4

บทที่ 4

 

พรหมลิขิต

แดดร้อนแรงในเวลากลางวันเผาผิวงามของเกศรา จากสีขาวนวลให้เข้มขึ้นกลายเป็นสีน้ำผึ้งเมื่อต้องเปลวแดดนานหลายวัน ต่อให้เจ้าตัวจะบรรจงทาครีมกันแดดให้ทั่วผิวงามก่อนจะออกมานอนเอนกายบนเรือยอช์ตของเพื่อน ซึ่งอนุญาตให้เธอยืมมาใช้ระหว่างที่เขาไปพักผ่อนเล่นสกีที่ต่างประเทศ โดยเกศราอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้พวกเขาเพื่อแลกกับการยืมเรือออกมานอนอาบแดดตลอดหลายวันที่เธออยู่ที่สเปน

ศีรษะทุยสวยหนุนบนท่อนแขนงาม เปลือยแผ่นหลังให้เปลวแดดลามเลียจนถ้วนทั่ว หากเป็นผู้หญิงอื่นคงอิดออดเรื่องกลัวผิวจะคล้ำขึ้น หรือไม่ก็กลัวผิวกร้าน แต่เกศราไม่หวั่นกับปัญหาหยุมหยิมพวกนั้น หลังจากเช็กความเป็นไปในตลาดหุ้นจากไอแพดที่เธอพกติดตัวมาเรียบร้อย จนมั่นใจว่าหุ้นที่เธอถือครองอยู่นั้นยังอยู่ในตำแหน่งที่น่าพอใจ เกศราจึงปิดไอแพดลง จากนั้นหญิงสาวก็ตั้งใจว่าจะนอนงีบเอาแรงสักครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะขับเรือเข้าฝั่งไปหาอะไรกินสำหรับมื้อเที่ยง

ทว่าการพักร้อนที่แสนสุขของเกศราก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าของมือถือ สุดท้ายความสงบที่เธอหนีจากเมืองไทยเพื่อมาตามหานั้นก็ถูกทำลายหลังจากตัดสินใจกดรับสาย

“พี่เกด!”

เสียงร้องของพิศาดังลอดปลายสายมาจนแทบจะทำให้แก้วของเกศราเกิดรอยร้าว แต่หลังจากรับมือกับหญิงสาวรุ่นน้องมาหลายปี เกศราก็เพียงผงกหัวขึ้นจากท่อนแขน วางมือถือลงระหว่างเอื้อมมือไปผูกปมบิกินีของตน จากนั้นจึงหยิบมือถือขึ้นมาแนบหู

“พี่เกดได้ยินศาไหมเนี่ย ฮัลโหลๆ พี่เกด”

“เลิกตะโกนเสียทียายศา” เกศราถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสยลูกผมที่ปรกหน้าไปด้านหลังแล้วจึงค่อยๆ ทรงตัวลุกขึ้นยืน แม้จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าทุกครั้งเพราะไม่ได้อยู่บนพื้นดิน แต่สุดท้ายเธอก็สามารถทรงตัวยืนได้ “มีอะไรกันอีก โทร. มาโวยวายอย่างนี้ทำไม”

“ก็ยายตาอะไรนั่นของพี่เกดน่ะสิ” พิศากระแหนะกระแหนลูกค้าที่เธอไม่อยากทำงานให้ แล้วกระแทกเสียงฟ้องเกศราทันที “รู้ไหมว่าเขาจะให้เราทำงานอะไรให้เขา”

“งานอะไรก็ทำไปสิ ลืมแล้วเหรอว่าบริษัทเรารับทำงานทุกอย่างน่ะ” ร่างงามของหญิงสาวเดินไปเกาะรั้วเหล็กที่ต่อมาจากกราบเรือเพื่อช่วยทรงตัว มองผ่านแว่นกันแดดออกไปยังท้องน้ำแสนสวยตรงหน้า

“เขาให้เราช่วยจัดงานแต่งงานให้!” พิศาฟ้องอีก คิดว่าอย่างไรเสียเกศราก็ต้องเข้าข้างตนมากกว่าน้องสาวอดีตคนรักอย่างเปรมยุตาแน่ “พ่อแม่เขาไม่ถูกกัน แต่อยากให้เราจัดงานแต่งให้ ไม่รู้ว่าบ้าไปแล้วหรือยังไง”

“แล้วเราทำไม่ได้เหรอยายศา” คำถามของเกศราทำให้หุ้นส่วนรุ่นน้องอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่าเกศราจะย้อนตนด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ บอกชัดว่าไม่ได้ตกใจกับเรื่องที่เปรมยุตามาว่าจ้าง Even for you แม้แต่น้อย “ไหนบอกว่าทำได้ทุกอย่างยังไงล่ะ”

“นี่พี่เกดรู้นานแล้วใช่ไหมว่าเขาจะให้เราทำงานอะไร” พิศาย้อนเกศราคืนด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “รู้แล้วทำไมหนีไปเที่ยวล่ะ กลับมาทำงานเองสิ ถ้าพี่เกดคิดว่าพี่เกดทำได้”

“เขามีงบให้เราเท่าไหร่ล่ะ” เกศราถอนหายใจ เธอก็อยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอยู่หรอก เพียงแต่ว่าเธอนั้นไม่อยากพบเจอกับครอบครัวของกวีอีก

“ไม่เท่าไหร่หรอก ได้ยินตอนคุยกับยายแหวนแว่วๆ ว่าต้องเก็บเงินกันเอง”

พิศาบอก รู้ว่าครอบครัวของปุณณไม่ได้ลำบากอะไร แต่ก็ไม่ถือว่าร่ำรวยจนสามารเอาเงินมาละลายแม่น้ำเพื่อจัดงานแต่งให้บุตรชายได้ ยิ่งครอบครัวฝ่ายหญิงคาดหวังว่าจะต้องเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่สมฐานะของครอบครัวของตน ด้วยไม่อยากน้อยหน้าคนอื่นเรื่องนี้จึงยิ่งกลายเป็นปัญหาโลกแตก จนว่าที่เจ้าบ่าวตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ครอบครัวฝ่ายชายก็ออกอาการเขม่นครอบครัวของเปรมยุตา และพานเหม็นหน้าว่าที่เจ้าสาวสาวไปด้วย เรื่องราวลุกลามไปจนถึงขั้นที่ว่าบ้านของปุณณนั้นยื่นคำขาดว่าจะไม่ไปตบแต่ง แม้ว่าจะโดนคนในวงสังคมครหาและตอนนี้เปรมยุตาจะตั้งท้องอ่อนๆ แล้วก็ตาม

“นี่ขนาดผู้หญิงปล่อยให้ตัวเองตั้งท้อง ครอบครัวผู้ชายยังไม่ยอมลงให้เชียวนะพี่เกด สงสัยจะเกลียดบ้านนั้นเข้าไส้เข้าพุง” เล่าแล้วพิศาก็หัวเราะในคอด้วยความสะใจ สมน้ำหน้าบ้านช่างกรุณนักที่โดนนินทาว่าร้ายจนเริ่มอยู่กันไม่เป็นสุข “สมน้ำหน้าแล้วละ เชอะ”

“สรุปว่าทำไม่ได้เหรอ”

“ไม่อยากทำได้ไหมล่ะ” คนอย่างพิศาหรือจะมีสิ่งที่ทำไม่ได้ แต่ไม่ชอบใจครอบครัวของเปรมยุตาจึงไม่อยากเห็นพวกนั้นมีความสุขก็เท่านั้นแหละ “ไม่ชอบ ไม่อยากเห็นพวกนั้นมีความสุข”

“ตาเขาเป็นคนเดียวที่ดีกับพี่นะศา” เกศราพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็อ่อนโยน ทำให้ท่าทางที่แรงและร้ายของพิศาลดลงในพริบตา “ศาจะช่วยพี่ได้ไหม ถือว่าทำเพื่อพี่นะ ช่วยตาเขาหน่อย”

“จะช่วยยังไงได้ล่ะพี่เกด จะให้ศาบุกไปจิกหัวคนบ้านของคุณตาอะไรนี่มางานแต่งหรือไง” พิศาไม่วายมีปัญหา รู้ว่าต่อให้เธอยอมช่วยเปรมยุตาตามคำขอของเกศรา แต่ครอบครัวของฝ่ายหญิงก็คงไม่ยอมง่ายๆ หรอก “รู้อยู่ว่าเขาเป็นยังไง คงจะยอมมางานหรอก”

“ไม่อยากมาก็ไม่ต้องให้มาสิ” เกศราบอกเหมือนว่านั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต “เรื่องมาถึงขนาดนี้ ถ้าเขาไม่อยากมาก็ไม่ต้องให้เขามาหรอก พี่จะคุยกับตาเอง เอาใจครอบครัวผู้ชายอย่างเดียวได้ไหมล่ะ”

“แบบนั้นก็คงได้” พิศาอ้อมแอ้มรับคำ คาดไม่ถึงว่าเกศราจะกล้าตัดครอบครัวของเปรมยุตาออกไปง่ายๆ เช่นนี้ “แล้วก็จะง่ายขึ้นเยอะเลยด้วย ป๊าพอจะรู้จักกับบ้านของคุณปุณณเขาอยู่ คงจะพอพูดกันรู้เรื่อง”

เกศราผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่ได้ยินเช่นนั้น บอกตัวเองว่าเธอคิดถูกแล้วที่ให้พิศาเข้ามาช่วยจัดการงานนี้ เพราะลูกสาวเจ้าสัวอย่างพิศามีเส้นสายในวงสังคมพอสมควร

“แต่แน่ใจเหรอว่าจะไม่เป็นอะไรน่ะ บ้านคุณตาของพี่เกดเขาจะยอมง่ายๆ เหรอ”

“เรื่องนี้คงต้องถามเจ้าของงานเขาละ” เกศราหมายถึงเปรมยุตา นี่เป็นเวลาที่หญิงสาวต้องเลือกระหว่างครอบครัวของตัวเองกับครอบครัวพ่อของลูกแล้วว่าอยากเอาใจใครมากกว่า “แต่พี่คิดว่าตาคงไม่ขัดหรอก ตั้งท้องขนาดนี้แล้วคงเลือกอะไรไม่ได้มาก”

“เขาก็ดูรักกันดีนะพี่เกด” พิศาออกความเห็นหลังจากพบเปรมยุตากับคนรักของเจ้าหล่อนในวันนี้ “แต่คงติดที่พ่อแม่นั่นแหละ”

“ก็เป็นแบบนั้นกันมาตลอดไม่ใช่หรือไง” เกศรายิ้มมุมปาก เมื่อหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เธอเคยเผชิญมา

“ตามใจพี่เกดแล้วกัน ศาตามใจพี่เกดอยู่แล้ว” พิศาบอก แม้น้ำเสียงจะแง่งอน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะหากพิศาแข็งขึ้นมาอีกคนเรื่องนี้คงจะลำบากขึ้นกว่าเดิม “แต่ถ้าต้องไปคุยกับคุณตรีมาส พี่เกดให้ยายแหวนไปนะ ศาไม่ไป กลัวต้องไปตบตีคนแก่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน”

“พี่จะดูอีกทีนะศา” เกศราแบ่งรับแบ่งสู้ ด้วยเธอรู้ถึงฤทธิ์ ‘คุณตรีมาส’ มารดาของเปรมยุตาเป็นอย่างดี พอเดาได้ว่าคนที่ต้องไปพบกับคนคนนั้นจะพบเจอกับคำพูดร้ายกาจอย่างไรบ้าง “เรื่องของท่านไม่เป็นปัญหาหรอก เชื่อพี่เถอะ”

“คุณตรีมาสนี่แหละตัวปัญหา!” พิศาแย้งอย่างไม่เห็นด้วย “สินสอดก็เรียกเสียเว่อร์ คิดว่าลูกสาวตัวทำมาจากทองหรือยังไง เรียกมาได้ร้อยสองร้อยล้าน เพ้อเจ้อ!”

ได้ยินดังนั้นเกศราก็ถอนหายใจเสียงดัง พลางคิดว่าไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ตรีมาสก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ ท่านน่าจะเปลี่ยนไปบ้างเผื่อลูกๆ ของท่านจะได้มีความสุข

“อย่าไปว่าเขา”

“ก็มันจริงไหมล่ะ”

“พูดอย่างนี้ ไม่อยากได้เหรอเงินน่ะ” เกศรารู้จุดอ่อนและวิธีจัดการคนปากร้ายอย่างพิศาดี การถามเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนรวยมากถึงกับเงียบกริบ เถียงไม่ได้เพราะเธอน่ะอยากได้เงินมาก

“เงินน่ะอยากได้ แต่เงินของคนพวกนี้ไม่เอา ไม่อยากให้กระเป๋าเงินมีราคี”

“พี่จะไว้ใจให้เราทำงานแทนพี่ได้ไหมยายศา หืม” เกศราใช้ไม้อ่อนเข้างัดกับคนฤทธิ์แรง ได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดอย่างไม่ชอบใจ เกศราก็พอจะรู้คำตอบ

“ก็ได้ค่ะ เห็นว่าเป็นพี่เกดหรอกนะ ไม่อย่างนั้นอย่าคิดว่าศาจะยอมเลย”

“พี่รู้ว่าพิศาเป็นคนมีเหตุผล” เกศรารีบยกยอคนหลงตัวเอง ให้พิศาตัวพองไม่ต่างจากคางคก แต่ก็เป็นคางคกที่สวยและรวยมาก

“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วสิคะ”

“จัดการให้เรียบร้อยนะศา หากมีปัญหาอะไรก็โทร. หาพี่ได้ตลอด”

“คงจะมีเยอะเชียวละค่ะ พี่เกดเตรียมยกหูโทรศัพท์เอาไว้ได้เลย”

“เตรียมพร้อมอยู่แล้วละน่า เมื่อกี้ไม่ได้ให้รอนานนี่”

“แล้วก็อย่าลืมโทร. ไปบอกคุณตาเธอด้วยนะคะ เผื่อว่าคุณตาของพี่เกดจะรักพ่อรักแม่มากเหมือนพี่ชายเขา” พิศาประชด

“ตาเขาไม่โง่เหมือนวีหรอก” เกศราพูดเหมือนหลุดปากมากกว่าจะพาดพิงอดีตคนรัก แต่นั่นก็ทำให้พิศาหัวเราะอย่างถูกใจได้

“ก็คงจะโง่จริงนั่นแหละค่ะ ถ้าไม่โง่คงไม่ทิ้งผู้หญิงดีๆ อย่างพี่เกดไปคว้ายายศศิเป็นเมียหรอก พูดแล้วศาก็ขึ้น!”

 

หญิงสาวผิวคล้ำแดดลงหลังจากหนีไปพักร้อนแต่ต้องกลับมาก่อนกำหนดเพราะว่าเกิดเรื่องวุ่นวายที่บริษัท และเพราะคำสั่งของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ในรถนี่แหละ ดูซิ...กลับมายังไม่ทันเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านเลย ช้องนางก็ลากเธอมาเจอหมอดูอะไรก็ไม่รู้

“แกแน่ใจเหรอว่ามีบ้านคนอยู่แถวนี้น่ะไอ้ช้อง ทำไมมันเปลี่ยวอย่างนี้” เกศราเหลียวมองรอบตัวด้วยสายตาหวาดๆ หลังจากขับรถมาจากถนนใหญ่ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววบ้านคน หรือกระทั่งสำนักหมอดูเกศราก็ยังมองไม่เห็น “แกหลอกฉันมาฆ่าชิงทรัพย์หรือเปล่าเนี่ย” “ปากมอม” คนถือศีลห้าอย่างเคร่งครัดหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิท เกศรากล้าดีอย่างไรถึงคิดว่าเธอจะผิดศีลข้อสาม “ขับๆ ไปเถอะน่า บ้านคุณมาสเธอก็อยู่ไกลอย่างนี้แหละ”

“มาสไหน แกรู้จักคนชื่อมาสด้วยหรือ” เกศรานิ่วหน้า ไม่เคยได้ยินว่าช้องนางรู้จักหมอดูชื่อมาสมาก่อน “อย่าบอกนะว่านี่หมอดูคนใหม่อีกแล้ว ไอ้ช้อง แกนี่...”

“แกเงียบไปเลยไอ้เกด” ช้องนางโน้มตัวมาหาสารถีคนสวย ชี้หน้าเกศราจนอีกฝ่ายต้องเงียบปากเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของเพื่อนสนิท “แกรู้ไหมว่าคุณมาสคนนี้เขาเป็นใคร หมอดูกระจอกๆ เทียบไม่ติดหรอก”

“แล้วเขาเป็นใครล่ะ” เกศราย้อนถาม เธอรู้จักคนจากแทบทุกวงการ แต่ไม่ยักรู้จักคนชื่อมาสคนนี้มาก่อน “เป็นลูกเต้าเหล่าใคร จบมาจากที่ไหน”

“มาสฟ้า เศวษรฐา น่ะ รู้จักไหม”

เอี๊ยด!!

คนที่ปรามาสหมอดูของช้องนางเอาไว้เมื่อครู่ถึงกับต้องเหยียบเบรกกะทันหัน แม้ว่าผู้โดยสารคนสวยจะหัวคะมำ แต่เกศราก็ไม่ได้สนใจ ด้วยยังมัวตะลึงกับชื่อของหมอดูที่ช้องนางเพิ่งเอ่ยมา

“แกว่าไงนะไอ้ช้อง แกจะมาเจอใครนะ!”

“คุณมาสฟ้า” ช้องนางทวนชื่อของหญิงสาวที่เธอต้องใช้ความสามารถและเส้นสายอย่างหนักกว่าฝ่ายนั้นจะยอมนัดเจอกับเธอ รู้ว่ามาสฟ้าคนนี้ไม่จำเป็นต้องง้องอนหรือสนใจคนที่มาจากตระกูลผู้ดีเก่าอย่างเธอเหมือนคนอื่น แต่ความสามารถของอีกฝ่ายก็เป็นสิ่งที่ช้องนางมองข้ามไม่ได้ “คนที่มองเห็นอนาคตไง”

“แกจะบ้าเหรอ!” เกศราแหวเสียงดังใส่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งสนใจแต่เรื่องงมงายมากกว่าความจริงที่ว่าครอบครัวของมาสฟ้าคนนี้น่ะเป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมแค่ไหน ขนาดไม่ค่อยข้องแวะกับใครเลย ทั้งมาสฟ้าและเหมือนฝันน้องสาวฝาแฝด ก็ยังตกเป็นประเด็นในสังคมให้เกศราได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ

เรื่องความสามารถเห็นอนาคตของมาสฟ้าก็เป็นอย่างหนึ่งที่ไม่อาจปิดให้พ้นหูพ้นตาผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแม่เรื่องงมงายอย่างช้องนางได้

“แกรู้ไหมว่าคุณมาสฟ้าเธอมีของเก่าเก็บไว้มากขนาดไหน แกจะมาเจอเขาทำไมไม่บอกฉันก่อน” คนเห็นช่องทางผูกมิตรกับคนที่มีของโบราณในครอบครองนั้นแสร้งบ่น พลางกลับไปตั้งใจขับรถต่อ เพียงรู้ว่าปลายทางคือบ้านเศวษรฐา เกศราก็หายเบื่อเป็นปลิดทิ้ง “ฉันจะได้เตรียมตัว”

“เขาไม่ขายอะไรให้แกหรอก” ช้องนางที่สืบเรื่องของมาสฟ้าคนนี้มาจนแทบเรียกว่ารู้จักหญิงสาวอย่างถ่องแท้แล้วทำหน้าเบ้ “พ่อเขาเป็นเจ้าของกาสิโนนะยะ เขาจะมาขายของหายากให้แกทำไม”

“แล้วแกคิดว่าเขาจะดูดวงให้แกหรือไง อย่ามาเพ้อเจ้อเลย” เกศราย้อน เรื่องที่สาวๆ บ้านนั้นจะขายของเก่าให้เธอมีความเป็นไปได้มากกว่าที่มาสฟ้าจะดูดวงให้ช้องนางเสียอีก

“ก็ถ้าเขารับนัดฉัน เขาก็ต้องมีเรื่องอยากบอกให้ฉันรู้ละยายเกด แกอย่ามาขัดคอได้ไหม” ด้านคนที่พยายามนัดเจอมาสฟ้ามาตลอดหลายเดือนแย้ง เชื่อมั่นว่าถึงอย่างไรดวงเนื้อคู่ของตนก็ยังไม่ถึงทางตัน “เขารับสายฉันเองด้วยนะเว้ย”

“อย่ามาโม้”

“พูดความจริงย่ะ!” คนที่มีโอกาสพูดคุยกับมาสฟ้าอย่างที่เจ้าของบริษัท Even for you ก็ทำไม่ได้นั้นแยกเขี้ยวกลับมา จนเกศราเกือบจะเชื่อว่าช้องนางได้คุยกับมาสฟ้าจริงๆ “เสียงนี่หวานเจี๊ยบ”

ไม่ทันที่เกศราจะได้ค่อนแคะช้องนางต่อ หญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าพวกเธอทั้งคู่มาถึงบ้านของมาสฟ้าแล้ว ประตูรั้วไม้ถูกเปิดเอาไว้อย่างชวนให้คิดว่าคนด้านในรอรับการมาถึงของเธอและช้องนางอยู่แล้ว เกศราจึงเหลือบมองหน้าเพื่อนสนิท รู้สึกขนลุกแปลกๆ ขึ้นมาตั้งแต่หัวจดปลายเท้าเลยทีเดียว

“เห็นไหมไอ้เกด ฉันบอกแกแล้วไงว่านี่น่ะของจริง” คนมีศรัทธาแรงกล้ากระซิบเบาๆ แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เกศราคลายจากอาการขนลุกเกรียวได้ ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังเคลื่อนรถเข้าไปด้านในรั้วบ้านเศวษรฐาอยู่ดี

“เงียบจัง” เกศราออกความเห็นหลังจากจอดรถที่หน้าบ้านทรงไทยประยุกต์ บอกชัดว่าเป็นบ้านเก่าแต่ได้รับการปรับปรุง ของเก่าที่เสียหายเพราะกาลเวลาบางอย่างก็ต้องถูกแทนด้วยของใหม่ กระนั้นเกศราก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้ได้รับการดูแลอย่างดี และการเปลี่ยนของใหม่เข้าไปแทนที่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวบ้านดูขัดตาเหมือนกับบ้านทรงไทยที่เธอเคยเห็น “บ้านสวยจังแก”

“เลิกคิดเรื่องซื้อบ้านเขาได้แล้วไอ้เกด!” ช้องนางเอื้อมมือมาหยิกเนื้อของเพื่อนสาว “อย่างแกไม่มีปัญญาหรอก”

“รู้แล้วน่า”

เกศรามีโอกาสเถียงกับเพื่อนสนิทเพียงเท่านั้น เพราะที่หน้าประตูบ้านมีร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้น ผู้หญิงที่ทำให้ทั้งเกศราและช้องนางพร้อมใจกันอ้าปากค้าง ตะลึงกับความสวยของมาสฟ้า ที่เคยเห็นรูปในอินเทอร์เน็ตนั้นเทียบกับตัวจริงไม่ได้สักนิด มาสฟ้าสวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์เลย!

เจ้าของบ้านที่ได้มีโอกาสต้อนรับแขกแปลกหน้าเป็นครั้งแรกกะพริบตาถี่ๆ เมื่อพบว่าแขกที่ตั้งตารอมาตั้งแต่หลายวันก่อนนั้นมีเพียงสองคน หัวคิ้วงามของมาสฟ้าขมวดเข้าหากันด้วยความสับสน เมื่อแขกทั้งคู่ของเธอก้าวลงจากรถ เดินมาหยุดตรงหน้าแล้วเอ่ยทักทายโดยไม่มีวี่แววของคนอื่นติดตามมาด้วย

“สวัสดีค่ะคุณมาสฟ้า ฉันชื่อช้องนางนะคะ ที่โทร. มานัด แล้วนี่เกศรา เพื่อนช้องเองค่ะ”

“สวัสดีค่ะคุณช้องนาง คุณเกด” มาสฟ้ายกมือรับไหว้ด้วยกิริยานอบน้อม จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อสบกับสายตาสับสนของเกศรา มุมปากงามคลี่เป็นรอยยิ้มอ่อนหวานส่งให้คนทั้งคู่ ก่อนจะผายมือเชิญแขกทั้งสองเข้าบ้าน “เชิญเข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ”

“บ้านสวยนะคะ” เกศราชวนมาสฟ้าพูดคุย แม้จะแปลกใจที่หญิงสาวเรียกชื่อของเธอด้วยชื่อเล่นก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูด แต่ประกายขบขันในตาของมาสฟ้าก็ทำให้เกศราต้องเก็บงำความสงสัยของตัวเองต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก

“คุณเกดชอบหรือคะ” มาสฟ้าเอียงคอมองหญิงสาวที่ชื่อเกศรา “มาสว่าคุณเกดไม่ชอบบ้านของมาสหรอกค่ะ บ้านของมาสไม่เหมาะที่จะเลี้ยงเด็กหรอก”

“คะ?” เกศราถามเบาๆ อย่างคนที่ไม่เข้าใจว่าการที่เธอชอบบ้านหลังนี้เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงเด็กอย่างไร แต่ก็อีกครั้งที่เธอไม่ทันได้หาคำตอบเพื่อคลี่คลายความสงสัยของตน มาสฟ้าก็หันไปพูดคุยกับแขกอีกคน นั่นคือช้องนางที่กำลังหันรีหันขวางเหมือนมองหาบางสิ่งอยู่ “มาสอยู่คนเดียวค่ะคุณช้อง”

“อ้อ...ค่ะ” ช้องนางที่กำลังมองหาคนอื่นในบ้านจริงๆ พยักหน้ารับอย่างขวยเขินเมื่อโดนเจ้าของบ้านจับได้ว่าเธอกำลังเสียมารยาท ทว่ามาสฟ้าดูเหมือนจะไม่ได้ติดใจเรื่องนั้นเท่าไหร่เพราะหญิงสาวเอ่ยถามเรื่องอื่นไปเสียดื้อๆ

“มากันเท่านี้หรือคะ”

“ค่ะ” ช้องนางพยักหน้าแรงๆ ประกอบคำพูดของตนราวกับกลัวว่ามาสฟ้าจะไม่เชื่ออย่างไรอย่างนั้น ทว่าเจ้าของบ้านเพียงยิ้มแกนๆ ยากที่จะบอกว่าเชื่อคำพูดเธอหรือเพียงเงียบตามมารยาท

มาสฟ้านำแขกทั้งสองมาที่ห้องรับแขกเล็กในบ้าน ที่ตกแต่งได้น่ารักจนเกศรานั้นตาพราว เธอไม่เคยเจอบ้านใครที่แต่งได้สวยแต่ก็ยังอบอุ่นเท่าบ้านของมาสฟ้ามาก่อนเลย

“เชิญนั่งก่อนค่ะ” มาสฟ้าผายมือไปที่โซฟา ซึ่งมีน้ำดื่มเตรียมพร้อมไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วถึงสามแก้ว “มาสกะจำนวนคนผิดไปนิดหนึ่ง ขอโทษนะคะ”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณมาสเลยค่ะ” ช้องนางอีกนั่นแหละที่รีบบอกมาสฟ้าด้วยน้ำเสียงสดใส ขณะเดินเข้าไปนั่งบนโซฟา โดยมีเกศราตามไปนั่งข้างกัน

และสิ่งที่ทำให้เกศราขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับเม้มปากแน่นก็คือน้ำในแก้วตรงหน้าเธอซึ่งเป็นน้ำเปล่าแบบอัดแก๊สเข้าไป น้อยคนนักจะรู้ว่าเกศราชอบดื่มน้ำแบบนี้มากกว่าน้ำเปล่าธรรมดา พอเหลือบไปมองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าช้องนางก็พบว่าเป็นเพียงน้ำเย็นธรรมดาเท่านั้น นั่นจึงทำให้ขนของเกศราลุกเกรียวขึ้นมาอีกครั้ง

มาสฟ้ามองสีหน้าของเกศราด้วยสายตาขบขัน มุมปากงามขยับโค้งเป็นรอยยิ้มคล้ายว่าเธอมีเรื่องตลกอยู่ในหัว หรือว่ามาสฟ้าจะกำลังขบขันแขกทั้งสองของเธอ...ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้

“คุณเกดนี่ชอบเด็กมากนะคะ” มาสฟ้ากะพริบตา จ้องหน้าคนที่นั่งเหงื่อตกนิ่งคล้ายว่าเธอมองผ่านเกศราไปยังที่ไกลแสนไกล

เกศราสะดุ้งตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าตนจะเป็นคนที่ได้รับความสนใจจากมาสฟ้า ในเมื่อวันนี้ช้องนางเป็นคนนัดเจอกับหญิงสาว แต่เกศราก็ไม่ได้โง่จนกล้าเสียมารยาทกับมาสฟ้าจึงเอ่ยตอบไป

“ก็ชอบค่ะ” เกศราพยายามสูดลมหายใจเรียกความกล้า ยกแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่มเพื่อลดอาการหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นจากการโดนมาสฟ้าจ้องมอง “แต่เกดไม่เคยเลี้ยงเด็กหรอกนะคะ”

“นี่คุณเกดกลัวมาสทำไมกันคะ”

เกศราไม่แน่ใจว่านั่นคือคำถามหรือไม่ แต่กิริยาเอียงคอของมาสฟ้าก็ทำให้เธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงไม่นึกเคืองอะไรนักที่เธอกลัวเจ้าหล่อน ใครเจอแบบเธอแล้วไม่กลัวบ้าง ทั้งเรื่องน้ำดื่ม และเรื่องที่เธอชอบเด็ก

เชื่อแล้วละ...ที่เขาว่ากันว่ามาสฟ้าคนนี้น่ะเห็นอนาคตจริง!

“คุณมาสขา เกดเขาไม่ได้กลัวคุณมาสหรอกค่ะ” เสียงแหลมๆ ที่เหมือนระฆังเงินของช้องนางนั้นเรียกความสนใจของมาสฟ้าไปจากเกศรา

หญิงสาวยอมละสายตาแล้วหันหน้าไปส่งยิ้มหวานให้แขกอีกคน ที่ขยับตัวลุกลี้ลุกลนเพราะตื่นเต้นที่ได้พบมาสฟ้าตัวเป็นๆ แต่แล้วความดีใจจนเนื้อเต้นของช้องนางก็ถูกทำลายลงด้วยคำพูดที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ

“มาสยังไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับคุณช้องเลยค่ะ” เสียงนั้นเบาลงเพราะไม่มั่นใจ “เว้นแต่น้องสาวคุณช้อง”

“ช้องไม่มีน้องสาวค่ะ ช้องเป็นลูกคนเดียว” ช้องนางส่ายหน้าดิก เชื่อว่ามาสฟ้าคงเข้าใจผิดแล้วละ

เกศราขมวดคิ้ว เริ่มคลายอาการเครียดเกร็งของตัวเองลง เมื่อได้ยินคำทำนายที่ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย

“คุณมาสคงเข้าใจผิดแล้วละค่ะ”

“ไม่ผิดหรอกค่ะ เธอหน้าตาเหมือนคุณมาก เว้นแต่เธอสวมชุดไทย”

เกศราไอโขลก คิดว่าตนหูฝาดไปแน่ๆ เรื่องที่ได้ยินมาสฟ้าเอ่ยเมื่อครู่ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่คิดอีกที...เรื่องที่มีผู้หญิงไปไหนมาไหนกับช้องนางนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยิน เพื่อนๆ หลายคนก็เคยซุบซิบกันว่าช้องนางเล่นของกระทั่งของนั้นย้อนเข้าตัว มีผีสางติดตามไปทุกที่

“ไม่มีผู้ชายเลยเหรอคะคุณมาส” ช้องนางไม่สนใจเรื่องผีสาง รู้สึกร้อนใจจนหูดับตั้งแต่ได้ยินว่ามาสฟ้าไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว “หน้าตาดีไหม มีการศึกษาหรือเปล่า เห็นแค่ชื่อหรือเบอร์โทร. ก็ได้นะคะ เดี๋ยวช้องจะโทร. หาเขาเอง” “ไม่ค่ะ” มาสฟ้าสั่นศีรษะเบาๆ ด้วยความท้อใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครที่เหมือนช้องนางมาก่อนเลย อนาคตของหญิงสาวไม่ได้มืดสนิทเช่นคนที่ใกล้จะเสียชีวิต แต่กลับฉาบไปด้วยสีสันสดใส มันสว่างจ้าจนมาสฟ้ามองไม่เห็นอะไร เว้นแต่ใบหน้าหญิงสาวที่สวยมากๆ คนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในม่านหมอกสีรุ้ง “แต่ก็ไม่ได้ว่างเปล่าเสียทีเดียว คุณช้องนี่พิเศษมากนะคะ”

“จะเป็นเพราะว่าช้องไหว้เทพเจ้าเยอะหรือเปล่าคะ” ช้องนางยังไม่วายสงสัย ปัญหาแค่นี้ไม่ทำให้เธอถอดใจเรื่องตามหาเนื้อคู่ได้หรอก จากนั้นก็พยายามคิดหาเหตุผลว่าอะไรทำให้มาสฟ้าไม่เห็นอนาคตของตน “แต่ยายเกดก็ไหว้พระทำบุญนะคะ ทำไมคุณมาสถึงเห็นของยายเกดแล้วไม่เห็นของช้องล่ะ ก็ไปด้วยกันตลอด”

“คุณเกดเธอไม่เหมือนคุณช้องหรอกค่ะ” มาสฟ้ารวบมือทั้งสองไว้บนตัก มองใบหน้างามของหญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทกันอย่างช้องนางกับเกศราสลับกันแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้ม ทำให้เกศราพลอยใจชื้นว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอหรือช้องนางในเร็วๆ นี้แน่ “อันที่จริงมาสไม่เคยเจอใครที่เหมือนคุณช้องมาก่อนเลย”

“สรุปว่าจะมีเนื้อคู่ไหมคะ” ช้องนางเข้าประเด็นเพราะจนใจจะอ้อมค้อมแล้ว “หมอดูเขาบอกช้องว่าชาตินี้ยังไงช้องก็จะไม่เจอเนื้อคู่ มันจริงไหมคะ”

“หมอที่ไหนกันคะ” มาสฟ้านิ่วหน้า ถึงตนจะเห็นอนาคตของคนอื่น แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปก้าวก่ายหรือฟันธงชะตาชีวิตใคร ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม “ใครจะไปรู้ทุกอย่างได้คะคุณช้อง เราคนธรรมดานะคะ เรื่องรู้เห็นทุกอย่างนี่ให้เป็นงานของพระพรหมท่านเถอะค่ะ”

“อย่างที่เขาว่าพรหมลิขิตใช่ไหมคะ”

เกศราหลุดปากถามมาสฟ้า โชคดีที่เธอยังได้รับรอยยิ้มจากเจ้าของบ้านอยู่ อันที่จริงเกศราคิดว่ามาสฟ้าคงจะเป็นคนใจดีมากๆ เพราะตั้งแต่เธอมาถึงบ้านหลังนี้ ก็ยังไม่เห็นหญิงสาวหยุดยิ้มเลย แม้แต่ยามขมวดคิ้วหน้างามของมาสฟ้าก็ยังไม่วายมีรอยยิ้มประดับอยู่

“คุณเกดเชื่อเรื่องนี้ด้วยหรือคะ”

“ก็คงเชื่อมั้งคะ” เกศราบอกเสียงเบา ถามว่าเชื่อไหมก็คงต้องบอกว่าเชื่อ แม้จะเพียงครึ่งเดียวก็ถือว่าเชื่อได้ละมั้ง “แต่เชื่อเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นนะคะ”

“คุณเกดน่าจะรีบกลับนะคะ” จู่ๆ มาสฟ้าก็ไล่เกศราอย่างเสียมารยาท เล่นเอาคนโดนไล่ไปไม่เป็น หนำซ้ำยังส่งกระดาษแผ่นเล็กให้เกศรา ยัดมันใส่มือเรียวเมื่อเกศราเอาแต่ทำหน้างง “รบกวนไปซื้อเครื่องหอมร้านนี้ให้มาสด้วยนะคะ ถ้ารีบไปจะทันพอดี”

“แต่ช้องยังมีเรื่องสงสัยนะคะ” คนที่เข้าใจว่าโดนไล่ให้กลับไปพร้อมเพื่อนซี้ยกมือแย้งมาสฟ้าเบาๆ เธอจะกลับไปตอนนี้ไม่ได้ ยังตามหาเนื้อคู่ไม่เจอเลย!

“คุณช้องจะอยู่ต่อก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมาสให้คนที่บ้านไปส่ง”

“ดีเลยค่ะ” ช้องนางปรบมือแปะๆ เรื่องนี้ถือว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งที่เธอจะได้ใช้เวลาอยู่กับมาสฟ้าสองต่อสอง จะถามทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องผู้ชายจนถึงเรื่องขายของเลย คอยดูเถอะ!

“รีบกลับไปสิไอ้เกด คุณมาสเธอวานให้ไปซื้อของให้ด้วยนี่ เดี๋ยวให้ไอ้เกดซื้อแล้วช้องเอากลับมาให้วันหลังนะคะคุณมาส”

“ได้สิคะ” มาสฟ้ายิ้มละไม ไม่ใช่ไม่รู้ว่าช้องนางนั้นหาเหตุที่จะกลับมาพบเธออีก แต่ตอนนี้เกศราต้องรีบออกไปจากที่นี่ไม่เช่นนั้นจะสายเกินไป “เชิญคุณเกดเถอะค่ะ”

“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” โดนไล่ซึ่งๆ น่าเช่นนี้ เกศราก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ แล้วจำใจลุกขึ้นแม้จะยังสับสนอยู่ ก้มมองชื่อร้านเครื่องหอมบนกระดาษแล้วหญิงสาวก็ต้องเงยหน้ามองมาสฟ้าเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ร้านเครื่องหอมนี้เธอรู้จักอยู่ แต่เกศราคิดว่าหากเธอจำไม่ผิด ร้านนี้มันปิดตัวไปแล้วนี่ “เอ่อ...คุณมาสคะ”

“รีบไปเถอะค่ะคุณเกด แล้วก็ขับรถระวังๆ นะคะ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น