6

คำที่ 6


คำที่ 6

 

ตลอดทางขากลับจากวิมานที่ไลลาลิณยังไม่ได้เหยียบย่างชมพื้นที่ของมานเมตต์อย่างจริงจัง หล่อนก็พร่ำบ่นถึงอาการป่วยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรของคุณหญิงศศินิภาแห่งสกายเน็ตเวิร์ค จนตลอดระยะเวลาเกือบสองชั่วโมงธันน์ต้องฟังเรื่องนี้วนไปจนเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ห้ามเพื่อนรัก เพราะเข้าใจในความกังวลของอีกคนดี

“ก็ไม่เห็นจะเคยป่วยอะไรเลยนะ อาหารการกินก็มีคนดูแลอย่างดี”

ไลลาลิณนึกไปสารพัดเชียวละว่าโรคแบบไหนจะเกิดกับคนวัยแปดสิบปีได้บ้าง ไลน์ไปถามพี่สาวทั้งสองก็เงียบฉี่จนคนใจร้อนอยากจะออกจากกลุ่มเสียดื้อๆ ถามอะไรไป พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเคยจะตอบสักที ในเมื่อถามคนในครอบครัวไม่ได้ หญิงสาวก็เซิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมือเป็นระวิง ปล่อยให้ธันน์ทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ของเขาไป นานๆ จึงได้ส่งเสียงขอความเห็นหรือบ่นออกมาแบบตอนนี้

“ไม่เป็นไรหรอกน่า อีกอย่างคุณย่าก็อายุไม่น้อยนะไลลา ตามวัยแหละ”

ปีนี้ก็ไม่รู้แปดสิบเท่าไรเข้าไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะท่านรุ่นๆ เดียวกับคุณปู่ของเขา เรียกว่าเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน อันที่จริงคุณธงผู้เป็นปู่ของธันน์นั้นต้องเรียกว่าเป็นเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันมาของเจ้าสัวอนันต์ แต่ก็คุ้นเคยกับคุณหญิงศศินิภาเป็นอย่างดี จนทุกวันนี้ก็ยังมีการติดต่อพูดคุยกันแล้วแต่วาระโอกาสจะอำนวย ที่เคยเอ่ยว่าบิดาซึ่งธันน์ตัดขาดไปแล้วรู้จักกับหม่อมราชวงศ์ศศินิภาก็เพราะเหตุนี้ หลังๆ มาคุ้นเคยกันมากขึ้นก็เพราะธันน์พาไลลาลิณเข้าไปแนะนำกับคนในครอบครัวว่าเป็นเพื่อน โดนซักประวัติไม่น้อย จนได้รู้แจ้งเห็นกันหมดนี่ละว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล เลยสะดวกใจที่เด็กทั้งสองจะสนิทสนมกัน ไว้ใจให้ไปไหนมาไหนกันแบบนี้ เรียกว่าชายหนุ่มคนนี้เข้านอกออกในที่พักของไลลาลิณได้ทั้งสามที่ แถมยังมีเบอร์ติดต่อผู้ปกครองของหญิงสาว

“แล้วเพื่อนธันน์เขาว่าไหม ไปนอนโรงแรมเขาแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาสักอย่าง”

ถึงธันน์จะส่ายหน้า แต่ชายหนุ่มก็ลอบมองอาการเพื่อน น้อยครั้งที่ไลลาลิณจะถามถึงบุคคลที่สาม นี่อย่าบอกนะว่ายายตัวแสบก็แอบหวั่นไหวกับรุ่นพี่ของเขาเหมือนกัน ปากก็พูดออกไปตามความจริง

“ธันน์บอกพี่หมากไปแล้วว่าคุณย่าไม่สบาย พี่หมากยังบอกเลยว่าถ้าลงมากรุงเทพฯ จะขอเข้าไปเยี่ยม”

ไลลาลิณฟังแล้วก็พยักหน้ารับ ไม่ได้คิดหรอกว่าอีกคนจะเข้าไปที่บ้านจริงๆ คนคนนั้นคงพูดตามมารยาท ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นมาในลำคอเมื่อไม่มีแม้แต่คำถามถึงหล่อน เมื่อจิตใจไม่ปกติไลลาลิณเลยหยิบมือถือออกมาไถไอจีดูคอมเมนต์จากร้านต่างๆ ที่ได้ไปกินมาในช่วงสามคืนสามวันที่ผ่านมา ก่อนจะเห็นว่ามีผู้ขอติดตามรายใหม่ที่ไม่คุ้นตากดไลก์รูปในบัญชีผู้ใช้@dineoutthereติดกันเป็นพรืด กำลังจะกดเข้าไปดูอยู่แล้วเชียวว่าแฟนคลับรายใหม่ล่าสุดคือใคร แต่ธันน์กลับพูดขึ้นมาก่อน

“ไอ้บอยมันส่งรายงานมาครบละ ธันน์ส่งต่อให้อาจารย์เลยนะ”

“อือ เดี๋ยวรอบนี้ไลลาจ่ายเอง” หล่อนรีบกดออกจากอินสตาแกรม เข้าแอปพลิเคชันการโอนเงินออนไลน์ เนื่องจากใช้บริการไอ้บอยของธันน์มาหลายครั้ง มีเบอร์บัญชีที่เก็บไว้ในบัญชีโปรดเรียบร้อย ไม่วายเตือนเพื่อนรักให้จัดการค่าใช้จ่ายให้ผู้ชายใจร้าย ปากร้าย ที่พูดจาทำร้ายใจกันคนนั้น “อย่าลืมโอนค่าโรงแรมให้เขานะ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป”

“รู้แล้วน่า ถึงแล้วไลลา”

ธันน์บอกระหว่างที่รถตู้อัลพาร์ดสีขาวของเขาเลี้ยวเข้าประตูใหญ่ของ ‘นภดลนภาลัย’ ให้เพื่อนรักเก็บมือถือลงกระเป๋าจะได้พร้อมลงจากรถ

ไลลาลิณได้ยินแบบนั้นก็ทำตามคำบอกของเพื่อนด้วยความรวดเร็ว ไม่วายชวนธันน์ให้เข้าบ้านเหมือนทุกครั้งที่มีเหตุต้องไปไหนมาไหนกันด้วยรถคนเดียว

“ธันน์ลงไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกันนะ”

“อือ ได้”

ยังไงก็ต้องลงไปกราบผู้ใหญ่ที่เคารพ อีกอย่างเขาก็เอาไลลาลิณไปต่างจังหวัดมาตั้งหลายวันโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ทั้งๆ ที่แค่แจ้งก็ไม่มีใครขัดแย้งใดๆ ตาก็มองจอมือถือขณะพิมพ์ข้อความตอบมานเมตต์ที่ถามเข้ามาพอดีว่าทั้งคู่เดินทางถึงกรุงเทพฯ หรือยัง เลยไม่ได้เห็นว่าหม่อมราชวงศ์ศศินิภาเตร็ดเตร่อยู่ที่สนามหน้าตึก

“เอ๊ะ นั่นคุณย่านิ ไหนว่าไม่สบาย ป้ะธันน์ ลงกัน”

ไลลาลิณไม่รอช้าเมื่อเห็นคุณย่า และเป็นจังหวะเดียวกับที่รถจอดพอดี จึงรีบกระโจนลงไป ไม่วายคว้าข้อมือของชายหนุ่ม พาวิ่งเข้าหาสตรีมีบรรดาศักดิ์สูงวัยที่ใบหน้าดูอิ่มเอิบดี ไม่ได้มีท่าทีว่าไม่สบายตรงไหนอย่างไร

“คุณย่าขา”

คนตัวเล็กประนมมือกราบลงบนอกผู้สูงวัย จับเนื้อลูบตัวคนที่เป็นธิดาของหม่อมเจ้าแห่งราชสกุลนภดล ในขณะที่ผู้ใหญ่ก็กอดหลานสาวสุดที่รักไว้เต็มแขน รู้ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตัวไม่กลับบ้านว่าไปต่างจังหวัดกับธันน์ รับทราบจากการบอกเล่าของหลานสาวคนโตที่ร้อนรนกลัวน้องจะเสียใจแล้วว่าไลลาลิณน่าจะงอน แต่ท่านบอกให้ทุกคนนิ่งไว้ เพราะในวันที่รับไลลาลิณออกจากบ้านไปถ่ายรูปประกอบคอลัมน์สัมภาษณ์ ทุกคนที่ดูเหมือนจะทอดทิ้งหนีหาย แต่แท้ที่จริงแล้วมีนัดกันไปเลือกของขวัญวันเกิดของสาวสวยคนเล็ก รอจนของมาส่งเรียบร้อย ผ่านไปหนึ่งวันก็ไม่เห็นว่าจะมีการติดต่อกลับ จึงยอมทนอีกหนึ่งคืน แล้วสั่งการให้เพียงรุ้งโทร. ไปหาเรื่องเรียกไลลาลิณกลับจากต่างจังหวัด

“ไลลา ธันน์”

นัยน์ตาที่มองโลกมากว่าแปดสิบปีทอดมองไปที่ชายหนุ่มวัยยี่สิบหก ซึ่งมีสถานะเป็นเพื่อนสนิทของไลลาลิณ แม้ว่าหลายๆ คนจะพูดให้เข้าหูว่าทั้งคู่อาจจะมีความสัมพันธ์กันมากกว่านั้น แต่คนที่มองอะไรขาดมาตลอดกลับไม่เห็นความผิดปกติของคนคู่นี้ ถึงได้ไว้วางใจให้ไปไหนมาไหนกันแบบชิดเชื้อเช่นนี้

“สวัสดีฮะคุณย่า”

คนที่ปู่เป็นเพื่อนกับย่าของไลลาลิณยกมือไหว้ทำความเคารพหม่อมราชวงศ์ตรงหน้า เขารักและเคารพญาติผู้ใหญ่สุดของไลลาลิณด้วยความบริสุทธิ์ใจเหมือนกับญาติตัวเอง ทั้งเพราะท่านก็เอ็นดูเขา และเขาเองก็โหยหาความอบอุ่นแบบครอบครัวอยู่ลึกๆ

“ไปเที่ยวกันมาสนุกไหมล่ะ ไม่ชวนย่าเลย”

นางสิงห์แห่งสกายเน็ตเวิร์คมองหลานสาวคนเล็กที่ทั้งรักทั้งห่วงสุดหัวใจสลับกับหลานชายของเพื่อนสนิทสามี เด็กทั้งคู่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาพร้อมกันเหมือนในนิยาย แต่มาพบปะเจอกันเองในมหาวิทยาลัย ดันสนิทสนมกันมากโดยที่ผู้ใหญ่ไม่ได้เกี่ยวข้อง

“งั้นๆ แหละค่ะ หนูนอนดูซีรีส์ซะเป็นส่วนใหญ่”

“โทษทีฮะที่ไม่ได้ให้ไลลาขอก่อน ฉุกละหุกนิดหน่อย”

ธันน์ยกมือขอโทษผู้ใหญ่อีกที แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดบิดา แต่สิ่งที่มารดาสอนไว้ก็ยังติดตัวมา ทำให้เขาเป็นผู้ชายน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ใหญ่ที่บ้านไลลาทั้งหมด ขนาดแม่แก่อย่างเพียงดาวที่ช่างสังเกตและเก็บรายละเอียดทุกอย่างในโลกยังติ๊กผ่านให้ผู้ชายที่ชื่อธันน์

“ไปไหนกันมา นอนที่ไหนกันล่ะ”

“มวกเหล็กค่ะ นอนโรงแรมเพื่อนธันน์เขา”

“ดีจัง ย่าก็ไม่ได้ไปแถวนั้นนานแล้วนะ อากาศดีไหมธันน์”

“มากๆ เลยฮะ ไว้คุณย่าว่างๆ ธันน์พาไป นี่พี่เขาก็บอกว่าจะเข้ามาเยี่ยมคุณย่านะฮะ เพราะทราบตอนพวกเราจะออกมาว่าคุณย่าไม่สบาย”

ธันน์พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในขณะที่หญิงสาวปรายตาไปมองคนที่ยืนข้างๆ ท่าทางเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้านตัวเอง รายงานย่าหล่อนเหมือนพูดกับย่าเขาเองก็อดค้อนไม่ได้ ชอบมาทำให้เป็นหมาหัวเน่าอยู่เรื่อย

“นั่นสิ คุณย่าหายแล้วเหรอคะ พี่รุ้งบอกคุณย่าไม่สบาย หนูเลยรีบกลับมา ทำไมออกมาเดินเล่นแบบนี้ เข้าบ้านกันไหมคะ”

มือบางพยายามดันหลังให้ผู้สูงวัยออกเดินกลับเข้าไปในอาคารที่เคยเป็นตำหนักในวังนภดลนภาลัย แต่มีการรีโนเวต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพิ่มเติมให้ทันสมัยให้เหมาะสมกับกาลเวลา

แต่หม่อมราชวงศ์ศศินิภาไม่ยอมเขยื้อนตัว กลับจับบ่าของหลานสาวไว้พลางมองหน้ามองตา อยากจะให้ของขวัญหลานในวันเกิด แต่เจ้าตัวก็เคยขอไว้ว่าไม่ชอบความเอิกเกริก เพราะทุกครั้งของทุกปีในคืนวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม ที่นภดลนภาลัยจะมีงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเสมือนเป็นงานประจำปีที่คุณหญิงศศินิภาจะจัดขึ้นเพื่อเลี้ยงดารา พนักงาน คู่ค้าผู้หลักผู้ใหญ่คนดังในสังคม เรียกว่ามากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน ใครดังใครรวยก็ยิ่งต้องโผล่หน้ามาเจอคนในระดับเดียวกัน ใครที่อยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว อยากมีชื่อเสียงในสังคมก็หาทางติดสอยห้อยตามใครก็ได้มาให้ได้เช็กอิน ให้มีรูปอยู่ในบรรยากาศหรูหราฟู่ฟ่าสนุกสนาน ได้เจอคนโน้น ได้พบคนนี้

และเวลาก่อนเที่ยงคืนแขกทั้งหมดก็จะต้องมายืนออร้องเพลง “แฮปปีเบิร์ทเดย์” ให้ไลลาลิณซึ่งเกิดในวันที่หนึ่งมกราคม เวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาที ตอนเด็กๆ หล่อนก็ตื่นเต้นที่มีคนแห่เอาของขวัญมาให้ แต่พอโตเป็นสาว ทุกครั้งสิ่งที่หล่อนได้จะถูกเผยแพร่ออกไปตามข่าวสังคมต่างๆ และบ่อยครั้งที่หล่อนเองก็ถูกทำร้ายจากวันแห่งความสุขเหล่านั้น

...

‘เมื่อวานวันเกิดเหรอ’ เพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งถามระหว่างเดินสวนกัน

ไลลาลิณพยักหน้าตอบ มีความสุขที่สุดเพราะได้สร้อยที่มีจี้เพชรเป็นชื่อย่อเหมือนที่พี่สาวได้เมื่อตอนอายุครบสิบห้าปี แบบที่สมาชิกในราชสกุลนภดลทุกคนมีกัน เมื่อเช้าก็มีข่าวลงรูปตอนที่คุณย่ากำลังใส่สร้อยให้หลังจากที่ไลลาลิณเป่าเค้กวันเกิดเรียบร้อย และคนที่เห่อของใหม่ก็ใส่มาโรงเรียนวันนี้พร้อมด้วยสีหน้าละมุน ยิ้มระรื่นมาตลอดทาง

‘อวดรวย ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้’

มือของเพื่อนหมายจะมากระชากสร้อยออกจากคอเรียว แต่เด็กสาวที่เพิ่งเปลี่ยนคำนำหน้านามมาเป็นนางสาวถอยหนีพลางปัดมือของศัตรู เล่นเอาอีกฝ่ายที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาจะเอาเรื่องไลลาลิณ เลยทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต จากนั้นหลานสาวคนนี้ก็ประกาศว่าต่อไปนี้อยากให้มีช่วงเป่าเค้กก็ทำไป แต่เรื่องของขวัญขอให้มอบกันให้เรียบร้อยก่อนวันเกิด

...

“อันที่จริงต้องใช้คำว่าไม่สบายใจ”

เพราะจากวันนี้ไอ้ลูกชายตัวดีก็จะไปเมืองนอก กลับมาอีกทีก็วันงานเลย ทำให้จะไม่มีโอกาสได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่ที่ปีนี้พ่อกับย่าลงขันร่วมกันซื้อให้สาวน้อยที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

“คุณย่ามีอะไรเหรอคะ”

“ซื้อของขวัญมาให้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้เพราะเจ้าของวันเกิดไม่ยอมกลับบ้านเสียที นั่น รถคันใหม่ เราชอบไหม”

“กรี๊ด หนูรักคุณย่าที่สุดเลย”

หน้าหวานหันไปตามนิ้วของคุณย่าที่ชี้ไปด้านหลัง ทำให้หล่อนได้เห็นว่าสุริยันผู้เป็นบิดาขับรถมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คสสีส้มน่ารักมาจอดไว้ให้ คันนี้ที่หล่อนเห็นในทีวีวันที่นอนบ้านคุณย่า และดูละครเป็นเพื่อนท่าน ซึ่งแน่ละการดูละครกับหม่อมราชวงศ์ศศินิภาไม่ใช่เป็นไปเพื่อความบันเทิงแต่อย่างใด แต่ไลลาลิณต้องนั่งฟังคุณย่าวิพากษ์วิจารณ์ดารานักแสดง ผู้จัดในสังกัดให้วุ่นวายไปหมด จะให้หนีขึ้นห้องไปอยู่คนเดียว ไลลาลิณก็ยอมฟังอะไรที่เครียดและได้คุยกับคุณย่าดีกว่า และตอนที่โฆษณาตัวนี้ฉาย ไลลาลิณก็พูดลอยๆ ออกมาว่าถูกใจ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์หลังจากนั้นจะได้มาครอบครองแบบนี้

สาวร่างเล็กบางกระโดดปรบมือที่ได้ของขวัญสมใจ โผเข้ากอดและหอมแก้มหม่อมราชวงศ์ศศินิภา ก่อนจะวิ่งไปทำแบบเดียวกันกับสุริยันที่ยืนยิ้มเท้ากรอบประตูรถคันจิ๋วโบกกุญแจให้ เห็นแบบนั้นธันน์ก็เลยหันไปยกมือไหว้คุณหญิงย่าอีกที

“ถ้าคุณย่าแข็งแรงแบบนี้ ธันน์กลับก่อนดีกว่าฮะ”

“อ้าว ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันหรือไง”

คนแก่หันมองชายหนุ่ม ปกติถ้ามาถึงบ้านแบบนี้ธันน์ก็จะร่วมโต๊ะด้วยไม่มื้อใดก็มื้อหนึ่ง โดยไม่ต้องให้ออกปากชวน แต่วันนี้กลับมีอะไรบางอย่างในแววตาของเจ้าตัวยามทอดมองไปทางไลลาลิณ เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แล้วก็ส่ายหน้าหล่อยืนยันคำพูดของตัวเองอีกที

“ไม่ดีกว่า อยู่กันมาไม่รู้กี่มื้อแล้วฮะ อีกอย่างท่าทางจะเห่อรถจนลืมผมไปแล้ว”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น