งานง่ายๆ เงินดีๆ (มีอยู่จริง?)
บนคอนโดกลางเก่ากลางใหม่ย่านใจกลางกรุงเทพฯ ณจันทร์ปิดตู้เย็นหลังจากที่เพิ่งนำน้ำดื่มขวดหนึ่งออกมาหมาดๆ หล่อนรินน้ำใส่แก้วใสที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว แล้วยกไปเสิร์ฟลงบนโต๊ะในมุมนั่งเล่นเล็กๆ ติดริมทางออกระเบียง
“อะ...นนท์นี่”
ณจันทร์นั่งลงตรงข้ามเกย์หนุ่ม ที่จริงอีกฝ่ายสนิทกับหล่อนถึงขั้นเดินไปหยิบของกินในตู้เย็นเองได้ตามสบาย แต่เมื่อครู่ตอนที่ธนนท์เพิ่งมาถึงหมาดๆ มีสายโทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน ณจันทร์ก็เลยต้องสวมวิญญาณเจ้าบ้านที่ดี
“กว่าจะวางสายได้...” เกย์หนุ่มถอนหายใจนิดๆ มือใหญ่ที่ค่อนข้างเรียบเนียนวางสมาร์ตโฟนลงบนโต๊ะเพื่อหยิบน้ำเย็นไปดื่มด้วยท่าทางอิดหนาระอาใจ
“ใครเหรอ”
“จะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่น้องพลอย”
“น้องพลอย...” ณจันทร์คลับคล้ายคลับคลาว่าอีกฝ่ายเคยเปรยๆ ถึงชื่อนี้เมื่อสักหนึ่งเดือนก่อน “ชะนีน้อยที่แกเคยบอกว่าเป็นลูกเจ้าสัวอะไรสักอย่างใช่ปะ”
“อือ” ตอบรับพลางวางแก้วน้ำเย็นลงบนโต๊ะอีกครั้ง ส่วนณจันทร์กำลังเปิดกล่องมาการองร้านโปรดที่เพื่อนซื้อติดมือมาออกกว้าง ความที่ยังไม่ได้กินมื้อเช้าเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ จึงถือวิสาสะหยิบเอาใส่ปากระหว่างนั่งสนทนาไปด้วย
“นางยังไม่เลิกวอแวแกอีกเหรอ”
“เลิกกับผีละสิ” เป็นอีกครั้งที่ธนนท์ถอนหายใจด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย “ขนาดฉันอ้างว่าติดเรียนบ้าง ติดประชุมบ้าง น้องพลอยก็ยังสรรหาเวลามาดักเจอฉันได้อีกอะแก บอกว่าคุณแม่ให้ทำขนมมาฝากบ้าง คุณแม่ให้ชวนไปกินข้าวบ้าง เอาผู้ใหญ่มาอ้างฉันก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง”
ณจันทร์ถึงกับอึ้งในความพยายาม ไม่อยากเชื่อเลยว่าพลอยใสจะหัวอ่อนกับครอบครัวเพียงนั้น
เอาเข้าจริงหล่อนก็ไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าสมัยนี้ยังมีการคลุมถุงชนแบบโบร่ำโบราณ แต่ธนนท์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองมี ‘ว่าที่คู่หมั้น’ เมื่อราวๆ หนึ่งเดือนก่อนเช่นกัน
ปู่ของธนนท์สนิทกับปู่ของพลอยใสมาก ตอนหนุ่มๆ เคยสัญญากันว่าหากมีลูกชายกับลูกสาวจะให้แต่งงานกัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับมีลูกชายทั้งสองฝั่ง การเกี่ยวดองจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ และทำให้ต่างฝ่ายต่างเสียดายมาก กระทั่งมาถึงรุ่นหลาน...ฝ่ายนั้นมีหลานสาว ส่วนฝ่ายนี้มีหลานชาย อายุพอเหมาะพอดีกัน ทุกอย่างก็เลยลงล็อก!
แต่ความพีกมันอยู่ตรงที่...ธนนท์เป็นเกย์!
ไม่เพียงเท่านั้น พีกในพีกคือสมาชิกในครอบครัวธนนท์ไม่เคยมีใครรู้เรื่องรสนิยมอันเร้นลับของเขา และธนนท์เองก็ไม่คิดสารภาพ เพราะมั่นใจว่าคุณนายรัดเกล้าผู้เป็นย่าแท้ๆ และเป็นประมุขของตระกูลในเวลานี้ไม่มีทางรับได้
เดือนก่อนพอครอบครัวฝ่ายหญิงมาทวงถามเรื่องสัญญา เพราะเห็นว่าอีกไม่นานพลอยใสก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ธนนท์จึงไลน์มาชวนหล่อนไปดื่มเป็นเพื่อนที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง ก่อนจะปรับทุกข์และปรึกษาหารืออยู่นาน ในที่สุดณจันทร์จึงแนะนำให้เกย์หนุ่มลองทำตัวจืดชืด เคร่งครัดกับตำราเรียนและการทำงานมากกว่าการเอาอกเอาใจผู้หญิง เพราะในเมื่อไม่อาจสารภาพความจริง การทำให้พลอยใสเบื่อหน่ายจนเป็นฝ่ายขอยกเลิกสัญญาหมั้นหมายไปเองก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี
“แกก็น่าจะภูมิใจออก ขนาดทำตัวจืดชืดยังเสน่ห์แรงจนนีน้อยเกาะหนึบ” หญิงสาวหัวเราะคิกทั้งยังเรียกว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนว่า ‘นีน้อย’ ซึ่งเป็นคำย่อของ ‘ชะนีน้อย’ เพราะอยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย
มือบางหยิบมาการองในกล่องมากินต่ออย่างเพลินปาก แต่ดูเหมือนธนนท์จะไม่ขำด้วย
“เปลี่ยนจากนีน้อยเป็นหนุ่มน้อยได้ไหมล่ะ...” เขาถอนหายใจเป็นรอบที่สามตั้งแต่มาถึง ประกายตาวูบไหวด้วยอารมณ์หนักใจจนณจันทร์เชื่อว่าคงอึดอัดมากจริงๆ “คุณย่านะคุณย่า...ไม่รู้จะจริงจังอะไรกับคำสัญญาของคุณปู่นักหนา ทั้งๆ ที่ท่านก็เสียไปตั้งหลายปีแล้ว”
“เอาน่า...นนท์นี่ เพิ่งเดือนเดียวเอง” ณจันทร์พยายามปลอบโยนเพื่อน หยิบมาการองมากินอีกเพราะมันอร่อยจนหยุดไม่ได้ “อีกสักพักน้องเขาก็คงเบื่อแกเอง”
“แต่ฉันว่าไม่”
หญิงสาวที่กำลังกัดขนมสีหวานได้แต่นั่งมองอีกฝ่ายตาแป๋วแทนการถามออกไปตรงๆ ว่าทำไมถึงมั่นอกมั่นใจเบอร์นั้น
“น้องพลอยเหมือนพวกชอบเอาชนะ ยิ่งฉันเฉยๆ ไม่มีทีท่าว่าสนใจ นางก็ยิ่งพยายามเข้าหา และฉันก็ตัดสินใจแล้วว่า...ฉันจะไม่ทน”
ธนนท์เอ่ยประโยคสุดท้ายแบบช้าๆ เน้นๆ ทีละคำ พลางจ้องตาเพื่อนอย่างแน่วแน่มั่นคง
“ก็ดีนะ” ณจันทร์พยักหน้าหงึกๆ เพราะเห็นด้วยว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องทน “บอกความจริงไปแต่เนิ่นๆ จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย คุณย่าของแกก็จะได้เลิกบังคับด้วย”
“ใครว่า”
“อ้าว...” หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่เข้าใจว่าเพื่อนหมายความอย่างไร
“ฉันเป็นหลานชายคุณย่ามายี่สิบสามปีแล้วนะเกี่ยวก้อย แกคิดว่าจู่ๆ คุณย่าจะรับได้เหรอถ้าหลานชายคนเดียวจะแปลงร่างเป็นหลานสาว”
“เอ่อ...” ณจันทร์หัวเราะแก้เก้อ ลืมคิดไปเสียสนิทว่าธนนท์เป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลรติรักษ์ และเป็นคนที่คุณนายรัดเกล้าฝากความหวังเอาไว้หลายอย่าง
อาจเพราะรัดเกล้าเกิดในตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากพวกผู้ดีเก่าทางเหนือ พื้นฐานครอบครัวเป็นคนเคร่งครัดในกฎระเบียบอยู่เป็นทุน พอมาแต่งงานกับนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีนอย่างเจ้าสัวรมย์ รติรักษ์ ซึ่งร่ำรวยจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ทั้งสองก็เลยกลายเป็นที่จับตามองของคนในสังคมชั้นสูง
แต่ไหนแต่ไร...คุณนายรัดเกล้ามักพาธนนท์ออกงานสังคมบ่อยๆ และเอ่ยถึงเขาด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งเหตุที่รักและเอ็นดูธนนท์ขนาดนี้ก็เพราะพ่อของธนนท์ประสบอุบัติเหตุตายตั้งแต่ยังอายุน้อย ส่วนแม่ก็ทิ้งไปนาน ความกังวลว่าหลานจะมีปมด้อยจึงผลักดันให้ผู้เป็นย่าคอยเติมเต็มความอบอุ่น และพยายามสรรหาสิ่งดีๆ ให้ธนนท์ไม่ขาด จนบางครั้งก็อาจจะ...มากไปนี้ดดด
“ก็เห็นแกบอกว่าจะไม่ทน ถ้าไม่บอกความจริงคุณย่าแล้วแกจะทำยังไง”
“ก็นี่ไงล่ะ” เกย์หนุ่มดีดนิ้วเปาะ ดวงตาระยิบระยับยามมองมาที่หล่อน “ถึงได้บอกว่ามีงานดีๆ มาให้ชะนีตกงานทำ”
“แกคงไม่ได้คิดจะให้ฉันแกล้งท้อง แล้วเดินไปบอกนีน้อยว่ากำลังจะมีลูกกับแกหรอกนะ” ณจันทร์พูดติดตลกพลางหยิบมาการองมากินต่อ
คราวนี้เพื่อนเกย์กลับหัวเราะคิกเหมือนเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมา
“สมเป็นนักเขียนนิยายนะคะคุณจันทร์ฝันหวาน แต่ไม่ขนาดนั้นหรอก เพราะฉันกลัวแกเหนื่อยเกินถ้าต้องคิดพลอตให้ตัวเองแท้ง”
ดวงตาของเกย์หนุ่มวิบวับ ริมฝีปากขยับยิ้มมีเลศนัยเสียจนนักเขียนสาวเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ
“หมายความว่า...”
“เป็นแฟนกันนะ”
ให้ตาย! โสดมายี่สิบสามปี ใครจะไปคิดว่าวันดีคืนดีจะมีเกย์มาขอเป็น ‘แฟน’
ณจันทร์กะพริบตาปริบๆ อยากคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่ประกายตาหวานหยดที่ธนนท์มองมาก็ราวกับจะตอกย้ำว่าได้ยินไม่ผิดจริงๆ
“ฉันเพิ่งบอกคุณย่าไปเมื่อวานนี้เองว่ามีแฟนแล้ว ไม่สะดวกใจที่จะคอยเทกแคร์น้องพลอยอีก เพราะแฟนฉันไม่สบายใจที่จู่ๆ ฉันก็มีว่าที่คู่หมั้นโผล่มา คุณย่าก็เลยบอกให้พาแฟนไปที่บ้าน และฉันก็มองไม่เห็นว่าใครจะเหมาะกับตำแหน่งแฟนฉันได้เท่าแกอีก...” ธนนท์ทอดเสียงพลางทำตาปรอย และทำให้คนเพิ่งถูกขอเป็นแฟนครั้งแรกในชีวิตถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “เพื่อนก้อย...พลีส”
“มะ...ไม่จริงใช่ปะเพื่อนนนท์”
“หน้าเพื่อนเหมือนกำลังเล่นตลกคาเฟ่ปะล่ะ” ธนนท์วาดมือชี้ให้ดูหน้าหล่อๆ ที่ไว้หนวดเครานิดๆ ชนิดที่หากไม่ได้กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงหน้าก็คงไม่มีใครมองออกว่าหัวใจสีม่วง แต่ถึงอย่างนั้นณจันทร์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีแฟนคนแรกเป็นหนุ่มหัวใจแหวว
ในที่สุดหล่อนจึงแค่นหัวเราะน้อยๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องชวนหัว
“พลอตนี้มันคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้เนอะ”
เกย์หนุ่มมองหล่อนตาแป๋ว ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าก๊อบพลอตมาจากนิยายเรื่อง เมีย (กำมะลอ) ยอดสวาท ของจันทร์ฝันหวาน
แน่ละ! ธนนท์ไม่ได้ชอบเขียนนิยายเหมือนเพื่อน แต่เพราะสนิทกันมากชนิดตดใส่หน้ากันได้ ณจันทร์จึงชอบเล่าพลอตนิยายให้ฟังบ่อยๆ ยิ่งเรื่องล่าสุดพระเอกเป็นแลนด์ลอร์ด ชอบลงทุนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ณจันทร์ก็เลยไม่รอช้าที่จะขอให้ทายาทเจ้าของบริษัท รมย์ เรียลเอสเตส อย่างธนนท์มาเป็นที่ปรึกษาในเรื่องข้อมูล
“ค่าพลอตก็...เงินค่าตัวคุณหฤษฎ์ที่แกเป็นหนี้เฮียโป้ง ดีมะ?”
ราวกับรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อน! เพราะ ‘คุณหฤษฎ์’ ในที่นี้ไม่ใช่สามีของโสรยา ทว่าเป็นชื่อรถยนต์ ‘โตโยต้ายาริส’ ที่หล่อนยืมเงินเฮียโป้งมาเปย์
“แก...แกมัน...” ณจันทร์เม้มปากแน่น อยากกรีดร้องเหมือนนางเอกในนิยายเวลาถูกตัวละครอื่นๆ เอาเงินฟาดหัว แต่ในสมองหล่อนตอนนี้กลับไม่อาจปฏิเสธว่ามันเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจที่สุด
ไม่...ไม่...ไม่ว่าอยากได้เงินไปโปะหนี้ขนาดไหน ณจันทร์ก็ไม่อยากหาเหาใส่หัวด้วยการกระโดดเข้าไปทำอะไรบ้าๆ กับธนนท์แน่
“แกเห็นเพื่อนเป็นคนซื้อได้ด้วยเงินจริงๆ เหรอ เพื่อนนนท์”
“แถมเงินเดือนช่วงที่ต้องมาเล่นละครเป็นแฟนฉันให้อีกเดือนละ...หนึ่งหมื่น”
ณจันทร์ตาวาว ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ ไล่ปีศาจหน้าเงินออกไปจากร่าง เพราะการเล่นละครแหกตาคนอื่นไม่ใช่เรื่องสนุก แม้มันจะสนุกสุดๆ ตอนอยู่ในนิยายเรื่อง เมีย (กำมะลอ) ยอดสวาท ของจันทร์ฝันหวานก็ตาม
“ไม่!”
“สองหมื่น”
“ดูปากเกี่ยวก้อยนะคะ” หล่อนยกมือขึ้นชี้ริมฝีปากตัวเองเพื่อเอ่ยเน้นทีละคำอย่างช้าๆ และชัดเจน “ไม่มีทาง!”
“เข้าใจละ” ธนนท์ดีดนิ้วเปาะ ก่อนจะยิ้มระรื่นยามมองหน้าเพื่อนซี้ “ฟรี”
“ฮะ!”
“ขอบใจมากนะเพื่อนก้อย ไม่นึกเลยว่าแกจะมีน้ำใจกับเพื่อนนนท์ขนาดนี้” ว่าแล้วเกย์หนุ่มก็ลุกมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับณจันทร์ จับมือทั้งสองข้างของเพื่อนสาวขึ้นมากุมด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังเอาแต่นั่งอ้าปากค้าง
“ตื่นค่ะ ตื่น” ณจันทร์รวบรวมสติได้ก็ชักมือหนี หยิบเอาหมอนอิงมาฟาดหน้าอีกฝ่ายให้หายมึน “ใครบอกว่าฉันมีน้ำใจกับแก แต่ที่ฉันไม่รับข้อเสนอของแกก็เพราะว่าฉันไม่เห็นด้วยกับการเล่นใหญ่เล่นโตนี่ต่างหาก แกจะบ้าเหรอนนท์นี่ จู่ๆ เอาพลอตนิยายเพ้อๆ ของฉันมาเล่นละครในชีวิตจริงเนี่ยนะ โกหกผู้ใหญ่มันบาปนะแก”
ว่าแล้วณจันทร์ก็ยกมือขึ้นประนมกลางอก “มุสาวาทา...เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ” ร่ายศีลข้อสี่ให้อีกฝ่ายฟังอย่างคล่องปาก “เป็นคนไม่มีศาสนาหรือไง พระท่านสอนไว้ถึงไม่รู้จักจำ”
“แหม...ชีวิตนี้แกไม่เคยผิดศีลเลยสักข้องั้นสิ”
“ไม่เคย” ณจันทร์ชูคอตอบตามประสาคนมั่นใจในตัวเอง สองมือยังคงกระพุ่มอยู่กลางอกประหนึ่งผู้ทรงศีล
“ปาณาติปาตา...แกไม่เคยบี้มด?”
“เอ่อ...” เป็นศีลข้อแรกที่ปฏิเสธได้ยาก เพราะบางครั้งขบวนมดก็ชอบมากวนใจในห้อง แถมยังขโมยกินขนมของหล่อนอีกด้วย “มดมันมารังควาญฉันก่อน ถ้าฉันไม่เล่นงานมัน...มันก็กัดฉันสิแก”
“อทินนาทานา...ไม่เคยขโมยกินมาการองเพื่อน?” ธนนท์ปรายตาไปยังกล่องขนมที่เป็นคนซื้อมาวางไว้บนโต๊ะ แต่ไม่ได้เอ่ยปากสักคำว่าซื้อมาฝาก และตอนนี้มันเหลือแค่กล่องเปล่าๆ เท่านั้น
“ก็...” ณจันทร์อึกอัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำบ่อยจนเป็นนิสัยเพราะเห็นว่าคนกันเอง “แกไม่หวง ไม่ห้าม ฉันก็เข้าใจว่าแกอนุญาตแล้วสิ”
“กาเมสุมิจฉาจารา...แกไม่เคยมโนอยากได้แฟนคนอื่นเป็นผัว”
“หือ?” ข้อนี้ณจันทร์ถึงกับทำตาโต ส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ “ไม่มี้...”
“พี่เวียร์?”
“เอ่อ...” หล่อนยอมรับว่าตัวเองเป็นติ่ง ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องพระเอกหนุ่มสุดหล่อคนนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ หล่อนจะใช้สรรพนามแทนเวียร์ว่า ‘สามี’ แถมตอนสามีเปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับนางเอกสาวสุดฮอต หล่อนก็ยังเคยตัดต่อภาพแบบกากๆ โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วยการใช้ตัวอักษรแปะทับหน้านางเอกว่า ‘เกี่ยวก้อย’ ด้วย “ก็แค่ความสุขทางใจเล็กๆ น้อยๆ ไม่เห็นต้องจริงจังเลย ถ้าแค่มโนว่าพี่เวียร์เป็นผัวแล้วบาป หญิงไทยก็บาปกันค่อนประเทศแล้วไหมอะแก”
“โอเค...” อีกฝ่ายจีบปากจีบคอเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะยอมยกธงขาวให้คนแก้ตัวเก่ง แต่ที่ไหนได้...งัดเอาสามง่ามพญายมออกมา “มุสาวาทา...แกไม่เคยโกหกเฮียโป้งว่าเป็นลมบนรถไฟฟ้าเพื่อจะอ้อนให้เฮียช่วยออกรถตอนเรียนปีสี่?”
ณจันทร์ถึงกับอ้าปากค้าง ศีลข้อนี้ไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาหักล้างตัดกรรมได้เลย ในที่สุดจึงได้แต่เม้มปากน้อยๆ อย่างไร้ข้อแก้ตัว
“สุราเมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา...ไม่เคยแดกเหล้า ไม่เคยเข้าผับเลยจริงจริ๊งงง” เป็นข้อสุดท้ายที่ทำเอาณจันทร์คอตก มือที่เคยกระพุ่มอยู่กลางอกขยับไปหยิบหมอนอิงมากอดราวกับว่าจะใช้แทนโล่กำบังคมหอกแห่งกรรมได้ “อีคนดีมีศาสนา ศีลห้ายังรักษาไม่ได้เลยค่ะ อีหอย!”
“แรง...”
“เบาแล้วค่ะคุณ เพราะถ้าให้ร่ายจริงๆ คงยาวยิ่งกว่าบัญชีหางหมา” เกย์หนุ่มหมั่นไส้คนพยายามสวมวิญญาณนางเอก “เพื่อนนนท์ไม่ได้ให้ช่วยฟรีๆ เสียหน่อย งานง่ายๆ เงินดีๆ ขนาดนี้แกจะเล่นตัว...รอให้เฮียโป้งมาลากคอกลับไปขุดดินในสวนลำไยหรือไง”
ณจันทร์ถอนหายใจนิดๆ ยอมรับว่าถ้าภายในเดือนหน้ายังไม่มีบริษัทไหนเรียกตัวสัมภาษณ์คงต้องกลับไปทำงานใช้หนี้พี่ชายที่เชียงใหม่จริงๆ
รายได้จากอีบุ๊กไม่เป็นไปตามเป้า เรื่องจะหาเงินก้อนมาจ่ายค่าตัวคุณหฤษฎ์คงเป็นไปได้ยาก
“แต่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะแก เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน จู่ๆ จะมาสร้างภาพว่าเป็นแฟนกัน...” นักเขียนสาวมโนภาพไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อเห็นหน้าหล่อๆ ของธนนท์ที่ชวนให้ใจละลาย แต่พอมองต่ำลงทีไร...ท่านั่งไขว่ห้างของอีกฝ่ายก็ทำให้หล่อนได้แต่ร้องในใจว่า...เสียดายของ “ฟ้าต้องผ่าแน่ๆ”
“แค่สามสี่เดือน หรืออาจจะเดือนเดียวก็ได้ ถ้าน้องพลอยยอมบอกพ่อแม่เขาให้ยกเลิกสัญญาหมั้น”
“แล้วถ้าน้องพลอยไม่ยอมยกเลิกสัญญาอะไรนั่นง่ายๆ ล่ะแก ฉันไม่ต้องเป็นแฟนแกไปทั้งชาติเหรอ...” แค่คิดไปล่วงหน้าว่าต้องสวีตหวานกับธนนท์ในฐานะคู่รัก กลายเป็นชะนีมีเจ้าของจนหนุ่มๆ อาจไม่กล้ามาจีบอีกนาน ภาพคานก็ลอยละล่องมาปรากฏตรงหน้า “ไม่เอาอะ ฉันยังไม่อยากให้มดลูกฉันกลายเป็นแผ่นศิลาจารึก มันควรจะได้ใช้งานมากกว่าแห้งเหี่ยวไปวันๆ อะแก”
“มันก็แห้งมายี่สิบสามปีแล้วปะ” เป็นข้อเท็จจริงที่ทำเอาณจันทร์หน้าเหลอ ไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือคำพูดของคนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากหล่อน
“ถ้าจะขยี้ปมโสดของเพื่อนขนาดนี้ เอาแปรงซักผ้ามาถูหน้าฉันเลยก็ได้ค่ะเพื่อนนนท์”
“ถูหน้าทำไม กระดานก็มี” ธนนท์หัวเราะคิกพลางหลุบตามองต่ำ
ณจันทร์มองตามครู่สั้นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบหมอนอิงไปฟาด “อีบ้านี่”
เกย์หนุ่มหัวเราะหนักกว่าเก่า พลอยทำให้หญิงสาวหัวเราะตามไปด้วย เพราะแต่ไหนแต่ไรก็ถูกเพื่อนๆ แซะเรื่องบีเจ็ดสิบมาจนชินหู
“ใหญ่ไปเดี๋ยวก็ยาน กระดานนี่แหละยั่งยืน...โปรดรู้ไว้ด้วย!”
“โอเคๆ ตกลงเป็นแฟนกันยัง”
“ก็ได้”
“เยส!” ธนนท์ยกกำปั้นขึ้นทำท่าแบบนักกีฬาเวลาได้เหรียญรางวัล ก่อนจะยื่นมือไปดึงแก้มทั้งสองข้างของเพื่อนซี้ด้วยแววตาเอ็นดู “คิดไว้แล้วเชียวว่าเพื่อนก้อยเป็นคนดีมีน้ำใจ”
“เดือนละสามหมื่น ไม่รวมเงินค่าตัวคุณหฤษฎ์อีกห้าแสนที่ฉันต้องใช้หนี้เฮียโป้ง”
ธนนท์อ้าปากค้าง แทบอยากถอนคำชมกลับมาใส่ปาก
“ก็แหม...งานที่แกให้ทำมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นี่ ไหนจะต้องทำตัวให้เป็นคนรักกันต่อหน้าคุณย่า ต่อหน้าชะนีน้อย ต่อหน้าคนอื่นๆ ที่อาจจะสงสัย ผิดศีลข้อสี่จนท่านสุวรรณจดบันทึกมือหงิกแน่ๆ แกคิดดูสิว่าฉันจะต้องไปใช้กรรมในนรกหนักขนาดไหน เพราะฉะนั้นก่อนจะถึงเวลานั้นก็ขอขึ้นสวรรค์บนดินก่อนได้ปะล่ะ แล้วไหนจะต้องมาเสียโอกาสในการหาแฟนอีก”
“ทำอย่างกับจะหาได้วันนี้มะรืนนี้งั้นแหละค่ะคุณ”
“ก็ไม่แน่” ณจันทร์ไหวไหล่น้อยๆ เพื่ออัปค่าตัว “เนื้อคู่ฉันอาจจะโผล่มาตอนเป็นแฟนกับแกก็ได้”
“อ๋อ...” เกย์หนุ่มทอดเสียงคล้ายกำลังค่อยๆ คล้อยตามไป “หมายถึงลุงหล่อๆ ที่แกเล่าให้ฟังว่าเจอกันในผับคืนนั้น แล้วเกิดอาการเมารักจนไปตู่ว่าเขาเป็นผัว แต่เขาไม่ยอมอุทิศตัวเป็นผัวแกน่ะเหรอ”
“อ๊าย...” ณจันทร์ถึงกับแผดเสียงร้อง ไม่คิดว่าจู่ๆ เพื่อนจะขุดเอาเรื่องตาลุงขี้เก๊กขึ้นมาเย้าแหย่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าความจริงมันเป็นแค่อุบัติเหตุ “แกจะบ้าเหรอเพื่อนนนท์ อย่างตาลุงนั่น...ฉันไม่เอามาทำพันธุ์ให้พรหมจรรย์ต้องสั่นคลอนหรอกจะบอกให้ อีกอย่าง...ใครบอกแกว่าเขาไม่ยอมอุทิศตัวเป็นผัวฉัน ฉันต่างหากที่ไม่ยอมให้เขาเจาะไข่แดงง่ายๆ”
ยิ่งนึกถึงความฝันสุดอีโรติกเมื่อเช้า ณจันทร์ยิ่งอยากเผาพริกเผาเกลือสาปส่งเขาเลยด้วยซ้ำไป!
“แกบอกเองนี่ว่านีน้อยท่าทางจะไม่หงิม เกิดนางไม่เชื่อง่ายๆ แล้วฉันต้องเป็นแฟนกับแกจนมดลูกตันขึ้นมาจริงๆ ฉันไม่พลาดโอกาสสำคัญในการมีสามีหรือไง” หญิงสาวดึงหัวข้อสนทนากลับมาเข้าประเด็น เพราะไม่อยากนึกถึงมนุษย์ลุงขี้เก๊กให้ขัดอกขัดใจ “ส่วนที่ยอมทำเรื่องบ้าๆ เนี่ยก็เห็นว่าเป็นเพื่อนกันหรอกนะ ไม่งั้น...”
เสียงข้อความโทรศัพท์ของณจันทร์ดังขึ้น ริมฝีปากอิ่มที่กำลังสาธยายเหตุผลอยู่จึงชะงัก
ความแปลกใจทำให้หญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนบนโต๊ะมาเปิดดู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อธนาคารส่งข้อความมาแจ้งว่ามีคนโอนเงินเข้าบัญชีสามหมื่น
“จบปะ?”
ณจันทร์มองเกย์หนุ่มที่กำลังถือสมาร์ตโฟนอีกเครื่องอยู่ในมืออย่างอึ้งๆ
ไม่ได้อยากหน้าเงินหรอกนะ...แต่ค่าเช่าคอนโดเล็กๆ ในย่านกลางเมืองแบบนี้เดือนหนึ่งก็ตกแปดพันแล้ว ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวจิปาถะอีก อย่างน้อยๆ มีเงินเดือนสามหมื่นให้อุ่นใจก็ดีกว่ามานั่งลุ้นยอดดาวน์โหลดอีบุ๊กที่ไม่แน่ไม่นอน
“ถ้าไม่ติดอะไรแล้ว...งั้นก็เอานี่ไปจัดการตัวเองมาให้เรียบร้อย” ว่าแล้วเกย์หนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษพิมพ์แบรนด์เสื้อผ้าที่ซื้อติดมือมายัดใส่อ้อมแขนเพื่อน
“อะไร” ณจันทร์แหวกดูของในถุงอย่างงงๆ ก่อนจะพบว่าเป็นเสื้อคอบัวกับกระโปรงทรงสุภาพที่ไม่ใช่แนวเลยสักนิด เพราะมันดูป้ามากในสายตาของหล่อน นอกจากนี้ยังมีวิกผมยาวสลวยสีดำสนิทราวกับจะพาไปสมัครสอบข้าราชการครู
“ชุดที่แกจะต้องใส่ไปเจอย่าฉันไง”
“หา!”
“ย่าฉันชอบผู้หญิงเรียบร้อย ถ้าแกใส่กางเกงสั้นเสมอหูแบบที่ใส่อยู่นี่ไป หรือพวกชุดแหวกหน้าโชว์สะดือทั้งหลายของแก ไม่ต้องคิดไปถึงว่าคุณย่าฉันจะเชื่อว่าเราเป็นแฟนกันเลย แกโดนใบแดงให้เลิกคบกับฉันก่อนแน่ เผลอๆ ฉันจะโดนเร่งให้หมั้นกับน้องพลอย
เร็วไปอีก แล้วไหนจะผมสีชมพูของแกนี่...” ธนนท์ยื่นมือไปจับปลายผมด้านในของเพื่อนที่ทำไฮไลต์สีหวานเอาไว้ มั่นใจว่ามันจะขัดตาผู้เป็นย่ามากที่สุด “เก็บให้มิดค่ะเพื่อนก้อย คุณย่าอาจจะพอรับได้ถ้าฉันมีแฟนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่น้องพลอย แต่ฉันจะมีแฟนเป็นสก๊อยไม่ได้”
ณจันทร์หน้าง้ำ ไฮไลต์สีผมของหล่อนเป็นเทรนด์สาวญี่ปุ่นต่างหาก แต่ก็เข้าใจละว่ามันอาจไม่น่ารักในสายตาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใหญ่หัวโบราณอย่างคุณนายรัดเกล้า ที่คอยตีกรอบให้หลานชายตัวเองเดินไปในทางที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมมานานหลายปี
ขนาดเกย์ยังต้องแอ๊บแมน...ถ้าหล่อนไม่แอ๊บเป็นสุภาพสตรี ละครในชีวิตจริงฉากนี้ก็คงจบเห่ตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกอากาศแล้วละ!
ความคิดเห็น |
---|