4

ม่านมุกโป๊ะแตก

4

ม่านมุกโป๊ะแตก


“คุณ ฟังผมอยู่หรือเปล่า” ดุลยวัตเรียกเมื่อเห็นเธอเงียบไป

“เอ่อ...ค่ะ” 

‘ไอ้แพท ไอ้มิลค์ ทำไมพวกแกเดินช้ากันจังเนี่ย’ นาทีนี้ม่านมุกอยากให้เพื่อนมาถึงไวๆ เหลือเกิน

“เปิดไอจีผม”

“ไม่”

“เปิด”

“ไม่!”

“งั้นเอามือถือมานี่ ผมเปิดเอง” แพทย์หนุ่มยื่นมือออกไปขอสมาร์ตโฟน

“ทำไมคุณต้องอยากรู้ด้วยว่าแฟนฉันกับพี่ชายคุณเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า” บิวตีบล็อกเกอร์สาวยังไม่ยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้เจ้าของ

“มีผู้หญิงชอบแอบอ้างว่าเป็นแฟนพี่ชายผม”

เสียงเรียบและดวงตาคมวาวที่มองมาทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย

“...” ม่านมุกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

“แต่ถ้าหมอปรินซ์แฟนคุณไม่ได้ชื่อ ปริญญ์ ภัทรไพศาลสกุล ก็แล้วไป” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาว่าต่อ

ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อได้ยินชื่อและนามสกุลที่เขาเอ่ยออกมา งั้นก็หมายความว่าผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายของหมอปรินซ์น่ะสิ!

“ว่าไงครับ ใช่หรือไม่ใช่” ดุลยวัตมองอย่างคาดคั้น

“เอ่อ...” ใบหน้าจิ้มลิ้มก้มงุด

ฮือ จะตอบยังไงดีเนี่ย ถ้าตอบว่าใช่ เขาก็ต้องรู้ว่าเธอโกหก แต่ถ้าตอบว่าไม่ใช่ มันก็ไม่ได้อ้ะ เพราะเธอวางแผนจะจีบหมอปรินซ์ และถ้าได้เป็นแฟนกัน เขาก็ต้องพาเธอไปแนะนำให้คนในครอบครัวรู้จัก ซึ่งรวมถึงผู้ชายคนนี้ด้วย โอ๊ย ไม่น่าโกหกแต่แรกเลย รู้สึกว่าปมที่ผูกเอาไว้กำลังจะพันคอตัวเองตายยังไงก็ไม่รู้

    “ต้องคิดนานขนาดนั้นเลยเหรอ” ดุลยวัตเห็นท่าทีของคนตัวเล็กแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าหมอปรินซ์ของเธอก็คือพี่ชายของเขานั่นละ

    คนที่ถูกต้อนจนจนมุมเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเข้มที่เปล่งแสงแพรวพราว ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว

    “ใช่ ชื่อและนามสกุลของหมอปรินซ์คือ ปริญญ์ ภัทรไพศาลสกุล!” 

    “แต่พี่ชายผมยังไม่มีแฟนนะ” ดุลยวัตแน่ใจว่าอย่างนั้น เพราะพี่ชายเขาไม่เคยมีความลับกับคนในครอบครัว

    “ก็...ฉันโกหก ที่จริงฉันไม่ได้เป็นแฟนหมอปรินซ์” เอาวะ ยอมโป๊ะแตกวันนี้ ดีกว่าแถต่อแล้วไปโป๊ะแตกทีหลัง เพราะนั่นจะทำให้ภาพลักษณ์ของเธอแย่กว่าเดิม 

    “หึ ในที่สุดก็ยอมสารภาพ” แพทย์หนุ่มกระตุกยิ้มสมใจ

    “แต่ฉันมีเหตุผลที่ต้องโกหกนะคะ”

    “เหตุผลอะไรครับ”

    “ก็...ฉันไม่อยากให้คุณจีบ เลยต้องเอาชื่อหมอปรินซ์มาอ้าง ฉันสาบานได้ว่าไม่เคยเอาชื่อหมอปรินซ์ไปแอบอ้างว่าเป็นแฟนที่ไหนมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลย แต่ฉันก็ชอบหมอปรินซ์จริงๆ นะ และอยากจะเป็นแฟนเขาด้วย วันนี้ได้รู้ว่าเขาโสดก็ดีเหมือนกัน” ม่านมุกชี้แจงเสียงฉะฉาน ในเมื่อเธอจะจีบพี่ชายเขาก็ควรจะพูดความจริงกับเขา นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

    “จะจีบพี่ชายผม?” คิ้วหนาที่พาดอยู่เหนือดวงตาเรียวสองชั้นเลิกขึ้น

    “ใช่ คุณคงไม่คิดว่าผู้หญิงที่จีบผู้ชายก่อนเป็นผู้หญิงไม่ดีใช่ไหมคะ” ผู้ชายจีบผู้หญิงที่ตัวเองชอบได้ แล้วทำไมผู้หญิงจะเป็นฝ่ายจีบผู้ชายที่ตัวเองชอบบ้างไม่ได้ล่ะ

    “ทุกคนมีสิทธิ์จีบคนที่ตัวเองชอบ ไม่ใช่เรื่องผิด” เจ้าของเสียงทุ้มห้าวตอบ

    ม่านมุกดีใจที่อีกฝ่ายไม่ใช่พวกหัวโบราณ

    “ถ้างั้น...ฉันขอจีบพี่ชายคุณนะ” สาวร่างเล็กเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

    “แน่ใจเหรอว่าชอบเฮียปรินซ์จริงๆ” เขามองเธอด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ท่าทางเหมือนจะหวงพี่ชายอยู่ไม่น้อย

    “แน่ใจมากที่สุดเลยค่ะ” ม่านมุกยิ้มแฉ่ง เธอรู้ดีว่าความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่ยังต้องผ่านด่านคนในครอบครัวของคนที่เธอรักด้วย และผู้ชายคนนี้ก็คือ ‘ด่านแรก’ ของเธอ ซึ่งดูท่าทางว่าจะผ่านด่านยากเหมือนกัน แต่ขึ้นชื่อว่าความรักไม่มีคำว่าง่ายอยู่แล้ว ยิ่งความรักดีๆ ก็ยิ่งต้องทุ่มเทเพื่อให้ได้มันมา เธอจะใช้ความจริงใจเอาชนะใจหมอปรินซ์และคนในครอบครัวของเขาให้ได้

    “จีบเฮียปรินซ์ไม่ง่ายหรอกนะ บอกไว้ก่อน หึๆๆ” ดุลยวัตขู่และหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ

    ม่านมุกประสานสายตากลับ “ฉันไม่ยอมแพ้โดยที่ยังไม่ได้เริ่มหรอกนะคะ”

    “แล้วถ้าผมไม่ให้คุณจีบเฮียล่ะ” อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงท้าทาย

    “ทำไมอ้ะ คุณคิดว่าฉันเป็นคนไม่ดีเพราะฉันโกหกคุณใช่ไหม ฉันก็อธิบายเหตุผลไปแล้วไง” 

    “ถามเฉยๆ”

    “แล้วตกลงฉันจีบหมอปรินซ์ได้ไหมคะ” หญิงสาวทวงถามคำตอบ

ดวงตาสีเข้มฉายแววไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น “ถ้าคุณชอบเฮียปรินซ์จริงๆ...”

    ม่านมุกรอฟังประโยคต่อไปอย่างจดจ่อ ถ้าเธอชอบหมอปรินซ์จริงๆ เขาก็ไม่มีปัญหาที่เธอจะจีบพี่ชายเขาใช่ไหม หญิงสาวภาวนาให้ชายหนุ่มพูดอย่างนั้น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูด เสียงของใครบางคนก็แทรกเข้ามาเสียก่อน

    “ไอ้มุก เป็นไงบ้าง” พัชนีเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับมทิรา สีหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความห่วงใย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าม่านมุกอยู่กับใคร 

    “ก็ยังปวดอยู่อ้ะแก แต่ประคบน้ำแข็งแล้วดีขึ้นกว่าตอนแรกนิดนึง” หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นหน้าเพื่อน

    “สวัสดีอีกรอบครับ” ดุลยวัตยิ้มให้สองสาวที่มาใหม่อย่างเป็นมิตร

    “สวัสดีค่ะ”/“สวัสดีค่ะ” พัชนีและมทิรายิ้มตอบ ต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าผู้ชายที่มาช่วยปฐมพยาบาลม่านมุกจะเป็นเขา

    “ตอนฉันขาพลิก เขาอยู่แถวนี้พอดี เลยมาช่วยปฐมพยาบาลน่ะ” บิวตีบล็อกเกอร์สาวชี้แจงเมื่อเห็นความงุนงงบนใบหน้าเพื่อน

    สองสาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่มทิราจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง

    “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ไอ้มุกต้องแย่แน่ๆ เลย”

    เจ้าของใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างอย่างมีเสน่ห์ “ยินดีครับ” 

    “พอแล้วก็ได้คุณ เดี๋ยวฉันไปประคบต่อที่บ้าน” ม่านมุกบอกชายหนุ่มที่เธอก็ยังไม่รู้ว่าชื่ออะไร

    ดุลยวัตพยักหน้าเบาๆ ก่อนเอ่ยเชิงขออนุญาต “งั้นผมพันอีแบนเดจให้นะ”

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวมองคนที่กำลังพันผ้ายืดสีน้ำตาลรอบข้อเท้าให้เธออย่างคล่องแคล่ว และแม้เขาจะตัวโต แต่มือเบามาก ทำให้เธอแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย “คุณซื้อมาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันเอาตังค์ให้”

    “ไม่เป็นไรครับ”

    “ไม่ได้”

    “ค่อยเอามาคืน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ 

    “คืน?” ดวงตากลมโตฉายแววงุนงง

    “ผมให้ยืม ไม่ได้ให้” 

    ม่านมุกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “เอางั้นก็ได้” เขาเป็นน้องชายของหมอปรินซ์ ซึ่งก็คือว่าที่สามีของเธอ ยังไงก็ต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ ค่อยคืนตอนนั้นแล้วกัน

    พัชนีและมทิราที่ยืนฟังอยู่หันมามองหน้ากันเมื่อรู้สึกว่ามี ‘ซัมติงรอง’ ระหว่างเพื่อนสาวและชายหนุ่ม

“เสร็จแล้วครับ” ดุลยวัตลุกขึ้นยืนเมื่อพันผ้ายืดเสร็จ

    “ขอบคุณค่ะ” ถึงแม้ม่านมุกจะไม่ค่อยชอบหน้ากวนๆ ของอีกฝ่าย แต่ถ้าไม่ได้เขา เธอก็คงแย่เหมือนกัน ดังนั้นเธอเลยไม่ลังเลที่จะขอบคุณชายหนุ่ม

    “ถึงบ้านแล้วโทร. หาผมด้วย”

    “ค่ะ”

    เออีสาวและเลขาฯ สาวหันมามองหน้ากันอีกรอบอย่างแน่ใจกว่าเดิมว่ามันไม่ใช่แค่ซัมติงรองธรรมดา แต่ซัมติง ‘เวรี่’ รองเลยละ

    “แล้วคุณมายังไง” ดุลยวัตถามต่อ

    “นั่งวินมาจากรถไฟฟ้าอ้ะค่ะ” ปกติเวลาไปไหนมาไหนม่านมุกจะใช้บริการรถไฟฟ้า และต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างถ้าจำเป็น เพราะสะดวกรวดเร็วกว่าขับรถเอง

    “ไปส่งได้นะ” ชายหนุ่มเสนอตัว

    “ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนฉันขับรถมา” พัชนีกับมทิราอยู่นี่แล้ว เธอไม่รบกวนเขาดีกว่า

    “อ๋อ โอเค งั้นผมไปละ” แพทย์หนุ่มบอก และหันไปยิ้มให้อีกสองสาว ก่อนจะถือถังน้ำแข็งและผ้าขนหนูเดินจากไป

    เมื่อแผ่นหลังหนาของคนตัวสูงลับตาไปแล้ว พัชนีและมทิราก็หันกลับมามองม่านมุกด้วยสายตาวิบวับ

    “ฉันว่าเขาอ่อยแกว่ะ” เออีสาวบอกอย่างมั่นใจ

    “อ่อยอะไร” คนที่ไม่รู้ตัวว่าโดนอ่อยขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน

    “ก็เขาหาข้ออ้างเจอแกอีก เลยบอกให้แกค่อยเอาผ้ายืดไปคืน แทนที่จะให้จ่ายตังค์ไง” เจ้าตัวขยายความ

    “แล้วอีมุกก็โอเคด้วย แสดงว่ามันก็อยากเจอเขาอีกเหมือนกัน” มทิราเอ่ยเสริม

    “อ้อ มีบอกให้โทร. หาตอนถึงบ้านด้วย มันยังไงๆ อยู่ปะ ห้ามตอบว่าไม่มีอะไรนะ เพราะฉันไม่เชื่อ” พัชนีดักคอเอาไว้ก่อน

    “นั่นสิ แกเปลี่ยนใจจากหมอปรินซ์มาเป็นคนนี้เหรอ”

    “โอ๊ยยย ฟังก่อน มันไม่ใช่อย่างที่พวกแกคิดเลย” ม่านมุกยกมือขึ้นเบรกสองสาวที่คิดไปถึงไหนต่อไหน แต่สิ่งที่ทั้งคู่คิดไม่ใกล้เคียงความจริงเลยแม้แต่น้อย 

    “หรือแกจะเหมาสอง!” มทิราทำตาโต 

    “บ้า!” ม่านมุกโยนค้อนวงใหญ่ใส่เลขาฯ สาว “ที่เขาให้ฉันโทร. หาก็เพราะมีเรื่องที่คุยกันค้างอยู่ต่างหากล่ะ”

    “ก็แสดงว่าคุยกันถูกคอมากจนต้องโทร. คุยต่อ แถมเขายังอาสาจะไปส่งแกด้วย” พัชนีหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด

    “เขาเป็นน้องชายหมอปรินซ์เว้ย” บิวตีบล็อกเกอร์สาวให้ความกระจ่างกับเพื่อนๆ 

    พัชนีและมทิราชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ฝ่ายหลังจะเอ่ยขึ้นก่อน

    “สรุปเป็นน้องชายหมอปรินซ์จริงๆ เหรอเนี่ย” จริงๆ มทิราก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์เท่าไร เพราะเธอตั้งข้อสังเกตเอาไว้อย่างนั้นตั้งแต่แรก

    “อือ”

    “แล้วทำไมแกต้องโทร. คุยกับเขาต่ออะ” เออีสาวที่ยังไม่หายสงสัยถามต่อ

    “คืองี้...” ม่านมุกเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนๆ ฟัง ทั้งสองจะได้ไม่ต้องเดามั่ว

    ...

    “โอ๊ย จุดไต้ตำตอมากแก แต่ฉันว่าแกแก้สถานการณ์ได้ดีแล้วละ ถ้าฉันเป็นเขา ความตรงไปตรงมาของแกก็ได้ใจฉันไปเต็มๆ อ้ะ” มทิราว่าเมื่อฟังจบ

“เอาจริงๆ เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามฉันหรอกนะ แต่จะไม่แคร์เขาก็ไม่ได้ไง เพราะเขาเป็นคนในครอบครัวหมอปรินซ์ ถ้าฉันรักหมอปรินซ์ ก็ต้องรักคนในครอบครัวเขาด้วย ฉันอยากเอาชนะใจทุกคนให้ได้ ไม่ใช่แค่หมอปรินซ์คนเดียว” ม่านมุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตามุ่งมั่น ถึงวันนี้จะโป๊ะแตก แต่มันก็ทำให้เธอได้รู้ว่าหมอปรินซ์ยังโสดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะงั้นถ้าเธอจะจีบเขาก็ไม่ใช่เรื่องผิด

“ดีแล้ว แต่ยังไงแกก็อย่าลืมเผื่อใจไว้ด้วยนะ” ถ้าเป็นไปได้พัชนีก็ไม่อยากเห็นเพื่อนผิดหวังในความรักเป็นรอบที่สิบ ไม่ใช่ทุกคนจะสมหวังเรื่องความรักเสมอไป เธอจึงอยากให้เพื่อนเตรียมใจรับความผิดหวังไว้ด้วย

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลย ฉันผิดหวังมาตั้งเก้าครั้งแล้ว ตอนนี้แข็งแกร่งกว่าวันเดอร์วูแมนอีก” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแฉ่ง

“จ้าาา”

“เอ๊ะ ไอ้มุก ฉันยังไม่ได้เอามือถือแกให้แกใช่ปะ” มทิราขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ยัง” ม่านมุกส่ายหน้า

“แล้วนั่นของใคร ที่แกถืออยู่” เจ้าตัวว่าพลางพยักพเยิด

บิวตีบล็อกเกอร์สาวมองตามสายตาเพื่อน แล้วก็พบว่า...เธอยังไม่ได้คืนสมาร์ตโฟนให้ผู้ชายคนนั้น!


ธรรศและกรวิชญ์กำลังร้องคาราโอเกะกันอยู่ตอนที่ดุลยวัตเปิดประตูเข้าไปในห้อง

    สองหนุ่มหยุดร้องเพลงและหันมามองเจ้าของร่างสูงโปร่งเป็นตาเดียว ก่อนคนที่อาวุโสสุดในห้องจะถามขึ้น

    “ไปเข้าห้องน้ำถึงไหนวะ โคตรนาน”

    “พอดีมีคนข้อเท้าพลิกอ้ะพี่ ผมเลยไปช่วยปฐมพยาบาล” เขาตอบพลางเดินไปนั่งลงข้างรุ่นพี่หนุ่ม

    “อาการไม่รุนแรงมากใช่ไหมวะ” ธรรศคิดว่าเคสนี้น่าจะบาดเจ็บแค่ระดับหนึ่งหรือสอง เพราะส่วนมากคนไข้ที่บาดเจ็บถึงระดับที่เส้นเอ็นขาดมักจะเป็นพวกนักกีฬาซึ่งมีการปะทะรุนแรง และต้องใช้ข้อเท้ามากกว่าคนปกติ

    “ครับ แค่ระดับสอง” อุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่างผ้าขนหนูและน้ำแข็งนั้น ดุลยวัตไปขอมาจากเด็กเสิร์ฟ ส่วนผ้ายืดสีน้ำตาล เขาเดินไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อตรงข้ามร้านลาบจ่าโฮม

    “กูนึกว่ามัวจีบหญิงอยู่” กรวิชญ์แซวเพื่อน

    “ถ้ามีน่ารักๆ มาให้จีบก็ดีสิวะ” แพทย์หนุ่มยิ้มทะเล้น

    “สาวๆ ห้องเบอร์ห้าไง มึงบอกว่าน่ารักนี่” ว่าไปแล้วธรรศก็อยากเห็นหน้าสาวๆ กลุ่มนั้นเหมือนกันว่าจะน่ารักจริงอย่างที่รุ่นน้องบอกไหม

    เมื่อเอ่ยถึงสาวๆ ห้องเบอร์ห้า ใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวร่างเล็กที่แอบอ้างว่าเป็นแฟนพี่ชายเขาก็ลอยเข้ามาในความคิด บุคลิกและหน้าตาของเธอทำให้ดุลยวัตอดนึกถึง ‘ใครคนหนึ่ง’ ไม่ได้ 

“ก็น่ารัก แต่ไม่ใช่สเปกผม” หมอหนุ่มยักไหล่

    ธรรศและกรวิชญ์รู้ดีว่าเจ้าตัวชอบผู้หญิงสไตล์เรียบร้อย อ่อนหวาน เป็นแม่บ้านแม่เรือน ซึ่งจนถึงปัจจุบันดุลยวัตก็ยังตามหาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอ

    “เดี๋ยวอาจจะมีคนโทร. เข้ามาเครื่องพี่ธรรศนะ” ดุลยวัตเปลี่ยนเรื่องและเอื้อมมือไปหยิบเปาะเปี๊ยะทอดมาใส่ปาก 

    “หา?” รุ่นพี่หนุ่มทำหน้างง

    “จะมีคนโทร. เข้าเครื่องพี่” ดวงตาคนพูดเปล่งแสงพราวระยับ

    “นี่นอกจากเป็นหมอกระดูกแล้วมึงยังเป็นหมอดูด้วยเหรอไอ้เดย์ รู้ได้ไงวะว่าจะมีคนโทร. เข้าเครื่องกู”

    ดุลยวัตไม่ตอบ แต่กลับจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นที่มุมปากทั้งสองข้าง

    “อะไรของมันวะ” ธรรศเกาหัวแกรกๆ 

    “เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น