12

บทที่ 11


บทที่ ๑๑

ชีวิตช่วงสองเดือนที่ผ่านมาของยิหวาคล้ายกับภาพยนตร์ที่กดปุ่มเร่งความเร็ว หล่อนยังต้องไปโรงเรียนทุกวัน เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังต้องทำการบ้าน อ่านหนังสือเตรียมสอบแกต แพต หลังอาหารเย็นยังต้องเรียนภาษาอังกฤษผ่านการอ่านหนังสือหรือดูซีรีส์ และในวันหยุดก็มีครูสอนพิเศษเข้ามาสอนการเขียนและไวยากรณ์ให้หล่อน ทำให้เวลาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงถูกใช้ไปอย่างเต็มที่ หล่อนได้พักผ่อนอยู่กับตัวเองก็เพียงเวลานอนเท่านั้นเอง

หลังจากการสอบแกต แพต ผ่านไป ยิหวาก็รอผลสอบด้วยใจตุ๊มๆ ต้อมๆ หล่อนกลัวจะได้คะแนนน้อย กลัวว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่หมายตาไม่ได้ แต่แล้วเมื่อผลการสอบออกหล่อนก็ยิ้มได้ คะแนนของหล่อนค่อนข้างสูง และหากทำข้อสอบเก้าวิชาสามัญได้คะแนนดี โอกาสได้เรียนต่อในคณะและมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจไว้ก็ค่อนข้างสูง การสอบเพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวานนี้ และต้องรออีกหนึ่งเดือนกว่าผลสอบจะออก

การสอบใหญ่ผ่านพ้นไปแล้วสองอย่าง ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงสอบปลายภาคเพื่อจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย และการสอบโอเน็ตซึ่งจะมีขึ้นหลังจากสอบปลายภาคแล้ว แต่ถ้าหากหล่อนเข้ามหาวิทยาลัยโดยวิธีรับตรงได้ ความเครียดจากการสอบโอเน็ตคงมีไม่มากนัก เพราะไม่ต้องใช้คะแนนเพื่อสมัครเข้าเรียนอีกแล้ว ที่จริงหล่อนควรจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจที่การสอบสำคัญอย่างแกต แพต และวิชาสามัญผ่านไปแล้ว แต่หล่อนกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ตอนนี้ยิหวารู้สึกหนักอึ้งสลับกับความรู้สึกรอนๆ ที่หัวใจ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของหล่อน เป็นวันเกิดแรกที่ไม่มีพ่ออยู่ฉลองด้วยกัน และหล่อนก็ไม่รู้ว่าจะมีใครสนใจหรือรู้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของหล่อน

หญิงสาวลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างอ่อนล้า วันนี้เป็นวันหยุด หล่อนจึงไม่ต้องรีบลุกมาอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน หล่อนนอนตื่นสายและไม่อยากจะลุกไปไหนเลย

เมื่อคิดว่าวันนี้เมื่อปีที่แล้วหล่อนทำอะไร น้ำตาก็ปริ่มตาอย่างห้ามไม่อยู่ หล่อนจำได้ว่าพ่อปลุกหล่อนแต่เช้า กำชับให้หล่อนอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง จากนั้นก็พาหล่อนไปทำบุญที่วัดในตัวอำเภอ ได้ถวายภัตตาหารเช้า รับศีลรับพรเป็นมงคลต่อชีวิต เสร็จจากการทำบุญที่วัดพ่อก็พาหล่อนเข้าเมืองเพื่อรับประทานอาหารเช้าแล้วตามด้วยไอศกรีมร้านโปรด แล้วพ่อก็พาหล่อนตระเวนเที่ยวทั้งวัน กว่าจะกลับมาที่ไร่ก็ค่ำมืด แต่หัวใจกลับสว่างไสว พ่อทำให้วันเกิดของหล่อนเป็นวันที่มีแต่ความทรงจำที่ดีและความสุขล้น แต่วันนี้ไม่มีพ่อ และหล่อนก็ฉลองวันเกิดด้วยน้ำตาตั้งแต่เช้า

หลังจากที่ร้องไห้จนปวดหัวไปหมดแล้ว ยิหวาก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แม้หล่อนจะเศร้าสร้อยแค่ไหน แต่การปล่อยให้คนร่วมบ้านหิ้วท้องรอรับประทานอาหารเช้ากับหล่อนอย่างที่เขาทำทุกวันหยุดก็ทำให้ยิหวาไม่กล้าเสียมารยาท จึงรีบเร่งแต่งตัว มองดูเงาที่สะท้อนจากกระจกเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงออกจากห้อง

ยิหวาก้าวเร็วๆ ลงบันไดไปข้างล่าง แต่แล้วเท้าที่กำลังก้าวก็ชะงักกึกเมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป

หญิงสาวมองไปรอบๆ ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ยกสองมือขึ้นมาปิดปากที่อ้าค้าง น้ำตาแห่งความตื้นตันไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่

ชั้นล่างของตัวบ้านที่คุ้นเคยวันนี้ดูไม่คุ้นอีกต่อไป เพราะประดับตกแต่งด้วยลูกโป่งสวรรค์หลากสี สลับกับดอกกุหลาบสีชมพูหวานพันธุ์สวีตฮาร์ตที่คนคิดค้นพันธุ์เคยพาหล่อนไปดูถึงแปลง ซึ่งส่งกลิ่นหอมหวานอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ

ที่เพดานมีลูกโป่งห้อยลงมา บนลูกโป่งแต่ละใบมีตัวอักษรภาษาอังกฤษใบละตัวเรียงกันอยู่อ่านได้ว่า HAPPY 18th BIRTHDAY ลูกโป่งใบสุดท้ายเป็นรูปหัวใจ ตัวอักษรบนลูกโป่งอ่านได้ว่า หนูดี

ยิหวาหันมองคนตัวโตที่เดินเข้ามาหาหล่อน ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็น เขาอยู่ในชุดกางเกงยีนกับเสื้อจัมเปอร์ไหมพรมสีเข้ม หนวดเคราโกนเกลี้ยงทำให้ดูอ่อนเยาว์ลง เขาเดินมาหยุดตรงหน้าหล่อนซึ่งเดินลงบันไดตรงไปหาเขา จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ย

“สุขสันต์วันเกิดหนูดี ขอให้เธอมีความสุขมากๆ นะ”

ยิหวายกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาแห่งความตื้นตันก่อนจะพนมมือไหว้เขา

“ขอบคุณมากค่ะคุณภู ขอบคุณที่...ที่ทำให้วันเกิดของหนูดีพิเศษ” หล่อนว่าพร้อมกับผายมือไปรอบๆ หล่อนยังไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็น เขาไม่ได้แค่รู้ว่าวันนี้วันเกิดหล่อน แต่เขาจัดบ้านเพื่อฉลองวันเกิดให้หล่อน

“ป้าสุขใจกับต้นหอมช่วย” เขาบอก

“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณหนูดี”

ป้าสุขใจว่า เดินมายื่นกล่องของขวัญให้แล้วสวมกอดหล่อน คนบ่อน้ำตาตื้นเลยได้เป่าปี่อีกรอบ หล่อนกอดตอบผู้สูงวัยกว่า กล่าวเสียงเครือ

“ขอบคุณค่ะ ป้าสุขใจ”

“แม่คุณ...อย่าร้อง” ป้าสุขใจปลอบพร้อมลูบหลังลูบไหล่ “ถึงคุณศาตราจะไม่อยู่แล้ว แต่คุณหนูดีก็ยังมีพ่อเลี้ยงและพวกเรานะคะ ป้าขอให้คุณหนูดีมีความสุขมากๆ ขอให้หมดทุกข์หมดโศกตั้งแต่วันนี้นะคะ”

ยิหวายกมือไหว้แม่บ้านผู้อารีแล้วสวมกอดร่างท้วมแน่น แม้วันนี้อากาศจะหนาวแต่หัวใจหล่อนกลับอุ่น แม้จะไม่มีพ่ออยู่กับหล่อนแล้ว แต่คนในไร่แห่งนี้ก็เอ็นดูและดูแลหล่อนอย่างดี ช่วยคลายความอ้างว้างเหน็บหนาวที่เหมือนกับอยู่ตัวคนเดียวในโลกไปได้มากอย่างที่หล่อนก็คาดไม่ถึง

“พี่ต้นหอมก็ขอให้คุณหนูดีมีความสุขมากๆ นะคะ พี่ต้นหอมรักคุณหนูดีนะคะ”

เสียงของผู้ช่วยแม่ครัวที่ดังอยู่ด้านหลังเรียกยิหวาให้เอี้ยวตัวไปหา หญิงสาวยิ้มได้ทั้งน้ำตา คลายอ้อมแขนจากแม่ครัวแล้วสวมกอดคนที่เพิ่งอวยพรหล่อนเป็นคนสุดท้ายพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็กให้

“ขอบคุณนะคะพี่ต้นหอม” หล่อนบอก

ป้าสุขใจเดินมาหยิบกล่องของขวัญจากมือหล่อนแล้วบอก

“ไปกินข้าวก่อนนะคะคุณหนูดี แล้วค่อยเปิดของขวัญ” จากนั้นก็หันไปหาต้นหอม “เอาของขวัญไปวางบนโต๊ะหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่นก่อนนะต้นหอม”

ยิหวาเดินเข้าไปในห้องอาหารอย่างว่าง่าย หล่อนนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มอย่างทุกครั้ง รอจนป้าสุขใจตักอาหารซึ่งเป็นข้าวต้มกุ้งที่มองเห็นกุ้งตัวโตๆ ให้ แล้วจึงเริ่มลงมือรับประทาน

ข้าวต้มร้อนๆ ควันกรุ่นส่งกลิ่นหอมฉุยทำให้ยิหวารู้ตัวว่าหิวมากแค่ไหน เพราะเลยเวลาอาหารเช้ามานานแล้ว

หญิงสาวรู้สึกเจริญอาหารเป็นพิเศษ ทั้งเพราะรสมือของป้าสุขใจที่ไม่เป็นรองใคร และเพราะความสุขที่ลอยวนอยู่รอบตัวเมื่อวันสำคัญของหล่อนไม่ถูกลืม คนบ้านนี้ทำให้หล่อนรู้สึกว่าวันนี้ยังคงเป็นวันพิเศษ หล่อนไม่ถูกทิ้งให้หงอยเหงาในวันเกิด

หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เอ่ยชวน

“ไปเปิดของขวัญในห้องนั่งเล่นกันนะหนูดี”

“ค่ะ” ยิหวารับคำ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น

ป้าสุขใจกับต้นหอมเดินตามมาด้วย ยิหวาเปิดกล่องของขวัญของป้าสุขใจก่อน สมุดบันทึกสีหวานแบบล็อกกุญแจได้วางอยู่ในกล่อง ยิหวายิ้มถูกใจของขวัญที่ได้รับ หล่อนเงยหน้าขึ้นแล้วยกมือไหว้ขอบคุณแม่ครัวของบ้าน ก่อนจะเปิดกล่องของต้นหอม

“ขอบคุณมากนะคะพี่ต้นหอม” ยิหวาเงยหน้าขึ้นกล่าวกับเจ้าของหนังสืออ่านเล่นภาษาอังกฤษเล่มไม่หนานัก

“ป้ากับต้นหอมไม่กวนแล้วนะคะ เชิญพ่อเลี้ยงกับคุณหนูดีตามสบาย” ป้าสุขใจบอกเมื่อเสร็จธุระของตนกับเด็กรับใช้ เปิดโอกาสให้สามีภรรยาได้เปิดของขวัญด้วยกันตามลำพัง

คีรีรอจนป้าสุขใจกับต้นหอมเดินลับไปจึงยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็ก ห่อกระดาษห่อของขวัญสีเงินไม่มีลายผูกด้วยริบบิ้นผ้าสีชมพูจุดขาวผูกเป็นโบให้ พร้อมเอ่ย

“สุขสันต์วันเกิด”

ยิหวารับกล่องมาแกะกระดาษอย่างเบามือ พบว่าข้างในเป็นขวดแก้วคริสตัลรูปหัวใจเอียงๆ ฝาจุกเป็นรูปทรงกุหลาบดอกเล็ก ภายในบรรจุของเหลวสีเหลืองอ่อนเกือบใส บนขวดมีคำว่า Sweetheart เป็นภาษาอังกฤษอ่อนช้อย

“สวีตฮาร์ต น้ำหอมที่สกัดจากกุหลาบพันธุ์สวีตฮาร์ต” ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นยิหวาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของหล่อนมีคำถาม “มีขวดเดียวในโลก”

“มีขวดเดียวในโลก...ยังไงคะ” ยิหวาถามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็...มีขวดเดียว ผลิตมาขวดเดียว...เป็นของขวัญวันเกิดให้เธอ” เขาตอบ

ชายหนุ่มไม่ได้บอกต่อว่าจริงๆ แล้วโครงการผลิตน้ำหอมแบรนด์ สวีตฮาร์ต’ โดยใช้กุหลาบพันธุ์สวีตฮาร์ตเป็นกลิ่นหลักกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นพัฒนา ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะใหญ่จึงจะผลิตออกขายได้ แต่เขาทำน้ำหอมขวดพิเศษนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้หล่อนก่อนเท่านั้นเอง

“ขอบคุณมากค่ะ หอมมากเลย” ยิหวาว่าขณะดึงฝารูปดอกกุหลาบออกแล้วก้มลงดมกลิ่นตรงหัวสเปรย์

“ลองฉีดดูสิ” ชายหนุ่มบอก “ฉีดตรงแอ่งชีพจรที่คอ แล้วก็ตรงข้อมือ”

ยิหวาฉีดน้ำหอมเบาๆ ตามที่เขาบอก กลิ่นหอมหวานของกุหลาบกำจายเข้าจมูก แต่นอกจากหอมหวานอย่างกุหลาบแล้ว ยังมีกลิ่นบางอย่างที่ให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาเจืออยู่ด้วย

คีรีดูพอใจเมื่อเห็นสีหน้าของคนได้รับน้ำหอมจากเขา เพราะรู้ว่าหล่อนพอใจของขวัญโดยไม่จำเป็นต้องบอกออกมาเป็นคำพูด เขามองดูหล่อนปิดฝาขวดหลังจากฉีดเรียบร้อยแล้วจึงบอก

“ขึ้นไปแต่งตัวให้อุ่นๆ หน่อยไป วันนี้ฉันจะพาเธอออกไปเที่ยวฉลองวันเกิด”

ยิหวาตาโตเมื่อได้ยิน ดวงตาเป็นประกายสดใส แค่เซอร์ไพรส์ที่บ้านก็ทำให้หล่อนมีความสุขมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะพาหล่อนออกไปเที่ยวอีก หล่อนรีบหยิบของขวัญบนโต๊ะขึ้นมาถือ ลุกขึ้นยืนแล้วบอก

“เดี๋ยวหนูดีมานะคะ”

คีรีพยักหน้า มองตามคนที่หมุนตัวเดินจากไปด้วยสายตาอ่อนโยน แค่เห็นว่าหล่อนดูมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำให้ ชายหนุ่มก็พอใจแล้ว

รอไม่นาน เจ้าของวันเกิดก็เดินกลับลงมาในชุดกางเกงยีน เสื้อกันหนาวแขนยาวสีสดใส ผมรวบเป็นหางม้าสูง คีรีจึงลุกขึ้นตรงไปหา ก่อนจะนำหล่อนเดินออกจากบ้าน

ยิหวาชะงัก เมื่อออกมาหน้าบ้านแล้วเห็นรถยนต์มินิคูเปอร์คันเล็กสีขาวผูกโบสีชมพูน่ารักจอดอยู่ หญิงสาวหันไปมองคนยืนเคียงตาโต ถามตะกุกตะกัก

“นี่...นี่อะไรคะคุณภู”

“รถ...ของเธอ”

“ของหนูดี...คุณภูซื้อรถให้หนูดีหรือคะ ทำไม...” หล่อนถามอย่างไม่อยากเชื่อ ทำท่าจะโวยวายอยู่แล้วเชียวที่เขาซื้อของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ให้หล่อน แต่แล้วความรู้สึกอยากออกฤทธิ์ออกเดชก็แทนที่ด้วยความรู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาเจ้าของเสียงทุ้มที่บอกจริงใจ

“เธอจะได้ขับไปเรียนตอนเข้ามหาลัยไง”

คำพูดของเขาทำเอายิหวาต้องหลุบตาลงมองปลายเท้า จากคำพูดนี้หมายความว่าเขาคงคิดว่าหล่อนจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ยิหวาไม่อยากคิดถึงวันที่หล่อนบอกเขาว่าจะไปเรียนต่างจังหวัดเลย ไม่รู้ว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเขาจะว่าอย่างไร จะยินยอมให้หล่อนไปไหม หรือจะบังคับให้หล่อนเรียน อะไรก็ได้ ใกล้บ้านเสียก็ไม่รู้

“เป็นอะไร”

เสียงทุ้มใกล้หูเรียกให้ยิหวาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าคนตัวโตโน้มตัวถามอยู่ชิดใกล้ ไออุ่นจากกายเขาที่มาพร้อมกลิ่นหอมหวานประจำกายทำให้หล่อนใจเต้นแรง นับแต่คืนนั้น...ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ ไม่มีสักครั้งที่หัวใจของหล่อนจะไม่แกว่งไกว

“เปล่าค่ะ...ว่าแต่...คุณภูจะขับรถคันนี้พาหนูดีไปเที่ยวหรือคะ”

“ไม่หรอก วันนี้ขึ้นดอย ต้องเอารถใหญ่ไป ส่วนคันนี้คงต้องรอเธอขับรถเป็นก่อน เดี๋ยวช่วงปิดเทอมฉันจะส่งเธอไปเรียนขับรถ”

“อ้อ...ค่ะ” ยิหวาทำเสียงรับรู้

คีรีปรายตามองแก้มใสๆ ของหญิงสาวแล้วระบายยิ้มบางเบา ดวงตาเป็นประกาย

“ที่จริงฉันก็อยากสอนเธอเองหรอกนะ แต่เคยได้ยินมาว่า ผัวเมียสอนกันขับรถมีแต่จะตีกันเสียมากกว่า เลยคิดว่าส่งเธอไปเรียนกับโรงเรียนน่าจะปลอดภัยกว่า”

ยิหวาหน้าร้อนเพราะคำพูดของเขา ดีใจที่เขาจะส่งหล่อนไปเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถ เพราะหากเขาสอนเอง หล่อนไม่แน่ใจจริงๆ ว่าเขาจะปล่อยคำพูดคำจาที่ทำให้หล่อนเสียสมาธิแบบนี้ออกมามากแค่ไหน อย่าให้เขาสอนนั่นละดีที่สุด

รถยนต์เอสยูวีคันใหญ่ของเขาเคลื่อนมาจอดตรงหน้า คนขับรถเปิดประตูลงมา เดินอ้อมรถมายื่นกุญแจให้พร้อมบอก

“เช็กรถและเติมน้ำมันเต็มถังแล้วครับพ่อเลี้ยง”

“ขอบใจมากสมาน ไม่มีอะไรแล้ว จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” ชายหนุ่มบอกขณะรับกุญแจมาจากคนขับรถ

สมานค้อมตัวให้ผู้เป็นนายก่อนเดินจากไป ในขณะที่คีรีผายมือเชื้อเชิญแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ยิหวา รอจนหล่อนนั่งเรียบร้อยจึงเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ก้าวเข้าไปนั่งประจำที่แล้วออกรถ

จากไร่ คีรีใช้เส้นทางแม่ริม-สะเมิง ถนนสายเล็กตัดลัดเลาะไปตามเนินเขาสูงชัน ภาพสองข้างทางเป็นหุบเขาสลับกับทิวเขาดูสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของเชียงใหม่ตั้งอยู่เป็นระยะ แต่เขาก็ไม่ได้พาหล่อนแวะที่ไหน จนกระทั่งถึงไร่สตรอว์เบอร์รีแห่งหนึ่ง เขาจึงหันไปเอ่ยชวน

“ไปเก็บสตรอว์เบอร์รีกันดีกว่า”

“ค่ะ” ยิหวาตอบอย่างกระตือรือร้น

แม้รอบด้านของไร่กุหลาบภูคีรีจะเป็นที่ตั้งของไร่สตอว์เบอร์รีหลายแห่ง แต่ยิหวาก็ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปเก็บสตรอว์เบอร์รีอย่างนักท่องเที่ยวสักที เมื่อชายหนุ่มเอ่ยชวนเช่นนี้หล่อนจึงตื่นเต้นนัก

เนื่องจากทั้งสองไปถึงค่อนข้างสายจึงมีนักท่องเที่ยวหนาตา แต่ลานจอดรถของไร่ก็ยังมีที่ว่างอยู่บ้าง ชายหนุ่มขับรถคันใหญ่เข้าไปจอด เรียบร้อยก็เดินอ้อมรถมาหาหญิงสาวที่ก้าวออกมายืนรออยู่ข้างรถ มือใหญ่ยื่นไปคว้ามือเล็กแล้วพาเดินตรงไปยังทางเข้าซึ่งมีพนักงานยืนต้อนรับและเก็บเงินค่าเข้าชม และเมื่อแจ้งความจำนงว่าจะเข้าไปเก็บสตรอว์เบอร์รีด้วย ก็ได้ตะกร้าใบเล็กมาถือกันคนละใบ

ยิหวาก้มลงเก็บสตรอว์เบอร์รีสุกสีแดงสดที่มองเห็นอยู่ใต้พุ่มใบสีเขียวอย่างมีชีวิตชีวา เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เก็บสตรอว์เบอร์รีจากต้น ทำให้ตื่นเต้นไม่น้อยจนไม่สามารถเก็บไว้คนเดียวไหว ต้องเผื่อแผ่ความตื่นเต้นมาถึงคนข้างกาย

คีรีมองท่าทางมีชีวิตชีวาของหล่อนอย่างเพลิดเพลิน หล่อนผ่อนคลาย ไม่ได้แสดงท่าทางระมัดระวังตัวเหมือนที่หล่อนชอบแสดงออกเวลาอยู่ตามลำพังกับเขา หลายหนที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาเมื่อเก็บได้สตรอว์เบอร์รีลูกโต

“คุณภูดูสิคะ ลูกโตมากเลย ท่าทางจะหวาน”

หล่อนมักจะพร่ำพูดเช่นนั้นพร้อมกับยิ้มจนตาหยีที่ทำเอาเขาละสายตาไปจากหล่อนไม่ได้เลย เขาปล่อยหน้าที่เก็บสตรอว์เบอร์รีให้หล่อน ส่วนตัวเขาแค่เดินตามและมองหล่อนอย่างเพลิดเพลินเท่านั้นเอง

หลังจากเก็บสตอว์เบอร์รีกันจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวเอาสตรอว์เบอร์รีไปชั่งน้ำหนักเพื่อจ่ายเงิน จากนั้นพนักงานก็บรรจุกล่องให้อย่างเรียบร้อย และยังล้างสตรอว์เบอร์รีบางส่วน ผ่าครึ่งลูก ใส่แก้วพลาสติกใสจนเต็ม และมีไม้ปลายแหลมสำหรับจิ้มให้หญิงสาวด้วย ส่วนชายหนุ่มปฏิเสธ

จากนั้นชายหนุ่มก็พายิหวาไปรับประทานอาหารในร้านอาหารของไร่ซึ่งเป็นห้องอาหารกรุกระจกบนหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นระเบียงเปิดโล่ง มีโต๊ะจัดวางอยู่สี่ห้าโต๊ะ

“อยากนั่งข้างในหรือข้างนอก” คีรีถาม

“ข้างนอกได้ไหมคะ หนูดีอยากชมวิว”

“เอาสิ” เขาว่าแล้วแจ้งความจำนงกับพนักงานว่าต้องการนั่งบริเวณระเบียงด้านนอก

ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากระเบียงของห้องอาหารสวยงามเสียจนแทบละสายตาไม่ได้ ทิวเขาซ้อนกันหลายลูก ปุยเมฆขาวลอยต่ำระยอดดูสวยงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

ตลอดเวลานับแต่เข้ามายังไร่สตรอว์เบอร์รีแห่งนี้ยิหวาถ่ายรูปไม่ได้หยุด และตอนนี้หล่อนก็ยังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปทิวทัศน์อย่างสนุกสนาน ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อรู้สึกว่าร่างใหญ่เข้ามายืนซ้อนหลัง

“ถ่ายรูปกันนะ” เจ้าของเสียงทุ้มกล่าวชิดใบหู

ยิหวาไม่กล้าขยับตัวเพราะความใกล้ชิดนั้น ตอบเสียงเบา “ค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบ มือใหญ่ก็จับไหล่หล่อนให้หันหลังให้ทิวทัศน์ที่หล่อนสาละวนถ่ายรูปอยู่ ส่วนตัวเขายืนซ้อนหลังแล้วยื่นมือที่ถือโทรศัพท์มาด้านหน้าเตรียมถ่ายรูป ส่วนมืออีกข้างก็โอบหล่อนไว้ทั้งตัว โน้มใบหน้าวางลงบนบ่าหล่อนเพื่อให้ใบหน้าหล่อนกับเขาอยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นจึงกดปุ่มชัตเตอร์รัวหลายภาพ

เขาผละจากทันทีที่ถ่ายรูปเสร็จ เร็ว...อย่างเดียวกับตอนที่เข้ามา จากนั้นเขาก็ทำท่าทางปกติ สีหน้าเรียบเฉย ราวกับเขาไม่ได้เพิ่งจะเข้ามาโอบกอดแนบชิดอย่างสนิทสนมเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา บางทียิหวาก็ไม่เข้าใจเขา บางครั้งเขาก็ทำห่างเหิน แต่บางคราวก็ใกล้ชิดเสียจนหล่อนใจเต้นโครมคราม โดยเฉพาะเวลาก่อนนอนทุกคืนที่เขาเคยส่งหล่อนเข้านอนโดยการจูบที่หน้าผากก็เปลี่ยนมาเป็นจูบที่ริมฝีปาก ที่แม้ว่าเขาจะทำทุกวัน แต่หล่อนก็ไม่เคยชินกับความสนิทสนมอย่างนั้นเสียที

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ คีรีพายิหวาแวะสถานที่ท่องเที่ยวอีกสองสามแห่ง แล้วจึงพากลับบ้านในตอนเย็นก่อนถึงเวลาอาหาร

เมื่อรถยนต์ของเขาแล่นไปจอดหน้าบ้านและยิหวาทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถ มือใหญ่ก็ยื่นไปคว้ามือของหล่อนไว้

“คะ?” ยิหวาถาม ปรายตาลงมองมือของตนที่ยังอยู่ในอุ้งมือเขา แต่ไม่พยายามแกะออก ปล่อยให้เขาจับอยู่อย่างนั้น

“สนุกไหมหนูดี” เขาถามเสียงอ่อนโยน สายตาไม่ละไปจากใบหน้าหล่อน

“สนุกค่ะ”

“ฉันก็สนุก ขอบคุณนะ” เขาบอก จ้องลึกเข้าไปในตาหล่อน ใบหน้านิ่งดูละมุนลงด้วยแววตาอ่อนโยนที่ทอดมองหล่อน
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น