บทที่ ๘

8

คุณลุง

                นีรชากลับมาที่หอพัก เดิมทีเธอนัดกับภคิณไปกินข้าวที่คอนโดเขาคืนนี้ แต่เหตุการณ์ที่เธอเจอตอนกลางวัน มันสั่นคลอนความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวชายหนุ่มมาตลอด

                ‘ที่บ้านพี่คิณทำอะไรคะ’ นีรชาถามถึงครอบครัวของเขา ตอนที่คบกันแล้ว

                ‘ทำธุรกิจเล็กๆ น่ะ’ ชายหนุ่มตอบเรียบๆ โดยไม่มองหน้าคนถาม นีรชาเลยคิดว่าเขาคงไม่อยากเล่า แต่เท่าที่สังเกตความเป็นอยู่ของเขาก็น่าจะมีฐานะระดับหนึ่ง 

                คอนโดหรู มีรถขับ แถมยังรวมถึงการใช้เงิน

                แต่บริษัทผลิตและจำหน่ายสกินแคร์และเครื่องสำอางไม่เล็กหรอก...

                มีเหตุผลอะไรที่ชายหนุ่มต้องปิดบังเรื่องครอบครัว หญิงสาวพยายามนึกจนหัวจะแตกก็มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือ ภคิณไม่ได้คิดจริงจังกับเธอ

                เรื่องที่เธอเป็นแฟนกับเขา มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ เป็นเพื่อนสนิทของแต่ละฝ่าย และคนที่เห็นภคิณและนีรชาไปด้วยกันบ่อยๆ ส่วนในโลกโซเชียลไม่มีใครเปิดเผย นีรชาเองก็ไม่ค่อยได้โพสต์อะไรที่เกี่ยวกับเขา ส่วนภคิณนั้น บัญชีของเขาเรียกว่าร้างน่าจะได้ ทั้งคู่คุยกันผ่านไลน์

                ตั้งแต่วันนั้นนีรชาก็หลบหน้าภคิณ เขาทักมาหาเธอก็ถามคำตอบคำ พอเขาจะมาหาเธอก็อ้างนั่นอ้างนี่ จนเวลาล่วงเลยไปสองสัปดาห์ 

                นีรชาอยากอยู่กับตัวเอง เธอยังไม่พร้อมที่จะรับความจริง

                ภคิณทนไม่ไหว เขารู้ว่านีรชาเปลี่ยนไป เลยมาดักเจอหญิงสาวที่หอพักในเวลาห้าโมงเย็นของวันธรรมดา นีรชาเรียนเสร็จแล้วก็กลับหอ ไม่ได้ไปไหนต่อ เธอเห็นรถของเขาจอดอยู่ที่หน้าตึก เลยเดินไวๆ จะขึ้นห้อง แต่ชายหนุ่มไวกว่า สาวเท้าเดินมาคว้ามือของหญิงสาวไว้ได้

                “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะนีน่า” ภคิณพูดเสียงเข้ม สองสัปดาห์ที่เขารอเธอ มันนานไปด้วยซ้ำ เขาควรจะบุกมาหานีรชาตั้งแต่รู้ว่าเธอแปลกไป 

                นีรชาขึ้นมานั่งบนรถยนต์ของภคิณ ชายหนุ่มอ้อมมานั่งฝั่งคนขับและออกรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของเขาทันที บนรถไม่มีใครพูดอะไร แต่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความตึงเครียด 

                พอประตูห้องปิดลง ยังไม่ทันได้ถอดรองเท้าภคิณก็ตรงมาหาหญิงสาว เขาดันเธอติดผนังและกักร่างเล็กไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง จากนั้นก็จูบหญิงสาวอย่างกระหาย

                ให้สมกับความคิดถึงและโหยหา

                นีรชาดันแผงอก ออกแรงทุบเมื่อเขาเอาแต่จูบไม่ปล่อยให้พักหายใจ ไหนว่าจะมาคุยกัน ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาก็เอาแต่ทำตามใจตัวเอง และไม่เปิดโอกาสให้เธอพูด

                “หยุดค่ะพี่คิณ” หญิงสาวดันเขาออกสุดแรง ใช้เสียงแข็งปราม

                ภคิณผละออกอย่างเสียดาย เขาเลียมุมปากช้าๆ ยังไม่หายคิดถึงเลย...

                “หลบหน้าพี่ทำไม” เขามองคนที่เอาแต่หนีหน้า ยังกักเธอไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างและร่างกำยำของตนเอง “เกิดอะไรขึ้น”

                “...”

                “อย่าเอาแต่เงียบ” จับปลายคางของนีรชาเงยขึ้น เธอเอาแต่ก้มต่ำมองพื้น

                นีรชาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตวาดเธอ รู้ว่าการเงียบของตัวเองทำให้เขาโมโห และภคิณก็เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร

                “พี่หลอกนีน่าเรื่องครอบครัวพี่ทำไมคะ ทำไมไม่บอกความจริง โกหกทำไม ทำไมถึงบอกว่าที่บ้านทำธุรกิจเล็กๆ ทำไมไม่บอกว่าของที่พี่เอามาไม่ใช่ของญาติ แต่เป็นของบริษัทตัวเอง”

                “แล้วมันสำคัญอะไร”

                “สำคัญสิคะ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ”

                “ตอนนี้นีน่าก็รู้แล้ว ไม่ดีใจเหรอ” เขามีเหตุผลที่บอกเธอตรงๆ ไม่ได้ เพราะมันยิ่งจะทำให้นีรชาเจ็บกว่าเดิม

                ผู้หญิงคนก่อนๆ เข้าหาเขาก็เพราะเงิน หากไม่จำเป็นภคิณจึงไม่อยากบอกเรื่องครอบครัวกับผู้หญิงคนไหน แรกๆ เขาก็คิดว่านีรชาเป็นแบบผู้หญิงพวกนั้น เพราะเหตุการณ์ที่เขาเจอเธอครั้งแรก

                แต่พอได้รู้จักหญิงสาวจริงๆ เธอไม่ได้เป็นเหมือนที่เขาคิด นีรชาคบกับเขาเพราะความรักไม่ใช่เรื่องเงิน น้อยนักที่เธอจะให้เขาช่วยเหลือ หลังๆ มีแต่เขายัดเยียดให้ด้วยซ้ำ 

                แต่หากจะบอกความจริงว่าเขาคือใคร ก็กลัวนีรชาโกรธ

                ทว่า... ตอนนี้เธอยิ่งกว่าโกรธเสียอีก เพราะทราบความจริงด้วยตัวเอง

                “ไม่เลยค่ะ เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว นีน่ายังรู้ว่าพี่คิณไม่ได้มีนีน่าคนเดียว”

                “นีน่าไปเอามาจากไหน”

                “นีน่าเห็นด้วยตาตัวเอง พี่คิณมีคู่หมายอยู่แล้ว แล้วมายุ่งกับนีน่าทำไม” นีรชาน้ำตาคลอ

                ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ภคิณถึงกับหายใจสะดุด เป็นความจริงที่เขามีคู่หมายอยู่แล้ว คนคนนั้นคือเกษรา เป็นการตกลงกันของผู้ใหญ่ ซึ่งภคิณไม่ได้ตกลงด้วย เขากำลังพยายามหาทางออก เพราะไม่ได้คิดอะไรกับเกษราเกินน้องสาวคนหนึ่ง

                “แค่ผู้ใหญ่คุยกันนีน่า พี่ไม่ได้ตกลงด้วย” ชายหนุ่มอธิบาย “พี่ไม่ได้รักเขา”

                “และพี่คิณก็ไม่ได้รักนีน่าด้วย” นีรชาน้ำตาไหล เขาโกหกตั้งแต่เริ่มต้น “เพราะถ้ารัก... พี่คงไม่ทำแบบนี้”

                ชายหนุ่มปวดใจ เจ็บที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้นีรชาเจ็บ และน้อยใจว่าที่ผ่านมาเขาไม่สามารถทำให้หญิงสาวเชื่อได้เลยว่าเขารัก

                “เราเลิกกันดีไหมคะ นีน่าไม่อยากรู้สึกแบบนี้แล้ว นีน่าไม่โอเคเลย” หญิงสาวขอร้องทั้งน้ำตา

                เธอคิดเรื่องนี้นานมาก แต่ในที่สุดก็ยอมตัดสินใจพูดออกมาเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง เธอไม่ชอบตัวเองที่คิดมาก เธอไม่ชอบตัวเองที่หวงเขา เธอไม่ชอบตัวเองที่คอยกังวลว่าเขาจะไปหาใคร 

                ภคิณทำเพื่อเธอมากมาย แต่นีรชาก็มองข้าม เธอมองแค่ความผิดของเขา

                “พี่ไม่น่าเสียเวลากับเราเลยว่ะ แม่ง...”

                สิทธิ์ที่พักฟรีหนึ่งปี ต้องใช้ให้คุ้มค่า

                นีรชาย้ายข้าวของมาปักหลักที่คอนโด ซึ่งเป็นห้องชุดประจำตำแหน่งของเธอ เหตุผลก็เพราะว่าเดินทางสะดวกกว่า และก็มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง 

                หญิงสาวเอาน้องชายติดสอยมาด้วย นทีดูจะชอบคอนโดแห่งนี้มาก เพราะมันสามารถมองเห็นวิวที่สวยงาม และยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายอย่าง 

                ธัญญ่ามาหานีรชาที่คอนโด ตั้งแต่วันที่หญิงสาวได้รับตำแหน่ง ร้านเวดดิงของเธอก็มีงานเพิ่มขึ้น เป็นช่วงกอบโกยผลประโยชน์เลยก็ว่าได้ จนทำให้ธัญญ่ายุ่งมาก เพิ่งจะมีเวลามาพบนีรชาเด็กปั้นของตน

                เงินที่เธอได้รับจากการพนัน ธัญญ่าเอาไปขยายร้าน และซื้อของจนเกือบหมด ส่วนเงินรางวัลที่เป็นส่วนแบ่งทางกองประกวดแจ้งว่านีรชาจะได้รับในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะต้องแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง ตามที่ตกลงไว้ตั้งแต่ก่อนมาประกวด

                “พรุ่งนี้นีน่าต้องไปสัมภาษณ์รายการของคุณนกที่ช่อง X ใช่ไหม”

                “ใช่ค่ะพี่ญ่า พี่ญ่าจะไปกับนีน่าไหมคะ” เป็นการสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับตำแหน่งทั้งห้าคน อาทิตย์นี้งานของนีรชาจะเป็นการเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์ และสัมภาษณ์หลังได้รับตำแหน่ง 

                “พรุ่งนี้พี่ติดงานน่ะ คงไม่ได้ไป” ถ้าหากว่างธัญญ่าไม่พลาด เพราะไปกับนีรชาก็เหมือนการประชาสัมพันธ์ตัวเองไปด้วย “แต่งานครบรอบสิบปีนิตยสารของคุณพัชร พี่ว่าจะไปด้วย”

                “ได้ค่ะพี่ญ่า” นีรชาเข้าใจ ตอนนี้เธออยู่ในความดูแลของทางกองประกวด การรับงานทุกอย่างต้องผ่านทางกองก่อนเท่านั้น เธอและธัญญ่าจะรับงานเองไม่ได้ ซึ่งอยู่ในสัญญาที่เซ็นไป “ช่วงนี้พี่ญ่าทำงานหนัก ดูแลตัวเองด้วยนะคะ นีน่าเป็นห่วง”

                “ขอบใจจ้ะ”

                ภคิณมาดูการถ่ายทำโฆษณามาสคาราของบริษัท โดยครั้งนี้พรีเซนเตอร์คือ เชอร์ลีน พรพรรษา นางงามในสังกัดของตนเอง ชายหนุ่มมองภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอที่ทีมงานฉายให้ดู เมื่อพบว่าไม่มีข้อผิดพลาดจึงพยักหน้าโอเค

                “สวัสดีค่ะคุณภคิณ” พรีเซนเตอร์สาวเดินเข้ามาทัก

                “เป็นไงบ้างวันนี้” ภคิณเองก็ทักกลับ “ผมดูวิดีโอแล้ว เชอร์ลีนทำได้ดีมาก”

                “กว่าจะได้ก็ผ่านไปหลายเทกอยู่เหมือนกันค่ะ ขอบคุณคุณคิณนะคะที่ให้โอกาส” เพราะสินค้านี้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Seeric Cosmetics “รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ค่ะ”

                “เชอร์ลีนคุณเป็นคนมีความสามารถ ย่อมได้รับโอกาสอยู่แล้ว” ภคิณมองหญิงสาวตรงหน้า เชอร์ลีนเป็นคนเก่ง ปีก่อนเขาและเธอได้ร่วมงานกันบ่อยครั้ง และตอนที่เธอไปประกวดที่เวทีโลก ภคิณก็ไปด้วย ทำให้รู้จักกันมากขึ้น ด้วยนิสัยที่น่ารักและความสามารถของเธอจึงทำให้เป็นที่รักของแฟนนางงามและเพื่อนร่วมงานเสมอ 

                “คุณปลาบอกคุณเรื่องงานคุณพัชรหรือยัง”

                งานครบรอบ 10 ปีนิตยสาร Pachy ของพัชรา ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ให้แก่เวทีของเขามาหลายปี นอกจากนี้นิตยสารฉบับนั้นยังเป็นพื้นที่โฆษณาที่ดีของ Seeric Cosmetics มาตลอด ภคิณเลยให้ความสำคัญกับการไปร่วมงาน

                “พี่ปลาบอกแล้วค่ะ”

                “วันนั้นผมขอควงรองอันดับหนึ่ง Miss Perfect Beautiful Queen 2022 นะ” น้ำเสียงมีความกระเซ้าเย้าแหย่ ทุกๆ ปีเขาต้องหาคนควงไปงาน ซึ่งไม่ค่อยซ้ำหน้ากัน ครั้งนี้เลยจะขอควงนางงามในสังกัดบ้าง

                “สาวๆ ในสต๊อกของบอสจะไม่มาแหกอกฉันเหรอคะ” รองอันดับที่หนึ่งแซวกลับ

                “ใครจะกล้า” ภคิณหัวเราะ เพราะว่าเขาไม่มีใครมาหลายปีแล้ว ที่เห็นผ่านๆ มาก็แค่ควงออกงานเท่านั้น ไม่ได้สานต่อ “ว่าแต่คนของคุณเถอะ”

                เชอร์ลีนหัวเราะลั่น ไม่ห่วงภาพลักษณ์นางงาม “ฉันคุมได้ค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”

                เชอร์ลีนและภคิณถือว่าสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่หญิงสาวยังให้เกียรติเขาในฐานะบอส เชอร์ลีนเองก็เคยคิดเกินเลยกับภคิณ แต่เขาไม่เล่นด้วย เธอเลยต้องหยุด จนตอนนี้ทำใจได้แล้ว

                และที่ภคิณเพิ่งแซวไปก็เป็นเรื่องจริง เธอมีคนของเธอแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเป็นใครเท่านั้นเอง

                “ผมขอตัวก่อนนะ ต้องไปดูเขาสัมภาษณ์ทีมนางงามปีนี้ต่อ” ภคิณลา พลางก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ

                ตึกของสถานีโทรทัศน์ที่ปลิตากับคณะนางงามที่ได้รับตำแหน่งไปเยือน อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล เขาเลยว่าจะแวะไปให้กำลังใจก่อนกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ 

                “เจอกันวันงานคุณพัชรนะคะ ไม่ต้องไปรับค่ะ เดี๋ยวคนของฉันไปส่งแล้วค่อยเข้างานพร้อมกัน ส่วนขากลับขอกลับด้วยนะคะ”

                “ได้ครับ ไว้เจอกัน”

                “ทั้งห้าคนใช้เวลาเก็บตัวด้วยกันนานพอสมควร มีอะไรที่ทุกคนประทับใจในตัวนีน่าครับ” 

                ภคิณมาถึงจังหวะที่พิธีกรรายการสัมภาษณ์สาวงามทั้งห้าคนพอดี เขาเดินมานั่งลงข้างๆ กับปลิตา โดยไม่ให้เป็นจุดสนใจ 

                นีรชาสวมมงกุฎและสายสะพายประจำตำแหน่ง นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันกับพิธีกรหนุ่ม รอบข้างคือรองฝั่งละสองคน ทุกคนสวมชุดที่ทางกองจัดให้คนละสี 

                ก่อนหน้านี้พิธีกรหนุ่มก็สัมภาษณ์ถึงความประทับใจของแต่ละคนไปแล้ว จนมาหยุดที่คนสุดท้ายคือนีรชาโดยให้สาวงามทั้งสี่คนเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อหญิงสาว

                “ก่อนอื่นจะบอกว่าริสาประทับใจพี่นีน่าหลายอย่างเลยค่ะ แต่จะขอพูดอย่างเดียวคือ ประทับใจความสวยของพี่นีน่า พี่นีน่าเป็นคนที่มองแล้วไม่เบื่อ ขนาดหนูเป็นผู้หญิงยังชอบมองเลย โดยเฉพาะเวลาที่พี่นีน่ายิ้มนี่ละลายเลยค่ะ” ริสา รองอันดับที่สี่พูดถึงนีรชา ขณะพูดเธอมองหน้านีรชาไปด้วย ส่วนคนที่ถูกกล่าวถึงก็เขินที่ถูกชมซึ่งๆ หน้า

                “ข้อนี้ผมเห็นด้วยเลยครับ นีน่าครับพี่ยังโสดนะครับ” พิธีกรส่งสายตาวิงก์ๆ ให้นีรชา เรียกเสียงหัวเราะของทุกคน เพราะทราบมาว่าเขาแต่งงานแล้ว ที่พูดไปแค่แซวเล่น “ตาลล่ะครับ ประทับใจอะไรในตัวนีน่า”

                “ตาลประทับใจพี่นีน่า ตรงที่พี่นีน่าเป็นคนมีน้ำใจค่ะ” รองอันดับที่สามคนนี้อายุน้อยกว่านีรชา ขณะเล่าเธอดูมีความสุข “วันที่เราปาร์ตีริมหาด แล้วมีการใส่ชุดฮาวาย ทุกคนพอจะจำได้นะคะ พี่เลี้ยงของตาลลืมเอาพวงมาลัยดอกไม้มาด้วย พี่นีน่าเลยแบ่งดอกไม้ก้านนึงที่ติดอยู่บนผมพี่เขาให้หนูค่ะ ซึ่งทำให้หนูประทับใจมาก”

                นีรชาขำน้ำตาเล็ด เธอไม่คิดว่าเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ น้องสาวคนนี้จะเก็บเอามาเป็นความประทับใจ

                “โห นีน่า นี่คุณดึงออกจากผมเลยเหรอ”

                “ค่ะ” ตอบพลางพยักหน้า  

                “มาต่อที่รองอันดับที่สองเลยดีกว่า เอมล่ะครับ ประทับใจอะไรในตัวนีน่า” 

                “สำหรับเอมไม่ได้รู้จักนีน่าเป็นการส่วนตัวนะคะ เพิ่งจะมาสนิทกันหลังจากได้ทำงานร่วมกันนี่เอง” เธอออกตัวก่อน “แต่ก็สังเกตนีน่ามาอยู่แล้ว เพราะเขาเด่นมากตอนเก็บตัว และยังสร้างความตกใจให้ทุกคนอีก”

                “ที่ว่าตกใจนั่นคือเรื่องอะไรครับ”

                “นีน่ากระโดดน้ำลงไปช่วยเพื่อนที่ตกลงไปค่ะ”

                “หือ...” ชายหนุ่มทำเสียงคล้ายกับไม่เชื่อ “ขยายความต่อหน่อยครับ นีน่ากระโดดน้ำที่ไหน”

                “วันนั้นเป็นงานเลี้ยงต้อนรับพวกเราค่ะ จัดที่ริมสระน้ำของโรงแรม แล้วมีน้องคนหนึ่งพลัดตกลงไป หลังจากนั้นนีน่าก็รีบกระโดดลงไปช่วยขึ้นมาได้ค่ะ สร้างความตกใจให้ทุกคนในกองมาก” เธอผู้นี้อายุมากกว่านีรชา เล่าถึงคนที่อายุน้อยกว่าตามความเป็นจริง 

                “นีน่าคุณกล้ามาก ตอนนั้นคิดอะไรถึงตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยครับ” พิธีกรหันไปถามคนใจกล้าบ้าง

                “นีน่าไม่ทันได้คิดเลยค่ะ กลัวน้องเป็นอันตรายเลยรีบลงไปช่วย ที่จริงก็มีหลายคนเลยนะคะที่ช่วย แต่ว่านีน่าเห็นเหตุการณ์ก่อนเลยกระโดดลงไป”

                “ชื่นชมในสปิริตของคุณมากๆ” เขาชมจากใจจริง นอกจากจะสวยแล้วยังไม่กลัวอะไร “มาต่อกันที่คนสุดท้าย เชิญแพรวครับ”

                “บางทีเป็นคนตอบคนสุดท้ายนี่ก็เศร้าเหมือนกันนะคะ เพราะเราต้องตอบสิ่งที่คนอื่นยังไม่ตอบ” รองอันดับที่หนึ่งเกริ่นขึ้นมาอย่างเป็นกันเอง ที่จริงไม่อยากตอบคำถามนี้ด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นก็ต้องฉีกยิ้มก่อนตอบไป “แพรวประทับใจนีน่าที่เป็นคนใส่ใจค่ะ วันนั้นหลังจากมอบรางวัลและจะถ่ายภาพร่วมกัน สายสะพายของแพรวพลิก นีน่าเลยช่วยจัดให้ใหม่ค่ะ” 

                แพรวพราวยังเสียดายไม่หาย หากวันนั้นเธอทำได้ดีกว่านั้น คนที่สวมมงกุฎจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ

                “แต่ละคนก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ประทับใจนะครับ สมแล้วกับที่ได้รับตำแหน่ง นอกจากสวยแล้ว ยังเป็นคนดีด้วย” พิธีกรสรุปให้สวยๆ นึกว่าคำตอบของแพรวพราวจะทำให้ว้าว “พักชมโฆษณาสักครู่ แล้วกลับมาพบกันช่วงหน้าครับ”

                สาวงามลุกขึ้นจากหน้ากล้อง ปลิตาและภคิณจึงเดินเข้าไปหาทั้งห้าคน นีรชาเห็นเขาตั้งแต่เข้ามาแล้ว แต่ไม่ได้แสดงอาการออกไป

                “เดี๋ยวถ่ายรายการเสร็จ เราจะไปกินข้าวกับบอสนะ” ปลิตาบอก ซึ่งแต่ละคนดีใจที่จะได้รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกับภคิณอย่างเป็นกันเองครั้งแรก ผิดกับนีรชา

                เธอไม่อยากเจอเขา 

                แต่ก็ขัดไม่ได้ ต้องทำใจให้ชิน เพราะต่อไปนี้ต้องเจอกับเขาบ่อยๆ เธอเลือกที่จะเดินเข้ามาในเส้นทางนี้แล้ว หันหลังกลับไม่ได้

                “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เขาถามทุกคน

                “อะไรก็ได้ค่ะ” เกือบทุกคนตอบพร้อมเพรียงกัน

                ภคิณเกลียดคำตอบนี้จริงๆ เขาไม่น่าถามเลย...

                ทั้งเจ็ดคนอันได้แก่ ภคิณ ปลิตา และสาวงามทั้งห้า เดินทางมารับประทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารชื่อดังหลังจากเสร็จงานที่สถานีโทรทัศน์

                สั่งอาหารไป ระหว่างรอทุกคนจึงพูดคุยกันเรื่องงานในช่วงนี้

                โต๊ะกลมเจ็ดที่นั่ง ภคิณนั่งติดกับนีรชา ส่วนติดกับนีรชาก็คือแพรวพราว ถัดไปก็เป็นเอม ตาล ริสา และปลิตาที่นั่งติดกับภคิณอีกฝั่ง

                “มีงานติดต่อมาหาน้องๆ เยอะเลยค่ะช่วงนี้ ปลาต้องจัดตารางไม่ให้ชนกัน”

                “คุณปลาก็อย่ารับเยอะนักล่ะ ให้พักบ้าง แต่ถ้าใครไม่อยากพักก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมเข้าใจว่าเป็นช่วงทำเงิน” เขาไม่ได้เจาะจงใคร ทราบดีว่าที่ทุกคนมาประกวดนางงาม ต่างก็มีเป้าหมายใหญ่คือเรื่องเงินและชื่อเสียง เพราะเวทีนี้เป็นทางลัดของการเข้าสู่วงการ

                “แน่นอนค่ะบอส ปลาจะให้น้องๆ พักอยู่แล้ว ตามกำหนดการที่วางไว้จะให้ทุกคนรับงานไปก่อน เดือนหน้าทางกองจะเริ่มซ้อมนีน่าเพื่อไปเวทีใหญ่ คนอื่นก็รับงานเรื่อยๆ ค่ะ”

                “ทำตามแพลนที่วางไว้เลย ใครติดอะไร หรือมีปัญหาตรงไหนแจ้งคุณปลาได้เลยนะ” ภคิณบอกกับสาวงาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วปลิตาจะดูแลทางนี้เป็นหลัก และจะแจ้งเขาเรื่อยๆ “ช่วงนี้จะเหนื่อยหน่อย แต่ผลตอบแทนมันก็คุ้มค่า”

                อาหารมาเสิร์ฟ เลยต้องพักเรื่องคุยไว้ชั่วคราวเพื่อรับอาหารจากบริกร 

                นีรชารู้สึกว่าเธอนั่งผิดที่ก็วันนี้ หญิงสาวถนัดขวา ส่วนภคิณถนัดซ้าย ทำให้แขนของทั้งคู่จะชนกันอยู่เรื่อย 

                ได้มานั่งข้างกันแบบนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

                นีรชาแอบลอบมองท่อนแขนของชายหนุ่มที่ปูดนูนด้วยเส้นเลือด ตอนที่เขาเอื้อมไปตักอาหาร ท่อนแขนนี้แหละเคยปกป้องเธอ เคยเป็นหมอนให้หนุน เคยโอบกอดยามที่เธอต้องการกำลังใจ

                แต่วันนี้มันไม่ใช่ของเธออีกแล้ว

                นีรชารู้สึกอิ่มไปดื้อๆ ภคิณเองก็ลอบมองหญิงสาวที่พูดจาได้นับคำ ต่างจากสาวงามคนอื่นที่คุยกันออกอรรถรส และรู้ตัวดีว่านีรชาเป็นแบบนี้เพราะเขา 

                เธออึดอัด

                ภคิณจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ให้หญิงสาวได้มีเวลาหายใจหายคอ บางทีก็เบื่อตัวเองที่สนใจเรื่องเธอมากเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว 

                ภคิณให้เหตุผลกับตัวเองว่าที่ทำไปเพราะเธอคือนางงามในสังกัด

                แต่มันก็แค่นั้น เหตุผลจริงๆ เขารู้อยู่แก่ใจ

                

                พระอาทิตย์ตกดินแล้ว แต่นีรชายังใช้เวลาอยู่กับร้านของเธอ หญิงสาวไม่มีงานเย็นจึงใช้เวลาตั้งแต่บ่ายมาขลุกอยู่ที่ร้าน Neena’s flowers จัดการระบบหลังบ้านและช่วยลูกน้องเคลียร์ออร์เดอร์

                รายได้ของร้านเดือนนี้ลดลงเนื่องจากไม่ได้รับงานใหญ่ๆ หรืองานนอกสถานที่ เน้นแค่งานหน้าร้านและรับทำตามออร์เดอร์เท่านั้น เนื่องจากเจ้าของร้านไม่มีเวลา แต่ก็ยังดีที่มีลูกค้าใหม่เข้ามาให้ชื่นใจจากการที่หญิงสาวเป็นที่รู้จักมากขึ้น

                นีรชาจูงแขนนทีเดินไวๆ ไปที่ลิฟต์ แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงก็เปิดอ้าออกอีกครั้งโดยคนข้างในที่กดปุ่มรอ นีรชาพาน้องชายเข้าไปยืนในห้องสี่เหลี่ยมแล้วโค้งขอบคุณที่รอเธอ พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจ

                ภคิณ...

                เขาอยู่คอนโดเดียวกับเธองั้นเหรอ ชายหนุ่มมองมาที่หญิงสาวและนทีด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่ก็ดูไม่แปลกใจเลยที่เห็นเธอ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าที่พักประจำตำแหน่งของเธอคือที่คอนโดนี้

                แต่เธอน่ะสิเพิ่งรู้ว่าเขาพักที่นี่เหมือนกัน แถมยังชั้นเดียวกันอีก!

                “ขอบคุณครับคุณลุง” นทียกมือไหว้ขอบคุณ เพราะภคิณเป็นคนที่กดลิฟต์ให้ทั้งตอนจะขึ้นมาและตอนมาถึง 

                ภคิณทำหน้าตาย เอ็นดูในความมีมารยาทของเด็กชาย แต่สรรพนามนั้นฟังแล้วไม่รื่นหูเท่าไรนัก

                “ไม่เป็นไร” เขาตอบกลับไปเรียบๆ 

                เด็กคนนี้คงจะเป็นน้องชายของนีรชา เพราะเธอเคยให้สัมภาษณ์ เขาจำได้ วัยกำลังน่ารักเชียว ดูอัธยาศัยดีต่างจากพี่สาวที่ตีหน้านิ่งตั้งแต่เจอกัน

                ภคิณเดินตามนีรชาแล้วพูดขึ้น หญิงสาวหยุดเดินแล้วฟัง

                “บางทีคุณควรตระหนักด้วยว่า คุณมีตำแหน่งนางงามที่แบกอยู่” ภคิณตำหนิตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “สิ่งที่ควรพึงมีอีกอย่างก็คือการเป็นมิตรกับทุกคน”

                แม้ว่าคนนั้นจะเป็นแฟนเก่าก็ตาม

                ไม่ใช่แสดงออกโต้งๆ ว่าไม่ชอบหน้าเขา ทั้งที่ชายหนุ่มเป็นถึงเจ้าของเวทีการประกวด และยังต้องร่วมงานกันอีกนาน

                “ทำให้ได้เหมือนที่คุณพูดนะนีน่า แสดงให้ผมเห็นว่าคุณไม่ได้มีดีแค่ปาก นี่คือด่านแรกที่คุณต้องทำให้ได้” ชายหนุ่มสบตากับนีรชา เขาเตือนด้วยเหตุผล ต่อไปต้องร่วมงานกับอีกหลายคน ต่อให้เธอไม่ชอบก็ต้องตีสองหน้าเข้าหา ไม่อย่างนั้นจะทำให้อยู่ในวงการนี้ยาก

                “ผมเตือนด้วยความหวังดี ในฐานะบอสของคุณ หวังว่าเจอกันครั้งต่อไปคุณจะปรับปรุงตัวเอง” ภคิณเดินผ่านนีรชาและนทีไป พอถึงหน้าห้องก็คว้าคีย์การ์ดในกระเป๋าขึ้นมาแตะจุดสแกนแล้วผลักประตูเข้าไป 

                นทีเขย่าแขนพี่สาวที่ยังยืนนิ่ง “พี่นีน่า คุณลุงเขาพักห้องติดกับเราด้วยครับ”

                “ครับทีน่า” เธอเห็นแล้ว 

                นี่สินะที่เขาบอกว่า ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ

                ว่าแต่เธอเกลียดเขาจริงหรือเปล่านี่สิ

                นทีอาบน้ำเสร็จก็มานั่งหน้าทีวีทำการบ้านที่ได้รับมาจากโรงเรียน เด็กชายวัยหกขวบกว่าในชุดนอนสีฟ้า นั่งหลังตรงบนพรมสีเทา มือจับดินสอ ด้านหน้ามีสมุดวางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่น

                นีรชาอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาจากห้องนอน นั่งลงข้างๆ กับน้องชายตัวเล็ก

                “พี่นีน่า ทีน่าทำถูกไหมครับ” เด็กชายเลื่อนสมุดมาให้เธอดู เป็นการบ้านวิชาภาษาไทย ให้จับคู่คำและรูปภาพ

                “ถูกครับ ทีน่าเก่งมาก” หญิงสาวปรบมือแปะๆ “ช่วงนี้ทีน่าเจ็บหน้าอกไหม”

                เงินเธอพร้อมแล้ว เหลือแค่เวลา แต่คิดว่าสามารถหาได้ โรคนี้ของน้องชายเธอจะได้หายไปเสียที นีรชาอยากเห็นนทีเติบโตอย่างสมวัย ไม่ใช่อันนั้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ เธอรู้ว่าน้องเองก็มีหลายอย่างที่อยากทำ อยากเล่น แต่ติดที่ปัญหาสุขภาพ

                “ไม่ครับ” นทีตอบเป็นเสียงเดียวกันกับคนที่เธอถามมา ทั้งครูที่โรงเรียน และป้าเกสร ร่างกายเด็กชายพร้อมแล้ว ไปพบหมอครั้งหน้าเธอจะจัดการเรื่องผ่าตัดให้เร็วที่สุด

                นีรชาหวนคิดไปถึงคนที่เจอก่อนเข้าห้อง ยอมรับว่าตัวเองเป็นอย่างที่ภคิณพูด เธอเก็บความรู้สึกชังเขาไม่มิด เจอหน้ากันทีไรก็นึกถึงเรื่องในอดีต ทั้งที่ผ่านมานานแล้วก็ตาม

                ส่วนตัวเขานั้นทำได้ดีเชียวละ ต่อหน้าคนอื่นทำเหมือนเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันตอนมาประกวด ทั้งที่แนบชิดกันมานับครั้งไม่ถ้วน

                แต่หญิงสาวนับถือเขาในเรื่องที่ไม่เอาเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานมาปะปนกัน ด้วยตำแหน่งของเขาสามารถปัดเธอตกรอบได้ตั้งแต่รอบแรก แต่ภคิณก็ไม่ทำ เขาปล่อยให้เธอได้แสดงความสามารถ จนผ่านเข้ามารอบลึกๆ และตัดสินได้อย่างเป็นธรรม ไม่ดับอนาคตเธออย่างที่นึกกลัว

                ต่อไปนี้เธอคงจะไม่ปากดีใส่เขา หรือแสดงออกว่าไม่ชอบหน้า เพราะมันมีแต่เสียกับเสีย 

                งานเลี้ยงครบรอบสิบปีนิตยสาร Pachy ของคุณพัชรา จัดขึ้นที่โรงแรมชื่อดัง งานนี้เป็นศูนย์รวมของสื่อมวลชน เจ้าของธุรกิจ รวมถึงดาราและนางแบบที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน

                นีรชาเองก็ได้มาพร้อมกับปลิตาและริสา ส่วนรองอีกสามคนไปร่วมงานเดินแบบการกุศล ซึ่งจัดขึ้นในวันเดียวกัน

                เจ้าของตำแหน่ง Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 สวมชุดราตรีเกาะอกสีชมพู เก็บผมขึ้นโชว์ใบหน้ารูปไข่ แต่งหน้าโทนหวาน ลุคดูคุณหนู

                หลังจากที่ไปสวัสดีคุณพัชราแล้ว นีรชา ปลิตา และริสา ก็เดินมาหยิบเครื่องดื่มที่จัดเรียงรายไว้ให้บริการตนเอง แขกเหรื่อในงานเริ่มทยอยเข้ามา จนทำให้ห้องบอลรูมนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คน

                ธัญญ่าเองก็มาในจัมป์สูทสีน้ำเงิน มองเห็นนีรชาและผู้จัดการกองประกวดจึงเดินเข้ามาหา “สวัสดีค่ะคุณปลา” 

                “สวัสดีค่ะคุณธัญญ่า” ปลิตาให้เกียรติธัญญ่าในฐานะผู้จัดการของนีรชา “วันนี้สวยมากเลยค่ะ”

                “คุณปลาก็เช่นกันค่ะ”

                บริกรยกถาดมาเก็บแก้ว นีรชาจึงยื่นให้เพราะเธอดื่มหมดแล้วพร้อมเอ่ยขอบคุณ กลับเข้ามาในวงสนทนาอีกครั้ง 

“พี่ญ่ารับเครื่องดื่มไหมคะ” นีรชาถามพี่เลี้ยงตัวเอง ธัญญ่าเพิ่งมาถึงใหม่ๆ อาจจะต้องการน้ำ ซึ่งนีรชาเองก็อยู่ใกล้ 

“ขอเป็นค็อกเทลแล้วกันจ้ะนีน่า”

นีรชาเอี้ยวตัว จับแก้วเครื่องดื่มสีฟ้าที่วางอยู่บนโต๊ะยาว จังหวะเดียวกันนั้นก็มีมือข้างหนึ่งแตะที่แก้วใบนั้นเช่นกัน หญิงสาวรีบปล่อยมือ พร้อมหันมองคนที่ใจตรงกันกับเธอ

“คุณหยิบก่อนเลยครับ” ธัชธรบอกอย่างสุภาพ พร้อมผายมือเชิญให้เธอหยิบเครื่องดื่มแก้วนั้น พอนีรชาหยิบเขาจึงหยิบอีกแก้วที่อยู่ข้างกันขึ้นมา

“ขอบคุณค่ะ”

นีรชายื่นเครื่องดื่มให้แก่ธัญญ่า พี่เลี้ยงนางงามยกขึ้นจิบ พร้อมพูดคุยกับผู้จัดการกองประกวดเกี่ยวกับงานช่วงนี้ของนีรชา

“นั่นคุณภคิณนี่คะ” ธัญญ่าตาไว มองไปเห็นภคิณเดินเข้ามาพร้อมกับเชอร์ลีน ทั้งคู่ควงแขนกันเข้ามาในงาน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองไปอย่างใคร่รู้

ปลิตาและริสาโบกมือให้คนที่มาใหม่เห็น เชอร์ลีนแตะที่ข้อศอกภคิณชี้ให้ดู ชายหนุ่มจึงควงเธอเดินมาหา 

“สวัสดีค่ะบอส” ทุกคนรวมถึงนีรชายกมือไหว้ภคิณ

“สวัสดีครับ มาถึงนานหรือยัง” ภคิณถามทุกคน บนแขนเขายังมีมือเชอร์ลีนเกาะอยู่ 

“ไม่นานค่ะบอส แต่ไปสวัสดีคุณพัชรแล้ว”  ริสาเป็นคนตอบ เธออายุน้อยที่สุดในนี้ 

“งั้นเดี๋ยวไปพร้อมกับผมและเชอร์ลีนอีกแล้วกัน” 

ชายหนุ่มเดินนำขบวนไปหาหญิงวัยย่างหกสิบแต่ดูเหมือนอายุย่างสี่สิบเท่านั้น พอเห็นว่าใครมาหา พัชราก็หันมาทักทายอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีภคิณ” หนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของเพื่อนรักของเธอ ซึ่งก็คือมุกดา 

“สวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับกับการครบรอบปีที่สิบ ขอให้กิจการรุ่งเรืองครับ” ภคิณอวยพรสั้นๆ ให้เพื่อนของมารดา 

“ขอบใจจ้ะ ขอบใจทุกคนด้วยนะที่มาร่วมงาน” โปรยยิ้มให้ทั้งทีมที่มาสวัสดี “เร็วๆ นี้คงได้ร่วมงานกัน”

พอเห็นสีหน้างุนงงของปลิตา พัชราจึงขยายความด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ครบรอบปีที่สิบของนิตยสาร ฉันว่าจะเอานางงามในสังกัดของภคิณนี่แหละมาลงปก” เรื่องนี้ได้เปรยๆ ไว้กับเจ้าของเวทีแล้ว แต่ภคิณยังไม่ได้บอกกับทุกคน เนื่องจากยังไม่เป็นลายลักษณ์อักษร

“รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะคุณพัชร” ปลิตาดีใจ ปกติแล้วคนที่ได้ขึ้นปกนิตยสารของพัชรา มีแต่นางเอกแนวหน้า หรือไม่ก็นางแบบดัง

ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นโอกาสทองของนางงามเธอ

“เตรียมตัวไว้เลย”

ปลิตาเดินเข้ามาหาภคิณด้วยใบหน้าเครียดจัด เนื่องจากแพรวพราวท้องเสียไปร่วมงานเดินแบบการกุศลไม่ได้ เธอเลยต้องรีบหาคนไปแทนด่วน ซึ่งก็คือริสา เพราะว่าหุ่นเท่าๆ กับแพรวพราว จะได้ไม่ต้องปรับแก้ชุด

ผู้จัดการกองเลยฝากนีรชาไว้กับภคิณ เนื่องจากปลิตาเป็นคนไปรับนีรชามาจากคอนโด ส่วนธัญญ่านั้นหายไปตั้งแต่คุยกับคุณพัชราเสร็จ

นีรชาเองก็ไม่ทราบว่าพี่เลี้ยงของตนหายไปไหน มองหาหลายรอบแล้วก็ไม่เจอ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน ถ้ามีธุระด่วนควรจะบอกให้ทราบ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

นีรชาเดินมาหาภคิณและเชอร์ลีน หลังจากที่ปลิตาและริสาออกจากงานไป

ที่จริงเธออยากกลับแล้วด้วยซ้ำ หากผู้จัดการสาวไม่ขอให้อยู่ต่ออีกนิด เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าของงาน 

“นีน่ากินอะไรไหม ตั้งแต่มาพี่ไม่เห็นนีน่ากินเลย” เชอร์ลีนถามไถ่นางงามรุ่นน้อง 

นีรชาดื่มน้ำไปแค่แก้วเดียวก่อนที่ภคิณและเชอร์ลีนจะมาถึง

“นีน่าไม่ค่อยหิวค่ะ พอดีกินก่อนจะออกมาค่ะพี่เชอร์” 

“อ๋อ พี่นึกว่ารักษาหุ่น”

เชอร์ลีนชวนนีรชาคุย หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ดีกว่าอยู่กับภคิณสองคน เท่าที่สัมผัสได้ เชอร์ลีนเป็นคนที่มีเสน่ห์โดยเฉพาะเวลาที่พูด นางงามรุ่นพี่คนนี้สวยขึ้นมาก 

ตอนที่เชอร์ลีนเดินควงคู่มากับภคิณ นีรชาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก 

เชอร์ลีนอ่อนหวาน ภคิณก็สุภาพ 

ภาพนั้นทำให้นีรชาหน่วงที่ใจลึกๆ 

ภคิณยังมีอิทธิพลต่อหัวใจเธอ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น