8

คำที่ 8


คำที่ 8

 

ไลลาลิณเริ่มจะงงไม่น้อยเมื่ออยู่ดีๆ สุริยันที่ควรจะอยู่ต่างประเทศก็โทร. มาหาหล่อนว่าวันนี้จะมีแขกมากินอาหารเย็นที่บ้าน ซึ่งคุณย่าและเพียงดาวที่อาศัยอยู่บ้านมารดาก็จะมาร่วมด้วย หลังจากคุยกับอาจารย์เสร็จให้รีบกลับบ้าน แต่หล่อนนัดธันน์กินข้าวไว้ ก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เพราะเอาจริงๆ ก็แอบคิดถึงบิดาที่ไม่ได้เจอหน้ากัน และเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าหากเสร็จธุระกับที่บ้านแล้วอยากหาอะไรด้วยกันทำก็ให้โทร. มา และเมื่อหล่อนเดินเข้าบ้านก็ต้องงงไปกันใหญ่เพราะเพียงรุ้งซึ่งปกติจะไม่มาเดินวนไปวนมาในโถงรับแขก แต่นี่ไม่รู้ซ้อมเดินแบบการกุศลงานไหนอยู่ถึงเดินวนไปวนมาและปราดมาลากแขนน้องสาวคนเล็กขึ้นห้องนอนทันทีที่เห็นหน้า

“พี่รุ้งอะไรกันอะ จะลากหนูไปไหน”

“ทำไมช้าอะ รถติดหรือไง พี่รุ้งอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”

คนสวยตั้งแต่หัวจดเท้าทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่น้องสาว ทั้งเพราะไม่ได้ดั่งใจที่ไม่พูดออกมาเสียที แถมดูสิ ขนาดหน้าไม่แต่งเลย แก้มยังเป็นสีแดงระเรื่ออมชมพู อย่างว่าละ ไลลาลิณเด็กกว่าหล่อนตั้งเกือบสิบปี ก็ไม่แปลกอะไรที่ผิวจะใสจนเห็นเส้นเลือด เดี๋ยวใกล้ๆ เลขสามก็ต้องวิ่งมาขอความรู้เรื่องปกปิดริ้วรอยอยู่ดี

“อยากรู้อะไร ทำไม มีอะไร ใครจะมาเหรอ แล้วทำไมพ่อกลับมาเร็วอะ”

ต้องเป็นคนสำคัญไม่ใช่น้อยที่ทำให้บิดายอมอยู่กินข้าวเย็นที่บ้าน แถมยังเลื่อนกำหนดการกลับจากต่างประเทศ ขนาดเมื่อสองปีก่อนหล่อนเป็นไข้หวัดใหญ่เข้าโรงพยาบาล สุริยันก็แค่ต่อสายมาบอกว่าให้หมอในโรงพยาบาลดูแลดีๆ

เพียงรุ้งได้ยินแบบนั้นก็ห่อปากตาโต ที่หล่อนต้องยกเลิกนัดก็เพราะคุณย่าโทร. บอกว่าจะมีแขกของ ‘ไลลา’

“พี่รุ้งต้องถามไลลาไหมว่าใครจะมา”

ไลลาลิณก็ได้แต่ทำหน้าตาเหลอหลา จะมาถามอะไรกับหล่อน เพิ่งรู้ว่าต้องมากินข้าวเย็นร่วมกันเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วเอง

“หืม? จะมาถามหนูได้ไง หนูยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

พี่สาวคนโตได้ยินแบบนั้นก็เปลี่ยนเป็นหรี่ตามองน้องแทน เริ่มเอะใจเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาไลน์หาเพียงดาวในห้องแชตส่วนตัวว่าสะดวกคุยไหม เมื่ออีกคนตอบกลับมาว่าพอมีเวลาคุยได้สักสิบนาทีก่อนที่จะต้องเคลียร์งานต่อเพื่อออกมาบ้านคุณย่า เพียงรุ้งก็ไม่รอช้า เอ่ยปากบอกน้องเล็กทันที

“ไม่รู้ก็อาบน้ำแต่งตัวไป แต่งหน้าด้วยนะ จะมาหน้าสดแบบนี้พี่กินข้าวไม่ลง”

 

“ฮัลโหล” เพียงรุ้งเดินพ้นประตูห้องนอนของไลลาลิณแล้วป้องปากบอกน้องสาวฝาแฝดในสาย “รอแป๊บนะ”

พูดแล้วก็ค่อยๆ ปิดประตูห้องนอนน้องเล็กลง ก่อนจะรีบวิ่งกลับห้องนอนตัวเอง ล็อกแน่นหนา กำลังจะอ้าปากถามอีกคนด้วยความร้อนใจ แต่เพียงดาวก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม มีอะไร ใช่เรื่องที่เราต้องไปที่นภดลนภาลัยวันนี้ไหม”

ปกติหากไม่ได้เป็นวันเกิดใคร ไม่ได้เป็นวันสำคัญอะไร ก็จะไม่มานัดเจอกัน เพราะต่างคนต่างมีความรับผิดชอบ แต่นี่เพียงดาวได้รับสายด่วนจากคุณย่าว่ามีเรื่องสำคัญให้เข้ามาหา บอกเวลาแน่นอนไม่พอ ยังกำชับด้วยว่าให้อยู่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็น จนเพียงดาวต้องให้เลขาฯ ยกเลิกนัดที่มีอยู่ก่อนแล้วให้

“อือ ก็แขกที่คุณย่าบอกว่าของไลลาเนี่ย น้องยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร”

“อะไรนะ! แขกไลลาเหรอ”

เพียงดาวได้ยินแฝดพี่บอกแบบนั้นก็วางปากกาที่กำลังแก้ไขความถูกต้องของเอกสารลง ขมวดคิ้วเพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ตกลงนี่มันเรื่องตลกอะไรกัน

ในขณะที่เพียงรุ้งก็ถามน้องสาวที่คลานตามกันมาไม่กี่นาทีเสียงหลง “อ้าว แล้วคุณย่าบอกดาวว่าอะไร”

“บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ตกลงนี่มันเรื่องอะไร สำคัญจริงไหม เรามีนัดกับลูกค้านะจริงๆ แล้วน่ะ”

“โอ๊ย ถ้างั้นเราก็ไม่รู้แล้วละว่าอะไรยังไง ไลลาโดนพ่อโทร. ตาม ไม่ใช่คุณย่าด้วยซ้ำ”

เพียงรุ้งฟาดมือลงบนเตียงหนานุ่ม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่เร่งให้เพียงดาวออกจากบริษัทของพ่อเลี้ยงที่น้องสาวฝาแฝดบริหารอยู่ อย่างน้อยมานั่งจับอาการ มานั่งสังเกตการณ์ด้วยกันที่นี่น่าจะดีกว่าให้หล่อนมัวแต่สอดส่องอยู่เพียงคนเดียว

“ดาวรีบๆ ออกมาได้แล้ว งานน่ะพรุ่งนี้ค่อยกลับไปทำ รุ้งว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว”

 

แต่สองสาวฝาแฝดยังไม่ทันได้สุมหัวหาคำตอบให้ตัวเองทั้งคู่ เพราะหลังจากเพียงดาวเดินทางมาถึงนภดลนภาลัย หม่อมราชวงศ์ศศินิภาก็ให้คนมาเชิญสามสาวนภดลที่ตอนนี้อยู่ที่ ‘ตึกคุณฤกษ์’ ไปเจอกันที่ศาลากระจกที่คุณย่ามักไว้ใช้รับรองแขกสำคัญที่ให้ความเป็นกันเอง ตั้งอยู่กลางสวนสวย รอบศาลามีชานยื่นออกไป ซึ่งในวันอากาศดีก็เปิดประตูกระจกออกสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้แต่ในวันนี้คุณหญิงศศินิภาให้เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่กำลังเป็นประเด็นทางสิ่งแวดล้อมอยู่ตอนนี้

“มากันแล้วเหรอ รุ้ง ดาว”

ทันทีที่เสียงเปิดประตูดังขึ้น หม่อมราชวงศ์ศศินิภาก็ทราบได้ทันทีว่าใครเดินเข้ามา

“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณย่า”

เพียงดาวเอ่ยพร้อมทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ แม้จะเป็นหลานเหมือนกัน แต่การที่หล่อนอยู่กับมารดาทุกวันก็ทำให้เหมือนเป็นคนนอกครอบครัวไม่น้อย

“มาเร็วนิ ย่าไม่ได้บอกเวลาเราผิดใช่ไหม”

เพราะมั่นใจว่าตอนที่โทร. หาเพียงดาวด้วยตัวเอง ท่านกะเวลาไว้แล้วว่าจะไม่เผื่อเหลือให้สองแฝดมาซักไซ้ แต่ที่ไหนได้ดูสิ คนเป็นย่าปราดตาคมมองไปที่เพียงรุ้งที่ทำไม่รู้ไม่ชี้ท้าทายอำนาจนายใหญ่แห่งสกายเน็ตเวิร์คเสียเหลือเกิน

“รุ้งเร่งเองแหละค่ะคุณย่า”

คนที่ตัวเท่ากัน หน้าคล้ายกันเดินรี่เข้ามาหาคุณย่าที่กำลังยืนมองเด็กเตรียมโต๊ะอาหาร แล้วหันมองหน้ากัน

“แขกวันนี้ใครกันคะ ไหนคุณย่าบอกรุ้งว่าเป็นแขกของไลลา น้องไม่เห็นรู้เรื่องเลยนะคะ”

พี่สาวคนโตสุดในชั้นหลานของราชสกุลนภดลถามเป็นไฟ ในขณะที่เพียงดาวแตะแขนคุณย่าแล้วพามานั่งที่โซฟารับรองที่ตั้งไว้ ทั้งๆ ที่ท่านก็ยังเดินเหินเป็นปกติ แต่หันไปมองเพียงรุ้งที่กำลังไขข้อข้องใจ ในขณะที่หม่อมราชวงศ์ศศินิภายกยิ้ม วางมือทับลงบนมือเพียงดาว มองหน้าหลานสาวคนที่สองที่กำลังจับจ้องท่าน ผู้หญิงคนนี้แม้ไม่เอื้อนเอ่ยเปิดเผยเหมือนคู่แฝด แต่แววตาที่มองคนอื่นนั้นก็สามารถวิเคราะห์ได้ขาดว่าใครเป็นแบบไหน เพราะแบบนี้กิจกรรมที่ท่านดำริในวันนี้จึงจำเป็นต้องมีทั้งคู่

จริงๆ ท่านโทร. หาจันทร์เจ้า อดีตลูกสะใภ้แล้วว่าหากไม่ติดอะไรก็อยากให้มากินข้าวเย็นร่วมกัน แต่น่าเสียดายที่ทางนั้นมีภารกิจกับสามีจึงไม่อาจมาร่วมได้ ส่วนสุริยันนั้นท่านโทร. ไปสั่งตั้งแต่เมื่อวานว่าไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกกับใครก็ตาม ก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินบินกลับมา ไม่งั้นละครเรื่องที่อ้างกับไลลาลิณว่ายกกองไปถ่ายต่างประเทศ แต่ที่จริงแล้วแค่หิ้วนางรองเรื่องนั้นไปทำเรื่องเจ้าชู้จะไม่มีวันได้ออกอากาศ แถมคนที่กำลังขึ้นหม้อจะโดนฉีกสัญญาไล่ออกจากช่อง สุริยันเลยไม่มีคำค้านใดๆ เปลี่ยนตั๋วบินกลับเมืองไทยตามคำสั่งของมารดาไม่พอ ยังรีบโทร. บอกไลลาลิณให้กลับบ้านทันทีที่เขาลงเครื่องตามคำสั่งของมารดาอีกด้วย

“อืม ย่าก็ไม่คิดว่าไลลาจะรู้นะ แล้วนี่พ่อเรามาถึงหรือยัง”

หม่อมราชวงศ์ศศินิภาเลี่ยงไม่ตอบ แต่ถามถึงบุตรชายคนเดียว ป่านนี้น่าจะลงเครื่องมาได้ตั้งนานแล้ว

“เห็นรถเพิ่งเข้ามาตอนรุ้งกับดาวจะมาหาคุณย่านี่แหละค่ะ” เป็นเพียงรุ้งอีกตามเคยที่รายงาน “ตกลงแขกที่ว่านี่ใครคะ รุ้งอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”

แฝดคนโตทิ้งตัวลงนั่งประกบผู้เป็นย่าบ้างพลางเขย่าแขนคุณหญิง เพราะแม้จะอยู่คนละตึก แต่ก็รั้วเดียวกัน ทำให้คุ้นเคยมากกว่าเพียงดาวที่ต่อจะให้นั่งประกบท่านอีกข้าง แต่ก็ไม่ได้ชิดเชื้อเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ แม่บ้านคนสนิทของหม่อมราชวงศ์ศศินิภาก็เปิดประตูศาลากระจกเข้ามาดึงความสนใจของฝาแฝดสองคน ที่ต้องรีบหันมามองหน้ากันทันทีที่เห็นชายร่างสูงใหญ่เดินตามเข้ามา ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร เสียงของผู้มีอำนาจมากสุดในบ้านก็ดังขึ้นอีก

“แม่ต๋อย ไปตามคุณฤกษ์กับคุณไลลามาได้แล้วไป”

 

“จริงๆ ที่บ้านผมทำบริษัทบิลดิง เวนเดอร์ครับ”

ชื่อบริษัทของครอบครัวที่ตั้งตามศัพท์ภาษาอังกฤษแปลตรงตัวว่า ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างถูกเอ่ยออกมาจากปากมานเมตต์หลังจากที่นางสิงห์แห่งสกายเน็ตเวิร์คเอ่ยถามว่าพื้นเพของที่บ้านทำอะไรมาแต่เดิม นอกจากธุรกิจส่วนตัวของเขาที่เล่าให้ท่านฟังไปแล้วในคราวแรกที่พบกัน

ด้านไลลาลิณได้แต่หันซ้ายทีขวาที อยากจะอ้าปากถามใครสักคนในที่นี้ว่ามานเมตต์มาเป็น ‘แขก’ ในวันนี้ได้เช่นไร แต่ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาท เพราะคุณย่ากำลังเป็นประธานในการคุย สาวน้อยสุดของบ้านเลยได้แต่เลี่ยงออกไปทางบาร์ หาอะไรเย็นๆ ดื่มสักแก้วน่าจะคลายความร้อนใจได้ แต่พอกำลังจะถอยเท้าออกจากวงสนทนา แขกก็ก้มหน้าลงมามองด้วยสายตาเป็นคำถามไม่พอ ยังกระซิบเอ่ยแค่ให้ได้ยินกันสองคนด้วย

“จะไปไหน”

ก็รู้ละว่าไม่ว่าจะคุณหญิงศศินิภาหรือคุณฤกษ์ล้วนมองอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากให้คนที่รู้จักดีที่สุดในบรรดาคนแปลกหน้าทั้งหมดหายไปไหน ต่อให้จะโตกว่า เข้าสังคมมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามานเมตต์จะเป็นต้องรู้สึกเป็นกันเองในการยืนสนทนาท่ามกลางคนอื่นแบบนี้

“เอาน้ำ”

เสียงหวานกระซิบบอก อึดอัดกับสายตาของพี่สาวฝาแฝดทั้งคู่ที่เหมือนจะถามอยู่ตลอดเวลาว่าคนคนนี้เป็นใคร ถ้าย้อนกลับไปได้เมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น ไลลาลิณจะไม่มีทางอนุญาตให้ธันน์เชิญมานเมตต์มาที่นี่แน่นอน เพราะจากที่คิดว่าเป็นการมาเยี่ยมคุณย่าตามมารยาท แต่ในวันนี้กลับพิสูจน์แล้วว่าท่าทางหม่อมราชวงศ์ศศินิภาจะมีช่องทางในการติดต่อกับผู้ชายคนนี้เป็นการส่วนตัว

“นี่”

ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็ยื่นแก้วโทนิกโซดาของเขาให้หญิงสาวที่สูงแค่ไหล่ ตอนได้รับเชิญจากหม่อมราชวงศ์ศศินิภาว่าอยากจะเลี้ยงขอบคุณที่อุตส่าห์นำไวน์มาให้เป็นของฝาก และมีเรื่องธุรกิจจะพูดคุยด้วยก็ประหลาดใจพอแล้ว แต่เมื่อมาถึงนภดลนภาลัยแล้วพบว่าการรับประทานอาหารค่ำที่นี่จะไม่ได้มีเพียงเขากับประมุขของนภดล อย่างดีก็อาจจะมีไลลาลิณพ่วงมา แต่นี่กลับมีสมาชิกอื่นๆ ในบ้านเรียกว่าเกือบครบ น่าจะขาดก็แต่มารดาของสาวน้อยข้างกายตอนนี้

“อะไรอะ” ไลลาลิณเองก็ผงะไป แต่ยื่นมือไปรับเครื่องดื่มเย็นเฉียบจากมือหนาที่ส่งมาให้ เป็นกิริยาที่แสนจะสนิทสนมในสายตาของคนอื่น

“น้ำไง จะกินไม่ใช่เหรอ ผมยังไม่ได้ดื่ม ยืนเป็นเพื่อนกันก่อน”

ส่วนคนที่มองกิริยาของคนทั้งคู่อยู่ก็หันมาลอบมองกันเอง โดยคนที่ไม่เข้าใจ แต่เริ่มจะเข้าใจก็ไม่วายเป็นสุริยัน เพียงรุ้ง และเพียงดาว ในขณะที่คุณย่าที่น่าจะรู้ดีกว่าใครทั้งหมดกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พูดจาราวกับไม่เห็นเรื่องแปลกๆ ตรงหน้า

“แม่ของไลลาเขาแต่งงานกับคุณแมทธิวน่ะ ไม่ทราบคุณหมากรู้จักไหม ดาวเขาบริหารบริษัทให้พ่อเลี้ยงเขาอยู่”

หม่อมราชวงศ์ศศินิภาพูดเมื่อฝ่ายชายเล่มเรื่องธุรกิจของที่บ้านออกมาจากปากเอง ทั้งๆ ที่ก็ทราบประวัติของคนคนนี้ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว แต่จะหาเรื่องพูดเรื่องคุยเพิ่มเติม ปรายตามองเพียงดาวที่รับรู้ได้ทันทีว่าคุณย่าต้องการให้ทำอะไร

“ดาวเคยเห็นชื่อบริษัทคุณมานเมตต์ผ่านตาในเอกสารค่ะ พอจำได้”

อันที่จริงคู่ค้ารายใหญ่ของบริษัทเจบีเอฟของแมทธิวทั้งในไทยและในภูมิภาคนี้ล้วนใช้วัสดุที่มาจากบริษัทของครอบครัวมานเมตต์ทั้งนั้น ชื่อบริษัทบิลดิ้ง เวนเดอร์ที่เพิ่งเอ่ยมาก็เป็นที่รู้จักกันดี ไม่ต้องอยู่ในแวดวงก่อสร้างก็รู้จักกันทั่วไป

ในขณะที่ลูกชายคนโตได้แต่ตอบนิ่มๆ ด้วยความสุภาพ แม้ว่าจะคะเนแล้วว่าผู้หญิงที่หน้าแทบจะเหมือนกันสองคนนี้อ่อนกว่าเขาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าห้าปี

“ผมไม่ได้ช่วยงานที่บ้านมาหลายปีแล้วครับคุณดาว”

ด้านเพียงดาวเองพอเห็นชายหนุ่มตอบแบบนั้นก็พยักพเยิดหาเรื่องชวนคุยต่อ ทั้งที่จริตจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นคนชอบพูดชอบจากับใคร แต่หากมีเรื่องให้ต้องทำ เพียงดาวก็เจรจาจนได้สิ่งที่ต้องการเสมอ

“เมื่อก่อนก็เป็นเอ็มดีไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้เป็นลูกสาวคุณมงคลบริหารอยู่”

ลูกเลี้ยงคนเดียวของมิสเตอร์แมทธิวเอ่ยถึงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบิลดิง เวนเดอร์ หรือที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยก็คือซีอีโอของบริษัทจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่มานเมตต์เคยนั่งเก้าอี้บริหาร แม้ว่าในช่วงที่เพียงดาวเข้ามาทำงาน คนที่บริหารจะกลายเป็นแม้นมาศ คาดไม่ผิดก็น่าจะเป็นน้องสาวมานเมตต์ แต่ชื่อชั้นของผู้ชายคนนี้ก็เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจไม่น้อย ทราบอยู่แล้วด้วยว่าบุรุษตรงหน้าคือบุตรชายคนโตของคุณมงคล แม้ว่าฝีมือการบริหารจะไม่ได้เป็นที่เลื่องลือ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผลกำไรถดถอย กระนั้นต่อให้ทราบเบื้องลึกอยู่แล้ว เพียงดาวก็อยากจะรู้ว่าคนคนนี้จะอวดตนไหมว่าเป็นอะไรกับเจ้าของบริษัทที่มีสินทรัพย์มูลค่ามหาศาล

“เมื่อก่อนครับ แถมเป็นการทำงานรับจ้างด้วย ไม่ใช่บริษัทผมหรอก”

เขาก็ไม่ได้มดเท็จเพราะเป็นการรับเงินเดือนจากบริษัทของบิดา พอออกมาก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวออกความเห็นใดๆ ในการค้าขายอีกต่อไป มีแต่เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นก็เพียงเท่านั้น

“เหรอคะ งั้นดาวคงเข้าใจผิดว่าคุณไหม แม้นมาศเป็นญาติกับคุณ ไม่ใช่ใช่ไหมคะ”

ระหว่างที่น้องสาวชวนคุย เพียงรุ้งก็ตรวจสอบบุคลิกคนตรงหน้า เรื่องรูปร่างหน้าตา พูดเลยว่าเข้าสูตรดาร์ก ทอล แอนด์ แฮนด์ซัมไม่พอ ยังมีรังสีความน่ากลัวบางอย่างชนิดที่คนปากกล้าอย่างหล่อนยังไม่กล้าซักไซ้ ปล่อยให้เพียงดาวที่มีทักษะในการนิ่งสังเกตการณ์เคลื่อนไหวพูดไป

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้นแม้จะไม่ได้ใส่รุ่นที่ผลิตออกมาเป็นพิเศษมีจำนวนเฉพาะชิ้น หรือมีสัญลักษณ์ของแบรนด์หรา แต่มองปราดเดียวเพียงรุ้งก็บอกได้เลยว่ามานเมตต์ไม่ได้มาแบบเสื้อตัวกางเกงตัว เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสีเดียวกันนั้นเป็นยี่ห้อแอร์เมส สนนราคาชิ้นละไม่ต่ำกว่าสามหมื่น จนคราวแรกเพียงรุ้งไม่แน่ใจเลยว่าหล่อนตรวจตราประวัติเขาพลาดไป หรือไม่คนคนนี้ก็ใส่ของปลอม เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าชาวไร่ที่คุณย่าแนะนำจะใส่แบรนด์ชั้นนำของโลกที่มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อไม่ได้ ระหว่างที่ตาจับผิด หูก็คอยฟังสิ่งที่ฝาแฝดของตนและชายหนุ่มกำลังคุยกัน

“นั่นน้องสาวผมครับ คุณมงคลนั่นก็คุณพ่อครับ”

พอมานเมตต์ตอบแบบนี้ เพียงรุ้งก็คว่ำปากเล็กน้อย สงวนท่าทีมีมาดจนเริ่มหมั่นไส้ รวยมากขนาดนั้นก็พูดสิ จะอมพะนำไปทำไม ปล่อยให้สมองหล่อนทำงานหนักตั้งนานสองนาน

“โถ แล้วจะมาบอกว่าไม่ใช่บริษัทคุณหมากได้ยังไงคะ”

ผู้หญิงแต่งหน้าจัดออกอาการบนสีหน้าเต็มที่จนมานเมตต์นึกขำ พูดเฉยๆ ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร ไม่ต้องแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมานเมตต์ก็ยังเห็นว่าว่ากันมาตรงๆ แบบเพียงรุ้งนั้นน่าจะพูดด้วยง่ายกว่าคนที่อ่านอะไรไม่ออกแบบเพียงดาว

“ก็ไม่ใช่จริงๆ ครับ เป็นของที่บ้าน ธุรกิจผมมีแค่บริษัทเครื่องดื่มแล้วก็ไร่วิมานเท่านั้น”

มานเมตต์หันมาตอบเพียงรุ้ง ผู้หญิงที่แต่งเต็มไปตั้งแต่หน้า ผม เสื้อผ้า ราวกับว่าจะไปออกงานสังคมที่ไหน ดูจัดจ้านทั้งบุคลิกคำพูดคำจา แตกต่างจากเพียงดาวที่ดูสุขุมเยือกเย็น พูดน้อย เรียบร้อย ท่าทางเหมือนคุณแม่ชาวญี่ปุ่น ค่อนไปทางน่าเบื่อ ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งคู่จะเป็นฝาแฝดกัน คนหนึ่งดูเปิดเผย แต่อีกคนดูอ่านยาก และไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าแฝดคู่นี้เป็นพี่สาวแท้ๆ ของไลลาลิณ คนตัวเล็กหน้าใสที่เดี๋ยวก็น่าเอ็นดู เดี๋ยวก็ปากร้ายใส่เขา เล่นเอาเดานิสัยไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าเวลาอยู่ร่วมกันต้องพบต้องเจอกับอะไรบ้าง

“จะว่าไปก็กันเองแท้ๆ นะ” สุริยันพูดขึ้นมาบ้างระหว่างยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ พลางเดินไปประจำที่นั่งที่โต๊ะอาหาร เพราะแม่บ้านมารายงานว่าโต๊ะพร้อมแล้ว โดยที่คุณหญิงศศินิภาสั่งให้มานเมตต์นั่งทางซ้ายมือของท่านในฝั่งตรงข้ามกับเขา และบอกให้ไลลาลิณนั่งต่อจากแขกผู้นี้เพื่อคอยดูแล

“คอยดูคุณหมากด้วยไลลา ดูแลแขกให้ดีเหมือนที่พี่เขาดูแลเราล่ะ”

เพราะทุกคนทราบกันแล้วว่าหนุ่มเข้าวัยจะแก่กับสาวน้อยที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะพบเจอกันที่ไหนอย่างไร จึงดูเหมือนว่ามานเมตต์มาที่นี่ในฐานะคนรู้จักของไลลาลิณที่หม่อมราชวงศ์ศศินิภาเชิญมา ในขณะที่หญิงสาวได้แต่ค้อนคนข้างๆ ขวับ เกิดมาเคยต้องดูแลใครที่ไหน มีแต่คนเอาใจหล่อนทั้งนั้น

“จริงๆ ที่ย่าเชิญมาวันนี้ เอาจริงๆ ย่าอยากจะใช้บริการเครื่องดื่มของคุณหมากด้วย ไม่ทราบว่ารู้ไหมว่าที่นี่จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกสิ้นปี” คุณหญิงแห่งนภดลเล่าคร่าวๆ

มานเมตต์พยักหน้ารับรู้ งานสังคมยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ก็กล่าวขวัญถึงนั้นเป็นที่เลื่องลือในวงไฮโซเมืองไทย ถ้าจำไม่ผิดบิดามารดาเขาก็มาร่วมด้วยในปีที่สะดวก

“ครับ อันที่จริงก็มีออร์เดอร์มาส่งที่นี่หลายปีแล้วนะครับ”

ส่วนใหญ่เป็นไวน์ชื่อชั้นแพงๆ สั่งมาแค่ปีละโหลสองโหล ในขณะที่สเกลงานขนาดนี้คงต้องใช้เครื่องดื่มหลายประเภทจำนวนมาก นภดลนภาลัยก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่บริษัทต้องจัดส่งสินค้าให้ แต่ชื่อในใบสั่งซื้อเป็นตัวแทนจำหน่ายย่อย ไม่ได้ทำออร์เดอร์โดยตรงกับเขา

“ย่าก็พอทราบมา คุณหมากลองกินนี่ดู ยำส้มโอสูตรที่บ้านนี้” หม่อมราชวงศ์ศศินิภาชี้ไปที่สำรับอาหารของคนตรงหน้า การรับประทานอาหารในนภดลนภาลัยไม่เหมือนบ้านอื่นตรงที่แต่ละคนจะมีชุดอาหารเป็นของตัวเอง ไม่ต้องตักร่วมกับใคร “แต่ปีนี้ย่าอยากให้เป็นเครื่องดื่มจากของคุณหมากทั้งหมด ไม่ทราบว่าพอจะช่วยดูแลให้ได้ไหม”

“จริงๆ แล้วเครื่องดื่มส่วนใหญ่ที่สั่งก็คงมาจากบริษัทผมทั้งหมดแหละครับ ถ้าไม่ใช่พวกหนีภาษี ซึ่งขออนุญาตเรียนต ามตรง ก็ไม่ได้ถูกกว่าเท่าไหร่ บางทีมีปลอมปนมาด้วยครับ อย่าว่าผมบลัฟเลยนะครับ ดื่มไปตื่นมาตาบอด เห็นจะไม่คุ้มที่ถูกกว่าขวดละสามสี่ร้อย”

คนในวงการนี้รู้กันดีละว่าเหล้าไวน์หนีภาษีที่ส่งมาจากด่านฯ ชายแดนต่างๆ ใช้ถุงดำห่อกล่องส่งให้คนที่สั่ง เป็นที่แพร่กระจายมากมายหากรู้จักคนที่เหมาะสมนั้น มีสนนราคาต่อลังถูกกว่า ราคาดีกว่าการซื้อจากบริษัทนำเข้าหลักแต่ก็ต้องรับความเสี่ยงเรื่องอื่นๆ ตามไปเช่นกัน ในขณะที่คุณย่าได้ยินแบบนั้นก็ขำออกมาน้อยๆ

“ก็มีบ้างแหละ แต่ถ้าสั่งกับเจ้าของตรงๆ แบบนี้ ย่าก็วังจะได้ส่วนลดนะเนี่ย”

“แน่นอนเลยครับ ถ้าคุณหญิงกรุณาฯ ผมทำส่วนลดพิเศษให้ได้ แต่ไม่ทราบว่าใช้กี่ประเภท”

“ก็ทุกประเภทนั่นแหละครับ เหล้า เบียร์ ไวน์ สารพัด ไม่นับพวกบูทที่ต้องมาใช้ทำค็อกเทล ปกติคุณแม่มีออร์แกไนเซอร์ที่จัดการเรื่องนี้ใช่ไหมครับ” สุริยันตอบแทนมารดา เพราะงานเลี้ยงที่ว่านอกจากมารดาที่ต้องเอนจอยตามสถานภาพทางสังคม ก็เขานี่ละที่อินกับบรรยากาศกินดื่ม มีสาวๆ สวยๆ มาเดินให้ชมถึงในบ้าน เลยทราบรายละเอียดในการจัดงานดีไม่น้อย

“ใช่ ย่าใช้ของ Perfect Plan นะ ส่วนงานตอนดึกๆ ก็มีบริษัทของลูกสาวเขามาดูต่อให้ ลูกสาวคุณวสาที่เป็นลูกสะใภ้ของคุณหญิงมาติกา”

หม่อมราชวงศ์ศศินิภาบอกกับผู้ชายที่นั่งทางด้านซ้ายของท่าน เหมือนจะพูดไปกินไป แต่ที่จริงแล้วคุณย่าสังเกตกิริยามารยาทของมานเมตต์อยู่ตลอดเวลา จับจ้องมองตั้งแต่วิธีเยื้องกายก้าวเดิน ตั้งใจฟังเนื้อเสียงที่ทุ้มกังวานมีพลัง แบบที่เจ้าสัวอนันต์ผู้ล่วงลับเคยสอนให้ฟังเพื่อดูโหงวเฮ้งคน บอกเลยว่าเสียงแบบนี้ ตามตำราคนจีนเรียกว่า "เหล่าโฮ่ว" คือเป็นเสียงที่ประหนึ่งเสือคำราม ถือว่าเป็นเสียงแห่งอำนาจ เป็นเสียงที่จะมีบริวารมาก และสามารถใช้เสียงช่วยทำให้การค้าขายเจริญเติบโตได้

“Plantastic ของคุณแสนครับ”

มานเมตต์เอ่ยชื่อผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าวซึ่งเขาเคยตกหลุมรักออกมาทันที เกือบจะไม่ได้เป็นคู่ค้ากันไปครั้งหนึ่งทั้งๆ ที่แทบจะเซ็นสัญญากันอยู่แล้ว เพราะชายหนุ่มออกตัวจีบคนมีแฟน จนสามีของแสนวิเศษในตอนนี้โกรธจัด ชนิดที่หญิงสาวต้องมาขอยกเลิกสัญญา แต่พอแต่งงานแต่งการไป ในขณะที่เขาเองก็ตัดใจได้แน่นอน ไปรมากรก็มีสติมากขึ้น ยอมให้ทั้งบริษัทของมารดาแสนวิเศษที่เป็นเจ้าของ Perfect Plan และตัวภรรยาซึ่งรับจัดอาฟเตอร์ปาร์ตีภายใต้ชื่อบริษัท Plantastic สั่งเครื่องดื่มจากเขาได้ เลยใช้บริการกันมาถึงปีนี้ก็เป็นปีที่สามแล้ว

“ใช่ๆ คุณหมากรู้จักเหรอ”

“ครับ ถ้าใช้ของคุณวสากับคุณแสนอยู่แล้วยิ่งไม่มีปัญหาใหญ่เลย ปกติทางนั้นก็สั่งของจากผมอยู่แล้ว เดี๋ยวกรณีนี้ทำเรื่องลดราคาส่งของกับทางนั้นเอง ให้ทางบริษัทเขาหมายเหตุมาให้ผมหน่อยละกันครับว่าเป็นงานที่บ้านคุณหญิง”

“แล้วเขาไม่มั่วเอางานอื่นไปลดกับเรานะ”

ตามประสานักธุรกิจ ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหน แต่สักบาทคุณหญิงก็ไม่ยอมให้กระเด็น นอกจากรักษาผลประโยชน์ให้ตัวเอง ก็ไม่ชอบที่จะเห็นใครมาเอาเปรียบกัน

“ไม่หรอกครับ ไว้ใจได้”

มานเมตต์ยืนยันอีกที ไม่อยากจะไปตัดส่วนนี้ออกมาจากความรับผิดชอบของสองบริษัทข้างต้น เพราะแน่นอนว่าต้องมีส่วนต่างที่ถือเป็นกำไรของทางนั้นในการบริหารจัดการ

“แต่พวกไวน์ในงาน เฮาส์ไวน์น่ะ ย่าสั่งแยกอยู่ดี” หม่อมราชวงศ์ศศินิภาพูดถึงเครื่องดื่มอีกประเภทที่เสิร์ฟเป็นหลักในงานเลี้ยง ซึ่งไม่ได้ให้บริษัทจัดงานเลี้ยงดูแล แต่ให้เลขาฯ สั่งจากร้านขายไวน์ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าร้านต่างๆ เหล่านั้นก็ต้องซื้อจากมานเมตต์มาอีกต่อหนึ่ง “ต้องใช้หลายสิบลัง หมากดูแลให้ได้ใช่ไหม คนมาเป็นร้อยเป็นพัน”

“ไม่มีปัญหาเลยครับ เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดให้เลขาฯ คุณหญิงดู อืม...จริงๆ จะเทสต์เลยยังได้เลยนะครับว่าอยากได้ตัวไหน ถ้าคุณหญิงสะดวก เผื่ออยากจะเปลี่ยนรส เปลี่ยนราคา”

เจ้าของบริษัทแฮปปี้ ฮาวเวอร์เสนอ แม้จะไม่ใช่ลูกค้าถาวร แต่งานใหญ่แบบนี้การมีชื่อมีโลโก้ของบริษัทเขาติดพ่วงไปก็ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ชั้นดี โดยไม่ต้องลงทุนมากเท่ากับการซื้อโฆษณาสร้างโพรโมชันใดๆ อีกทั้งยังเป็นช่องทางให้ได้ลูกค้าเพิ่มเติมอีกด้วย

“ดีๆ เอาสิ ยังไงให้ฤกษ์กับไลลาดูไป ปีนี้ช่วยแม่หน่อยนะฤกษ์”

พูดแล้วก็เหลือบไปมองหน้าหลานสาวคนเล็กที่มั่นใจว่าต้องออกเสียงหลังจากนั่งเงียบมานาน แล้วนี่ดูสิ ให้ดูแลแขกก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน ไม่สนใจอะไร แล้วก็นี่ไง เอ่ยจบปุ๊บใบหน้าน่ารักก็เงยขึ้นจากจานข้าวและหันไปตอบคุณย่าทันที

“อะไรกันคะคุณย่า”

“ได้ไหมล่ะลูก ย่าเห็นหนูลงรีวิวโน่นนี่เยอะแยะ ต้องมีความรู้แน่ๆ ถือว่าช่วยย่าที ปีนี้ย่ายุ่งแล้วก็แก่แล้ว”

คุณย่ายังยิ้มเช่นเดิม แต่ประโยคที่เอ่ยออกมาทำให้ไลลาลิณรู้สึกวูบโหวงในใจ ใช่ ปีนี้คุณย่าก็อายุแปดสิบเข้าไปแล้ว

“ได้ค่ะ หนูช่วยก็ได้ แต่หนูไม่รู้นะคะว่าต้องสั่งอะไรเท่าไหร่”

ไลลาลิณรับคำ หล่อนน่ะเก่งแต่กินเที่ยวนอกบ้าน มีความรู้เรื่องพวกนั้นก็อาศัยมาแบบครูพักลักจำ ไม่ได้ศึกษาเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนใคร กลัวว่าหากตัดสินใจอะไรไปแล้วทำได้ไม่ดีจะยิ่งทำให้คุณย่าผิดหวัง พลางหันกลับมาแต่ดันปะทะกับพี่สาวฝาแฝดทั้งสองที่นั่งถัดต่อจากบิดา มีรอยยิ้มแปลกผุดขึ้นบนหน้าของทั้งเพียงรุ้งและเพียงดาว แอบใจเสียไปกันใหญ่ที่แม้แต่พี่ทั้งสองก็ยังยิ้มเยาะว่าคนอย่างหล่อนจะไปทำอะไรจริงจังได้ จะว่าคิดไปเองก็ไม่ใช่เพราะเพียงดาวเอ่ยขัดขึ้นมาทันที

“จะดีเหรอคะคุณย่า งานใหญ่” หล่อนค้าน เพราะมั่นใจว่าบางอย่างภายใต้ท่าทีสุขุมที่มานเมตต์แสดงออกนั้นไม่ใช่อาการของคนรู้จักกันธรรมดา แล้วไลลาลิณแม้จะดูเก่งกล้าสามารถ แต่น้องก็ยังอายุน้อยมาก ถ้าผู้ชายคนนี้มาไม่ดี แม้จะมาจากครอบครัวที่ดี มีแบ็กกราวนด์ที่ดี แต่หากเจตนาไม่ดี หล่อนก็ไม่อยากให้น้องต้องพลาดแบบที่หล่อนเคยพลาดมา

ในขณะที่เพียงรุ้งก็สำทับความเห็นของแฝดน้องทันที ไม่ชอบใจกิริยาที่มานเมตต์ยื่นแก้วน้ำของเขาให้ไลลาลิณตั้งแต่เมื่อตอนยืนคุยกันเมื่อกี้ นี่ตาแก่กำลังจะหลอกเด็กใช่ไหม

“ใช่ค่ะ รุ้งว่าน้องยังเด็ก ถ้าคุณย่าอยากได้คนช่วย...”

เพียงรุ้งกำลังจะเอ่ยว่าให้ธันน์มาเป็นส่วนหนึ่งที่จะจัดการเรื่องนี้ เพราะนอกจากจะรู้เรื่องเหล้าดี มานเมตต์ก็เป็นรุ่นพี่ของฝ่ายนั้นคงจะพูดคุยกันได้ด้วยความสนิทไม่น้อย จะได้ไม่ต้องมามีประเด็นใกล้ชิดกับไลลาลิณ แต่ยังพูดไม่ทันจบ สิ่งที่บิวตีบล็อกเกอร์ชื่อดังกำลังหวาดก็ดังขึ้นจากปากคนหน้าดุทันที

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วยคำนวณให้ วันไหนไลลาว่างก็บอกมา ยังไงขอไลน์ไว้หน่อย จะได้ติดต่อกันสะดวก”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น