หลังขับรถไปส่งสลักจันทร์ถึงบ้าน ก่อนจะแยกกับหล่อนตรงริมรั้ว ธรรศ ธุวานนท์ ก็บึ่งรถมารับแฟนสาวต่อที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
“ขอบคุณนะคะที่มารับไอรีน”
หญิงสาวร่างสูงหุ่นอวบอัดมัดใจชายคลี่ริมฝีปากสีแดงสดทักทายขณะเดินตรงมาหาเขา ใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความเย้ายวนดึงดูดเพศตรงข้ามยิ้มบางๆ สองแขนเรียวคล้องคอ เคลื่อนกายแนบชิดสนิทสนม จงใจประกาศความเป็นเจ้าของให้แม่พวกสาวๆ ใจกล้าหน้าด้านที่จ้องจะฉกคู่หมั้นหนุ่มไปจากอกของหล่อนมองตาเป็นมัน ได้พึงเจียมตัวเอาไว้มากๆ
“ทำไมเสร็จธุระไวจังล่ะคะ ไอรีนคิดว่าคุณจะมาช้ากว่านี้อีกสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ก็เลยยังไม่ได้บอกลาเพื่อนๆ ที่อยู่ในปาร์ตี้น่ะค่ะ ขอเวลาไอรีนไปลาเพื่อนๆ ก่อนได้ไหมคะ”
ธรรศวางมือลงบนสะโพกมน ดึงตัวหล่อนเข้ามากอดตอบหลวมๆ แบบไม่แคร์สายตาใคร
“ตามสบายครับ ผมไม่รีบอะไร จะให้ผมไปรอที่รถหรือว่าในงานดีครับ...เจ้าหญิง”
สาวสังคมแกล้งทำเอียงอาย ช้อนตามองเขาอย่างมีจริตจะก้าน
“ปากหวานแบบนี้ แปลว่าสถาปนิกที่ธรรศคุยงานด้วยเมื่อกี้เป็นผู้หญิงใช่ไหมคะ ธรรศเลยคิดจะเอาใจไอรีนเป็นการกลบเกลื่อน”
“จะสนทำไมล่ะครับว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ในเมื่อคู่หมั้นผมสวยออกขนาดนี้ ยังมีอะไรต้องกลัวอีก” น้ำเสียงอ่อนโยนยังไม่เท่ากับแววตาอ่อนหวานที่เขามองหล่อน
คนพูดยกมือข้างหนึ่งลูบซีกหน้าอันหล่อเหลาอย่างแผ่วเบา
“ไอรีนกลัวเวลาที่ธรรศพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบนี้ละค่ะ เพราะไอรีนแทบไม่รู้เลยว่า ธรรศพูดจริงหรือโกหก เพื่อให้ไอรีนตายใจ”
“ผมทำตัวน่าสงสัยขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ชายหนุ่มถามขำๆ
“ตรงข้ามกันเลยละค่ะ เพราะคุณน่ะทำตัวดีไม่มีที่ติเลยต่างหาก ไอรีนถึงได้เป็นกังวล กลัวว่าวันหนึ่ง...คุณอาจจะเปลี่ยนไป” หล่อนตอบทีเล่นทีจริง เหมือนไม่คิดจริงจังนัก แต่ดวงตาเรียวสวยที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกล้าที่ฉายแววหวานซึ้งกลับดูขึงขัง
ธรรศเริ่มรู้สึกถึงเค้าลางความวุ่นวาย แต่ก็ยังตอบกลับอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
“มันเป็นเรื่องของอนาคต จะคิดตอนนี้ทำไมให้ปวดหัวล่ะครับ อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจหรือระแวงเลยสักนิด เพราะผมเคยบอกไปหลายทีแล้วว่าจะไม่มีผู้หญิงคนอื่น”
“ค่ะ คุณไม่เคยนอกใจไอรีน แต่คุณก็ไม่ยอมให้ไอรีนเป็นเจ้าของตัวคุณจริงๆ สักที”
หญิงสาวมองเขาอย่างลึกซึ้ง แสดงความรักใคร่ออกมาอย่างเต็มเปี่ยมให้เขารู้ มือที่ประคองใบหน้าคมคายค่อยๆ เลื่อนลงมา ก่อนจะวางบนไหล่หนาดังเดิมพลางเอ่ยถามอย่างออดอ้อน
“เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันสักทีคะธรรศ ไอรีนเบื่อที่จะต้องตอบคำถามพวกสอดรู้สอดเห็นเต็มทีแล้ว”
สองมือที่สวมกอดหล่อนอยู่ปล่อยออกจากเอวบางทันที เป็นการปฏิเสธอย่างสุภาพ
“รออีกสักหน่อยนะครับ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม”
ไอรีน เชาวกรกุล สาวสังคมผู้ทรงเสน่ห์ไม่เคยรู้สึกเสียหน้ามากเท่านี้มาก่อน หล่อนเป็นถึงนางพญาผู้สูงส่ง หล่อนสวย โดดเด่นกว่าใคร แถมยังเพียบพร้อม เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทุกคนหมายปองอยากจะแต่งงานด้วยทั้งนั้น หล่อนไม่มีอะไรด้อยไปกว่าคู่หมั้นหนุ่มเลยสักนิด แต่เพราะหล่อนรักเขา รักธรรศหมดหัวใจ หล่อนจึงยอมลงให้ เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำตั้งนานแล้ว...
แต่ดูสิ่งที่ธรรศทำกับหล่อนสิ!
เขาเมินเฉย เฉื่อยชา ไม่สนใจไยดีความรู้สึกและฐานะหน้าตาทางสังคมของหล่อนเลยแม้แต่น้อย ราวกับหล่อนเป็นผู้หญิงธรรมดา ที่มีค่าเป็นได้แค่เพียงตุ๊กตาหน้ารถ เป็นคู่ควงรายวันที่ไม่มีความสลักสำคัญอันใดกับเขาเลย หญิงสาวจึงพลันหน้าตึง ปล่อยแขน ผละออกห่างจากเขา พูดอย่างกระเง้ากระงอดว่า
“รอ! ธรรศยังต้องรออะไรอีกหรือคะ เรารักกันมานานแล้วนะคะ คนในสังคมต่างก็ยกให้เราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา การศึกษา หรือฐานะความร่ำรวย ไอรีนมองไม่เห็นเลยนะคะว่าคุณไม่พร้อมตรงไหน นอกจาก...คุณไม่เคยรักไอรีนเลย!”
“ไม่เอาน่าไอรีน คุณอย่าหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องสิครับ”
“ธรรศจะไม่ให้ไอรีนหัวเสียได้ไงล่ะคะ ในเมื่อคู่หมั้นตัวเองเพิ่งประกาศอยู่หยกๆ ว่าไม่อยากแต่งงานกับไอรีน คุณจะให้ไอรีนทำใจยอมรับ แล้วทำตัวเป็นสาวโสดเริงเมือง เที่ยวควงกับคุณไปวันๆ หรือไม่ก็ไปบวชชีให้มันรู้แล้วรู้รอดซะเลยอย่างนั้นหรือคะ” ไอรีนประชดกลับอย่างลืมตัว
“ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่าไม่อยากแต่งงานกับคุณ” คนถูกประชดเสียงเข้มขึ้น เริ่มจะหงุดหงิดเช่นกันที่หล่อนเอาแต่เร่งรัดเขาเรื่องนี้บ่อยครั้ง
“คุณแค่ไม่ได้พูดตรงๆ เท่านั้นละค่ะ”
“ไอรีนครับ ที่ผมบอกให้คุณรอ เพราะผมคิดว่าเรายังไม่รู้จักกันดีพอ เรายังไม่ได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเลยนะครับ”
“แล้วที่ไอรีนไปนอนค้างคอนโดคุณเกือบทุกคืน แบบนี้ยังไม่เรียกว่ารู้จักกันดีพออีกหรือคะ”
“มันไม่เหมือนกันครับ” ธรรศพยายามอธิบายอย่างมีเหตุผล แต่คนฟังกลับคิดว่าเป็นข้ออ้าง จึงสวนกลับแทบทันที ยังดีที่หล่อนพอจะมีสติอยู่บ้าง ไม่แผดเสียงประจานตัวเองให้เป็นขี้ปากของคนรอบข้าง
“มันไม่เหมือนกันตรงไหนคะ ทุกวันนี้เราก็เหมือนอยู่ก่อนแต่งกันกลายๆ แล้ว เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่ธรรศต้องให้เกียรติไอรีนแล้วละค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รับผิดชอบไอรีนนะ”
“แล้วการที่ธรรศบ่ายเบี่ยงไปวันๆ แบบนี้ จะให้ไอรีนคิดยังไงล่ะคะ”
“ผมว่าเรายังไม่พร้อมด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีอีกหลายเรื่องที่เราคิดต่างกัน”
“ธรรศคนเดียวค่ะ!” หญิงสาวเน้นเสียงหนักกว่าทุกประโยคที่เถียงกับเขามา
คนฟังถอนหายใจอย่างหนัก
“การแต่งงานเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันไม่ใช่แค่มีเงิน มีบ้านช่องให้อยู่กินหลับนอน แล้วเราจะอยู่กันรอดนะครับ มันต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมอีกหลายอย่าง นอกจากความเหมาะสมเพียงอย่างเดียว ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด...เราต้องมีความเชื่อใจ เข้าใจกันและกัน พร้อมให้อภัยอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าคู่ของเราจะทำผิดร้ายแรงขนาดไหน ไอรีนคิดว่าจะยกโทษให้ผมได้ไหม ถ้าวันหนึ่งเราแต่งงานกันไปแล้วผมเกิดนอกใจ...”
“ไอรีนให้อภัยธรรศได้เสมอค่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม” หญิงสาวพูดแทรกทันที ขอแค่เพียงแฟนหนุ่มยอมรับปากว่าจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอหล่อนโดยเร็ว ต่อให้ต้องสัญญิงสัญญาหรือสาบานอะไรออกไป หล่อนทำได้หมด ดีกว่าทนถูกเพื่อนๆ ถากถางทุกครั้งเวลาเจอหน้ากันตามงานสังคม
“ไอรีนรักธรรศมากแค่ไหน ธรรศก็รู้นี่คะ ต่อให้มีผู้หญิงคนไหนคิดจะแย่งคุณไป ไอรีนก็ไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปเด็ดขาด หรือต่อให้ธรรศจะหลงผิดไปบ้างตามประสาผู้ชาย ไอรีนก็มั่นใจว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกประเดี๋ยวประด๋าว สุดท้ายธรรศก็ต้องกลับมาหาไอรีนอยู่ดี กลับมาหาคนที่คุณบอกว่ารักมากที่สุด เพราะฉะนั้นไอรีนไม่เคยกลัวเรื่องที่ธรรศจะทิ้งไอรีนไปเลย”
“แต่สำหรับผมคงทำใจไม่ได้” ชายหนุ่มตอบกลับทันควัน “ผมไม่ใช่ผู้ชายใจกว้างเหมือนคุณ ผมเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากๆ กับเรื่องแบบนี้ ถ้าไอรีนมีผู้ชายคนอื่นนอกจากผม เราจบกันทันที และผมจะไม่มีวันยกโทษให้คุณไปจนวันตาย ต่อให้เราแต่งงานมีลูก ต่อให้ผมสงสารลูกของเราจับใจแค่ไหน หรือถึงผมจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทำลายครอบครัวสุขสันต์ของเราให้พังพินาศด้วยสองมือของผมเองก็เถอะ แต่ผมจะหย่า ผมไม่มีวันทนอยู่กับผู้หญิงที่ทรยศหักหลัง ทำลายความรักและความเชื่อใจทั้งหมดที่ผมมีให้อย่างเด็ดขาด”
คำพูดของธรรศทำเอาคู่หมั้นสาวนิ่งอึ้ง หน้าเสียลงทันตา จนเขาอดรู้สึกผิดนิดๆ ไม่ได้ จึงถามเสียงอ่อนลง
“รู้แบบนี้แล้ว...คุณคงคิดว่าผมเป็นผู้ชายใจแคบที่แย่มากใช่ไหมครับ”
หล่อนไม่ตอบ แต่เดาได้ไม่ยาก เพราะสีหน้าของหล่อนฟ้องอยู่ทนโท่ว่าเสียใจไม่น้อย
“ผมไม่ปฏิเสธ แต่นี่แหละคือตัวตนของผม ผมไม่อยากสร้างภาพหลอกให้คุณหลงคิดว่าผมเป็นเจ้าชายหรือเป็นผู้ชายเพอร์เฟกต์ เพราะจริงๆ แล้วผมเป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณไม่พอใจ คิดว่าผมยังไม่ดีพอสำหรับคุณ ไอรีน...คุณยังมีสิทธิ์เลือกผู้ชายที่ดีกว่าผมได้อีกมาก
“ผมอยากให้คุณมีความสุข ได้อยู่กับคนที่คู่ควรกับคุณจริงๆ ไม่ใช่คนใจแคบที่บอกว่ายกโทษให้คุณไม่ได้ ผมอยากให้คุณคิดใหม่ ทบทวนให้ดีๆ ว่าคุณยอมรับผู้ชายนิสัยแย่แบบผมได้ไหม ถ้าไอรีนยังยืนยันว่ารักทุกอย่างที่เป็นผมจริง ไม่ว่าผมจะมีข้อเสียเยอะแค่ไหน ถึงตอนนั้นเราค่อยพูดเรื่องแต่งงานกัน หลังจากนี้อีกปีสองปีก็ยังไม่สาย”
ในที่สุดคนที่นิ่งเงียบมานาน ก็กล่าวออกมาเสียงโหย
“ที่พูดมาทั้งหมด...ธรรศกำลังจะขอเลิกกับไอรีนทางอ้อมใช่ไหมคะ”
“ผมแค่บอกให้เราคิดให้ดีๆ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป”
“มันก็เหมือนกันนั่นละค่ะ ในเมื่อสุดท้ายธรรศก็คิดจะแยกทางกับไอรีนอยู่ดี!”
ยิ่งพยายามระงับโทสะเท่าไร ความขุ่นเคืองเดือดดาลเพราะความเสียใจก็ยิ่งพลุ่งพล่านมากขึ้นเท่านั้น แต่เพราะไอรีนเห็นว่าผู้คนรอบข้างเริ่มให้ความสนใจหันมองมายังคู่ของหล่อน โดยเฉพาะวิวันดา...เพื่อนสาวร่วมแก๊งที่ชอบเอาเรื่องคนอื่นไปนินทาอย่างสนุกปาก หล่อนจึงต้องกัดฟันทน
“ธรรศอยากจะทำอะไรก็เชิญค่ะ แต่รู้ไว้เลยว่าถ้าภายในสามเดือนนี้คุณยังไม่ส่งคุณแม่มาสู่ขอไอรีนละก็ ไอรีนคงไม่รอ เลิกเป็นเลิกสิคะ ธรรศอย่าคิดว่าไอรีนจะง้อ”
หญิงสาวพูดออกไปด้วยความน้อยใจ แต่ไม่คิดจะทำตามคำขู่ หล่อนเพียงอยากให้คู่หมั้นนึกเสียใจ หวาดกลัวยามที่ต้องสูญเสียหล่อน ธรรศจะได้ตระหนักว่าหล่อนมีค่ามีความสำคัญกับเขามากขนาดไหน เขาจะต้องรู้ซึ้งว่าถ้าหากขาดหล่อน เขาจะอยู่ไม่ได้!
ไอรีนอยากให้ธรรศคิดแบบนี้จริงๆ และหล่อนก็หวังว่าเขาจะเป็นดังที่คิด แต่…
“ผมตามใจไอรีนครับ” ธรรศยักไหล่พลางเอามือล้วงกระเป๋า “ผมคงไม่เปลี่ยนความตั้งใจแน่ ผมไม่มีความคิดจะคุยเรื่องแต่งงานของเรากับผู้ใหญ่ในตอนนี้เลย ถ้าไอรีนคิดที่จะลองใจผมด้วยวิธีนี้ ผมอยากให้คุณเปลี่ยนใจ ผมยอมไอรีนได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ครับ”
สิ่งที่ออกจากปากของแฟนหนุ่มยิ่งเหมือนเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟ ทำให้ไอรีนยิ่งเสียหน้าระคนเสียใจ
“คุณเห็นแก่ตัวมากนะคะธรรศ” สีหน้าของคนพูดผิดหวังอย่างรุนแรง เขาพูดราวกับไม่แคร์ว่าหล่อนจะรู้สึกอย่างไร
ชายหนุ่มยืดอก พยักหน้า
“ผมยอมรับครับ ผมถึงได้บอกไอรีนไงว่าเราควรจะศึกษานิสัยใจคอของกันและกันให้มากกว่านี้ก่อน ดูสิว่าเรายอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายได้แค่ไหน เรามีความเข้าอกเข้าใจกันมากพอรึเปล่า นี่แค่ข้อเสียข้อแรกของผม ไอรีนยังเหมือนจะทนไม่ได้ แล้วต่อไปถ้าผมเผยให้เห็นด้านร้ายๆ มากขึ้น คุณจะทนได้หรือครับ ผมบอกก่อนเลยนะว่าผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้เลิศเลออย่างที่ไอรีนคิดไว้
“การแต่งงานกับผม ชีวิตคงไม่จบลงที่ความผาสุกเหมือนเจ้าชายที่ครองคู่กับเจ้าหญิงในปราสาทหรอกนะครับ ผมไม่อยากโกหกหลอกลวงคนที่คบกันมานาน ถ้าไอรีนเรียนรู้ทุกอย่างจนเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของผมว่าเป็นคนยังไง ไอรีนอาจไม่อยากแต่งงานกับผมก็ได้”
“เลิกชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อบอกว่าธรรศเบื่อไอรีนมากแค่ไหนซะทีเถอะค่ะ มันเป็นเหตุผลที่แย่ที่สุดเท่าที่ไอรีนเคยฟังมา” หญิงสาวสะบัดเสียง
“ผมไม่คิดจะหาข้ออ้างอะไรทั้งนั้น ผมอยากให้โอกาสคุณได้เลือก...”
“ไอรีนขี้เกียจฟังค่ะ!”
“แต่มันคืออนาคตของเราทั้งคู่นะครับ ไอรีนเลิกเอาแต่ใจเป็นเด็กๆ สักทีได้ไหม”
“ธรรศนั่นแหละค่ะ เลิกอ้างนู่นอ้างนี่สักที ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับไอรีนมากขนาดนี้ จะประกาศถอนหมั้นกันวันพรุ่งนี้เลยก็ได้ อย่างมากไอรีนก็แค่อาย แต่ธรรศสิคะ คิดให้ดีๆ นะ” พูดพลางหรี่ตามองคู่หมั้นหนุ่มด้วยแววตาแข็งกร้าว “คุณพ่ออาจจะโกรธจนถอนหุ้นออกจากธุวานนท์พรอพเพอร์ตีหมดเลยก็ได้ ถึงเวลานั้น ถ้าธรรศเกิดเปลี่ยนใจจะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอไอรีน ไอรีนก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะพูดให้คุณพ่อกลับไปร่วมหุ้นกับคุณได้อีกรึเปล่า เพราะท่านอาจจะไม่ยอมมองหน้าคนที่กล้าทำให้ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของท่านต้องอับอายอีกเลย ถ้าธรรศมั่นใจว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ละก็ ไอรีนจะไม่ยื้อธรรศไว้”
เมื่อจนหนทาง ไอรีนจึงยกบิดาของหล่อนขึ้นมาบีบบังคับให้เขาแต่งงานด้วย เพราะรู้ดีว่าธรรศให้ความเคารพยำเกรงท่านเป็นที่สุด ในเมื่อบิดาหล่อนมีบุญคุณท่วมหัวกับคนในตระกูลธุวานนท์ เรียกว่าถ้าไม่ได้ท่าน ป่านนี้ธรรศคงไม่อาจรักษาบริษัทที่พ่อของเขาสร้างขึ้นมาด้วยสองมือได้อย่างทุกวันนี้
ยิ่งเห็นเขายืนนิ่งคล้ายกำลังชั่งใจ หล่อนก็ยิ่งนึกกระหยิ่ม รีบพูดสำทับ
“ไม่ต้องรีบตัดสินใจเร็วนักก็ได้นะคะ ไอรีนจะให้เวลาคุณค่อยๆ คิด ไอรีนสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับคุณพ่อภายในสามเดือนนี้ค่ะ” หล่อนแสร้งพูดอย่างใจกว้าง ก่อนจะบอกข้อแม้ในประโยคถัดมาอย่างชัดเจนทุกถ้อยทุกคำ “แต่ถ้าเลยกำหนดเมื่อไหร่ ต่อให้ธรรศคุกเข่าอ้อนวอนบอกรักไอรีนให้ตายยังไง ไอรีนก็จะทำตามสิ่งที่ตัวเองพูดไว้!”
“ทำไมต้องบีบผมด้วยวิธีนี้”
สายตาเย็นชาที่มองหล่อนราวกับเป็นคนแปลกหน้าทำเอาคนถูกมองใจหายวาบ ชักจะร้อนรน ไม่อาจทนความหมางเมินที่เขามอบให้หล่อนได้ ไอรีนจึงต้องรีบหลบสายตา ก่อนจะโยนทุกอย่างให้เป็นความผิดของเขา
“ช่วยไม่ได้ค่ะ ธรรศเป็นคนบังคับให้ไอรีนต้องทำแบบนี้”
“แค่กระดาษแผ่นเดียว มันคุ้มแล้วเหรอครับที่คุณจะยอมแลกกับความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กันมานาน”
“ใครๆ ก็ต้องการทะเบียนสมรสทั้งนั้นแหละค่ะ ไอรีนก็เหมือนกัน ไอรีนไม่ใช่ลูกตาสีตาสาที่คุณนึกจะคบเล่นๆ ไปวันๆ ได้นะคะ คุณพ่อไอรีนเป็นคนมีหน้ามีตา ท่านเป็นถึงเจ้าสัวใหญ่ มีผู้คนให้ความเคารพนับถือท่านเยอะแยะ คุณเองก็ควรรักษาหน้าและให้เกียรติท่านบ้าง”
“เพราะผมเคารพท่านมาก ผมเลยต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบ ไม่ให้กระทบถึงชื่อเสียงของท่าน ผมถึงได้ขอเวลา”
“อีกกี่เดือน กี่ปี หรือไม่มีกำหนดล่ะคะ”
“ไอรีน...ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณนะ”
“ไอรีนก็ไม่อยากทะเลาะกับธรรศค่ะ” หญิงสาวตัดบทพร้อมยื่นคำขาด “ไอรีนให้เวลาธรรศมากพอแล้วค่ะ ถ้าธรรศเคารพท่านจริงอย่างที่ปากว่า คุณต้องแต่งงานกับไอรีน”
“ผมไม่อยากให้การแต่งงานของเราเป็นจุดเริ่มต้นของการหย่า”
“เราจะไม่มีวันหย่ากันเด็ดขาดค่ะ!”
“ทำไมผู้หญิงถึงชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลเหมือนกันหมดทุกคนนะ” ธรรศสบถอย่างเหลืออด สีหน้ายุ่งยากลำบากใจที่คู่หมั้นสาวพูดจาเอาแต่ได้เพียงฝ่ายเดียว
“ก็เพราะผู้ชายชอบทำตัวเป็นพ่อปลาไหล ไม่ค่อยซื่อสัตย์น่ะสิคะ พวกเราถึงต้องตีตราจองเอาไว้”
“ไม่จริงหรอกครับ ผู้หญิงเองก็ชอบนอกใจ แถมยังโกหกเก่งเป็นไฟเหมือนกัน!” ธรรศสวนกลับทันควัน ดวงตาวาววับ
“นี่ธรรศหาว่าไอรีนเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอคะ”
“ผมพูดรวมๆ ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ” เขาตอบเสียงห้วน ก่อนตัดบท เพราะหงุดหงิดเต็มที “เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ขืนยังเถียงกันต่อ คืนนี้ก็ยังไม่จบหรอก ผมจะไปรอคุณที่รถ ถ้าไอรีนลาเพื่อนๆ เสร็จเมื่อไหร่ ก็ตามผมมาแล้วกัน”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที โดยไม่เหลียวมองคู่หมั้นสาวอีกเลย เพราะธรรศสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวของเขาเป็นอันขาด นอกจากปวีร์...เพื่อนสนิทของเขาคนเดียวเท่านั้น!
ทำไมเขาต้องนึกถึงมัน!
ธรรศอยากจะสั่งสมองตัวเองให้ลบภาพความหลังครั้งเก่า ลืมไปให้หมด จะได้ไม่ต้องคิดถึงมันขึ้นมาอีกสองครั้งซ้อนในวันเดียวกัน
เขากลายสภาพเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ แต่ไร้ความรู้สึก เพราะมันถูกแช่แข็งมานานหลายปี นาน...จนเขาแทบจะลืมอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ไปหมดสิ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เรื่องของความรัก!
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาเลิกหวัง สูญสิ้นศรัทธา ไม่เชื่อว่า ‘ความรัก’ จะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เพราะผู้หญิงคนหนึ่งทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขามอบให้จนไม่เหลือหลอ
หล่อนทิ้งบาดแผลฉกรรจ์ไว้ให้...บาดแผลที่ธรรศไม่รู้ว่าจะลบเลือนมันอย่างไร
หัวใจของเขาเจ็บปวด ร้าวราน เพราะความที่รักมาก รักอย่างบริสุทธิ์ใจ รักจนไม่เคยนึกระแวงเลยว่าคนที่รักกันมากขนาดนั้นจะทำกับเขาได้!
มันเจ็บจนกระอัก เหมือนหัวใจถูกควัก แล้วกรีดซ้ำจนเป็นแผลเหวอะหวะตรงที่เขาไม่เคยระแคะระคายใดๆ ไม่เคยแม้แต่จะคิด เขาโดนผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นรักแรกสนตะพายสวมเขาให้ หัวใจเขาบอบช้ำเกินกว่าจะทนไหว เขาถูกหล่อนใช้มีดแทงกันข้างหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาเป็นไอ้โง่ไอ้งั่งที่โดนเพื่อนฝูงหัวเราะเยาะลับหลังว่า...ไอ้ธรรศจอมเซ่อ!
แล้วใช่ว่าเขาต้องอับอายขายหน้ากับเพื่อนๆ แค่ในกลุ่มเดียวกันเสียที่ไหน หล่อนทำให้เขาแทบแทรกแผ่นดินหนีต่อมิตรเกือบทั้งคณะ!
‘เมียเอ็งแซ่บไม่เบานี่หว่า ไอ้ธรรศ’
‘ทีแรกเห็นเรียบร้อยดี แต่พอขึ้นเตียงเท่านั้นละ แปลงร่างเป็นนางแมวยั่วสวาทเลยว่ะ มิน่าเอ็งถึงได้หลงหัวปักหัวปำ เพราะเมียเอ็งน่ะลีลาเด็ดแบบนี้นี่เอง’
‘เพลาๆ งานลงบ้างสิวะไอ้ธรรศ เอ็งเล่นปล่อยให้แฟนตัวเองนอนเปลี่ยวอยู่คนเดียวทุกคืน ผู้หญิงที่ไหนจะทนไหววะ พวกข้าก็เลยพลอยลำบาก ต้องมาช่วยปลอบใจแฟนเอ็ง ฮะฮ่าๆ’
เขายังจดจำเสียงหัวเราะและคำพูดเยาะเย้ยได้ติดหู...
มันฝังอยู่ในใจของเขาไม่มีวันลืม...
จำได้แม้กระทั่ง...สายตาทุกคู่ที่มองดูเขาอย่างสมเพช!
ตอนเกิดเรื่อง เขาอายุแค่สิบแปดสิบเก้า เพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่งมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งใจว่าพอเรียนจบ จะนำวิชาความรู้ที่ได้ไปช่วยพัฒนาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของบิดา แต่ก็มีเหตุให้เขาไม่สามารถทำได้สำเร็จสมดังหวัง
ธรรศได้เรียนในคณะที่เขาใฝ่ฝันเพียงปีกว่าๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่เขาพูดได้เต็มปากว่ามีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้าปะปนกันไป
สุข...ที่ได้พบเพื่อนแท้อย่างปวีร์
และทุกข์...ที่ได้รู้จักผู้หญิงอย่างนิศานาถ
เขารู้จักกับนิศานาถผ่านปวีร์ที่เป็นเพื่อนสนิทและบัดดี้ตอนรับน้อง เจ้าหล่อนเป็นเพื่อนของเพื่อนปวีร์ที่เคยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายเดียวกัน ซึ่งอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แวบแรกที่ได้เห็นใบหน้าสวยหวาน กิริยาท่าทางเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี ธรรศก็บอกกับตัวเองทันทีว่าเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เข้าแล้ว
เขาตื่นเต้น หัวใจพองโตโดยไม่เคยนึกสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร
หลังจากวันนั้นธรรศก็เยี่ยมหน้าไปยังคณะที่นิศานาถเรียนบ่อยๆ เพื่อหาเรื่องชวนคุย ทำความรู้จักหญิงสาวให้มากขึ้น
แล้วเขาก็พบว่า...หล่อนคือคนที่เขารอมานาน
ความอ่อนหวาน น่ารัก สดใสสมวัย ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่เริ่มลองรักหวั่นไหว เขาชอบหล่อน ยิ่งได้เจอก็ยิ่งรู้สึกรัก อยากพบหน้า อยากสบตา อยากทำทุกสิ่งที่หัวใจปรารถนา
หลังสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันอยู่สามเดือน นิศานาถก็ยอมรับไมตรีตกลงคบหาดูใจกับเขา หล่อนเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับความรักและความสุขสมที่เกิดจากการหล่อหลอมร่างกายและหัวใจให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งเขาและหล่อนต่างก็ตักตวงและปรนเปรอความสุขให้แก่กันและกันจนแทบสำลัก ช่วงเวลานั้นธรรศเป็นสุขจนล้นอก โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู มีเขาอยู่ที่ไหน ต้องมีหล่อนเป็นเงาอยู่เคียงข้างไม่ห่างกัน เขาริทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มพาหล่อนไปเที่ยวชอปปิง กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง โทรศัพท์หาหล่อนทุกวัน
ชายหนุ่มกล้าพูดเต็มปากว่าเขารักนิศานาถ
รัก…อย่างที่ไม่เคยรักใคร
รัก...จนไม่เหลือเผื่อใจไว้เจ็บ
รัก...ถึงขั้นเคยเพ้อฝันว่าเขาจะแต่งงานกับหล่อนเพียงคนเดียว
ธรรศหลงคิดว่านิศานาถจะคบเขาอย่างจริงจังจริงใจ หล่อนคงรักเขาเหมือนที่เขารักหล่อน หญิงสาวทำตัวเป็นแฟนที่น่ารัก คอยชักชวนให้เขามุเรียน ชอบทำกิจกรรมออกค่ายอาสา สร้างประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยหลายๆ ด้าน เวลาว่างก็มักจะพากันไปห้องสมุด อ่านตำรา ติวหนังสือเตรียมสอบ เรียกว่าไม่มีวินาทีไหนที่เขาใช้ไปกับเรื่องไร้สาระเลยสักครั้ง
ยิ่งตอนที่คบกันครบครึ่งปี เขายิ่งได้เห็นน้ำใจของหล่อน พ่อของเขาป่วยหนัก ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตอนที่เขากำลังจะสอบไล่ขึ้นชั้นปีที่สอง มีแค่หล่อนกับปวีร์เท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจ คอยยื่นมือมาฉุดเขาขึ้นจากห้วงแห่งความทุกข์อันมืดมิด ยามเมื่อขาดเสาหลัก
ในฐานะบุตรชายคนโต และเป็นผู้ชายคนเดียวที่พอจะเป็นที่พึ่งพิงให้แก่มารดาและน้องสาวต่อจากผู้เป็นพ่อได้ ธรรศต้องควบคุมดูแลพยุงกิจการครอบครัวไม่ให้ล่มสลาย ความเครียดและความกดดันทำให้ธรรศหวาดระแวงและกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โชคดีที่ได้ปวีร์นี่แหละเป็นเพื่อนคู่คิดให้คำปรึกษา ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เขาต้องตัดสินใจว่าจะย้ายไปเรียนคณะบริหารธุรกิจแทนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่กำลังเรียนอยู่นี้ดีหรือไม่
นิศานาถก็เป็นผู้หญิงอีกคนที่คอยเป็นแรงใจให้เขาอยู่ตลอด สองมือของหล่อนอ้าแขนโอบกอดเขาทุกครั้งที่ธรรศเงยหน้าขึ้นฟ้า ตะโกนความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกมา มือของหล่อนกุมมือเขาอยู่เสมอ รอยยิ้มของหล่อนมีให้เขาเพียงผู้เดียว หล่อนคอยปลุกปลอบมอบกำลังใจ ทำให้เขายิ้มได้แม้ในวันที่ทุกข์ระทมที่สุด
แต่แล้ว ‘รักแท้’ ของเขาตลอดสี่ปีก็จบลงง่ายๆ เพราะความโลเลหลายใจของหล่อน ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขากระชากเอาหัวใจอันบริสุทธิ์ปาลงพื้น แล้วยกเท้ากระทืบซ้ำ เหยียบย่ำก้อนเนื้อที่เคยมีเลือดเนื้ออุ่นๆ ให้เหือดแห้งแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี
หล่อนทำให้หัวใจดวงนี้ที่เคยอ่อนไหวตายด้าน!
หลังโดนผู้หญิงตลบตะแลงคนนั้นหักหลัง บดขยี้หัวใจเขาจนแหลกลาญ ธรรศไม่คิดจะใช้ชีวิตที่เหลือในชาตินี้ร่วมกับใครอีกเลย!
ไม่เคยมีอยู่ในหัว ไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน...
ไม่เว้นแม้แต่คู่หมั้นสาวที่เขาเพิ่งจะเดินจากมา!
ธรรศปฏิญาณว่าจะไม่ยอมให้ผู้หญิงเจ้ามารยาทั้งหลายเข้ามาโกหกหลอกลวงเขาอย่างหน้าด้านๆ อีก มันเจ็บเจียนตาย เมื่อพบว่าความซื่อสัตย์จริงใจที่เขามีให้กลับถูกทำร้าย ทำลาย ด้วยถ้อยคำลวงโลกสารพัด ผู้หญิงหน้าหวานๆ พูดจาสุภาพอ่อนโยน ดูบอบบาง ใครจะคิดล่ะว่าหล่อนจะซ่อนพิษร้ายเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน เขาโดนหล่อนแว้งกัดเข้าเต็มๆ แบบไม่ทันได้ไหวตัว พอรู้อีกที พิษร้ายก็แล่นผ่านกระแสเลือดตรงเข้าสู่หัวใจชนิดเฉียบพลัน และความร้ายกาจของมันก็ส่งผลให้เขาไม่อาจไว้เนื้อเชื่อใจผู้หญิงคนไหนบนโลกใบนี้ได้อีกเลย
ธรรศเข็ดไปจนวันตาย!
แต่อย่างไรเสีย ในความลวงหลอกก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขานึกขอบใจ ถึงแม้วันนี้เขาจะรู้แล้วว่าสิ่งที่หล่อนทำเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งตบตา แต่เขาก็อยากจะพูดคำขอบคุณกับหล่อนสักครั้ง
ขอบคุณที่ให้ยืมไออุ่นเล็กๆ จากสองแขนคู่นั้น
ขอบคุณที่แกล้งอยู่เป็นเพื่อนกัน
ขอบคุณที่ทำให้เขาผิดหวัง
เพราะถ้าหากนิศานาถปกปิดความลับมิดชิดมากกว่านี้ ธรรศคงไม่อาจแปรเปลี่ยนความเสียใจให้เป็นแรงฮึด และคงไม่สามารถรักษาธุวานนท์พรอพเพอร์ตีที่พ่อเขาแสนจะภาคภูมิใจเอาไว้ได้
ถ้าหล่อนไม่โกหก...เขาคงไม่แกร่งอย่างทุกวันนี้
ขอบคุณที่ทำให้เขารู้ซึ้งถึงธาตุแท้ของผู้หญิงว่าเป็นอย่างไร...
เขาจะไม่มีวันทุ่มเทความรักให้ใครอีกแล้ว...ไอรีนก็เช่นกัน!
ถ้าหล่อนยังคิดจะคบกับเขาต่อไป หล่อนต้องทำใจยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ให้ได้ แต่ถ้าหล่อนเกิดทนไม่ไหว เขายินดีให้หล่อนเลือกเจ้าชายคนใหม่ที่ดีกว่า หรือถ้าหล่อนยังยืนกรานจะรอเขาต่อไป หล่อนคงต้องผิดหวัง เพราะเขาจะไม่มีวันแต่งงานเป็นอันขาด!
ไอรีน เชาวกรกุล แบะปากใส่หน้าคนที่เดินปรี่เข้ามาหาหล่อน คล้อยหลังคู่หมั้นหนุ่มที่เพิ่งผละจากไป แววตาสอดรู้สอดเห็นที่มองมาก็ทำให้ไฮโซสาวรู้ทันทีว่าคำแรกที่วิวันดาจะพูดกับหล่อนคืออะไร...
“เป็นอะไรไปจ๊ะไอรีน หน้าบึ้งเชียว เพิ่งทะเลาะกับคุณธรรศมาหรือไง” วิวันดายิ้มร่า แววตาพราวระยับอย่างสะใจ
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน!” ไอรีนสะบัดหน้าเชิดใส่
“ฉันถามด้วยความเป็นห่วงหรอกนะ”
“เอาเรื่องของเธอให้รอดก่อนเถอะ แล้วค่อยมาห่วงฉัน”
แม้จะโดนตอกหน้า แต่คนฟังกลับทำหูทวนลม ไม่สนใจอารมณ์ร้ายๆ ของยายคุณหนูลูกสาวเจ้าของบริษัทขายวัสดุและรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ ยังคงหน้าด้านกระทุ้งถามต่อ
“เอ...เมื่อกี้ฉันได้ยินเธอยืนเถียงกับคุณธรรศเรื่องแต่งงานอยู่ไม่ใช่เหรอ คบกันมาตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมไปสู่ขอเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที ระวังน้า...จะเจออาถรรพ์ เลิกกันแบบสายฟ้าแลบ”
“นี่เธอแช่งฉันเหรอ...ยายวิวันดา!” ไอรีนตวาดแว้ด โกรธจนตัวสั่นที่โดนจี้ใจดำ
“โธ่...อย่าเข้าใจผิดสิจ๊ะ ฉันพูดเพราะความหวังดีต่างหาก” วิวันดาจีบปากจีบคอราวกับห่วงใยเสียเต็มประดา แต่จงใจหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้แม่นางพญาสาวได้ยิน “ผู้ชายแบบคุณธรรศน่ะหาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน ผู้หญิงทุกคนก็อยากได้ตัวเขาทั้งนั้นแหละ ขืนเธอปล่อยให้เขาหลุดมือไปละก็ บอกตรงๆ ว่าฉันเสียดายแทน”
“รวมถึงตัวเธอเองด้วยสินะยะ” ไอรีนประชดถาม ปรายตามองคนไม่เจียมตัวอย่างนึกสมเพช “จะบอกให้เอาบุญนะ ต่อให้ฉันกับธรรศจะเลิกหรือไม่เลิกกันก็ตาม เขาก็ไม่มีวันลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงมั่วซั่วใจง่ายอย่างเธอหรอก ธรรศเขามีรสนิยม”
ไฮโซสาวที่อารมณ์ดีอยู่เมื่อครู่กระทืบเท้าเร่าๆ
“แล้วเธอล่ะดีกว่าฉันตรงไหน ถูกคุณธรรศและใครต่อใครเจาะไข่แดงจนพรุนไปหมดแล้วละมั้ง อีกหน่อยเขาก็คงเบื่อ แล้วก็จะทิ้งเธอไป”
ไอรีนยิ้มเยาะ พูดอย่างมั่นใจ
“ธรรศเขารักฉัน เขาไม่มีวันเลิกกับฉันแน่นอน พวกเปรตหวังส่วนบุญอย่างเธอคงต้องรอไปชาติหน้า!”
“พูดได้ที่ไหนล่ะ เมื่อกี้ฉันยังได้ยินแว่วๆ อยู่เลยว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับเธอ แบบนี้ก็แปลว่าผู้หญิงทุกคนยังมีสิทธิ์ใช่ไหมจ๊ะ”
“บางทีฉันก็คิดว่านอกจากเธอจะชอบสู่รู้แล้ว ยังหน้าหนายิ่งกว่าพื้นซีเมนต์อีกด้วยนะ”
“ฉันยอมรับ...แล้วไง” วิวันดายักไหล่ “ล่ามคู่หมั้นของเธอเอาไว้ให้ดีๆ ล่ะ อย่าปล่อยให้เขาหลุดมาถึงมือฉันได้ก็แล้วกัน รับรองว่าฉันจะกกจะกอดคุณธรรศเอาไว้แน่นๆ ไม่ให้กลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างเธออีกเลย จำเอาไว้!”
แล้วคนกล่าวก็เดินจากไป เมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่แพลมอะไรออกมาง่ายๆ ทิ้งไอรีนไว้กับความอับอายขายหน้าครั้งใหญ่...
ความคิดเห็น |
---|