12

บทที่ 12


 

บทที่ 12 

 “เปล่าไม่ได้นอนที่นี่ เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้...” ต้าฟงยืนคุยโทรศัพท์อยู่มุมรับแขกของบ้าน  ในขณะที่ผู้เป็นนายง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าในครัวไม่ไกลกันมาก บอดี้การ์ดหนุ่มชำเลืองมองไปทางนั้นประกอบการพูด “มาถึงออกปากไล่ฉันทันที แต่อย่างที่นายรู้ เรื่องอะไรฉันจะพลาดเรื่องสนุกแบบนี้”

“นายก็ชอบยั่วโมโห ก็รู้อยู่ว่านายน้อยต้องเก๊กเวลาอยู่กับพวกเรา ฉันว่านายกลับออกมาเถอะ นายน้อยจะได้สวมบทเป็นเชฟกวินได้โดยไม่ขัดเขิน” เอรอนบอกคู่สายน้ำเสียงมีความสุขกับเรื่องเล่าที่คู่หูบอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนายน้อยและเด็กข้างบ้าน “ฉันว่ามันต้องเป็นภาพที่คนเป็นพี่อย่างพวกเราอยากเห็นมานาน”

“ฉันถึงไม่อยากพลาดไง”ดวงตาของต้าฟงมีรอยยิ้มเมื่อชะเง้อมองคนที่กำลังปรุงอาหารเช้าในครัวอย่างมีความสุข “เอเจ...ฉันอยากให้นายมาเป็นภาพนายน้อยตอนนี้จัง นายน้อยลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าเพื่อให้คนที่นายน้อยรักได้กิน นายน้อยยิ้ม ฮัมเพลงเบาๆ นี่แค่ได้คุยกับคุณหนูเบลล์ไม่ถึงชั่วโมง นายน้อยก็ดูมีความสุขมากกว่าทั้งชีวิตรวมกัน นายมองภาพออกมั้ย...”

“ฉันว่าฉันมองออก...”

ต้าฟงยังคงมองผู้ที่ถูกเอ่ยถึงไม่วางตา สีหน้าดูจริงจัง “ฉันอยากเห็นรอยยิ้มของนายน้อยอย่างนี้ตลอดไป ต้องทำยังไงนะถึงจะได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไป”

“ทำให้นายใหญ่เลิกยุ่งกับคุณหนูเบลล์” เอรอนบอกสิ่งที่ต้าฟงเองก็รู้ “ทำให้นายน้อยลงเอยกับคุณหนูหยางให้ได้ นั่นเป็นทางออกเดียวที่พอมองเห็น”

“นั่นสินะ ไม่น่าจะถาม...ว่าแต่ทางนั้นสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง นายใหญ่มีอะไรเคลื่อนไหวเพิ่มเติมมั้ย หลังจากที่รู้ว่าถูกนายน้อยลักไก่เรื่องคุณธรรม์”

“อาจารย์เทียนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่ตอนนี้นายใหญ่บินไปฮ่องกง ที่นี่คุณชาคริตดูแลแทน ทุกอย่างก็ดูปกติ”

“โอเค...ฉันจะบอกนายน้อยตามนี้...งั้นแค่นี้ก่อนนะ ไว้ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทร.มาเล่า”

กวินที่เพิ่งออกมาจากห้องครัวทันได้ยินคำพูดก่อนวางสายของต้าฟง แม้ไม่ต้องได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่ก็เดาได้ว่าคู่สนทนาคงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากเอรอน เรื่องที่คู่นี้คุยกันก็คงไม่มีอะไรนอกจากเรื่องของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ซึ่งแม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเป้าให้ลูกน้องเม้าท์ แต่พอมาได้ยินการนินทาระยะเผาขนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ต้องรีบโทร.ไปรายงานคู่รักของนายขนาดนั้นเลยเหรอต้าฟง รอให้สายกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง”

“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวเอเจตกข่าวจะโกรธผมเอา ขี้เกียจง้อ” ช่วงนี้ต้าฟงชอบอำนายน้อยเรื่องนี้ “แล้วเอเจก็เป็นห่วงนายน้อยมาก กลัวไปทำเรื่องให้คุณหนูเบลล์เดือดร้อน”

“ดูเหมือนฉันจะกลายเป็น ‘ของสนุก’ ของนายกับเอเจนะช่วงนี้”

“ก็นิดหน่อยครับ” ต้าฟงยอมรับ ยิ้มออกนอกหน้า “ว่าแต่เมื่อคืนฝันดีมั้ยครับ”

คนเป็นนายอ้าปากจะตอบ แต่ถูกแซงพูดก่อน

“ไม่น่าถาม ก็ต้องฝันดีแน่อยู่แล้ว ได้คุยกับคุณหนูเบลล์ ถึงจะยังทำเก๊กๆ ใส่ ไม่ยอมดีด้วย แต่ก็ก้าวไปอีกขั้น มีท้ากันด้วย น่าสนุกที่สุด”

“นายรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” ค่อนข้างตกใจเพราะคิดว่ามีแค่ตนกับชลิตาที่รู้

“คุณหนูเบลล์เป็นคนไม่มีความลับกับป้าพิมพ์นะครับ เธอเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ป้าพิมพ์ฟัง แล้วป้าพิมพ์ก็โทร.มาเล่าผมต่ออีกทีตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนผมก็เล่าเอเจต่อเมื่อกี้”

“น้องเบลล์เล่าว่าไง” ถึงจะโกรธที่เรื่องถูกเล่าต่อ แต่ความอยากรู้จึงยอมลงให้

“ก็เล่าว่านายน้อยเป็นฮีโร่ เก่งสุดๆ เท่สุดๆ กล้าหาญที่สุด ถ้าไม่รู้มาก่อนว่ารักแรกของคุณหนูเบลล์คือนายน้อย ผมและป้าพิมพ์คงคิดว่าคุณหนูตกหลุมรักเชฟกวินแล้วล่ะครับ”

สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนฟังเผลอยิ้ม แต่ก็รีบกลับมาเก๊กเมื่อเห็นต้าฟงมองอยู่

“ไม่เชื่อก็ถามป้าพิมพ์ดูได้ครับ”

ต้องถามแน่อยู่แล้ว เรื่องอย่างนี้ฟังซ้ำๆ ก็คงไม่เบื่อ “แล้วมีอะไรอีก น้องเบลล์พูดถึงฉันว่าไงอีก”

“อืม” ต้าฟงทำท่าคิด “เธอว่าแซนด์วิชเมื่อคืนอร่อยมาก น้ำสมูทตี้ก็อร่อยชื่นใจ เธอชอบกระเป๋าที่เชฟกวินเลือกให้ อ้อ ไม่ใช่สิเธอเข้าใจว่านายน้อยเป็นคนเลือก...อืม มีตอนหนึ่งเธอบอกว่าทีแรกที่เห็นเชฟกวิน เธอนึกถึงผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเธอเมื่อหลายปีก่อน คนที่มีแผลเป็นที่ไหล่ขวา”

คำพูดนั้นเหมือนจะทำให้กวินหน้าซีด “ป้าพิมพ์บอกมั้ยว่าเป็นฉัน”

“ยังครับ ป้าพิมพ์ก็แค่รับฟัง แต่ถึงบอกก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ เพราะสุดท้ายผู้มีพระคุณคนนั้นก็ไม่ได้เชื่อมโยงอะไรกับนายน้อยมิราเคิลฯ อยู่แล้ว ผมว่าเป็นผลดีซะอีก คุณหนูเบลล์ก็ยิ่งจะเชื่อใจเชฟกวินมากขึ้น”

กวินคิดใคร่ครวญ “แล้วนายคิดว่าน้องเบลล์จะจำได้มั้ยว่าฉันเป็นคนที่ฆ่า...”คำพูดสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยกลัวความตายสั่นสะท้านได้ ความรู้สึกผิดทำให้แสดงความกลัวออกมา

ต้าฟงนิ่งไป มองหน้านายน้อยอย่างพินิจ นี่คงเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ นายน้อยของเขาไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับชลิตา กลัวความจริงในอดีต กลัวสิ่งที่เคยทำ

“ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ แต่เอเจเคยบอกว่าการใช้ชีวิตที่กลัวความผูกพัน ไม่เรียกว่าใช้ชีวิตหรอกนะครับ” ต้าฟงบอกด้วยท่าทางจริงจัง “ทั้งผม เอเจและก็นายน้อยล้วนได้แต่คาดเดา แต่ผมกับเอเจคิดเหมือนกันอย่างหนึ่ง ตลอดมานายน้อยคิดถึงแต่คุณหนูเบลล์จะทำอะไรก็คำนึงถึงผลกระทบ มองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ สิ่งที่นายน้อยทำ มีตรงไหนที่จะไม่ดีสำหรับคุณหนูเบลล์ เธอได้พี่ชาย เธอจะมีที่ปรึกษา เธอจะมีคนให้พึ่งพาที่มีตัวตนจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่นายน้อยมิราเคิลฯ ที่อยู่ไกลแสนไกล...กลับไปเถอะครับ กลับไปหาน้องสาวของนายน้อย นายน้อยจากเธอมานานมากแล้ว กลับมาในฐานะเดิมไม่ได้ ก็กลับมาในฐานะของเชฟกวิน พวกผมให้สัญญาว่าจะปกป้องความลับนี้ด้วยชีวิต”

ต้าฟงให้สัญญาผ่านคำพูดและแววตาที่มั่นคง รอคอยปฏิกิริยาตอบกลับมาของอีกฝ่าย

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จึงมีคำพูด “ขอบคุณ” หลุดจากปากผู้เป็นนาย มันเบาหวิวจนแทบกลืนหายไปในลำคอ แต่ต้าฟงกลับสัมผัสได้ชัดเจนจึงยิ้มกว้างดีใจ ส่งผลให้ผู้เป็นนายต้องแก้เก้อโดยเบือนหน้าหนี ทอดสายตาผ่านหน้าต่างไปที่บ้านริมน้ำ ตรงระบียงห้องนอนของชลิตาที่มีตุ๊กตาไล่ฝนแขวนไว้เต็ม

“สักพักคุณหนูเบลล์คงมาทำงานบ้านให้นายน้อย ผมกับลูกน้องคงต้องถอนตัวไปก่อน...ไว้วันมะรืนเจอกันนะครับ ระหว่างนี้ผมจะไปจับตาดูพวกซินเยียร์ให้แน่ใจ”

“นายบอกว่าวันมะรืน?”

“ครับ...วันที่นายน้อยนัดกับคุณหนูหยาง วันที่เชฟกวินจะต้องกลับเป็นนายน้อยเควินไงครับ ผมสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับเชฟกวิน แต่ตอนเป็นนายน้อยเควิน ผมก็ยังต้องทำหน้าที่นะครับ”

กวินอึ้งไปไม่คิดว่าต้าฟงจะยอมถอยออกไปโดยที่เขาไม่ได้ไล่ “ขอบใจ...”

ต้าฟงโค้งศีรษะลงเล็กน้อย เดินออกไปแต่ก่อนจะพ้นประตูเขาหันกลับมา “ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะคร้าบ มีความสุขกับวันเวลาที่นายน้อยคอย ผมกับเอเจจะคอยระวังหลังให้เอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะอยู่เคียงข้างนายน้อย และปกป้องคุณหนูเบลล์เท่าชีวิต...เพราะนี่คือสัญญาของพี่ชายทั้งสองคนของนายน้อย”

กวินไม่ได้พูดอะไรออกไป กระทั่งประตูถูกปิดลง รถของต้าฟงแล่นออกไปพ้นบ้าน

 “ขอบคุณพวกนายมาก...พี่ชาย”  นี่คือสิ่งที่ทั้งต้าฟงและเอรอนอยากได้ยินเป็นที่สุด...แม้ไม่ได้ยินกับหูแต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่า สำหรับนายน้อยแล้วพวกเขาก็คือ ‘พี่ชาย’ ที่พึ่งพาได้

 

หลังจากที่ได้อยู่ในรถเพียงลำพังในคืนนั้น ความสัมพันธ์กวินและชลิตาก็พัฒนาไปในทางที่ดี สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นายน้อยของต้าฟงและเอรอนมีความสุขอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็น เช่นเดียวกับพิมพ์พรและจุ๋นเจี๋ย ถึงแม้สองสามีภรรยาจะคุ้นชินกับความร่าเริงของชลิตา แต่การมีพี่ชายเป็นของตัวเองทำให้แววตาของเด็กสาวดูสดใสขึ้น

ในขณะที่สานสัมพันธ์กับชลิตา ‘กวิน’ ก็ยังคงต้องสวมบท ‘เควิน’ นั่นคือการทำตามคำสั่งของนิค เดินหน้าสานสัมพันธ์ดีๆ กับเหมยฮัว โดยเริ่มจากการไปร่วมงานแต่งที่เหมือนเป็นเดทแรกของทั้งคู่ ซึ่งสำหรับเควินแล้วการทำให้ผู้หญิงตกหลุมรักไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเขาคือผู้ชายที่มีทุกอย่างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฐานะ การศึกษา ยังไม่นับความใส่ใจรายละเอียด โดยเปิดตัวครั้งแรกก็สั่งกุหลาบสีพีชที่ชื่อ ‘จูเลียส โรส’ มาช่อใหญ่

ดอกกุหลาบชนิดนี้ไม่ใช่แค่เป็นกุหลาบที่แพงที่สุดหรือกลิ่นหอมน่าหลงใหลเท่านั้น มันยังมีความหมายแฝงว่าคนให้มีความจริงใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ด้วย แล้วเหนืออื่นใด สีพีชคือสีโปรดของเหมยฮัวด้วย นั่นทำให้เกิดความประทับใจแรกขึ้น เหมยฮัวจึงทำตัวน่ารัก เป็นคู่ควงไปงานแต่งที่ดี พูดคุยอย่างสนิทสนม

เหมยฮัวร่าเริงคุยเก่ง เข้ากับคนในงานได้ดี ทำหน้าที่แทนบิดาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แล้วนั่นก็คือภาพลักษณ์ของเหมยฮัวที่เควินคุ้นเคยดี เมื่อได้อยู่ใกล้เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชาคริตถึงได้ชอบเหมยฮัว เดทแรกนี้เหมือนจะผ่านไปด้วยดี กระทั่งตอนที่เควินขับรถมาส่งเหมยฮัวที่บ้าน

“จะเข้าไปในบ้านก่อนมั้ยคะ” เหมยฮัวเอ่ยชวนเมื่อเควินเปิดประตูรถให้เธอลง “ฉันเพิ่งได้ไวท์อายุห้าสิบปีมาใหม่อยากจะหาเพื่อนชิมอยู่เหมือนกัน...อย่าอ้างนะว่าต้องขับรถ คุณเรียกลูกน้องคุณมารับก็ได้ ยังไงก็ขับรถตามคุณมาอยู่แล้วนี่”

เควินยิ้มไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนช่างสังเกต “นี่ดึกมากแล้ว ผมเข้าไปคงไม่เหมาะ ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ ว่าแต่เราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ดีครับ”

“เจอกันในฐานะไหนล่ะคะ”

“คุณจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไรล่ะครับ”

“คนรู้จักที่จะเจอกันตามงาน...”

“เป็นมากกว่านั้นไม่ได้เหรอครับ”

“เพื่อน? ฉันไม่ชอบคบผู้ชายเป็นเพื่อน”

“แล้วในฐานะคนที่จะศึกษาดูใจกันล่ะ คุณจะให้โอกาสผมมั้ย”

“คุณไม่ใช่สเป็คฉัน...” เหมยฮัวพูดตรงๆ  “ฉันไม่ชอบผู้ชายประเภทที่แม้แต่เมียยังต้องให้ผู้ใหญ่เลือกให้อย่างคุณ...ไม่ต้องมาเถียง... ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบฉัน แต่เพราะพี่ชายคุณจีบฉันไม่ได้ พ่อของคุณก็เลยให้คุณมาจีบฉันแทน หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่”

เควินไม่คิดว่าเหมยฮัวจะเป็นคนตรงๆ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกชอบเธอ ผู้หญิงคนนี้มีดีกว่าหน้าตา หรือฐานะทางสังคม เขาไม่ปฏิเสธสิ่งที่เหมยฮัวพูดในคืนนั้น แต่แววตาที่เขามองกลับไป ก็ทำให้เหมยฮัวรู้ว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ยอมแพ้ เขายังคงจะเดินหน้าจีบเธอต่อไปและคงไม่ยอมล้มเลิกง่ายๆ ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปคงตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ไม่ยาก แต่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเธอที่ไม่เคยคิดจะเอา ‘ผู้ชาย’ มาทำสามี เพราะเธอคือ ‘คุณสา(มี) แห่งชาติ’ ของสาวๆ หลายสิบที่พร้อมจะตบตีกันแย่งชิงทันทีที่เธอสลัดคราบสาวเซ็กซี่เป็นทอมมาดเท่ 

“นี่สิตัวฉัน...” เหมยฮัวพูดกับตัวเองในกระจกหลังจากล้างเครื่องสำอางออกจากหน้า “ทำงานให้แด๊ดเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกล่าเหยื่อ วันนี้ไปที่ไหนดีนะ...ไปพัทยาดีกว่ามีสาวๆ ให้ตกเพียบ! ลุยเลยเหมยเหมย!” 

เพราะไม่อยากละเมิดความเป็นส่วนตัว ทำให้เควินและพวกพลาดเรื่องสำคัญนี้...

 

ครึ่งปีผ่านไป...

ความสัมพันธ์ของกวินและชลิตาดูเหมือนจะคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งสวนทางกับเรื่องของเควินและเหมยฮัว เพราะไม่ว่าชายหนุ่มจะพยายามเอาใจเธออย่างไรก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าจะเป็นการโผล่หน้าไปให้เห็นบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โทรศัพท์หา ส่งข้อความหา มีของขวัญและดอกไม้ให้ในโอกาสพิเศษและเทศกาลต่างๆ ถ้าไม่ว่างก็จะส่งคนตามไปดูแลเทคแคร์ แต่ดูเหมือนเหมยฮัวจะไม่สะท้านกับกลเม็ดจีบหญิงของเควินสักนิด 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน...เควินลงทุนบินมาฮ่องกงปิดภัตตาคารเพื่อดินเนอร์สุดพิเศษ แต่เหมยฮัวกลับให้เขารอเก้อหลายชั่วโมง ก่อนจะให้แม่บ้านโทรศัพท์มาบอกว่าป่วยกะทันหัน ขอยกเลิกนัดเดทนี้ พร้อมกับคำขอโทษขอโพยยกใหญ่

“ไม่เป็นไรครับ ฝากดูแลคุณหนูเหมยของป้าด้วยครับ”

เควินกดวางสายสีหน้าดูสวนทางกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป เขารู้สึกไม่สบายใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเหมยฮัวหยางปฏิเสธ แถมนี่เป็นนัดเดทที่ทางเจ้าสัวหยางเป็นตัวกลางช่วยออกหน้าให้ แต่สุดท้ายเหมยฮัวก็หาข้ออ้างไม่มา ชายหนุ่มถอดเสื้อสูท ดึงเน็คไทอย่างหงุดหงิด 

“นายมันไม่น่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอ...เควิน”

 “คราวนี้ให้เหตุผลว่าไงครับ” ต้าฟงที่คอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาสมทบ

“ให้แม่บ้านโทร.มาขอโทษ บอกท้องเสีย หมอเข้าไปดูอาการที่บ้านแล้ว ให้ยาและให้พักผ่อน”

“ดูน่าเชื่อถือพอจะอ้างกับเจ้าสัวหยางได้” ต้าฟงพยักหน้า “แต่ปัญหาคือคุณหนูหยางไม่ได้อยู่ที่บ้าน” 

“ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเหมยฮัว” เควินตำหนิ

“ขอโทษครับ” ต้าฟงโค้งศีรษะก่อนจะให้เหตุผล “แต่ผมอยากจะพิสูจน์ข้อสงสัยของนายน้อย”

“เรื่องอะไร”

“นายน้อยบอกว่าคุณหนูหยางดูแปลกๆ เธอไม่มีจริตของผู้หญิง ไม่สะทกสะท้านเวลาที่ถูกผู้ชายมอง”

“ใช่...” เควินบอกอย่างนั้น แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะให้ต้าฟงขัดคำสั่งเขา

“ออกตัวก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่ความคิดผมคนเดียว เอเจก็ให้ผมสะกดรอยดูคุณหนูหยางแบบจริงจัง เอเจบอกว่าพวกเราจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้ มันจะทำให้นายน้อยเสียความมั่นใจเรื่องจีบหญิง เกิดนายน้อยเบี่ยงเบนขึ้นมาซวยยกแผงเลยนะครับ นายใหญ่เอาพวกผมตาย!”

ต้าฟงคงเล่นใหญ่ทำท่าทางอย่างที่เอรอนเคยทำให้ดูถ้าไม่เห็นแววตาคาดโทษของนายน้อย

“เอาจริงๆ คือ...พวกเราห่วงนายน้อย พวกเราจะไม่ล้ำเส้นคุณหนูหยาง แต่อยากรู้พฤติกรรมจริงของเธอเพื่อมาเป็นประโยชน์กับฝ่ายเรา เพราะข้อมูลหลายอย่างที่พวกเราให้คนอื่นสืบมา เหมือนมันเป็นเรื่องแต่งขึ้นยังไงไม่รู้”

เควินเข้าใจสิ่งที่ต้าฟงทำจึงพยักหน้ายอมรับในที่สุด “ยังไงก็ระวังหน่อยก็ดี ฉันไม่อยากให้เหมยฮัวรู้สึกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว”

“ครับ...ว่าแต่วันนี้นายน้อยจะไปไหนต่อมั้ยครับ”

“ฉันไม่มีอารมณ์จะไปไหนทั้งนั้นแหล่ะ กลับไปตั้งหลักที่โรงแรมก่อนดีกว่า”

“งั้นก่อนกลับแวะไปที่หนึ่งก่อนดีมั้ยครับ”

“ที่ไหน”

“เขตบาร์เกย์-เลสเบี้ยน...เอเจไปที่นั่นตั้งแต่หัวค่ำ ผมบอกว่าจะตามไป...”

“พวกนายเป็นจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!” ต้าฟงยกไหล่ ตีหน้าจริงจัง แต่พอลับหลังสายตานายน้อยก็แอบยิ้ม “ฉันต้องระวังตัวมั้ย เวลาอยู่กับพวกนาย” 

“ไม่ต้องห่วงครับ นายน้อยไม่ใช่สเป็คผมกับเอเจ” ต้าฟงยังเล่น แต่ก็รีบพูดเข้าเรื่องก่อนที่นายน้อยจะเดินหนี “ครั้งนี้ไปงานครับ...เกี่ยวกับคุณหนูหยาง...”

“เหมยฮัว?”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น