บทที่ ๑
“โสน!” เสียงเรียกดึงหญิงสาวหลุดจากภวังค์
“อ้าว แดน” ปากจิ้มลิ้มไร้สีสันแย้มยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตาแห้งแล้งไร้ประกายช้อนขึ้นมองหนุ่มฝรั่งที่ยืนประชิดตรงที่เธอนั่ง
“เป็นไรรึเปล่า นั่งนิ่งอย่างกับวิญญาณออกจากร่างมายี่สิบนาทีแล้วเนี่ย”
ชายหนุ่มผู้ถามและตั้งข้อสังเกตหน้าตาหล่อเทียบรัศมีดารา ตัวสูงเกินมาตรฐาน ผมสีทองยาวระต้นคอ แต่วันนี้มุ่นเป็นมวยไว้บริเวณท้ายทอย รูปลักษณ์ตรงตามแบบฮิปสเตอร์สมัยนิยมขนานแท้ มือลูบคางที่มีไรหนวดเบาบาง สายตาจับจ้องคนตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้และเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่สบายรึเปล่า หน้าตาเหมือนอดนอนมาหลายวัน เศร้าหรือว่ามีเรื่องเครียด”
“อืม ไม่อยากบอกว่าใช่ทุกอย่างที่พูดมา” เสียงตอบเนือยอย่างน่าหดหู่
“มีอะไรให้ช่วยได้บ้างไหม” คนพูดก้มลงมาใกล้ พลางลูบหลังเบาๆ อย่างคนคุ้นเคย
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธแล้วถอนหายใจหนักหน่วงก่อนจะพูด
“กาแฟสักแก้วน่าจะช่วยได้”
“วันนี้จะเอาอะไรดี กาแฟดริปหรือเอสเปรสโซ แฟลตไวต์ คาปูชิโน ว่ามา”
“คงต้องเอสเปรสโซ ดับเบิลชอตเลยนะ เอามาช่วยถ่างตาหน่อย”
“มีกาแฟตัวใหม่ ซิงเกิลออริจิน๔จากบราซิล ฟูลบอดี รสนุ่ม ไม่เปรี้ยว ติดหวานปลายลิ้น ออกกลิ่นอัลมอนด์ อยากลองไหม”
“ช่วยกรุณาจัดมาเลย” หน้าซูบเซียวทรุดโทรมคลี่ยิ้มหวานออกมาเป็นครั้งแรกของวัน
เดเนียล เจ้าของร้านกาแฟร้านประจำที่หญิงสาวมาเกือบทุกวันเดินกลับไปยังครัวแบบเปิดซึ่งอยู่อีกฝั่งของร้าน ด้านหน้าเคาน์เตอร์กรุด้วยแผ่นหินอ่อนสีขาวพาดลายสายแร่สีเทาดูสวยงามเรียบหรู บนนั้นตั้งเครื่องชงกาแฟโลหะสีเงินวาวที่เขาภูมิใจนักหนาว่าเป็นสุดยอดของสุดยอด
ร้านสวยตามสไตล์สแกนดิเนเวียบ้านเกิดเจ้าของ ประตูกรอบเหล็กสูงกรุกระจกใสรายรอบ เข้ากันได้ดีกับพื้นไม้เก่าและเฟอร์นิเจอร์สีอ่อน ต้นเฟิร์นกิ่งก้านยาวแขวนห้อยอยู่หลากหลายมุมสร้างบรรยากาศเขียวสดชื่นราวกับเป็นโอเอซิสกลางซอยสุขุมวิท
ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันธรรมดา แต่คนในร้านค่อนข้างพลุกพล่าน ไม่รู้ว่าเพราะกาแฟอร่อยโดดเด่นกว่าร้านอื่น หรือเพราะเจ้าของหนุ่มเท่เสียจนสาวน้อยสาวใหญ่ต้องมองเหลียวหลัง ถึงทำให้คนในละแวกนี้แวะเวียนมาไม่ขาดสาย
บาริสตาประจำร้านตั้งหน้าตั้งตาเพ่งความใส่ใจทั้งหมดไปกับการบดเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วจนเป็นสีน้ำตาลเข้มสวย กลิ่นหอมอบอวลอยู่ในอากาศ โสนหายใจเข้ายาวนาน สูดกลิ่นที่เธอคิดว่าเป็น ‘สิ่งมหัศจรรย์’ เข้าเต็มปอด กลิ่นที่สามารถลดทอนความเครียดของเธอลง
ตำแหน่งที่เธอเลือกนั่งอยู่มุมในสุดของร้าน ดูจะเป็นจุดเดียวที่มีผนังล้อมรอบให้เธอได้ซุกหาความอุ่นใจ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์หายนะของเธอ งานออกแบบแบรนดิงสำหรับโรงแรมบูติกขนาดเล็กซึ่งเธอรับผิดชอบอยู่เป็นไปอย่างทุลักทุเล ต้นเหตุที่ทำให้เธอเหนื่อยทั้งกายและใจจนแทบสิ้นแรงอยู่ในตอนนี้
เดเนียลเดินกลับมาพร้อมแก้วกาแฟกับจานขนมอบ ทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามหญิงสาว
“เอสเปรสโซได้แล้ว และนี่...มาซารีน ขนมสวีดิช ผมอบเองเมื่อเช้า ช่วยชิมหน่อยสิ” ปากพูด ขณะที่มือตัดขนมหน้าตาเหมือนทาร์ตวงกลมชิ้นเล็กซึ่งด้านบนเป็นไอซิ่งขาวขุ่นโรยด้วยเมล็ดอัลมอนด์บดหยาบออกเป็นชิ้นพอคำ
หญิงสาวมองตาปริบๆ ความอยากอาหารของเธอแปรผันตามความสุข ยามไม่สบายใจ ต่อมรับรู้รสชาติจะตายด้านโดยทันทีเหมือนรู้ มันเริ่มตั้งแต่ครั้งที่แม่ของเธอเสียชีวิตฉับพลันด้วยโรคหัวใจเมื่อหกปีก่อน ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ค่อยยอมกินอะไร อืม...จะ
ว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง แค่เธอแทบไม่เคยอยากกินอะไรอีกเลยจนน้ำหนักตัวลดต่ำกว่าเกณฑ์มาก แม้เรื่องร้ายผ่านพ้นไปเนิ่นนานแล้ว แต่น้ำหนักตัวยังไม่ยอมแปรเปลี่ยนตามกัน และเช้านี้เธอก็ไม่หิวเอาเสียเลย แต่ตัดใจตักใส่ปากเอาใจเพื่อน
“อื้ม...” พอขนมแตะลิ้น เคี้ยวได้คำสองคำก็เลิกคิ้วสูง เผอิญอร่อยจริง ไม่ได้มารยา “อร่อย! แปลกดี ไส้เป็นอัลมอนด์บดรึเปล่า”
“ถูกต้อง”
“ไอซิ่งด้านบนมีรสมะนาว เปรี้ยวตัดกับตัวไส้รสหวาน รสชาติกำลังดีเลย ทำเองจริงเหรอ”
“ไง เก่งใช่ไหมล่ะ” คนชมตัวเองยักคิ้วพลางหัวเราะ “กินเยอะๆ หน่อยเหอะ ผอมไปแล้ว...ว่าแต่เป็นอะไร หน้าตาอมทุกข์ซะเหลือเกิน ทำอย่างกับแบกโลกไว้ทั้งใบ”
ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ ปกติลูกค้าประจำคนนี้ค่อนข้างร่าเริง ยิ้มเก่ง สาวน้อยที่เขาเจอแทบทุกวันนับตั้งแต่ร้านเปิดมาสองปี ซึ่งตอนนั้นบังเอิญเป็นจังหวะเดียวกับที่โสนเรียนจบจากมหาวิทยาลัย และเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่คอนโดในละแวกนี้พร้อมกับพี่ชายที่เขาไม่ค่อยได้เห็นหน้านัก
“ก็เรื่องงาน เสนอแบบเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านซะที ประชุมทุกสามวัน ไม่ได้นอนมาสามคืน แก้แบบมาแล้วแปดครั้งจนฉันหมดความมั่นใจ” หญิงสาวยกแขนขึ้นเท้าโต๊ะ มือกุมขมับ “ไม่รู้ว่าฉันห่วยหรือลูกค้าโลเลไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่...เฮ้อ”
ที่ละไว้ไม่ได้เล่าคือ เธอเผลอสบถด่าลูกค้ากลางโต๊ะประชุมเมื่อเช้า แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ความจริงแล้วกลับยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก เพราะเธอยังคงต้องแก้งานเป็นรอบที่เก้า แถมโดนด่ายาวเกือบครึ่งชั่วโมง
ช่างมันเถอะ ใครจะอยากเล่าความล้มเหลวของตัวเองให้คนอื่นฟัง
ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เมื่อน้ำทิพย์สีน้ำตาลขุ่นเข้ม กลิ่นเย้ายวนใจไหลผ่านคอ ดวงตาคู่สวยก็หลับพริ้ม พร้อมกับเสียงครางต่ำในลำคอ “อื้มมมม” คำท้าย...แผ่ว กระเส่า “อาาาา”
คนฟังกลั้นหัวเราะ ก็เสียงครางเย้ายวนนี้มันทำให้สมองเขาไพล่คิดไปถึงเรื่องอื่นอย่างช่วยไม่ได้
“อร่อยขนาดนั้น?”
“ใช่ สุดยอด เคลิบเคลิ้มพอกับกินช็อกโกแลตชั้นดีจากเบลเยียม”
“ดีพอๆ กับเซ็กซ์ไหม”
คนถามถามเนิบช้าราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ปฏิกิริยาเลิกคิ้วสูงกับดวงตาเข้มเบิกโตเท่าไข่ห่านยืนยันอาการตกใจของคนฟัง
“ก็เคยมีผู้หญิงบอกว่า Chocolate is better than sex แปลว่ากาแฟก็น่าจะเหมือนกัน...รึเปล่า”
คนถามดูจริงจังจะเอาคำตอบ คนถูกถามอึกอัก ใบหน้าที่ปกติซีดขาวราวกระดาษเห็นรอยตกกระพาดผ่านจมูกและแก้มชัดเจนตอนนี้แดงเรื่อไปถึงใบหู เดเนียลหรี่ตามองคนตรงหน้า
“อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่เคย...” เขาอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะลั่น “Really? จริงดิ”
“หุบปากไปเลย ขำบ้าอะไร”
“เฮ้ย! อายุเท่าไหร่แล้ว ไม่น่าจะ...” ประโยคหยุดอยู่แค่นั้น เพราะคนฟังสีหน้าโกรธจริง “ขอโทษๆ ก็แค่แปลกนิดหน่อย”
“แปลกอะไร นี่มันเมืองไทยนะยะ ไม่ใช่เมืองนอก” เธอกรีดเสียงบ่น พลางปรายตามองคนกลั้นยิ้ม โสนหน้าแดงซ่าน เธอกำลังครุ่นคิด ชั่งใจอย่างหนักว่าจะเล่าหรือไม่เล่าดี ในที่สุดก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ “อีกอย่างคนแปลกที่ว่ามันไม่ใช่ฉัน เพราะไอ้พี่บ้าดันบังคับจิตใจน้อง ลากฉันไปสาบานต่อหน้าพระว่าจะคงตนบริสุทธิ์จนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย คนนั้นต่างหากที่แปลก!”
“พี่น้องคู่นี้ประหลาดดีแท้ ทำไมต้องทำขนาดนั้น”
“ก็พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว พี่ฉันเป็นทหาร ตอนเรียนต้องกินนอนอยู่โรงเรียน จบแล้วก็ไปประจำอยู่กองบินต่างจังหวัดตลอด ไม่มีเวลาดูแลฉันใกล้ชิด วิตกกังวลกลัวน้องจะแรดท้องก่อนจบก็เลยใช้วิธีบ้าๆ นี่ แถมตอนอยู่มัธยมก็จับฉันอยู่โรงเรียนหญิงล้วนอีก เลยแรดไม่เป็นเลย”
“พี่เก่งนะ คิดได้ไง นับถือเลย”
“เดี๋ยวบอกให้นะ” หางเสียงห้วนสั้นด้วยความหงุดหงิด
“ว่าแต่ตอนนี้เรียนจบแล้ว หลุดพ้นคำสาปแล้วนี่”
“แต่โดนแฟนทิ้งไปเรียบร้อย คงเพราะเรื่องนี้ละมั้ง”
“เหรอ” เดเนียลเสียงเข้มขึ้นฉับพลัน “แต่...ความรักกับเซ็กซ์เป็นคนละเรื่องกันนะ คนเดี๋ยวนี้มักแยกไม่ออก ถ้าเลิกกันเพราะเรื่องนี้ ยืนยันได้ว่าไอ้บ้านี่ไม่ได้รักเธอ โสน” มือกอบกุมบีบกระชับราวกับจะถ่ายทอดกำลังใจ “ไม่ต้องเสียใจนะ”
โสนหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้าที่อยู่ๆ ก็ทำท่าเป็นการเป็นงานขึ้นมา
“ไม่ได้เสียใจ เรื่องมันผ่านไปเป็นชาติแล้ว ว่าแต่เราจะคุยเรื่องนี้กันอีกนานไหม ความบริสุทธิ์ของฉันมันไปอยู่ในความสนใจของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ คุณเดเนียล”
หนุ่มฝรั่งหัวเราะลั่นจนคนทั้งร้านหันมามอง
“พอได้แล้ว หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ แดน! จะทำให้ฉันอายไปถึงไหน”
“ขอโทษๆ แต่อย่างน้อยผมก็ทำให้คุณหายเครียดเรื่องงานได้นะ ใช่ไหม”
ลูกค้าสาวกลอกตามองเพดานพร้อมกับถอนใจแรง
“เอาน่า เสร็จแล้วก็กลับไปนอนสักหน่อยสิ ตื่นมาน่าจะรู้สึกดีขึ้นนะ...Good laugh and long sleep are the two best cures for anything. หัวเราะหนักๆ กับนอนหลับยาวสักตื่นช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างได้”
โสนตอบกลับหน้ามุ่ยสนิท “แต่ตอนนี้หัวเราะไม่ออก และถ้านอนนานไปท่าจะโดนลูกค้าด่าเปิงมากกว่าเดิม”
สาวกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาในร้าน เดเนียลหันมาพยักพเยิดกับเธอเพื่อขอตัวไปรับลูกค้าก่อนลุกจากไป คนเซ็งโลกดึงสติกลับมาอีกครั้ง ถอนใจด้วยความเหนื่อยล้าเป็นรอบที่หลายสิบของวัน นอกจากกาแฟแล้ว ยาดีที่สุดของเธอคือการได้คุยกับพี่ชายผู้เป็นทุกอย่างในคนเดียวกัน ทั้งพี่ พ่อ เพื่อน และผู้ปกครอง เธอกับพี่สนิทกันมาก...มากจนคิดเสมอว่าเป็นคู่พี่น้องที่รักกันที่สุดในโลก ถึงแม้จะมีบ้างบางครั้งที่ทะเลาะกันบ้านเกือบแตก แต่ไม่เคยรักกันน้อยลง ก็ชีวิตนี้มีกันอยู่แค่สองคน
พี่สิงห์ พี่ชายคนเดียวที่เธอภาคภูมิใจนักหนา สุภาพบุรุษนักบินรบของกองทัพอากาศไทย เพิ่งได้รับคำสั่งให้ย้ายจากกองบิน ๗ สุราษฎร์ธานี พร้อมกับเครื่องบินขับไล่ F5 ทั้งฝูงเพื่อไปประจำการอยู่กองบิน ๔๑ เชียงใหม่ได้เพียงแค่สองปี เพราะเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงระยะทางจะห่างไกลกัน แต่พี่ชายแสนดีก็พยายามหาเวลากลับมากรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมน้องสาวคนเดียวคนนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด ไม่เคยลืม...ฟังดูเป็นพี่ชายแสนประเสริฐ
ในความเป็นจริงก็แอบมีเบี้ยวบ้างถ้าติดภารกิจ ‘ทำไงได้...เกิดเป็นน้องทหารต้องทำใจ’
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าหนังใบใหญ่ข้างตัว กดโทร. ออก เสียงเรียกสายดังอยู่หลายครั้ง ‘ไม่รับ? สงสัยคงไม่ได้ยิน’
ลองอีกที...ครั้งที่สองก็ยังไม่มีคนรับสาย
‘งั้นเดี๋ยวบ่ายๆ ค่อยโทร. อีกทีละกัน’
หันกลับมาจัดการเก็บสมุดสเกตช์และแลปทอปลงกระเป๋า เรียกพนักงานเก็บเงิน เหลียวมองหาเจ้าของร้าน โบกมือเป็นเชิงลาก่อนเดินจากมา
สายตาเป็นห่วงของเดเนียลทอดตามหลังหญิงสาวที่เพิ่งเลี้ยวไปยังถนนพลุกพล่านด้านหน้า รูปร่างโปร่งบางกับท่าเดินกระฉับกระเฉงคุ้นตา ผมยาวรวบเป็นหางม้า ผมด้านหน้าตัดตรงเสมอคิ้วช่วยขับดวงตาคู่โต รอยตกกระบนจมูกเชิดรั้น และริมฝีปากเล็กบางนั้นให้ยิ่งดูเด่น ตัวผอมราวกับจะปลิวตามลมค่อยๆ เดินห่างออกไป ทิ้งเสียงจอแจของร้านกาแฟไว้เบื้องหลัง
ความคิดเห็น |
---|