3
นางสิงห์สาวแห่งไร่ภูพญาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ประทุษร้ายตนเองเมื่อครู่ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “เมื่อกี้ทำอะไร”
ลอร่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อครู่เป็นเพราะโมโหมากเกินไปจนลืมตัว ตอนนี้พอได้สติแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง จึงได้แต่พูดไม่ออก ไม่กล้าตอบคำถามของอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไงคุณรอล่าเหยื่อ” เกสรีขึ้นเสียงใส่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม
แม้เหตุการณ์ตรงหน้าจะตึงเครียด แต่ศารทูลก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อดาราสาว เพียงแค่สลับตำแหน่งการกระดกลิ้นเพียงพยางค์เดียว ความหมายก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากสาวลูกครึ่งนามลอร่าก็กลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้
ดวงตาของเสือหนุ่มแพรวพราวขึ้นมาทันที นึกสนใจคนตัวเล็กที่ยืนทำตาวาวๆ อยู่นั่นขึ้นมาติดหมัด
เสียงหัวเราะที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้เกสรีหันไปมองทันที ดวงตากลมโตจ้องเขม็งจนคนที่กำลังหัวเราะถึงกับหน้าเก้อ หุบปากแทบไม่ทัน
ศารทูลสบตากลมโตที่มองมาพลางคิดว่า หน้าตาเจ้าหล่อนก็สวยอยู่ แต่ทำไมตาถึงได้เขียวปั้ดแบบนั้นก็ไม่รู้ แถมยังทำหน้าถมึงทึง ถ้าไม่เอวบางร่างน้อยอย่างที่เป็นอยู่ คงไม่ผิดอะไรกับนางยักษ์ขมูขี เสือหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ ให้
เกสรีจ้องคนตัวโตที่ส่งยิ้มเรี่ยราดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตากลับมายังดาราสาวตามเดิม ถึงอย่างไรตอนนี้นายนั่นก็ยังไม่ได้เอ่ยปากสอดอะไรขึ้นมา ตราบใดที่อีกฝ่ายยังวางตัวเป็นกลาง เธอก็ไม่คิดจะไปตอแยด้วย หันไปจัดการคนที่มีเรื่องกันโดยตรงก่อน
ส่วนคนที่โดนเปลี่ยนชื่อซะจนความหมายเสียหายก็โกรธกรุ่นขึ้นมาอีกรอบ ความกลัวนิดๆ เมื่อสักครู่ปลิวหายวับไปหมด เสียงหัวเราะของศารทูลเมื่อสักครู่ยิ่งทำให้อับอายไปกันใหญ่ เกสรีมักจะทำให้เธอรู้สึกขายหน้าอยู่เสมอจึงแหวใส่อีกรอบ “คนอย่างเธอสมควรโดนแล้ว”
เกสรีกัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทางสำนึกผิดสักนิด ทั้งๆ ที่เธอพยายามให้โอกาสสำนึกผิดแล้ว เค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความโมโห “สิ่งที่เธอทำเขาเรียกว่าลอบกัด หมาลอบกัดน่ะรู้จักไหม!”
“แกน่ะสิหมา!” ลอร่ากรีดเสียงแหลมเมื่อถูกเปรียบเปรยเป็นสัตว์
“ฉันจะบอกให้รู้ว่าคนกับหมาต่างกันยังไง” เกสรีเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะส่งหมัดไปตะบันหน้าอีกฝ่ายแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้า เล่นเอาลอร่าถลาไปกองกับพื้นเหมือนนกปีกหัก “คนจริงเขาต้องทำต่อหน้า ไม่ใช่คอยเล่นงานคนอื่นลับหลังไงล่ะ” สิงห์สาวเอ่ยพลางทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความสะใจ
ศารทูลกะพริบตาปริบๆ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ตอนแรกถึงยายตัวเล็กนั่นจะทำตาดุ แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าจะลงมือสักนิด แล้วอยู่ๆ ก็ปล่อยหมัดตรงออกมาเฉยเลย กำปั้นลุ่นๆ ไม่ใช่การใช้ฝ่ามือแบบที่ผู้หญิงทั่วไป
ชอบใช้ ทำเอาวิชาถลกหนังศีรษะที่สองคู่ควงของเขาใช้เล่นงานกันในห้องทำงานเมื่อหลายวันก่อนดูเป็นวิธีของเด็กๆ ไปเลย!
พลันหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้นมา ฟังเผินๆ เหมือนเสียงของสองชะนีสาวในวันนั้นไม่มีผิด ทำเอารู้สึกสะพรึงขึ้นมาอีกรอบ
“แก! นังเกรซ แกต่อยฉัน” ลอร่ากรีดเสียงด้วยความเจ็บปวดบวกกับโมโห มือยังกุมจมูกที่โดนหมัดของสิงห์สาวเล่นงานเอาไว้แน่น
“เออ! ฉันต่อยแกนังรอล่าเหยื่อ ก็แกผลักฉันก่อนทำไมล่ะ ทำไมไม่ล่าเหยื่อไปเงียบๆ แถมให้โอกาสแล้วยังไม่ยอมขอโทษอีก โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว” เมื่อโดนอีกฝ่ายจิกหัวเรียก เกสรีก็ไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องสุภาพกับคนที่หยาบคายกับตัวเองไปทำไม และอีกอย่างเวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ ก็มักจะคุยกันแบบนี้อยู่แล้ว
‘เหยื่อ’ ของลอร่าทำตาปริบๆ ไม่คิดฝันมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมองว่าตนเองเป็นเหยื่อของใคร อยากจะแก้ไขความเข้าใจผิดของแม่สาวจอมดุเพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ว่าเขาไม่ใช่เหยื่อของใครทั้งนั้น แต่ก็ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะไม่สนใจเขาเลยสักนิด ทำราวกับว่าเขาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากอะไรสักอย่าง บอกตรงๆ ว่าเขาไม่เคยโดนเมินแบบนี้มาก่อนเลย ก็เลยรู้สึกทนไม่ได้นิดๆ ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรก็พลันสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบเพราะเสียงโหยหวนที่ดังกว่าเก่า
“เลือด! แกทำฉันเลือดออก” ลอร่ากรีดร้องเมื่อดึงมือออกจากจมูกแล้วพบว่ามีเลือดติดมาด้วยจำนวนไม่น้อย ที่ตกใจยิ่งกว่าคือกลัวว่าซิลิโคนอาจจะเคลื่อนที่จนทำให้จมูกเสียรูป
เกสรีเองก็สะดุ้งไปเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเลือดตกยางออก เพราะเมื่อตัดสินใจลงมือ เธอก็มักจะจัดหนักจัดเต็มเสมอ มีหลายครั้งที่ซ้อมกับเพื่อนๆ แล้วพลั้งมือทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ เธอคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ดีเกินกว่าจะตกใจเมื่อเห็นว่าใครเลือดออกเพราะถูกต่อย แต่ที่สะดุ้งก็เพราะเสียงแปดหลอดของอีกฝ่าย ที่ดังซะยิ่งกว่าเสียงดนตรีภายในคลับ ทำเอาสายตาหลายคู่เริ่มมองมาด้วยความสนใจมากกว่า ยังไม่ทันดึงสายตาที่กวาดไปมองรอบๆ กลับมาก็รู้สึกถึงแรงปะทะที่ทำเอาเซถอยหลังไปหลายก้าว
สาเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แม่สาวลอร่าที่เมื่อกี้ยังนั่งแปะอยู่กับพื้นนั่นเอง ความกังวลเรื่องซิลิโคนทำให้ดาราสาวถึงกับเลือดขึ้นหน้า พุ่งเข้าใส่เกสรีราวกับวัวกระทิงเห็นผ้าแดง
พอเกสรีตั้งตัวติดก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายพุ่งชนตนเองอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน มหกรรมตะลุมบอนของสองสาวจึงอุบัติขึ้นท่ามกลางสายตาตกตะลึงของศารทูลและนักท่องราตรีที่พากันมาเที่ยวที่คลับแห่งนี้
‘โธ่เว้ย!’
ศารทูลคำรามลั่นอยู่ในใจเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ศึกชิงตัวเขาอย่างที่คิดในตอนแรก แต่ถึงอย่างไรก็นับว่าเกี่ยวนิดๆ อยู่ดี เพราะอย่างไรเสียก่อนที่สองสาวจะซัดกันนัวแบบนี้ แม่สาวลอร่านั่นก็นัวเนียกับเขาอยู่ก่อน หากไม่เข้าไปช่วยก็ดูจะแล้งน้ำใจเกินไป โดยเฉพาะเมื่อดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะสู้แม่สาวร่างเล็กนั่นไม่ได้เลยสักนิด
อุแม่เจ้า! ท่าทางยายนั่นอย่างกับส่งตรงมาจากเวทีมวยลุมพินีอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว แล้วมวยวัดอย่างลอร่าจะเอาอะไรไปสู้!
“พอเถอะครับ พอเถอะ” เสือหนุ่มเข้าไปดึงตัวเกสรีไว้ เจตนาก็เพียงแค่อยากให้ทั้งคู่หยุดตบตีกัน การที่เกสรีเป็นฝ่ายได้เปรียบทำให้เขาคิดว่าน่าจะเลือกหยุดที่ฝั่งเธอมากกว่าลอร่าที่ไม่ค่อยได้ออกหมัดเท่าไรนัก
แต่ใครเลยจะไปคิดว่าลอร่าจะฉวยจังหวะที่ศารทูลยึดแขนของเกสรีไว้ถลาเข้ามาตบหน้าเธอฉาดใหญ่ราวกับจะไม่ยอมพลาดโอกาสทอง
ดวงตาของศารทูลเบิกกว้าง เพราะคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปนี้ ทว่าก็คงไม่กว้างเท่ากับสิงห์สาวแห่งไร่ภูพญาอย่างแน่นอน
ตอนนี้ดวงตาของเกสรีลุกจ้าราวกับซ่อนกองเพลิงไว้ในนั้น เธอหันขวับกลับไปมองเจ้าของมือที่ยึดแขนเธอไว้ทันที พอเห็นว่าเป็นใครก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมใส่อีกฝ่าย
คนได้รับรอยยิ้มครั้งแรกจากแม่สิงห์สาวกลับดีใจไม่ออก เพราะมันไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนหวานอย่างที่เคยได้รับจากสาวๆ เป็นประจำเลยสักนิด แต่มันอย่างกับรอยยิ้มของมัจจุราชที่กำลังจะมาทวงชีวิตซะมากกว่า กำลังจะอ้าปากอธิบายอีกฝ่ายก็คำรามใส่เสียก่อน
“รุมเหรอ ช่วยกันรุมฉันใช่ไหม ดี!”
พอจบคำว่า ‘ดี’ เท่านั้นละ ศารทูลถึงได้รู้ซึ่งแก่ใจว่ามันไม่ดีอย่างที่เจ้าหล่อนว่าเลยสักนิด เพราะแม่สิงห์สาวตรงหน้าประเคนหมัดใส่เขาแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้าเหมือนอย่างที่ทำกับลอร่าไม่มีผิด
มาถึงตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจจิตใจของดาราสาวแล้วว่าเจ็บช้ำระกำทรวงขนาดไหน สถานการณ์ของเขาอาจจะดีกว่าหน่อยแค่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องซิลิโคนเท่านั้นเอง
“บังอาจรุมฉันเหรอ นี่แน่ะ! ไอ้เลว! ไอ้พวกชอบใช้กำลังกับผู้หญิง!” เกสรีก็โมโหจนหน้ามืดไปเหมือนกัน เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ผู้ชายทุกคนให้เกียรติผู้หญิงเสมอ และถึงแม้เธอจะไม่ใช่ผู้หญิงประเภทสนิมสร้อยที่จะทนไม่ได้กับการถูกประทุษร้ายเพียงเท่านี้ แต่ก็ทนไม่ได้เด็ดขาดเมื่อเจอผู้ชายประเภทที่ชอบใช้กำลังกับผู้หญิง
หา! เขาน่ะหรือเป็นพวกชอบใช้กำลังกับผู้หญิง ศารทูลคิดพลางปัดป้องการประทุษร้ายของนางสิงห์เป็นพัลวัน
โธ่...แม่คุณเอ๊ย! นาทีนี้คนที่ชอบใช้กำลังก็มีแต่เธอคนเดียวไม่ใช่หรือไง เสือหนุ่มคิดหาทางออกจนหัวหมุน จะตอบโต้อะไรก็จะกลายเป็นว่าตัวเองเป็นจริงอย่างที่เธอกล่าวหา สถานการณ์ถือว่าเข้าตาจนถึงขั้นสุด เรียกว่าโดนถลุงซะยิ่งกว่าลอร่าที่เป็นคู่กรณีตัวจริงของเธอเสียอีก
แต่ฟ้าย่อมมีตา สวรรค์ย่อมเข้าข้างคนไม่ผิด เพราะขณะที่เขากำลังกลุ้มว่าจะรับมือกับแม่สาวดุคนนี้อย่างไร การ์ดของคลับก็เข้ามาระงับเหตุการณ์เข้าพอดี รวมถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พากันปราดเข้ามาหายายผู้หญิงโหดคนนั้นด้วย เสือหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมีคนกลางมาดึงสาวเจ้าออกไปเสียที
“เกรซ!”
เสียงกลุ่มคนที่มาใหม่ซึ่งเป็นชายล้วนจำนวนสามคนที่ต่างก็พากันเรียกเกสรีด้วยน้ำเสียงห่วงใยทำให้ศารทูลมองด้วยความสนใจ สังเกตสังกาแต่ละคนโดยละเอียดแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
แม่เจ้าโว้ย! ยายนี่ไม่ธรรมดาเลย ทั้งกลุ่มดูเหมือนจะมีเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว มาเที่ยวสถานที่แบบนี้กับผู้ชายอีกสามคน จะนับว่าธรรมดาได้อย่างไร ไม่กลัวบ้างหรือไงนะ เสือหนุ่มอดวิตกแทนไม่ได้
แต่พอนึกถึงฤทธิ์หมัดของอีกฝ่าย ระดับความห่วงก็ดูเหมือนจะลดฮวบลงไปไม่น้อย เพราะคิดว่าเจ้าหล่อนน่าจะดูแลตัวเองได้ดีพอสมควร ขณะที่กำลังคิด ก็ได้ยินเสียงของหนึ่งในนั้นถามขึ้นอีก สีหน้าท่าทางดูจะเป็นห่วงเป็นใยแม่สาวห้าวนั่นไม่น้อยเลยทีเดียว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอเกรซ”
“พวกนี้มาหาเรื่องเกรซค่ะพี่อาร์ม” เกสรีเอ่ยพลางชี้หน้าลอร่ากับศารทูล
การ์ดของคลับซึ่งรู้จักกับศารทูลดีเพราะเป็นแขกประจำ แถมยังรู้จักกันเป็นอย่างดีกับเจ้านายของพวกเขาซึ่งเป็นเจ้าของที่นี่ มองชายหนุ่มและหญิงสาวที่ถูกระบุว่าเป็นคน ‘หาเรื่อง’ ด้วยแววตาพิกล ราวกับอยากบอกว่าก่อนจะหาเรื่องใครควรคิดให้ดีก่อน มิฉะนั้นก็อาจจะมีสภาพอย่างที่เห็นๆ กันอยู่
“ผมเปล่า” ศารทูลรีบปฏิเสธทันที ไม่ยอมถูกมองว่าเป็นอันธพาลเด็ดขาด ชื่อเสียงของเขาคือหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ไม่ใช่นักเลงหัวไม้อย่างที่โดนใส่ร้ายสักนิด
“ทำไมจะไม่ใช่ เมื่อกี้พวกนายช่วยกันรุมฉัน” เกสรีแหวใส่อีก
แต่ละคนในที่นั้นสบตากันอีกครั้ง ทำไมสภาพของคนที่เกสรีบอกว่าร่วมมือกันรุมเธอถึงได้ดูสะบักสะบอมขัดแย้งกับข้อกล่าวหานักก็ไม่รู้ สีหน้าของแต่ละคนจึงพิพักพิพ่วนอย่างบอกไม่ถูก
“ผมไปทำแบบนั้นเมื่อไรกัน” ศารทูลเถียงบ้าง
“ก็เมื่อกี้นายจับตัวฉันไว้ แล้วก็ให้แฟนนายมาตบฉัน นี่ไง หรือจะเถียง” เกสรีโต้ พลางเอียงแก้มให้อีกฝ่ายดูชัดๆ เพื่อยืนยันคำพูด
ไฟในคลับถูกเปิดจนสว่างจ้าตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันแล้ว ดังนั้นศารทูลจึงเห็นแก้มเนียนที่อีกฝ่ายเอียงให้มองจนเต็มตา แม้จะเป็นสีจัดจากฤทธิ์ฝ่ามือของลอร่าอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันเนียนใสจนชวนให้ใจสั่น
ผิวของยายโหดนี่เนียนละเอียดจนอาจทำให้ผู้หญิงทั้งโลกอิจฉาได้ แถมดูจากสายตาของคนที่คร่ำหวอดอยู่กับผู้หญิงมานานแบบเขา ก็สามารถฟันธงได้เลยว่าปราศจากเครื่องสำอางอย่างที่ผู้หญิงยุคนี้แทบจะขาดไม่ได้ สายตาของเสือหนุ่มจึงจ้องเป๋งไปที่แก้มอิ่มนั้นโดยไม่ละสายตา ทำราวกับพยัคฆ์เจอเหยื่อที่ถูกใจ
“เป็นไง เถียงไม่ออกละสิท่า” เกสรีทำเสียงหยันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป
ใช่! เขาเถียงไม่ออกหรอกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักน่าใคร่ ทั้งที่โหดอย่างสุดๆ นี่ละ ไม่คิดจะเถียงเลยแม้แต่คำเดียวจริงๆ ศารทูลคิดอยู่ในใจ สายตาที่มองนางสิงห์สาวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากที่มองผ่านๆ เป็นสนใจใคร่รู้อย่างแท้จริง
และเพื่อสานสัมพันธ์ เขาคิดว่าก็ควรล้างมลทินให้ตัวเองก่อนเป็นลำดับแรก
“ที่ผมจับแขนคุณไว้เมื่อกี้ ก็แค่ตั้งใจจะแยกพวกคุณไม่ให้ทะเลาะกันแค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่าจะจับให้อีกฝ่ายมาตบคุณสักหน่อย อ้อ ที่สำคัญเขาไม่ใช่แฟนผม”
“ยังมาตอแหลอีก เมื่อกี้แทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว ยังมาว่าไม่ใช่แฟนกันอีก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณมายืนจูบกันเกะกะขวางทางตั้งแต่แรก มันก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก” เกสรีไม่ยอมให้อีกฝ่ายปฏิเสธง่ายๆ
“ผมเพิ่งรู้จักเขาวันนี้เอง ไม่เชื่อก็ถามเขาดูก็ได้” ศารทูลเองก็ไม่ยอมถอย รีบหาพยานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองทันที “คุณลอร่าครับ ช่วยอธิบายหน่อย อ้าว! คุณลอร่า”
ชายหนุ่มหันไปมองคนที่ไม่ยอมขานรับ เพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เหตุการณ์ชุลมุนยุติลงยังไม่ได้ยินเสียงของดาราสาวสักแอะ พอหันไปถึงได้รู้ว่าตอนนี้เจ้าหล่อนยกแขนทั้งสองขึ้นปิดบังใบหน้า พยายามก้มและซุกหน้าลงกับท่อนแขนเหมือนไม่ต้องการให้ใครเห็นหน้า คาดว่ายังเคลียร์ปัญหาเรื่องซิลิโคนเคลื่อนที่ไม่ได้ จึงไม่กล้าให้ใครเห็นทั้งนั้น
ศารทูลหันไปมองเจ้าของหมัดที่สร้างปัญหาใหญ่หลวงให้ลอร่าเหมือนจะบอกว่าพยานของเขาไม่ยอมให้การเสียแล้ว หารือราวกับว่าเขาและเธอควรแก้ปัญหาร่วมกัน
“ผมว่าคุณต่อยเขาแรงไปหน่อย” ตอนท้ายยื่นหน้าเข้าไปใกล้เกสรี และลดเสียงจนกลายเป็นกระซิบ “ผมว่าจมูกเขาน่าจะเบี้ยวนะ เห็นแวบๆ ตอนชุลมุนกับคุณเมื่อกี้น่ะ ก็อย่างนี้ไงผมถึงต้องห้ามให้คุณหยุดก่อน”
ใบหน้าของเกสรีเหยเกเมื่อรู้ว่าคู่กรณีกำลังมีปัญหาอะไร ความที่โมโหมากทำให้ไม่ได้ออมกำลังเลยสักนิด แม้เธอจะอารมณ์ร้อน โมโหร้าย ตามประสาคนที่ถูกตามอกตามใจมาตลอด แต่ก็รู้ดีว่าความสวยงามเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้หน้าตาเป็นส่วนสำคัญในการประกอบอาชีพแบบลอร่า
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ละครที่ยายนี่ถ่ายกับนฤเคนทร์ยังไม่ปิดกล้อง พระเจ้าช่วย! นี่เธอทำอะไรลงไป ถ้ายายนี่ถ่ายต่อไม่ได้ก็เท่ากับไม่สามารถปิดกล้องได้ เมื่อปิดกล้องไม่ได้ก็เท่ากับงานของนฤเคนทร์ยังไม่เสร็จ และเมื่องานยังไม่เสร็จ เธอก็ยังกลับไร่ไม่ได้ นี่มันบ้าที่สุดเลย! ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ
“ตกลงจะเอายังไงกันครับ จะตกลงกันตรงนี้ หรือไปสถานีตำรวจ” การ์ดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายต่างสงบลงบ้างแล้ว “นั่น คุณธีมาพอดีเลย”
“มีอะไรกันเหรอเดียว” ชลธีซึ่งเป็นเพื่อนของศารทูล รวมถึงเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ถามทันทีที่มาถึง
“คือ...” ศารทูลเองก็ไม่รู้จะบอกเพื่อนว่าอย่างไรดี เพราะจะว่าไปแล้ว ที่จริงเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด สองสาวนี่ดูเหมือนจะไม่กินเส้นกันมาก่อนอยู่แล้ว ที่เขาบังเอิญต้องมาพัวพันด้วยก็เพราะเป็นเหยื่อรอล่า เอ๊ย! เป็นคู่ควงของลอร่าในค่ำคืนนี้เท่านั้นเอง
“ว่าไงคุณ จะเอาไง” ศารทูลหันไปถามนางสิงห์ที่เวลานี้ดูจะหน้าจ๋อยๆ ไปเหมือนกัน
“ถามยายนั่นก็แล้วกันว่าจะเอายังไง” เกสรีตอบพลางพยักพเยิดไปยังลอร่า ในฐานะที่เป็นคนที่เจ็บหนักสุด เธอจะให้ยายนั่นเป็นคนตัดสินใจเองก็แล้วกัน
“โทร. หาคุณเคนดีไหมเกรซ” เสียงผู้ชายที่เกสรีเรียกว่าพี่อาร์มถามขึ้นมาบ้าง
ศารทูลลอบจับตามองพฤติกรรมของชายหนุ่มคนดังกล่าวด้วยความสนใจ เพราะในบรรดาชายหนุ่มสามคนที่แวดล้อมยายแสบนั่นอยู่ เจ้าหมอนี่ดูจะเป็นกังวลกว่าใครเพื่อน ท่าทางบอกให้รู้ว่าน่าจะใส่ใจเธอในระดับที่ลึกซึ้งกว่าคนอื่น จึงคอยสังเกตว่ายายตัวแสบจะมีท่าทีตอบอย่างไร
“ไม่เอาหรอก อย่าเพิ่งบอกพี่เคนนะ เรื่องแค่นี้เกรซจัดการเองได้” เกสรีสวนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินข้อเสนอของอีกฝ่าย ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะให้คนในครอบครัวรู้ เพราะว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่พอสมควร ถ้านฤเคนทร์รู้ พ่อกับแม่ก็ต้องรู้ด้วย แล้วเธอคงจะโดนไม่ใช่น้อย ยิ่งคิดหน้าสวยๆ ก็ยิ่งเหยเก
“แต่ว่า...” อาวุธยังพยายามแย้ง
“เกรซบอกว่าไม่ก็คือไม่ไงคะ” เกสรีตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะกำลังกังวล
‘หุๆ โดนเหมือนกัน’
เสือหนุ่มคิดอย่างครื้นเครงเมื่อเห็นแม่สิงห์สาวตวาดชายหนุ่มคนนั้น ใช่ว่ามีแต่เขาเมื่อไรที่โดนเธอด่า!
สีหน้าของอาวุธไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นว่าเกสรีหงุดหงิด เขาเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเธอ และแอบชอบเกสรีมานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเขาเลย เขาเองก็ไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ เพราะกลัวเธอจะตีตัวออกหาก เนื่องจากในกลุ่มต่างก็รู้ดีว่าเกสรีไม่เคยสนใจเรื่องรักใคร่มาก่อนเลย เวลาอยากใกล้ชิดเธอบ้างก็ต้องคอยเอาเพื่อนๆ มาอ้าง ไปไหนมาไหนก็ไปกันเป็นกลุ่มอย่างที่เป็นอยู่นี้เอง ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากขัดใจเธอ
แต่เพราะเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างบานปลาย ดูเหมือนว่าคู่กรณีของเกสรีจะเป็นคนมีชื่อเสียง แถมผู้ชายที่มาด้วยกันก็ยังรู้จักกับเจ้าของที่นี่อีกต่างหาก พวกเขาก็แค่คนธรรมดาๆ บางทีอาจช่วยเหลือเธอได้ไม่มากนัก ต่างจากนฤเคนทร์ที่มีชื่อเสียงพอสมควร บางทีคนพวกนี้อาจจะเกรงใจบ้างก็ได้ แต่เมื่อเธอไม่เห็นด้วยก็ได้แต่ถอนหายใจ หันไปสบตาเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันด้วยความกังวล
“เอาละ จะเอายังไงก็ว่ามา” เกสรีไม่มีเวลาสนใจรุ่นพี่ของตัวเอง ตอนนี้ต้องจัดการกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าก่อน แม้ว่าเธอจะเปรียบเสมือนไข่แดงของครอบครัว ทำให้ปกติมักจะมีคนคอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้เสียเป็นส่วนมาก แต่ตอนนี้ก็จำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว คนอย่างเธอกล้าทำก็กล้ารับ ไม่คิดจะเอาบารมีของครอบครัวมาอวดเบ่งแต่อย่างใด
“นี่ ถามแฟนคุณหน่อยสิว่าจะเอายังไง มัวแต่ซ่อนหน้าอยู่อย่างนั้นแล้วมันจะรู้เรื่องกันไหมล่ะ” เกสรีหันไปขอความร่วมมือจากศารทูลเมื่อเห็นว่าดาราสาวยังไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น
“เอ๊ะ! ก็บอกว่าไม่ใช่แฟนไง เพิ่งรู้จักกันวันนี้เอง ต้องให้พูดอีกกี่รอบเนี่ย” ศารทูลรีบปฏิเสธทันที
เกสรีมองคนตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจจนออกนอกหน้า พูดออกมาได้ว่าเพิ่งรู้จักกันวันนี้ แต่นัวเนียนุงนังกันเหลือเกิน พฤติกรรมของนายนี่เห็นได้ชัดว่าสำส่อนน่ารังเกียจ คิดพลางเดินถอยห่างออกมาอีกก้าวโดยไม่รู้ตัว
ศารทูลมองแววตารังเกียจรังงอนของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกคันๆ ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมต้องมองเหมือนกับว่าเขาไปฆ่าข่มขืนใครมาอย่างนั้นเล่า ยายตัวเล็กตรงหน้าเขานี่ไม่รู้หรือยังไงว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของคนเที่ยวกลางคืนแท้ๆ วันไนต์สแตนด์มันเกิดขึ้นกับใครก็ได้ บางทีเสร็จเรื่องจนแยกย้ายกันไปโดยไม่รู้จักแม้แต่ชื่อก็มี
“เอาละๆ ผมจะลองถามเขาดูก็แล้วกัน” เสือเพลย์บอยรับอาสาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย เพราะสุดจะทนกับสายตาของคนตัวเล็ก นอกจากแววตารังเกียจแล้ว เจ้าหล่อนยังมองเหมือนเขาเป็นคนไม่มีประโยชน์อะไรอีกด้วย จึงหันไปถามดาราสาวเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองก็จัดว่าพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง “คุณลอร่าครับ ตกลงจะเอายังไงดี คุณจะไปสถานีตำรวจหรือเปล่า”
“ไม่นะ! ฉันไม่ไปสถานีตำรวจเด็ดขาด!” ลอร่ารีบปฏิเสธทันควัน ขืนเรื่องถึงโรงพัก มันจะต้องฉาวโฉ่ยิ่งกว่านี้แน่ แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
แหม...แล้วมาบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน ทีคนอื่นถามไม่ยักตอบ แต่พอนายงั่งนี่ถามละรีบตอบทันทีเชียว
เกสรีแอบเข่นเขี้ยวคู่กรณีในใจ แต่ก็แอบโล่งใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายไม่คิดจะไปสถานีตำรวจ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงจะบานปลายไปกันใหญ่ และเธอก็น่าจะโดนไม่ใช่น้อย
“งั้นจะเอายังไงล่ะครับ” ศารทูลถามต่อ “ตกลงกันเองที่นี่เลยไหม ผมว่าคุณเงยหน้ามาคุยกันก่อนดีไหมครับ”
“ฉันยังไม่ตกลงอะไรกับใครทั้งนั้น ฉันจะไปโรงพยาบาล” ลอร่าตะโกนสวนมาทั้งที่ยังปิดหน้าอยู่อย่างนั้น
เสียงโหยหวนของดาราสาวทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง รีบสบตากันโดยพลัน เหมือนจะถามว่าใครควรพาลอร่าไปโรงพยาบาล
“โอเค งั้นเธอมากับฉัน” เกสรีตัดสินใจในที่สุด อย่างไรเสียเธอก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอยู่ดี ก็เริ่มมันซะตั้งแต่ตอนนี้เลยก็แล้วกัน
“ไม่! ฉันไม่ไปไหนกับเธอทั้งนั้น ฉันเกลียดเธอ!” ลอร่าปฏิเสธแบบทันทีทันควัน แอบกลัวว่าหากไปกับเกสรีก็อาจจะต้องตีกันระหว่างทางอีกรอบ
“อ้าว! แล้วเธอจะให้ใครพาไปล่ะ” เกสรีเริ่มหัวเสียอีกรอบ รู้สึกว่าอีกฝ่ายเรื่องมากซะจริงๆ เธอก็จะรับผิดชอบอยู่นี่ไงล่ะ
“ฉันจะไปกับคุณเดียว” ดาราสาวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คุณเดียวถึงกับสะดุ้ง รู้สึกเหมือนจะเจอเรื่องยุ่งอีกรอบ นี่จัดว่าผิดวัตถุประสงค์ไปไกลลิบเลยทีเดียว จุดหมายที่มีร่วมกันของเขาและลอร่าคือโรงแรม ไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างที่สองสาวกำลังพูดกันสักหน่อย ยังงงไม่เสร็จก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอีก เพราะคนตัวเล็กปรายตามามองด้วยสายตาเย็นชา
เชอะ! แล้วบอกว่าไม่ได้เป็นแฟน แล้วทำไมถึงติดกันแน่นยิ่งกว่าตังเม สิงห์สาวแห่งไร่ภูพญาแอบค่อนแคะอยู่ในใจ หมอนี่เข้าข่ายผู้ชายไร้ความรับผิดชอบแน่ๆ เวลาอยากได้ก็บอกว่ารักเธอคนเดียว พออยู่ต่อหน้าคนอื่นละทำเป็นไม่รู้จัก คนแบบนี้จัดเป็นภัยร้ายแรงของลูกผู้หญิง สมควรหลีกหนีไปให้ไกลที่สุด
จินตนาการของเกสรีก็จัดว่ากว้างไกลไม่แพ้ศารทูลนัก
“ถ้างั้นก็แล้วแต่เธอก็แล้วกัน” เกสรียอมตามใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนกรานไม่ยอมไปด้วย “ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ฉันจะจัดการให้ก็แล้วกัน”
คราวนี้ลอร่าไม่โต้แย้ง เพราะคิดว่านี่สมควรเป็นความรับผิดชอบของเกสรีอยู่แล้ว และเธอก็จะไม่หยุดแค่ค่ารักษาพยาบาลด้วย แต่ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาตอนนี้ ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องวิวาทกันอีกรอบ จากการปะทะกันที่ผ่านมาทำให้รู้แล้วว่าเกสรีไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมาข่มเหงได้ง่ายๆ
จากที่เธอฟังเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะกลัวนฤเคนทร์รู้เรื่องนี้อยู่ไม่น้อย และเธอก็จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อเล่นงานเกสรีกลับบ้าง
“งั้นก็รีบๆ ไปเถอะ” เกสรีเร่ง เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเลือดหยุดไหลหรือยัง ก่อนจะหันไปเอ่ยเสียงดุกับศารทูล “ไปสิคุณ ชักช้าอยู่ได้”
เสือหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ ตกลงผู้หญิงสองคนนี้ไม่คิดจะถามความเห็นเขาเลยใช่ไหม ด่ากันเอง ตีกันเอง แล้วก็ตกลงให้เขารับภาระพาลอร่าไปส่งโรงพยาบาลกันเองด้วย
โอ๊ย! นี่คือสิ่งมีชีวิตนะ ไม่ใช่หัวหลักหัวตอ
กำลังจะเอ่ยปากประท้วง แต่แววตาเขียวปั้ดของอีกฝ่ายก็ทำให้คำพูดต่างๆ ไหลย้อนกลับในลำคอราวกับถูกเป่าด้วยเวทมนตร์ ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นเสือนะ จะมารู้สึกกลัวตาเขียวๆ ของผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้อย่างไรกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้!
ไม่ได้ๆ เขาจะต้องหาวิธีให้เจ้าหล่อนมาสยบอยู่แทบเท้าเหมือนรายอื่นๆ เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้เธอผ่านไป พร้อมกับการทิ้งรอยด่างพร้อยไว้ในชีวิตของเขาอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด เกียรติประวัติที่สั่งสมมาไม่ควรพังย่อยยับลงเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นผมขอเบอร์ติดต่อคุณหน่อยสิ เผื่อติดขัดอะไรจะได้ติดต่อไป” ศารทูลหาทางสานสัมพันธ์ต่อ เพื่อล่อลวงให้อีกฝ่ายมาหลงเสน่ห์
“ไม่จำเป็น!”
ความหวังของเสือเพลย์บอยถูกตัดตอนจนเหี้ยนเตียนด้วยคำพูดสั้นๆ เพียงประโยคเดียวเท่านั้น
“แต่ว่า...” ชายหนุ่มยังพยายามยื้อความหวังของตัวเองไว้ แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนตัดความอีกรอบ ตอกตะปูย้ำ ปิดประตูความหวังของเขาอย่างสิ้นเชิง
“ผู้จัดการของยายรอล่ามีเบอร์โทร. ของฉันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะชักดาบหนีไปไหนหรอก แล้วฉันก็มีเบอร์เขาด้วย เดี๋ยวฉันจะโทร. ไปบอกเรื่องนี้กับเขาเอง ว่าแต่คุณจะพายายนี่ไปโรงพยาบาลไหนล่ะ ฉันจะได้บอกให้คุณปุ้ยไปรอ”
เพราะมาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้นฤเคนทร์ชั่วคราว ทำให้เกสรีมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการส่วนตัวของดาราคนอื่นอยู่พอสมควร โดยเฉพาะคนที่ต้องถ่ายละครร่วมกับพี่ชายของเธออย่างลอร่าเป็นต้น คุณปุ้ยซึ่งเป็นผู้จัดการลอร่านั้น แม้เธอจะไม่สนิทสนมด้วย แต่ก็พอพูดจากันได้ เพราะจะว่าไปฝ่ายนั้นก็ดูจะรู้ประสากว่าคู่กรณีของเธอเยอะ
วันนี้ที่ไม่ได้มาด้วยกันกับเด็กในสังกัด คงเป็นเพราะว่าลอร่าแอบออกมาเที่ยวเองซะมากกว่า ก็อย่างว่าละนะ ยายนั่นคงไม่คิดจะพกผู้จัดการมาด้วยตอนจะออกล่าเหยื่อหรอก
แม้จะผิดหวังที่ไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ของคนฤทธิ์มาก แต่ถึงกระนั้นศารทูลก็ยังอดหัวเราะไม่ได้ที่พบว่าเธอยังยืนยันที่จะเรียกลอร่าว่า ‘รอล่า’ ต่อไปอย่างไม่เปลี่ยนแปลง คาดว่าคงแค้นฝังหุ่นไปแล้วแน่นอน แต่เรื่องที่เธอถาม เขาเองก็ไม่รู้จะตอบเช่นไร จึงได้แต่หันไปถามความเห็นของลอร่าต่ออีกที เพราะดูๆ แล้วฝ่ายนั้นจะไม่ยอมสนทนากับยายเกรซจอมดุนี่แน่ๆ ชายหนุ่มถือโอกาสเรียกอีกฝ่ายอยู่ในใจตามที่ได้ยินคนอื่นๆ เรียกเธอ
“ว่าไงครับลอร่า คุณจะไปโรงพยาบาลไหน” ชายหนุ่มหารือ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากไปหาหมอที่ทำจมูกให้แต่แรกมากกว่า
“ฉันจะไปโรงพยาบาล...แต่อยากให้คุณช่วยโทร. เรียกรถพยาบาลให้มารับที่นี่มากกว่าค่ะ” ลอร่าระบุชื่อโรงพยาบาลที่ต้องการไปให้ทราบ พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์เพิ่มเติม เธอต้องการอยู่ในความดูแลของแพทย์ให้เร็วที่สุด หรืออย่างน้อยอยากให้มีบุคลากรที่มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลมารับตัวเธอไปมากกว่า เพราะหากให้ศารทูลไปส่ง เผื่อเกิดอาการแทรกซ้อนอะไรระหว่างเดินทางจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ความที่กลัวว่าจะเสียโฉม ทำให้ลอร่าวิตกกังวลยกใหญ่
ศารทูลหันไปไปสบตาเกสรีพร้อมกับยักไหล่นิดๆ เหมือนต้องการจะบอกว่าเขาก็พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว แต่ลอร่าเลือกอย่างนี้เอง
เกสรีเองก็ยักไหล่ตอบ ไม่คิดจะต่อว่าอะไรอีก ในเมื่อนี่เป็นความต้องการของผู้เสียหายโดยตรง
เมื่อลอร่าตกลงใจอย่างนั้น ศารทูลก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเซิร์ชหาข้อมูลของโรงพยาบาลที่ดาราสาวระบุว่าต้องการไปรักษาตัว ก่อนจะโทร. แจ้งให้รถพยาบาลมารับตามที่เธอต้องการ
เกสรีจับตามองการกระทำของชายหนุ่มแล้วรู้สึกดีกับอีกฝ่ายขึ้นมานิดหน่อย ถือว่าหมอนี่ก็ยังพอมีความดีอยู่บ้าง ที่ไม่เพิกเฉยไปซะทุกอย่าง อย่างน้อยก็ยังรู้จักติดต่อเรื่องโรงพยาบาลให้ลอร่า ไม่ได้ปัดสวะให้พ้นตัวไปเสียทั้งหมด
พอเห็นอีกฝ่ายติดต่อโรงพยาบาลเรียบร้อย เธอก็ติดต่อไปยังผู้จัดการส่วนตัวของลอร่าบ้าง นัดหมายให้ฝ่ายนั้นไปรอรับเด็กในสังกัดที่โรงพยาบาลโดยตรง ไม่ต้องเสียเวลามาที่นี่
“เป็นอันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ” ชลธีซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่สอบถามคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
เกสรีหันไปมองลอร่า เห็นว่าฝ่ายนั้นไม่พูดอะไร เธอจึงหันไปหาชลธีบ้าง “ก็ถ้าเขาไม่ว่าอะไรอีก ก็คงถือว่าตกลงกันได้แล้วมั้งคะ”
“โอเคครับ ผมว่าก็ดีเหมือนกันที่ตกลงกันได้” ชลธีเอ่ยยิ้มๆ คลับของเขาค่อนข้างมีระดับ จึงไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น การที่เรื่องไม่ลุกลามบานปลายย่อมถือเป็นเรื่องดี
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ถ้าหากมีอะไรเสียหายและต้องชดใช้ฉันก็ยินดีค่ะ” เกสรีเอ่ยกับชลธีอย่างสุภาพ ไม่ได้มีทีท่าเหมือนอย่างตอนที่พูดกับลอร่าและศารทูลเลยแม้แต่น้อย
คนที่ถูกเธอปฏิบัติตัวด้วยอีกแบบหนึ่งจึงถึงกับแอบขมวดคิ้ว นี่ถือได้ว่าสองมาตรฐานแบบซึ่งๆ หน้าเลยไม่ใช่หรือไง!
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้มีอะไรเสียหายหรอก ใช่ไหม” ตอนท้ายชลธีหันไปสอบถามการ์ดของตัวเอง
“ไม่มีอะไรเสียหายครับคุณธี” การ์ดประจำคลับตอบ คงเป็นเพราะทั้งสองสาวตะลุมบอนกันอยู่บริเวณทางเดิน จึงไม่ได้ชนข้าวของอะไรให้แตกหักเสียหาย มีแต่เจ็บเนื้อเจ็บตัวกันเท่านั้นเอง
“แล้วแกโอเคไหมเดียว” ชลธีหันไปถามเพื่อนบ้าง
คำถามของชลธีทำให้เกสรีหันกลับไปมองศารทูลอีกครั้ง จะว่าไปเธอก็มัวแต่กังวลเรื่องลอร่า ก็เลยลืมไปเลยว่าเขาเองก็โดนเธอทำร้ายร่างกายเหมือนกัน ก็เลยรอฟังเหมือนกันว่าเขาจะเอายังไง
“ก็โอเค ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก เรื่องเข้าใจผิดกันทั้งนั้นละ” ศารทูลตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
เกสรีเม้มปากนิดหนึ่ง แม้จะโล่งใจที่เขาไม่ติดใจเอาความใดๆ แต่ฟังๆ ดูแล้วช่างเหมือนกับว่าเธอเป็นคนพาลที่ไม่รู้จักแยกแยะ เอะอะก็ลงไม้ลงมือไปก่อนอย่างไรชอบกล ดังนั้นแม้จะขัดกับความรู้สึกอยู่บ้าง แต่เธอก็ยอมเอ่ยขอโทษเขาแต่โดยดี
“ในเมื่อคุณยืนยันว่าเมื่อกี้ฉันเข้าใจผิดไปเองว่าคุณดึงแขนฉันเพื่อช่วยยายรอล่า งั้นฉันก็ขอโทษคุณด้วยก็แล้วกัน”
หน้ามุ่ยๆ ของคนตัวเล็กทำให้ศารทูลรู้ว่าที่จริงแล้วเจ้าตัวคงไม่เต็มใจขอโทษเขาสักเท่าไร ก็เลยทั้งฉิวและทั้งขันคนฤทธิ์มาก ก่อนจะยั่วต่ออีกหน่อย เพราะเห็นเธอทำหน้ายุ่งๆ แล้วมันอารมณ์ดีจนบอกไม่ถูก
“รู้สึกว่ายังมีอีกเรื่องที่คุณเข้าใจผิด”
“อะไรอีกล่ะคะ” เกสรีถามเสียงสะบัด อีตานี่ก็พูดอย่างกับว่าระหว่างเธอกับเขามีเรื่องราวระหว่างกันมากมายจนสามารถเข้าใจผิดได้ทีละหลายๆ เรื่องอย่างนั้นละ
“ก็คุณเข้าใจผิดว่าผมเป็นแฟนกับลอร่า” ศารทูลเอ่ยพร้อมทั้งมองหญิงสาวด้วยสายตากล่าวหา
เกสรีถอนหายใจเฮือกเมื่อรู้ว่าเรื่องอะไร อีตานี่เป็นอะไรมากไหมเนี่ยถึงได้ย้ำแต่เรื่องเดิมๆ ตั้งสามรอบ เลยได้แต่กลอกตา และพูดจาน้ำเสียงซื่อ “อ๋อ ค่ะ เรื่องนี้ฉันคงเข้าใจผิดไปเองจริงๆ แหละค่ะ ควรจะรู้ว่าถึงไม่ใช่แฟนก็สามารถกอดจูบดูดดื่มกันได้”
ศารทูลพยายามกลั้นยิ้ม รู้ตัวดีว่าถูกอีกฝ่ายแดกดัน แต่ก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงซื่อๆ พอกัน “ใช่ครับ บางทีมันก็มีเรื่องอย่างนั้นเหมือนกัน เพียงแต่คุณไม่ค่อยได้เห็นก็เลยไม่รู้”
ฮึ่ย! อีตามนุษย์หน้าด้าน ยังกล้าตอบแบบหน้าตาเฉยอีกเรอะ! เกสรีเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่โง่ขนาดฟังไม่ออกหรอกว่าเธอกำลังประชด แต่ก็ยังตีหน้าซื่อใส่ ทำเอารู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาอีกรอบ แต่ก็พยายามระงับใจไว้ บทเรียนของความใจร้อนที่เพิ่งผ่านมาหยกๆ ทำให้พอคุมสติได้บ้าง แต่ความหมั่นไส้ก็ทำให้ไม่อาจปล่อยผ่าน
“ไม่ค่อยได้เห็นจริงๆ แหละค่ะ พอดีที่บ้านค่อนข้างเคร่งเรื่องมารยาท แถมที่ผ่านมาก็เจอแต่คนรู้จักกาลเทศะ พอมาเจอแบบนี้ก็เลยรู้สึกตกใจอยู่บ้าง” เกสรีเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน ยิ้มไร้เดียงสาเหมือนสาวน้อยผู้อ่อนต่อโลก แต่แววตาคมกริบราวกับใบมีดโกน
หน้ายิ้มๆ ของศารทูลหุบฉับ เพราะฟังยังไงก็เข้าใจได้อย่างเดียวว่ากำลังถูกด่าว่าไม่มีมารยาทแถมยังไม่รู้จักกาลเทศะอีกต่างหาก
แน่มาก! เธอแน่มากยายตัวเล็ก ด่าคนได้ทั้งที่ยิ้มหวานปานจะหยด คนที่โดนลบเหลี่ยมอีกครั้งคิดด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน
ขณะที่เสือเพลย์บอยกำลังคิดหาวิธีโต้กลับ การ์ดที่ได้รับมอบหมายให้ไปรอรถพยาบาลอยู่หน้าคลับก็เข้ามาแจ้งว่ารถพยาบาลมาถึงแล้วเสียก่อน จึงจำใจต้องยุติสงครามน้ำลายลงชั่วคราว
“เอาละ งั้นก็ไปหาหมอก่อนเถอะ” เกสรีเอ่ยขึ้นด้วยความโล่งใจเมื่อทราบว่ารถพยาบาลมาถึงแล้ว เธอเองก็อยากจะทราบเหมือนกันว่าอาการของลอร่าหนักมากน้อยแค่ไหน แม้จะไม่กินเส้นกันนัก แต่ความรับผิดชอบก็ทำให้เดินเข้าไปหา ตั้งใจจะประคองอีกฝ่ายไปที่รถพยาบาลที่จอดรออยู่ข้างนอก เนื่องจากคิดว่าเจ้าหล่อนเอาแต่ปิดหน้าปิดตาแบบนั้น คงจะมองไม่เห็นทาง
ลอร่าสะบัดตัวหนีสัมผัสของเกสรีทันที เป็นการบอกใบ้กลายๆ ว่าไม่อยากรับความช่วยเหลือจากเธอ
การกระทำของลอร่าทำให้มือของเกสรีที่เอื้อมไปประคองชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่เจ้าตัวจะไหวไหล่นิดๆ เธอเพียงแค่ต้องการแสดงความรับผิดชอบของตัวเองเท่านั้น แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่อยากรับไว้ก็คงทำอะไรไม่ได้ สิงห์สาวคิด
ก่อนจะปรายตาไปยังคนที่เพิ่งปะทะคารมกันเมื่อครู่ บางทีแม่รอล่าเหยื่ออาจจะให้ตาเบื๊อกนั่นเป็นคนรับผิดชอบมากกว่ากระมัง
ศารทูลสบตาคนที่มองเขาสลับกับมองลอร่าเหมือนจะบอกใบ้ว่าควรทำเช่นไรแล้วก็ได้แต่ถอนใจอีกรอบ บอกตัวเองว่านับจากนี้ไปจะกิ๊กกั๊กใครก็จะสำรวจดูให้แน่ใจก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อย ไม่เลือดร้อน และไม่มีคู่อริ เพราะไม่อยากจะพัวพันกับสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว แต่ก็ยอมขยับเข้าไปหาลอร่าตามสายตากึ่งบังคับของเกสรีแต่โดยดี
“มาครับ ผมจะพาไปที่รถพยาบาลนะ” ชายหนุ่มเอ่ยกับลอร่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เห็นใจเจ้าหล่อนอยู่เหมือนกันเพราะดูเหมือนจะเจ็บไม่ใช่น้อย อดคิดไม่ได้ว่าหล่อนไม่น่าไปหาเรื่องแม่สาวดุคนนั้นเลย ถ้ายอมจบเรื่องกันแต่แรก คงไม่ต้องมาเจ็บตัวถึงขั้นนี้ ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์สอนให้ดาราสาวรู้ว่า นักชกมือสมัครเล่นไม่ควรริอ่านจะไปวัดรอยเท้ากับนักชกมืออาชีพ
ลอร่ายอมเดินไปตามการประคองของศารทูลแต่โดยดี โดยมีเกสรีเดินตามหลังไปด้วย
แม่สิงห์สาวแอบเบะปากเมื่อมองตามหลังของคนทั้งคู่ ดูๆ ไปแล้วก็เหมาะสมกันไม่หยอก คนหนึ่งรอล่าเหยื่อ อีกคนชุ่ยและมั่วซั่ว จับคู่กันไปคงจะบันเทิงพิลึก แถมบางทีอาจทำให้ผู้หญิงคนนี้เลิกมาวอแวกับนฤเคนทร์ได้อีกด้วย
คนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนของเกสรีและศารทูลก็เดินตามไปด้วยเพื่อร่วมสังเกตการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านไปด้วยดีหรือไม่
เมื่อลอร่าขึ้นไปนอนอยู่บนรถพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ประจำรถก็หันกลับมาเจรจากับสองหนุ่มสาว “เชิญญาติขึ้นมาเลยครับ”
ศารทูลกับเกสรีหันมาสบตากันราวกับจะถามว่าใครจะรับหน้าที่เป็นญาติของลอร่าและเดินทางไปพร้อมกับเธอ
ยังไม่ทันจะตกลงกัน คนเจ็บก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน “ไม่ต้องให้พวกเขามาด้วยหรอกค่ะ ญาติฉันไปรออยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว” ลอร่ารีบปฏิเสธ เธอไม่อยากให้ติดตามไปด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าเกสรีหรือศารทูล เนื่องจากอยากจะเอามือออกจากหน้าเต็มทีแล้ว และนอกจากคนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาแล้ว เธอไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพจมูกที่ผิดรูปของตัวเองแม้แต่คนเดียว
“แต่มันเป็นกฎนะครับ” เจ้าหน้าที่ชี้แจง
“งั้นขอให้เป็นเจ้าหน้าที่ของที่นี่ได้ไหมคะ เพราะถึงยังไงก็ไม่มีใครเป็นญาติโดยตรงของดิฉันอยู่แล้ว” ลอร่าเสนออีกทางเลือก เพราะถึงอย่างไรให้คนของคลับที่ไม่รู้จักกันเห็น ก็ยังดีกว่าให้ศารทูลกับเกสรีเห็นอยู่ดี
ศารทูลกับเกสรีหันมาสบตากันอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารอล่าหาญาติคนใหม่ให้ตัวเองได้อย่างว่องไว ดูท่าทีแล้วตอนนี้เจ้าหล่อนคงไม่คิดจะนับญาติกับเขาและเธอแต่อย่างใด
“งั้นก็เอาตามที่เขาบอกก็แล้วกันนะคะ ญาติเขาแจ้งกับฉันแล้วเหมือนกันค่ะว่าจะไปรอที่โรงพยาบาลเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ก็ได้ครับ” เจ้าหน้าที่ไม่มีอะไรขัดข้องเมื่อทุกฝ่ายยืนยันตามนั้น อีกทั้งคนเจ็บก็ยังมีสติสัมปชัญญะพอที่จะระบุความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนครบถ้วน อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มุ่งเน้นการบริการให้ผู้ป่วยพึงพอใจมากที่สุด ก็ถือว่าพอจะอนุโลมให้ได้
“ขอบคุณมากค่ะ” ลอร่าเอ่ยขอบคุณเจ้าหน้าที่เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการแล้ว
ชลธีพยักหน้าให้การ์ดของคลับคนหนึ่งขึ้นไปกับรถพยาบาลด้วยตามที่ทุกคนหารือกัน เมื่อทำความเข้าใจกันเรียบร้อยทุกฝ่ายแล้ว รถพยาบาลก็เคลื่อนตัวเพื่อนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลต่อไป
ความคิดเห็น |
---|