4

ตอนที่ 4

 

4

 

“คอลเล็กชันปีนี้ดูหวานดีนะเจ้าเล็ก” คุณใหญ่วางแบบเครื่องประดับลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับเจ้าของโครงการ

“ครับพี่ใหญ่ เพราะปีก่อนเราก็ใช้เพชรสีชมพูเหมือนกัน แต่การออกแบบเน้นเป็นแนวเรียบๆ ใส่เก๋ๆ รอบปีนี้เลยเพิ่มลูกเล่นขึ้นมาอีกนิด” ผู้อำนวยการบริหาร โภคิน จิวเอลรี ตอบพี่ชาย พร้อมกับยกแบบของคอลเล็กชันเดิมขึ้นมาเทียบ

“พี่ชอบแนวคิดที่นำเพชรมาเจียระไนเป็นช่อดอกไม้เล็กๆ แบบนี้นะ ดูสวยไปอีกแบบ” คุณรองกล่าวหลังจากพิจารณาเอกสารในมืออย่างละเอียดแล้ว

“ตั้งชื่อคอลเล็กชันหรือยัง” คุณหมอกลางถาม

“ตามฝัน” เจ้าของโครงการตอบอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องตกใจกับคำตอบของตัวเอง เดิมทียังไม่ได้คิดชื่อคอลเล็กชันนี้อย่างเป็นทางการ เพราะการออกแบบยังไม่แล้วเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งงานคอลเล็กชันนี้ตนอยากทำมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ ดังนั้นเมื่อพี่ชายฝาแฝดถามกะทันหันเช่นนี้ จึงตอบชื่อที่ติดอยู่ในใจของตนออกไปอัตโนมัติโดยไม่ผ่านกระบวนความคิด

“ตามฝัน เพราะดีนะ แต่ทำไมพี่คุ้นหูคำนี้เหลือเกิน” พี่ใหญ่ของบ้านพยักหน้าเห็นด้วย

“เอ่อ...ความจริงชื่อคอลเล็กชันยังไม่ได้สรุปครับ คงรอให้ออกแบบเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมาวิเคราะห์เรื่องชื่ออีกที” เสือหมายเลขสี่พ่นลมหายใจ ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร เหตุใดจึงเอ่ยชื่อนี้ออกไปได้ อาการแปลกๆ ที่น้องเล็กของบ้านกำลังแสดงออกทำให้พี่ชายทั้งสามได้แต่หรี่ตามองเพื่อจับผิด

“วันนี้วันเสาร์ใช่ไหมครับ” อยู่ๆ เสือเล็กก็โพล่งถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อืม ใช่ ก็วันเสาร์ไง พวกเราถึงได้หยุดอยู่บ้านแบบนี้ แกเป็นอะไรไปเจ้าเล็ก ลืมวันลืมคืน” คุณหมอกลางถอนหายใจก่อนตอบ

“ผมขอตัวก่อนนะครับ แป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา” ว่าพลางผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวไปอย่างรวดเร็ว

“อะไรของมัน ท่าทางแปลกๆ” คุณรองมองตามหลังน้องชายแล้วบ่นพึมพำ

“วันหยุดแท้ๆ จะรีบไปไหน” คุณใหญ่เลิกคิ้วมองน้องชายคนรองและคนกลาง

“งั้นก็...ตามสิครับ” คุณหมอกลางว่า ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินนำพี่ชายทั้งสองออกไป

 

เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน

บินไปไกลแสนไกล หัวใจฉันก็ลอยลับไป

ถึงแดนดินถิ่นใดนะใจ โอ้ดวงใจเจ้าเอ๋ย...3

เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องและบรรเลงเปียโนดังแว่วออกมาจากห้องดนตรี เสือหมายเลขสี่ก็ผุดรอยยิ้มละไม “ได้ยินแค่เสียงร้องแบบนี้ก็เพราะดีนะ แต่พอเห็นหน้าคนร้องเท่านั้นละ...ขนลุก” ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง

“มอนิงครับเด็กๆ ขออาเล็กเรียนดนตรีด้วยคนนะครับ” กฤตพจน์ร้องทักหลานชายกับหลานสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยักคิ้วให้หญิงสาวที่นั่งประกบสอนเด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรเล่นเปียโนอยู่กลางห้อง

“เจ้าที่ที่นี่แรงจริงๆ วุ่นวายไม่เลิก” มาติกาลอบเบ้ปาก

“เจ้าที่คืออะไรคะคุณครูน้าตาม” เด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรเงยหน้าขึ้นถาม

“เอ่อ...” มาติกายิ้มแห้ง อุตส่าห์ระบายอารมณ์เบาๆ แล้วเชียว ลูกศิษย์ตัวน้อยยังจะได้ยินอีก มิหนำซ้ำเจ้าที่ที่เพิ่งเดินเข้ามายังทำสีหน้าท้าทายให้เธอตอบคำถามหนูน้อยอีกด้วย

“เจ้าที่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะคุ้มครองเด็กดีที่ตั้งใจเรียนค่ะ” มาติกาละมือจากแป้นเปียโน แล้วยกขึ้นลูบผมนุ่มสลวยของเด็กช่างถาม

“งั้นเจ้าที่ก็ต้องคุ้มครองน้ำบุศย์ใช่ไหมคะ เพราะน้ำบุศย์เป็นเด็กดี” หนูน้อยน้ำบุศย์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่คุณครูอธิบาย

“คุ้มครองบุญด้วยครับ เพราะบุญตั้งใจเรียนและก็เป็นเด็กดีมากๆ” เด็กชายบุญรักษาว่า พลางยื่นกีตาร์ในมือป้อมให้คุณอาคนเล็กดู

“วันนี้บุญเรียนกีตาร์สนุกมากเลยครับคุณอา” หลานชายรายงาน

“ไหนลองสอนคุณอาหน่อยสิครับ” กฤตพจน์วางมือบนศีรษะเล็กของหลานชายแล้วโยกไปมา

“บุญยังเล่นไม่เป็น ต้องให้คุณครูน้าตามสอน” เจ้าเสือน้อยตอบ พลางเดินไปจูงมือคุณครูคนสวยให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าเปียโน

มาติกาโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ แต่กระนั้นก็ยินยอมเดินตามลูกศิษย์ตัวน้อยไปแต่โดยดี

“คุณครูน้าตามสอนคุณอาเล่นกีตาร์ด้วยนะครับ” เด็กชายบุญรักษาเอ่ยกับคุณครู

“เอ่อ...” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวจนด้วยคำพูด จึงได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น

“คุณครูของเสือน้อยคงไม่อยากสอนอาเล็กหรอกครับ อาเล็กน่าสงสาร อยากเรียนดนตรีแต่ก็ไม่มีใครสอน” งานดรามาเรียกร้องความสนใจเช่นนี้ เสือหมายเลขสี่ทำได้ดีเสมอ เพราะตอนนี้หลานสาวตัวน้อยกำลังวิ่งมาจากเก้าอี้เปียโน แล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก

“อาเล็กขา ไม่ร้องนะคะ โอ๋ๆ” เด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรเอื้อมมือป้อมขึ้นลูบแก้มสากของผู้เป็นอาเพื่อปลอบโยน

“ครับน้ำบุศย์ อาเล็กแค่เสียใจ” นักแสดงนำชายไร้สังกัดกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยักคิ้วให้หญิงสาวที่นั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงหน้า

มาติกากลอกตามองมารยาชายร้อยเล่มเกวียนแล้วก็ได้แต่ทอดถอนลมหายใจ หากเธอปฏิเสธไม่สอนเขาเล่นกีตาร์ เธอคงได้กลายเป็นนางมารร้ายในสายตาเด็กๆ เป็นแน่ ซึ่งคุณครูดีเด่นเช่นเธอไม่มีทางยอม หลังจากตัดสินใจแล้วหญิงสาวจึงหยิบกีตาร์อีกตัวขึ้นมา

“เอาละค่ะ คุณครูจะเริ่มสอนกีตาร์แล้วนะคะ เด็กๆ พร้อมหรือยัง” เสียงใสของคุณครูร้องถาม

“พร้อมค่า/พร้อมครับ” เด็กหญิงบุศย์น้ำเพชรและเด็กชายบุญรักษาขานรับ พร้อมกับหยิบกีตาร์ขนาดเล็กขึ้นมาถือคนละอันในท่าเตรียมพร้อม

“งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะคะ”

“คุณครูน้าตามขา คุณอาเล็กไม่มีกีตาร์ค่า” หนูน้อยยกมือขึ้นก่อนจะร้องบอก

กฤตพจน์กลั้นขำ ยืดตัวมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคุณครูสาวอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า “อาเล็กใช้ตัวเดียวกับคุณครูได้ค่ะน้ำบุศย์” เอ่ยกับหลานสาวพลางขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ ร่างบอบบางเพื่อขอใช้กีตาร์ตัวเดียวกัน

“แต่อาเล็กไม่มีพื้นฐานเลย จับก็ไม่เป็น คงต้องเริ่มเรียนกันใหม่ตั้งแต่แรก” คนเจ้าเล่ห์ใช้สายตาออดอ้อนขอความเห็นใจจากหลานๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นยักคิ้วให้คุณครูทั้งสองข้าง

มาติกาเบ้ปาก ก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปนั่งอยู่ทางด้านหลังของแผ่นหลังกว้างเพื่อสอนทักษะการจับกีตาร์อย่างถูกวิธี ซึ่งการสอนลักษณะนี้หากมองอีกมุมหนึ่งคือเธอกำลังโอบกอดเขาจากด้านหลังนั่นเอง ทว่าด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

เธอจึงไม่มีเวลามานั่งคิดเล็กคิดน้อย เพียรพยายามใส่ใจในสิ่งที่กำลังสอนให้มากที่สุด มือบางเอื้อมไปจับมือหนามาวางบนสายเล็กๆ บนกีตาร์ตัวงามเพื่อเริ่มจับคอร์ด

กฤตพจน์ตัวแข็งทื่อกับความใกล้ชิดที่ได้รับ เดิมทีนึกแค่เพียงอยากแกล้งเธอเล่นเท่านั้น แต่เมื่อเธอยินยอมและเริ่มสอน สัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับกลับทำให้หัวใจหนุ่มเต้นแรงขึ้นทุกขณะ ไหนจะความนุ่มนิ่มที่แตะไต่ตามแผ่นหลังนั่นอีกที่พาให้เลือดในกายสูบฉีดใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ กฤตพจน์เอียงใบหน้าหล่อมองเสี้ยวใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังพร่ำสอนตนอย่างนึกเอ็นดู ชายหนุ่มหลับตาพริ้มลอบเอนศีรษะเข้าใกล้ลำคอหอมกรุ่นเพื่อสูดกลิ่นเนื้อสาวเข้าเต็มปอด

...

“เจ้าเล็กมันไม่ได้ไปเรียนกีตาร์พร้อมกับพวกเราหรือครับ ถ้าจำไม่ผิด พวกเราสี่คนถูกส่งไปเรียนพร้อมกัน” คุณหมอกลางกระซิบถามพี่ชายทั้งสอง หลังจากลอบสอดแนมที่หน้าประตูอยู่นานสองนาน

“มีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ครับพี่ใหญ่งานนี้” คุณรองว่า

“ลองดูไปก่อนว่าเจ้าเล็กจะมาไม้ไหน เท่าที่ฟังน้องบัวเล่ามา ตามฝันไม่ธรรมดานะ คนนี้ซี้น้องแก้วด้วย” พี่ใหญ่ของบ้านกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นทีความบันเทิงที่ทุกคนรอคอยกำลังจะมาเยือนในไม่ช้านี้

...

“เอาละค่ะ ให้ทุกคนจับคอร์ดตามที่คุณครูบอกนะคะ” มาติกาเอ่ยกับนักเรียนของเธอทั้งสาม ถึงแม้นว่าเดิมทีนักเรียนในชั้นนี้จะมีเพียงสองคนก็ตาม ทว่าในเมื่อมีคนสนใจอยากเรียนเพิ่ม เธอก็ยินดีที่จะสอนให้โดยไม่มีข้อแม้

“เริ่มจากคอร์ดซี” เสียงหวานร้องบอก ซึ่งนักเรียนทั้งสามคนก็ทำได้ถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน “เก่งมากเลยค่ะ” หญิงสาวปรบมือให้กำลังใจ ก่อนที่จะไล่เรียงคอร์ดอื่นไปทีละคอร์ดจนครบแปดคอร์ดเบื้องต้นที่สอนไป

“เอาละค่ะวันนี้ทุกคนเก่งมาก สัปดาห์หน้าคุณครูจะสอนให้เล่นเป็นเพลงแล้วนะคะ” มาติกาสรุปหลังจากจบบทเรียนสำหรับวันนี้ แล้วนัดหมายการเรียนในครั้งหน้า

“ปกติคุณมาสอนใบบุญกับน้ำบุศย์วันไหนบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“ทุกเช้าวันเสาร์ค่ะ” มาติกาตอบ พร้อมภาวนาในใจว่าขออย่าให้เขาว่างเว้นจากงานแล้วต้องมาเรียนด้วยเช่นนี้ทุกครั้งเลย

“ดี ต่อไปผมจะมาเรียนด้วย คุณจะคิดค่าสอนเพิ่มก็ได้นะ ผมยินดีจ่ายไม่อั้น”

แต่แล้วคำภาวนาของเธอก็ไม่เป็นผล เพราะประโยคถัดมาของเสือหมายเลขสี่ก็ดังชัดก้องอยู่ในหูทั้งสองข้าง เห็นทีเสบียงบุญที่เธอเพียรสะสมไว้จะร่อยหรอ คงได้เวลาแสวงบุญใหญ่อีกสักรอบสองรอบแล้วกระมัง

 

เสียงเปิดประตูห้องทำงานของสี่เสือดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงฮัมเพลงของคนที่ปลีกตัวออกไปทำธุระด่วนเมื่อสักครู่ กฤตพจน์โยกตัวไปตามจังหวะเพลง “ใจรัก” เดินอ้อยอิ่งเข้านั่งประจำที่ โดยมีสายตาสามคู่ของพี่ชายมองตาม

“ไปทำอะไรมาเจ้าเล็ก” พี่ใหญ่ของบ้านถาม

“ไปทำธุระมานิดหน่อยครับ” น้องเล็กของบ้านตอบ

“ธุระอะไร” คุณรองถามต่อ

“เรื่องงานนิดหน่อยครับ พอดีคิดออกเลยรีบไปทำก่อน”

“ไปที่ไหนมาล่ะ” คุณหมอกลางถามขึ้นมาบ้าง

“ที่ห้องครับ” เสือหมายเลขสี่ตอบยิ้มๆ ก่อนจะหยิบเอกสารที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ

สามเสือคลี่ยิ้มอันตรายแล้วพยักหน้าให้กัน คนเป็นพี่มีหรือจะไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องชายเป็น ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมีธุระด่วนที่ไหนให้วุ่นวายใจนอกจากธุระเรื่องผู้หญิง และเห็นทีงานนี้พี่ชายที่แสนดีคงจะอยู่เฉยไม่ได้เสียแล้ว

“คุณครูสอนดนตรีเสือน้อยกับน้ำบุศย์น่ารักดีนะครับพี่ใหญ่” คุณรองแสร้งเอ่ยกับพี่ชาย และนั่นก็ได้ผลเกินคาดเมื่อคนมีชนักติดหลังเผลอปล่อยเอกสารหลุดมือ ก่อนจะรีบตะครุบขึ้นมาถือไว้อีกรอบ

คุณใหญ่กลั้นหัวเราะก่อนตอบ “ตามฝันเพิ่งเรียนจบมาจากอังกฤษ เป็นน้องที่สนิทกันของน้องบัวกับน้องแก้ว เก่ง น่ารัก แล้วที่สำคัญยังโสด”

“ขาวๆ ตัวเล็กๆ สเปกไอ้นทีเลยครับ สงสัยต้องชวนมาเที่ยวที่บ้านบ้างแล้ว” คุณหมอกลางเอ่ยพาดพิงถึงเพื่อนสนิทที่ยังคงครองสถานภาพโสดหนึ่งเดียวในกลุ่ม

กฤตพจน์กระแอมหนึ่งที ก่อนจะลดมือข้างที่ถือเอกสารลง “เด็กตัวเล็กๆ หน้าจืดๆ คนนั้นหรือครับ ไม่ใช่สเปกหมอนทีหรอกเชื่อผม” พูดจบมือไม้ก็ไหวสั่น หยิบเอกสารปัดปากกาจนวุ่นวายไปทั้งโต๊ะ

“อืม ท่าจะจริง” คุณหมอกลางส่ายหน้าพร้อมยิ้ม


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น