บทที่ ๕

5

กระหายมง

                ภคิณเดินหน้าจีบนีรชาตามที่บอกกับเจ้าตัวไว้

                ไม่ได้รุกหนักให้หญิงสาวอึดอัดใจ เขาเข้าหาอย่างมีชั้นเชิง จนทำให้นีรชาใจอ่อนยอมให้เข้าใกล้ แต่ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน 

                ตั้งแต่เมื่อคืนภคิณติดต่อนีรชาไม่ได้ โทร. หาก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน ชายหนุ่มกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวเลยตัดสินใจไปหาที่หอพัก

                เขาจำได้ เพราะว่าเคยมาส่งเธอ

                ชายหนุ่มแจ้งกับเจ้าของหอว่าติดต่อนีรชาไม่ได้ กลัวว่าหญิงสาวจะเกิดอันตรายเลยขอให้เจ้าของหอพักเปิดห้องของหญิงสาวให้

                ด้วยเคยเห็นภคิณมาส่งนีรชาหลายครั้ง เจ้าของหอพักเลยยอมทำตามคำขอ นั่นคือใช้กุญแจสำรองไขประตูห้องของคนที่ขาดการติดต่อ

                พอประตูเปิดออก ภคิณรีบเดินเข้าไปดูในห้องพัก พบว่านีรชานอนซมอยู่บนเตียง ไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มรีบเข้าไปหาและพบว่าอุณหภูมิร่างกายของหญิงสาวสูงมาก ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก ตามตัวมีรอยแดงเป็นจุดๆ

                ไม่รอช้าภคิณตัดสินใจอุ้มนีรชาไปขึ้นรถและนำส่งโรงพยาบาลทันที

                ผลสรุปว่าหญิงสาวเป็นไข้เลือดออก

                นีรชาฟื้นขึ้นในวันถัดมา อาการของหญิงสาวดีขึ้นแต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ภคิณจึงให้หญิงสาวโทร. บอกมารดา

                “พี่คิณกลับก่อนได้นะคะ นีน่าอยู่ได้ ไม่เป็นไร” หญิงสาวบอกเสียงอิดโรย

                หลังจากที่โทร. หามารดาของหญิงสาว ก็ทราบว่าท่านเดินทางไปต่างจังหวัด อีกสามวันถึงจะเดินทางกลับบ้าน นีรชาจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะบอกว่าตัวเองป่วย ไม่เช่นนั้นมารดาต้องทิ้งงานเพื่อกลับมาหาเธอ

                “อย่าไล่พี่เลย” ภคิณจ้องไปที่คนนอนบนเตียง “พี่รู้ว่าเราเก่ง ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก นอนพักซะนะ”

                ภคิณลูบศีรษะของนีรชาแผ่วเบา เขานึกสงสารที่ตอนนี้หญิงสาวไม่มีใครเลย เพิ่งรู้ว่าเธออาศัยอยู่กับแม่ที่ทำงานเป็นพนักงานแบงก์ ส่วนพ่อของหญิงสาวทำงานที่ร้านอาหารอยู่ต่างประเทศ

                นีรชามาเช่าหอพักระหว่างเรียน เพราะว่าบ้านของเธออยู่ที่จังหวัดปทุมธานี วันหยุดยาวถึงจะกลับไปหามารดา 

                “ขอบคุณนะคะ” นีรชาว่าก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงช้าๆ

                ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ภคิณคอยดูแลนีรชาตลอด จนพยาบาลเข้าใจว่าเขาเป็นญาติของคนไข้ นีรชาอาการดีขึ้นเรื่อยๆ และคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันที่ห้าของการป่วย

                ภคิณมาส่งนีรชาที่หอพัก เจ้าของหอเดินมาช่วยถือของอย่างห่วงใย ถ้าหากภคิณไม่เอะใจ นีรชาอาจจะแย่ไปแล้ว

                “พี่คิณจะกลับเลยหรือเปล่าคะ” หลังจากประตูห้องปิดลงนีรชาก็ถามขึ้น เป็นครั้งแรกที่เธออนุญาตให้ภคิณเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว ไม่นับวันที่เขาบุ่มบ่ามเข้ามา

                “จะไล่พี่แล้วหรือไง”

                “เปล่าค่ะ” เธอไม่กล้าไล่คนที่มีบุญคุณขนาดนี้ “นีน่าเกรงว่าพี่จะมีอะไรต้องไปทำ”

                เธอรู้ว่าเขาทิ้งงานเพื่อมาเฝ้า ส่วนเรื่องการเรียนของหญิงสาวในช่วงที่หยุดไป เธอฝากให้เพื่อนแจ้งอาจารย์และจดเลกเชอร์ให้แล้ว หากหายดีนีรชาถึงจะไปตามเก็บ

                “ให้พี่อยู่กับเราได้มั้ย” ภคิณมองไปที่ดวงตากลมโตของนีรชา 

                “อยู่ในฐานะอะไรคะ” นีรชากลั้นใจถามออกไป เธอรู้แหละว่าที่เขาตามติดอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะหวังบางสิ่ง 

                “แล้วแต่น้องจะให้” เข้าใจว่านีรชาอาจจะยังไม่พร้อม เขาไม่อยากใช้จังหวะช่วงที่หญิงสาวอ่อนแอ บังคับให้เธอยอมตกลงเป็นแฟน

                ยกเว้นแต่ว่านีรชาต้องการ

                “แล้วสาวๆ ของพี่คิณล่ะคะ”

                “ตั้งแต่บอกว่าจะจีบเรา พี่ก็ไม่ได้คุยกับใครอีก คุยกับนีน่าแค่คนเดียว”

                นีรชารู้สึกว่าใบหน้าของเธอเห่อร้อน ทั้งที่พิษไข้หายไปแล้ว

                “แล้วตกลงจะให้พี่อยู่ในสถานะไหน หือ”

                “พี่คิณอยากได้สถานะอะไรก็ตามนั้นละค่ะ” นีรชาบอกอายๆ 

                “งั้นเราเป็นแฟนกันแล้วนะ” ภคิณเองก็ยิ้มไม่หุบ การที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธแสดงว่าเธอตกลง

                วันนี้กองประกวดไม่มีกิจกรรมดึก นีรชาเลยกลับห้องพักเพื่อโทร. หาน้องชายสุดที่รัก เพราะไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันแล้ว คิดถึงใจจะขาด

                หญิงสาวกดวิดีโอคอลไปที่ไลน์ของป้าเกสร ผู้เปรียบเสมือนญาติคนหนึ่งของเธอไม่นานก็กดรับสาย

                “สวัสดีค่ะป้าเกสร นอนกันหรือยังคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้คนในสาย 

                “ยังเลยลูก ทีน่ากำลังดื่มนมอยู่” ป้าเกสรสลับกล้องเพื่อถ่ายภาพนทีที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่น ยกแก้วนมขึ้นดื่มจนคราบเลอะมุมปาก

                “ทีน่า...” นีรชาเรียกชื่อน้องชายยาวๆ 

                “พี่นีน่า” คนที่เพิ่งรู้ว่าพี่สาวโทร. มาดีใจจนยิ้มร่า วางแก้วนมไว้ วิ่งมาจับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของป้าเกสร “คิดถึงพี่นีน่าที่สุดเลยครับ อยากเจอพี่นีน่าแล้ว”

                นีรชาใจอ่อนยวบ เธอก็คิดถึงนทีมากๆ

                “เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ได้เจอกันแล้วคนเก่งของพี่” นีรชาบอกอย่างอ่อนโยน “ทีน่ารอพี่ได้มั้ยครับ”

                “ได้ครับ แต่ก็อยากให้พี่นีน่ามาไวๆ ผมอยากกินหมี่เขียว” เด็กชายบอกจุดประสงค์ที่แท้จริง ทำเอานีรชาและป้าเกสรหัวเราะไปตามๆ กัน เข้าใจว่านทีกำลังโต เรื่องกินเลยเป็นเรื่องใหญ่

                “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้ป้าเกสรพาไปกินก่อนดีมั้ยครับ พอพี่นีน่ากลับ เราค่อยไปกินด้วยกันอีกครั้ง” นีรชายื่นข้อเสนอที่เอาใจน้องชายสุดๆ

                “ดีเลยครับ”

                “ไหน ยิ้มหล่อๆ ให้พี่ดูหน่อยซิ” นทียิ้มตาหยีให้คนในสาย นีรชาหัวเราะออกมาสุดเสียง น้องชายคือความสุขของเธอ 

                “พี่นีน่าสู้ๆ นะครับ ผมเป็นกำลังใจให้” เด็กชายทราบแค่ว่าพี่สาวไปประกวดนางงาม แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าเขาประกวดอย่างไร อาจจะเหมือนประกวดวาดภาพระบายสีที่ตัวเองเคยแข่งขันเลยอวยพรบ้าง “เอารางวัลมาฝากทีน่านะครับ”

                “ได้เลยครับ พี่นีน่าจะเอารางวัลไปฝาก ทีน่าต้องเป็นเด็กดีนะรู้มั้ยเอ่ย”

                “รับทราบครับ”

                นีรชาวางสายจากน้องชายพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังประดับอยู่บนใบหน้า การมาครั้งนี้ของเธอจะต้องไม่สูญเปล่า มีคนที่อยู่เบื้องหลังมากมาย และเธอต้องลบคำสบประมาทของภคิณที่บังอาจมาตัดสินเธอ

                เงิน เงิน เงิน ท่องไว้!

                กิจกรรมของวันนี้คือการถ่ายภาพโพรโมตสินค้า ซึ่งเป็นน้ำหอมของบริษัทที่เป็นผู้สนับสนุนการประกวดในครั้งนี้ เหล่าสาวงามต่างตื่นเต้น เพราะว่าจะทำการถ่ายภาพเป็นคู่กับรูมเมตของตัวเอง 

                ที่สำคัญคือ รางวัลค่อนข้างน่าสนใจดีเดียว หากคู่ใดชนะในภารกิจนี้จะได้รับเงินรางวัลสองแสนบาท หารครึ่งแล้วก็ตกคนละ หนึ่งแสนบาท พร้อมทั้งได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมด้วย 

                คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

                นีรชาอยากได้รางวัลนี้มาก เพราะจะได้มีเงินรางวัลรองถุงหากไม่ได้ตำแหน่ง

                “ดีจังได้คู่กับพี่นีน่า” รูมเมตของนีรชาซบหน้าลงที่ไหล่มนของพี่สาว “เรามาซ้อมกันดีกว่าค่ะ”

                “ปะ รางวัลนี้ต้องเป็นของเรา” ว่าแล้วก็จูงมือเมษาออกไปซ้อมกันสองคน ทางกองประกวดให้เวลาสิบห้านาทีก่อนที่จะเริ่มถ่ายภาพโพรโมต

                สิบห้านาทีผ่านไป เหล่าสาวงามก็มาพร้อมกันที่สตูดิโอเคลื่อนที่ แต่ละคู่ได้รับน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ของแบรนด์คนละหนึ่งกลิ่น ระหว่างที่ถ่ายจะมีเจ้าของแบรนด์ให้คะแนนไปด้วย พอเสร็จสิ้นจะได้รวมคะแนนว่าคู่ไหนจะได้รับรางวัลนี้

                แต่ละคู่ต่างทำได้ดีไม่น้อยหน้ากัน เรียกได้ว่าหนักใจแทนเจ้าของแบรนด์ที่ต้องหาผู้ชนะเพียงคู่เดียวเท่านั้น

                คืนสุดท้ายของการเก็บตัวผู้เข้าประกวด จะเป็นการเดินแบบในชุดว่ายน้ำทูพีซ มีกรรมการที่เป็นสปอนเซอร์ของเวทีการประกวดมาร่วมให้คะแนน และจะมีการมอบรางวัลพิเศษต่างๆ 

                ภูรินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าข้างกับภคิณ เขาเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการวันนี้ แถมยังต้องคัดเลือกสาวงามที่จะมารับรางวัลจากทางบริษัทของเขาอีกหนึ่งคน

                “ชุดว่ายน้ำนี่แบรนด์ไหนวะ สวยดี” สาวงามเดินโชว์ไปหนึ่งรอบ ภูรินทร์ก็หันไปถามคนข้างๆ 

                “แบรนด์ของเกรซ” ภคิณตอบเรียบๆ ชุดว่ายน้ำที่สาวงามสวมตั้งแต่วันแรกที่มาเก็บตัวล้วนมาจากแบรนด์ของเกษราทั้งนั้น ซึ่งเธอขันอาสาเป็นสปอนเซอร์ในเรื่องนี้

                ภคิณเองก็มองว่าชุดว่ายน้ำของเกษราออกแบบได้ดีและทันสมัย เลยตอบตกลงให้นางงามทั้งสามสิบหกคนสวม ทางฝั่งเขาก็จะได้ประโยชน์คือ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและหาชุดให้นางงาม ฝ่ายเกษราก็จะได้โพรโมตแบรนด์ของตัวเองไปในตัว

                เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

                ถ้านับเพียงเรื่องธุรกิจ เกษราถือว่าเป็นพันธมิตรที่ดี 

                การปรากฏตัวของสาวงามหมายเลขต่อไปเรียกความสนใจของคนที่กำลังสนทนากันให้หันไปมอง

                “หมายเลข 13 แพรว แพรวพราว ดิเรกรัตน์” 

                แพรวพราวอยู่ในชุดว่ายน้ำทูพีซสีม่วง ปล่อยผมตรง แต่งหน้าคมเข้ม เดินออกมาอย่างมั่นใจ แถมยังเล่นหูเล่นตากับกล้องที่จับภาพเธอได้อย่างมืออาชีพ เก็บภาพได้สวยทุกมุม

                ยิ่งในจังหวะที่หญิงสาวเดินพร้อมกับหมุนตัวไปด้วย เรียกเสียงเชียร์จากผู้ชมรอบข้างได้ดี

                ภูรินทร์ถึงกับยกนิ้วให้ในความมืออาชีพนี้

                “หมายเลข 14” พิธีกรประกาศชื่อสาวงามคนต่อไป ที่ผ่านมาเรียกว่าทำได้ดีแทบทุกคนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าใกล้วันจริงแล้ว ความพร้อมเลยมากขึ้น ต่างจากวันแรกๆ ที่ยังมีสาวงามบางคนทำได้ไม่ดีนัก

                “หมายเลข 18 นีน่า นีรชา อัปสรวงศ์”

                เมื่อพิธีกรเอ่ยชื่อจบ หญิงสาวเจ้าของชื่อในชุดว่ายน้ำสีแดงมีผ้าคลุมสะโพกไว้หมิ่นเหม่ก็นับจังหวะตามดนตรี ก้าวขาเรียวยาวบนรองเท้าส้นสูงออกมาด้วยความมั่นใจ 

                ภคิณจ้องคนบนเวทีไม่วางตา วันนั้นตอนกลางวันที่เธออยู่ในชุดว่ายน้ำวันพีซ เขาก็ว่าสวยแล้ว แต่พอมาวันนี้ เธอมีเพียงแค่เศษผ้าเล็กๆ สามชิ้นบังร่างกายไว้ โชว์เรือนร่างที่ขาวหมดจดเกือบทุกสัดส่วน

                เขายอมรับตรงๆ ว่ามันดีมาก

                แต่จะดีกว่านี้ถ้าออกกำลังกายให้เฟิร์มอีกสักหน่อย

                “โคตรสวย แม่ง” ภูรินทร์สบถออกมาตรงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นนีรชาในชุดว่ายน้ำทูพีซ “นมอย่างตู้ม”

                ภคิณหันขวับมองเพื่อนรักด้วยสายตาขวาง “มึงคิดในใจก็ได้ ไม่ต้องพูดออกมา”

                ทุกสายตาจับจ้องไปที่นีรชา หญิงสาวเดินตรงจังหวะเป๊ะๆ ทุกก้าว เพราะก่อนวันจริงเธอฝึกอย่างหนักเพื่อลบคำสบประมาทของใครบางคนที่ดูถูกว่าเธอไม่เหมาะกับเส้นทางนี้

                หญิงสาวกระชากผ้าผูกเอวออก โยนมันขึ้นและหมุนตัวพลิ้ว ในจังหวะที่หันกลับมาก็คว้าชิ้นผ้าที่กำลังจะตกแล้วสะบัด พร้อมกับจิกตามองกล้องอย่างมีจริต

                นีรชาวันนี้ต่างจากรอบก่อนมาก ไม่มีแล้วสายตาที่ประหม่า ไม่มีแล้วการเดินที่แข็งทื่อ 

                มีแต่นีรชาคนที่จะทำให้ทะเลลุกเป็นไฟ 

                ชุดแดง ปากแดง ส่งเธอได้มาก

                ตอนที่เดินมาถึงกลางเวที หญิงสาวยืนโพสราวกับนางพญา มองกรรมการด้านหน้า โดยเฉพาะบอสใหญ่อย่างภคิณ นีรชาจ้องไปที่เขา ภคิณเองก็จ้องกลับไม่หลบสายตา ก่อนที่หญิงสาวจะบิดสะโพกหมุนตัวเดินกลับ และฟูลเทิร์นสามรอบในตอนท้าย

                ทำให้เขาเห็นแล้วว่าเธอไม่ได้มีดีแค่ปาก!

                ทำได้ดี... ดีมากเชียวแหละ สำหรับการมาประกวดครั้งแรกของนีรชา 

                ภคิณนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ว่าอะไรที่สามารถทำให้ผู้หญิงอ่อนหวานของเขาในอดีต ก้าวผ่านขีดจำกัดของตัวเองมาได้เพียงนี้ โดยเฉพาะสายตาคู่นั้น ภคิณมองลึกลงไป มันยังเหมือนเดิม แต่ก็แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

                สาวงามทั้งสามสิบหกคนเดินออกมาหน้าเวทีพร้อมกันอีกครั้ง ต่อไปจะเป็นการมอบรางวัลพิเศษที่มีสปอนเซอร์สนับสนุนมามากกว่าสิบรางวัล 

                “รางวัลนางงามผิวสวย ได้แก่ หมายเลข 13 แพรว แพรวพราว ดิเรกรัตน์ เรียนเชิญ CEO ขึ้นมามอบรางวัลให้แก่สาวงามของเราค่ะ” 

                แพรวพราวเดินออกมาโพสท่ารอ เจ้าของแบรนด์เดินมาถึง เธอจึงไหว้และย่อตัวลงเพื่อรับสายสะพาย และยืดตัวขึ้นเพื่อรับป้ายรางวัล

                “รางวัลสาวงามยิ้มสวย ได้แก่ หมายเลข 26 เมษา จันยาเลิศสกุล ค่ะ” 

                เมษาดีใจจนกระโดดโลดเต้น เมื่อได้ยินพิธีกรประกาศชื่อของตนเอง เรียกเสียงหัวเราะจากหลายคนเลย รางวัลนี้เหมาะกับเธอมาก เพราะเมษายิ้มแล้วสวยมาก แถมยังมีลักยิ้ม ยิ้มแต่ละทีโลกสดใส

                พิธีกรประกาศรางวัลต่างๆ ไปเกือบครบ แต่นีรชายังไม่ได้สักรางวัล ทำให้หญิงสาวเริ่มใจห่อเหี่ยว แม้กระทั่งรางวัลถ่ายภาพโพรโมตน้ำหอมเธอก็ชวดไปแล้ว

                นี่จะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือไปจริงๆ เหรอ

                “รางวัลขวัญใจชาวภูเก็ต ได้แก่ หมายเลข 18 นีน่า นีรชา อัปสรวงศ์ ขอเรียนเชิญท่านนายกเทศมนตรีขึ้นมามอบรางวัลให้แก่สาวงามของเราค่ะ รางวัลนี้เป็นผลโหวตจากแฟนนางงามชาวภูเก็ตนะคะ ขอแสดงความยินดีกับน้องนีน่าด้วยค่ะ”

                ในที่สุดก็มีรางวัลที่เป็นของเธอ นีรชาดีใจมาก

                หญิงสาวเจ้าของรางวัลเดินออกมาด้านหน้า ไหว้ท่านนายกแล้วย่อตัวลงรับสายสะพาย ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงรับป้ายรางวัลที่มีตัวเลขบอกจำนวนเงิน 100,000 บาท จากนั้นรับช่อดอกไม้ประจำจังหวัดจากท่านนายกและถ่ายภาพร่วมกัน

                หญิงสาวยิ้มแก้มปริ เธอไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าแล้ว

                ที่เหลือต่อไปนี้ถือว่าเป็นกำไรแล้วกัน

                รถยนต์สัญชาติยุโรปสีดำเงาวับเลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตของสิริโชติจินดา พอรถหยุดนิ่งที่โรงจอดซึ่งมีอีกหลายคันจอดเรียงรายกันอยู่ก่อนหน้า เจ้าของรถก็ก้าวขาลงมา หยิบกระเป๋าที่อยู่ท้ายรถลงมาด้วย

                เกือบสองสัปดาห์ที่ภคิณไม่ได้กลับบ้าน

                นับตั้งแต่ก่อนการเก็บตัวนางงาม

                “เรียบร้อยดีไหมคิณ” มุกดาเห็นบุตรชายเดินผ่านห้องนั่งเล่นของบ้านก็เอ่ยทัก “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

                แม้ว่าจะวางมือไปแล้ว แต่ก็ยังให้ความสนใจกับการประกวดนางงาม นางติดตามตั้งแต่กองประกวดเปิดรับสมัคร บางครั้งก็แอบไปดูเองกับตา ช่วงที่สาวงามเก็บตัวอยู่ที่ภูเก็ต นางก็ยังตามดูไลฟ์สด ติดตามอ่านข่าวนางงามตามแฟนเพจต่างๆ และไถทวิตเตอร์ดูความมาแรงของสาวงาม

                “เรียบร้อยดีครับคุณแม่”

                ชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น มารดาของเขากำลังทำความสะอาดเครื่องเพชร สงสัยคงเตรียมพร้อมไว้ใส่ในวันประกวดนางงามรอบไฟนัล

                ภคิณทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างมารดา ส่วนสาวใช้ก็รู้งาน รีบลุกขึ้นไปเอาน้ำดื่มมาบริการเจ้านายหนุ่ม

                “เกิดปัญหาบ้างเล็กน้อย แต่ก็จัดการได้” 

                “ว่าแต่คิณมองไว้หรือยังลูกว่าคนไหนที่จะมง” หมายถึงได้ครองมงกุฎ มุกดาติดคำนี้มาจากแฟนนางงาม “แม่มองไว้คนนึง เห็นแววตั้งแต่วันสัมภาษณ์”

                ภคิณหรี่ตา นี่แม่ของเขาแอบเข้ากองอีกแล้วเหรอเนี่ย

                “อุ๊ย ลืมตัว” รีบยกมือปิดปาก เมื่อนึกได้ว่าตนเองทำความลับหลุด “แม่แค่ไปดูความเรียบร้อยแทน ตอนที่คิณไม่อยู่เท่านั้นเอง ไม่ได้ก้าวก่ายอะไรเลยนะลูก ไม่เชื่อถามปลาได้”

                “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณแม่เลยครับ ไม่ต้องร้อนตัว” ปากบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็เหน็บมารดากลายๆ

                ไม่ใช่ว่าภคิณไม่อยากให้มารดาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการประกวด แต่ชายหนุ่มรู้ว่าแม่ของเขาน่ะชอบเชียร์ออกนอกหน้า ชอบใครก็บอก ซึ่งจะทำให้กรรมการท่านอื่นเกรงใจ คนที่เห็นต่างก็จะไม่กล้าขัดเพราะทราบว่าแม่เขาใหญ่

                อีกประการคือ เจ้าของเวทีไม่ควรเชียร์นางงามคนไหนออกนอกหน้า เพราะมันจะทำให้ถูกมองว่าเวทีนี้ล็อกมง ควรให้นางงามทุกคนแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

                ผลจะเป็นอย่างไรก็เอาตามหน้างานและคะแนนที่เก็บมาตลอดการเก็บตัว

                ซึ่งเดี๋ยวนี้แม่ของเขาเพลาๆ ลงไปบ้างแล้ว ท่านเชียร์ในใจ แต่บางทีก็แอบหลุดให้เห็น

                “แม่เชียร์ใครครับ”

                “หมายเลข 18 นีน่า” คำตอบของมารดาทำให้ภคิณเงียบ ไม่พูดอะไร มีแค่มุกดาเล่าต่อราวกับเก็บข้อมูลนีรชามาตลอด “นีรชาคนนี้แหละ ออร่าจับแล้ว วันนั้นแม่ได้สัมฯ นาง คำตอบก็ไม่ได้ว้าวมาก แต่รู้สึกได้ว่าตอบมาจากใจที่มีพลัง และยิ่งตอนเก็บตัวน่ะ กราฟพุ่งนะแม่ว่า ทำดีขึ้นเรื่อยๆ คิณว่าไง อยู่ที่นั่นเด็กคนนี้โอเคหรือเปล่า งอแงไหม”

                “ก็ดีครับ แต่ก็ต้องรอดูวันจริงว่าจะชอตไมค์หรือเปล่า และวันจริงจะมีใครเป็นม้ามืดไหม”

                “ก็จริง แพรวพราวคนนี้ก็ดี พร้อมใช้งาน คนอื่นๆ ก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังไงแม่ก็ยังเชียร์นีน่า แม่ว่านางมีของ”

                ผู้เชี่ยวชาญด้านนางงามฟันธง ส่วนภคิณไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีก

                “แล้วลูกกับหนูเกรซ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”

                “เหมือนเดิมครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ “ผมเห็นเกรซเป็นน้องสาวคนนึง คุณแม่เลิกหวังได้แล้ว”

                มุกดาทำหน้ามุ่ย นางอุตส่าห์มีหวังขึ้นมา เพราะเกษราส่งรูปที่รับประทานอาหารตอนที่อยู่ภูเก็ตมาให้ดู เลยนึกว่าสองคนนี้จะกลับมาสานสัมพันธ์กันเสียอีก 

                “ถ้าไม่ใช่หนูเกรซ คิณก็รีบหาเสียสิ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว” คนเป็นแม่เริ่มหนักใจ “หรือว่าแอบกินเงียบๆ”

                “...”

                “โอ๊ยยย ภคิณ แม่หัวใจจะวาย” ท่านทาบมือที่อก

                “หัวใจวายตอนนี้ไม่ได้นะครับ คุณแม่ต้องรออุ้มหลานก่อน” คนเป็นลูกยิ้มให้มารดา ส่วนคนที่กำลังแสร้งทำเป็นไม่สบายก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง 

                “แบบนี้ค่อยยังชั่ว อยากอุ้มคิณน้อยใจจะขาดแล้วเนี่ย”

                หลังจากเก็บตัวเสร็จทางกองประกวดให้พักหนึ่งวัน นีรชาเลยกลับบ้านมาหานที และออกไปซ้อมต่อในช่วงบ่ายตามที่ธัญญ่านัดไว้ หญิงสาวต้องไปลองชุดราตรีที่ฝ่ายคอสตูมของทีมได้ตัดไว้ตั้งแต่เธอเก็บตัวอยู่ที่ภูเก็ต 

                นีรชาก็เพิ่งทราบว่านอกจากธัญญ่าและทีมแต่งหน้าทำผมที่ร้านเวดดิง ยังมีทีมชุดที่อยู่เบื้องหลังในการประกวดครั้งนี้ของเธออีก หญิงสาวซาบซึ้งใจมาก

                และยิ่งเห็นถึงความทุ่มเทของแต่ละฝ่าย นั่นยิ่งทำให้ฮึดสู้

                ชุดราตรีของนีรชาเป็นสีแดง ปักด้วยเลื่อมทั้งชุด ทุกคนลงความเห็นแล้วว่าหญิงสาวเหมาะสมกับสีนี้ที่สุด ดูอย่างวันก่อนที่ใส่ทูพีซสีแดง ทะเลยังลุกเป็นไฟ ถ้าเป็นชุดราตรีที่ส่งนางงาม รับรองว่านีรชาได้สง่างามราวกับนางพญามาเองแน่นอน

                นีรชาซ้อมเดินเป็นรอบที่ยี่สิบของวันนี้ เธอต้องเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่เพราะธัญญ่าต้องการเพิ่มความสูง นั่นเลยทำให้เท้าของนีรชาได้รับบาดเจ็บจากการโดนรองเท้ากัด

                เมื่อครูสอนเดินแบบให้พัก นีรชาก็รีบถอดรองเท้าออก พบว่ามันเป็นแผลถลอกหลายจุด จนแทบจะไม่มีที่ให้กัดแล้ว หญิงสาวจึงจำต้องหาปลาสเตอร์มาแปะไว้ 

                เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน

                ก่อนหน้านี้ธัญญ่าเป็นคนสอนเดินให้นีรชา แต่เจ้าตัวบอกว่าถ่ายทอดความรู้ไปหมดแล้ว นีรชาต้องเจอบรมครูที่เชี่ยวชาญกว่าธัญญ่า นั่นคือ ครูติ๊ก เจ้าของโรงเรียนสอนเดินแบบที่ธัญญ่ายอมรับว่าเก่งจริง

                “หมดเวลาพักแล้วนีน่า ลุกจ้ะ” 

                “ค่ะพี่ญ่า” หญิงสาวไม่อิดออด สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วสวมรองเท้าคู่ที่มันกัดเธอ ไม่แสดงความงอแงให้เห็น

                เจ๊ติ๊กมองเหล่าเพื่อนสาวประเภทสองที่อยู่ด้วยกันแล้วส่ายหน้า เพราะคิดว่าธัญญ่าควรจะให้นีรชาพักนานกว่านี้ เห็นแล้วสงสาร แต่ก็ไม่มีใครแย้ง เพราะกฎของพวกเขาคือจะไม่หักหน้ากันเอง

                และธัญญ่าคงเห็นว่าเหลือเวลาซ้อมแค่วันนี้แล้ว พรุ่งนี้นีรชาต้องกลับเข้ากองประกวด และวันต่อไปก็ถึงรอบไฟนัล

                “มาค่ะลูกสาว เจ๊จะสอนโพสแบบที่ไม่มีใครซ้ำ รับรองวันจริงอึ้งกันทั้งฮอล” 

                “สู้ๆ นะนีน่า ท่องเอาไว้ว่ามงกุฎต้องเป็นของเราเท่านั้น ตอนนี้กระแสกำลังมาแรง ต้องอย่าแผ่ว อย่าทำให้คนเชียร์ผิดหวัง เธอทำได้สาวน้อย”

                “นีน่าจะสู้ค่ะ จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง” หญิงสาวบอกอย่างมาดมั่น และสายตานั้นแน่วแน่

                เด็กคนนี้มันสู้จริงโว้ยยย!

                หลังจากที่กองประกวดให้หยุดไปหนึ่งวัน เหล่าสาวงามก็มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อซ้อมใหญ่ก่อนวันจริงที่จะมีขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้  

                ทั้งซ้อมการแสดงเปิดตัว ซ้อมเดินบนเวทีจริง ต้องให้พร้อมที่สุด

                นีรชาอยู่ในเสื้อยืดธรรมดา กางเกงรัดรูป รวบผมสูง หน้าสด คล้ายๆ กับนางงามท่านอื่นที่แต่งตัวสบายๆ ในวันซ้อม เพราะว่าอยากให้ตัวเองเคลื่อนไหวได้คล่องตัวที่สุด 

                มีครูสอนเต้นจากโรงเรียนชื่อดังมาสอนบรรดาสาวงามเต้นประกอบดนตรีในการเปิดตัว โดยสอนไปทีละท่า ให้สาวงามทำไปพร้อมๆ กัน พอจำท่าได้แล้วก็เปิดดนตรีใส่

                แต่ละคนเต็มที่มากๆ 

                ภคิณเองก็มาแอบดูที่ด้านหลัง แล้วก็เดินออกไปพร้อมกับผู้จัดการกองประกวดเพราะมีคุยงานกันต่อ

                “เดี๋ยวครูจะเลือกให้นะคะว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน” ครูสอนเต้นจับสาวงามลงบล็อกที่อยู่ในหัวของตนเอง โดยพิจารณาจากความสูงและความสามารถในการเต้น ถ้าทำได้ดีก็จะได้อยู่ตรงกลางด้านหน้า

                หลายคนก็หวังว่าตัวเองจะได้อยู่ตำแหน่งเซนเตอร์ เพราะว่าอยากเด่นที่สุด

                “น้องแพรวมาตรงนี้ค่ะ” ชี้ตำแหน่งกลางสุดด้านหน้าให้แพรวพราว 

                สาวงามหลายคนมองหน้ากัน เพราะว่าตำแหน่งที่ตนเองหวังมีคนได้ไปแล้ว แม้อยากจะค้านว่าตนสามารถทำได้ดีกว่าแพรวพราวด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่มีใครกล้า เพราะไม่อยากกลายเป็นคนที่มีปัญหา

                นีรชาได้อยู่แถวหลังเพราะว่าสูงมาก ส่วนเมษาได้อยู่แถวแรก ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะถึงอย่างไรแล้ว กล้องก็สามารถถ่ายได้ทุกแถวอยู่ดี

                เธอพยายามไม่คิดมาก 

                ปลิตาเดินตามภคิณเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเขาด้วยสีหน้าที่เครียดจัด เพราะว่างานไม่เป็นไปตามแผน

                “คุณปลาบอกผมมาว่ามันเกิดปัญหาขึ้นได้ยังไง”

                “คือทางเราคอนเฟิร์มห้องพักที่สปอนเซอร์เสนอมาช้าไปค่ะ ทำให้เขาปล่อยเช่าห้องนั้นไปแล้ว และตอนนี้ห้องอื่นก็เต็มหมด สปอนเซอร์เลยเสนอห้องที่ตึกอื่นที่ไกลออกไป”

                ห้องพักที่หมายถึงคือห้องชุดสุดหรูประจำตำแหน่งของ Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในรางวัลที่ผู้ครองตำแหน่งได้รับ 

                หลังจากที่ได้รับมงกุฎแล้ว จะต้องไปค้างที่ห้องชุดที่จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมกับถ่ายภาพแรกในฐานะ Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ทำมาทุกๆ ปี หลังจากนั้นตลอดระยะเวลาที่รับตำแหน่ง ห้องชุดนี้จะเป็นที่พักของผู้ครองมงกุฎ

                “ที่ที่จองไปตอนแรกคือคอนโดที่ผมอยู่ใช่ไหม” นอกจากบ้านแล้วชายหนุ่มยังมีที่พักส่วนตัวคือคอนโดใจกลางเมือง 

                “ใช่ค่ะบอส”

                “งั้นเดี๋ยวผมลองจัดการให้ ถ้าไม่ได้อย่างไรจะรีบแจ้ง ทีหลังเราต้องรอบคอบกว่านี้นะคุณปลา”

                “ขอบคุณค่ะบอส ครั้งหน้าดิฉันจะไม่พลาดค่ะ” ถึงจะโดนตำหนิ แต่มันก็คือความจริงที่เธอทำงานพลาด ถึงกระนั้นเจ้านายหนุ่มยังช่วยหาทางออก ไม่ได้ด่าแล้วไม่ช่วยทำอะไร

                คล้อยหลังจากผู้จัดการกองประกวดคนสวย ภคิณก็ต่อสายหาใครบางคนทันที

                “ว่าไง” เสียงที่ทอดมาตามสายทำให้ภคิณทราบว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ดี “โทร. มากำชับให้กูไปงานพรุ่งนี้อะดิ”

                “นั่นก็แค่ส่วนหนึ่ง” ภคิณบอก คีรีเป็นสปอนเซอร์หนึ่งของเวทีการประกวดของเขา ชายหนุ่มย่อมมีสิทธิ์ไปร่วมงาน “แต่มีอะไรให้มึงจัดการก่อน”

                “จัดการอะไรอีกวะ”

                คีรีเปลี่ยนน้ำเสียง เมื่อทราบว่าตัวเองกำลังจะงานเข้า

                ภคิณเล่าปัญหาเรื่องห้องพักให้คีรีฟัง ซึ่งหมอนี่แหละเป็นเจ้าของโรงแรมที่เขาใช้จัดงานบ่อยๆ และยังเป็นเจ้าของคอนโดนั้นอีก ที่ภคิณโทร. มา ไม่ได้จะฟ้อง เพราะว่าลูกน้องของคีรีทำงานได้ดี ผิดที่ทางเขาเอง

                “กูเห็นว่าห้องของมึงไม่มีใครอยู่เลย” 

                ภคิณซื้อคอนโดของคีรีหนึ่งห้อง ซึ่งเจ้าของคอนโดก็ล็อกไว้ให้ตัวเองห้องหนึ่งที่ติดกัน แต่ไม่ค่อยได้เข้ามาพักเลย เนื่องจากบ้านของคีรีอยู่ไม่ไกล ต่างจากภคิณที่มักจะมาค้างหากวันไหนที่ทำงานดึก

                “มึงอย่าบอกนะว่า” 

                “เออ เช่าต่อหนึ่งปี”

                “เอาจริงเหรอวะ แม่ง ไม่ให้กูตั้งตัวเลย” 

                “จริงสิ มึงรีบตกลง กูจะให้คนไปตกแต่งเตรียมรับเจ้าของคนใหม่” เพราะคนที่ได้มงกุฎจะเข้าพักคืนพรุ่งนี้

                “กูเหมือนโดนไล่ที่เลย ทั้งที่เป็นเจ้าของ” คีรีบ่นอุบ แต่ก็ยินยอม “โอเค มึงเอาไปเลย กูไม่คิดค่าเช่า” 

                “ดีมากเพื่อนรัก”

                “แต่กูขอสาวๆ ในสังกัดของมึงสักคนก็พอ”

                 “จีบเองเลย ไม่ต้องผ่านกู” ชายหนุ่มไม่ได้ขายเด็กของตัวเองอยู่แล้ว และก็ไม่ได้ห้ามเรื่องการมีแฟน “แต่มึงอย่าทำให้เด็กๆ เสียคนล่ะ”

                “พูดอย่างกับกูเลวนัก” 

                “ก็จริงไม่ใช่เหรอวะ”

                “ไอ้คิณ! ใครจะไปรักเดียวใจเดียวอย่างมึงล่ะ เขาทิ้งไปหกปีแล้วยังไม่ลืม”

                คีรีทราบความลับของภคิณ แฟนคนล่าสุดของชายหนุ่มคือนีรชา คบกันสมัยเรียนปริญญาโท และเลิกกันไปด้วยความเข้าใจผิด ตั้งแต่นั้นยังไม่เห็นภคิณคบใครจริงจังสักคน 

                ส่วนภูรินทร์ไม่ทราบเพราะชายหนุ่มไปเรียนต่อที่ต่างประเทศช่วงนั้น

                “พูดมากจังเลยมึงเนี่ย” 

                “มึงเริ่มก่อนนะโว้ย” เขาไม่ใช่คนเริ่มต้น “ลืมไม่ได้แบบนี้ ทำไมมึงไม่ง้อเขาวะ จะอยู่แบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือตามหาไม่เจอ แต่กูว่าคนอย่างมึงน่ะ ถ้าอยากรู้อะไรก็ต้องรู้สิ”

                “...” มึงอย่าเงียบสิวะ

                “มึงจะได้รู้ไงว่าใครกันแน่ที่พูดมาก”

                “เออกูยอมรับ แต่มึงตอบกูมาสิ ตั้งแต่เลิกกันไม่เจอน้องนีน่าเลยเหรอ เขาแต่งงานมีสามีไปหรือยัง แต่ถ้าให้กูเดาก็น่าจะมีแล้วนะ สวยขนาดนั้นหาได้สบายๆ”

                “เขายังไม่ได้แต่งงาน” 

                “มึงรู้... แสดงว่าแอบสืบมาละสิ กูว่าแล้วคนอย่างมึงอยากรู้อะไรต้องได้รู้” คีรีตบหน้าขาตัวเองเสียงดังป้าบ ดีใจที่ทายถูก “แล้วมึงได้เจอกันบ้างไหม เขาลืมมึงได้หรือยัง”

                “เจอ ลืมไม่ลืมกูไม่ได้ถาม และจะไม่ถามด้วย” ยอมรับว่าตัวเองก็มีอีโก้สูง ฝ่ายหญิงสาวก็ทะนงในตัวเอง และเป็นเรื่องที่ต่างคนไม่อยากพูดถึง เพราะมันจบไม่ดี

                “เจอที่ไหน” คีรีถามต่อ ราวกับซักประวัติคนไข้

                “เจอที่กองประกวด”

                “หา...” คีรีดูตกใจมากที่ภคิณเจอนีรชาในที่ที่ใกล้ตัว แต่ก็พยายามคิดว่านีรชาอาจจะมาทำอย่างอื่น “เขามาเป็นพี่เลี้ยงนางงามเหรอวะ”

                “เขามาประกวดเอง” คำตอบของภคิณทำให้คีรีสตั๊นไปสามวินาที “แสดงว่ามึงไม่ได้ติดตามข่าวเลยสิ เสียชื่อสปอนเซอร์หมดเลย”

                “กูเพิ่งกลับจากต่างประเทศ” ที่คีรีหายหน้าหายตาไปก็เพราะว่าต้องไปติดต่อลูกค้าที่สวีเดน และช่วงนี้งานของชายหนุ่มยุ่งมาก เลยไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกองประกวด คิดว่าแต่ละปีก็คงเหมือนๆ กัน “กูพลาดเหรอวะเนี่ย”

                “เออ”

                “กูไปส่องรูปนีน่าแป๊บนึง มึงอย่าเพิ่งวางนะ” 

                คีรีกดเข้าเฟซบุ๊กส่วนตัวในโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ยังค้างสายอยู่กับภคิณ พร้อมกับเปิดลำโพง เขาพิมพ์ชื่อแฟนเพจเวทีการประกวดไม่กี่คำ เพจที่ต้องการเข้าไปดูก็เด้งขึ้นมา

                คีรีเลื่อนดูรูปในโพสต์ล่าสุดที่ทางกองประกวดโพสต์ไว้ เป็นประมวลภาพกิจกรรมที่ภูเก็ตในคืนสุดท้าย

                “โอ้แม่เจ้า นีน่าสวยมาก หุ่นอย่างเซียะ เอวก็เล็ก สะโพกผาย นมนี่...”

                “มึงหยุดพูดได้แล้ว” ภคิณรีบขัด รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมาฟังเพื่อนรักบรรยายสัดส่วนของนางงาม 

“หวงไปนะมึงเนี่ย” รู้แหละว่าเพื่อนเป็นคนหวงของ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม “แล้วไอ้ภูมิรู้ไหมว่าแฟนเก่ามึงมาประกวด” คีรีเปลี่ยนเรื่อง เดี๋ยวบอสใหญ่ของเวทีนางงามจะหัวเสียกว่าเดิม

“มันก็เชียร์นีน่าแหละ แต่ยังไม่รู้ว่ากูกับเขาเคยคบกัน” 

“มันตาถึงว่ะ แล้วทำไมมึงไม่บอกมันวะ”

“แล้วทำไมกูต้องบอก ก็เลิกกันไปแล้ว”

“กูอยากจะร้อง แหม... ให้ถึงดาวอังคาร อย่าให้กูเห็นว่าถ่านไฟเก่ามันคุแล้วกัน”

                

                

                

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น