7

น้อยใจ


7

น้อยใจ

โดนเด็กสาวจากโป่งชะง่อนชกครึ่งปากครึ่งจมูกจนล้มทั้งยืน พิริตาควรจะเข็ดขยาด ไม่กล้ามาเหยียบไร่พันดาวไปอีกพักใหญ่ แก้วกุดั่นคิดเช่นนั้น แต่หล่อนคาดเดาผิด ตอนสายลูกสาวเสี่ยโต้งปรากฏตัวพร้อมลูกสมุนหุ่นล่ำสองคน ทันทีที่เจอหน้ากันก็ต้องรองรับพายุอารมณ์ของคนที่ตกเป็นทาสความโกรธจนขาดสติ หุนหันพลันแล่นไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ร้ายแรงใดๆ ที่อาจจะตามมาเป็นลูกโซ่

“อีเด็กเวรตะไลนั่นอยู่ไหน ใช้คนงานไปจิกหัวมันมา ฉันจะตบมันจนกว่าเลือดไพร่ของมันจะกบปาก”

“เลิกแล้วต่อกันเถอะตาล ฉันขอละ อย่าลงไม้ลงมือกันอีกเลยนะ”

“เลิกแล้วต่อกัน? เฮอะ! เธอไม่ได้โดนต่อยจนหน้าบวมฉึ่งเธอก็พูดได้ ฉันเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ คั่งแค้นอยู่ในนี้จนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด” หล่อนจิ้มนิ้วเข้าหาทรวงอก หน้าตาบูดบึ้งถมึงทึงประดุจนางยักษ์ขมูขี

“พี่เสือคุยกับปะป๊าของเธอแล้ว ท่านไม่ติดใจเอาความแล้ว เธอน่าจะให้อภัยเด็กมันหน่อย เพราะจริงๆ เธอก็...ก็เผาเสื้อผ้าของบัวก่อน”

“ไม่เกี่ยวกับปะป๊า ไม่ต้องยกปะป๊ามาอ้าง ปะป๊าจำใจไม่เอาเรื่อง แต่ฉันจะเอาเรื่อง คนที่เจ็บตัวคือฉัน คือเพื่อนของเธอ” สาวเปรี้ยวตวาดแว้ดเสียงเขียว

หล่อนจ้างสองหนุ่มก้ามปูมาจากโรงงานน้ำตาล สัญญาจะจ่ายในสนนราคาที่คุ้มค่าเหนื่อย แค่ช่วยล็อกตัวสโรชาเอาไว้ให้หล่อนตบตีได้ถนัด

“อย่าแปรพักตร์เชียวนะกวาง อย่าหักหลังฉันเข้าข้างเด็กกะโปโลที่เธอเพิ่งรู้จัก มันเป็นมารหัวใจของเธอและของฉัน เป็นศัตรูของเราทั้งสองคน”

“บัวไม่ใช่ศัตรูของฉันหรอกนะ ไม่เคยใช่ เธอกลับบ้านไปก่อนจะดีกว่า รอให้ใจเย็นลงหน่อยเราค่อยคุยกัน”

“ไม่กลับ! จะกลับก็ต้องล้างอายก่อน เธอเป็นเพื่อนประสาอะไรฮะ ไม่ช่วยยังห้ามเหยงๆ ทำตัวเป็นแม่พระ ยิ่งเธอปกป้องมันฉันยิ่งอารมณ์ขึ้น”

“ไม่ใช่อย่างนั้นตาล คุณป้าไม่อยู่บ้าน พี่เสือก็ไม่อยู่บ้าน ฉันมีหน้าที่ดูแลบ้านแทนคุณป้า ถ้าปล่อยให้เธอพาลูกน้องมารุมทำร้ายบัว พี่เสือโกรธฉันแน่”

“ไม่รู้! ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น เรียกตัวมันลงมา”

“ไม่” แก้วกุดั่นส่ายหน้า ไม่อยากให้สิขเรศผิดหวังในตัวหล่อนอีก

“นี่ ใครอยู่ตรงนั้นมานี่ซิ” พิริตากวักมือเรียกคนงานชายที่กำลังตัดแต่งกิ่งเทียนหยดอยู่ใกล้ๆ ศาลา ใช้อำนาจเสมือนเป็นบ้านตนเอง

“ไปตามตัวเด็กที่ชื่อบัวมาที่นี่ บอกมันว่าคุณกวางเรียก ให้มาเร็วๆ”

คนงานไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็รีบกุลีกุจอล้างเท้าขึ้นไปบนเรือน ยำเกรงเพราะคนสั่งเป็นเพื่อนคุณกวาง ไปมาหาสู่สนิทสนม ถึงแม้ฉุกใจตงิดๆ ว่าเมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องวิวาทขึ้นแท้ๆ วันนี้ท่าไม่ดีอีกแล้ว

“ตาล! อย่ากดดันฉันได้ไหม พี่เสือเป็นผู้ปกครองของบัวนะ เกรงใจพี่เสือบ้างสิ ถ้าห้ามแล้วไม่ฟัง ดึงดันจะทำร้ายร่างกายคนในบ้านของฉันต่อหน้าฉัน ฉันจะเรียกคนงานหนุ่มๆ มาเชิญเธอกับคนของเธอออกไปจากไร่”

“เธอกล้า?” พิริตาแสยะยิ้มหยัน ตระหนักดีถึงอุปนิสัยอ่อนแอ

“เธอไม่กล้าหรอกกวาง เพราะถ้าเธอกล้าเราสองคนก็จะต้องแตกหักกัน ขี้ขลาดตาขาวอย่างเธอพ้นจากฉันไปใครจะคบ อย่างเดียวที่เธอเก่งก็คือทำตัวน่ารำคาญ หน่อมแน้มบ่อน้ำตาตื้นพึ่งพาอะไรไม่เคยได้ คบกับเธอฉันต้องอดทนหงุดหงิดใจตั้งเท่าไร ไม่มีฉันเธอก็โดดเดี่ยว ไปไหนมาไหนก็ต้องไปคนเดียวเป็นหมาหัวเน่า”

คนฟังหน้าเผือด หายใจเข้าออกแรงจนฟังเป็นเสียงหอบ

“เรียกทำไม” สโรชาปรากฏตัวรวดเร็วทันใจ

“ปืน หนวด” ทายาทโรงงานน้ำตาลพยักหน้ากับสองหนุ่มที่หล่อนพามาด้วย เป็นอันรู้กัน

สโรชาปรายตามองผู้ชายร่างยักษ์ที่ขยับมายืนขนาบข้างซ้ายขวาในท่าเตรียมพร้อมกระโจนเข้าตะครุบ พิริตากับพวกมาร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย น้องนายหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ตัวสั่นงันงก แต่ยังมีแก่ใจห้ามปราม

“ทำแบบนี้ไม่ได้นะตาล เธอรู้ตัวหรือเปล่า เธอกำลังมุทะลุ”

“กลัวละสิ มีอะไรบ้างที่เธอไม่กลัว ถ้ากลัวก็สั่งนังเด็กขี้ครอกกราบเท้าฉัน ถ้ารู้จักมือไม้อ่อนฉันอาจจะใจดียอมลดโทษให้บ้าง ไม่ตบ แค่ถ่มน้ำลายรดหน้าสักทีสองทีพอให้รู้ว่าใครสูงใครต่ำ”

แก้วกุดั่นละล้าละลังไม่ตัดสินใจเด็ดขาด คนงานในบ้านมีเป็นสิบ คนงานในไร่จะเรียกใช้ครั้งละร้อยคนก็เรียกได้ แค่โทร. หาหัวหน้าคนงานหรือผู้จัดการไร่เพียงกริ๊งเดียว หล่อนไม่เคยงัดข้อกับใคร หลีกเลี่ยงที่จะแตกหักมาโดยตลอด เพราะไม่กล้าปะทะจึงตกเป็นลูกไล่ของพิริตาอยู่เสมอ

“ไงยะ แกคิดว่าแกชกหน้าฉันแล้วฉันจะปล่อยแกลอยนวลงั้นเรอะ” เจ้าของเสียงแปร๋นถลึงตาข่มขวัญคู่อริ

“ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ขี้เกียจคิด”

“ปากดีนัก เจอตีนรุมยำจะยังปากดีอยู่ไหม”

“ไม่ต้องมาขู่ จะเอายังไงก็เอา” สาวน้อยตอบโต้ฉะฉาน ก็แค่หมาหมู่ไม่กี่ตัวจะรุมกินโต๊ะ จะให้มันกราบแทบเท้าผู้หญิงนิสัยไม่ดีต้องรอจนกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ไม่ก็น้ำท่วมหลังเป็ด

“ตาล” แก้วกุดั่นจับแขนเพื่อนเขย่า หวังจะเกิดการเปลี่ยนใจ

“ไม่ช่วยก็อย่ายุ่ง ไปยืนตรงมุมศาลาโน่นไป เกะกะ!” สาวผมสั้นสะบัดตัวหนี เห็นสโรชาใจเย็นหล่อนยิ่งใจร้อน เดือดเป็นไฟ

“จับมัน!”

ลูกกะจ๊อกแค่ขยับตัว ยังไม่ทันจะปฏิบัติตามคำสั่ง ด้ามมีดโบราณก็อยู่ในอุ้งมือเล็กกำกระชับ สามรุมหนึ่งก็ต้องเจอเครื่องทุ่นแรง สโรชาใช้มีดสั้นคล่องแคล่วตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง เมื่อวานต่อยพิริตาไปแค่หมัดเดียวเพราะเห็นแก่นายเสือ วันนี้นายไม่อยู่หนูร่าเริง ใครทำมันเจ็บมันจะสู้ยิบตา ตายเป็นตาย มันอาจเป็นเด็กป่าเถื่อนในสายตาผู้ปกครอง หัวแข็งอบรมยาก แต่หล่อนจะออกฤทธิ์เฉพาะกับคนที่ร้ายกับมันก่อน

“ทะเล่อทะล่าเข้ามา ไส้ทะลักไม่รู้ด้วยนะ”

“จะกลัวอะไรฮะ ตัวโตอย่างกับยักษ์ปักหลั่นทำเป็นใจปลาซิว จับข้อมือมันบิดเข้าสิ”

ไอ้หนวดกับไอ้ปืนมองหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจพุ่งเข้าใส่ร่างผอม คนหนึ่งเจอลูกถีบปะทะยอดอกจนล้มผลึ่งหงายหลัง อีกคนกระโดดโหยงหลบคมมีดขาววับซึ่งเคลื่อนไหวว่องไวเกือบจะมองไม่ทัน ได้ยินเสียงอาวุธปลายแหลมแหวกอากาศดังเฟี้ยว เมื่อก้มหน้ามองพุงตัวเองก็ต้องมีอันสะดุ้ง เสื้อยืดสีกรมท่าขาดยาวตามแนวขวางบ่งบอกว่าคนบางคนตัวเล็กเท่าลูกหมา แต่เล็กพริกขี้หนูขนานแท้

“ยกนี้ยกแรก ข้าแค่เตือน” เด็กสาวยิ้มหวาน รอยยิ้มของมันยียวนกวนอวัยวะเบื้องต่ำเป็นอย่างยิ่ง

“ได้ใจไปเหอะมึง คราวนี้พวกกูเอาจริง” ไอ้หนวดรีบลุกขึ้นจากพื้น เสียท่าเด็กผู้หญิงต่อหน้าสาวสวยถึงสองคนก็ย่อมอับอาย

สโรชายักคิ้ว อยู่โป่งชะง่อนมันกระโดดโลดเต้นไปทั่ว ทำงานบ้านบ้าง สนุกซุกซนบ้าง เก็บผักตักน้ำเป็นกิจวัตร มาอยู่บ้านนายแทบไม่เคยเสียเหงื่อ วันนี้อยู่ดีๆ พิริตากับลูกสมุนก็เอาตัวมาเสนอเป็นกระสอบทราย ไม่เตะไม่เลี้ยงก็ต้องประเคนให้ครบทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก จะแถมจระเข้ฟาดหางให้อีกด้วย เอาให้เต็มรัก

“หยุดพล่ามได้แล้ว จัดการซะให้จบๆ” พิริตาเท้าเอวยืนจังก้า กระเหี้ยนกระหือรืออยากเห็นเด็กในปกครองของสิขเรศโดนรุมสกรัม

แก้วกุดั่นอ้าปากค้างเมื่อเกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนขึ้นต่อหน้าต่อตา ทักษะการต่อสู้ของสโรชาถือว่าพอเอาตัวรอดได้ ใจก็แกร่ง หูตาว่องไว เคลื่อนไหวปราดเปรียวกระทั่งผู้ชายอกสามศอกสองคนพากันหงุดหงิด หาจังหวะจะซัดเด็กสาวให้หมอบกระแต แต่กลับโดนเล่นงานจนอ่วม เนื้อตัวฟกช้ำกันเป็นจ้ำๆ มีดสั้นคมกริบก็คอยแต่จะดื่มกินเลือด ถ้าเผลอพลาดท่ามีสิทธิ์เลือดสาดกระจาย ก็นึกว่างานนี้จะกินหมู ที่ไหนได้ดันเจอหมูเขี้ยวตัน

สาวน้อยขบเผาะใช้เวลาสิบห้านาทีก็ปราบนักเลงปลายแถวได้ราบคาบ

“โอ๊ย! พอแล้วหนู พอแล้ว” ไอ้หนวดยกแขนขึ้นบังหน้า หางคิ้วแตก ฟันกรามโยก ที่ยืนตัวงอเป็นกุ้งก็เพราะกำลังจุก หายใจไม่ทัน

“พี่ชายล่ะ จะเอาอีกไหม” สโรชาชี้หน้าไอ้ปืนด้วยปลายมีด

“พอจ้ะพอ โฮ้ย! เหนื่อย!” หนุ่มหุ่นล่ำทรุดตัวนั่งแปะกับพื้น หอบแฮ่กๆ เป็นหมาหอบแดด เจ็บสีข้าง เจ็บชายโครง กระดูกกระเดี้ยวเหมือนจะหักออกเป็นท่อนๆ

สโรชาใจนักเลงพอ จะกระทืบผู้แพ้ให้ครางครวญโอดโอยจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือนๆ ก็ทำได้ แต่มันไม่ทำ

สถานการณ์ควรจะคลี่คลาย แต่พิริตาไม่ยอมจบ อาศัยจังหวะที่เด็กสาวจะเก็บมีดสั้นเข้าปลอกหนังเก่าคร่ำคร่าถลันมายืนประจันหน้า ในมือของหล่อนคือขวดสเปรย์พริกไทย

“นังบัว!”

สาวน้อยจากบ้านนอกไม่รู้จักสเปรย์พริกไทย ไม่เคยเห็น ไม่เคยจับต้องลูบคลำ กว่าจะรู้พิษสงก็ต่อเมื่อดวงตาสองข้างเกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง ผิวหนังบริเวณที่โดนละอองสารเคมีฉีดใส่ทั้งแสบทั้งร้อน คันยิบๆ

“ฤทธิ์เยอะนัก สิ้นฤทธิ์ได้ซะที” เจ้าของเสียงเครียดฉวยเอาขวดแก้วปลูกพลูด่างมาจากเสาไม้ต้นนอกสุดของศาลาทรงโดม หล่อนจะทุบศัตรูให้หัวแตก มันกำลังมะงุมมะงาหราเป็นคนตาบอดอยู่ชั่วขณะ

“คราวนี้ถึงตาฉันบ้างละ ฉันจะเอาเลือดหัวแกล้างตีน”

“อย่านะตาล หยุดได้แล้ว ฉันบอกให้หยุด!” แก้วกุดั่นปรี่เข้าแย่งชิงขวดทรงสูง ขัดขวางสุดกำลังไม่ให้พิริตาทำร้ายเด็กในปกครองของสิขเรศ เขาอุตส่าห์ออกปากขอร้องหล่อนเมื่อเช้า ให้ปรานีสโรชา สงสารเอ็นดูเสมือนว่าอีกฝ่ายเป็นน้อง

สโรชายังยุ่งวุ่นวายอยู่กับความทรมาน ยังดีที่ไอ้ปืนกับไอ้หนวดพากันหมดแรงยกธงขาวยอมแพ้ ถอดใจไม่ช่วยลูกสาวเสี่ยโต้งประทุษร้ายสาววัยรุ่นอีก

คนงานในบ้านได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากศาลาก็เริ่มเอะใจ ชักชวนกันเดินมาเมียงมองที่ข้างบ่อเลี้ยงปลาว่าเกิดอะไรขึ้น

“ปล่อยฉัน ปล่อย!” ถูกยื้อยุดฉุดกระชากพิริตายิ่งโมโห หล่อนผลักร่างบางสุดแรงเกิดกระทั่งแก้วกุดั่นเสียหลักทรงตัว เซหลุนๆ ไปชนสโรชาซึ่งถือมีดสั้นอยู่ มีดโบราณขาววับยังไม่ทันจะได้สวมปลอก

ฉึก!

“ตาล...” แก้วกุดั่นปากซีด เจ็บที่หลังใต้หัวไหล่ เจ็บมาก แค่จะหายใจยังติดๆ ขัดๆ

“กวาง!” พิริตาเบิกตากว้าง อึดใจต่อมาหล่อนก็หวีดร้องสุดเสียง

“ช่วยที ใครก็ได้ช่วยที นังบัวมันแทงคุณกวาง มันจะฆ่าพวกเรา”

อย่าว่าแต่สโรชาที่งงงัน ไอ้ปืนกับไอ้หนวดยังอ้าปากหวอกันทั้งคู่

คนเจ็บมองหน้าเพื่อน สติสัมปชัญญะของหล่อนเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ภาพต่างๆ รอบตัวมืดมิดลง แต่ความคิดบางอย่างกลับสว่างวาบขึ้นเหมือนจุดพลุไฟ เพื่อนน้อยหรือไม่มีเพื่อนไม่น่าอับอายเท่ายกย่องเชิดชูคนเลวไว้เป็นมิ่งมิตร พิริตาจิตใจกระด้างหยาบคาย ถือตนว่าพ่อรวยกระทำการอุกอาจไม่เกรงใจใคร ที่ไปมาหาสู่กับหล่อนก็หวังจะได้ใช้นามสกุลสิงควรรณต่อท้ายชื่อ ผู้หญิงบางคนไม่เหมาะจะเป็นพี่สะใภ้ แค่คบค้าสมาคมด้วยก็รังแต่จะนำพาความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว

 

ทุกครั้งที่เจอสิขเรศ พิริตาเคยใจเต้นแรง รู้สึกมีความสุข แต่ในยามที่น้องสาวของเขาบาดเจ็บจนต้องนอนให้เลือดและน้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล สีหน้าเคร่งเครียดก็สร้างความกริ่งเกรงจนไม่อยากประสานสายตาด้วย

อาการของแก้วกุดั่นไม่สาหัสนัก นายแพทย์ที่รู้จักคุ้นเคยกับครอบครัวสิงควรรณดีแจ้งให้ทราบว่า อีกหนึ่งหรือสองวันหล่อนก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว

“เรื่องจริงก็เป็นอย่างที่ตาลเล่า แต่ตาลเป็นห่วงเด็กบัว กลัวจะมีความผิดน่ะค่ะ ก็เลยแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไปว่ากวางกับคนงานในบ้านนึกสนุกเอามีดมาขว้างเล่นกัน เล่นไปเล่นมาแล้วพลาดเกิดอุบัติเหตุขึ้น”

พิริตารู้ว่าต้องปกป้องตนเองก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าแก้วกุดั่นเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลเพราะถูกแทงจะกลายเป็นว่าหล่อนขว้างงูไม่พ้นคอ ทางโรงพยาบาลจะต้องโทร. แจ้งเจ้าพนักงานสอบสวนมาสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ปล่อยให้ถึงตอนนั้นโอกาสโป๊ะแตกมีสูง

“หรือครับ”

“ตาลขอโทษนะคะพี่เสือ ตาลอยู่ด้วยแท้ๆ แต่ไม่มีปัญญาช่วยเหลือกวางให้รอดพ้นจากอันตราย เห็นเพื่อนรักถูกแทงต่อหน้าต่อตาหัวใจของตาลแทบจะหยุดเต้น เด็กบัวน่ากลัวเหลือเกินค่ะ มีอาวุธอยู่ในมือก็เหมือนคนบ้า กระหายเลือด กะจะเอาถึงตาย”

“หรือครับ”

สาวสวยเอะใจกับน้ำเสียงเยียบเย็น สิขเรศใช้ประโยคสั้นๆ ซ้ำกันสองหน เจตนาของเขาคืออะไร หล่อนร้อนตัวกระมังจึงหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง คิดไปเองว่าเพิ่งถูกแดกดัน ถ้าชายหนุ่มรู้ทันอย่างน้อยยังเหลือไพ่ใบสุดท้ายเอาไว้หงายการ์ดสู้ จะถูกจะผิดแม่เพื่อนขี้แยจะอยู่ข้างหล่อนเสมอ ปวกเปียกออกปานนั้นมีหรือจะกล้าปากสว่างพูดความจริง เพราะถ้ากล้าความสัมพันธ์ฉันมิตรจะต้องขาดสะบั้น แค่เตี๊ยมกันหน่อยก็เปลี่ยนดำเป็นขาวได้สบาย

“ยายกวางหลับอยู่ น่าจะหลับยาวไปอีกหลายชั่วโมง คุณกลับบ้านไปเถอะ มาแกร่วรอก็เสียเวลาเปล่าๆ”

“ตาลจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เสือค่ะ ให้กวางตื่นก่อนแล้วค่อยกลับ”

“ไม่จำเป็น ถ้าต้องการเพื่อนผมจะโทร. หาเพื่อนคนที่ผมไว้ใจ อีกอย่างผมกำชับพยาบาลพิเศษเอาไว้แล้ว สำหรับวันนี้นอกจากผมห้ามใครเข้าเยี่ยมยายกวางเด็ดขาด”

“พี่เสือ...”

“คุณจะอยู่ต่อก็ตามใจคุณ ผมจะกลับไร่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“นี่มันอะไรกันคะ ทำไมพูดจาตัดรอนกับตาลแบบนี้” เจ้าของเสียงเครือน้ำตาเอ่อคลอ ขอบตาร้อนผะผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงความรังเกียจ ผู้ชายที่หล่อนแอบปลื้มไม่เคยมีเยื่อใยก็จริง แต่เขาเพิ่งเคยแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์

“ยายกวางอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ไม่ใช่เด็กที่ผมจะต้องออกคำสั่งว่าเพื่อนคนไหนห้ามคบ แกจะคบกับใครสนิทกับใคร ผมให้สิทธิ์น้องเต็มที่ แต่สำหรับตัวผมเอง ผมจะคบกับคนที่น่าคบเท่านั้น ซึ่งคุณไม่ใช่”

สาวสวยยืนอึ้ง หล่อนแหงนคอจ้องดวงหน้าคมเข้มอย่างคนจุกอกพูดไม่ออก

“คุณเข้านอกออกในบ้านผม ในฐานะที่ผมเป็นพี่ชายของยายกวาง ผมพยายามให้เกียรติคุณ แต่ตัวคุณเองกลับไม่รู้จักคำว่าให้เกียรติ ไม่ไว้หน้าผม ไม่ไว้หน้าแม่เลี้ยง สองวันมานี้คุณทำอะไรลงไปบ้าง คุณลองทบทวนดู อย่าให้ผมต้องจาระไนว่าการกระทำแบบไหนควรหรือไม่ควร”

“ก็จาระไนมาสิคะ จาระไนมาเลย ตาลอยากรู้ว่าตาลทำอะไรให้พี่เสือโกรธ ตาลอุตส่าห์พากวางมาส่งโรงพยาบาลจนถึงมือหมอ เป็นห่วงเป็นใยแทบจะเป็นบ้า เห็นชุดนี้ไหมคะ ชุดที่ตาลใส่อยู่มันเปื้อนเลือดเปรอะไปหมด เลือดของกวาง ถ้าพี่เสือจะอารมณ์เสียใส่ใคร

สักคน คนคนนั้นก็ต้องเป็นนังเด็กบัว เด็กป่าเถื่อนที่พี่เสือเก็บมาจากบ่อโคลนตมน่าขยะแขยง จะเอามาฟูมฟักให้เป็นคุณหนูของไร่พันดาว”

“ที่นี่โรงพยาบาล จะเอะอะมะเทิ่งหัดเกรงใจสถานที่บ้างนะคุณ”

“ตาลไม่สน ถ้าพี่เสือไม่พูดให้เคลียร์ ตาลจะกรี๊ดให้ลั่นไปทั้งตึก เอาให้แตกตื่นกันถ้วนหน้าทั้งหมอทั้งพยาบาล ถ้าพี่เสือไม่อายผู้คนก็เอาเลยค่ะ หันหลังเดินหนีไปได้เลย”

หนุ่มมาดเข้มฉุน อยู่กับสโรชาเขาปวดหัว แต่ในความปวดหัวก็มีความสดใส มีรอยยิ้ม ทั้งเอ็นดูทั้งระอาปะปนกันมั่วไปหมด พิริตาถูกเลี้ยงดูมาแบบพ่อแม่รังแกฉัน หล่อนเอาแต่ใจ คุ้นเคยกับการพะเน้าพะนอจนเคยตัว เสียนิสัย

“ถ้าใจคอพี่เสือจะปล่อยให้ตาลงงเป็นไก่ตาแตกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตาลก็พร้อมจะอาละวาด”

“ผมต้องกลัวคำขู่ของคุณไหม คิดว่าไม่ ถ้าคุณอาละวาด คนที่เสียหายคือตัวคุณเอง หรือบางทีอาจจะลามไปถึงปะป๊าคุณด้วย ว่าอบรมสั่งสอนกันมายังไง แต่ก็เอาเถอะ ถ้าคุณคาใจนักผมเปิดอกเลยก็ได้ วันนี้คุณไปบ้านผม พาลูกสมุนไปหาเรื่องเด็กอายุแค่สิบหกจนน้องสาวผมโดนลูกหลงเลือดตกยางออก คุณไม่ไว้หน้าใคร ไม่สงสารยายกวางว่าต้องกระอักกระอ่วนกับพฤติกรรมก้าวร้าวของคุณ เพื่อความสะใจคุณอยากทำอะไรคุณก็ทำ ข้ามหัวผม ข้ามหัวแม่เลี้ยง ถ้าวันนี้ผมอยู่บ้าน ผมจะสั่งคนงานให้ลากตัวคุณออกไปจากไร่ ไอ้เศษสวะสองตัวนั่นด้วย ไม่ต้องคำนึงถึงมารยาทที่ดีกับคนไม่มีมารยาท”

“ตาลก็แค่ไปเอารถ เมื่อวานพี่เสือขับรถไปส่งตาลที่บ้าน รถตาลจอดอยู่ที่บ้านพี่เสือ”

“ถ้าแค่ไปเอารถยายกวางคงไม่ต้องมานอนโรงพยาบาล”

“ก็...ก็นังเด็กบัวมัน...”

“คุณหนีบนักเลงหัวไม้ไปด้วยสองคน จะแก้ตัวก็ต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้น อย่าแถข้างๆ คูๆ จนสีข้างถลอก ผมขี้เกียจฟัง”

“โธ่พี่เสือขา ฟังตาลบ้างสิคะ ให้ความเป็นธรรมกับตาลบ้าง เมื่อวานตาลโดนต่อยจนล้มทั้งยืนพี่เสือก็เห็น ตาลกลัวค่ะ กลัวจะโดนเด็กบัวทำร้ายอีก ตาลจะกล้าบุกเดี่ยวไปบ้านพี่เสือได้ยังไง ตาลก็ต้องหาบอดีการ์ดเอาไปเป็นผู้คุ้มกัน”

“นั่นสินะ ไหนจะเรื่องเมื่อวานนี้อีก คุณก่อเรื่องในบ้านผมสองวันซ้อน เกเรระรานไม่นึกเกรงใจเจ้าของบ้าน ถ้าผมยังต้อนรับขับสู้คุณเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนงานในบ้านจะเสียศรัทธาในตัวผม เอาเป็นว่าต่อจากนี้ไปอย่าให้ผมเห็นหน้าคุณที่ไร่พันดาวอีก”

“อะไรนะคะ!”

“คุณได้ยินชัดเจนดีแล้ว”

“ก่อเรื่องสองวันซ้อน? บ้าไปแล้ว เมื่อวานตาลเป็นคนเจ็บตัว นั่งอยู่ในศาลาดีๆ นังเด็กบัวก็ปรี่เข้ามาหาเรื่อง กวางก็เห็น เป็นพยานให้ตาลได้”

“ผมดูโง่นักหรือไง”

“เอ่อ...”

“อย่าคิดว่าคนอื่นตามคุณไม่ทัน อยู่ที่ว่าเขาจะพูดหรือไม่พูด ไร่พันดาวไม่ยินดีต้อนรับคุณอีกแล้ว ผมเป็นเจ้าของไร่ และผมอยากให้บ้านของผมเป็นบ้านที่สงบสุข”

“ทำ...ทำแบบนี้กับตาลไม่ได้นะคะ ทำไม่ได้”

“ทำได้สิ ผมกับคุณก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกัน คุณเป็นเพื่อนน้องสาวผมก็แค่นั้น ถ้ายายกวางจะคบคุณต่อก็แล้วแต่แก แต่กับผมอย่ามาวุ่นวายด้วยอีกเชียว”

“พี่เสือ...” พิริตาครางเสียงโหยเหมือนคนใกล้จะขาดใจ

สิขเรศไม่แยแสแววตาเว้าวอน เดินดุ่มๆ ไปที่ลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล คืนนี้จะต้องกลับมานอนเฝ้าน้องสาวซึ่งพักอยู่ในห้องพิเศษ แต่ก่อนอื่นจะต้องสะสางปัญหากับเด็กแสบที่พูดไม่รู้ฟัง สั่งให้อยู่เฉยๆ ทำตัวนิ่งๆ อย่าขยันแกว่งเท้าหาเสี้ยนก็ยังไม่วายเกิดเรื่องอลหม่านขึ้นจนได้

สโรชาเป็นเด็กในปกครอง เมื่อคนในบ้านได้รับบาดเจ็บเพราะคมมีดของเด็กสาวก็ต้องมีบทลงโทษ จะดัดไม้อ่อนถ้าขืนรีรอไม่รีบสั่งสอนอบรม อีกหน่อยมันเป็นไม้แก่จะดัดก็คงดัดยาก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น