1

บทที่ 1 คุณชายหิมะ


1

คุณชายหิมะ

สามปีผ่านไป

            เบื้องหลังฉากกั้นอาบน้ำกระจกใสในห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเทาเข้ม ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังยืนทำความสะอาดร่างกายอยู่ภายใต้ฝักบัวแบบเรนเชาเวอร์ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลับพริ้ม ขณะที่ใบหน้าคมคายแหงนขึ้นรับน้ำอุ่นที่กระจายออกมาจากฝักบัวขนาดใหญ่

ชายหนุ่มมีรูปร่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เริ่มตั้งแต่ส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ไหล่กว้างผึ่งผาย แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แผ่นอกตึงแน่น รวมทั้งซิกซ์แพ็กเป็นลอนซึ่งเกิดจากการออกกำลังกายอย่างมีวินัย

            มือหนาลูบไล้ฟองสบู่ออกจากเนื้อตัวจนสะอาดหมดจด ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดฝักบัว เขาเปิดประตูฉากกั้นอาบน้ำ เดินเปลือยเปล่าออกมาด้านนอก หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวที่แขวนอยู่บนราวมาพันกาย และใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนเช็ดผมระหว่างเดินไปยังห้องแต่งตัวที่เชื่อมต่อกัน

            เสื้อผ้าและเครื่องประดับถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนภายในห้องแต่งตัวหรู ไม่ถึงยี่สิบนาที เขาก็พร้อมออกไปทำงานในชุดสูทสีกรมท่า เนกไทสีน้ำตาล และรองเท้าหนังสีดำ

เจ้าของร่างสูงหยิบนาฬิกาปาเต็ก ฟิลิปป์ขึ้นมาสวมข้อมือข้างซ้ายพลางมองตัวเองในกระจก ผมสีน้ำตาลเข้มที่เซตไว้อย่างเนี้ยบเผยให้เห็นโครงหน้าชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาประกอบไปด้วยดวงตาเรียวยาวที่ฉายแววมั่นคงและลุ่มลึกอยู่เป็นนิตย์ จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อ

            เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี สามร้อยคาบริโอเลตสีขาวออกจากคอนโดย่านทองหล่อ มุ่งหน้าไปยังตึกเดอะ ซันกรุ๊ปที่ตั้งอยู่ในย่านเพลินจิต

            เช้าวันนี้รถติดมากเหมือนทุกวัน เขาจึงฆ่าเวลาด้วยการอ่านข่าวในไอแพดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบริษัทในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา

            เจ้าของร่างสูงสง่าเปิดประตูก้าวลงจากรถคันหรู และสั่งการให้ลูกน้องนำรถไปจอดให้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในตึกสูงยี่สิบชั้นเพื่อทำภารกิจแรกของวัน นั่นก็คือสัมภาษณ์ผู้ที่จะมาเป็นเลขาฯ คนใหม่ของเขา แทนคนเดิมที่เพิ่งลาออกไปแต่งงานนั่นเอง

            “สวัสดีค่ะท่านรอง”

            “สวัสดีครับท่านรอง”

            “สวัสดีตอนเช้าค่ะท่านรอง”

เสียงทักทายดังขึ้นตลอดทางที่ภานุรุจเดินผ่าน ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ ขณะที่พนักงานทุกคนมองเขาอย่างชื่นชม โดยเฉพาะสาวๆ ที่แอบกรี๊ดรองประธานหนุ่มและใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะครอบครองหัวใจเขาให้ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทุกคนรู้กันดีว่าท่านรองทั้งนิ่งขรึมและเย็นชา จนได้ฉายาว่า ‘มิสเตอร์สโนว์’ หรือ ‘คุณชายหิมะ’

ใครๆ ต่างคิดว่าเขาไร้หัวใจ เพราะที่ผ่านมาภานุรุจไม่เคยควงสาวๆ เลยสักคน แต่คุณชายหิมะไม่มีหัวใจจริงหรือเปล่านั้น คงไม่มีใครรู้นอกจากเขาเอง

หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ภานุรุจก็กลับมาช่วยพ่อดูแลกิจการของเดอะ ซันกรุ๊ปทันที

เป็นเวลาสามปีแล้วที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท และในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ ภานุรุจก็จะก้าวขึ้นไปเป็นประธานของเดอะ ซันกรุ๊ปแทนพ่อ

...

‘ต่อไปอนาคตของเดอะ ซันกรุ๊ปจะขึ้นอยู่กับแกแล้วนะ’ ท่านพูดกับเขาเมื่อวันก่อน

            ‘คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลเดอะ ซันกรุ๊ปให้ดีที่สุด’ ภานุรุจเอ่ยเสียงหนักแน่น

‘พ่อเชื่อว่าแกทำได้ อ้อ แต่แกคงต้องหาเลขาฯ ใหม่นะ เพราะคุณนาถเขาบอกว่าจะขอเกษียณตามพ่อเหมือนกัน’ พ่อเอ่ยถึงคุณนาถลดา ผู้ช่วยคนเก่งของท่าน

เมื่อเจ้านายวางมือแล้ว เลขาฯ อย่างนาถลดาก็อยากจะพักผ่อนเช่นกัน เพราะทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยยังสาว

            ‘โธ่ ผมอุตส่าห์คิดว่าจะได้คุณนาถมาช่วยงาน’ ชายหนุ่มบอกอย่างเสียดาย เพราะตอนแรกเขากะว่าจะให้ฝ่ายนั้นมาช่วยงานแทนเลขาฯ คนเดิม

            ‘ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวนี้เลขาฯ เก่งๆ เยอะ เดี๋ยวพ่อให้ฝ่ายบุคคลเปิดรับสมัคร แล้วก็ให้คุณนาถช่วยสกรีนรอบแรกให้’

            ‘อย่างนั้นก็ได้ครับ’ ภานุรุจพยักหน้าเบาๆ

            ‘สู้ๆ ไอ้ลูกชาย’ พ่อยิ้มให้กำลังใจเขา

ภานุรุจรู้ว่าท่านคาดหวังอย่างสูงว่าเขาจะสามารถสานต่อธุรกิจหนังสือพิมพ์เดอะ ซันนิวส์และช่องเดอะ ซันทีวีที่ท่านก่อตั้งขึ้นมาให้ก้าวหน้ามากขึ้นไปอีกในอนาคต แน่นอนว่าภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความกดดันมหาศาล แต่ถึงอย่างนั้นภานุรุจก็จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้พ่อผิดหวัง

...

            รองประธานหนุ่มเดินออกจากลิฟต์ผู้บริหารและเลี้ยวซ้ายไปยังห้องประชุมเล็กเพื่อรอสัมภาษณ์เลขาฯ คนใหม่ในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า

            “ท่านรองรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” แม่บ้านสาวเดินมาสอบถามหลังจากเขาเข้ามานั่งข้างในแล้ว

            “ขอเป็นกาแฟดำแล้วกัน ขอบคุณครับ”

            “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หญิงสาวค้อมศีรษะ ก่อนจะเดินออกไปชงกาแฟตามคำสั่งของเจ้านาย

            ระหว่างรอเครื่องดื่ม ภานุรุจก็เปิดดูแฟ้มประวัติของผู้ที่จะมาสัมภาษณ์สองคนในวันนี้ เพื่อจะได้รู้จักแต่ละคนคร่าวๆ ก่อน

            คนแรก...นางสาวเพลงขวัญ วงศ์สุภาพ อายุ 25 ปี

            ดวงตาสีเข้มหรี่แคบลงเมื่อเห็นรูปถ่ายที่ติดอยู่บนใบสมัคร

            ทำไมหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน

ภานุรุจนั่งครุ่นคิดอยู่เกือบหนึ่งนาที ก่อนจะจำได้ว่าเธอคือ...ผู้หญิงซุ่มซ่ามคนนั้นนั่นเอง!

 

“คุณเพลงขวัญคะ”

            เมื่อได้ยินเสียงเรียก หญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อสูทและกระโปรงทรงสอบสีเทา สวมรองเท้าคัตชูสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้น

            “เดี๋ยวเชิญทางนี้เลยค่ะ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องรับรองบอก

            “ค่ะ” เพลงขวัญเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะรับแขก ลุกขึ้นจากโซฟา และเดินตามอีกฝ่ายไปยังห้องประชุมเล็กที่อยู่ไม่ไกลกัน

            ที่นี่คือบริษัทเดอะ ซันกรุ๊ป เจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่อย่างหนังสือพิมพ์เดอะ ซันนิวส์และช่องเดอะ ซันทีวี ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทสูงถึงสามหมื่นห้าพันล้านบาท

            วันนี้เพลงขวัญมีนัดสัมภาษณ์งานรอบสองกับว่าที่เจ้านายของเธอ หลังจากสัมภาษณ์รอบแรกกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลและเลขาฯ ของประธานบริษัท และผลก็คือผ่าน แม้เธอจะเคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นเลขาฯ มาถึงสามปี แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี

เดอะ ซันกรุ๊ปถือเป็นบริษัทใหญ่ระดับประเทศที่ใครๆ ก็อยากทำงานด้วย ที่เธอตัดสินใจสมัครงานที่นี่ก็เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำหน้าที่เลขาฯ รองประธานบริษัท วันนี้เธอจะแสดงไหวพริบปฏิภาณให้ว่าที่เจ้านายได้เห็นอย่างเต็มที่ ถ้าไม่สติแตกจนตอบคำถามไม่รู้เรื่อง ยังไงก็ต้องผ่านการสัมภาษณ์แน่นอน

            “ขอให้โชคดีนะคะ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลสาวอวยพรเมื่อพาเธอมาถึงหน้าห้องประชุมเล็ก

            “ขอบคุณค่ะ” เพลงขวัญยิ้มซาบซึ้ง “เข้าไปได้เลยใช่ไหมคะ”

            “ค่ะ ท่านรองพร้อมแล้ว”

            เพลงขวัญมองผ่านประตูกระจกใสเข้าไปก็เห็นว่า ‘ท่านรอง’ นั่งรออยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่แล้ว แต่ด้วยความที่เขาหันหลังจึงไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง และอายุประมาณไหน รองประธานบริษัทก็น่าจะประมาณสี่สิบต้นๆ ละมั้ง...เธอคาดเดาจากประสบการณ์

            สาวร่างเล็กสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนยกมือเรียวขึ้นเคาะประตูห้องอย่างสุภาพ

            ก๊อกๆๆ

            “ขออนุญาตค่ะ”

            “เชิญครับ” เสียงทุ้มลึกดังตอบกลับมาจากด้านใน

            ได้ยินดังนั้น เพลงขวัญจึงผลักประตูเดินเข้าไป

            แอร์เย็นฉ่ำภายในห้องประชุมเล็กและความเงียบทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าขึ้นมานิดๆ อาจเป็นเพราะคราวนี้เป็นการสัมภาษณ์กับว่าที่เจ้านายโดยตรง เลยทำให้กดดันกว่ารอบแรกเป็นสองเท่า

            ‘ไม่ต้องตื่นเต้นนะเพลงขวัญ แกสวย แกเก่ง แกทำได้’ เธอปลุกใจตัวเอง

            “เชิญนั่งครับ” คนที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะประชุมทรงโค้งบอก

            “ขอบคุณค่ะ” สาวหน้าใสก้าวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ทางด้านซ้ายมือของเขา

            “พร้อมหรือยังครับ”

            “พร้อมค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงกระตือรือร้น

            “ถ้างั้น...เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า” อีกฝ่ายพูดจบก็หมุนเก้าอี้กลับมา และแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “ผม...ภานุรุจ ทีปกรนฤนาถ รองประธานเดอะ ซันกรุ๊ป ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณเพลงขวัญ”

            วินาทีที่เห็นหน้าเขา ริมฝีปากอิ่มสีชมพูของหญิงสาวก็อ้าค้าง ดวงตาหวานเบิกโต รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งตัว

‘ไม่...ไม่จริง เราต้องฝันไปแน่ๆ มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไงกัน!’

            “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์

            “เปล่าค่ะ” เพลงขวัญปฏิเสธทั้งที่เหงื่อแตกพลั่กเต็มใบหน้าและฝ่ามือ

            สำหรับผู้หญิงคนอื่น การได้เจอคนหล่อ งานดีพรีเมียมแบบนี้อาจเป็นพรหมลิขิต แต่สำหรับเพลงขวัญแล้ว นี่มันกรรมลิขิตชัดๆ!

            ‘ให้ตายเถอะ อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆ’

ประกายวิบวับในดวงตาเรียวยาวสีดำขลับที่มองมาทำให้หญิงสาวมั่นใจว่า เขาจำเธอได้แน่นอน แม้ว่าเจ้าตัวจะคีปลุคนิ่งขรึมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่มีใครจำคนที่เคย ‘มีซัมติง’ กันไม่ได้หรอก ถึงเรื่องวันนั้นมันจะผ่านมาสามปีแล้วก็เถอะ!

“ดิฉันขอตัวนะคะ” เพลงขวัญตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้

“จะไปไหนครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาถามเสียงขรึม

“กลับค่ะ” เธอหมุนตัวจะเดินไปยังประตู ในจังหวะนั้นชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นทันควัน

“กลัวเหรอ”

สาวร่างเล็กหันขวับกลับไปมองคนที่ปรามาสเธอทันที “ใครกลัวคะ”

“ก็คุณไง” มุมปากของเขายกขึ้นน้อยๆ คล้ายกำลังเยาะเย้ยเธออยู่

“ดิฉันไม่ได้กลัวนะคะ” ดวงตากลมโตมองเขาอย่างเอาเรื่อง

“แต่คุณกำลังจะหนีผมเป็นครั้งที่สอง”

“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่ญี่ปุ่น เป็นใครก็ต้องหนีไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงฉะฉาน ประกายวาววับปรากฏในดวงตาคู่สวย

“ผมดูอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย

“ใช่ค่ะ”

“แต่เช้าวันนั้นผมแค่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้แตะต้องคุณแม้แต่ปลายผมเลยนะ”

“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ”

“คุณคิดว่าผมทำอะไรคุณ”

“ก็ดิฉันเมาไม่รู้เรื่อง คุณอาจจะฉวยโอกาสกับดิฉันก็ได้นี่คะ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้หรอก”

หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาประณาม แม้เรื่องราวจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ความทรงจำอันเลวร้ายนี้ก็ไม่เคยลบเลือนไปจากใจเธอ ตั้งแต่วันนั้นเพลงขวัญก็ไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอีกเลย เพราะมันเป็นต้นเหตุทำให้เธอเสียความบริสุทธิ์ที่เก็บรักษามายี่สิบสองปีให้ผู้ชายคนนี้!

ภานุรุจส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ “คุณคิดไปเองทั้งนั้น”

            “คิดไปเองที่ไหนคะ ก็คุณบอกว่าคืนนั้นไปเจอดิฉันเมาอยู่ในผับ เลยพากลับมาที่ห้อง ผู้ชายที่พาผู้หญิงเมาไม่ได้สติกลับห้องจะพาไปทำอะไรล่ะคะ นอกจาก...”

แม้ผู้ชายคนนี้จะดูดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่การกระทำของเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย

            “ช่วยมานั่งที่เดิมด้วยครับ” รองประธานหนุ่มบอกด้วยเสียงมีอำนาจ

            “ไม่ค่ะ ดิฉันจะกลับบ้าน” เพลงขวัญยอมรับว่าอยากได้งานที่นี่มาก เพราะนอกจากเงินเดือนสูงแล้ว การได้ทำงานกับบริษัทชั้นนำของประเทศยังจะทำให้เธอมีโอกาสได้พัฒนาตัวเองมากขึ้นด้วย ถ้าว่าที่เจ้านายของเธอไม่ใช่เขา เธอก็คงไม่ต้องลำบากใจแบบนี้

            “ได้ครับ แต่ก่อนกลับ ผมขอชี้แจงเรื่องที่ญี่ปุ่นก่อน” วันนั้นหญิงสาวหุนหันหนีไปโดยไม่รอฟังเขาอธิบายให้จบ ทำให้เขากลายเป็นคนเลวในสายตาเธอมาตลอดสามปี แต่วันนี้เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายจากไปพร้อมความเข้าใจผิดอีกแล้ว

“เรื่องมันจบไปแล้ว อย่าไปพูดถึงอีกเลยค่ะ” การรื้อฟื้นมีแต่จะตอกย้ำให้เธอยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม

            “จบง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ เพราะผมเสียหาย”

            “เสียหาย?” เขาเสียหายยังไง เธอต่างหากล่ะที่เสียหาย!

            ภานุรุจยักไหล่ “ใช่ สามปีที่ผ่านมา คุณเข้าใจผมผิด”

            “จะบอกว่าคืนนั้นคุณไม่ได้ทำอะไรดิฉันงั้นเหรอคะ”

            “อือฮึ”

            “จะเชื่อได้ยังไง”

            “ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น จนกว่าคุณจะกลับมานั่งตรงนี้” รองประธานเดอะ ซันกรุ๊ปยื่นเงื่อนไข

            “...” ดวงตากลมโตฉายแววลังเล

            “ผมให้ค่าเสียเวลาหนึ่งพันบาท แลกกับการนั่งฟังผมไม่เกินสิบนาที โอเคไหม”

            เพลงขวัญทำหน้าทึ่ง ‘เอาเงินมาหลอกล่อเรางั้นเหรอ! สิบนาทีหนึ่งพันบาทงั้นเหรอ!’

            ภานุรุจเห็นหญิงสาวยังยืนนิ่งจึงหยิบธนบัตรสีเทาสองฉบับออกมาจากกระเป๋าสตางค์หนังสีดำยี่ห้อหรู และวางลงบนโต๊ะ

            “สองพันบาท”

            สองพันบาทงั้นเหรอ!

“ก็ได้ค่ะ” เพลงขวัญเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างว่องไวพร้อมถาม “ถ้าเรื่องเมื่อสามปีก่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ดิฉันพูด แล้วมันยังไง เชิญเล่าค่ะ”

‘นั่งฟังเขาสิบนาทีได้ตั้งสองพันบาท ใครไม่เอาก็โง่แล้วค่ะ เงินไม่ได้สำคัญที่สุดสำหรับเพลงขวัญ แต่เพลงขวัญอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเงิน หวังว่าจะเข้าใจนะคะ’


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น