9

บทที่ 9 แอบหื่น


9

แอบหื่น

ภานุรุจและเพลงขวัญยืนหั่นผลไม้อยู่ที่ไอแลนด์กลางห้องครัว ต่างคนต่างนำผลไม้ที่หั่นเรียบร้อยแล้วใส่ในชามแก้วที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับเธอ อาการประหม่าของหญิงสาวค่อยๆ ลดลงจนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า

            “พอหรือยังคะคุณเนส” เพลงขวัญหันไปถามเขาเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในชามแก้วมีผลไม้ต่างๆ อยู่พอสมควรแล้ว

            คนตัวโตมองชามแก้วและบอก “ครับ น่าจะพอสำหรับเราสองคนแล้วละ”

            “งั้นเดี๋ยวขวัญไปเอาโยเกิร์ตในตู้เย็นนะคะ” สาวร่างเล็กเดินไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ด้านหลัง และหยิบกรีกโยเกิร์ตออกมาหนึ่งถ้วย

            “ผมเปิดให้ครับ” ภานุรุจยื่นมือขอ

            เพลงขวัญยื่นถ้วยโยเกิร์ตให้เขาพลางลอบมองมัดกล้ามขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อยืดแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ

กล้ามแขนยังตึงแน่นขนาดนี้ แล้วกล้ามอกกับซิกซ์แพ็กจะฟิตเปรี๊ยะขนาดไหนนะ...

            “กินชามเดียวกันหรือแบ่งของใครของมันดีครับ” เสียงทุ้มลึกเรียกให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์หื่น

            “เอ่อ...กินชามเดียวกันก็ได้ค่ะ” เพลงขวัญทำหน้าเลิ่กลั่ก เพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับได้ว่าเธอแอบแทะโลมเขาทางสายตา แต่กล้ามแขนของเขามันล่อตาล่อใจจริงๆ นี่นา ใครจะห้ามใจไม่ให้มองได้ล่ะ

            “ดีครับ ผมขี้เกียจล้าง” ริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อยกยิ้มเล็กน้อย

            “แหม ขวัญล้างให้ก็ได้ค่า”

            “ตกลงกินชามเดียวกันนะครับ”

            “ค่า” หญิงสาวยิ้มกว้าง

            เมื่อได้ข้อสรุป ภานุรุจก็ถือชามสลัดผลไม้ที่ราดด้วยกรีกโยเกิร์ตมายังโต๊ะอาหารที่อยู่ถัดจากไอแลนด์ ปกติเขานั่งกินข้าวตรงนี้คนเดียว แต่วันนี้ต่างจากทุกวัน เพราะมีเลขาฯ สาวมาร่วมโต๊ะด้วย

            “อร่อยไหมครับ” ชายหนุ่มถามคนนั่งตรงข้ามที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ

            เพลงขวัญยกมือขึ้นมาป้องปาก เคี้ยวและกลืนจนหมดแล้วจึงตอบ “อร่อยค่ะ รสของผลไม้กับโยเกิร์ตเข้ากันดีมากๆ เลย”

            “อร่อยก็กินเยอะๆ เลยครับ”

            “ค่ะ” หญิงสาวตักสลัดผลไม้มาใส่ปากอีกคำ กินแล้วรู้สึกสดชื่นดีจริงๆ

            “ขวัญทำอาหารเป็นไหม”

            “เป็นสิคะ ยายกับแม่ขวัญทำอาหารเก่ง ขวัญเลยพลอยได้วิชาจากพวกท่านไปด้วย แต่ก็ไม่มีเวลาทำเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะตอนเช้าต้องรีบออกไปทำงาน ส่วนตอนเย็นกว่าจะถึงบ้านก็ค่ำละ คุณเนสล่ะคะ”

            เจ้านายหนุ่มส่ายหน้า “ทำไม่เป็นเลยครับ”

            “สลัดผลไม้นี่ไงคะ”

            “อันนี้ใครๆ ก็ทำได้ ผมไม่นับ”

            “ขวัญอุตส่าห์พูดช่วย”

            ดวงตาสีเข้มพราวระยับ “ขอบคุณมากนะครับ งั้นขอตอบใหม่ ผมทำอาหารเป็นครับ นอกจากสลัดผลไม้แล้ว ผมต้มมาม่าแล้วก็ต้มไข่อร่อยด้วย”

            เพลงขวัญหัวเราะร่วน “แต่ละอย่างใช้สกิลสูงๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ”

            ภานุรุจยักไหล่ “แน่นอน คนทั่วไปทำไม่ได้หรอก”

            เอาเข้าไป เจ้านายเธอ เพิ่งรู้ว่าเป็นคนแบบนี้ “เยี่ยมสุดๆ เลยค่ะ”

            “อืม เลขาฯ คนนี้ใช้ได้เลย” เจ้านายหนุ่มหรี่ตามองผู้ช่วยสาว

            “อยู่เป็นใช่ไหมคะ” เพลงขวัญยิ้มทะเล้น

            “ที่สุดของแจ้ครับ”

            “คุณเนส!” โอ๊ย ไม่คิดเลยว่าคนนิ่งๆ จะปล่อยมุกเป็น

            “จำมาจากรายการตลกน่ะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาระบายไปด้วยรอยยิ้มละไม

            “คุณเนสชอบดูรายการตลกด้วยเหรอคะ”

            “ดูเพราะหน้าที่ครับ ปกติผมจะหาเวลาไปดูการอัดรายการหรือไปเยี่ยมกองถ่ายละครของช่องเราเรื่อยๆ เผื่อว่าถ้าทางทีมงานมีปัญหาหรือข้อเสนอแนะอะไรจะได้บอกผมได้ทันที หรือถ้าผมเห็นว่ามีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไข ก็จะได้บอกทีมงานตรงนั้นเลย บางครั้งการที่เรานั่งสั่งการอยู่ข้างบนอย่างเดียวมันก็มองไม่เห็นปัญหาที่แท้จริง ผมเลยลงไปดูเองดีกว่า”

            “คุณเนสเป็นเจ้านายที่สุดยอดมากๆ เลยค่ะ”

            “อันนี้ชมจริงๆ ใช่ไหม”

            “จริงสิคะ” เพลงขวัญชื่นชมเขาจากใจจริง

            “ขอบคุณครับ พุธนี้ตอนบ่ายผมจะไปเยี่ยมกองถ่ายละครที่นนทบุรี ถ้าขวัญว่างไปด้วยกันได้นะ”

            “ไปค่ะไป” ดวงตากลมโตเป็นประกายกระตือรือร้น

            หลังจากจัดการกับสลัดผลไม้จนหมดเกลี้ยงแล้ว เพลงขวัญก็นำชามแก้วไปล้างที่อ่างล้างจาน ในขณะที่ภานุรุจใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดไอแลนด์และโต๊ะอาหารอยู่ทางด้านหลัง

            “ให้ขวัญใช้ห้องไหนแต่งหน้าดีคะ” เลขาฯ สาวหันไปถามรองประธานหนุ่มหลังจากคว่ำชามแก้วไว้บนชั้นเรียบร้อยแล้ว

            “ในห้องแต่งตัวผมก็ได้ครับ”

            “ถ้างั้นขออนุญาตนะคะ”

            “ตามสบายเลยครับ”

            “อุ๊ย ลืมถอดผ้ากันเปื้อน” ระหว่างกำลังจะเดินออกจากห้องครัว สาวร่างเล็กก็นึกขึ้นได้ จึงยื่นแขนทั้งสองข้างไปด้านหลังเพื่อแก้สายผูกเอว แต่ปรากฏว่า...“เอ๊ะ ทำไมติด” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

‘คุณเนสผูกยังไงเนี่ย ปกติดึงแล้วปมมันต้องคลายออกสิ’

            ภานุรุจเห็นดังนั้นก็วางผ้าขี้ริ้วไว้บนไอแลนด์ และก้าวเข้ามาหาเธออย่างว่องไว “ผมช่วยครับ”

            “ขอบคุณค่ะ” เพลงขวัญหันหลังให้เจ้านายหนุ่ม เพราะกลัวว่าถ้าใกล้ชิดเขาอีกรอบ ตัวเองจะหัวใจวายตายก่อนผ่านโปร หญิงสาวจึงไม่เห็นเลยว่า...คนตัวโตกำลังทำหน้าผิดหวังอย่างแรง

 

“เราทำอะไรลงไปวะเนี่ย” ภานุรุจถามตัวเองพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาขยี้ผมจนยุ่งไปหมด

หลังจากเลขาฯ สาวเดินออกจากห้องครัวไปแล้ว รองประธานหนุ่มก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร และครุ่นคิดว่าการกระทำของตนเหมาะสมหรือไม่

เขาเป็นเจ้านาย เพลงขวัญเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา การที่เขาถึงเนื้อถึงตัวเธอแบบนั้นมันมากเกินไปไหม วินาทีนั้นคำพูดที่พ่อเคยสอนเอาไว้ก็ลอยเข้ามาในความคิด

...

‘การเป็นเจ้านายที่ดี นอกจากจะเก่งเรื่องการทำงานแล้ว การวางตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงาน และระวังอย่าทำอะไรที่ทำให้คนพูดถึงเราในทางเสียๆ หายๆ ได้ เข้าใจไหม’

‘ครับคุณพ่อ’ เขารับคำหนักแน่น

‘รับปากแล้วทำให้ได้ด้วยล่ะ’

‘คุณพ่อไม่ต้องห่วงเลยครับ’ ดวงตาคมกริบฉายแววหนักแน่น

...

เขาควรจะรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับเพลงขวัญใช่ไหม เพราะการที่เจ้านายกับเลขาฯ ใกล้ชิดกันมากเกินไปอาจถูกคนมองในทางไม่ดีได้

แม้กระทั่งพ่อของเขาที่วางตัวอย่างเหมาะสมกับนาถลดาก็ยังเคยถูกซุบซิบนินทาว่าท่านกับเลขาฯ มีอะไรเกินเลยกัน แต่ด้วยความที่พ่อและนาถลดาไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียอย่างที่ใครๆ กล่าวหา สุดท้ายคนก็เลิกพูดกันไปเอง

ดูเหมือนว่าเรื่องซุบซิบนินทาในที่ทำงานเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขากับเพลงขวัญต่างคนต่างก็โสด มันไม่เหมือนกันกับพ่อสักหน่อย

“เฮ้อ” ภานุรุจถอนหายใจยาวเหยียด การเป็นเจ้านายบางทีก็ลำบาก เพราะทำอะไรหลายๆ อย่างตามใจตัวเองไม่ได้

กริ๊งงง!

            ความคิดว้าวุ่นหยุดลงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับและกรอกเสียงสุภาพลงไป

            “สวัสดีครับ”

            “คุณเนสคะ มายด์อยู่ที่ล็อบบีแล้วค่ะ” ปลายสายคือมานิดา สไตลิสต์ส่วนตัวของเขานั่นเอง

            “ครับมายด์ เดี๋ยวผมส่งพาสเวิร์ดให้นะครับ”

            “ได้ค่ะ”

            ภานุรุจส่งรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวให้เธอ เพื่อให้ขึ้นมายังห้องพักของเขา จากนั้นก็ไปรออีกฝ่ายที่ห้องนั่งเล่น ไม่ถึงสามนาทีเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาผ้าสีเทาและเดินไปเปิดประตูให้คนมาใหม่

            “สวัสดีครับ”

            “สวัสดีค่ะคุณเนส” หญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีดำคอกว้างและกางเกงยีนเข้ารูปสีน้ำเงินเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง เพราะเธอรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและดูแลเรื่องการแต่งกายให้เขามาสามปีแล้ว

            ภานุรุจตัดสินใจจ้างสไตลิสต์สาว เนื่องจากการเป็นนักธุรกิจนั้น ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ เขาต้องติดต่อพบปะผู้คนหลากหลายในโอกาสที่แตกต่างกันไปแทบทุกวัน แต่ก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับการเลือกเสื้อผ้า เพราะเวลาทุกวินาทีของเขามีค่า ดังนั้นการให้มืออาชีพเข้ามาดูแลและจัดชุดที่เหมาะสมกับวาระและโอกาสให้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

            มานิดามีหน้าที่จัดหาเสื้อผ้าใหม่ให้ภานุรุจทุกสามเดือน และทำลุคบุคให้ ซึ่งในลุคบุคจะแบ่งเป็นชุดสูทลำลองสำหรับวันทำงานปกติ ชุดสูททางการสำหรับการเข้าประชุมและเจรจาธุรกิจ ชุดทักซิโดสำหรับงานเลี้ยง ชุดลำลองสำหรับทำกิจกรรมข้างนอกเพื่อให้เขาสามารถแต่งตามได้ด้วยตัวเอง และนั่นก็ทำให้ภานุรุจดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้าตลอดเวลา แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ไปข้างนอก เขาก็จะแต่งตัวตามสบายอย่างเช่นวันนี้

            “เดี๋ยวเชิญข้างในก่อนครับ” ภานุรุจผายมืออย่างสุภาพ

            “ขอบคุณค่ะ” สไตลิสต์สาวค้อมศีรษะและก้าวเข้ามาในห้อง

            “มายด์เตรียมชุดกับเครื่องประดับมาครบนะครับ”

            “ครบค่ะ” มานิดาชูถุงคลุมชุดราตรีในมือขึ้น

“ส่วนเครื่องประดับอยู่ในกระเป๋าใบนี้ค่ะ” เธอเลื่อนสายตาลงมองกระเป๋าใบใหญ่ที่สะพายอยู่

            “เลขาฯ ของผมกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องแต่งตัวครับ เดี๋ยวมายด์เอาของเข้าไปให้เธอได้เลย”

            “อ้าว มายด์นึกว่าตัวเองมาเร็วแล้ว เลขาฯ คุณเนสมาถึงก่อนมายด์อีกเหรอคะเนี่ย” เจ้าของใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวเอ่ยอย่างประหลาดใจ

            “ครับ” ภานุรุจยิ้มบางๆ

            “งั้นมายด์ไปที่ห้องแต่งตัวเลยนะคะ จะได้จัดชุดให้คุณเนสด้วย”

            “เชิญเลยครับ”

            “อุ๊ย มายด์ลืมถอดรองเท้า ขอโทษค่ะ” มานิดาก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงสีแดงออกโดยไม่ได้ระวังเลยว่าคอเสื้อสายเดี่ยวจะคว้านลึกแค่ไหน หญิงสาวค่อยๆ ถอดรองเท้าอย่างอ้อยอิ่ง ขณะที่ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีพีชยิ้มกริ่ม

            “ตามสบายเลยนะครับ ผมขอตัวไปที่ห้องทำงานก่อน” ภานุรุจบอกเสียงเรียบ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที

            สไตลิสต์สาวแอบเสียความมั่นใจเบาๆ ‘คุณเนสนะคุณเนส ลงทุนอ่อยขนาดนี้แล้วยังไม่หวั่นไหวบ้างเลยเหรอ’

แต่ไม่เป็นไร เธอยังมีโอกาสอีกเยอะ อ่อยวันละนิดวันละหน่อย สักวันภานุรุจต้องติดกับแน่นอน ดวงตาคู่เฉี่ยวเป็นประกายหมายมาด สะใภ้เล็กของทีปกรนฤนาถต้องเป็นมานิดาคนนี้เท่านั้น!

 

ก๊อกๆๆ

            เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เพลงขวัญที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ก็บอกเสียงสุภาพ “เข้ามาได้เลยค่ะ”

            ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาเป็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าสวยเก๋ แต่งตัวเซ็กซี่ และท่าทางมั่นใจในตัวเอง

            เพลงขวัญมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เพราะตอนแรกคิดว่าเป็นภานุรุจ

            “สวัสดีค่ะ มายด์เป็นสไตลิสต์ส่วนตัวของคุณเนสนะคะ” อีกฝ่ายแนะนำตัวและยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร

            “อ๋อ สวัสดีค่ะ ขวัญนะคะ” เพลงขวัญยิ้มสดใสตอบ

            “มายด์เอาชุดกับเครื่องประดับมาส่งค่ะ” มานิดานำถุงคลุมชุดราตรีไปแขวนไว้บนราว และวางกระเป๋าเครื่องประดับลงบนโต๊ะไม้สีดำภายในห้องแต่งตัว

            “ขอบคุณค่ะ” เพลงขวัญแอบชื่นชมระคนอิจฉาหุ่นของสไตลิสต์สาว เพราะอีกฝ่ายสูง ขายาว อกบึ้ม เอวเล็กคอด สะโพกผาย แถมบั้นท้ายยังเซ็กซี่อีกต่างหาก ชาติก่อนมานิดาทำบุญด้วยอะไรนะ ชาตินี้ถึงเกิดมาเพอร์เฟกต์ทั้งหน้าตาและหุ่นแบบนี้

            “เดี๋ยวคุณขวัญแต่งหน้าเสร็จแล้ว มายด์จะช่วยแต่งตัวให้นะคะ” หญิงสาวเดินไปนั่งบนเก้าอี้ด้านหลังเพลงขวัญ และหยิบสมาร์ตโฟนออกมาเล่นฆ่าเวลา

            “ค่ะ” เพลงขวัญยิ้มและค้อมศีรษะน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปมองกระจกบานใหญ่และแต่งหน้าต่อ

            “คุณขวัญมาแทนเลขาฯ คนเก่าที่ลาออกไปแต่งงานใช่ไหมคะ” สไตลิสต์สาวถามขึ้น

            “ใช่ค่ะ เพิ่งทำงานได้สองเดือนเอง” เธอมองอีกฝ่ายผ่านทางกระจก ตอบเสร็จก็หันไปหยิบแปรงปัดแก้มออกมาจากกระเป๋าเครื่องสำอาง เปิดตลับบลัชออนและใช้แปรงแตะลงไปเบาๆ

            “เป็นยังไงบ้างคะ” มานิดาชวนคุยต่อ

            “สนุกดีค่ะ มีงานท้าทายให้ทำหลายอย่างเลย” หญิงสาวตอบพลางปัดแก้มไปด้วย

            “แล้วคุณเนสล่ะคะ”

            “คะ?”

            “ใจดีไหมคะ”

            “อ๋อ คุณเนสก็ใจดีกว่าที่คิดนะคะ ตอนแรกนึกว่าจะออกแนวดุๆ” เพลงขวัญนึกย้อนไปไกลถึงตอนที่เธอเดินชนเขาที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นคุณชายหิมะหน้านิ่งมากกก เย็นชามากกก แต่หลังจากทำงานด้วยกันมาสองเดือน เธอก็พบกับความอ่อนโยนและอบอุ่นในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

            “ตอนแรกมายด์ก็คิดว่าคุณเนสจะดุเหมือนกันค่ะ แต่พอได้ทำงานด้วยกันจริงๆ คุณเนสเป็นสุภาพบุรุษมาก ตลอดสามปีที่ทำงานด้วยกันมา คุณเนสเทกแคร์ เอาใจใส่มายด์สุดๆ เลย” นัยน์ตาของมานิดาเป็นประกายพร่างพราว

            เมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจของเลขาฯ สาวก็พลันเหี่ยวแฟบลง

‘บ้าจริง! เป็นอะไรของแกเนี่ย คุณเนสจะดูแลเทกแคร์ใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาไหม’

            “วันเกิดที่ผ่านมา คุณเนสเซ็นเช็คให้มายด์ตั้งสองหมื่นแน่ะค่ะ มีเจ้านายสายเปย์นี่โชคดีสุดๆ ไปเลยนะคะ นี่มายด์แอบพูดขำๆไปว่า วันเกิดปีหน้าขอเป็นดินเนอร์หรูๆ ไม่รู้ว่าคุณเนสจะจัดให้หรือเปล่านะคะ” มานิดาหัวเราะคิกคัก น้ำเสียงที่เล่าเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม

            “ก็ไม่แน่นะคะ คุณเนสอาจจะเซอร์ไพรส์คุณมายด์ก็ได้” คุณเนสเปย์หนักขนาดนี้ แอบชอบสไตลิสต์ของตัวเองหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ แต่ถ้าเขาจะชอบมานิดาก็ไม่แปลกหรอก ขนาดเธอเป็นผู้หญิงด้วยกันยังคิดว่าสไตลิสต์สาวมีเสน่ห์และเซ็กซ์แอปพีลสูงมากๆ เลย

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นมายด์จะกรี๊ดเลยละค่ะ”

            “ยังไงก็ขอให้สมหวังนะคะ” อาการจี๊ดๆ แปล๊บๆ ในหัวใจเธอตอนนี้มันเกิดจากอะไรกันนะ

            “คุณขวัญสวยจังเลยค่ะ” สไตลิสต์สาวเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

            “ขอบคุณค่ะ คุณมายด์สวยกว่าขวัญเยอะ หุ่นก็ดี๊ดี” เธอชมอีกฝ่ายจากใจจริง

            “ขอบคุณค่ะ นี่มายด์อ้วนขึ้นนะคะ พอดีเดือนก่อนปาร์ตีหนักไปหน่อย ช่วงนี้เลยต้องรีบเบิร์นไขมันให้กลับมาเป๊ะเหมือนเดิม”

            เพลงขวัญมองเอวของอีกฝ่ายแล้วเทียบกับตัวเอง เอวคอดขนาดนั้น อ้วนตรงไหนเนี่ย “จริงๆ ตอนนี้ก็กำลังดีเลยนะคะ”

            “ไม่ได้หรอกค่ะ พุงออกแล้ว ช่วงนี้เวลาใส่เสื้อผ้าแล้วมายด์ไม่ค่อยมั่นใจเลยค่ะ” สไตลิสต์สาวลูบหน้าท้องที่แบนราบจนน่าสงสัยว่าเก็บลำไส้เอาไว้ที่ไหน พลางบ่นก่อนจะเปลี่ยนประเด็นอย่างแนบเนียน “ว่าแต่แฟนคุณขวัญไม่หึงเหรอคะ ที่คุณต้องทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายหล่อๆ อย่างคุณเนส”

            “ขวัญไม่มีแฟนค่ะ”

            “จริงเหรอคะ คนคุยก็ไม่มีเหรอ” หัวใจของมานิดาร้อนรนขึ้นมาทันที กับเลขาฯ คนก่อน เธอไม่กังวลอะไรเพราะฝ่ายนั้นมีแฟนที่รักกันมาก และมั่นใจว่าภานุรุจจะไม่ยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วแน่นอน แต่เพลงขวัญยังไม่มีแฟน การที่ทั้งคู่ต้องทำงานใกล้ชิดกันทุกวันอาจทำให้ปิ๊งกันขึ้นมาก็ได้

            “ไม่มีเลยค่ะ”

            “ไม่น่าเชื่อ”

            “จริงๆ ค่ะ”

            “น่ารักขนาดนี้เนี่ยนะคะ”

            “ค่ะ”

            “งั้นมายด์ไปยุเพื่อนให้มาจีบคุณขวัญดีกว่า ฮีกำลังหาแฟนพอดีค่ะ” มานิดาเอ่ยทีเล่นทีจริง

            “อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวเพื่อนคุณมายด์ผิดหวัง” จู่ๆ มาเข้าเรื่องจับคู่ได้ยังไงเนี่ย

            “มายด์จริงจังนะคะเนี่ย เพื่อนมายด์เป็นนายแบบค่ะ สูง หล่อ เท่ เอาใจเก่ง สายเปย์ด้วย ถ้าคุณขวัญสนใจ มายด์นัดให้ได้นะคะ” สไตลิสต์สาวอาสาแข็งขัน

            “เอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ตอนนี้ขวัญอยากตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด” เพลงขวัญแบ่งรับแบ่งสู้

            “แหม ทำงานด้วยมีแฟนด้วยก็ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ”

            “ฮ่าๆๆ” หญิงสาวหัวเราะและไม่พูดอะไรต่อ

            “เอ๊ะ หรือว่าคุณขวัญจะแอบตกหลุมรักเจ้านายตัวเองคะ” มานิดาแซว แต่ดวงตาเฉี่ยวฉายแววอยากรู้จริงจัง

            “ขวัญกับคุณเนสเป็นแค่เลขาฯ กับเจ้านายเท่านั้นค่ะ คุณมายด์ไม่ต้องกังวล”

            “อุ๊ย! คุณขวัญพูดอะไรคะ มายด์จะกังวลทำไม มายด์ไม่ได้คิดอะไรกับคุณเนสสักหน่อย” สไตลิสต์สาวยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำตาโต

            “ขวัญดูออกค่ะ” เพลงขวัญหันไปมองอีกฝ่ายและกระตุกยิ้มมุมปาก

            “ก็ดีค่ะ มายด์จะได้ไม่ต้องอ้อมค้อม มายด์ชอบคุณเนส และหวังว่าคุณขวัญจะไม่คิดแย่ง” มานิดาประสานสายตากลับอย่างเชือดเฉือน

            “แหมมม ถ้าคุณเนสเกิดชอบขวัญขึ้นมา จะให้ขวัญบอกเขาว่า ‘อย่านะคะ อย่าชอบฉันเลย’ งั้นเหรอคะ คุณเนสทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ ถ้าขวัญปฏิเสธก็โง่ไหมคะ” เธอปั่นหัวอีกฝ่ายสุดฤทธิ์

            “คุณเนสเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบคุณหรอกค่ะ”

            “ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้มาจากปากคุณเนส ขวัญขอไม่เชื่อค่ะ”

            “คุณจะประกาศตัวเป็นคู่แข่งของมายด์ใช่ไหมคะ”

            “โอ๊ย ขวัญไม่กล้าแข่งหรอกค่ะ”

            “ถ้างั้นก็รับปากสิคะว่าจะไม่แย่งคุณเนสจากมายด์”

            “อืม...มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ชายหรือเปล่าคะ ว่าเขาจะเลือกใคร ขวัญไม่แย่งให้เหนื่อยหรอกค่ะ ขอนั่งรอสวยๆ ให้ผู้ชายมาหาเองดีกว่า” เพลงขวัญกระตุกมุมปากพร้อมยักไหล่แบบเริดๆ เชิดๆ

            มานิดามองอย่างหมั่นไส้จริตจะก้านของอีกฝ่าย “งั้นก็ขอแสดงความเสียใจล่วงหน้านะคะ เพราะคุณเนสจะต้องเป็นของมายด์เท่านั้น!” สไตลิสต์สาวประกาศกร้าวอย่างไม่กลัวหน้าแตก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น