางลูบหัวเพื่อให้เจ้าตัวคลายกังวล แล้วเอ่ยอย่างขำขัน “ฟ้าไลน์บอกพี่ตั้งแต่ออกไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล” 

“พี่แสงรู้แล้วหรือคะ แล้วทำไมถึง...” 

“อยากมาดูว่าฟ้าถึงบ้านปลอดภัยมั้ย แล้วพี่ค่อยกลับ” แสงฉานพูดแทรกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนจนเธอรู้สึกผิด

“ขอโทษนะคะ ที่เมฆช่วยอะไรไม่ได้เลย” หญิงสาวว่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสลดลง

“ไม่เป็นไรหรอกเมฆ ทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เรา มันขึ้นอยู่ที่ฝ่ายโน้น อีกอย่าง พี่ทำใจแล้วว่าอย่างไรก็ต้องปล่อยมือฟ้าไป” คราวนี้คนสองคนต่างเพศและต่างวัยทำหน้าสลดลงพร้อมกัน

“ไม่ได้นะคะ พี่แสงต้องห้ามปล่อยมือพี่ฟ้าเด็ดขาด เมฆบอกแล้วว่าไม่ว่ายังไงเมฆจะทำให้พี่สองคนแต่งงานกันให้ได้” เมฆานรีว่าอย่างหนักแน่น แม้จะคิดหาหนทางไม่ออกก็ตาม

“ถ้าถึงวันนั้น...วันแต่งงานแล้วเขายังเลือกพี่ฟ้า เมฆเนี่ยแหละจะวางแผนให้พี่แสงพาพี่ฟ้าหนี” หญิงสาวลดเสียงลงเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ความหนักแน่นของน้ำเสียงและไม่มีแววขี้เล่นเหมือนทุกที ทำให้คนเป็นพี่หวั่นใจ

“อย่าพูดเล่นแบบนี้นะเมฆ เดี๋ยวพี่ฟ้าก็เสียหายหรอก พี่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่” แสงฉานดุ แต่เมฆานรีก็หาได้สลดไม่

“เมฆพูดจริงๆ พี่แสงห้ามยอมแพ้เด็ดขาด” คนเป็นน้องยังคงพูดต่อ จนแสงฉานต้องเปลี่ยนเรื่องเอง เพราะกลัวว่าจะมีคนมาได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

“เมฆ” แสงฉานเรียกคนเป็นน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนเป็นน้องก็ยอมหยุดพูดเพื่อจะตั้งใจฟัง

“ฟ้าเล่าให้พี่ฟังว่าเมฆไปทำธุระเรื่องของฟ้าจนกลับบ้านดึกดื่นอยู่เป็นเดือน คุณแม่ท่านเลยสั่งกักบริเวณ จริงใช่มั้ย” คนเป็นพี่ถามด้วยสายตาจริงจัง จนเมฆานรีไม่กล้าโกหก

“จริงค่ะ” เธอตอบออกไปโดยไม่ได้มองชายหนุ่มแม้แต่นิดเดียว

“เมฆบอกพี่ได้มั้ยว่าเมฆไปทำอะไรมา” คนเป็นพี่ยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงชวนอบอุ่นใจ

“ไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบแบบไม่ต้องคิด

“ทำไมล่ะ ไม่รู้หรือไงว่าพอพี่รู้ พี่เป็นห่วงเรามากนะ” คนเป็นพี่ชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขารู้ว่าหากใช้วิธีนี้ คนเป็นน้องจะต้องบอกเขา แต่เขาคิดผิด

“พี่ฟ้าให้มาหลอกถามใช่มั้ยคะ” หญิงสาวตอบอย่างรู้ทัน เพราะพี่สาวรู้ดีว่าจุดอ่อนของเธอคืออะไร แต่ในเมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เธอก็ไม่สามารถบอกอะไรใครได้

“เปล่า พี่เป็นห่วงจริงๆ เลยมาถาม หรือว่าเมฆไม่ไว้ใจพี่ ถึงไม่ยอมบอกอะไร” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ 

หญิงสาวจนใจเพราะแพ้การกระทำนี้ของพี่ชายตัวใหญ่

“...” ความเงียบเกิดขึ้นเพียงอึดใจ สุดท้ายเมฆานรีก็เอ่ยโดยยังจดจ้องปกหนังสือในมือ ด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“อืม ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ แต่ถึงบอกได้ยังไงมันคงไม่สำเร็จแล้วละ ดูจากวันนี้…พี่ไม่ต้องรู้หรอก ว่าเมฆไปทำอะไรมา ยังไงมันก็ไม่สำเร็จแล้ว รู้ไปก็ปวดหัวเปล่าๆ” 

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนคนเป็นพี่ต้องลูบหัวปลอบใจ

“ไม่เป็นไรนะคนดี พี่รู้ว่าเมฆทำทุกอย่างเพื่อพี่สองคนเต็มที่แล้ว สุดท้ายถึงพี่จะไม่ได้แต่งงานกัน อย่างน้อยเราก็รู้ ว่าเมฆพยายามทำเพื่อพวกพี่แล้ว พี่ไม่โทษเมฆนะ อย่าคิดมาก พี่ต้องขอบคุณเราด้วยซ้ำ” เขาเอ่ยอย่างรู้ว่าน้องร้อนรนแค่ไหน 

จะไม่ให้เขารู้ใจได้อย่างไร ในเมื่อตลอดสิบปีที่คบกันมา ตั้งแต่สถานะเพื่อนเป็นคนรัก เขาช่วยนภาพราวเลี้ยงน้องคนนี้มา ไปไหนก็ไปด้วยกันสามคนตลอด มาช่วงหลังๆ เท่านั้นที่พ่อแม่ของนภาพราวและเมฆานรีไม่ต้องเดินทางบ่อยแล้ว พวกเขาถึงไม่ต้องดูแลเมฆานรีอีก ประจวบเหมาะกับน้องน้อยของเขาเข้ามหาวิทยาลัย และไปอยู่ที่หอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เขาจึงไม่ต้องไปดูแลใกล้ชิดอย่างแต่ก่อน

“แต่เมฆรับปากแล้วนี่คะ ว่าจะเป็นผู้พิทักษ์ความรักของพวกพี่ ถ้าเมฆทำไม่ได้ เมฆจะไม่ขออยู่เป็นน้องพวกพี่อีก” คำประกาศกร้าวของน้องทำให้แสงฉานถึงกับตกใจ เพราะคนอย่างเมฆานรีพูดคำไหนเป็นคำนั้น แต่เขาก็ต้องรีบเปลี่ยนอารมณ์แล้วเอ่ยติดตลก ทั้งที่ในใจไม่ขำสักนิด

“แล้วจะเป็นอะไร” 

“เป็นเลื่อยค่ะ” คนเป็นน้องว่าเสียงจริงจัง

“เป็นเลื่อย ทำไมต้องเป็นเลื่อย” คราวนี้คนเป็นพี่งงจริง จนต้องขมวดคิ้วถาม

“ก็จะได้ไปเลื่อยขาเตียง พี่ฟ้ากับคุณพิธานไงคะ เขาจะได้เลิกกัน พี่ฟ้าก็จะกลับมาเป็นของพี่แสงเหมือนเดิม” คนเป็นน้องทำมือทำไม้ราวกับกำลังเลื่อยไม้เพื่อให้ดูสมจริง จนคนเป็นพี่ถึงกับหัวเราะเสียงดัง เพราะตลกท่าทางของเธอที่ดูเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้

“มันบาปนะ ทำลายชีวิตคู่คนอื่น” คนเป็นพี่ว่าแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อคนเป็นน้องเอ่ยว่า

“แล้วที่เขามาทำลายความรักพี่สองคนล่ะคะ เขาไม่บาปหรือ” เมฆานรีต้องถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นไฟหน้าของรถที่มาจอดหน้าบ้าน ก่อนลุงพลจะออกไปเปิดให้รถเคลื่อนเข้ามา

“มากันแล้ว คอยดูนะ ไม่มีวันที่เมฆจะยอมให้ใครมาทำลายความรักเป็น สบๆ ปีของพี่ฟ้ากับพี่แสงได้” น้ำเสียงจริงจังและแววตามาดร้ายเมฆานรีเมื่อจ้องไปยังรถคันนั้น ทำให้แสงฉานหวาดแทนคนในรถ ว่าถ้าเจอเมฆานรีเวอร์ชันอัปเกรดจริง ฝ่ายโน้นจะโดนอะไรบ้าง

 

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” นภาพราวเอ่ยเมื่อรถจอดสนิท แม้หญิงสาวจะดูเฉยเมย แต่ใจกลับกังวลและคิดถึงแต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่กับน้องสาวตรงหน้าบ้าน เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคนที่อยู่กับน้องสาวนั้นคือใคร

“ไม่เป็นไร ผมมารับก็ต้องมาส่ง” พิธานว่าเสียงเรียบเช่นกัน แต่ต่างตรงที่เขาใจร้อนกว่า รีบเปิดประตูลงไป โดยทำเป็นเปิดประตูให้คนเป็นพี่สาว แต่กลับมองไปที่คนเป็นน้องสาวและชายหนุ่มหน้าอ่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ตอนที่เขาเลี้ยวรถเข้ามา ก็จำได้ทันทีว่าไอ้หน้าอ่อนคนนี้คือคนที่ถึงเนื้อถึงตัวหญิงสาวที่อยากมาเป็นเจ้าสาวเขา

นภาพราวลุกขึ้นยืน ค้อมศีรษะน้อยๆ เพื่อขอบคุณชายหนุ่มที่มาเปิดประตูให้ ก่อนจะรีบหันหน้าไปทางชายหนุ่มที่ยืนรออยู่

“มานานแล้วหรือคะ” เธอถาม 

“อืม แต่นั่งคุยกับน้อง เลยรอไม่นาน” ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเลื่อนตาไปมองคนข้างๆ เธอ

ทันทีที่นภาพราวเห็นสายตานั้น จึงเลี่ยงการแนะนำให้รู้จักกันไม่ได้ เธอแนะนำเพียงสั้นๆ ว่า

“แสงคะ นี่คุณพิธาน คุณพิธานคะ นี่แสงค่ะ” 

แสงฉานและพิธานต่างยกมือขึ้นจับกัน ทักทายกันไม่ให้เสียมารยาท

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พิธานเป็นฝ่ายว่าก่อน ตามด้วยแสงฉาน

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” แสงฉานปล่อยมือแล้วกลับมายืนที่ด้านข้างของคนเป็นน้อง

แม้กินเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นระหว่างคนสามคนก็ทำให้เมฆานรีรู้สึกอึดอัดราวกับเวลาผ่านไปนานเป็นชั่วโมง หญิงสาวพยายามสังเกตคนสามคนที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งคือพี่สาว ที่พยายามมองหน้าชายคนรักเหมือนจะร้องขอให้เข้าใจเธอ อีกคนคือ คนเป็นพี่ชาย ที่แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่ง แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและเจ็บปวดอย่างชัดเจน หญิงสาวรู้สึกจุกไปกับพี่ทั้งสอง 

ส่วนคนที่สาม คือพิธาน คนที่เข้ามาทำให้ชีวิตรักของคนอื่นต้องวุ่นวาย กลับต่างออกไป เขาไม่ได้มองไปที่ชายหนุ่มหญิงสาวที่มองกันอย่างสื่อความหมาย แต่กลับจ้องมายังเธอ 

ทันทีที่สายตาของเมฆานรีประสานกับสายตาดุๆ ของพิธานที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอ หญิงสาวก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบและความน่าอึดอัดนี้

“พี่ฟ้าคะ พี่แสงซื้อขนมมาฝากด้วยค่ะ” 

คำพูดนั้นเรียกสติให้ทั้งสามคนละสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ ไปมองสิ่งที่เธอพูดถึงและชี้ไปให้ดู

“แต่ขนมส่วนใหญ่เป็นของโปรดของเมฆ” คนเป็นน้องว่าด้วยน้ำเสียงสดใส แม้ภายในใจจะไม่เป็นอย่างนั้น

“งั้นเหรอ ถูกใจเราเลยสิ” พี่สาวว่าด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเอ็นดูน้องสาว

“ค่ะถูกใจมาก” เมฆานรีพูดก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้พี่ชาย และได้รอยยิ้มที่เอ็นดูตอบกลับมา แต่เมื่อเธอหันไปหาใครอีกคน สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาไม่พอใจจนเธอหุบยิ้ม

“เอ่อ ฟ้าขอแบ่งให้คุณพิธานหน่อยนะคะ” นภาพราวขอความเห็นจากชายหนุ่มคนรัก ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากพยักหน้าและยิ้มรับอย่างอ่อนโยน

ทุกการกระทำของคนสามคนอยู่ในสายตาของคนเป็นผู้ใหญ่ที่สุด เขาแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากชายคนตรงหน้าเป็นคนรักของเมฆานรี (ที่แม้จะได้รับการยืนยันแล้วว่าเธอไม่มีใคร แต่ก็อดเชื่อไม่ได้ เพราะมาหากันถึงบ้านขนาดนี้) แต่ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงมองมายังว่าที่เจ้าสาวของเขาอย่างเจ็บปวดที่เห็นเธอมากับเขา แต่หากอีกฝ่ายเป็นอะไรกับว่าที่เจ้าสาวของเขาจริง ทำไมถึงใช้สายตาอ่อนโยนกับหญิงสาวที่มาขอให้เขาเลือกเป็นเจ้าสาว แล้วทำไมว่าที่เจ้าสาวของเขาถึงจะต้องขอความเห็นจากชายหนุ่ม หรือแค่เพียงเพราะเขาเป็นเจ้าของขนม

“คุณพิธานคะ” นภาพราวเรียกเขาให้ออกจากความคิดก่อนจะยื่นขนม แต่กลับโดนคนเด็กที่สุดในวงสนทนาคว้าไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวค่ะพี่ฟ้า” เมฆานรีรื้อขนมในถุง พึมพำบางอย่างกับตัวเองก่อนจะค่อยๆ ทยอยเอาขนมออกจากถุง และเปลี่ยนเป็นขนมที่คิดว่าพิธานน่ากินได้เข้าไปแทน

“นี่ค่ะ เรียบร้อย” เมฆานรีส่งยิ้มหวานให้พี่สาว ก่อนจะบอกในสิ่งที่ทุกคนสงสัย เพราะทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ส่งสายตาพร้อมขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่ออกเสียง

“คุณพิธาน ไม่ทานหวานนี่คะ อันที่เลือกไปเป็นอันที่ไม่ค่อยหวาน หนูกินบ่อยค่ะ” 

หญิงสาวก้มดูขนมในถุงอีกครั้ง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเงยหน้าแล้วพบกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของพี่สาวยิ่งกว่าเดิม กับสายตาจับผิดของว่าที่พี่เขย ส่วนเจ้าของชื่อกลับคลายปมที่หัวคิ้วแล้วเปลี่ยนเป็นอมยิ้มน้อยๆ ก่อนสีหน้าจะเคร่งขรึมอีกครั้ง

“เอ่อ ก็คุณพิธานอายุเยอะแล้ว ทานหวานมากไม่ดีใช่มั้ยคะ” หญิงสาวตอบไม่เต็มเสียงนัก พี่สาวและว่าที่พี่เขยพยักหน้า แม้จะยังดูพยายามจับผิดอยู่ ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่ยืนตรงหน้าเธอกลับขมวดคิ้ว สีหน้าและแววตาของเขาไม่พอใจมากกว่าเดิมจนเธอต้องก้มหน้าหนี

นภาพราวรับถุงขนมจากน้อง ก่อนจะส่งต่อไปให้คนที่ถูกกล่าวหาว่า ‘ทานของหวานไม่ได้เพราะอายุมากแล้ว’ พิธานก็รับไปโดยไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณ แล้วส่งต่อให้คนรถที่มายืนอยู่ด้านหลังเขา

“ถ้ายังไงฟ้าขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ” นภาพราวเอ่ยแล้วยกมือไหว้ชายหนุ่ม แล้วหันไปทางไปทางคนรัก 

“ฟ้าเข้าบ้านก่อนนะแสง” หญิงสาวว่าแล้วเดินแยกออกไป เมื่อได้รับรอยยิ้มจากชายคนรัก

เมื่อนภาพราวเดินหายเข้าไปในบ้าน แสงฉานก็เอ่ยขึ้น 

“ฟ้าถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ผมก็ขอตัว” เขาเลือกที่จะบอกคนอายุมากกว่าก่อนหันมาบอกเมฆานรี “พี่กลับก่อนนะ แล้วจะมาใหม่” 

แสงฉานวางบนหัวน้องสาวแล้วโยกเบาๆ แล้วแยกออกไป แต่โดนคนเป็นน้องห้ามไว้ก่อน

“เดี๋ยวพี่แสง เมฆเดินไปส่ง” เมฆานรีว่าก่อนหันมาโค้งขอตัวกับผู้ใหญ่ตรงหน้าแล้ววิ่งตามคนเป็นพี่ไป

 

“พี่แสง โอเคนะคะ” 

เมฆานรีถามเมื่อคนเป็นพี่ขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วเปิดกระจก ยื่นหน้าออกมาคุยกับเธอ

“พี่โอเค เมฆไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ไลน์คุยกับฟ้าเอง” คนเป็นพี่ตอบให้น้องสบายใจ ก่อนจะไล่ให้หญิงสาวเข้าบ้านไป

“ไปเข้าบ้านได้แล้ว ยุงเยอะ” เขายกมือลูบหัวน้องเบาๆ แล้วยืนยันอีกครั้ง “ไม่ต้องกังวล พี่ไม่เป็นไร” 

เมฆานรีเห็นดังนั้นก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยืดตัวขึ้น ถอยห่างจากรถ

“ขับรถดีๆ นะคะ” คนเป็นน้องว่าพร้อมโบกมือให้ แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น