5

บทที่ 5


5

 

สาวปริศนาเดินนวยนาดตรงไปยังห้องน้ำ ค่อยๆ เปลื้องผ้าออกด้วยกิริยาราวกับจะยั่ว เดรสไหมเลื่อนไหลไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายในทุกจังหวะก้าวที่เยื้องย่าง เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวผ่องที่ผมยาวสลวยสีนิลคลุมไม่มิด รูปร่างได้ส่วนสัดไม่ว่าจะเป็นเอวคอดกิ่ว สะโพกผายกลมกลึง และเรียวขายาว เสี้ยววินาทีต่อมาสาวน้อยรายนั้นรวบผมขึ้น เธอดึงยางที่ข้อมือออกมาเกล้าผมเป็นมวย เผยให้เห็นไรผม และรอยสักหลังต้นคอ ลายสักเกี่ยวกระหวัดร้อยรัดกันไปมาเป็นรูปหัวใจ ด้านข้างของหัวใจมีลายเส้นเล็กๆ ที่เลื้อยขดกันไปมาไม่ต่างจากกิ่งก้านสาขา ปลายยอดแตกกิ่งเป็นรูปหัวใจราวกับต้องการสื่อว่ากิ่งก้านเหล่านั้นผลิดดอกออกผลเป็นหัวใจ

ริโก้สะดุ้งตื่นจากความฝันเมื่อมีมือเล็กๆ มาเขย่าแขน

“ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ มาร์จะปลุกลุงไปนอนที่ห้อง”

ริโก้ลืมตาก่อนขยับลุกนั่ง มือนวดคลึงท้ายทอยไปมา “กี่โมงแล้ว”

ช่วงดินเนอร์พวกเขาคุยกันเรื่องงานเดินแบบชุดเปรูเวียนคาร์นิวัล เพื่อวิเคราะห์ถึงทิศทางการดีไซน์และกลยุทธ์ทางการตลาดของซานโต้ โดยมีมาเรียช่วยเสริมความเห็นเป็นระยะ มาเรียลงความเห็นว่าดีไซน์ใกล้เคียงกับที่หลานสาวของอิสซาเบลออกแบบ เนื่องจากเล่นกับตัวอักษร ที่ผ่านมามีการออกแบบหลายไซซ์เพื่อให้ใส่กันได้ทั้งครอบครัว และยังทำออกมาเป็นคู่ๆ เพื่อให้คู่รักใส่ด้วยกัน

พวกเขาคุยกันจนดึกดื่นกระทั่งโลเปซขอตัวไปพักผ่อน ริโก้กับมาเรียยังคุยกันต่อ ก่อนจะมาจบกันที่ห้องโฮมเทียเตอร์แห่งนี้ มาเรียอาสานวดให้ แล้วเขาก็ผล็อยหลับไปเมื่อไรไม่รู้ มาตื่นเอาตอนที่มาเรียปลุก เขาคงเอาแต่ขบคิดเรื่องของดาโกตากับเกรย์ ความวิตกกังวลเลยทำให้ฝันถึงผู้หญิงปริศนาคนนั้นอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้เหตุการณ์ในความฝันทอดยาวออกไป เป็นภาพที่ต่อจากครั้งก่อนๆ คือหลังจากเธอสลัดชุดเดรสเตรียมอาบน้ำแล้วก็มัดผมเป็นมวยสูงทำให้เห็นรอยสักหลังต้นคอ รอยสักเซ็กซี่ยังคงตราตรึง

แม้ว่าเขาจะตื่นจากความฝันแล้ว แต่ก็ยังคมชัดในความทรงจำ มันมีลักษณะคล้ายๆ ตัว R และ D ที่เกี่ยวพันกันเป็นรูปหัวใจ บางทีเขาอาจเอาที่มาร์ตินพูดมาขบคิดมากเกินไปจนเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะ ฝันว่า R แทนตัวอักษรตัวแรกของชื่อเขา และ D แทนตัวอักษรตัวแรกของชื่อดาโกตา ในฝันราวกับเขากำลังตื่นเต้นที่ได้ทำกิจกรรมอะไรบางอย่างกับเธอ

“หกโมงค่ะ มาร์เองก็เผลอหลับไปเหมือนกัน มาร์ได้ยินลุงละเมอเลยสะดุ้งตื่น”

ริโก้ชะงัก เหลียวมองหลานสาวที่กำลังนั่งอยู่ปลายโซฟาเบด “ลุงละเมอว่าอะไร”

“เกรย์ค่ะ”

ริโก้สำลักน้ำลาย ยิ้มเจื่อนๆ “มีอะไรมากกว่านั้นไหม” เขากลัวว่าจะเผลอทำอะไรเปิ่นๆ หรือไม่เข้าท่ามากกว่านั้น

“ไม่ค่ะ ลุงแค่ละเมอว่าเกรย์ แล้วนอนกระสับกระส่าย”

“คงเพราะเราพูดถึงเธอมากเกินไป ลุงเลยเก็บไปละเมอ” ริโก้ขยับลุก

“ลุงจะไปนอนต่อใช่ไหมคะ”

“ไม่ คงนอนไม่หลับแล้ว ว่าจะออกไปจ็อกกิงสักหน่อย” เขาเอ่ยชื่อสวนสาธารณะที่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

“แต่ฟ้ายังมืดอยู่เลย”

“กว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปถึงสวนสาธารณะก็คงสว่างพอดี สนใจไปวิ่งกับลุงไหม”

มาเรียส่ายหน้าหวือ “ไม่ละค่ะ นี่เป็นเวลานอนของมาร์เลย เชิญตามสบายนะคะ”

 

เกรย์พยายามขบคิดถึงความเป็นไปได้ที่ทำให้อิสซาเบลไม่อยากให้เธอคบค้าสมาคมกับริโก้ที่นอกเหนือไปจากเหตุผลทางธุรกิจ เมื่อคืนหลังจากคุยกันในโต๊ะอาหาร อิสซาเบลขอตัวไปพักผ่อนดูฟุตบอล ส่วนเธออยู่คุยต่อกับแอนนา พยายามถามหาเหตุผลกับมารดา แต่ได้คำตอบไม่มากนัก ทว่าถึงแอนนาไม่ปริปากพูด เซนส์เธอก็บอกว่ามีความลับอะไรบางอย่างที่แอนนากับอิส

ซาเบลปิดบังเธออยู่ แต่มันคืออะไรเธอยังขบคิดไม่ตก อาจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาอิสซาเบลไม่เคยเข้ามายุ่มย่ามในเรื่องคบหาเพศตรงข้าม พอมาถึงรายริโก้ อิสซาเบลกลับเข้มงวด เลยทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ แต่พอนึกว่าที่ผ่านมาเคยมีเพื่อนต่างเพศที่เธอพามาทำความรู้จักกับครอบครัวบ้างไหม สมองกลับว่างเปล่าราวกับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยคบกับใคร

เกรย์ยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะจ็อกกิงไปตามทางวิ่งในสวนสาธารณะแห่งนั้น หูฟังเพลงจากเครื่องเล่นเอ็มพีสาม ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังวิ่งเข้าหาใครบางคน ตราบจนเห็นร่างสูงใหญ่วิ่งลิ่วๆ มาแต่ไกล เกรย์ตกใจแกมประหลาดใจ เธอผ่อนฝีเท้าช้าลง นึกอยากหันหลังกลับ แต่เขาคงเห็นเธอวิ่งมาแต่ไกลแล้ว ถึงไม่รู้ว่าเป็นเธอ แต่ถ้าจู่ๆ เธอหันหลังกลับ เขาก็คงผิดสังเกต เขาวิ่งมาด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอ ไม่ได้เร่งจังหวะ และไม่มีทีท่าว่าจะจดจำเธอได้ด้วย เพราะฉะนั้นเธอไม่ควรทำตัวให้เป็นพิรุธ

ทำไมโลกถึงกลมอย่างนี้นะ เธอมัวแต่ใจลอยจนลืมนึกไปว่าสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ใกล้วิลลาของโลเปซ ฉะนั้นให้อย่างไรเขาก็ต้องออกมาจ็อกกิง ไม่สิ...เขาไม่ได้พักอยู่ที่วิลลาของโลเปซสักหน่อย เขาอยู่ที่เพนต์เฮาส์ส่วนตัวของเขาโน่น โอกาสที่จะมาวิ่งที่นี่เป็นไปได้ยาก ฉะนั้นเธอไม่ได้ชะล่าใจ เพียงแต่เมื่อคืนเขาอาจมาค้างที่วิลลาของย่าเขา เช้านี้ถึงได้มาวิ่งที่นี่

เกรย์ยังคงคิดอะไรสับสนวุ่นวายขณะวิ่งเข้าใกล้เขาทุกขณะ พยายามทำทีไม่เห็นเขาเหมือนที่เขาไม่เห็นเธอ ทว่าจู่ๆ จังหวะที่กำลังจะสวนกัน ริโก้กลับเปลี่ยนเลนมาดักหน้าราวกับจะแกล้ง เป็นผลให้เธอเบรกไม่ทัน เธอชนเข้ากับแผงอกเขาอย่างจัง อ้อมแขนแกร่งตวัดโอบหลังช่วยประคองไม่ให้ล้ม เกรย์ผงะเงยมองเขาอย่างตกใจ

ราวกับเป็นแค่ความฝัน จังหวะที่เขากำลังนึกถึงสาวน้อยปริศนาในความฝัน นึกถึงดาโกตา สาวที่มาร์ตินพูดถึง และนึกถึงเกรย์ คนของซานโต้ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับอิสซาเบล แล้วจู่ๆ ร่างบอบบางก็ปรากฏกายขึ้นในชุดเสื้อกล้ามครึ่งตัว อวดหน้าท้องแบนราบ แถมมีกล้ามเนื้อขึ้นเป็นริ้วๆ ท่อนล่างนุ่งกางเกงผ้ายืดขายาวกระชับตัวอวดช่วงขายาวเรียว ผิวเธอขาวนวลเนียนอมชมพูเห็นแต่ไกล เสื้อกล้ามกระชับตัวทำให้เห็นเนินอกอวบอิ่มจนล้นทรวง แต่กระชับรับกับเอวคอดกิ่วและสะโพกผายกลมมน พระเจ้า...เห็นแล้วใจละลาย วูบหนึ่งเขารู้สึกหวง ไม่อยากให้เธอแต่งกายล่อแหลม

“เจ็บไหม” ริโก้ถามเสียงนุ่ม ยังคงโอบประคองแผ่นหลังเธอไว้ กลิ่นหอมที่ยากจะแยกออกว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นกายเธอโชยมาเตะจมูก เขาสูดเข้าปอดลึกๆ พบว่าเป็นกลิ่นเดียวกับผ้าเช็ดหน้าที่เธอให้เขา

เกรย์หน้าแดงก่ำด้วยว่าศีรษะชนปลายคางเขา ใช้มือกันไม่ให้หน้าอกโดนตัวเขา เงยมองเขาอย่างคาดไม่ถึงด้วยสีหน้าตกใจ

ริโก้รู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เพราะมือสองข้างที่วางอยู่บนตัวเขา ถึงจะรู้ความนัยว่าเธอแค่ต้องการกันเขาไม่ให้โดนหน้าอก กระนั้นก็ยังอบอุ่นชวนวาบหวามอยู่ดี เกรย์จะรู้ไหม ท่าที่ยืนแนบชิดกันอยู่ทำให้เห็นเนินอกที่เบียดชิดกันนั้นชัดเจน

เขาถือวิสาสะปลดหูฟังจากหูเธอ “โอเคไหม คุณเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า” ริโก้ถามย้ำ

เกรย์รู้สึกว่าเธอเอาแต่จ้องเขาจึงกระแอมแล้วพยายามถอยห่าง แต่วงแขนเขากลับโอบแน่นหนา “ไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย คุณล่ะ ศีรษะดิฉันกระแทกคุณ”

“ไม่ ห่างไกลหัวใจเยอะ”

“คุณเล่นอะไรไม่รู้ จู่ๆ วิ่งข้ามเลนมาไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว”

“อยากเตือนใครบางคนที่ขี้ลืม แกล้งทำเป็นไม่เห็นผม” ริโก้ตอบหน้าตาเฉย

เกรย์อ้าปากค้าง แก้มแดงก่ำ “คุณก็แกล้งไม่เห็นดิฉัน”

ริโก้สารภาพ “เอาจริงๆ ผมกลัวว่าคุณจะวิ่งหนีถ้าผมแสดงตัวให้รู้ว่าเห็นคุณและจำคุณได้ตั้งแต่เห็นไกลๆ”

เกรย์กะพริบตาปริบๆ

“จริงด้วย พระเจ้า...เด็กขี้โกง” ริโก้อุทานเมื่อแววตาเธอบอกว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง

เกรย์ขยับตัวอย่างอึดอัด “ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ”

“ถ้าไม่ล่ะ” ริโก้เพิ่มแรงกอดกระชับราวกับจะแกล้ง

เกรย์รู้สึกได้ถึงแขนแกร่งปานคีมเหล็ก เธอขมวดคิ้ว แต่ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะเสียเปรียบทางสรีระทุกประตู แถมตอนนี้เธอสวมรองเท้าผ้าใบด้วย “ดิฉันจะร้องตะโกนดังๆ ถ้ายังไม่ปล่อย”

“เอาเลย เอาให้ได้ยินกันทั้งพาร์กเลย”

เกรย์ย่นหัวคิ้ว

ริโก้กวาดตามองทั่วใบหน้างาม พวงแก้มขาวอมเลือดฝาดนั้นบัดนี้แดงก่ำอย่างยากจะเดาได้ว่าเกิดจากการจ็อกกิง อากาศที่เริ่มเย็น หรือเพราะตกอยู่ในอ้อมแขนเขา เกรย์เก็บผมในหมวกแก๊ปที่มีอักษร G อยู่กลางหมวก เห็นวงหน้าสวยแฉล้มชัดเจน

เกรย์จ้องกลับด้วยนัยน์ตาดุๆ ริโก้ไม่สนใจ ยังคงสำรวจอย่างใจเย็น คิ้วเรียวได้รูปสวยพาดเหนือขนตาดกปลายงอน จมูกโด่งปลายงอนรับกับริมฝีปากรูปกระจับ ริมฝีปากบางแต่อิ่ม เป็นริมฝีปากที่เซ็กซี่ที่สุดนับแต่เขาเจอมา เธอมีความงามลงตัว ไม่ว่าจะมองพิศหรือมองผาด เป็นสาวเดียวที่ผสมผสานระหว่างความสวยคมและสวยหวานได้อย่างลงตัว

แล้วริโก้ก็เผลอทำตามใจปรารถนา เขาก้มหน้าจะฉกจูบ เธอก็ไวปานกันด้วยว่าจับสังเกตอยู่ก่อนแล้วจึงรีบก้มงุด ยกมือทั้งสองข้างดันใบหน้าเขาพลางดิ้นขลุกขลักและสลัดให้พ้นวงแขนเขา หมวกแก๊ปหลุดร่วงเผยให้เห็นผมเปียพันรอบศีรษะ เขาเพิ่มแรงกอดกระชับไม่ต่างจากงูรัดเหยื่อ จนร่างเธอเบียดชิดกับร่างเขาแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน กระทั่งได้ยินเสียงเต้นตึ้กตั้กของหัวใจอย่างยากจะแยกออกว่าเป็นเสียงหัวใจของใคร

ริโก้เป็นตัวอันตรายอย่างที่ใครๆ ว่า เขาเป็นผู้ชายประเภทปากว่ามือถึง พระเจ้า!...เธอแทบไม่อยากเชื่อ เจอกันแค่สองครั้งเขากล้าจะจูบเธอ เกรย์ยกเท้าข้างหนึ่งบดขยี้หลังเท้าเขา ทว่านอกจากเขาจะยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นไม่สะดุ้งสะเทือนแล้ว ยังตอบโต้กลับมาเจ็บแสบยิ่งกว่าด้วยการลดมือข้างหนึ่งไปตะปบสะโพกเธอ

เกรย์อ้าปากค้าง เขากล้าดียังไงมาจับก้นเธอ จึงสบถยาวเหยียด ขุดคำด่าทั้งภาษาสเปน ภาษาอังกฤษ และภาษาไทยที่ญาติทางเมืองไทยสอนมาด่ารัว เขาโต้กลับมาร้อนแรงยิ่งกว่าด้วยการจับก้นเธอบดเบียดกับกลางลำตัวซึ่งตอนนี้แม้แต่กางเกงผ้ายืดก็เอาไม่อยู่ มันบวมเป่งจนเธอรู้สึกได้ เกรย์หน้าแดงก่ำจดลำคอชนิดที่เกิดมาครั้งไหนไม่เคยรู้สึกบัดสีเท่าครั้งนี้ หัวใจเต้นคะมำ สั่นไหวยิ่งกว่าครั้งใดๆ เมื่อความรู้สึกบอกเธอว่าเธอกำลังใกล้ชิดส่วนนั้นมากแค่ไหน

เกรย์ไม่ยอมแพ้ ลดมือข้างหนึ่งลงมารัวกำปั้นทุบอกเขา ทว่าเขารวบมือเธอทั้งสองข้างไปไพล่ไว้ข้างหลังด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะดันตัวเธอไปเบียดชิดกับต้นไม้ใหญ่ริมทาง และตามมาบดเบียดติดๆ เกรย์รวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย ตั้งใจจะตีเข่ากลางลำตัวเขา แต่พอเธองอเข่า ราวกับเขาอ่านใจออก ริโก้แหย่ขาข้างหนึ่งมาแทรกกลางหว่างขาก่อนจะหนีบต้นขา เกรย์หน้าแดงก่ำเพราะเท่ากับเธอยืนคร่อมขาเขา หรืออีกนัยหนึ่งส่วนที่พึงสงวนกำลังบดเบียดอยู่กับขาอ่อนเขา

ริโก้มือข้างที่ว่างเชยปลายคางให้ศีรษะเธอติดกับต้นไม้ บังคับให้เธอแหงนหน้ารับจูบ วินาทีนั้นหัวใจเกรย์หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นลางแพ้รำไร เธอเม้มริมฝีปาก แต่เขากลับจงใจเบียดเข้ามาจนหน้าอกเธอบดเบียดกับแผงอกเขา ริโก้ได้ยินเสียงประท้วงอู้อี้มาจากลำคอเล็กๆ เขาไม่เสียเวลาแม้แต่จะชั่งใจด้วยซ้ำเมื่อก้มหน้าลงไปไซ้วงหน้างามด้วยปลายจมูกและริมฝีปาก ไล่สำรวจตั้งแต่หน้าผากกลมมน กลิ่นเหงื่อคละเคล้ากับกลิ่นน้ำหอมให้ความรัญจวน เขาไม่เคยรู้เลยว่ากลิ่นเหงื่อหลังออกกำลังกายของผู้หญิงจะปลุกเร้าอารมณ์เซ็กซ์ได้ร้อนแรงขนาดนี้

ริโก้จุมพิตเปลือกตาทั้งสองข้างของคนที่บัดนี้หลับตาปี๋ เขาไซ้จมูกไปทั่วพวงแก้มหอมกรุ่น ระเรื่อยไปยังจมูกโด่งปลายงอน จุมพิตแผ่วเบาก่อนจะไปหยุดที่ริมฝีปากนิ่งนาน เกรย์อยากจะงับเขา แต่ริโก้เพิ่มแรงบีบปลายคางก่อนจะและเล็มกลีบปากบนและล่าง ดูดกลืนและดุนเลีย เกรย์หวานปานน้ำผึ้ง เธอให้รสชาติของแสงแดดผสมกับรสเปปเปอร์มินต์และกลิ่นพยศถือดี ริโก้ใช้ปลายลิ้นดุนเพื่อแยกกลีบปากนุ่ม แต่เกรย์ไม่คล้อยตาม ชายหนุ่มเห็นว่าแหย่อย่างไรก็ไม่เป็นผล เลยบอกไปโต้งๆ

“เผยอปากเกรย์ ผมอยากลิ้มรสชาติคุณ” ริโก้บอกชิดปากนุ่ม ไม่รู้เลยว่าอารมณ์ปั่นป่วยภายในทำให้เสียงแหบพร่า ฟังดูเซ็กซี่ ริโก้ลงท้ายด้วยคำว่าได้โปรดในภาษาสเปน น้ำเสียงเว้าวอนร้องขอ

เกรย์ปฏิเสธเสียงอู้อี้

ริโก้ย่นหัวคิ้ว เกรย์ทำให้เขานึกถึงม้าพยศซึ่งนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ปราบสาวประเภทนี้

“ผมไม่อยากทำให้คุณเจ็บนะ จะให้ผมจูบดีๆ หรืออยากเจ็บตัวก่อน”

เกรย์ถลึงตาใส่ริโก้ ชั่งใจเสี้ยววินาทีแล้วตัดสินใจก้มลงใช้ฟันคมๆ งับกลีบปากบนของเขา ก่อนจะร้องลั่น อุทานแกมสบถไม่เป็นภาษา คาดไม่ถึงว่าเขาจะเล่นไม้นี้ ริโก้อาศัยจังหวะนั้นสอดปลายลิ้นเข้าไปในปาก เกรย์พยายามจะกัดลิ้นเขา แต่ริโก้เพิ่มแรงบีบกระชับปลายคาง เกรย์ครางอื้ออึง หัวใจเธอเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก วาบหวามแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ลมหายใจเกรย์หอบถี่กระชั้นราวกับผ่านการวิ่งมาราธอนมาหลายร้อยไมล์ แล้วจังหวะที่ปลายลิ้นเขาหยอกล้อกับปลายลิ้นเธอด้วยการเกี่ยวกระหวัดก่อนจะดูดกลืน เกรย์ก็รู้สึกว่าเธอทำวิญญาณหลุดจากร่าง สติสตังแตกกระเจิง ร่างกายอ่อนระทวยปวกเปียกราวกับคนไร้กระดูก กระทั่งต้องเอนพิงอกเขาเพื่อไม่ให้ล้ม เกรย์ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวพิงร่างเขา ตระหนักเป็นครั้งแรกว่าริโก้เชี่ยวชาญการจูบ เขาดึงสติและวิญญาณเธอออกจากร่างจนล่องลอยไปไกลสุดกู่ แข้งขาสั่นอ่อนแรง มั่นใจเลยว่าถ้าไม่มีต้นไม้อยู่ข้างหลัง เธอคงทรุดฮวบไปกองกับพื้น

ริโก้รู้สึกอ่อนหวานในใจ รับรู้ถึงร่างบางที่ทิ้งร่างพิงอกเขา ส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุดของเธอกำลังสัมผัสเสียดสีกับขาเขา เกรย์คงไม่รู้ว่ากำลังนั่งคร่อมขาเขา ถ้าเพียงแค่เขาจะแหย่มือเข้าไป แค่นิดเดียวเขาจะสัมผัสกับส่วนที่อ่อนไหวและอ่อนหวานที่สุด แค่คิดก็วาบหวาม เร่าร้อนเจียนคลั่ง เขาอยากสัมผัสเนื้อตัวทุกส่วนของเธอ โดยเฉพาะส่วนที่อ่อนไหวที่สุด

ริโก้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะปล่อยสองมือเป็นอิสระ เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งไปกุมข้างแก้มนวล อีกข้างประคองเอวคอดหลวมๆ ผิวแก้มเธออบอุ่นและเนียนนุ่มไม่ต่างจากผิวทารก เอวเล็กบอบบางเสียจนเขาแทบโอบได้มิด ริโก้แอบไล้ปลายนิ้วไปตามเอวเปลือยเปล่าระเรื่อยไปยังแผ่นหลังที่โผล่พ้นขอบเสื้อกล้าม ผิวเธอนุ่มเนียนมือไม่ต่างจากผิวแก้ม

วินาทีต่อมาเกรย์ก็ยกมือทั้งสองขึ้นโอบรัดลำคอเขาก่อนจะโน้มต่ำลงมา เรียวปากเล็กๆ บดขยี้ริมฝีปากเขาด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรง หัวใจของริโก้แทบตีลังกา สวรรค์ช่วย! เกรย์อ่อนหวานเหลือเกิน เธอเลียนแบบทุกการกระทำของเขา สำรวจไปทั่วขอบปากสวยราวอิสตรีอย่างตะกละตะกลาม เธอใช้ปลายลิ้นเล็กๆ หยอกล้อกับปลายลิ้นเขาก่อนจะดูดกลืน ริโก้อยากกู่ร้องคำราม ความรู้สึกยามมาทาดอร์ปราบกระทิงได้คงไม่ต่างจากที่เขาปราบเกรย์ รสชาติของชัยชนะหอมหวานและคุ้มค่าเสมอ

เกรย์สูญเสียการควบคุมตัว ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอจูบตอบเขาอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งริโก้เลื่อนมือจากเอวไต่ระเรื่อยขึ้นมายังสีข้าง และเกาะกุมทรวงอกข้างหนึ่งเต็มๆ นั่นละเกรย์ถึงสะดุ้งเฮือก สติสตังกลับคืน เธอกระชากมือเขาออกอย่างรวดเร็ว ทว่ามือเขาเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก อกอวบอิ่มกระชับเต่งตึงใต้ฝ่ามือเขาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากยามยืนปากเหว ริโก้อยากยื้อเวลา อยากดันทุรัง แต่รู้ดีว่าขืนไปต่อ รังแต่จะตกเหวก่อนได้ขึ้นสวรรค์ กระนั้นการถอยหลังกลับก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ริโก้บีบเคล้นทรวงอกนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายอย่างยากจะหักห้ามใจ หน้าอกเกรย์ขนาดพอเหมาะพอดีกับมือเขา สวรรค์เป็นพยานด้วยเถอะ เขาอยากจะทำมากกว่าจับ อยากจะสำรวจด้วยริมฝีปากตัวเอง

“พระเจ้าช่วย!...เรามาไกลเกินไปแล้ว”

น้ำเสียงเว้าวอน ผะแผ่วราวกับแว่วมาแต่ไกล เสียงเธอสั่น แหบพร่าราวกับคนขวัญเสีย ริโก้จับความรู้สึกนั้นได้ เขาต้องสะกดใจและรวบรวมกำลังใจอย่างมากที่จะดึงมือออกจากมือเธอที่เกาะกุมมือเขา แล้วรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด ลดเข่าที่ก่อนนี้ยันกับต้นไม้ลงกับพื้น ก่อนจะย่อตัว วางศีรษะพาดกับบ่าของเกรย์ สองมือโอบรัดร่างบางแน่นหนาประคองไม่ให้เธอซวนเซ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องการกำลังใจจากร่างอุ่นๆ ด้วย

เกรย์ชะงักชั่วครู่ น่าแปลกที่เธออ่านและแปลกิริยาของเขาได้ ริโก้ต้องการกำลังใจเพื่อจะสะกดกลั้นความปั่นป่วนภายใน พวกเขาอ่านความต้องการและเข้าใจกันและกันได้โดยไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด เกรย์ยอมศิโรราบต่อทั้งความรู้สึกของตัวเองและของเขา เธอยอมซุกอกเขาเงียบๆ ต่างฟังเสียงหัวใจของกันและกันครู่ใหญ่

ริโก้รอจนลมหายใจที่หอบกระชั้นผ่อนจังหวะช้าลงเป็นปกติแล้วจึงรวบรวมสติที่แตกกระเจิง ผละถอยห่างเล็กน้อยเพื่อสำรวจว่าความรู้สึกของเขาส่งผลอย่างไรต่อเกรย์บ้าง เธอยังคงก้มหน้างุด เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยน เชยปลายคางเธอ ผมเปียที่พันรอบศีรษะหลุดลุ่ยแลดูเซ็กซี่ ปลายจมูกโด่งตลอดจนแก้มนวลเนียนแดงระเรื่อ ริมฝีปากบวมเจ่อซึ่งเกิดจากการโดนเขาตะโบมจูบอย่างหนัก ภาพนั้นให้ความรู้สึกเซ็กซี่ชวนหลงใหล ริโก้จึงฉกจูบที่ริมฝีปากนุ่มเร็วๆ ทีหนึ่งแล้วว่า

“ผมขอโทษ ผมไม่เคยมีปัญหากับการจัดการความรู้สึกของตัวเองมาก่อน แต่นับแต่เจอคุณ ทุกอย่างกลับตาลปัตรตีลังกาไปหมด” ริโก้สารภาพและคว้ามือข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาจูบใจกลางฝ่ามือ

เกรย์รู้สึกว่ามือไม้เกะกะ ขัดเขิน ใบหน้าร้อนผ่าว ทำอะไรไม่ถูก จนต้องโอบเอวเขาด้วยมือข้างที่ว่าง ซุกหน้ากับอกเขาเพื่อปกปิดความรู้สึก น่าแปลก สัมผัสของเขาให้ความรู้สึกคุ้นเคย เจนใจ กระทั่งเกิดความไว้ใจ เธอกล้าโอบรอบเอวเขาราวกับคุ้นเคยมาตลอดชีวิต มันเป็นอะไรที่ง่ายดาย ไม่ต้องอาศัยความกล้าใดๆ กับการยื่นหน้าไปซุกอกเขา และริโก้ก็ให้ความรู้สึกดีเป็นบ้า กลิ่นกายเขาซึ่งเป็นกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นความเป็นชายทำให้เธอกระปรี้กระเปร่า เกรย์ไม่รู้เลยว่าปฏิกิริยาของตัวเองให้ความรู้สึกอย่างไรกับเขา

ริโก้รู้สึกเหมือนใจจะละลายเพราะกิริยาที่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจนั้น “เรามีปฏิกิริยาเคมีทางกายระหว่างกัน” เสียงแหบพร่าจนเขาต้องกระแอม “มันคล้ายประจุไฟฟ้าต่างขั้วที่ใกล้กันเมื่อไหร่เป็นต้องจูนติดเมื่อนั้น แล้วผมก็ไม่เคยมีความรู้สึกรุนแรงมากขนาดนี้มาก่อน มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ เป็นอะไรที่เหนือการคาดหมาย และแน่นอนเหนือการควบคุม เป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผม”

เกรย์หน้าแดงหนักขึ้น ร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า เธอบดเบียดใบหน้ากับอกเขามากขึ้น ริโก้ยิ้มกับกิริยานั้น เขาเข้าใจดีถึงความขัดเขิน กอดกระชับร่างบางในอ้อมแขนอีกรอบ ก่อนถือวิสาสะช้อนเข่าอุ้มเธอพามายังเกาะกลางถนนซึ่งมีม้านั่งวางเรียงรายอยู่ตลอดแนว

“คุณนั่งรอผมอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมจะไปหาน้ำดื่มมาให้” จุมพิตหน้าผากแผ่วเบาก่อนผละถอย จังหวะที่หันหลัง ริโก้พบกับบาร์เดนที่จ้องมองมาด้วยนัยน์ตาที่เบิกโต หมอนั่นยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก เขาลืมไปเสียสนิทว่าลูกน้องวิ่งตามอยู่ห่างๆ ริโก้กระแอม เขาไม่ชินกับการแสดงบทรักต่อหน้าใคร โดยเฉพาะกับลูกน้องตัวดีด้วยแล้วแทบไม่เคยอยู่ในความคิด ริโก้ต้องบังคับตัวเองอย่างมากให้วางหน้าเป็นปกติเมื่อถามออกไปว่า “นายยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้วหรือ”

“ก็นานพอจะเห็นวิธีต้อนรับสาวๆ ของคุณรีคละครับ จะให้ผมไปซื้อน้ำให้ไหมครับ”

เสือกย้ำให้รู้อีกว่าเห็นทุกการกระทำ และได้ยินทุกประโยคของเขา ริโก้หน้าร้อนผ่าว พยายามทำหน้านิ่งเมื่อตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการว่า “ก็ดี ฉันขอน้ำขวด กาแฟ ไวน์ เบียร์ ทาพาสอะไรก็ได้ อ้อ...ถ้ามีไอศกรีมขอด้วย” ทาพาส เป็นอาหารจำพวกของว่างกินเล่นกับไวน์หรือเบียร์ ยามนี้เขาเข้าใจว่าเกรย์น่าจะต้องการเครื่องดื่มแรงๆ เหมือนเขา แต่ถ้าไม่ เขาก็อยากมีตัวเลือกอื่นๆ สำหรับเธอ อย่างกาแฟหรือไม่ก็น้ำดื่ม

บาร์เดนโค้งศีรษะลงต่ำเกินเหตุแล้วหันหลังเดินจากไป

ริโก้ก้มหน้าซบกับฝ่ามือ บ้าเอ๊ย...เจ้าบ้านั่นล้อเลียนเขา ชายหนุ่มหันหลังกลับ ตั้งใจจะแซวคนที่ยังคงนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหิมะ ทว่าเสี้ยววินาทีนั้นเขาต้องชะงักยืนตัวแข็งทื่อเมื่อพบว่าแผ่นหลังขาวผ่องที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามครึ่งตัวนั้น มีรอยสักเซ็กซี่บริเวณต้นคอ ลวดลายไม่ต่างจากรอยสักในความฝันเมื่อตอนรุ่งสาง

เกรย์นั่งหันหลังนิ่งงันราวกับต้องมนตร์สะกดอย่างที่ดูออกว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์ หมวกแก๊ปหลุดร่วงไปนานแล้วตั้งแต่เขาคว้าตัวไปจูบใต้ต้นโอ๊กริมถนน เปียที่ถักพันรอบศีรษะหลุดลุ่ย แต่ไม่อาจปกปิดลายสักหลังต้นคอซึ่งตัดกับผิวขาวผ่องที่โผล่พ้นขอบเสื้อกล้ามเห็นเด่นชัด ตอกย้ำว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของลายสักที่เขาฝันเมื่อรุ่งสาง ด้วยว่าลายเส้นของตัวอักษร R และ D เกี่ยวกระหวัดเป็นรูปหัวใจ มีกิ่งก้านแตกยอดผลิดอกออกมาเป็นรูปหัวใจเล็กๆ เป็นลายสักเดียวกับในความฝันไม่ผิดเพี้ยน

พระเจ้าช่วย!...สาวน้อยที่เขาฝันมาตลอดสามปีนั่งอยู่ตรงหน้า ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้เขาช็อก แล้วความรู้สึกหลากหลายก็พุ่งชนไม่ต่างจากลูกธนูนับพันนับหมื่นดอกพุ่งใส่ทุกทิศทาง เจ็บจุกเสียดแน่นอกไปหมด ความรู้สึกที่ตามมาคือยอกแสยงปวดแสบปวดร้อน เป็นไปได้อย่างไรกันที่คนเราจะฝันถึงใครคนหนึ่งเป็นตุเป็นตะโดยไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แล้วจู่ๆ คนคน นั้นก็ปรากฏกายขึ้น มีเลือดมีเนื้อให้สัมผัสได้ แล้วคำพูดของมาร์ตินก็ผุดขึ้น

‘ดาโกตาแฟนนายไง อุบัติเหตุรอบนั้นทำให้ความทรงจำนายหายไปถาวรเลยหรือ ไหนหมอบอกว่าจะค่อยๆ จำได้ไง’ หรือว่าฝันซ้ำๆ คือความทรงจำที่เริ่มฟื้นกลับคืนมาอย่างที่มาร์ตินว่า แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมสาวน้อยตรงหน้าถึงทำเหมือนจำเขาไม่ได้ หรือเกรย์จะไม่ใช่ดาโกตา ริโก้สับสนด้วยดูออกว่าเกรย์ไม่ได้เสแสร้ง เธอไม่มีวี่แววว่าจะจดจำเขาได้จริงๆ เธอคือดาโก

ตา แฟนสาวในฝันของเขาแน่หรือ หรือว่าเธอจะประสบอุบัติเหตุร่วมกับเขาจนสูญเสียความทรงจำไปด้วยกัน คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวโดยไม่อาจหาคำตอบได้ ริโก้นึกอยากพิสูจน์ว่าเกรย์ใช่ดาโกตาคนเดียวกันไหมจึงตัดสินใจค้นหาความจริง

“ดาโกตา!” ริโก้ตัดสินใจเรียกเธอด้วยชื่อนั้น

เกรย์สะดุ้ง ยกมือขยี้ตาเมื่อหันหลังมาเจอแสงแฟลชจากกล้องโทรศัพท์มือถือของริโก้เข้าเต็มตา “คุณทำอะไร” เธอยกมือบังใบหน้าอย่างรวดเร็ว

ริโก้ไม่ตอบทันที แต่ส่งภาพไปให้มาร์ตินทางวอตส์แอปป์ พิมพ์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษรัวเร็วตามไปว่า

เช็กให้หน่อย ใช่ดาโกตาคนเดียวกับที่นายพูดถึงมั้ย

เขาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง เดินไปทรุดนั่งข้างๆ เธอ เกรย์ขยับเบียดชิดอีกด้านของม้านั่ง เขามองภาพนั้นขำๆ ปนเอ็นดู ทั้งที่ผ่านประสบการณ์จูบที่แสนหวานและแสนเร้าใจมาด้วยกัน เธอก็ยังทำท่าแหยงๆ เขา “คิดอะไรอยู่ นั่งนิ่งเป็นหมีปีนต้นสตรอว์เบอร์รีเชียว”

เกรย์นิ่วหน้าเมื่อเขาเปรียบเธอกับสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมืองมาดริด “ตอบดิฉันก่อนว่าเมื่อกี้คุณทำอะไร”

“ถ่ายรูป”

“ดิฉันหมายความว่าถ่ายไปทำไม ดิฉันไม่ต้องการให้ภาพตัวเองไปปรากฏบนแพลตฟอร์มใดๆ ไม่ว่าโซเชียลหรือพรินต์”

“เพราะอะไร เพราะคุณเป็นทายาทคนเดียวของอิสซาเบล เลยกลัวที่จะตกเป็นข่าว หรือกลัวว่าพอใครๆ รู้ว่าคุณเป็นใครแล้วจะเข้าหาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อย่างนั้นหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ดิฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบตกอยู่ในความสนใจของสื่อ” เธอเบือนหน้ากลับไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้า มองผ่านต้นโอ๊กไปยังหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังปิกนิกอยู่กลางสนามหญ้า

“ไม่รู้หรือว่าแค่คุณอยู่ต่อสองต่อกับผมก็ตกเป็นข่าวแล้ว ปกติมีปาปารัซซีตามผมตลอด” ริโก้อำหน้าตาเฉย

“อะไรนะ!” เกรย์เหลียวซ้ายแลขวา หน้าตาเลิ่กลั่ก

ภาพนั้นทำให้ริโก้หัวเราะ

“นี่แน่ะ หลอกกันหรือ” เธอเหวี่ยงกำปั้นทุบอกเขาพลั่กหนึ่ง ริโก้ยอมให้เธอทุบ แต่พอทุบเสร็จ เขาคว้ากำปั้นไปแบ จุ๊บใจกลางฝ่ามือ จากนั้นเขาก็ยึดไว้ตลอด

เกรย์มองมือตัวเองที่วางอยู่บนหน้าขาเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ แก้มแดงก่ำ เธอกับเขาสนิทกันง่ายและอย่างรวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ เกรย์ถามตัวเองอย่างตกใจเหมือนกัน นี่ถ้าอิสซาเบลหรือแอนนารู้ มีหวังเธอโดนอัปเปหิไปอเมริกาตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นแน่

“กลัวหรือ” ริโก้ทอดเสียงนุ่ม “ผมล้อเล่น ถ้ามีปาปารัซซีจริง ป่านนี้บาร์เดนต้องมาเตือนแล้ว”

“เตือนอะไร เขาไปซื้อน้ำอยู่”

ริโก้ชะงัก ก่อนหัวเราะ “ก็จริงของคุณ เห็นด้วยหรือ ขนาดนั่งหันหลังนะนี่”

“เปล่า ได้ยิน”

“มีอะไรรอดพ้นการสังเกตของคุณบ้างไหมนี่”

“เยอะแยะ ว่าแต่บาร์เดนเป็นใครคะ”

“จะเรียกว่าบอดีการ์ด คนติดตาม หรืออะไรก็ได้ แล้วแต่สะดวก แต่ความหมายคือคนที่ผมไว้ใจที่สุด”

“อ้อ...คนที่กุมความลับของคุณมากที่สุดน่ะเอง”

ริโก้ฉีกยิ้ม “คุณนี่น่ากลัวมาก”

“คนที่น่ากลัวกว่าคือคุณต่างหาก คุณรู้ได้ไงว่าดิฉันเป็นหลานของอิสซาเบล”

“เซนส์มั้ง คุณดูไม่น่าใช่ลูกคุณหนูธรรมดาๆ”

“เซนส์แรงมาก คุณยังไม่บอกว่าคุณถ่ายรูปดิฉันไปทำไม”

“ส่งให้เพื่อนดู”

เกรย์นิ่วหน้า “ส่งไปให้ดูทำไม”

“อยากรู้ว่าใช่ดาโกตาไหม” ริโก้บอกตรงๆ

เกรย์กะพริบตา “ถามเขาแล้วจะรู้หรือ”

“น่าจะรู้เพราะเขารู้จักทั้งคุณแล้วก็ผม”

“เพื่อนของคุณรู้จักดิฉัน? คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ ดิฉันงงไปหมดแล้ว”

“ผมก็งงเหมือนกัน ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี เอาเป็นว่าผมถามคุณตรงๆ ดีกว่า คุณชื่อดาโกตาใช่ไหม”

“ก็ควรเป็นยังงั้น ถ้าอยากรู้เรื่องของดิฉันก็ควรถามดิฉันไม่ใช่หรือ”

“ก็น่าจะใช่ คุณยังไม่ตอบว่าคุณชื่อดาโกตาหรือเปล่า”

“คุณรู้ชื่อนี้ได้ไง”

“ย้อนถามอีกแล้ว ตอบผมมาก่อน”

เกรย์ไม่ทันตอบเมื่อเห็นอะไรไหวๆ ทางหางตา ฝ่ายนั้นไม่กล้าเดินเข้ามา ได้แต่ยืนด้อมๆ มองๆ เธอเดาว่าน่าจะเป็นบาร์เดน “คนที่หอบของกินมาข้างหลังคุณใช่บาร์เดนหรือเปล่าคะ”

ริโก้กลอกตา ให้ได้อย่างนี้สิ...ต้องมาขัดจังหวะช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มทุกครั้งสิน่า

เกรย์เป็นผู้หญิงที่เดาใจยากเหมือนกัน เธอเลือกกินไอศกรีมแทนที่จะเป็นเครื่องดื่ม ริโก้มองเด็กสาวซึ่งกำลังละเลียดไอศกรีมโคนที่ถืออยู่ในมืออย่างเอร็ดอร่อย เขาหันมายกเบียร์กระป๋องขึ้นกระดกบ้าง ระหว่างพวกเขามีเครื่องดื่มและทาพาสวางกั้นอยู่ ริโก้พยายามไม่มองท่าเลียไอศกรีมของเกรย์ เพราะทำให้จินตนาการไปถึงไหนต่อไหน ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนัก ยกเท้าขึ้นนั่งไขว้ขาในท่าสบายๆ มองผ่านต้นโอ๊กไปยังสนามหญ้าเบื้องหน้า

“คุณยังไม่บอกว่าชื่ออะไร” เขารอให้เกรย์จัดการไอศกรีมไปครึ่งโคนแล้วจึงทวงคำตอบ

“ดาโกตา เกรย์ หารพิทักษ์ ซานโต้” เธอตอบตรงๆ บอกนามสกุลของบิดาก่อนนามสกุลของมารดาตามหลักการตั้งชื่อของสเปน

ริโก้หันขวับมามอง เหลือข้อสงสัยเดียวคือเธอเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ไหม

“แต่ชื่อดาโกตาไม่ได้ใช้มานานแล้ว คุณยายกับคุณแม่เลิกเรียกดิฉันด้วยชื่อนี้มานานหลายปีแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันเรียกด้วยชื่อเกรย์ จนตอนหลังชื่อนี้กลายเป็นชื่อจริงไปแล้ว”

“ทำไมล่ะ” ริโก้ถามด้วยความสงสัย

“ไม่รู้สิ ดิฉันเปลี่ยนไปใช้ เกรย์ หารพิทักษ์ มาหลายปีแล้วละ ตั้งแต่ห้าหกขวบแล้วมั้ง”

ฟังดูไม่เมกเซนส์เลย ถ้าเกรย์เปลี่ยนไปใช้ชื่อ เกรย์ หารพิทักษ์ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วพวกเขาเอาชื่อดาโกตามาจากไหน จะว่าไม่ใช่เธอก็ไม่น่าใช่อีก ในเมื่อรอยสักหลังต้นคอเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเป็นคนคนเดียวกัน “แล้วคุณไม่คิดจะหาคำตอบหรือว่าทำไมถึงไม่มีใครเรียกคุณด้วยชื่อดาโกตาอีก”

“ไม่รู้สิ ดิฉันไม่ได้รู้สึกแปลก เพราะไม่ได้ใช้ชื่อนั้นตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ทำไมหรือ ชื่อดาโกตามีความหมายกับคุณมากหรือ”

ริโก้เกือบสำลักเบียร์ เขาส่ายหน้า “ไม่หรอก ชื่อไหนๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับตัวคุณหรอก คุณต่างหากที่สำคัญที่สุด”

เกรย์ชะงัก “จะจีบเหรอ”

“ถ้าจีบแล้วจะคบกันมั้ยล่ะ” ริโก้ย้อนทันควัน

เกรย์สำลักไอศกรีม แค่จะแหย่ ไม่คิดว่าเขาจะพาซื่อตอบ

ริโก้เอื้อมมือไปลูบหลังเธอก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ เกรย์อุบอิบขอบคุณแล้วรับผ้าเช็ดหน้ามาซับปากเงียบๆ ขณะที่ริโก้กลับไปกระดกเบียร์ต่อ

“คุณเคยเรียนที่จอร์จทาวน์หรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ ดิฉันเรียนที่เปรูมาตลอด”

ริโก้หันขวับมามอง “เป็นไปไม่ได้” เสียงแผ่วต่ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“ทำไมล่ะ”

“ก็...” ริโก้อึกอัก “ไม่รู้สิ ตระกูลเก่าแก่ในสเปนมักส่งลูกหลานไปเรียนจอร์จทาวน์มั้ง” ที่สุดเขาเลี่ยงไปน้ำขุ่นๆ

เกรย์พยักหน้ารับรู้

“คุณจบมหา’ลัยหรือยัง”

“รับปริญญามิถุนานี้ค่ะ”

“โล่งอกไปที”

“โล่งอกอะไร” เกรย์กัดโคนเป็นคำสุดท้ายขณะหันมาจ้องเขา

“ผมจะได้รอดจากข้อหาพรากผู้เยาว์ไง”

เกรย์หน้าแดงก่ำ รับรู้ถึงนัยของเขา อาย แต่อดแย้งไม่ได้ “ดิฉันเรียนก่อนเกณฑ์ เพิ่งจะยี่สิบ”

“เฉียดฉิว แต่ยังไงก็ถือว่าพ้นเกณฑ์แล้ว คบกันไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ชัวร์”

“นี่ เชื่อมั่นเหลือเกินนะว่าเราจะคบกัน”

“เต็มร้อย ลางสังหรณ์ผมไม่เคยพลาด”

“รอบนี้แหละจะผิด”

ริโก้หัวเราะ “คุณจบมหา’ลัยอะไร”

“จะสอบประวัติกันรึไง”

“ผมขอโทษถ้าทำให้อึดอัด ผมไม่ตั้งใจจะละลาบละล้วง เพียงแต่อยากให้เราได้รู้จักกันมากกว่านี้ หลังจากที่ผมรู้เรื่องของคุณแล้ว คุณจะถามผมทุกๆ เรื่องที่อยากรู้ก็ได้นะ ผมจะเปิดโอกาสให้ถาม สัญญาว่าจะตอบอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเรื่องไหนตอบไม่ได้หรือไม่รู้ ผมจะบอกตรงๆ”

“ก็แฟร์ดี” เกรย์เช็ดมือกับผ้าเช็ดหน้าเขา

ริโก้เหล่มอง “ตกลงว่าจบมหา’ลัยไหน”

“มหา’ลัยแห่งชาติซานมาร์กอส” เธอตอบตามตรง

ริโก้พยักหน้า เก็บข้อมูลเงียบๆ “แล้วหารพิทักษ์ล่ะเป็นนามสกุลของคนชาติไหน ทำไมคุณไม่ใช้ซานโต้ล่ะ ถ้าใช้ซานโต้มีภาษีกว่าเยอะ” ริโก้หมายถึงอภิสิทธิ์ในสังคม

“หารพิทักษ์เป็นนามสกุลของคนไทยค่ะ คุณพ่อเป็นคนไทย ดิฉันเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคุณพ่อตั้งแต่เล็กๆ โดยที่คุณยายกับคุณแม่สนับสนุน ถามว่าเพราะอะไร เดาว่าถึงตอนนี้คุณน่าจะเดาคำตอบได้แล้ว และเป็นคำตอบเดียวกันว่าทำไมดิฉันถึงไม่เลือกใช้ซานโต้ทั้งๆ ที่คุณว่าซานโต้มีภาษีเหนือกว่ามากในสเปนและยุโรป”

“ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมซานโต้ถึงเก็บคุณไว้ได้นานขนาดนี้โดยที่ผมไม่รู้เลย คุณควรขอบคุณอิสซาเบลและแอนนาที่ทำให้รอดหูรอดตาผมมาได้นานขนาดนี้”

ริโก้เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอใช้นามสกุลของบิดาที่ไม่สะดุดหูและความสนใจใครต่อใคร แต่ถึงจะเปลี่ยนเครื่องทรงภายนอกก็ใช่ว่าจะรอดปลอดภัยจากพวกปากเหยี่ยวปากกา ในเมื่อเกรย์สวยมากขนาดนี้ ความงามของเธอต้องสะดุดตาใครต่อใครอย่างแน่นอน ทางรอดเดียวที่จะเก็บเธอให้รอดพ้นจากหูตาเขาได้คือส่งเธอไปอยู่ไกลจากสเปนให้มากที่สุด จะได้หลุดพ้นจากวงโคจรของเขา เพราะถ้ายังอยู่ที่นี่ ความสวยระดับนี้ไม่มีทางที่จะไม่เข้าถึงหูเขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีลือมาถึงเขาบ้าง

“ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคุณถึงสวยบาดตา เพราะคุณมีเลือดผสมหลายชาติ แอนนามีเลือดผสมเปรู-สเปน ส่วนพ่อคุณเป็นคนไทย คุณเลยได้เลือดผสมทั้งเปรู สเปน และไทย”

“คุณก็มีเลือดผสมเปรู-สเปน”

ริโก้ยิ้ม แอบภูมิใจนิดๆ ที่เธอรู้เรื่องของเขา อย่างน้อยก็แสดงว่าเขาอยู่ในความสนใจของเธออยู่บ้าง แล้วเขาก็นึกออกว่าเมื่อคืนโลเปซบอกว่าเขาเคยประสบอุบัติเหตุที่ประเทศไทย “คุณเคยไปเมืองไทยไหม” ริโก้ถามต่อ ใจจริงอยากถามมากกว่านั้นว่าเธอกับเขาเคยไปเมืองไทยด้วยกันไหม บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไปประสบอุบัติเหตุที่นั่น

“ไปบ่อยค่ะ ดิฉันไปเยี่ยมคุณพ่อ”

“แล้วรอยสักที่หลังต้นคอคุณเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของคุณหรือประเทศไทยไหม”

“ไม่ค่ะ แค่สักที่ประเทศไทย”

“แล้วมันมีความหมายอะไรไหม” ริโก้แทบกลั้นใจรอฟังคำตอบ

“ปีกหัวใจนั่นน่ะหรือ ไม่มีความหมายค่ะ”

ใจห่อเหี่ยวฉับพลันราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดอากาศเข้าไปเต็มๆ แล้วจู่ๆ ถูกคนใจร้ายใช้เข็มจิ้มแตกโพละ “ลองคิดสักนิดไหม มันอาจหมายถึงใครบางคน”

“จะให้หมายถึงใครล่ะ”

“ไม่รู้ ผมเห็นอักษร R กับ D บนรอยสักนั่น บางทีคุณอาจต้องการสื่อถึงใครบางคนที่มีความหมายกับคุณมาก”

“ดิฉันไม่เคยรู้เลยว่ามีอักษร R กับ D ด้วย”

“มีสิ R กับ D เกี่ยวร้อยเป็นรูปหัวใจนี่ไง เดี๋ยวผมถ่ายให้ดู” ริโก้ลุกอ้อมไปด้านหลังเกรย์ เขาแหวกลูกผมให้เห็นรอยสักชัดๆ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปรอยสักบนหลังต้นคอเธอ ก่อนยื่นโทรศัพท์มือถือให้เธอดู “นี่ไง R กับ D” เขาวาดนิ้วไปตามลายเส้นของตัวอักษร

“ไม่ใช่ R กับ D สักหน่อย แค่ลายเส้นที่ลากเชื่อมต่อกันเป็นรูปหัวใจ”

“คุณนี่ยังไงนะ ไม่มีศิลปะอยู่ในหัวใจเลย” ริโก้พูดอย่างขัดใจ “ดูดีๆ สิ R กับ D ชัดๆ บางทีคุณอาจต้องการสื่อว่าคุณกับผู้ชายตัวอาร์รักกันปานจะกลืน”

“ตื่นๆ เถอะ ดิฉันไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรแบบนั้นหรอก” เกรย์พูดพลางขยับลุก “ดิฉันว่าอากาศเริ่มร้อนแล้ว เรากลับกันดีไหม เช้านี้คุณไม่ต้องไปทำงานหรือ”

“เดี๋ยวสิ เรายังคุยกันไม่จบ ผมยังไม่ได้ถามคำถามสำคัญเลย” ริโก้กระตุกร่างบางจนเกือบเซล้ม ดีที่เธอต้านไว้ได้ทัน

เกรย์ทรุดนั่ง “คำถามอะไร”

“คุณมีแฟนหรือยัง”

“นี่หรือคำถามสำคัญของคุณ”

“มากเลยละ”

เกรย์ลังเล ที่สุดก็ตอบตรงๆ “ยังค่ะ”

“งั้นเราคบกันมั้ย”

“อะไรนะ!” เกรย์แทบสำลักน้ำลาย

“คุณได้ยินแล้ว เราคบกันไหม”

“ไม่ค่ะ” เกรย์ปฏิเสธทันควัน

“คิดสักหน่อยมั้ย”

“ไม่”

“ทำไมล่ะ”

“ดิฉันยังไม่อยากมีแฟน ไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น”

“เปิดโอกาสให้เราทั้งคู่ได้เรียนรู้กันและกันไหม อย่างน้อยก็เริ่มต้นในฐานะเพื่อน”

“เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ ถ้าไม่ใช่เพื่อน ดิฉันคงไม่เสียเวลาคุยด้วยนานขนาดนี้”

“งั้นผมขอเบอร์โทร.” ริโก้แบมือไปตรงหน้าเพื่อขอนามบัตร

“ไม่ หาเอาเอง แค่นี้ไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอก”

ริโก้นิ่วหน้า เกรย์เป็นผู้หญิงที่ยากกว่าที่คิด ถ้าคิดว่าได้จูบแล้วจะหมายใจได้ออปชันอื่นๆ ตามมาด้วยละก็คิดผิดถนัด “งั้นสัญญาได้ไหม ถ้าผมหาเบอร์คุณได้ คุณจะยอมรับนัดเดตผม เราจะไปดินเนอร์ด้วยกัน”

เกรย์แอบยิ้มกระหยิ่ม พยายามควบคุมแววตาเจ้าเล่ห์ “ได้เลย ถ้าคุณหาเบอร์ดิฉันได้ นอกจากจะดินเนอร์แล้ว ดิฉันจะยอมไปฟังเพลงกับคุณ แถมด้วยเต้นรำอีกสักเพลงด้วยเอ้า”

นัยน์ตาริโก้สว่างวาบแกมลิงโลด เขายื่นปลายนิ้วก้อยไปตรงหน้า “ดีล ผมรับคำท้าคุณ ผมจะหาเบอร์โทร. คุณแลกกับดินเนอร์หนึ่งมื้อ ต่อด้วยการฟังเพลงและเต้นรำด้วยกัน” เขาได้มุกเกี่ยวก้อยสัญญามาจากรพี เพื่อนคนไทย

เกรย์ยื่นปลายนิ้วก้อยไปสอดปลายนิ้วเขาอย่างไม่ลังเล ด้วยความเชื่อมั่นว่าโอกาสนั้นไม่มาถึงอย่างแน่นอน เพราะจากนี้เขาจะไม่ได้เจอเธออีก อย่างน้อยๆ ก็ปีกว่าๆ ด้วยว่าเธอกำลังจะบินไปเรียนต่อที่อเมริกาในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นเธอจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เผลอๆ อาจเหมือนตอนไปเปรู ที่พอไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกับญาติแล้ว เธอก็แทบไม่ได้บินกลับมาที่สเปนอีกเลย กลับมาเยี่ยมอิสซาเบลและแอนนานานๆ ครั้ง อย่างมากก็ปีละครั้งสองครั้ง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น