7

บทที่ 7 พบท่านประธาน


7

พบท่านประธาน

“วันนี้ผมขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่านมากนะครับ”

            หลังจากประธานบริษัทกล่าวจบ ทีมผู้บริหารของหนังสือพิมพ์เดอะ ซันนิวส์กว่าสิบชีวิตก็ทยอยเดินออกจากห้องประชุมเพื่อไปพักรับประทานอาหารกลางวันกัน

            อาทิตย์บอกเลขาฯ ของเขาให้ไปพักได้เช่นกัน หลังจากฝ่ายนั้นออกไปแล้ว เขาก็หันไปถามลูกชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทางด้านขวามือ โดยมีเลขาฯ ของเจ้าตัวนั่งถัดไป

            “แกไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน”

            “ร้านเรือนเลิศรสครับ”

            ชายสูงวัยพยักหน้ารับรู้ก่อนบอก “พาหนูขวัญไปกินด้วยสิ” อาทิตย์หารู้ไม่ว่า ลูกชายกับเลขาฯ ไปกินข้าวด้วยกันมาสองวันแล้ว

            “ครับ คุณพ่อไปด้วยกันไหมครับ”

            “ไม่ละ ช่วงบ่ายไม่มีงานแล้ว พ่อกลับไปกินที่บ้านกับแม่แกดีกว่า” ประธานเดอะ ซันกรุ๊ปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อพูดถึงภรรยาสุดที่รัก

            เพลงขวัญแอบอมยิ้มตามไปด้วย ท่านประธานเป็นแฟมิลีแมนสุดๆ ไปเลย แววตาของท่านเวลาพูดถึงภรรยาดูอ่อนโยนและอบอุ่นจนสัมผัสได้ แต่ท่านรองดูตรงข้ามกับคนเป็นพ่อสุดๆ เพราะเขาค่อนข้างเคร่งขรึม เธอนึกภาพภานุรุจหวานใส่ภรรยาไม่ออกเลยจริงๆ

            “ขอบใจมากนะหนูขวัญ ที่มาช่วยงานลูกชายฉัน”

เพลงขวัญยิ้มสุภาพ “ขอบคุณทางเดอะ ซันกรุ๊ปที่ให้โอกาสหนูเช่นกันค่ะ”

“เราให้โอกาสคนเก่งอยู่แล้ว” อาทิตย์บอกด้วยน้ำเสียงเมตตา และหันไปมองลูกชาย “ดูแลเลขาฯ ของแกดีๆ นะเนส”

“ครับคุณพ่อ” ภานุรุจรับปากหนักแน่น

            “อ้อ หลังจากแกขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนพ่อ สื่อคงติดต่อมาขอสัมภาษณ์หลายที่แน่ๆ ยังไงฝึกพูดให้มากขึ้นก็ดีนะ” แม้ลูกชายของเขาจะทำงานเก่ง แต่เรื่องพูดนั้นเจ้าตัวไม่ถนัดแม้แต่น้อย

            “ผมจะพยายามครับ” ที่ผ่านมาเขาไม่เคยออกสื่อเลย แต่ในเมื่อได้มานั่งแท่นเป็นประธานของเดอะ ซันกรุ๊ปซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และช่องทีวีแล้ว มันคงเป็นไปได้ยากที่จะหลีกเลี่ยงการพบสื่อมวลชน

            “ช่วยดูแลเจ้าเนสด้วยนะหนูขวัญ” อาทิตย์ฝากฝังลูกชายกับเพลงขวัญ

            “ได้ค่ะ หนูจะช่วยท่านรองเต็มที่เลยค่ะ” สาวร่างเล็กเอ่ยน้ำเสียงกระตือรือร้น

            หลังจากคุยกันต่ออีกประมาณห้านาที ชายสูงวัยก็ขอตัวกลับ ภานุรุจและเพลงขวัญลงมาส่งอาทิตย์ขึ้นรถที่ด้านหน้าตึก ก่อนที่เขาและเธอจะออกไปกินอาหารเที่ยงกันที่ร้านเดิม

            “ท่านรองไว้ใจให้ดิฉันช่วยดูแลเรื่องการตอบคำถามหรือเปล่าคะ หรือว่าถ้าอยากจะจ้างที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ พรุ่งนี้ดิฉันจะรวบรวมข้อมูลมาให้ท่านรองเลือกค่ะ” หญิงสาวถามระหว่างนั่งรออาหาร

            “ผมไว้ใจคุณครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น

            “ขอบคุณค่ะ” เพลงขวัญรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมาก

            ริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อของรองประธานหนุ่มยกยิ้มน้อยๆ

            “ท่านรองยิ้มอะไรคะ”

            “ยิ้มไม่ได้เหรอครับ” ดวงตาเรียวยาวสีดำขลับเป็นประกายลุ่มลึก

            เพลงขวัญรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นวูบวาบอยู่ในหัวใจ ดวงตาคู่นั้นมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงจริงๆ ให้ตายเถอะ ขนาดเธอไม่ได้คิดอะไรกับท่านรองยังแอบหวั่นไหวเลย

            “ได้สิคะ ดิฉันอยากเห็นท่านรองยิ้มบ่อยๆ” หญิงสาวดึงสติตัวเองกลับมา และท่องไว้ว่า ‘นี่เจ้านายๆ แกจะคิดอะไรเกินเลยกับเจ้านายไม่ได้!’

            “ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณทำงานดีหรือเปล่า”

            ‘แหม ไม่ค่อยกดดันเลยนะคะท่านรอง’ เพลงขวัญแอบค่อนแคะในใจ

            “ผมไม่ได้กดดันนะครับ” ภานุรุจเอ่ยราวกับได้ยินเสียงความคิดของเธอ

            “ค่า” หมั่นไส้จริงๆ เลย

            “อ้อ ขอบคุณที่ช่วยจัดการเรื่องของขวัญเมื่อวานนะครับ เพื่อนผมชอบมาก” เขาบอกอย่างนึกขึ้นได้

“ด้วยความยินดีค่ะ” เพลงขวัญดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เพราะแอบลุ้นอยู่ว่าน้ำหอมเซตที่เธอเลือกจะถูกใจเพื่อนของท่านรองหรือเปล่า

            “แล้ว...ปกติวันเสาร์อาทิตย์คุณทำอะไรครับ” ภานุรุจชวนคุย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้และมองคนนั่งตรงข้ามด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู

            “ส่วนมากก็พักผ่อนอยู่บ้านค่ะ ชาร์จแบตไว้ลุยงานต่อวันจันทร์ถึงศุกร์ ท่านรองล่ะคะ”

            “แล้วแต่อาทิตย์ครับ อย่างเสาร์นี้มีนัดตีกอล์ฟ ส่วนวันอาทิตย์ก็ต้องไปงานเลี้ยง”

            “ไม่น่าเบื่อดีนะคะ”

“ไม่ดีหรอกครับ บางทีผมก็อยากอยู่เฉยๆ บ้าง”

ท่านรองก็มีอารมณ์อยากนอนโง่ๆ อยู่บนเตียงในวันเสาร์อาทิตย์เหมือนกันเหรอเนี่ย นึกว่าจะเคร่งเครียดกับงานตลอดเวลาเสียอีก...เพลงขวัญลอบยิ้มขำ

            “ขอโทษนะครับ คุณมีแฟนหรือยัง” จู่ๆ ภานุรุจก็ถามขึ้น

            “คะ?” เลขาฯ สาวทำหน้าเหลอหลา

            “คุณมีแฟนหรือยังครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาย้ำคำถามอีกครั้ง

            คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ‘ท่านรองถามทำไมอ้ะ อย่าบอกนะว่า...แอบปิ๊งเรา! แอร๊ยยย’

            “ครับ?”

            เพลงขวัญรู้สึกขัดเขินกับสายตาของเขาจนพูดติดอ่าง “ทะ...ท่านรอง...ถามทำไมเหรอคะ”

            ‘ก็ผมชอบคุณน่ะสิครับ’

            หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อจินตนาการถึงคำตอบที่จะได้รับ ‘อ๊ายๆๆ นี่เรากำลังจะโดนผู้ชายสารภาพรักเหรอเนี่ย’

            “เลขาฯ คนก่อนของผมเธอลาออกไปแต่งงานน่ะครับ ผมเลยอยากรู้ไว้ว่าจะต้องเตรียมสัมภาษณ์เลขาฯ คนใหม่อีกเร็วๆ นี้หรือเปล่า” คนที่อยู่ในชุดสูทสีกรมท่าตอบเป็นทางการ

            “อ๋อออ” เพลงขวัญยิ้มแห้ง ‘ก็ว่าละ ท่านรองเหรอจะคิดอะไรกับเรา มีความเป็นไปได้น้อยกว่าศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์อีก เมื่อกี้ก็แค่มโนขำๆ ไปงั้นแหละ ไม่ถือว่าหน้าแตก เข้าใจตรงกันนะคะทุกคน’

“งั้นท่านรองสบายใจได้เลยค่ะ ตั้งแต่เลิกกับแฟนเมื่อสามปีก่อน ดิฉันก็โสดสนิท ไม่มีคนคุย ไม่มีคนที่ดูๆ กันอยู่ ไม่มีคนในความลับอะไรทั้งนั้นค่ะ ดิฉันยังจะอยู่ทำงานที่เดอะ ซันกรุ๊ปอีกหลายปี ถ้าท่านรองไม่ไล่ออกเสียก่อนนะคะ”

‘แล้วท่านรองล่ะคะ’ หญิงสาวแอบอยากรู้ แต่ไม่กล้าถามกลับ เพราะในวันสัมภาษณ์งานตอนที่เธอเอ่ยถึงนานะ ภานุรุจดูเหมือนไม่อยากตอบ ทำให้สถานะทางหัวใจของชายหนุ่มยังคงคลุมเครือว่าตอนนี้เขามีคนพิเศษหรือเปล่า แต่เท่าที่เห็นจนถึงตอนนี้ ขอเดาว่าเจ้านายสุดหล่อออร่ากระจายของเธอยังไม่มีใครแน่นอน...ฟันธง!

            “ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร ผมก็ไม่ไล่คุณออกหรอกครับ สบายใจได้” ภานุรุจยิ้มบางๆ

            “ดิฉันเชื่อค่ะว่าท่านรองมีความยุติธรรมกับพนักงาน” สาวหน้าหวานยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย

            “ส่วนเรื่องแฟน...คุณไม่มีก็ดีแล้วละ เพราะบางทีเราอาจจะต้องทำงานกันในวันหยุด ถ้าแฟนไม่เข้าใจก็อาจจะมีปัญหากันได้ แต่ถ้า...ในอนาคตคุณจะมีแฟน ผมก็ไม่ได้ห้ามนะครับ เรื่องแบบนี้คงบังคับกันไม่ได้”

แม้เขาจะเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่ใช่เจ้าของชีวิตเธอ ดังนั้นเพลงขวัญจึงมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง

            “ถ้าจะมีแฟนอีกครั้งก็คงต้องหาคนที่เข้าใจกันจริงๆ ละค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่คิดอยากมีเลย พอโสดนานๆ เข้าก็เห็นข้อดีของความโสด เลยไม่อยากมีแฟนให้ชีวิตวุ่นวายน่ะค่ะ”

            “มีข้อดีอะไรบ้างครับ” รองประธานหนุ่มถามต่อด้วยท่าทีสนใจ

            ระหว่างนั้นพนักงานของร้านเรือนเลิศรสก็นำอาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟพอดี เพลงขวัญจึงไล่เรียงข้อดีที่ว่าระหว่างกินข้าว และไม่ลืมสังเกตเจ้านายว่าตักอาหารอะไรไปบ้าง

            “ข้อแรก...มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นค่ะ อยากจะไปไหน อยากจะทำอะไรก็สบายใจ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องรอ ไม่ต้องทะเลาะกับใคร เพราะเราตัดสินใจได้ทันที”

            “ข้อสองล่ะครับ”

            “ข้อที่สอง...เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ค่ะ ไม่ต้องปรับตัวเข้าหาใคร ข้อสาม...ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าแฟนจะมีกิ๊กหรือเปล่า ข้อที่สี่...จะคุยกับใครก็ได้ เพราะโสด ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องหึงหวง ข้อห้า...มีเวลาให้ครอบครัวและเพื่อนมากขึ้นค่ะ ข้อหก...” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะแหะๆ “คิดไม่ออกแล้วค่ะ แต่โสดแล้วสบายใจจริงๆ นะคะ”

นี่เธอยังคิดอยู่เลยว่าจะโสดไปตลอดชีวิตดีไหม เพราะอยู่คนเดียวก็มีความสุขดีอยู่แล้ว อาจจะรู้สึกแปลกแยกบ้างเวลาออกไปข้างนอกในเทศกาลวาเลนไทน์ แต่ก็แค่ปีละครั้ง ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย อีกอย่างก็ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่โสด ในโลกใบนี้ยังมีคนโสดอีกเป็นล้านๆ คน ถ้าโสดแล้วตาย เธอก็คงไม่ได้มานั่งพูดข้อดีของความโสดอยู่ตรงนี้

            “ผมเพิ่มข้อหกให้” ราวกับรอยยิ้มละไมผุดขึ้นในดวงตาสีเข้ม “ไม่มีแฟน ก็ไม่ต้องกลัวอกหัก”

            นั่นไง ท่านรองพูดแบบนี้ ไม่ต้องสืบต่อก็รู้ว่าเลิกกับแฟนแล้วแหงๆ แต่เขาแค่ไม่ได้เล่าให้เธอฟังเท่านั้นเอง การเลิกกันครั้งนั้นอาจสร้างบาดแผลใหญ่ในใจของท่านรองจนทำให้เขาไม่อยากกล่าวถึงอีก เพลงขวัญเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะมีประสบการณ์ตรง แต่เธอต่างจากภานุรุจตรงที่สามารถเล่าเรื่องอกหักของตัวเองได้แบบไม่รู้สึกอะไรแล้ว

            “เห็นด้วยค่ะ” นึกถึงเรื่องที่ญี่ปุ่นเมื่อสามปีที่แล้วทีไรก็อดขำตัวเองไม่ได้ ทำไมเธอจะต้องฟูมฟายคลุ้มคลั่งขนาดนั้นด้วย ก็แค่ผู้ชายคนเดียวที่ไม่ได้รักเธอมากกว่าคนในครอบครัว

ฮึ่ย เสียดายน้ำตาจริงๆ เลย!

 

บ่ายวันเสาร์ เพลงขวัญนั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานีสยามเพื่อพบกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง

            วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อชีฟองสีขาว กางเกงยีนเข้ารูปสีน้ำเงิน และรองเท้าส้นสูงเก๋ๆ ต่างจากตอนอยู่บ้านที่มักจะใส่เสื้อยืดและกางเกงเจเจสีสันแสบตา ใบหน้าหวานแต่งบางๆ เพื่อไม่ให้ซีดเซียวจนเกินไป ริมฝีปากอิ่มแวววาวชุ่มชื้นด้วยลิปมันสีธรรมชาติ ผมยาวตรงสลวยสีดำขลับรวบก็เป็นหางม้าเผยให้เห็นต้นคอระหงชวนมอง เสื้อผ้าหน้าผมที่ไม่ได้จัดเต็มเหมือนตอนไปทำงานทำให้เธอดูเด็กลงกว่าอายุหลายปี

            เมื่อเพื่อนมาถึง เพลงขวัญและฝ่ายนั้นก็ไปนั่งกินส้มตำกันพลางพูดคุยอัปเดตชีวิตของแต่ละคน หลังจากไม่ได้เจอกันมาเกือบหนึ่งเดือน

            “งานใหม่เป็นไงบ้างยะ” ปองกูลจีบปากจีบคอถาม

            “ดีงามค่า โดยเฉพาะเจ้านาย” หญิงสาวพูดจบก็เอื้อมมือไปตักตำหอยดองมาใส่ปาก

            “อ๊ายยย ยังไงคะ เล่าด่วน!” หนุ่มร่างกลมดี๊ด๊าขึ้นมาทันที

            “งานดีมากเว่อร์ สูง สมาร์ต หล่อ หน้าใสกิ๊ง ออร่ากระจายสุดๆ ไปเลย” เพลงขวัญทำตาลอยๆ เหมือนกำลังเคลิ้มฝัน แต่แค่แกล้งแอกติงไปอย่างนั้นเพื่อเพิ่มอรรถรส

            “เอ๊ะ แกเป็นเลขาฯ ของรองประธานบริษัทไม่ใช่เหรอ ฉันว่าคนที่เป็นรองประธานน่าจะรุ่นใหญ่แล้วนะ หรือว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมมาชอบผู้ชายสูงวัย” เพื่อนของเธอขมวดคิ้วสงสัย

            “สูงวัยอะไร เขาอายุแค่ยี่สิบเจ็ดเอง”

            “จริงดิ นึกว่าจะอายุมากกว่านี้เสียอีก”

            “ฉันก็คิดว่าระดับรองประธานจะแก่กว่านี้ เอ้อ แล้วนี่เขาก็กำลังจะขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนพ่อด้วยนะ แสดงว่าต้องเก่งจริงๆ ไม่งั้นพ่อไม่ไว้ใจให้ดูแลธุรกิจแทนหรอก”

            “หูยยย หล่อ รวย เก่ง โพรไฟล์เริดสุดๆ ไปเลย ไหน มีรูปไหม ขอดูหน่อย บางทีเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของฉันก็ได้” ปองกูลทำท่าฝันหวาน

            “ไม่มีอ้ะ ฉันไม่ได้ถ่ายไว้”

            “เอ้า มาพูดให้ฉันคันแล้วจากไปแบบนี้ไม่ได้นะ หล่อนไม่มีเฟซ ไลน์ หรือไอจีเขาเหรอ หล่อนเป็นเลขาฯ ของเขานะยายเพลงขวัญ”

            “ไลน์อะมี”

            “เอามาดูเลย” หนุ่มร่างกลมแบมือและกระดิกนิ้วขอโทรศัพท์มือถือ

            “แต่รูปโพรไฟล์เขาเป็นรูปวิว”

            อีกฝ่ายได้ยินก็ถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย “หล่อจริงปะเนี่ย ทำไมดูลึกลับจัง รูปก็ไม่ยอมโชว์”

            “จริงสิ แต่เขาไม่ชอบออกสื่อ”

            “แล้วทำยังไงฉันถึงจะได้เห็นรูปท่านรองสุดหล่อของแกล่ะยะ”

            “เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีรูปเขาตามสื่อเองนั่นแหละ เพราะหลังจากขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว เขาจะออกสื่อมากขึ้น”

            “โอ๊ย นานไปไหม วันจันทร์นี้แกไปแอบถ่ายรูปเขาแล้วส่งมาให้ฉันดูเลย”

            “ห้าร้อย”

            “อีงก!”

            “อ้าว มันก็ต้องมีค่าเหนื่อยกันหน่อย ถ้าอยากเห็นหน้าเนื้อคู่ก็จ่ายมา” ดวงตากลมโตเปล่งแสงพราวระยับอย่างเจ้าเล่ห์

            “เกิดมาไม่เคยเห็นชะนีที่ไหนงกเท่าหล่อนมาก่อนเลย”

            เพลงขวัญหัวเราะคิก “ลงทุนแค่ห้าร้อยเอง แต่ผลตอบแทนเป็นหมื่นล้านเลยนะยะ”

            “แหมมม พูดยังกับจ่ายห้าร้อยแล้วได้เขามาเป็นผัวทันทีงั้นแหละ” ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ เขาจะรีบโอนเงินให้เพลงขวัญเดี๋ยวนี้เลย

            “ก็เดี๋ยวเป็นแม่สื่อให้”

            ปองกูลแบะปากและทำตาเหลือก “อีแม่สื่อนี่แหละตัวดี อยู่ใกล้ชิดทุกวัน สุดท้ายมันก็คาบไปกิน!”

            “ใกล้ชิดทุกวัน แต่ฉันไม่ได้ชอบเขาเลยนะ”

            “อย่ามา! สาบานสิว่าแกไม่หวั่นไหวเลย” ถ้ายังไม่บรรลุโสดาบัน ก็อย่ามาพูดว่าไม่รู้สึกอะไร!

            “ไม่เล้ยยย” เพลงขวัญยืนยัน นั่งยัน นอนยัน!

            “หล่อนคิดว่าโกหกได้แนบเนียนแล้วเหรอ นังชะนีขวัญ” หนุ่มร่างกลมมองอย่างรู้ทัน

            “โอ๊ย แล้วหล่อนจะมาคาดคั้นฉันทำไมเนี่ย นังปิงปอง”

            “หล่อนชอบเจ้านายของหล่อนใช่ไหม พูด!” ปองกูลหรี่ตาจับผิด

            “ไม่ได้ชอบ จริงๆ นะ” อะไรวะเนี่ย จู่ๆ ก็โดนเล่นงานเฉยเลย รู้งี้ไม่พูดให้มันฟังดีกว่า

            “นังตัวดี! หล่อนต้องพูดความจริงเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายกดดันสุดฤทธิ์

            “เออๆๆ ยอมรับก็ได้ว่ามันมีโมเมนต์ที่หวั่นไหว แต่มันเป็นเรื่องปกติเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายหล่อป้ะ ฉันแน่ใจว่ายังไม่ได้ถึงขั้นตกหลุมรักเขา” เพลงขวัญเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

            “แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการตกหลุมรักนะ”

            “ไม่มีทางอ้ะ เจ้านายก็คือเจ้านาย”

            “แล้วถ้าเขาจีบแกล่ะ”

            “โอ๊ย นั่นยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ใหญ่ สังคมของฉันกับเขามันคนละระดับกัน มีผู้หญิงที่คู่ควรกับเขามากมาย เขาไม่มองฉันหรอก”

            “อีนี่ชอบดรามาไปล่วงหน้า ความรักมันไม่มีชนชั้นหรอก ไม่เคยได้ยินเหรอ...” แล้วปองกูลก็ร้องเพลง “บุพเพสันนิวาส” ของศิลปิน สุเทพ วงศ์กำแหง ขึ้น “ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา”

            “พอๆ เลอะเทอะไปกันใหญ่ละ คุยเรื่องแกบ้างดีกว่า”

            “เรื่องฉันเหรอ ก็ไม่มีอะไรมาก ยังใช้ชีวิตสวยๆ เริดๆ เชิดๆ เหมือนเดิม” ปองกูลทำท่าสะบัดผม ทั้งที่ไม่มีผมให้สะบัด

            “ไม่มีผู้ชายหลงผิดมาเหรอ”

            “มีสิยะ แต่ฉันไม่เอา”

            เพลงขวัญคิดว่าตัวเองกลอกตาเป็นเลขแปดไทย “จ้าาา สวยเลือกได้”

            “อยากตบนังนี่จริงๆ”

            “ก็มาสิค้า” หญิงสาวลอยหน้าลอยตายั่ว

            สองเพื่อนซี้หยอกล้อกันด้วยความรักแกมหมั่นไส้ แม้นานๆ จะได้เจอกันครั้ง แต่ความสนิทสนมของทั้งสองก็ไม่เคยจืดจางลงเลย

            “มีคนที่เดอะ ซันกรุ๊ปอยากตบหล่อนบ้างไหมเนี่ย”

            “ไม่มีหรอก ตอนทำงานฉันคีปลุคให้น่าเชื่อถือย่ะ” สาวหน้าหวานไหวไหล่รัวๆ

            “โอ๊ยยย อยากให้ท่านรองเห็นตัวตนที่แท้จริงของนังชะนีขวัญจริงๆ”

            เพลงขวัญหัวเราะแห้งๆ ไม่อยากจะบอกเพื่อนสาวเลยว่า ‘ท่านรองได้เห็นความเรื้อนของฉันมากกว่าที่แกเคยเห็นอีกย่ะ!’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น