3
“ทำไมถึงอยากให้หลานฉันไปเรียนจอร์จทาวน์” อิสซาเบลผู้เป็นทั้งประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารถามเสียงเข้ม พลางจ้องคู่สนทนานิ่ง
“ผมจะได้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง”
“ฉันคิดว่าที่ผ่านมาน่าจะได้คำตอบแล้วว่าผลการทดลองเป็นอย่างไร”
“นั่นก็แค่ระดับหนึ่ง เป็นที่น่ายินดีว่าหนูเกรย์เป็นปกติดีทุกอย่าง แต่เรายังไม่รู้ว่าถ้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ หรือสิ่งเร้าเดิมๆ จะเป็นอย่างไร”
“ก็เลยอยากเอาหลานฉันไปเสี่ยงงั้นรึ”
“ไม่ใช่ยังงั้นครับ เพียงแต่ผมอยากให้ผลการทดลองสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ไม่...ยังไงก็ไม่ใช่จอร์จทาวน์ อีกอย่างฉันมีโพรเจกต์สำคัญรออยู่ จำเป็นต้องใช้ความสามารถของหลานฉัน”
“ถ้าโพรเจกต์ที่ว่าแค่วางแผนกลยุทธ์ ไม่ใช่ลงมือปฏิบัติ คุณก็ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับหลานสาวคุณก็ได้ อีกอย่างตอนนี้ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเปิดเทอม โพรเจกต์คุณอาจจะเรียบร้อยก่อนที่หนูเกรย์จะบินไปเรียนต่อ”
“ไม่มีทาง โพรเจกต์ฉันกินเวลายาวนาน”
“ถ้านานจนถึงช่วงเปิดเทอม อย่างที่ผมบอก คุณสามารถวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับหนูเกรย์ได้”
“นั่นก็ถูก ฉันสามารถวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับหลานฉันจากมหาวิทยาลัยไหนก็ได้ที่หลานฉันเรียนอยู่ แต่ต้องไม่ใช่จอร์จทาวน์”
“ทำไมคุณถึงชังจอร์จทาวน์นัก จอร์จทาวน์เหมาะกับหนูเกรย์ คุณคิดว่าจะมีมหา’ลัยไหนที่เหมาะสมกับลูกหลานมหาเศรษฐีอย่างพวกคุณอีก ถ้าไม่ใช่จอร์จทาวน์ คิดถึงอนาคตของหลานไว้สิ ที่นั่นให้อะไรกับลูกหลานเศรษฐีมากมาย ไม่ใช่แค่คุณภาพการเรียนการสอน ชื่อเสียงมหา’ลัยที่สั่งสมมานาน แต่เหนือกว่านั้นคือสังคมของราชนิกุลซึ่งคุณจะอาศัยโอกาสไหนดีไปกว่าการเข้าไปอยู่ในสังคมเดียวกับพวกเขา มันคือโอกาสต่อยอดทางธุรกิจ”
อิสซาเบลกัดฟันแน่น ดีแลนพูดถูก และนั่นคือเหตุผลข้อแรกที่ก่อนนี้เธอส่งหลานรักไปเรียนมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กระทั่งพบกับเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อสามปีก่อน อิสซาเบลถอนหายใจแล้วว่า “เอาเถอะ ฉันจะเอากลับไปตรองดู”
ดีแลนไม่มีโอกาสแย้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของอิสซาเบลดังขึ้น
“ขอโทษดีแลน ฉันต้องรับสายนี้” เธอบอกแล้วคว้าโทรศัพท์มือถือเดินไปคุยนอกระเบียง เพราะลงว่าคลาร่าเลือกที่จะโทร. เข้าเครื่องนี้ แปลได้อย่างเดียวว่ามีเรื่องด่วน
“มีอะไรคลาร่า”
“คุณเกรย์มาค่ะ อยู่ที่ห้องรับรอง”
“บอกหลานฉันว่าฉันประชุมใกล้เสร็จแล้ว”
“มีอีกเรื่องอยากเรียนด้วยค่ะ”
“ว่าไป”
“พนักงานลือกันให้แซ่ดว่าริโก้มาเกร่อยู่แถวนี้ เขามาจ็อกกิงอยู่ที่สวนสาธารณะ...” คลาร่าเอ่ยชื่อสวนสาธารณะหลังบริษัทซานโต้
“อะไรนะ มั่นใจเหรอ” อิสซาเบลถามน้ำเสียงตกใจกึ่งไม่แน่ใจ ไม่มีเหตุผลที่ทายาทของโลเปซจะมาจ็อกกิงแถวนี้ มองสำรวจลงไปยังสวนสาธารณะเบื้องล่างก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต แถมตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการจ็อกกิง
“พนักงานบางคนถ่ายรูปเขาไว้ได้ ข่าวว่าเขามาถามหาคุณเกรย์”
“อะไรนะ!” น้ำเสียงตกใจอีกเท่าตัว
“ค่ะ เขามาถามหาคุณเกรย์จริงๆ มีพนักงานคนหนึ่งถูกเขากักตัวเพื่อซักถามถึงคุณเกรย์”
“ถามเรื่องอะไร แล้วเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ราวๆ สิบนาทีที่ผ่านมาค่ะ ยังไม่แน่ชัดว่าถามเรื่องอะไร พนักงานเมาท์กันแค่ว่าริโก้หล่อมาก หล่อและฮอตกว่าในทีวี เห็นว่าอยู่ในชุดจ็อกกิงกระชับรูป เห็นกล้ามเป็นมัดๆ เป้าตุง”
“คลาร่า!”
“เอ่อ...ค่ะ”
“ขออะไรที่เป็นสาระมากกว่านี้ได้ไหม”
“เดี๋ยวดิฉันจะไปตามตัวพนักงานคนนั้นมาซักค่ะ” น้ำเสียงคลาร่ากลับมาเป็นงานเป็นการ
“ซักให้ละเอียด อย่าให้กระโตกกระตากล่ะว่าฉันสั่ง ฉันอยากรู้ว่าหลานชายของโลเปซมาทำอะไรอยู่แถวนี้ แล้วมาถามหาหลานฉันทำไม อ้อ...หาคำตอบด้วยว่าริโก้ไปรู้จักกับหลานฉันได้ยังไง และตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ได้ค่ะ”
อิสซาเบลวางสาย กรามขบกันแน่น มีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้ว ริโก้รู้จักกับเกรย์ได้อย่างไร และกล้าดีอย่างไรถึงกับบังอาจมาตามหาเกรย์ถึงที่นี่
ก่อนนี้โรงแรมดังในไอคาว่าจ้างให้ซานโต้ออกแบบชุดเดินแบบเทศกาลเปรูเวียนคาร์นิวัล เธอมอบหมายให้เกรย์รับงานนี้เต็มตัวเป็นครั้งแรกหลังจากอยู่เบื้องหลังเป็นผู้ให้คำปรึกษามาโดยตลอด ดีไซน์ช่วงหลังๆ ได้เกรย์มาช่วยวิจารณ์เพื่อขยายตลาดไปยังระดับนักศึกษามหาวิทยาลัยและเด็กวัยรุ่น ปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจเลยไปถึงวัยทำงาน จนแย่งชิงตลาดเสื้อผ้าจากโดมิงโกมาได้เรื่อยๆ เรียกได้ว่าผลประกอบการก้าวหน้าเป็นลำดับนับแต่หลานสาวมาช่วย
วันเดินแบบชุดเปรูเวียนคาร์นิวัล เกรย์ตั้งใจไปคุมงานด้วยตัวเอง แต่บังเอิญมีบรรยายพิเศษของดีแลน ซึ่งเป็นอาของรีเบคก้า เพื่อนรักของเกรย์ ที่มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ และรีเบคก้าคะยั้นคะยอให้ไปฟังบรรยาย เกรย์ขัดใจเพื่อนไม่ได้เลยทิ้งงานที่ไอคาในนาทีสุดท้ายเพื่อไปฟังดีแลน ต้องขอบคุณรีเบคก้าที่ทำให้เกรย์แคล้วคลาดจากริโก้ เพราะเธอเพิ่งมารู้ในภายหลังว่าเบื้องหลังคนผลักดันโรงแรมให้จัดงานเดินแบบคือโดมิงโก สปอนเซอร์ใหญ่คือริโก้ แถมเจ้าตัวยังไปดูการเดินแบบด้วยตัวเอง
อิสซาเบลเดินกลับเข้าห้อง ใบหน้ามีเค้ายุ่งยากแกมกังวลปิดไม่มิด ข่าวคราวริโก้เหยียบถิ่นซานโต้แพร่สะพัดเป็นไฟลามทุ่งแน่ในวันนี้ หน้าตาหล่อเหลาบวกกับความฮอตของริโก้จะเป็นหัวข้อเมาท์มอยอย่างเมามันของพวกสาวๆ ตลอดทั้งวันอย่างไม่ต้องสงสัย เธอคงต้องจัดการอะไรบางอย่างก่อนที่เรื่องนี้จะล่วงรู้ไปถึงหูของหลานสาว
“ตกลงตามที่คุณว่า ฉันจะส่งเกรย์ไปเรียนจอร์จทาวน์” อิสซาเบลประกาศขึ้นเมื่อกลับมาทรุดนั่ง
“เป็นข่าวดีมาก แต่ทำไมคุณถึงเปลี่ยนใจเร็ว เมื่อกี้ยัง...” ดีแลนพูดไม่จบเพราะถูกแทรกขึ้น
“นั่นไม่สำคัญหรอก คุณพูดถูก ฉันควรคิดถึงอนาคตของหลานฉันให้มาก นอกจากเกรย์จะได้รับการศึกษาที่ได้มาตรฐานแล้ว ยังได้สังคมและการต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งต่อไปธุรกิจนี้เธอก็ต้องมารับไม้ต่อ อีกอย่างคุณเองจะได้ดูแลเธอใกล้ชิดด้วย เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้คุณใช้เทคโนโลยีนั่นกับหลานฉันหลังจากที่มันสมบูรณ์แล้ว”
“อะไรนะครับ!”
“คุณได้ยินแล้ว ฉันจะให้หลานฉันทดลองเทคโนโลยีที่ซานโต้เป็นสปอนเซอร์ ที่เหลือคุณต้องทำให้สำเร็จให้ได้ และจะผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ เข้าใจไหม”
“สามปีที่แล้วเราใช้เทคโนโลยีนั่นกับหนูเกรย์ไปแล้ว ผมไม่คิดว่าเราควรจะใช้ซ้ำ สิ่งที่เราควรทำคือติดตามผลต่อไปต่างหากว่าเทคโนโลยีที่เราใช้ตอนที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์จะส่งผลยังไงกับหนูเกรย์ อีกอย่างถึงแม้ตอนนี้เทคโนโลยีจะสมบูรณ์กว่าสามปีก่อนมาก แต่ผมก็ไม่คิดว่าหนูเกรย์จะยอมให้เราทดสอบอะไรง่ายๆ อีก เธอฉลาด...”
“ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะมากังวล การทำให้เกรย์เข้ารับการรักษาเป็นหน้าที่ของฉันเอง คุณแค่ทำทุกอย่างตามหน้าที่ของคุณไป...เทคโนโลยีสมบูรณ์เมื่อไหร่ช่วยแจ้งฉันด้วย”
“แล้วที่คุณบอกว่าจะให้หนูเกรย์เรียนรู้งานที่บริษัทอีกสักระยะก่อนมหา’ลัยจะเปิดเทอมเพราะมีโพรเจกต์ใหญ่รออยู่ล่ะ”
“ไม่ต้องแล้ว เรื่องนั้นฉันจะหาทางของฉันเอง ตอนนี้เรื่องของหลานสำคัญกว่า ตกลงตามนี้ คุณเร่งพัฒนาเทคโนโลยีลบความทรงจำของคุณเพื่อให้การทำงานของมันมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไร้ข้อผิดพลาดแม้แต่ 0.0001 เปอร์เซ็นต์ เพื่อว่าเมื่อถึงเวลาหลานฉันจะได้เข้ารับการรักษาทันที แล้วฉันจะให้แอนนาทำเรื่องส่งเกรย์ไปเรียนอเมริกาให้เร็วที่สุด”
ตอนที่อิสซาเบลผลักประตูเดินนำหน้าดีแลนออกมา เกรย์มารออยู่แล้ว เธอฉีกยิ้ม แต่พอเห็นแขกที่เดินตามหลังอิสซาเบล ยิ้มนั้นก็ค่อยๆ หุบลง เธอเพิ่งรู้ว่าดีแลนรู้จักกับยายด้วย เมื่อวานตอนอยู่บนเครื่องเธอถูกจับสังเกตตลอดเวลาเลยแสร้งทำเป็นหลับ หลังเครื่องบินแตะรันเวย์แล้ว ต่างแยกย้ายและไม่ได้เจอกันอีก มาเจอกันอีกครั้งก็ตอนนี้
อิสซาเบลแสร้งทำเป็นไม่เห็นหลานสาวชะงัก เจ้าตัวเดินไปสวมกอด แนบแก้มซ้ายขวากับแก้มของหลานสาว “หลานรู้จักดีแลนแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ แต่หนูเพิ่งรู้ว่าคุณยายรู้จักศาสตราจารย์ด้วย เพิ่งรู้ว่าธุระที่ศาสตราจารย์พูดถึงก็คือคุณยาย” ตอนพูดประโยคหลังเธอปรายตามองคนที่ตัวเองพาดพิง น้ำเสียงกล่าวหาอยู่ในที ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่มีทีท่าหรือแสดงออกเลยว่ารู้จักยายของเธอ
ดีแลนหัวเราะ มองเกรย์อย่างเอ็นดู เธอทำอะไรก็น่ารักไปหมด อาจเพราะสวยอย่างหาตัวจับยาก หยิบจับทำอะไรเลยชวนมองมากกว่าจะน่าตำหนิ
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า เมื่อวานหนูเกรย์นั่งหลับตลอดไฟลต์ เราเลยไม่มีโอกาสคุยกัน”
“แต่ที่ผ่านมาเราพูดถึงคุณยายหลายครั้งแล้ว ศาสตราจารย์น่าจะบอกว่ารู้จักคุณยายด้วย”
อิสซาเบลหัวเราะ “อย่าไปต่อว่าศาสตราจารย์เขาเลย งานเขาเยอะ คงไม่คิดว่าการได้รู้จักยายเป็นเรื่องสำคัญอะไร ซึ่งก็จริงนั่นแหละเมื่อเทียบกับเรื่องร้อยแปดที่ศาสตราจารย์ต้องขบคิดในฐานะนักวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องของยายขี้ปะติ๋วมาก”
“แล้วคุณยายไปรู้จักกับศาสตราจารย์ได้ไงคะ”
“ซานโต้สนับสนุนอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ให้กับจอร์จทาวน์อยู่ หนูคงเข้าใจ หนทางไหนที่เราจะเข้าใกล้ราชนิกุลของสเปนได้ เราจะไม่รั้งรอเลย”
“หนูเข้าใจ”
“ความจริงผมก็ควรบอกหนูเกรย์จริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เอาเป็นว่า...ไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันจะได้คุยเรื่องนี้”
“ต้องขอโทษศาสตราจารย์ค่ะ ดิฉันจะคุยธุระกับคุณยาย”
อิสซาเบลเกือบเคลิบเคลิ้มไปกับหลานสาว แต่พอนึกได้ว่าริโก้อาจยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เลยรีบแย้ง “ไม่เป็นไรหลานรัก ไปทานข้าวกับดีแลนเถอะ ธุระเราเอาไว้คุยกันที่บ้าน อีกอย่างตลอดเย็นยายมีประชุมด้วย”
ภาพสาวน้อยตักไอศกรีมเข้าปากพลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาสะดุดตาใครต่อใครจนต้องเหลียวมองซ้ำ ด้วยว่ากิริยาเธอใสๆ ไร้เดียงสา หนุ่มหลายรายอดใจไม่อยู่ คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป ริโก้นั่งริมหน้าต่างเห็นความเคลื่อนไหวเหล่านั้นตลอด อดเหลียวมองด้วยความอยากรู้ไม่ได้ แล้วพลันโลกราวกับจะหยุดหมุน เขากลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ในคลิปว่าสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์แล้ว ตัวจริงสวยกว่า น่ารักกว่าหลายเท่าจนเขาตกตะลึง
ริโก้ไล่สายตาสำรวจตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เธออยู่ในชุดเอี๊ยมกระโปรงไหมพรมยาวคลุมเข่าสีน้ำตาล เอี๊ยมทับเชิ้ตขาวตัวใน เสริมให้รูปร่างอ้อนแอ้นน่ามอง ผมยาวสลวยสีนิลรวบเป็นหางม้าอวดใบหน้าเรียวรูปไข่ เครื่องหน้าได้สัดส่วน ไล่ตั้งแต่คิ้วเรียวเป็นคันศรพาดเหนือนัยน์ตาสวยคมซึ้ง จมูกโด่งปลายงอนรับกับริมฝีปากบาง แต่อิ่มเป็นรูปกระจับ คางบุ๋มเล็กๆ เพิ่มความเซ็กซี่ แล้วหัวใจเขาก็พลันเต้นโครมคราม
“เกรย์”
ซอนย่าชะงักเมื่อจู่ๆ ริโก้พึมพำชื่อนั้น เธอเงยหน้ามองก่อนเลื่อนสายตามองตาม สาวน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งละเลียดไอศกรีมอยู่บนม้านั่ง เธอสวยสะดุดตาจนผู้ชายพากันเหลียวมอง ซอนย่ามองริโก้อย่างผิดหวัง เธอสู้อุตส่าห์ถ่อสังขารมากินมื้อเที่ยง
กับเขา แต่เขาไม่ได้จดจ่อกับบทสนทนา แถมคอยแต่ชะเง้อมองหาใครสักคน และตอนนี้ดูเหมือนเธอจะได้คำตอบแล้ว ซอนย่าอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ ริโก้ผุดลุก เธอรีบเรียกพนักงานมาคิดเงิน แต่ลูกค้าเยอะ พนักงานไม่เดินมาสักที ซอนย่าเลยได้แต่มองตามริโก้ที่กำลังผลุนผลันตรงไปหาสาวน้อยคนนั้น
“เกรย์...” ริโก้ปวดหนึบที่หัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การเจอเธอทำให้เขาปวดใจราวกับมีอะไรมาบีบคั้นกดทับจนหนักหน่วง ขณะเดียวกันก็ทำให้หัวใจชุ่มชื้น เต้นตึ้กตั้กราวกับจะทะลุออกมานอกอก รู้สึกไม่ต่างจากกลับไปเป็นหนุ่มน้อยริจีบสาวอีกครั้ง น้ำตาพลันซึมหางตาอย่างกลั้นไม่อยู่ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขามาหยุดตรงหน้าเธอพอดี ชื่อของเธอมาจ่ออยู่ที่ปากก่อนจะหลุดออกไปอย่างง่ายดายราวกับว่ามันดังก้องอยู่ในใจตลอดเวลา
เกรย์กำลังรอดีแลนยืนรับบัตรคิวจองโต๊ะอาหาร เมื่อริโก้เรียก เธอจึงหันมามองแล้วต้องกะพริบตาถี่ๆ ประหลาดใจที่เขาโผล่มายืนอยู่ตรงหน้า ถึงแม้เธอไม่เคยรู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่เขามีชื่อปรากฏตัวตามสื่อสิ่งพิมพ์ ทีวี และโซเชียลมีเดียบ่อยครั้ง เลยทำให้คนที่ไม่ได้สนใจเพศตรงข้ามอย่างเธอพลอยรู้จักเขาไปด้วย ต้องบอกว่าน้อยคนในสเปนที่ไม่รู้จักเขา ในทีวีว่าเขาสูงใหญ่หล่อเหลาแล้ว ตัวจริงสูงใหญ่และหล่อเหลากว่าหลายเท่าตัว
แล้วเกรย์ก็สำรวจร่างสูงตรงหน้า ริโก้อยู่ในชุดจ็อกกิงกระชับรูป ร่างสูงใหญ่ปราศจากไขมัน ผมหยักศกล้อมรอบหน้าเรียว ดูแกร่งสมชายชาตรี คิ้วหนาได้รูปสวยพาดเหนือนัยน์ตาสีฮาเซล จมูกโด่งตรงรับกับริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับราวกับอิสตรี เครื่องหน้างดงามสมบูรณ์แบบชนิดที่ถ้าเป็นนายแบบเสื้อผ้าคงเพิ่มยอดขายกระฉูดอย่างไม่ต้องสงสัย
แค่มองเขาเธอก็ดีไซน์แฟชั่นสำหรับหนุ่มทรงพลังแต่เปี่ยมไปด้วยแรงขับทางเพศได้ เขาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความเซ็กซี่ เธออยากให้ซานโต้มีนายแบบอย่างเขา แล้วเธอก็ไล่สายตาสำรวจตั้งแต่แผงอกกว้างที่เห็นกล้ามเป็นมัดๆ ช่วงเอวแคบ สะโพกสอบ และต่ำไปกว่านั้น แล้วความคิดก็สะดุดลงแค่นั้นเมื่อเขายื่นมือออกมาให้สัมผัสเพื่อทักทายตามมารยาท เธอลังเลก่อนวางถ้วยไอศกรีมลงข้างตัว และลุกยืน เห็นได้ชัดว่าเขาสูงมาก เธอสูงแค่ระดับคางเขา เกรย์ไม่ยื่นมือออกไปสัมผัส แต่ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดส่งให้เขา
“คุณร้องไห้ ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
ริโก้ยกมือแตะขอบตา ถึงได้รู้ว่าน้ำตาซึม เขาพึมพำขอบคุณแล้วรับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา นึกอายสาวน้อยตรงหน้า เขาไม่อยากทำคะแนนติดลบตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน “คุณแสร้งไม่เห็นได้มั้ย ผมไม่อยากเสียคะแนน” ริโก้พูดติดตลก เป็นความรู้สึกแปลก ดีใจ ซึ้งใจที่ได้เจอจนน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว
เกรย์เลิกคิ้วก่อนไหวไหล่ “ได้ค่ะ”
ริโก้ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ “ผมชื่อ ริโก้ โดมิงโก คุณชื่อ เกรย์ หารพิทักษ์ ใช่ไหมครับ” ริโก้ยื่นมือไปตรงหน้าอีกครั้ง น่าแปลกเขารู้สึกคุ้นเคยกับแววตาสวยซึ้งคู่นี้ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
รอบนี้ถ้าเธอไม่สัมผัสมือตอบคงเสียมารยาท เกรย์จึงยื่นมือออกไปแตะปลายนิ้วเขา แต่ริโก้กลับกระตุกมือเธอไปเขย่าเพื่อแสดงความดีใจ เกรย์สะดุ้ง รู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านมือเขามาสู่ตัวเธอ เธอรีบสะบัดมือออก
ริโก้เลิกคิ้ว เขากำลังสงสัยว่าเกรย์รู้สึกเหมือนเขาใช่ไหม มีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านระหว่างพวกเขา
เกรย์ทำเป็นไม่รับรู้อาการไฟชอร์ตนั้น “ไม่มีใครในสเปนไม่รู้จักคุณ คุณรู้จักดิฉันได้ยังไงคะ” ถึงแม้นามสกุลเธอที่ออกจากปากเขาจะแปร่งหู แต่โดยรวมถือว่าเขาออกเสียงถูกต้อง
“เราคลาดกันที่ไอคา มีคนพูดถึงคุณเยอะ ทำให้ผมอยากรู้จักคุณจนต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่”
“โดยใช้ข้ออ้างเรื่องจ็อกกิงมาถึงที่นี่น่ะหรือคะ คุณไม่ต่างจากฉายาที่ใครๆ พูดถึงเลยนะคะ”
ริโก้หัวเราะเมื่อผู้หญิงตรงหน้ารู้ทัน แถมไม่มีอาการเหนียมอายหรือขวยเขินเมื่อรู้ว่ากำลังถูกจีบโต้งๆ ต้องเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันถึงไม่ยี่หระต่อเสน่ห์เขา ต้านทานเสน่ห์เขาได้อย่างไม่หวั่นไหว ชักน่าสนใจ “ผมชักอยากรู้ว่าข่าวที่คุณรับรู้เกี่ยวกับตัวผมเป็นแบบไหน เชื่อได้เลยว่าไม่ถึงครึ่งของความจริง”
“หรือไม่ก็ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของตัวจริง”
ริโก้หัวเราะเมื่อสาวน้อยตรงหน้าสวนกลับอย่างไม่กลัว ผู้หญิงน้อยรายที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา จะด้วยเหตุผลกลัวเสียผลประโยชน์ กลัวเสียภาพลักษณ์ หรือกลัวอะไรก็แล้วแต่ แต่มีผลให้เธอเหล่านั้นยอมสงบปากสงบคำ ซึ่งต่างจากเกรย์
“ผมอยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้เหมือนที่ผมกำลังรู้สึกคุ้นเคยกับคุณ”
“มุกนี้ใช้กับดิฉันไม่ได้หรอกนะคะ เพราะเราไม่เคยเจอกัน คุณจะมาคุ้นเคยกับดิฉันได้ยังไง”
“นั่นสิ แต่ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจริงๆ นะ ให้เกียรติไปดินเนอร์กับผมสักมื้อได้ไหมครับ เราจะได้รู้จักกันดีขึ้น ผมจะได้แก้ภาพลักษณ์ ไม่อยากให้คุณเข้าใจอะไรผิดๆ เพราะสื่อ” ริโก้ล้วงนามบัตรส่งให้เธอ
“แต่ดิฉันไม่รู้จักคุณ เพราะฉะนั้นจะให้ไปดินเนอร์...”
“ก็ผมกำลังขอทำความรู้จักอยู่นี่ไงครับ” ริโก้ทอดเสียงนุ่ม “นี่นามบัตรผม รับไว้นะครับ สะดวกเมื่อไหร่ติดต่อได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
เกรย์ยื่นมือออกไปรับนามบัตรอย่างเสียไม่ได้
“ถ้าผมจะขอนามบัตรคุณ?”
เกรย์ส่ายหน้า “ดิฉันไม่ให้นามบัตรคนแปลกหน้า”
“เรารู้จักชื่อกันแล้ว ไม่ถือว่าแปลกหน้าต่อกันแล้ว”
“สำหรับดิฉันยัง เอาเป็นว่าถ้าดิฉันติดต่อไป นั่นหมายความว่าอยากจะทำความรู้จักคุณ”
“ทำไมนะผมถึงรู้สึกว่ากำลังถูกคุณปฏิเสธ”
เกรย์ไม่มีโอกาสตอบเมื่อดีแลนเดินมาถึงตัว
“มีอะไรหรือหนูเกรย์ ผู้ชายคนนี้เข้ามายุ่มย่ามหรือเปล่า” ดีแลนถามตรงๆ พลางจ้องริโก้เขม็ง
“เปล่าค่ะ ได้โต๊ะแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“งั้นไปกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยว...เกรย์” ริโก้ไม่แม้แต่ชำเลืองมองดีแลนเมื่อเรียกหญิงสาวไว้ เขาจ้องเฉพาะวงหน้าหวานแฉล้มเมื่อกล่าวว่า “ผมจะรอโทรศัพท์จากคุณ ผมอยากฟังข่าวดีเรื่องดินเนอร์”
เกรย์ไม่ตอบ เธอหันหลังเดินนำดีแลนออกมา สวนกับซอนย่าที่กำลังออกจากร้านพอดี ซอนย่าจ้องเขม็ง แต่เกรย์เลือกที่จะเดินต่อด้วยจังหวะก้าวปกติ
“นี่หรือแม่สาวที่คุณคลั่งไคล้ถึงกับหาข้ออ้างเรื่องจ็อกกิงเพื่อมาดักรอที่นี่” ซอนย่าถามด้วยน้ำเสียงดูหมิ่นพลางจ้องเกรย์ที่กำลังหายลับเข้าไปในร้าน เบนสายตากลับมามองริโก้อย่างตำหนิ เธอมาทันได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา “เธอเด็กมาก จบไฮสกูลหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เผลอๆ อาจยังเรียนอยู่ แล้วดูเหมือนคุณเหยียบตาปลาเข้าให้แล้ว แฟนเธอหวงมาก”
“พนันกันมั้ย ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟน แถมนิ้วนางซ้ายว่าง แปลว่าไร้พันธะ” ริโก้โต้พลางออกเดินตรงไปยังลานจอดรถที่บาร์เดนรออยู่
“รู้ได้ไงไม่มีพันธะ เธออาจไม่ใช่โรมันคาทอลิก เพราะงั้นเลยไม่ได้สวมแหวนแต่งงานที่นิ้วนางซ้าย” คนสเปนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกซึ่งนิยมสวมแหวนแต่งงานที่นิ้วนางซ้าย
“ร้อยเปอร์เซ็นต์เด็กนั่นยังโสด เผลอๆ อาจยังเวอร์จินด้วย อย่าให้ผมบอกเลยว่ารู้ได้ไง” ริโก้นึกถึงท่าสะดุ้งโหยงของเกรย์เมื่อโดนมือเขาสัมผัส ปฏิกิริยาของเธอราวกับไม่ชินมือชาย สักวันในเร็วๆ นี้เขาจะหาความจริงเรื่องนี้ ริโก้ให้คำมั่นแก่ตัวเอง
ซอนย่าเหยียดปาก “คุณช่ำชองเรื่องผู้หญิงอยู่แล้วนี่ ฉันจะไปแย้งอะไรได้”
“รู้ก็ดี แต่ต่อให้เธอมีแฟนแล้ว ผมก็ไม่แคร์ ตราบใดยังไม่ใช่สามีจดทะเบียนก็ถือว่าไร้พันธะ เอาละ...เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ คุณจะไปกับผมหรือจะขับรถกลับเอง” ริโก้หันมาถามเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ
“แยกกันตรงนี้ดีกว่า ฉันมีธุระต้องไปต่อ”
“งั้นผมขอตัว”
ซอนย่ากัดริมฝีปากเมื่อริโก้ผละขึ้นรถ ไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งหรือโน้มน้าวให้เธอไปกับเขา บางครั้งริโก้ก็เหมือนคนใจดำ แต่นั่นละ เขาจะมาห่วงใยความรู้สึกเธอทำไม ในเมื่อข้อตกลงว่าไร้ซึ่งข้อผูกมัดระหว่างกันชัดเจน
...
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครครับ” ดีแลนถามขึ้นทันทีที่พนักงานเสิร์ฟรับออร์เดอร์และเดินจากไปแล้ว
“ริโก้ โดมิงโก ค่ะ”
ดีแลนอึ้ง เขาจ้องวงหน้าสวยเฉี่ยวเพื่อหาร่องรอยการจดจำ แต่ม่านตาสีนิลคู่นั้นกลับว่างเปล่า ถ้าอิสซาเบลรู้ว่าริโก้ตามหาเกรย์เจอแล้ว ฝ่ายนั้นคงแทบกระอักเลือด เพราะเท่ากับสามปีที่ผ่านมาสูญเปล่า “เขาตามหาหนูเกรย์ทำไม เขาบอกไหมครับ”
“เขาคลาดกับดิฉันที่ไอคา เลยอยากมาทำความรู้จักค่ะ”
“เขารู้หรือเปล่าว่าหนูเป็นหลานสาวของอิสซาเบล”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้างั้นทำไมเขาถึงต้องตามหาหนู ถ้าไม่รู้ว่าเป็นหลานของอิสซาเบล”
“ไม่ทราบค่ะ เขาอาจรู้ว่าดิฉันเป็นคนของซานโต้ แต่ไม่มีทางรู้แน่ว่าเป็นหลานของคุณยาย”
“เขาฮอตมาก ดูเหมือนสาวๆ ติดตรึม” ดีแลนหยั่งท่าที
“ข้อนั้นดิฉันไม่เถียง คนสเปนรู้กิตติศัพท์ของเขาดีว่าเป็นเสือผู้หญิง”
“ได้ยินอย่างนี้ผมก็โล่งใจ เพราะเขาเป็นตัวอันตรายสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะเด็กสวยๆ อย่างหนู”
“พักเรื่องของริโก้ไว้แค่นี้ เรามาคุยเรื่องของศาสตราจารย์ดีกว่าค่ะ ศาสตราจารย์รู้จักกับคุณยายได้ไงคะ” เกรย์เปลี่ยนเรื่อง เธออยากเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปจากริโก้
พูลวิลลาของอิสซาเบลตั้งอยู่ที่ชานเมืองในแคว้นมาดริด เป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นสูงสามชั้นบนเนื้อที่เกือบสี่สิบไร่ แต่ละชั้นไต่ระดับความสูงลดหลั่นกันไปเพื่อให้เห็นวิวโดยรอบซึ่งรายล้อมด้วยเนินเขา มีสระน้ำทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ สระน้ำเอาต์ดอร์อยู่ในส่วนที่เป็นระเบียงยื่นออกไปในชั้นที่สอง ซึ่งเกรย์กำลังนอนอาบแดดคว่ำหน้าอยู่บนแพยางกลางสระตอนนี้ หลังกลับจากไปส่งดีแลนที่โรงแรม เธอก็กลับมานอนอาบแดดกับแอนนา ซึ่งนอนอยู่อีกแพข้างๆ
“คุณยายบอกลูกหรือยังว่าอยากให้ไปเรียนจอร์จทาวน์” แอนนาเริ่มต้นบทสนทนาขึ้น
“ยังค่ะ ไหนคุณยายเล็งฮาร์วาร์ด เคมบริดจ์แล้วก็เอ็มไอทีไว้ล่ะคะ แต่ถ้าจอร์จทาวน์ก็ดีเหมือนกันเพราะเบคก้าเลือกเรียนที่นั่น นี่ถ้าเบคก้ารู้คงดีใจเพราะรายนั้นกำลังหาคนไปเรียนเป็นเพื่อนอยู่” เกรย์พูดโดยไม่ลืมตา ยังคงประสานมือรองคางต่างหมอน เธอปลดตะขอบิกินี่ด้านหลัง จนทรวงอกอวบอิ่มล้นไปด้านข้าง
“แม่ก็ว่าดี ลูกจะได้มีเพื่อน”
“แล้วทำไมคุณยายถึงเลือกจอร์จทาวน์คะ”
“ราชนิกุลของยุโรปเรียนที่นั่นเยอะ นี่อีกสองเดือนก็จะถึงงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าของจอร์จทาวน์แล้ว”
“คุณแม่จะไปร่วมงานไหมคะ” แอนนาเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์
“คงต้องไป เพราะปีนี้มีข่าวว่าราชนิกุลมากมายของสเปนไปร่วมงานด้วย นัยว่าเจ้าชายฮาเวียร์ก็จะเสด็จด้วย” แอนนาเอ่ยชื่อมกุฎราชกุมารของสเปนอย่างระวัง โชคดีลูกสาวไม่มีแววจะจดจำได้
“คงเป็นงานใหญ่” เกรย์พึมพำ
แอนนาพินิจวงหน้าสวยเฉี่ยวของลูกสาว ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือนัยน์ตาคมซึ้งสีนิลซึ่งได้จากอลันผู้เป็นสามีชาวไทยของเธอ อลันมีนัยน์ตาคมกล้า แต่หวานซึ้งซึ่งทำให้เธอตกหลุมรักทันทีที่เจอกันครั้งแรก เธอเจอกับพ่อของเกรย์ตอนไปเที่ยวเมืองไทยกับเพื่อนๆ ในช่วงซัมเมอร์
อลันฝึกงานเป็นพนักงานเสิร์ฟของโรงแรม โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรม ทั้งคู่หลงรักกันและกันหลังจากนั้นเวลาทั้งหมดของเธอก็หมดไปกับอลันจนวันที่เดินทางกลับ อลันสารภาพว่าเขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมในเครือหาร
พิทักษ์ที่มีอยู่ทั่วเอเชีย เธอชวนเขาไปเรียนมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ แต่พ่อแม่เขาอยากให้เรียนปริญญาโทที่สถาบันเอ็มไอที ซ้ำร้ายจับเขาหมั้นกับสาวไทยก่อนจะส่งไปเรียนที่อเมริกา ส่วนเธอหลังกลับจากประเทศไทยไม่นานก็รู้ตัวว่าท้อง เลยดรอปเรียนจนคลอดเกรย์ แล้วฝากพ่อกับแม่เลี้ยงดู
เธอกลับไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรีและโท ระหว่างนั้นขาดการติดต่อกับอลัน กลับมาเจอกันอีกครั้งในงานโรดโชว์สถานประกอบการการท่องเที่ยวที่สเปน ซึ่งอลันมาในนามของสถานประกอบการชั้นนำของไทย ตอนนั้นเธอถึงได้รู้ว่ายังรักอลัน และเขาก็มีความรู้สึกต่อเธอไม่ต่างกัน แม้อลันจะมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีลูกๆ ที่น่ารัก เธอพยายามหักห้ามใจ แต่สุดท้ายทนแรงปรารถนาไม่ได้ เธอยอมไปเจอเขาที่โรงแรมในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะกลับเมืองไทย แล้วสุดท้ายก็ลงเอยกันบนเตียง คืนนั้นทั้งสองรำลึกถึงความหลัง เธอเล่าเรื่องเกรย์ให้เขาฟัง เขาดีใจและขอเจอหน้าลูก
หลังจากนั้นอีกหลายเดือนต่อมาเขาบินกลับมาที่สเปนอีกครั้งเพื่อพาเกรย์ไปเมืองไทย ทำเรื่องจดทะเบียนรับรองเป็นบุตรตามกฎหมาย เพื่อจะได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินและมรดกของหารพิทักษ์ หลังจากนั้นอลันส่งเสียเลี้ยงดูเกรย์ทุกเดือน และทุกครั้งที่อลันบินมาประชุมที่ยุโรปหรือใกล้ๆ สเปน เขาจะเลยมาเยี่ยมเธอและลูก หรือบางทีก็จงใจบินมาเยี่ยมโดยตรง เกรย์ไม่เคยมีปัญหากับพ่อ เพราะนับแต่เล็กๆ รับรู้มาโดยตลอดว่าใครเป็นพ่อ และมีเหตุผลอะไรที่ต้องแยกกับแม่ พอถึงเวลาได้รู้จักตัวจริงของอลัน เกรย์จึงเปิดใจรับโดยง่าย ซัมเมอร์ไหนที่เกรย์ไม่ได้ไปช่วยงานที่บริษัท เธอจะชวนเพื่อนๆ บินไปเที่ยวเมืองไทยเพื่อเยี่ยมอลัน
“คุณยายคงอยากให้แม่จัดงานเดินแบบในงาน”
“คงแบบนั้น แต่นั่นหมายความว่าถ้าเราโชคดีเข้าตาเหล่าราชนิกุล”
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติย่างเข้าปีที่สามแล้วที่จะจัดงานเดินแบบในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า มีราชนิกุลและพระบรมวงศานุวงศ์จากสเปนไปเรียนมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์แทบจะรุ่นต่อรุ่น พวกเขาเลยขอให้จัดกิจกรรมนั้นในงาน และเป็นที่จับตามองทุกปีว่าระหว่างโดมิงโกกับซานโต้ ใครจะได้สิทธิ์ไปจัดงานเดินแบบ ซึ่งคนที่ตัดสินคือนายกสมาคมศิษย์เก่า แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าการตัดสินใจของนายกสมาคมฯ มีราชนิกุลและพระบรมวงศานุวงศ์ที่เป็นศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอยู่เบื้องหลัง
เกรย์ยิ้ม “ขอให้ซานโต้โชคดีค่ะ”
“ขอบใจลูก นี่รู้หรือยังคุณยายให้แม่ทำเรื่องส่งลูกไปอยู่อเมริกาเดือนหน้านี้”
“ทำไมเร็วขนาดนั้นคะ”
“คุณยายอยากให้หนูไปดูลู่ทางแล้วก็เตรียมหาที่พัก เลยอยากให้ไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เดือนหน้าเลย จะได้ปรับตัว พอถึงเดือนมิถุนาค่อยบินกลับมารับปริญญาที่เปรู”
“คุณยายทำเหมือนอยากผลักไสหนูออกจากมาดริด”
“ไม่หรอก อยากให้ลูกได้มีเวลาปรับตัวมากกว่า ลูกไม่เคยอยู่อเมริกา ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเนิ่นๆ จะได้ปรับตัวได้”
“ไหนคุณยายอยากให้หนูอยู่ช่วยงานบริษัทก่อนสักระยะ เปิดเทอมแล้วค่อยบินไปเรียน”
“คุณยายเปลี่ยนใจ อยากให้ลูกโฟกัสเรื่องเรียนมากกว่า”
“จู่ๆ มาเปลี่ยนใจหรือคะ”
“คงเพราะไม่อยากดึงลูกมาปวดหัวกับเรื่องธุรกิจ ทางนี้เราจัดการกันได้”
“ให้หนูอยู่ช่วยได้นะคะ หนูยินดี”
“ไม่เป็นไร เอาจริงๆ แม่ก็เห็นด้วยกับคุณยาย ลูกควรโฟกัสเรื่องเรียนมากกว่า วัยขนาดลูกแม่ว่าใช้ชีวิตให้สนุกกับชีวิตมหา’ลัยเถอะ อย่ามาคร่ำเคร่งกับเรื่องธุรกิจเลย ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราสนุกกับชีวิตวัยเรียน จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังว่าตอนมีโอกาสทำไมไม่ใช้ให้คุ้มค่า”
“โอเคค่ะ ถ้าคุณแม่ว่าอย่างนั้น”
“เอางี้แหละจ้ะ แล้วไปไอคารอบนี้เป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่าให้แม่ฟังเลย”
แอนนาเพิ่งได้คุยกับดีแลนเลยเพิ่งได้รู้ว่าริโก้เจอกับเกรย์แล้ว เธอยังไม่กล้าเล่าให้อิสซาเบลฟัง กลัวว่าจะหุนหันพลันแล่นเหมือนสามปีก่อนอีกที่จับเกรย์เข้าเครื่องล้างความทรงจำ อาศัยว่าเป็นความสมัครใจของลูกสาว เพราะไม่อยากเจ็บปวดกับเรื่องราว
ในอดีตอีกเลยเสนอตัวเข้ารับการทดลองจากดีแลน ยาและเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ลบเลือนความทรงจำได้ แต่แอนนาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าระหว่างความทรงจำอันเลวร้ายกับไร้ซึ่งความทรงจำ อย่างไหนจะเลวร้ายกว่ากัน อย่างตอนที่เลิกกับอลันโดยที่ยังรักกัน แถมมีโซ่ทองคล้องใจที่คอยตอกย้ำให้นึกถึงเขาอยู่ร่ำไปนั้น ทำให้เธอเจ็บปวดชนิดไม่มีวันเลือนหาย เพราะมองหน้าเกรย์ครั้งใดก็เตือนใจให้นึกถึงเขา แต่พอมาเห็นสภาพเกรย์ในวันนี้ เธอกลับนึกเสียใจที่สามปีก่อนไม่ทัดทานให้จริงจัง เธออยากได้เกรย์คนเดิมกลับคืน เกรย์เคยเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส หัวเราะง่าย ทะเล้น แต่พอเข้ารับการรักษา ผลข้างเคียงทำให้เกรย์กลายเป็นเด็กเย็นชา ยิ้มยาก
“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ผลตอบรับเป็นบวก เจ้าของงานชื่นชอบ สื่อชื่นชม”
เรื่องของไอคาเหมือนกัน เธอเพิ่งมารู้จากอิสซาเบลว่าโดมิงโกอยู่เบื้องหลังการว่าจ้างซานโต้ให้ออกแบบชุดเดินแบบ แถมริโก้ยังไปดูงานด้วยตัวเอง นี่ถ้าเธอรู้ล่วงหน้าว่าโดมิงโกอยู่เบื้องหลัง เธอจะให้เกรย์โขกราคาให้หนักๆ
“แล้วลูกเจอหลานชายของโลเปซหรือเปล่า ข่าวว่าไปดูงานเดินแบบด้วย”
“ไม่ค่ะ หนูออกมาก่อนที่งานเดินแบบจะเริ่ม เบคก้าคะยั้นคะยอให้มาฟังศาสตราจารย์บรรยายที่มหา’ลัย”
“แต่หนูก็ได้เจอริโก้แล้วใช่ไหม”
“ค่ะ ศาสตราจารย์บอกแม่ละสิ หนูไม่ควรประหลาดใจใช่ไหมที่ทั้งคุณแม่และคุณยายรู้จักศาสตราจารย์”
“เราเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของมหาลัยจอร์จทาวน์ เพราะฉะนั้นนักวิทยาศาสตร์แทบทุกคน เรารู้จักดี”
“ชัดเจนค่ะ” เกรย์ตอบแล้วฟุบหน้าเพื่อให้แผ่นหลังรับแสงแดดเต็มที่ เธอชอบอากาศช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิของสเปน เดือนกุมภาพันธ์อากาศอุ่นๆ แค่สิบกว่าองศาเท่านั้น
“แล้วตกลงริโก้เป็นไง หนูคุยอะไรกับเขาบ้าง”
เกรย์นิ่งอย่างใช้ความคิด ร่างสูงใหญ่ในชุดจ็อกกิงกระชับรูปแวบเข้ามาในความคิด เธอนึกสงสัยว่าระหว่างหน้าตาหล่อเหลาโดยเฉพาะตาคมกริบที่กระชากวิญญาณสาวๆ ได้เพียงวูบแรกที่สบตา กับรูปร่างที่เต็มไปด้วยเซ็กซ์แอปพีล อย่างไหนจะเป็นอันตรายต่อสาวๆ มากกว่ากัน
“เขาดูดีกว่าในทีวีค่ะ เขาชวนหนูไปดินเนอร์ด้วย”
“แล้วหนูตอบเขาว่าไง” แอนนาแทบกลั้นใจรอฟังคำตอบ
“ไม่ได้ตอบค่ะ”
แอนนาผ่อนลมหายใจ “หนูรู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นเสือผู้หญิง”
“ทราบค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลกนี้ที่หนูอยากคบหาด้วย”
“ได้ยินอย่างนี้แม่ก็เบาใจ เกรย์เป็นดวงใจของแม่กับคุณยาย แม่ไม่อยากให้เอ่อ...หนูน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะเสือผู้หญิงอย่างเขา” แอนนาพูดอย่างระวัง เกรย์เป็นเด็กดีมาตลอด จวบจนสามปีก่อนที่ผิดหวังจากความรัก นับแต่นั้นชีวิตของลูกสาวเธอก็เปลี่ยนแปลงไปและส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้
“ค่ะ”
แอนนาพูดต่อว่า “แม่ได้ยินว่าเขาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโดมิงโก”
“คงเบื้องหลังจริงๆ หนูไม่ได้ยินข่าวเลย”
“ก็หนูสนใจข่าวพวกนี้ที่ไหน แต่ดีแล้วละ รู้มากไปก็ปวดหัว นี่ก็มีข่าวลือว่าโดมิงโกกำลังจะเปลี่ยนซีอีโอ”
“เปลี่ยนจากโคเซเป็นใครคะ”
“จะเป็นใครล่ะ ลูกชายเขานั่นแหละ”
“ริโก้น่ะเหรอ”
แอนนาพยักหน้า “ข่าวลือว่ายังงั้นนะ แถมตอนนี้หุ้นโดมิงโกขยับบวกตอบรับข่าวนี้”
“งั้นนี่ก็อาจเป็นโพรเจกต์ใหญ่ที่คุณยายว่า” เธอพึมพำ
“โคเซบริหารเหมือนไม่บริหาร เราเลยไม่เหนื่อยนัก แค่เกรย์ดีไซน์อะไรใหม่ๆ เราก็แย่งพื้นที่ตลาดมาได้ แต่ถ้าริโก้ขยับขึ้นมา ซานโต้อาจต้องปรับกลยุทธ์ใหม่”
“ซานโต้เคยคิดจะถือหุ้นโดมิงโกไหมคะ”
“อะไรนะ หนูพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ถ้าซื้อหุ้นโดมิงโก เท่ากับเราเพิ่มสภาพคล่องให้เขา”
“หรืออีกนัยหนึ่งเราสามารถเข้าไปนั่งชักใยโดมิงโกได้ ถ้าเราถือหุ้นสัดส่วนที่มากพอ”
แอนนาอึ้ง
“โดมิงโกไม่มีหนี้เสีย ฉะนั้นตัดความเสี่ยงเรื่องถือหุ้นไม่มั่นคงออกไปได้ ตรงกันข้าม ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานไม่ต่างจากซิกเนเจอร์ของบริษัท ถ้าเรามีสิทธิ์มีเสียงที่จะเข้าไปนั่งบริหารกำหนดทิศทางของโดมิงโก คุณแม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“เราจะรู้ความลับของเขาและสามารถกำหนดทิศทางการบริหารของโดมิงโกให้เป็นไปในทิศทางที่เราต้องการได้” แอนนาต่อประโยคของลูกสาวเมื่อเกรย์พยักหน้า แอนนามองลูกสาวอย่างทึ่ง “หนูฉลาดมากเกรย์ แม่จะลองคุยกับคุณยายดู”
“ค่ะ หนูขอว่ายน้ำอีกรอบแล้วจะขึ้นนะคะ แดดเริ่มแรง” เกรย์พูดแล้วเอื้อมมือไปติดตะขอชั้นในทางด้านหลัง แล้วพุ่งตัวลงไปในสระน้ำ แหวกว่ายไปมาไม่ต่างจากมัจฉา
แอนนาเฝ้ามองด้วยสายตาชื่นชม ลูกสาวเธอทั้งฉลาด สวย และหุ่นดี ผิวพรรณขาวผ่องเป็นยองใยไร้ซึ่งไฝฝ้าราคี ยกเว้นรอยสักบริเวณต้นคอที่สักด้วยความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น เกรย์มีรูปร่างเซ็กซี่ชนิดที่ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมองซ้ำ ด้วยว่าบอบบางแต่เฟิร์มอย่างคนออกกำลังกายเป็นนิตย์ หน้าอกอวบอิ่มเกินตัว เอวคอดกิ่ว และสะโพกผายกลมกลึง ลูกสาวเธอเคยได้รับการทาบทามจากเอเจนซี่ให้เป็นนางแบบโฆษณาชุดว่ายน้ำ ครอบครัวปฏิเสธแทบไม่ทัน เพราะขนาดซานโต้เองยังไม่เคยคิดหากินกับเกรย์
ความคิดเห็น |
---|