8

บทที่ 8


8
“ไง ได้ข่าวว่ามีศัตรูแล้วเหรอเรา”
พรรณพัตราวางเอกสารในมือลง หลังจากขวัญเรือนแจ้งเข้ามาว่าหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายเดินทางมาถึงตามที่หล่อนแจ้งให้เข้าพบแล้ว ตาหล่อนเหลือบมองเวลาซึ่งตรงตามกำหนดการที่นัดก็เบาใจว่าถึงจะเฮี้ยวจะเอาเรื่องไปบ้าง แต่ญาติผู้น้องก็ไม่ทำให้เสื่อมเสียคุณสมบัติผู้ดีขั้นพื้นฐานอย่างการตรงต่อเวลา
“ใช่สิคะพี่ลูกพลับ เก่งน่ะยอมรับ แต่นิสัยเสียชะมัดเลยอีตาลุงคนนี้ ตั้งใจหาเรื่องหญิงชัวร์ๆ”
คุณหญิงคนงามยู่ปากใส่ญาติซึ่งจริงๆ มีศักดิ์เป็นหลานสาวของหล่อน เนื่องจากมารดาของพรรณพัตราเป็นธิดาองค์เดียวในหม่อมเจ้าจรัสโชติ หรือท่านชายใหญ่ ท่านชายองค์โตสุดในราชสกุลวิริยาที่มีพระชันษาต่างจากหม่อมเจ้าโชติรัตน์ ผู้เป็นพระบิดาของคุณหญิงแพรวพรรณรายถึงสิบแปดปี ทำให้ท่านพ่อหล่อนแก่ชันษากว่าหม่อมราชวงศ์ชลัยฉัตรมารดาของพรรณพัตราไม่มาก ทายาทที่ต้องกลายมาเป็นลูกหลานกันจึงอายุทับซ้อนไล่เรียงกันมั่วไปหมด
“แล้วไง จัดการได้ไหมเรา”
“อยากจะจัดการมากกกเลยค่ะ” คุณหญิงตัวร้ายลากเสียงเติม ก ไก่ ให้อีกล้านตัว “แต่หญิงเห็นแก่หน้าพี่ลูกพลับ เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ”
อยากบ่นต่อ แต่ก็รีบวกเข้าเรื่องงานหลังจากมองผ่านๆ แล้วเห็นจำนวนเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานญาติคนสวย จึงรีบเอ่ยถึงสิ่งที่จำเป็นจะต้องทั้งหารือและขอคำอนุมัติ
“เห็นแบบที่ทำมาใหม่แล้วใช่ไหมคะ สปาชั่วคราวของทางวันซ์ ริวาที่หญิงเอาแบบมาให้ทีมประเมินราคาวันก่อน ไม่แน่ใจว่าพี่ลูกพลับดูรายละเอียดครบไหม”
“เห็นแล้ว ฌอนเขาไม่ว่าอะไรเหรอ ตัดรายละเอียดออกไปเยอะเหมือนกันนิ คิดเป็นตังค์นี่เป็นล้านเลยนะ”
“ไม่นะคะ แต่หญิงบอกเขาตามที่ขออนุญาตพี่ลูกพลับแล้วว่า ในส่วนของต้นทุนที่มันทับกันให้เก็บเป็นโควตา ทางเราจะให้ทบเครดิตไว้ใช้ในส่วนอื่นที่นอกเหนือจากที่เซ็นสัญญาไปได้”
การดำเนินการในโครงการใหญ่แบบนี้ ส่วนใหญ่การออกแบบในภาพรวมของพื้นที่ทั้งหมดจะได้รับการเห็นชอบจากลูกค้า และมีการตีราคาในการก่อสร้างและดำเนินการทั้งหมด ก่อนจะเซ็นสัญญาทำงานและการเบิกจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามพื้นที่ที่ส่งคืน แต่ในเมื่อมีข้อผิดพลาดในการทำงานเกิดขึ้น และลูกค้ายอมลงให้ในบางส่วน ส่วนต่างของค่าใช้จ่ายที่ตกลงกันไว้แล้ว หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายเลยขออนุมัตินายใหญ่อย่างพรรณพัตราให้พักยอดไว้เป็นเครดิตของทางวันซ์ ริวาให้ใช้บริการเพิ่มเติมจนกว่าจะเต็มวงเงินในสัญญาจ้าง เป็นข้อยืดหยุ่นพิเศษที่ วี.เค. คอนสตรัคชั่นยื่นให้วันซ์ ริวาแต่เพียงผู้เดียว และอีกฝ่ายก็ยอมอ่อนข้อให้บริษัทก่อสร้างเบอร์หนึ่งของเมืองไทยเป็นที่แรกเท่านั้น
“เจรจาอีท่าไหนล่ะฌอนถึงยอม เขี้ยวที่สุดคนนึงเลยนะรายนั้น”
พรรณพัตรามักคุ้นกับเจ้าของโรงแรมรูปหล่ออย่างฌอนฤทธิ์ไม่น้อยเพราะรุ่นราวคราวเดียวกัน เห็นหน้ากันในฐานะคนรู้จัก เพื่อนของเพื่อน จนนับได้ว่าเป็นมิตรที่ดีคนหนึ่ง แต่เพิ่งได้มีโอกาสมาทำธุรกิจร่วมกัน และก็ได้ทราบว่าเรื่องเงินเรื่องทองนั้นชายหนุ่มหน้านิ่งไม่เคยยอมลงให้ใครที่ไหน ขนาดหล่อนเองที่เห็นหน้ากันในวงสังคมมาเป็นสิบๆ ปี พอถึงคราวต้องมาเป็นคู่ค้าคู่ขาย ห้าบาทสิบบาทอีกฝ่ายยังไม่ยอมให้กระเด็น
“ก็ไม่อีท่าไหนค่ะพี่ลูกพลับ หญิงก็อธิบายเหตุผลให้เขาฟัง”
อธิบายแบบดีบ้างไม่ดีบ้าง ตอนหล่อนเอาแบบใหม่ที่ได้รับการตีราคาใหม่ไปคุยกับชายหนุ่มเมื่อเย็นวันจันทร์ยืดเยื้อจนฌอนฤทธิ์สั่งให้หอบเอกสารไปคุยต่อที่ห้องพัก หล่อนจึงจัดแจงให้รูมเซอร์วิซส่งอาหารคาวหวานไปเป็นของว่าางระหว่างต่อรองงานกัน
เขาส่ายหน้าไม่เอาสิ่งที่หญิงสาวเสนอบ้าง พยักหน้ายอมรับบ้าง จนกว่าจะเรียบร้อยเข้าใจตรงกันทุกอย่างก็เกือบห้าทุ่ม กลายเป็นว่าวันนั้นทั้งแพรวพรรณรายและฌอนฤทธิ์รับประทานอาหารเย็นร่วมกันไป คุยงานกันไปหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็กำลังยื่นแก้วกาแฟให้ชายหนุ่มที่กำลังคลึงหัวตามองแบบที่หล่อนเสนอและวาดแก้ในคอมพิวเตอร์เป็นครั้งสุดท้าย เล่นเอาหญิงสาวต้องเหลียวมองบรรยากาศรอบข้างว่าทำไมอยู่ดีๆ การอยู่ด้วยกันแบบนี้ดูเป็นธรรมชาติเหลือเกิน
“หืม? คุณหญิงแพรวอธิบายหรือทะเลาะ บอกพี่สิ”
พรรณพัตราเรียกอีกคนตามฐานันดรที่สูงกว่า เพราะต่อให้หล่อนสืบต่อคำนำหน้ามาจากมารดา สาแหรกชั้นหล่อนก็จะอยู่แค่ระดับหม่อมหลวง
“โธ่ พี่ลูกพลับ หญิงก็รู้ถูกรู้ควรนะคะ ทราบหรอกค่ะว่าเถียงกับเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกค้า และลูกค้าคือพระเจ้า”
แต่จะว่าไปหล่อนก็ทำไปเยอะ ออกฤทธิ์ไปไม่น้อย ดีที่เรื่องไม่รู้มาถึงหูนายใหญ่ที่นั่งเปล่งออร่าอยู่ตรงนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคุณแม่ลูกแฝดที่แต่งงานมาแล้วหลายปี เพราะยังดูเหมือนสาววัยยี่สิบห้ายี่สิบหก
“หึ พี่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าหญิงแพรวอธิบายให้ฌอนฟังดีๆ” พรรณพัตราส่ายหน้าปฏิเสธเพราะรู้พฤติกรรมญาติสนิท แล้วก็ต้องโบกมือห้ามเพราะคุณหญิงคนเล็กของวังวิริยาอ้าปากตั้งท่าจะเถียง นี่ไง ก็เป็นแบบนี้นี่ไงถึงบอกว่าไม่ไว้ใจเอาเสียเลย
“เอาละ เอาละ ที่เรียกมาวันนี้ไม่ได้อยากจะบ่นเรื่องนั้น แต่จริงๆ อยากจะชมด้วยซ้ำว่ามีวุฒิภาวะขึ้นมาก รู้จักจัดการอารมณ์ จัดการแก้ไขปัญหาทั้งที่เกี่ยวกับงานเราโดยตรง และที่เกี่ยวกับงานคนอื่นได้ดี”
คนที่เป็นเจ้าของบริษัทมองหน้าคนใต้บังคับบัญชาด้วยความพอใจ ถึงแม้ว่าแพรวพรรณรายจะไม่ได้รับตำแหน่งสถาปนิกควบคุมงานมาตั้งแต่ต้น แต่การมารับไม้ต่อกลางทางแบบนี้ก็ถือว่าทำได้ดีมาก “ส่วนเรื่องที่อยากจะคุยด้วยจริงๆ น่ะคืองานโพรเจกต์ใหม่ คิดว่าพร้อมที่จะเป็นสถาปนิกโครงการหรือยัง”
เนื้องานที่ ‘สถาปนิกโครงการ’ ต้องรับผิดชอบนั้นไม่ใช่แค่ออกแบบอาคาร หรือการตกแต่งภายในให้จบๆ ไป แต่ต้องควบคุมงานให้เป็นไปตามแบบ คอยตรวจและให้ความเห็นในการก่อสร้าง ถึงแม้หลักใหญ่จะเป็นงานสถาปัตย์ แต่ต้องเข้าใจงานประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น งานระบบโครงสร้างและรายละเอียดเกือบทุกอย่างในการก่อสร้างอาคารที่อาจส่งผลให้งานออกมาผิดพลาด หรือไม่ถูกต้องตามแบบ ในบางครั้งต้องคอยประสานงานกับทั้งวิศวะ ผู้รับเหมา และโฟร์แมนแบบที่แพรวพรรณรายกำลังทำอยู่ แต่จะหนักหนากว่านี้เอาการเพราะต้องออกแบบทั้งหมด และเริ่มต้นงานตั้งแต่ศูนย์ ไม่ได้มาทำเอาตอนที่ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบแบบนี้แล้ว
“ฮะ มีใครอยากจ้างหญิงเหรอคะ”
“เขาไม่ได้เจาะจง แต่พี่รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว ไอ้แบบแบบที่เขาบอกว่าชอบดูเป็นแนวเดียวกับที่แพรวออกแบบได้ดี แต่ไม่ใช่โพรเจกต์ใหญ่แบบวันซ์ ริวานะ บูทีคเล็กๆ ที่สระบุรีขนาดสี่สิบห้องกับพื้นที่ส่วนกลางอีกนิดหน่อยเอง จำได้ไหมที่เคยบอกไปว่าจะลงไปรับช่วงงานของฌอน หรือจะรอทำงานใหญ่”
“หืม แล้วตกลงเขาจะทำแล้วเหรอคะ” เพราะเห็นเกริ่นกันมานานเต็มทีจนแพรวพรรณรายนึกว่าลูกค้ายกเลิกโครงการ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เขามาจ้างบริษัทพี่ลูกพลับเนี่ยนะคะ คุ้มเหรอ”
เป็นที่รู้กันดีว่าราคาค่างวดที่บริษัทนี้ชาร์จจากลูกค้านั้นเอาเรื่องเอาการ แต่ก็เป็นที่เลื่องลือเช่นกันว่างานที่ออกไปจาก วี.เค. คอนสตรัคชั่นนั้นเหนือชั้นตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงข้าวของอุปกรณ์ ทำให้อาคารสถานที่ที่ผ่านมือบริษัทนี้โดดเด่นกว่าที่อื่นเสมอ
“โอ๊ย เจ้าของเขารวย เขาจะสร้างโรงแรมไว้ประดับวินยาร์ด”
พรรณพัตราบอกท่าทางสบายๆ มองหน้าหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าหล่อนไม่กี่ปี แต่ยังฉายแววสดใสเหมือนเด็กวัยรุ่น ต่างจากตัวเองที่มีภาระเต็มมือเต็มไม้ ทั้งงาน ทั้งลูก ทั้งผัว
“โห เก๋ แต่ว่าคนระดับนั้นเขาจะเชื่อมือหญิงเหรอคะ จะว่าไปหญิงก็ไม่เคยออกแบบอะไรที่มันสร้างออกมาเป็นตึกจริงจัง อย่างดีก็ออกแบบภายในห้องตัวเองกับเรือนหอของพี่ชายพัชร พี่ชายพชรเท่านั้น”
“ก็ลองไปคุยดู พี่ไม่ได้ส่งหญิงแพรวไปคุยกับเขาคนเดียว เสนอให้ลูกค้าดูหลายทางเลือกเหมือนกัน แล้วแต่ว่าเขาจะเลือกใคร เราน่ะถ้าคิดว่าอยากลองเสนองานลูกค้าก็กลับไปทำพอร์ตส่วนตัวขึ้นมา ไอ้ป็อปอัปสปาที่วันซ์ ริวาก็เอามาใส่ในประวัติไว้ด้วย”
หม่อมราชวงศ์คนสวยพยักหน้าหงึกๆ รับคำที่เจ้านายบอกพลางจดใส่สมุดโน้ตเล็กๆ ของตัวเอง พยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างให้ครบถ้วน
“แล้วต้องไปคุยเมื่อไรคะ”
“น่าจะอีกสักอาทิตย์ พี่ดูสเกลที่เขาอยากทำแล้วน่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณปีนึง แต่ถ้าอัดคนลงไป ถ้าเทคานได้ทุกอย่างก็อาจจะเสร็จไวกว่านั้น” พรรณพัตราเปิดเอกสารเท่าที่มีในมือดูอีกครั้งพร้อมคะเนเวลาอย่างคนมีประสบการณ์
“เขาอยากเปิดส่วนห้องอาหารให้ได้ช่วงสิงหา ส่วนตัวโรงแรมถ้าไหวก็คงอยากได้ก่อนปีใหม่”
“แล้วลูกค้าเขาอยู่ที่ไหนคะ ต้องไปคุยกับเขาที่ไหน ช่วงนี้หญิงแทบจะกินนอนอยู่ที่ไซต์ ให้ไปต่างจังหวัดอาจจะไม่สะดวก หรือไม่ก็ต้องรอปิดโครงการนี้ก่อน ไม่รู้ว่าจะทันไหม”
หน้าสวยม่อยลง แอบคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดที่ขอดูโพรเจกต์วันซ์ ริวาต่อจากรุ่นพี่ เพราะต่อให้โรงแรมที่พรรณพัตราเพิ่งจะเสนองานออกแบบให้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็เป็นงานที่น่าจะสร้างชื่อเสียงได้ เพราะเป็นผลงานของหล่อนตั้งแต่ต้น ไม่ได้ทำงานภายใต้ร่มเงาความคิดและจินตนาการของใครแบบนี้
“หมากเขาเข้ากรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์ จริงๆ บ้านเขาอยู่ที่นี่นะ ตรงเอกมัยเอง พื้นฐานเขาขายวัสดุก่อสร้าง ไอ้หิน ดิน ปูน อะไรต่ออะไรที่เราใช้ บ้านหมากเขาก็เป็นซัปพลายเออร์ให้ แต่ตัวหมากน่ะไม่ได้ทำหรอก เปิดบริษัทนำเข้าเหล้าเป็นของตัวเอง แล้วก็ทำวินยาร์ดที่สระบุรีนั่นแหละ”
“มันไม่เห็นจะไปกันได้ ขายหินกับขายเหล้า”
“บริษัทที่บ้านน่ะน้องสาวเขาดูแล แต่นั่นแหละ เรื่องของเขา ตกลงว่าไง รับไหม”
“รับค่ะ รับค่ะ” คนกำลังจะมีผลงานเป็นของตัวเองรีบตอบรับด้วยความตื่นเต้น
“แต่หมากเขาต้องเป็นคนเลือกนะ ได้ไม่ได้อันนี้พี่ไม่ได้เป็นคนตัดสิน ต้องทำใจแล้วก็ยอมรับด้วยว่างานเรามีตัวอย่างให้เขาดูน้อยมาก จนถ้าเป็นพี่ พี่เลือกของคนอื่นแน่ๆ”
คนทำธุรกิจสอนให้น้องสาวมองเห็นความจริง แม้จะสงสารเมื่อเห็นแววตาผิดหวังของอีกฝ่ายปรากฏขึ้น แต่ก็ไม่เห็นข้อดีอะไรที่จะโกหกให้ความหวังลมๆ แล้งๆ
“ทราบค่ะ” แพรวพรรณรายบอกเสียงเรียบ แต่ไม่หลบตาพรรณพัตรา มองคนตรงหน้าอย่างสตรีที่มั่นใจในตัวเอง
“ถ้าทราบก็ดี เอ้านี่...” ถือว่าช่วยน้องอย่างที่สุด หญิงสาววัยสามสิบกว่าที่นอกจากจะเป็นประธานบริษัท วี.เค. คอนสตรัคชั่น ยังควบตำแหน่งมาดามของเวส กรุ๊ปที่เป็นเจ้าของโรงแรมเจ็ดดาวทั่วโลก และเป็นคุณแม่ของลูกสาวลูกชายฝาแฝดหน้าตาน่ารักอีกคู่หนึ่ง ยื่นเอกสารที่มีข้อมูลของพื้นที่ที่ต้องการให้แพรวพรรณรายออกแบบให้ “...ข้อมูลพื้นฐาน พวกขนาดที่ดิน รังวัด และก็สิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่เดิมกับรูปแลนด์สเคปคร่าวๆ เผื่อจะพอเป็นไอเดีย”
มือบางรับเอกสารมาเปิดดูด้วยความตื่นเต้น เห็นทัศนียภาพที่เป็นไร่องุ่นมีทิวเขาโอบล้อมก็อยากหยิบอะไรออกมาวาดเขียนทันทีตามประสาศิลปิน ตาหวานที่เมื่อครู่หม่นแสงลงเปล่งประกายมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะพี่ลูกพลับ สวยแล้วก็น้ำใจงามแบบนี้ พี่หวงถึงรักถึงหลง ว่าแต่แฝดเป็นไงบ้างคะ”
“ซน! ซนเป็นลิง โดยเฉพาะลูกแพร์นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นเด็กผู้หญิง!”
เนื้อเสียงเหมือนบ่น แต่ฟังรื่นรมย์จนคุณหญิงคนเล็กต้องยิ้มตาม เห็นคนมีความสุขกับความรักก็ดีใจ ถามว่าอยากมีไหมก็อยากมีบ้าง แต่ไอ้ผู้ชายที่ผ่านเข้ามามันขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล
“แล้วนี่อยู่บ้านกับใคร พี่เลี้ยงเหรอคะ”
“ปกติก็พี่เลี้ยง แต่นี่เพิ่งเอาไปเข้าพรี-สกูล พ่อเขาเห่อ ตามไปรับไปส่งทุกวันแหละ”
สีหน้าของมาดามเวส กรุ๊ปมีความสุขเมื่อพูดถึงครอบครัวที่รักของตัวเอง แล้วก็ดึงสติกับสายตากลับมาที่น้องรัก ท่าทางจะเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา จึงเอ่ยปากถามเรื่องที่ได้ยินมาทั้งจากในวงญาติ วงงาน ด้วยอยากรู้ตื้นลึกหนาบาง
“ได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่ที่วันซ์ ริวา เป็นไง ทำงานสบายขึ้นเยอะสิ”
“เอ่อ...ก็ค่ะ”
แพรวพรรณรายไม่ได้รู้เลยว่าในจังหวะที่หล่อนเสหลบตาอีกฝ่าย โหนกแก้มเจือสีแดงเรื่อขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เล่นเอาพรรณพัตรายกยิ้มตามประสาคนอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ทำเป็นไม่สังเกตเห็น พูดเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย
“ฌอนนี่ก็เดายาก นึกว่าจะเขี้ยว แต่ก็ดูสปอร์ตดี เปย์หนักเหมือนกัน”
“แหม เขาก็ได้ประโยชน์ไหมคะ มีคนไปนอนเฝ้าไซต์งานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง วันดีคืนดีเที่ยงคืนยังโทร. มาชวนหญิงลงไปแอบดูคนงาน ใช้งานราวกับทาส”
พรรณพัตราที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารเซ็นไปด้วย กวาดตามองเนื้อความในกระดาษไปด้วยถึงกับเลิกคิ้ว แต่ยังไม่หยุดกิจกรรมของหล่อน เพราะอยากฟังน้องเล่าให้จบ กลัวว่าถ้าเอ่ยคำพูดใดหรือสิ่งที่ทำอยู่หยุดชะงักไป เจ้าตัวจะไม่เปิดปากอีก
“เช้าๆ บางทีก็โทร. มาให้ลงไปเดินดูคนงานเก็บไซต์ ดีที่ยังใจบุญเลี้ยงอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไม่ยังงั้นหญิงโวยจริงๆ นะคะ ใช้งานแบบนี้เปย์หนักยังไงก็ไม่ไหว ดีนะคะที่หญิงมารับช่วงแค่สองเดือน ไม่งั้นไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”
“อืม ก็ดี ก็นี่แหละ อีกหน่อยถ้าได้งานหมากก็ต้องมีที่ไปคุมงานต่างจังหวัด นี่ถือว่าเริ่มต้นสบาย นอนโรงแรมหกดาว มีเจ้าของอยู่เป็นเพื่อน”
“เพื่อนอะไรล่ะคะ หาเรื่องจิกกัดหญิงได้ทุกวัน เป็นเก้งกวางหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปากคอเราะรายที่สุดเลยนะคะ เหน็บหญิง ว่าหญิงแสบๆ ทั้งนั้น”
ได้ยินแบบนั้นพรรณพัตราก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวต่างสายเลือด ประหลาดใจมากเลยทีเดียวเพราะฌอนฤทธิ์ที่หล่อนรู้จักไม่เคยคุยเล่นหรือพูดมากกับใคร แม้กระทั่งกับพี่ชายแท้ๆ ของเขาอย่างคุณชัยฤทธิ์ หล่อนก็ยังเห็นพูดน้อยเก็บอาการจะตาย แล้วนี่มันอะไรแพรวพรรณรายถึงบอกว่าฌอนฤทธิ์เป็นคนยียวนกวนประสาท
“อย่างนั้นเหรอ”
“อย่างนั้นเลยค่ะ”
“อืม ยังไงพี่ฝากดูงานทางนั้น ถึงแม้หญิงแพรวจะไม่ได้ใหญ่สุดในทีม แต่หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ช่วยพี่ดูแล ในฐานะน้องสาว คงทำได้ใช่ไหม”
“ได้สิคะ เรื่องแค่นี้หญิงช่วยพี่ลูกพลับได้สบายมาก”
หญิงสาวรีบรับคำ เพราะซึ้งในบุญคุณของพรรณพัตราที่รับหล่อนเข้าทำงานอย่างไม่มีระบบ หยิบยื่นโอกาสดีๆ หลายอย่างให้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับอาชีพการงานในภายภาคหน้า
“ขอบใจจ้ะหญิงแพรว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...”
เจ้าของบริษัทตั้งท่าจะเอ่ยปากให้หญิงสาวกลับไปทำงาน เพราะจากที่พูดคุยกันมาเกือบสามชั่วโมงดูเหมือนว่าจะมีใครที่ต้องการให้แพรวพรรณรายกลับไปมากกว่าหล่อน ในวินาทีนั้นเสียงโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของคนที่สวมหมวกนายใหญ่อย่างคุณหญิงคนสวยก็ดังขึ้น
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ หญิงลืมปิดเสียง”
หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายออกตัว ยกมือเป็นเชิงขออภัยญาติสาว ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ดนัยที่หน้าจอ ไม่แน่ใจว่ามีอะไรผิดพลาดที่ไซต์งานหรือเปล่า แล้วก็ต้องทำหน้าตาตกใจเพราะปลายสายเอ่ยสิ่งที่หล่อนไม่คิดว่าจะได้ยิน
“คุณฌอนให้ถามว่าจะเสร็จหรือยังครับ คุณฌอนเสร็จธุระแล้ว ผ่านบริษัทคุณหญิงขากลับโรงแรมพอดี ถ้าเสร็จแล้วจะวนไปรับ”
แพรวพรรณรายตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างหล่อนกับฌอนฤทธิ์ตอนนี้คืออะไร เพราะเมื่อบ่ายหลังจากที่ดนัยโทร. หาไม่เกินครึ่งชั่วโมง รถตู้อเนกประสงค์ก็มาจอดรออยู่หน้าบริษัท ประตูอัตโนมัติถูกเลื่อนเปิดทันที ในรถมีเจ้าของโรงแรมร่างสูงใหญ่นั่งไขว่ห้างอ่านเอกสารอยู่ หล่อนเลยจำต้องยกมือไหว้เขา งงไม่น้อยที่ทำไมคนขับรถไม่เปิดประตูสไลด์อีกด้านให้หล่อนขึ้นแทน จะได้ไม่ต้องเข้ารถโดยผ่านตัวเขาไปนั่งที่เก้าอี้เดี่ยวอีกข้างแบบนั้น
พอกลับมาถึงวันซ์ ริวา แพรวพรรณรายซึ่งตั้งใจจะกลับไปที่ห้องทำงานชั่วคราวก็ไม่ได้ทำตามใจอยาก เพราะชายหนุ่มอีกนั่นละออกปากเรียกไว้กลางล็อบบีที่เดินเข้ามาพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาพนักงานที่มองอย่างสงสัยว่าระหว่างสองคนนี้คืออะไรกัน
...
‘เพื่อนร่วมงานคุณหญิงกลับกันไปหมดแล้ว นี่มันห้าโมงครึ่งวันศุกร์แล้วนะ รักงานแค่ไหนก็ไม่มีใครเขาอยู่แล้วละ ปิดออฟฟิศเกลี้ยงตั้งแต่ห้าโมงด้วยซ้ำ’
‘อ้าว เหรอคะ แต่ยังไงดิฉันก็ต้องไปเอาคอมพ์อยู่ดี’
‘ผมให้คนเอาขึ้นไปไว้ที่ห้องผมแล้ว’
‘มีกล่องสีกับสมุดดราฟต์ด้วย’
ถึงแม้จะมีโปรแกรมในการเขียนแบบมากมาย แต่หลายครั้งที่หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายก็ยังใช้วิธีดั้งเดิม
‘นั่นผมก็ให้เขาเอาขึ้นไปให้แล้ว’
ได้ยินแบบนั้นแพรวพรรณรายและแน่นอนพนักงานที่เปิดประตูโรงแรมก็ทำหน้าตกใจ ไม่เข้าใจ และเริ่มหวั่นใจว่าสิ่งที่ฌอนฤทธิ์กำลังแสดงออกนี่ต้องการอะไร
‘ขึ้นไปพักอาบน้ำแต่งตัวรอทานข้าวกับท่านพ่อไป’ ไม่พูดเปล่า แต่เจ้าตัวยังทำหน้าเมื่อย ออกเสียงเหมือนไล่ให้เด็กไปอาบน้ำ ‘เดี๋ยวใกล้ถึงเวลาผมจะไปเคาะเรียกที่ห้อง อ่อ...แต่งตัวสวยๆ นะ พี่ชายพี่สะใภ้ผมมาร่วมโต๊ะเสวยด้วย อย่ากะเร้อกะรังลงมาให้เห็นเชียวละ’
...
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทั้งๆ ที่แพรวพรรณรายยังคิดไม่ตก แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าใครที่มาเรียกตอนนี้ เพราะอีกสิบห้านาทีจะถึงเวลาที่ท่านพ่อเสด็จ เลยรีบคว้ามือถือที่ชาร์จแบตไว้ที่หัวเตียง เดินปรี่ไปเปิดประตูโดยไม่คิดจะสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งเหมือนผู้หญิงทั่วไป และไม่มีกระเป๋าติดมือติดไม้เป็นพรอปเพิ่มความสวยงาม เพราะมั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูนอกจากไม่ออกปากทัก ไม่ชม ยังยืนนิ่งมองหล่อนด้วยสายตาแปลกประหลาดบางอย่างที่ไม่เคยเห็นเขามองใคร จนเจ้าตัวนึกฉุน ยกมือเท้าสะเอวจ้องตาฌอนฤทธิ์ ไม่ทันสังเกตว่าลูกกระเดือกเขาขยับอย่างคนกลืนน้ำลายลำบาก
“หน้าดิฉันมีอะไรติดหรือยังไงคะ”
ติดสิ ติดใจเลยละเมื่อเห็นเด็กกะโปโลที่ทำเอามาดนิ่งเงียบของเขาหลุดสวมเดรสสายเดี่ยวผ้าเดรปสีดำทั้งตัว เผยให้เห็นสัดส่วนยั่วเย้าที่เขาไม่เคยรู้ว่าหล่อนมี เพราะทุกทีที่เจอก็สวมแต่เสื้อยืด นุ่งกางเกงยีน ไม่เลยสักครั้งที่จะทำตัวเป็นผู้หญิง
ฌอนฤทธิ์จำต้องเงยหน้าขึ้นสบตาหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณราย แล้วก็หายใจสะดุดไปกันใหญ่เพราะหน้าสวยล้อมกรอบด้วยผมยาวที่วันนี้ถูกบรรจงไดร์เสียตรง ใบหน้ามีเครื่องสำอางตกแต่งไว้อย่างดีเนี้ยบราวกับมีมืออาชีพมาดูแลให้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะเขาไม่ได้รับรายงานว่าแพรวพรรณรายอนุญาตให้ใครขึ้นมาหาที่ห้องพัก
“ยังไง จะจ้องอีกนานไหมคะ ถ้านานดิฉันจะไปลากเก้าอี้มานั่งรอ”
“เอ่อ...ไม่”
ไม่ไหวแล้ว แค่ที่ผ่านมาเขาก็โป๊ะแตกห้ามตัวเองไม่อยู่ไปไม่รู้กี่ดอกต่อกี่ดอก จนอย่างน้อยๆ ก็ดนัยคนหนึ่งที่จับไต๋ได้ว่าคนที่ทำให้เขาหวั่นไหวคือคนตรงหน้าคนนี้
“ไม่? ไม่อะไรคะ”
“ไม่สวย”
พูดไปไม่ได้ตรงกับใจคิด สิ่งที่ก้องอยู่ในสมองคือไม่สวยน้อย แต่สวยมาก แล้วก็ทำเอาเขาไม่อยากลงไปรับเสด็จเจ้านายองค์ไหน อยากอยู่รับใช้คุณหญิงแสนสวยบนห้องนี้
ส่วนแพรวพรรณรายได้ยินแบบนั้นก็อดหน้าตึงไม่ได้ รู้ดีหรอกว่าไม่ได้งามจับตาแบบพี่สาวฝาแฝด แต่วันนี้หล่อนก็บรรจงจัดแจงตัวเองให้ดีเหมือนกับทุกครั้งที่ต้องออกงานสังคม ทุกคราวก็ได้รับคำชมเชยหนาหู แล้วนายคนนี้เป็นใครมาพูดใส่หน้ากันปาวๆ ว่าไม่สวย ไม่ต้องตา คนเป็นหญิงทั้งตัวและหัวใจก็อดน้อยใจไม่ได้ รีบหลบตา กลัวจะแสดงออกให้เขารู้ความรู้สึก หันไปคว้าแจ็กเกตยีนที่แขวนไว้ข้างประตูขึ้นมา เบี่ยงตัวปิดประตูห้องแล้วเดินนำอีกคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดจาไม่ดีออกไป
ชายหนุ่มรีบสาวเท้าตาม แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเพราะระหว่างที่ลิฟต์เปิด พี่ชายเขาก็โทร. เข้ามาแจ้งว่ากำลังรอรับเสด็จท่านชายอยู่ที่ล็อบบี
“ครับ ผมกำลังลงไปครับ”
ตาคมเหลือบมองคนที่กำลังสวมเสื้อยีน อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้เห็นของสวยๆ งามๆ ต่อ แต่ก็สบายใจขึ้นมาไม่น้อยว่าจะไม่มีใครได้เห็นภาพเมื่อครู่ นอกจากเขา พลางนึกว่าต่อให้แพรวพรรณรายดับลุคร้อนฉ่าด้วยเสื้อแจ็กเกตแบบสมัยนิยม แต่ก็ทำให้เจ้าตัวดู ‘ชิค’ ตามที่วัยรุ่นเขาเรียกกัน
“คุณหญิงก็อยู่กับผมครับ เพิ่งไปรับที่ห้องมาเมื่อกี้”
เหมือนคนนัยน์ตาหวานจะแวบมองเขาครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคนเอ่ยถึงตัวเอง แต่ยังทำเป็นขยับสร้อยข้อมือให้เข้าที่ ไม่มีหรอกที่คนอย่างคุณหญิงแพรวจะมาสวมสร้อยข้อมือมุก ต่างหูเพชร อย่างดีก็เป็นพวกจิวเอลรีไลน์ของดีไซเนอร์ชื่อดัง แต่ในวันธรรมดาแทบจะไม่ใส่อะไรเลยเพราะเป็นอุปสรรคในการทำงาน
ยังจัดแจงตัวเองได้ไม่เข้าที่ดี ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ร่างบางจึงก้าวเดินนำออกไป ไม่สนสายตาของคนทั่วไปที่ตื่นตะลึงเพราะไม่เคยมีใครเห็นหล่อนในภาพลักษณ์แบบนี้ ถามว่าประหม่าไหมก็ไม่ เพราะคุ้นชินกับการเข้าสังคมมาตลอด จะรู้สึกก็แต่เพียงว่าจะจ้องอะไรกันนักหนา ก็แค่แต่งหน้าทำผม เลยรีบก้าวยาวๆ ไปหาชัยฤทธิ์กับภาณีที่หล่อนเคยได้พบแล้วหนึ่งครั้งคราวที่ตามเสด็จท่านพ่อ ไม่สนใจว่ามีอีกคนเดินปราดเข้ามาแทบจะซ้อนหลัง แต่ก็พร้อมเขยิบตัวหนี
“สวัสดีค่ะคุณชัย คุณณี”
“คุณหญิง สวัสดีค่ะ สวยจัง สวยจริงๆ สวยจนไปเป็นดารานางแบบได้เลยนะคะเนี่ย”
ภาณีเอ่ยทักหญิงสาวอ่อนวัยกว่าอย่างชื่นชมความงามที่เห็นเบื้องหน้า คราวก่อนที่เจอในงานแต่งงานก็รับรู้ถึงความงามของราชนิกุลสาวผู้นี้ แต่วันนั้นไม่มีโอกาสได้เจรจาใกล้ชิดกันแบบในวันนี้ ในขณะที่ชัยฤทธิ์รับไหว้หญิงสาวเฉยๆ
“สวยจริงเชียว ว่าไงฌอน ไม่กลับบ้านกลับช่องเลยเนอะ” ชัยฤทธิ์ชมหญิงสาวที่อายุน้อยที่สุดเสร็จก็หันไปทักน้องชาย แววตาสื่อความหมายบางอย่างที่รับรู้กันเอง
“ครับ พี่ชัยมาถึงนานแล้วเหรอครับ”
“เพิ่งถึง รถติด ทีแรกยังนึกว่าถ้ามาเร็วจะขึ้นไปหาเราที่ห้อง”
“อ่อครับ”
ฌอนฤทธิ์สงวนคำแม้แต่กับพี่ชายตัวเอง ไม่วายเหลือบมองคนข้างๆ เรื่อยๆ วินาทีนี้ไม่ได้จะสำรวจความงามของหญิงสาว แต่จะสำรวจอารมณ์มากกว่าว่าจะอาละวาดขึ้นมาเมื่อไร แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ที่หล่อนไม่ตะบึงตะบอนใส่เขาเลยแม้แต่น้อย
“มัวแต่คุยกันพี่น้องคู่นี้ โน่น รถท่านชายมาแล้วค่ะ”
ภาณีเอ่ยเรียกคนทั้งหมดให้ออกจากบทสนทนา ทำให้ทั้งสามต้องเดินไปตั้งขบวนรับท่านชายโชติรัตน์จนถึงประตูรถ ฌอนฤทธิ์ยกมือห้ามพนักงานของโรงแรมที่กำลังจะปรี่ไปบริการ และทำหน้าที่เปิดประตูรถให้หม่อมเจ้าสูงวัยที่ยังดูแข็งแรงเอง ก้มหัวลงทำความเคารพเจ้านายสูงศักดิ์อย่างคนรู้พิธีรีตองเป็นอย่างดี
“เป็นเกียรติของโรงแรมกระหม่อมที่เสด็จมาใช้บริการ”
“อะไรกัน คุณฌอนกันเองๆ น่า ถือว่าแวะมาอุดหนุนลูกหลาน เป็นไงหญิงแพรว สบายดีไหม หน้าตาสดชื่น งานไม่หนักหรือไง”
ท่านชายหันหาธิดาที่ยืนถัดจากเจ้าของโรงแรมวัยสามสิบห้าและกำลังยกมือไหว้ หน้าตาสวยสดกว่าปกติที่เคยเห็นจนอดยกพระโอษฐ์เป็นรอยยิ้มประดับพระพักตร์ไม่ได้
“สบายดีเพคะ ท่านพ่อ หญิงคิดถึงท่านพ่อจัง”
หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายปรี่เข้ากอดพระบิดา ก่อนจะยกมือไหว้หม่อมแม่ที่ตามเสด็จมาด้วย
“หม่อมแม่คิดถึงหญิงไหมคะ”
“คิดถึง คิดถึงว่าตอนเช้าไม่รู้จะปลุกใคร คุณฌอน หญิงแพรวดื้อใส่ไหมคะ”
“ไม่เลยครับหม่อม เลี้ยงง่าย”
“ยังไม่เปลี่ยนใจเอาไปคืนที่วังใช่ไหมคะ”
คนทั้งหมดเดินไปด้วยกัน โดยท่านชายโชติรัตน์ทรงคุยกับชัยฤทธิ์อย่างออกรส และทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง ทั้งที่สายพระเนตรจับจ้องที่หนุ่มสาวข้างๆ ก่อนจะทรงเรียกคู่ชีวิต
“หม่อมมานี่มา คุณณีเพิ่งพูดถึงวัดที่อะไรสักอย่าง ใช่ที่หม่อมไปมาไหม แล้วเราสองคนเดินนำไปสิ วันนี้จะพาพ่อไปทานห้องไหน”
“ท่านพ่อโปรดอะไรล่ะเพคะ”
“อะไรก็ได้ คุณฌอนคงเลือกไว้แล้วใช่ไหม”
คนโดนถามไม่ตอบอะไรให้มากความ ทูลแต่สิ่งที่ควรในเวลานี้ แต่สื่อสารอย่างอื่นทางสายตา โดยที่เจ้าของวังวิริยาก็พยักพระพักตร์รับรู้
“เลือกแล้วครับ”
“งั้นก็นำไป”
เมื่อท่านพ่อรับสั่งแบบนั้น คนที่ยังอยากอ้อนแม่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินเคียงข้างฌอนฤทธิ์ไป แต่ไม่คิดจะหันไปสนทนากับเขาเหมือนผู้ใหญ่ทั้งสี่ ทว่ามีบางท่อนบางตอนในคำพูดของคณะด้านหลังลอยเข้าหู
“แน่ใจกระหม่อม เจ้าตัวเขาบอกเอง”
“ทางเราก็เกรงแต่ท่านชายจะรังเกียจครอบครัวพ่อค้า เอ่อ ขอประทานอภัยนะเพคะ ถ้าหม่อมฉันพูดราชาศัพท์ผิด”
“ไม่เป็นไรคุณณี ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ก็ถ้าทางนี้ยืนยัน วิริยาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร นี่ก็ยอมให้เขาลองมาดูกัน ถ้ายังอยู่ที่วังคงยาก คนนั้นน่ะดื้อ”
“ค่ะ ทางเราก็นิ่ง”
ภาณีพยักพเยิดไปที่คู่หนุ่มสาว เพิ่งตั้งสติได้หลังจากงานแต่งงานของแขกวีไอพีที่ท่านชายเสด็จมาเป็นองค์ประธาน แล้วแอบได้ยินน้องชายคนเล็กสุดของสามีเอ่ยอะไรบางอย่างที่หล่อนไม่คิดว่า คนอย่างฌอนฤทธิ์จะพูด
‘พี่ชัย จัดการให้ทีครับ ท่านชายโปรดพี่ และผมชอบลูกท่าน’
“แต่ก็ดูไม่นิ่งแล้วนะคุณภาณี”
หม่อมเจ้าโชติรัตน์เอ่ย เรื่องจะรักจะชอบพอกันไหม ท่านไม่ทรงบังคับ ให้เป็นเรื่องของคนสองคน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำคนดีๆ อยากคัดสรรคนที่จะมาใกล้ชิดลูก เลือกคนดีๆ ที่คิดว่าจะอยู่กันได้และนำพาชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ทรงหวั่นพระทัยมาเกือบปีว่าในวัยแบบนี้ทำไมแพรวพรรณรายถึงไม่มีแฟน ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีข้อเสียข้อด้อยอะไร ทรงเป็นห่วงด้วยว่าเมื่อท่านมีชันษามากขึ้น คุณหญิงคนเล็กสุดของบ้านจะไม่มีใครดูแล แต่ก็ไม่คิดว่าการที่โทร. ฝากฝังให้ฌอนฤทธิ์ช่วยดูแลลูกสาวคราวเมื่อรู้ว่าต้องมาทำงานที่วันซ์ ริวา จะพัฒนาความสัมพันธ์มาได้ถึงวันนี้
“ค่ะ จะว่าไปก็สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก คุณหญิงเองก็สดใสร่าเริงมาก ฌอนคงมีความสุข ไม่เอาแต่เครียดเหมือนแค่ก่อน”
ประโยคนั้นกระแทกเข้าหูเจ้าของโรงแรมกับเจ้าของวังวิริยาคนเล็กอย่างจัง จนต้องหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย คนหนึ่งตกใจ อีกคนหนึ่งหวั่นใจกลัวว่าไก่จะตื่น ก็เขายังไม่ได้ออกอาการอะไร แล้วฝ่ายชายก็ปากร้ายได้โล่ เอ่ยขึ้นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าจะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่
“หึ กิ่งทองกับใบหยกเหรอ”
ตาคมปราดมองร่างระหงที่เขาอยากจะยัดกลับเข้าห้องตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น รำคาญลูกตาลูกค้าที่มองหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายอย่างไม่เกรงใจเขา
“ผีเน่ามากกว่า”
“ค่ะ ก็เลยต้องเดินคู่อยู่กับโลงผุอยู่นี่ไง!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น