EP.1
ห้องปกครองหนาวมาก
ผมชื่อดิวอี้
ภายนอกคุณอาจจะเห็นผมเป็นผู้ชายรสจืด หน้าตาเหมือนชิพมังก์ ผมหนาๆ ไม่ชอบจัดแต่งจนมันเป็นทรงแสกกลางธรรมชาติ ชอบสวมเสื้อยืดกับกางยีนเชยๆ ดูไม่มีพิษมีภัย แต่จริงๆ แล้วผมน่ะเป็นผู้ชายอันตรายของแท้เลย!
ล้อเล่นครับ อันตรงอันตรายที่ไหนล่ะ ไม่ได้ทำงานที่โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่จริงผมเป็นพวกเด็กเนิร์ดครับ เป็นนิสิตหมอฟันผู้มีจิตใจดี ใครๆ ก็บอกอย่างนั้น...ไม่เชื่อเรอะ งั้นเรามีตัวอย่างให้ดูกัน
“คุณยายจะไปฝั่งนู้นเหรอครับ”
“ปะ…”
“มาครับ ผมไปส่งเอง!”
ว่าแล้วผมก็พาหญิงชราที่ยืนอยู่ริมฟุตบาทข้ามฝั่งไปอีกฟากถนนอย่างปลอดภัย
“ไอ้หนุ่ม...”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมเต็มใจ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นพ่อคู้ณณณ คือ...”
ปรี๊น! ปรี๊น!
ผมกับคุณยายหันไปทางรถกระบะที่บีบแตรลั่น มันอยู่อีกฟากของถนนตรงจุดที่ผมเจอคุณยายก่อนจูงข้ามมา
“เฮ้ย! มึงจะพาแม่กูไปไหน!!!”
เอ๊า! อะไรวะเนี่ย
ผมหันไปมองคุณยาย “นั่นลูกยายเหรอ”
“เออ! ข้ามายืนรอมันซื้อของที่ตลาด”
“ทำไมคุณยายไม่บอกผมล่ะ”
“เอ็งได้ปล่อยให้ข้าพูดบ้างม้ายยย!!!”
หรือจะอีกกรณีนึง
เมี้ยว เมี้ยววว
หืม? ขาผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงครางของลูกแมว มาจากไหนวะ ข้างถังขยะนี่ก็ไม่มี หรือว่า...
เฮ้ย! ไอ้น้อง!!! มึงขึ้นไปอยู่บนเสาไฟฟ้าได้ยังไงวะ
เมี้ยว เมี้ยววว
ยัง...ยังไม่เลิกร้อง ทำไงดีวะเนี่ย กลัวมันตกลงมาตายอะ
ผมมองก้อนสีส้มที่ขดตัวกลมอยู่บนยอดเสา จิตใต้สำนึกของการเป็นผู้ชายรักสัตว์ทำงานทันที เอาละ ผมต้องช่วยมันลงมาให้ได้
ฮึบ! ผมเริ่มต้นปีน พยายามไม่หันไปมองด้านหลัง ยอมรับครับว่าค่อนข้างไม่โอเคกับความสูงเท่าไหร่
เมี้ยว เมี้ยววว
รู้แล้วครับลูก รู้แล้วววววว พี่กำลังไปช่วยหนูนี่ไง
เมี้ยววว
มามะ มาอยู่ในอ้อมกอดของพี่ซะดีๆ
แกร๊ซซซซซซ
แต่ขณะที่ผมกำลังเอื้อมมือไปหยิบมันเท่านั้นแหละ อยู่ๆ ไอ้แมวบ้าก็ขู่ผมฟ่อๆ แถมยังกระโดดหนี ปีนป่ายเสาลงไปที่พื้นด้านหลังได้อย่างรวดเร็วจนต้องขยี้ตาว่ามันเป็นลิงหรือแมวกันแน่
ไอ้บ้าเอ๊ยยย มึงลงได้เรอะ! แล้วกูจะมาช่วยทำไมวะะะะะะ สุดท้ายต้องมาค้างเติ่งคาเสาอยู่แบบเนี้ยยยย
“เพ่ชัยๆ ขึ้นปัยตะมัยบนนั้นอ่า” (พี่ชายขึ้นไปทำไมบนนั้น)
หืม? ผมก้มมองลงไปที่พื้น พบว่ามีเด็กผู้ชายคนนึงยืนเท้าเอวจ้องผมอยู่
“พอดีพี่มาช่วยแมว!”
“อ๋อ ไอ้ฉ้มอะเหยอ มันขึ้นไปบนนั้นตุ๊กวัน มันลงมาเองด้าย”
อ้าว! ใครจะไปรู้วะเนี่ยยย ทีหลังเขียนป้ายติดไว้หน่อย คนที่ไม่ใช่เจ้าถิ่นอย่างผมจะได้ไม่หลงกลมันแบบนี้!!!
แต่ตอนนี้ผมต้องลงไปจากเสาบ้านี่สักที
หูยยย สูงว่ะ
“น้องๆ ไปตามใครก็ได้มาที พี่ลงไม่ได้”
“โหย! ขึ้นได้ตะลงมะได้ อาไยของพี่เนี่ย!”
เออ เอาเลย ด่าพี่เลยครับน้อง น้องชายพี่ที่บ้านก็ด่าทุกวัน พี่ชินแล้วววววว
นั่นแหละครับ เห็นมั้ยล่ะว่าผมเป็นคนจิตใจดี
แต่...ด้วยความที่เป็นคนจิตใจดีมุ่งมั่นจะช่วยเหลือผู้คนนี่แหละ ทำให้ผมเริ่มเข้าสู่วงการอาชีพที่โคตรอันตราย
ความจืดของผมคงไปเตะตาโมเดลลิ่งเข้า ทำให้ผมได้เป็นนายแบบ ตอนนี้วงการคงกำลังฮิตคนหน้าตาแบบไก่เมาอย่างผมล่ะมั้ง ผ่านมาหมดแล้วทั้งเดินแบบและถ่ายแบบตั้งแต่ยังไม่จบมัธยม ตอนแรกไอ้เราก็คิดว่างานจะง่ายๆ เดินแกว่งไปแกว่งมา ทำหน้าไม่สนโลกบนรันเวย์แบบหล่อๆ แต่หารู้
ไม่ว่า...โมเดลลิ่งที่ผมได้เซ็นต์สัญญาเข้าแท้จริงเป็นแค่ฉากบังหน้า บริษัทแห่งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น!
นายแบบในสังกัดนอกจากต้องทำงานตามอาชีพตัวเองแล้ว เรายังต้องรับจ๊อบพิเศษด้วยนั่นก็คือ ‘รับจ้างทวงหนี้จากแฟนเก่า’ ตามที่ได้รับมอบหมายจากบอส!
ตอนแรกผมก็งงนะ ประมาณว่า ‘เฮ้ย! ได้ไงวะ ในสัญญาไม่ได้มีบอกนี่หว่า’ แต่พอผมท้วงติงทางต้นสังกัดไป เขาก็แค่ส่งข้อความมาว่าลองอ่านสัญญาดีๆ แล้วผมก็พบว่ามันอยู่ด้านหลัง แถมฟอนต์ก็ยังเล็กอย่างกับให้แอ๊นท์แมนอ่าน สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลยครับ เพราะเอาเข้าจริง รายได้แม่งดีกว่าการเป็นนายแบบมากโขเลยทีเดียว
ผมต้องการเงินเพราะผมอยากรับผิดชอบตัวเอง นั่นคือสาเหตุที่ผมทำงานเก็บเงินแทบตายทั้งๆ ที่แบมือขอเงินพ่อได้ง่ายๆ ก็ตาม ผมไม่อยากรบกวนเขา ปล่อยให้เขามีความสุขอยู่กับเมียใหม่ไปเถอะ แค่อย่าละเลยไอ้ปู๊นปู๊นก็พอ
หลักการทำงานของนักทวงหนี้ก็ง่ายๆ ครับ เราทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินจากลูกหนี้ของผู้ว่าจ้างเราโดยไม่จำกัดวิธี คุณอาจจะจับเขามามัดไว้ในห้อง ทรมานด้วยการอดอาหาร เปิดละครจำเลยรักเคล้าคลอไปด้วยเพื่อเพิ่มความกดดัน จนสุดท้ายเขาอาจจะร้องห่มร้องไห้สำนึกผิด ยอมคืนเงินมา เราก็เอาไปคืนผู้ว่าจ้าง เป็นอันปิดดีล
แต่นั่นไม่ใช่วิธีของผม!
ยอมรับครับว่าผมก็อยากทำวิธีแบบนั้นนะ เป็นหนุ่มโหดๆ โฉดๆ ร้อนแรงฮอตแอสเฮลคงทำให้ได้เงินง่ายน่าดู แต่อย่าลืมว่าแต่ละเคสมีลูกหนี้ที่ต่างกันครับ บางคนอาจจะมีแต่ไม่คืน บางคนอยากคืนแต่ไม่มีจริงๆ ผมเลยต้องสรรหาวิธีทวงหนี้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่เขียนข้อความคุกคามแปะหน้ารถ จ้างให้ยามหน้าตึกคณะหรือที่ทำงานทวงว่าอย่าลืมคืนเงินเจ้าหนี้ให้ขายหน้าเพื่อน หรือแม้กระทั่งตามเก็บรูปภาพเด็ดๆ ที่สามารถส่งให้แอดมินเพจฮูไลก์ลงประจานเพื่อแบล็กเมล์ ส่วนมากไม่มีวิธีไหนที่ถึงเนื้อถึงตัวหรอกครับ เพราะในสัญญามีกฏอยู่ว่าห้ามเปิดเผยตัวให้เป้าหมายรู้จักตัวตนของเราเด็ดขาดไง ข้อนี้แหละโคตรสำคัญเลย!
และวันนี้ก็เป็นวันดีครับ หลังจากมุ่งมั่นตามทวงหนี้เคสนี้มานาน ถึงเวลาปิดดีลสักที...
ผมนั่งกระดิกเท้ารอลูกหนี้อยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าห้องสมุด ตาก็ชื่นมื่นไปกับการได้มองเด็กต่างมหา’ลัยน่ารักๆ ที่เดินกันขวักไขว่ เฮ้อออ สดชื่นนนนนน งานดีทั้งน้านนน ทำไมไม่มาเรียนที่นี่ตั้งแต่แรกวะ คณะทันตะก็มี
“คุณคะ”
เสียงใสๆ เรียกผมให้เงยหน้าขึ้นไป พบว่ามีสาวหน้าหมวยกำลังกอดซองสีน้ำตาลด้วยอาการสั่นระริก...เฮ้ย! แผ่นดินไหวโดยที่กูไม่รู้สึกหรือเปล่าวะ เขาเป็นอะไรมั้ยอะ ผมกังวลแทนนน
“สวัสดีครับ” ผมยกยิ้ม “เอาของมาหรือเปล่า”
สาวเจ้าพยักหน้า โห! ผมหน้าม้ายาวปรกลูกตาเห็นแล้วรำคาญแทน จับไปส่งพี่ก้อง ไฮฟ์ซาลอนช่วยดีมั้ยวะ
“นี่ค่ะ” เธอยื่นซองในมือมาให้ “ขอแลกกับหลักฐานด้วย”
แหม่ กังวลจัง ผมไม่เบี้ยวหรอกน่า
ผมยื่นแฟ้มสีฟ้าของตัวเองแลกเปลี่ยนไป “นี่ครับ”
“…”
“ในนี้มีหลักฐานต่างๆ ที่คุณเคยกระทำผิดทั้งหมด” ผมว่า “ขับรถผ่าไฟแดงสิบสองครั้ง อ้วกในที่สาธารณะยี่สิบครั้ง ไปเดทกับคนที่มีแฟนอยู่แล้วสิบห้าครั้ง ตกปลาในเขตอภัยทานกับกิ๊กที่เป็นนักซิ่งห้าครั้ง หยิบเหรียญของคนอื่นที่ตู้ซื้อบัตรบีทีเอสสิบครั้ง”
เธอถึงกับอึ้ง “ถ่ายเองทั้งหมดเลยเหรอคะ”
“ครับ”
“ว่างดีนะคะ” “ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้า แหม่ ชื่นใจจังโดนชม “ทีนี้ผมขอตรวจของในซองนี้ก่อนนะ” ผมหยิบเงินในซองออกมานับ อ่า...ห้าพันบาทครบถ้วน ถือว่าไม่โกงกัน
“เรียบร้อยครับ”
“คุณไม่ได้ก๊อบปี้ไว้แน่นะ” เธอชูแฟ้มสีน้ำตาลที่ผมแลกไป สีหน้าดูกังวลสุดๆ
“ไม่แน่นอนครับ ผมไม่คิดทำร้ายใครหรอก”
“ค่ะ”
ผมหยิบสมุดโน้ตเล่มๆ เล็กในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากาง จัดการขีดรายชื่อเคสล่าสุดซึ่งเพิ่งปิดดีลไปสดๆ ร้อนๆ ตะกี้นี้
ผมเหลือบมองคนตรงหน้า อ้าว! ยังยืนอยู่เรอะ “มีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“ไอ้เกรียงมันจ้างนายมาใช่มั้ย” “...”
“ไอ้สัส!!!”
อ้าว! ด่าผมทำไมอะ
“ฝากบอกมันด้วยนะคะ” แล้วเธอก็เดินไป
ปัดโธ่! ก็นึกว่าด่าใคร ที่แท้ฝากด่าแฟนเก่าคนที่เป็นผู้ว่าจ้างผมนี่เอง
ผมส่ายหัวด้วยความประสาทแดก เอาเถอะ ถือว่าได้เงินแล้ว จะตีกันก็เรื่องของพวกเขาผมไม่เกี่ยวแล้วละครับ
ผมรีบต่อสายหาผู้จัดการทันที
[ว่าไงจ๊ะดิว] เสียงเจื้อยแจ้วดังทักทายมาจากปลายสายแทบจะในทันที
“พี่หนูอิมครับ” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ปิดเคสคุณเกรียงเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวยังไงผมจะเอาเงินเข้าไปให้ในออฟฟิศนะครับ”
[ว้ายยย เริดมากกก] ผู้จัดการผมดีใจออกนอกหน้าเชียว [แล้วงี้พร้อมรับงานต่อไปหรือยังเอ่ย]
“ได้เลยครับ” แหม่ พร้อมสิ ปิดเทอมแบบนี้แหละช่วงเวลาหาเงิน จะปล่อยผ่านได้ไง “เคสต่อไปเคสใครนะ”
[ตามแฟ้มที่เคยให้คนไปส่งคราวก่อนเลยจ้ะ...] พี่หนูอิมว่า [งานจ้างจากคนชื่อคุณกำพล เป้าหมายคือน้อง...]
“ปีใหม่”
[แหม พอเห็นว่าเป็นเงินแสนเนี่ยจำได้แม่นเลยนะ]
เปล่าครับน้องเขาน่ารักติดตาต่างหาก อิ____อิ
[เคสนี้บอสฝากถามด้วยจ้ะว่าจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่]
“ทันทีเลยครับ” ผมว่า “น้องเขาเรียนที่เดียวกับน้องชายผม คิดไว้แล้วว่าจะแวะไปดูลาดเลาที่โรงเรียนสักหน่อย”
[โอเคจ้ะ เออ! เกือบลืมแน่ะ! จดไว้ด้วยนะว่าสุดสัปดาห์มีงานถ่ายภาพให้กับมหา’ลัย งานนี้จ้างในฐานะนายแบบ ได้ค่าตอบแทนจ้ะ]
“อ่า…” จดยิกเลยครับ อะไรที่ได้เงินเนี่ยไม่มีทางลืมหรอก รวยเละโว้ยยย ทั้งทวงหนี้ทั้งเดินแบบ ตากูเป็นสีเดียวกับแบงก์พันแล้ววว “เรียบร้อยครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับพี่หนูอิม”
ผมกดวางสาย ในขณะที่ใจก็กำลังพองโต
จะว่าไปแล้ว...นอกจากจะได้เงินแสน ผมยังจะได้ตามติดชีวิตน้องมัธยมน่ารักๆ อีกตะหาก เคสนี้ลูกหนี้เด็กสุดตั้งแต่รับงานมาเลยมั้งเนี่ย อดตื่นเต้นที่จะได้เจอกับความสดใสของเด็กวัยกางเกงน้ำเงินไม่ไหวแล้ววว
เคสนี้น่าจะสนุกว่ะ!
ปัก!
ไอ้ทิมกระแทกลังสีน้ำตาลลงกับพื้น “กล่องสุดท้ายแล้วโว้ย”
“ทีนี้ก็ซื้อเบียร์ ฉลองห้องใหม่กันหน่อยยย” หน้าตาไอ้เอิร์ลโคตรเริงร่า
พวกเราสามคน ผม ไอ้เอิร์ล และไอ้ทิม ตัดสินใจย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันครับ โชคดีที่มีโปรโมชั่นสำหรับห้องชุดสามห้องนอนอยู่พอดี เซ็นสัญญาอยู่หนึ่งปีลดทันทียี่สิบเปอร์เซ็นต์ ข้อเสนอดีแบบนี้ถ้าชักช้าคงโง่เต็มทนใช่มั้ยล่ะ
“ไม่ได้โว้ย! กูต้องไปรับน้องรัก” ผมบอกพวกมัน
ไอ้เอิร์ลตาลุกวาว เด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาที่เพิ่งจัดมุมเสร็จไม่นาน
“กูไปด้วยดิ!”
“ไม่ได้! ช่วงเวลาแห่งครอบครัวมึงเสือกอะไรฮะ”
“โธ่! มึงแม่งชอบกันท่าว่ะ”
ผมไม่ได้สนใจไอ้เอิร์ลต่อ เพราะตาดันไปเห็นไอ้ทิมหยิบแผ่นไม้มันเลื่อมขึ้นมาจากกล่องที่มันเพิ่งวางลงตะกี้
“อะไรวะ”
“ป้ายแขวนหน้าห้อง” มันตอบผม
โอ้โห! แม่งลงทุนอะไรขนาดน้านนน
ผมแย่งป้ายในมือมันมาดู ข้อความกระแทกป้าบเข้าตา
สามแยกปากอุ๋ง
“มึงเอางี้เลยเหรอ” ผมถามมันด้วยความไม่แน่ใจ คนห่าอะไรวะจะแขวนชื่อแก๊งไว้หน้าห้อง ไม่ดูเนิร์ดไปหน่อยรึ
“เออดิวะ หรือมึงลืมความศักดิ์สิทธิ์ของแก๊งเราไปแล้ว?”
“ถ้ามีแขกมาห้องแล้วเห็นเข้า มึงจะไม่อายใช่มั้ย”
“พวกเขาจะได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเราไง”
อืม...เข้าใจรึยังว่าทำไมสาวๆ ถึงกลัวพวกมึง ก็เล่นโอตะกันซะขนาดเนี้ย ถ้าเขาวิ่งหนีก็อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน
“กูไปก่อนนะ” ผมโบกมือให้พวกมันทั้งสองตัว จัดการคว้ากระเป๋ากล้องขึ้นมาสะพาย เอาละ นอกจากที่จะต้องไปรับน้องชายที่น่ารักแล้ว อย่าลืมว่าเรามีงานที่ต้องทำ!
โรงเรียนXX
ผมไม่เคยเยือนโรงเรียนน้องชายมาก่อน แถมยังจบมัธยมมาเป็นปีแล้ว บรรยากาศที่คึกคักแบบนี้เลยทำให้ผมไม่ชินอย่างแรง สาวๆ บางคนเห็นผมแล้วกะพริบตาปริบๆ พวกน้องผู้ชายขาโจ๋ก็จ้องหน้าอย่างกับต้องการหาเรื่อง นี่มันโรงเรียนหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งวะ อะไรจะพร้อมจู่โจมกันขนาดนี้ ขอทางให้พี่เดินหน่อยคร้าบ
ดูเหมือนชั้นม.4 ของน้องชายตัวดีจะยังสอบไม่เสร็จ ผมเลยมีเวลาทบทวนแผนและหยิบรูปเป้าหมายในซองขึ้นมาดูอีกครั้ง อืม...หน้าตาแบบนี้ท่าจะหาไม่ยาก ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนนะน้องปีใหม่ ออกมาให้พี่เจอซะดีๆ
เคสนี้ผมจึงตั้งใจเป็นพิเศษครับ เพราะหนี้ที่น้องปีใหม่ติดผู้ว่าจ้างเป็นเงินถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท เงินแสนเชียวนะคร้าบบบ! ตาผมนี่เด้งดึ๋งๆ เป็นแบบนี้เลยทีเดียว $_$
และตามข้อตกลงของสัญญา ทุกๆ จ๊อบผมจะต้องได้เงินค่าตอบแทนเป็นอีกหนึ่งเท่าของหนี้ที่ติดไว้ ถึงจะต้องหักแบ่งโมเดลลิ่งไปบ้าง แต่สุดท้ายยังไงแม่งก็ยังเยอะอยู่ดี ถ้าทำงานนี้สำเร็จ บอกเลยว่ารวย! รวย!!! ร้วยยยยยย!!!
แต่ตอนนี้ผมต้องหาที่ปลอดภัยหลบก่อนนะฮะ น้องม.6 ที่กำลังเขียนเสื้อเซ็นเฟรนด์ชิพมองผมกันยังกะจะจับแดกลงท้องเลยอะ สงสัยเป็นเพราะเสื้อแขนยาวสีแดงแปร๋นที่ผมใส่อยู่แน่ๆ สะดุดตาจริงๆ พับผ่าเอ๊ยยย
เฮ้ย!? เจอห้องน้ำพอดี เข้าไปหลบก่อนแล้วกัน
ดูเหมือนในนี้จะปลอดผู้คนแฮะ เด็กมัธยมไม่ขี้ไม่เยี่ยวเรอะ ในนี้เงียบเป็นป่าช้าเชียว
“สวัสดีครับป๋า”
ผมสะดุดกึกตอนที่ได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย เชี่ยยยยยย สรุปว่ามีคนเหรอวะ
ผมค่อยๆ หมุนตัวไปทางต้นตอของเสียง พบว่ามันมาจากโซนโถสุขภัณฑ์ของผู้ชาย ผมเผยอปากเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กมัธยมยืนหันหลังให้อยู่ ดูเหมือนกับว่าน้องเขากำลัง...
จ๊อกกกกกก จ๊อก จ๊อกกก...
ครับ เสียงดังฟังชัดแบบนี้ ยิงเสือดำอยู่นี่หว่า มาเป็นคลื่นขนาดนี้ กินน้ำไปเยอะละสิท่าไอ้หนู!!!
แม่งเอ๊ย! นี่กูพาตัวเองมาอยู่ในโลกไหนวะเนี่ยยย อายจังงง
ผมตั้งใจจะกลับหลังหันเพราะคิดว่ายืนมองแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ถึงอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวก็เหอะ! แต่จังหวะที่กำลังจะหมุนตัวนั่นเอง สายตาเจ้ากรรมของผมก็ไปสะดุดอยู่ที่ความขาวเปล่งประกายเข้า
ขา
โอ้โห! กูจะบ้า อะไรจะเนียนกริบเป็นกระดาษดับเบิ้ลเอแบบนั้นวะ!!!
เอาไงดี เอาไงดี ผมควรแฮกต่อไปหรือควรหันหลังกลับ น้องครับ ขาน้องที่โผล่ออกมาจากกางเกงสั้นๆ กำลังทำพี่แย่แล้ว ไม่ดีแน่ โคตรไม่ดีเลย!!!
“ท่านประธานให้โทร.มาพูดเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ” คนที่หันหลังอยู่หนีบโทรศัพท์ไว้ข้างหู คงเป็นเพราะมือไม่ว่างจับของสำคัญอยู่ “ไม่เบื่อหรือไง บอกหลายรอบแล้วนะว่าถ้าพร้อมจะกลับ”
น้ำเสียงเย็นชามาก น่าค้นหาสุดๆ แฮก แฮก แฮก
“งั้นฝากบอกเขาด้วย ถ้าแน่จริงก็ตามหาผมให้เจอแล้วกัน”
ผมหูผึ่ง...ปีใหม่งั้นเหรอ
จะใช่น้องปีใหม่เป้าหมายของผมหรือเปล่าวะ เวรเอ๊ย! จะชะโงกเข้าไปดูก็ไม่ได้ กลัวจะเผลอไปเห็นอวัยวะอย่างอื่นก่อนหน้าเข้า ทางที่ดีคงต้องยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนี้ต่อไป
แล้วนี่น้องกินน้ำไปกี่ลูกบาศก์ลิตรวะ ยืนนานจังงงงงง
“ชิท!” ผมถึงกับหลุดปากตอนที่เห็นน้องล้วงกระเป๋ากางเกง ก็แม่งดันทำให้เนื้อผ้าตึงเปรี๊ยะเห็นความกลมกลึงของบั้นท้ายเข้าจังๆ แม่เจ้าโว้ยยย น้ำลายกูไหลไม่แพ้ฉี่น้องแล้วเนี่ยยยยยย
ของที่ติดมือน้องออกมาจากกระเป๋าคือจูปาจุ๊บรสสตรอว์เบอร์รี่ น้องแกะมันอย่างทุลักทุเล เห็นแล้วอยากจะเข้าไปยืนกระซิบด้านหลังว่า ‘ช่วยแกะให้มั้ยครับ’ ฉี่ให้เสร็จก่อนสิน้อง! ทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันมันได้ที่ไหนวะ
“ขี้เกียจพูดเรื่องนี้แล้วครับ” เฮ้ย! น้องรูดซิปแล้ว!
จังหวะนั้นเองที่น้องเขาหันหน้ามา ผมจึงรู้ว่า...ใช่น้องปีใหม่เป้าหมายของผมจริงด้วยโว้ย!!!
แม่งงง ตัวจริงดีกว่าในรูปล้าน ล้าน ล้านนนเท่า นอกจากผิวที่ขาว ความแน่นของเสื้อทำให้ผมรู้ว่าน้องเขาผอมขนาดไหน เอวนี่คอดกิ่ว ไหปลาร้าชัดซะจนอยากถามว่าเคยกินอาหารที่ทำมาจากแป้งบ้างหรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงหน้าตา อย่างที่เคยบอกว่าในรูปหน้าน้องเหมือนคนง่วงพร้อมจะหลับตลอดเวลา แต่พอเห็นเต็มสองตาแบบนี้...เอาตรงๆ นะแม่งไม่ได้น่าเกลียดเลย! มันคือเสน่ห์เฉพาะตัวของน้องเขา อย่างกับโคอาล่าตัวน้อยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ยังไงยังงั้น ปากนิด จมูกหน่อย ใต้แก้มใสๆ มีระเรื่อสีแดงๆ ส้มๆ ซึ่งน่าจะเกิดจากแสงแดดและอากาศที่ค่อนข้างอบอ้าว
โอย...ไม่ใช่แค่อากาศนะที่อบอ้าว! ผมเนี่ยร้อนรุ่มจนอยากจะถอดเสื้อ
“ถ้างั้นก็...” เสียงน้องขาดช่วงไป เลยทำให้ผมได้สติ วะ...เวรละ! น้องแม่งเห็นผมจนได้ ลืมไปเลยว่าที่อ่างล้างมือมีกระจก! เส็งเคร็ง!!! “สักครู่นะ”
ทำไงดีครับ น้องหันมาเผชิญหน้ากับผมแล้ว จะโดดลงชักโครกก็คงไม่ทันนน
ใจผมเต้นระส่ำตอนที่น้องปีใหม่เปลี่ยนใบหน้าบึ้งตึงของตัวเองให้เป็นรอยยิ้มเจือความขบขัน คิ้วที่เคยชนกันตอนนี้ข้างหนึ่งถูกเลิกขึ้นประมาณว่ากำลังสงสัย ดวงตาดำสนิทคู่นั้นจ้องผม เล่นเอาผมแข็งเป็นหิน เอื้อออออออออ ช่วยด้วย ผมโดนโจมตี
“แค่นี้ก่อนนะ เมื่อยมือ” น้องตรงหน้ากดวางสาย แถมมีการเดินเข้ามาใกล้ผมซะด้วย “พี่คือใครครับ?”
เชี่ย!!! เห็นกูจริงๆ สินะ โอ๊ยยย แผนพังไม่เป็นท่าแล้ววว เอาไงดีวะกู
หืม? ว่าแต่ กะ...กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ออกมาจากปากน้อง!!! โอยยย สดชื่น!!! อมแต่จูปาจุ๊บรสนี้ตลอดชีวิตเลยได้มั้ยคร้าบบบบบบ
เฮ้ย! โฟกัสที่คำถามของน้องสิวะ!!!
“เอ่อ...” ฉิบหายละ แก้ตัวยังไงดี “พี่มารับน้องชายอะครับ แต่ยังไม่เลิกก็เลย...แวะมาเข้าห้องน้ำหน่อย แฮ่ๆ”
ฟังดูโรคจิตปะวะ เนียนมั้ย มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า!!!
“อ๋อ” น้องปีใหม่พยักหน้า โอยยย ยิ่งใกล้ยิ่งได้กลิ่นจูปาจุ๊บ “น้องพี่ชื่ออะไรครับ”
“เอ่อ ปู๊นปู๊นครับ”
ขออ้างชื่อมึงหน่อยนะไอ้เด็กเปรต
น้องปีใหม่เลิกคิ้วอีกรอบ “หา!? น้องปู๊นปู๊นม.4 หรือเปล่าครับ ไม่ยักรู้ว่าน้องเขามีพี่ชายด้วยแฮะ หน้าตาดีเหมือนกันเลย”
อั้ก!!!
จะล้ม ดีนะข้างหลังมีกำแพงเลยพยุงตัวไว้ได้ทัน ถึงจะเจ็บหน่อยแต่ผมโอเคคค
“ทำไมไม่ไปรอที่ห้องรับรองผู้ปกครองล่ะครับ?”
ฮึ!? มีห้องแบบนั้นด้วยเหรอวะ
“ยะ...อยู่ตรงไหนล่ะครับ” โอยยย พูดติดๆ ขัดๆ เป็นรถแถวอโศกเลยกู
อยู่ๆ น้องเขาก็ยิ้ม เฮ้ย! ขยี้ตาแป๊บ...ยิ้มจริงด้วย!!! โอยยย สวรรค์รำไร แฮก แฮก
“ตามผมมาสิครับ”
“จะ...จะดีเหรอ คระ...ครับ”
“ดีสิฮะะะะะะ” น้องปีใหม่เอียงคอ อย่าลากคำว่า ‘ฮะ’ ยาวนักดิวะ เดี๋ยวอย่างอื่นยาวตามมม “เดี๋ยวผมพาไปเอง”
“งั้นนำไปเลยคร้าบ”
แฮก แฮก แฮก
จมูกผมอิ่มเอมไปด้วยกลิ่นแห่งความโมเอะตอนที่น้องเขาเดินผ่าน ชีวิตนี้กูคุ้มค่าแล้ว อีกสักสองปีเตรียมลาออกจากมหา’ลัยรอความตายตอนชราได้เลย
“ตามมานะครับ”
แน่ะ! มีการหันมายิ้มเชิญชวน “คร้าบบบบบบ”
ก็ตามอยู่นี่ไงน้องงง ต้อยๆ เลยเนี่ย แฮก แฮก แฮก
“อ่า…” ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเริ่มไม่ชอบมาพากล ทำไมห้องรับรองผู้ปกครองอะไรนี่ถึงติดฟิล์มดำซะมืดตึ๊ดตื๋อขนาดนี้
“เข้าไปพร้อมกับผมนะ” น้องปีใหม่ยิ้มอีกครั้งตอนจับประตูเลื่อน
ช่างแม่ง! ถึงจะงงๆ แต่ผมก็พร้อมจะตามน้องไป ตอนนี้ผมหลุดแล้ว ผมกำลังติดบ่วง แม้จะโดนสั่งให้กระโดดคลองจนโดนปลาสวายรุมตอด ผมก็จะทำ!!!
“ถึงแล้วคร้าบ!”
จ๊ะเอ๋!!!
สัส!!!
นี่มันใช่ห้องรับรองผู้ปกครองที่ไหนกันเล่า!!! มีแต่ชายในชุดกากีหน้าดุหนวดเฟิ้มอย่างกับนายทองเหม็นทำหน้าโคตรเบื่ออยู่หลังโต๊ะแถมมีไม้เรียวอันเบ้อเร่อ
ผมถอยออกมานอกห้องแล้วเงยหน้ามองด้านบน
‘ห้องปกครอง’
ฉิบหายละ มัวแต่หลงน้องจนลืมดู กรรมของกูแท้ๆ
“มีอะไรเรอะจักรวาล” เสียงดุๆ ออกจากปากใต้หนวดเฟิ้มนั้น
“อาจารย์ช่วยด้วยครับ!”
หมับ!
เฮ้ย! น้องจับแขนผม!
น้องจับแขนผม!!!
น้องจับแขนโผมมมมมม อ๋อยยย ตัวอ่อนย้วยเลยจ้าาา~
“ผมเจอคนนี้ในห้องน้ำชาย ทำลับๆ ล่อๆ เหมือนเป็นโรคจิตครับ”
เดี๋ยว!!!!!!
“เฮ้ย! ผมไม่ใช่โรคจิตนะครับ!!!” ผมพยายามดีเฟ็นส์ตัวเองเต็มที่ “ผมแค่เข้าไป...”
“อย่ามาปฏิเสธนะพี่”
“จริงๆ ครับน้อง!”
“แล้วเมื่อกี้พี่ทำอะไร!”
ชิท! กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่
แม่งเอ๊ย! ผมโดนล้างสมองไปแล้วคร้าบบบ “พะ...พี่ - มอง - น้อง”
“…”
“น้องน่ารัก น่า...แฮก”
“เห็นมั้ยครับ’จารย์!!!” น้องทำหน้าหยี สะบัดมือผมออกแบบขยะแขยง
โธ่น้อง จับต่ออีกหน่อยเดะ
“ผมต้องขอกักตัวคุณมาสอบสวนหน่อย เชิญเข้ามาในนี้ด้วยครับ”
“ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะครับ!!!”
“หรือจะให้ผมแจ้งตำรวจ!!!”
“เข้าก็ได้จ้าาาาาา”
แม่งเอ๊ยยย! เวรแท้ๆ ผมไม่มีทางเลือกแล้วครับ ทางเดียวที่ทำได้คือถอดรองเท้าไว้หน้าห้องและเดินเข้าไปเจอแอร์เย็นๆ ชวนขนลุกในห้องนั้นอย่างจำใจ ดีกว่าติดคุกละวะ!!!
ผมหน้าเสีย อะไรกันวะ เรียนมหา’ลัยกูยังต้องเข้าห้องปกครองอีกเหรอเนี่ย
ผมมองน้องปีใหม่ที่ยังยืนจ้องอยู่ด้วยสายตาละห้อย หึ! จะโกรธก็โกรธนะ แต่เห็นใบหน้าน่าเอ็นดูแบบนั้นแล้ว เลยตัดสินใจยกมือขึ้นมาโบกดีกว่า
บ๊ายบาย
“เอ๊อะ!!!” น้องปีใหม่ผงะ อ้าปากค้างเหมือนเห็นผีก่อนจะวิ่งหนีไป
ฮึ่่ยยย เป็นอะไรของกูวะเนี่ยยยยยย เจอคนน่ารักเลเวลร้อยแล้วแม่งหลุดทุกที โว้ยยย เนิร์ดจนหาเรื่องใส่ตัว เส็งเคร็งสัส!!!
[นายคงไว้ ซึ่งสิ่งดีช่วยมายืนยันตัวผู้หาที่อ้างว่าเป็นพี่ชายคุณที่ห้องปกครองด้วยครับ]
หลังจากอาจารย์สุดโหดประกาศออกไมค์ ประตูของห้องปกครองก็เลื่อนเปิดออกพร้อมกับมีใบหน้าตื่นๆ พุ่งเข้ามาอย่างลนลาน
“ไอ้พี่บื้อ มึงมาทำอะไรในนี้ หา!?”
เอาเลยไอ้ปู๊น มึงจะด่ากูแรงๆ แบบเมก้าคิลก็ได้ แต่เอากูออกไปจากตรงนี้ที!!!
“ช่วยกูด้วย” ผมกระซิบผ่านลอดไรฟัน มือที่กุมกันสั่นตลอดเวลาขณะนั่งอยู่บนโซฟาสุดสยอง ทำไมห้องปกครองทุกโรงเรียนบรรยากาศถึงน่ากลัวแบบนี้วะเนี่ย ลองสร้างอะไรที่เป็นสีชมพูฟรุ้งฟริ้งดูบ้างดิ๊ ผมว่าเวิร์ก!
“นายคงไว้ นี่คือพี่ชายคุณหรือเปล่า” อาจารย์หน้าโหดชี้มาทางผม
“ครับ นี่พี่ชายผมเอง”
“ผมไม่เชื่อ” อ้าว’จารรรรรรย์ย์ย์ “ไหนยืนยันซิ ชื่อจริงของพี่ชายคุณคืออะไร”
“คัดไว้ ซึ่งสิ่งดีครับ”
มันต้องอย่างนี้น้องรัก อยากจะหอมเหม่งแม่งสักฟอด
“เกิดวันที่เท่าไหร่”
“เอ่อ...” มันหันมาทางผม “มึงเกิดเดือน’ไรนะ สิงหาปะ?”
นี่ล้อกันเล่นใช่มั้ย ไอ้เส็งเคร็ง!
“มึงจำวันเกิดกูไม่ได้เหรอ...”
“จำได้แต่วันที่ แต่กูลืมเดือน!!!” ไอ้ปู๊นเหงื่อแตก แต่ก็ยอมตอบครูมันอยู่ดี “น่าจะสิบสิงหาครับ”
“ถูกต้อง!”
อาจารย์นี่ก็ทำอย่างกับเล่นเกมเศรษฐีเลยนะฮะ โว้ย!!!
แม้จะตลกแดกกันมาพักใหญ่ แต่สุดท้ายอาจารย์ก็คืนบัตรประชาชนของผมมาอยู่ดี แล้วก็คุยกับน้องชายผมต่อ
“เธอรู้มั้ยว่าพี่ชายของเธอก่อเรื่องอะไร”
“ไม่รู้ครับ”
“พี่เธอเป็นถ้ำมองในห้องน้ำ!”
“หา!?” ไอ้ปู๊นทำท่าจะร้องไห้ “ไอ้พี่บ้า ทำไมมึงทำแบบนี้วะ กูอายเขา!!!”
“กูไม่ได้ทำโว้ยยย” ผมรีบโบกมือ “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“แล้วมึงไปแอบดูใคร!”
“นายจักรวาลน่ะสิ พี่ม.6 ของเธอน่ะ” อาจารย์ฝ่ายปกครองใจดีตอบแทน
แต่นั่นคือปัญหาครับ พอมันได้ยินว่าเป็นใครถึงกับอึ้ง
“กูว่าแล้ววว”
“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดน่า!” พอกันสักที ผมต้องออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว “ผมจะไปได้รึยังครับ”
“ต้องดูก่อนว่าคู่กรณีของคุณจะเอาเรื่องหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพาพี่ชายไปขอโทษพี่ปีใหม่เอง!” ไอ้ปู๊นฉุดแขนเสื้อผม “เร็วๆ ก่อนที่เรื่องมันจะแดงไปทั้งโรงเรียน”
หน้าบางจังนะน้องผมเนี่ย อนาคตมึงจะลงสมัครส.ส.หรือไง
“ลาละครับ’จารย์” ผมยกมือไหว้ รีบใช้จังหวะชุลมุนจ้ำอ้าวออกจากห้องปกครอง
“มึงนี่น้าาาาาา” ยับครับยับ! พอออกมาเจออากาศร้อนๆ ปุ๊บ น้องชายของผมก็สวดปั๊บ “ไปทำอะไรให้พี่ปีใหม่คิดว่ามึงไปแอบมองเขา ฮะ!?”
“อ้าว! มึงไม่ได้คิดว่ากูทำจริงเหรอ”
“กูรู้จักมึงดี คนใจฝ่อแบบมึงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก”
เอ?...นี่มึงแอบหลอกด่ากูหรือเปล่าเอ่ย
“เฮ้ย!” อยู่ๆ น้องผมก็ร้องลั่น “นั่นพี่ปีใหม่ ไปๆๆ เข้าไปขอโทษเขา!”
ขวับ!
ผมรีบหันไปทางที่น้องผมชี้ เด็กคนนั้นนั่งอยู่บนโต๊ะ เป็นศูนย์กลางจักรวาลสมชื่อ เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าหินซึ่งต่ำกว่าไม่ต่างอะไรจากบริวารของดาวเคราะห์น้อยเลย
อยากจะแฮก แต่ไม่เอาแล้วครับ เฮอะ! พอแล้วกับคนใจร้าย
ผมรีบสะบัดมือไอ้ปู๊นออก “ไม่ไป!”
“ไปปปปปป” อย่าดึงแขนเสื้อกูเซ่! ยืดหมดแล้วห่า! “ขอโทษซะจะได้จบๆ”
“กูไม่ได้ทำนะ น้องเขาเข้าใจผิดไปเอง”
“แต่ยังไงก็ต้องขอโทษ!” มันผลักหลังผม “ไปปปปปป”
“ไม่!!!!!!”
“พี่ปีใหม่ครับ!”
เอ๊าาาาาา กูก็บอกอยู่ว่าไม่ไปๆ จะไปเรียกชื่อเขาหาพระแสงของ้าวอะไรฟะะะ
พอโดนน้องผมเรียก เจ้าของชื่อก็หันขวับมา สำหรับคนอื่นคงปกติ แต่กับผม มันเหมือนกับภาพช้า ที่ใบหน้าสวยๆ นั้นค่อยๆ หมุนมาอย่างสโลว์โมชั่น ผมเผิมนี่ค่อยๆ กระดิก กลิ่นความสดใสของวัย
มัธยมพร้อมกับกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่เตะเข้าจมูก แฮก แฮก แฮก นี่น้องเขายังอมจูปาจุ๊บไม่หมดอีกเหรอวะ!
“ว่าไงปู๊นปู๊น” ดูจากสายตาเอ็นดูของน้องปีใหม่ มันทำให้ผมรู้ทันทีครับว่าน้องชายตัวเองต้องโกหกเรื่องที่เคยจีบเขาแน่ๆ หวายยย ไอ้อ่อน แววตาเอ็นดูเหมือนเป็นน้องชายแบบนี้ เขาไม่ได้คิดอะไรกับมึงทั้งนั้นแหละ หวายๆๆ
แต่ยังไม่ทันไร พอฝ่ายน้องที่สร้างเรื่องเห็นผมเท่านั้นแหละถึงกับขมวดคิ้ว
โห่ สดใสเหมือนตอนที่ยิ้มให้น้องพี่เมื่อกี้สิ
“ปู๊นรู้จักคนนี้เหรอ”
“รู้จักครับ พี่ชายผมเอง!”
“อ้าว! พี่ชายจริงเหรอ...”
ก็บอกแล้วไงน้องงงงงง
พอไอ้ปู๊นเห็นว่ารุ่นพี่ของมันทำหน้าเกร็งๆ น้องผมก็รีบโบกมือให้ยุ่ง “เฮ้ยพี่ แต่มันไม่ได้มีเจตนาแอบดูพี่ในห้องน้ำนะ มันมารอรับผม! พี่เชื่อผมเถอะ พี่ชายผมมันออกจะเพี้ยนๆ แต่ไม่ทำงั้นแน่นอน!!!”
เยี่ยม ไหนมึงบอกไม่อยากให้เรื่องแดงถึงคนอื่นๆ ไง พูดโพล่งออกมามึงเห็นมั้ยน่ะว่าตรงนี้มีเพื่อนๆ เขานั่งหน้าสลอนกันอยู่
“เอ่อ...”
“ขอโทษเขาสิ”
ไอ้นี่ก็อยากให้ผมสำนึกผิดจัง!
“ขอโทษนะน้อง พอดีพี่แค่หลบความวุ่นวายในห้องน้ำ ไม่คิดว่าน้องจะมองพี่เป็นพวก...”
ไม่ทันได้พูดคำว่า ‘โรคจิต’ สายตาเจ้ากรรมก็เริ่มซุกซนอีกครั้ง...ตายโหง ทำไมน้องปีใหม่ปลดกระดุมเสื้อตั้งสามเม็ดขนาดนั้นวะน่ะ!!!
ตอนแรกตั้งใจจะแฮกกับสีชมพูสองจุดที่โผล่ออกมาจากในเสื้อแบบวับๆ แวมๆ แต่ทว่าลมที่พัดแรงทำให้ผมมองเห็นอะไรที่อยู่ลึกมากกว่านั้น และมันช่างเตะตาสุดๆ
รอยช้ำ!?
ผมขมวดคิ้วกับบริเวณที่เป็นสีชมพูเข้มๆ ค่อนข้างออกไปทางม่วงใต้ราวอก จากการที่เคยมีเรื่องชกต่อยมาบ้างทำให้รู้ว่าน่าจะเป็นรอยที่เกิดจากกำปั้น คงโดนชกเข้าอย่างจังจนห้อเลือด
เฮ้ย! ไปทำมาอะไรวะน้อง เจ็บมั้ยน่ะ
“เห?” น้องปีใหม่คงงงว่าทำไมผมถึงเงียบไปดื้อๆ สุดท้ายก็รู้ตัวว่ากำลังโดนถ้ำมองอยู่ “อ้าวพี่!”
ป้าบ!
“ยังจะไปลวนลามเขาทางสายตาอีกไอ้พี่บ้า! อุตส่าห์พามาแก้ตัว!”
ถึงจะโดนตบหลังแอ่น ก็ไม่ได้ทำให้ผมละสายตาจากแผลตรงหน้าอกนั้นได้เลย นึกเจ็บใจใครก็ตามที่ทำให้น้องต้องมีริ้วรอยแบบนี้ ดูดิเนี่ย ของสวยๆ งามๆ มีตำหนิหมดแล้ว
น้องปีใหม่กระแอมไอก่อนจะติดกระดุมถึงเม็ดแรก มีการกอดอกทำหน้าหงุดหงิดซะด้วย นั่นแหละถึงทำให้สติสตังผมกลับมา
“ถ้างั้น...” น้องที่นั่งอยู่ว่า แต่สายตายังคงตำหนิติเตียนผมไม่เลิก “ถ้าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
โอยน้อง ฟังน้องพูดครับกี่ทีก็ใจเต้นรัว
“ผมขอโทษอีกคนด้วยนะพี่” ไอ้ปู๊นยกมือไหว้ “ขอโทษคร้าบบบ”
“ไม่เป็นไรๆ บอกแล้วว่าพี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ” น้องปีใหม่เหล่มองมาทางผม ชั่งใจอยู่สักพักก็ยกมือขึ้นมาพนม “ขอโทษอีกครั้งนะครับพี่”
อ่าาาาาา มากราบงามๆ ที่อกพี่ได้เลยครับน้อง
“ไม่เป็นไรครับ” แฮกอยู่ในใจเท่านั้นแหละครับ แค่นี้ชีวิตผมก็พังไม่เป็นท่าแล้ว จะไม่ยอมให้น้องมองว่าเป็นไอ้โรคจิตเด็ดขาด สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ยิ้มรับรู้ไป
แต่ใจยังกังวลเรื่องแผลของน้องเขาอยู่เลยว่ะ...
“ทีนี้มึงรีบออกไปจากโรงเรียนกูได้แล้ว” ไอ้เด็กเปรตดันหลังผมให้เดินไปทางประตูรั้ว “กูอยากกินเรดซัน!!!”
โหยยย เดี๋ยวดิ ขอเป็นห่วงน้องปีใหม่อีกสักพักไม่ได้หรือไง
“แป๊บนะ” ผมบอกไอ้ปู๊น พอแม่งเห็นว่าผมวกกลับไปที่โต๊ะม้าหินนั่นอีกครั้งถึงกับอ้าปากค้างแต่ไม่ได้เดินตามมา ถือว่าเป็นเรื่องดี
เพราะผมมีอะไรจะพูดกับน้องปีใหม่สักหน่อย
“น้องครับ”
“หืม?” คนที่โดนผมเรียกหันมามอง โอ้ววว มันเป็นภาพช้าอีกแล้ว! “เอ่อ...มีอะไรอีกเหรอครับ”
ผมสูดหายใจรวบรวมความกล้า เปิดกระเป๋าควานหาของต้องการขึ้นมาในมือ
“นี่ครับ”
น้องปีใหม่ขมวดคิ้วใส่ยาแก้ฟกช้ำที่อยู่ในมือผม “ให้ผม?”
“ครับ” ผมพยักหน้า “พี่พกไว้ติดตัวตลอดเพราะพี่เล่นบอลบ่อย เตะทีนี่ได้หลายแผล มันช่วยได้”
“…”
เวรละ! น้องเขากลัวกูอีกจนได้ ต้องรีบออกไปจากตรงนี้
“ก็ถือว่าเอาไว้ทาตรงนั้นนะ” ผมไม่กล้าชี้ตรงหน้าอกน้องเขาเลยอะ ให้ตายดิ
“คิกๆๆ”
โอ๊ย! เพื่อนน้องแม่งขำกูอี๊กกก ชีวิตไอ้ดิวอี้จบลงแล้ววว
“ชู่ว์!” น้องปีใหม่หันไปดุเพื่อนๆ แต่ดูแล้วจะกลั้นขำกันไม่ได้ค่อยได้เลยอะ “อย่าหัวเราะสิ!”
“…”
“เอ่อ...” น้องเขาหันมาอีกรอบ สีหน้าเหมือนรู้สึกผิดที่เพื่อนๆ หัวเราะเยาะผม “ขอบคุณนะครับ”
เปรี๊ยะๆๆ
กระแสไฟฟ้าแทบจะกระจัดกระจายรอบตัวผมตอนที่นิ้วของน้องโดนมือ เยส! น้องเขารับไป น้องเขายอมรับยาของผมไป!!!
“มันช่วยเรื่องแผลฟกช้ำได้นะ” เสียงผมแหบแทบจะกลายเป็นกระซิบ
น้องปีใหม่ระบายยิ้ม “ขอบคุณครับ”
เอื้อออออออออ กูตายหรือยัง
“ไม่เป็นไรครับ”
“พี่ครับ!”
ผมทำท่าจะหันหลังกลับอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมน้องเขาถึงเรียกผมไว้อีก
ปีใหม่เอียงคอ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาแบบที่เราได้ยินกันสองคน “เห็นแล้วก็อย่าไปบอกใครนะ”
คงหมายถึงเรื่องแผลสินะ
“ไม่บอกใครแน่นอน”
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
ผมเก็บความรู้สึกไว้เต็มกำลังตอนที่น้องโบกมือให้ แต่พอหันหลังเท่านั้นแหละ ใจผมนี่ร้องกรี๊ดๆๆๆ มีเสียงปุ้งป้างดังสนั่นหวั่นไหวอย่างกับมีใครมาจุดพลุอยู่ข้างหู
เรื่องงานเอาไว้ก่อน วันนี้ขอเป็นแฟนบอยหนึ่งวัน แต่ถึงยังไงน้องก็ต้องโดนพี่จัดการทีหลังแน่นอนครับ!
ความคิดเห็น |
---|