2

บทที่ 1


หญิงสาวร่างสูงโปร่งสองคนเดินแบกเป้ใบใหญ่สีหม่นเคียงข้างกันออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าภายในสนามบินของรัฐอัลซาดาห์ ดวงตากลมโตสองคู่แยกกันมองซ้ายขวาเพื่อหาป้ายชื่อของตนเอง ครั้นเห็นแผ่นกระดาษที่โบกไปมาเด่นกว่าใคร หญิงสาวทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าโล่งใจ

            “ทางนี้ครับ มิสสิรดา มิสสิรริน” ชายวัยกลางคนก้มศีรษะให้หญิงสาวทั้งสองคนอย่างไม่ลังเล ด้วยรู้ในทันทีว่าหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนกันจนแยกไม่ออกคู่นี้ คือคนที่ตนเองกำลังรอคอย

            “คุณราฟัซ ให้ผมมารับครับ” ชายวัยกลางคนเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม

            “ค่ะ แต่ขอทำธุระส่วนตัวสักครู่นะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งตอบ แล้วหันไปมองหน้าหญิงสาวอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน “เดือน รออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวขอดาวไปเข้าห้องน้ำก่อน”

            “ให้เดือนไปเป็นเพื่อนด้วยไหม” สิรรินถามพี่สาวฝาแฝด

            “ไม่เป็นไร ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นเอง” สิรดาชี้มือไปยังป้ายบอกทางไปห้องน้ำ

            สิรรินพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ จากนั้นแฝดผู้พี่จึงผละเดินตรงไปตามทิศทางที่ป้ายชี้บอก สิรดาใช้เวลาเดินหาห้องน้ำอยู่อึดใจ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยจึงเดินกลับออกมาทางเดิม

            หญิงสาวเดินออกมาตามทางเล็กๆ หน้าห้องน้ำ ก่อนจะมาชะงักยืนนิ่ง เมื่อสายตาสะดุดกับภาพเบื้องหน้าที่ขวางทางเดินของตนเองเข้าพอดี  

            “อะไรจะซี้ดซาดขนาดนั้น” สิรดาพูดพลางส่ายหัวพร้อมกับหยิบแว่นกันแดดสีดำขึ้นมาสวม เพื่อป้องกันภาพอุจาดของคู่ชายหญิงที่ยังไม่รู้ว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาเห็นบทพลอดรักของคู่ตนเอง

            “อืม อืม” สิรดากระแอมส่งสัญญาณสองครั้ง แต่บุคคลทั้งสองเหมือนไม่ได้ยิน จนเธอเริ่มทนไม่ไหว เมื่อตนเองเห็นแวบๆ ว่ามือฝ่ายชายเริ่มออกอาการเลื้อยไม่อยู่นิ่ง

            “คุณคะ คุณ ฉันขอขัดเวลาของพวกคุณนิดหนึ่งนะคะ หยุดจูบกันสักห้าวินาทีเถอะค่ะ ขอทางให้ฉันเดินผ่านสักนิด”

            ชายหญิงคู่นั้นผละออกจากกันทันทีที่สิรดาพูดจบ โดยฝ่ายหญิงยังยิ้มใบหน้าระเรื่อ ส่งสายตาชวนเชิญฝ่ายชายอย่างที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าสิรดาให้เสียเวลา ผิดกับฝ่ายชายที่ตีสีหน้าเรียบนิ่ง และหันมาจ้องหน้าคนขัดจังหวะด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะเบี่ยงตัวเปิดทางให้เธอเดินผ่าน

            สิรดารีบเดินผ่านคนทั้งคู่ออกไป แต่ในจังหวะที่เดินผ่าน เธอรู้สึกเหมือนโดนฝ่ายชายกวาดสายตามองทั่วทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า จนตนเองอดไม่ได้ที่จะฮึดฮัด ต้องบ่นระบายออกมาเป็นชุดด้วยภาษาไทย ยามเมื่อเดินผ่านคนทั้งคู่มาแล้ว

            “คนอะไรหน้าตาก็ดี แต่ไร้มารยาทสุดๆ ที่สาธารณะแท้ๆ กลับมาฟัดกันแบบไม่อายฟ้าอายดิน คงนึกว่าตัวเองกำลังลงแข่งกีฬาในสถานเริงรมย์อยู่ใช่มั้ยเนี่ย ถึงได้วาดลีลาเล่นกันซะเต็มที่ คงกะชิงถ้วยเอาคะแนนเต็ม ถึงไม่สนใจคนอื่นขนาดนั้น แย่! นิสัยเสีย ท่าทางก็ดูเป็นผู้ดีไฮโซ แต่ไม่มีจิตละอายต่อสถานที่ ฮึ อย่างนี้แหละ คนเขาถึงได้พูดกันว่า ยิ่งรวยหน้ายิ่งหนา ไอ้เราก็เพิ่งเคยเห็นกับตา อี๋...ผู้ชายน่ารังเกียจ หน้าเหมือนมนุษย์หื่นกามที่เพิ่งหลุดออกมาจากถ้ำไม่มีผิด”

            ชายหนุ่มที่ถูกพาดพิงถึงหายใจแรงพร้อมกับหันขวับไปจ้องเขม็งใส่แผ่นหลังของหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่เดินผ่านไปด้วยแววตากรุ่นโกรธไม่พอใจ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไทย และกำลังด่าลับหลังเขาด้วยภาษาไทย ภาษาที่เขารู้ความหมายทุกถ้อยคำอย่างไม่มีตกหล่น   

            “คุณชามาล์เป็นอะไรไปคะ” ทรีน่า สาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงนางงามปีล่าสุด คู่ควงหมาดๆ ของชามาล์ อัลบารอม ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเครียดขึงของชายหนุ่ม

            “ไปซะ!” ชามาล์กระชากเสียงห้วนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

            “อะไรนะคะ...” ทรีน่าถามเสียงตื่นตระหนก แววตาสาวสวยดูตกใจระคนงุนงง ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าทำไมถึงทำท่าไม่พอใจ ทั้งๆ ที่เขาก็ดูเหมือนจะพอใจในตัวเธอไม่น้อย  

            สีหน้ามึนตึง ดวงตาฉายแววไร้เยื่อใยของชายหนุ่ม ทำให้นางงามสาวสวยถึงกับตัวชา ไม่ผิดที่ใครๆ ต่างบอกว่า ชามาล์ อัลบารอม ไม่เคยเห็นผู้หญิงอยู่ในสายตา หญิงสาวที่เขาควงเป็นได้แค่ไม้ประดับฉาก ไร้รัก ไร้ความสัมพันธ์ยืนยาว แต่คนอย่างทรีน่าที่เคยสู้มาทุกรูปแบบไม่มีทางยอมแพ้หรือหวาดหวั่นต่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้

            เพราะถ้าเธอสามารถสยบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้มาหยุดที่ตัวเธอได้เมื่อไร ความร่ำรวยมากมายมหาศาลของตระกูลอัลบารอมจะทำให้เธอได้ทุกอย่างตามที่เธอต้องการ ฉะนั้นขอเพียงเธออดทน จนเข้าไปเป็นนายหญิงของอัลบารอมได้ ชีวิตนี้ของเธอก็ไม่ต้องกลัวตกอับ ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกายเหมือนที่ผ่านมา

            “แล้วทรีน่าจะติดต่อไปหาคุณวันหลังนะคะ” ทรีน่ายิ้มหวาน พูดจบก็ผละออกไปอย่างไม่อิดออด ด้วยรู้ดีว่าผู้ชายอย่างชามาล์ไม่ชอบผู้หญิงเซ้าซี้ ดังนั้นในเวลานี้เธอควรถอยตามความต้องการของเขาจะเป็นการดีที่สุด

            ชามาล์ไม่สนใจคนที่เดินผละจากไป แต่กลับหันไปมองตามหลังหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่กำลังจะเดินลับหายไปจากสายตา คล้ายจะจดจำร่างบอบบางนี้เอาไว้ในใจ...วันนี้เธอรอดตัวได้เพราะความโชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทย แต่หากวันใดที่เธอเกิดโชคร้าย ต้องกลับมาพบเจอกับฉันอีกครั้ง เธอจะต้องเสียใจในคำพูดวันนี้ของเธอ

            สิรดาเดินบ่นเบาๆ มาตลอดทางตั้งแต่เดินผ่านคู่รักบ้ากามที่ดันเกิดอารมณ์พิศวาสนัวเนียกันอยู่หน้าห้องน้ำอย่างไม่เกรงใจใคร ผู้หญิงก็หน้าตาสวย ผู้ชายก็หน้าตาพอทนดูได้ แต่มารยาทแย่มาก โดยเฉพาะฝ่ายชายที่ยังกล้าใช้สายตาเหยียดมองเธอ ราวกับว่าเธอเป็นคนผิดที่เดินเข้ามาเห็นบทรักของเขาเอง

            “ดาวเป็นอะไรหน้าหงิกเชียว” แฝดผู้น้องเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของคนที่เพิ่งเดินกลับมาจากห้องน้ำ

            “ไปเจอภาพอุจาดมา แต่อย่าไปพูดถึงมันเลย แค่คิดดาวก็สยดสยองพอแล้ว” สิรดาห่อปาก ทำท่าสยดสยองให้น้องสาวฝาแฝดดู

            “ดาว ตกลงเจอเรื่องสยดสยอง หรือว่าเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงหน้าแดงแบบนั้น” สิรรินหลุดหัวเราะกับท่าทางกระอักกระอ่วนและใบหน้าแดงก่ำของแฝดผู้พี่

            “หน้าแดง!” สิรดาตกใจ รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองหน้าร้อนนิดๆ “เดินมาไกล มันร้อนน่ะ”

            สิรดาทำท่าโบกมือพัดเหมือนคนร้อน แต่ในใจย้อนไปหมั่นไส้และกล่าวโทษคู่ต้นเหตุที่ทำอะไรประเจิดประเจ้อกลางที่สาธารณะแบบนั้น

            “ถ้าเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเลยนะครับ...เชิญครับ” พูดจบชายวัยกลางคนที่ได้รับมอบหมายให้มารับหญิงสาวก็เดินนำทั้งคู่ไปขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่หน้าสนามบิน สองพี่น้องหันมามองหน้ากันเล็กน้อย สิรดาส่งยิ้มให้น้องสาว สิรรินยิ้มตอบ จากนั้นทั้งคู่จึงเดินตามไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

            ครึ่งชั่วโมงต่อมา

            “เดือนกลัวจะทำไม่ได้จัง” สิรรินเอ่ยปากบอกพี่สาวฝาแฝดเมื่อรถยนต์กำลังจะเลี้ยวเข้าไปจอด ณ อาคารสูงแห่งหนึ่ง

            “ไม่หรอกน่า เราสองคนอุตส่าห์เรียนภาษาอัลซาดาห์มาตั้งหกเดือน พูดได้ ฟังได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เจ้านายของเดือนก็เข้าใจดีว่าเราเป็นคนไทย รับรองเดือนทำได้แน่นอน เชื่อดาวเถอะ” สิรดาสร้างความมั่นใจให้น้องสาว 

            “เดือนต้องขอโทษดาวด้วยนะ ที่ต้องทิ้งงานดีๆ ที่เมืองไทยเพราะต้องมากับเดือน” สิรรินพูดอย่างเสียใจ ที่เป็นต้นเหตุให้พี่สาวฝาแฝดปฏิเสธงานเหล่านั้นไป

            “ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวดาวจะหางานที่นี่ทำเอง อย่าลืมสิ เราเป็นพี่น้องที่รักกันที่สุดในโลก เรื่องแค่นี้ ไม่ทำให้เราต้องห่างไกลกันหรอก ยังไงดาวก็ต้องมากับเดือนอยู่แล้ว แล้วท่าทางงานที่นี่จะได้เงินดีไม่น้อย ดูอย่างเดือนสิเป็นเลขาฯ ยังได้เงินเดือนตั้งเกือบแสน เราสองคนก็อยู่ตั้งตัวกันสักปีสองปีแล้วค่อยกลับเมืองไทยก็ได้ ไม่มีปัญหา” สิรดายิ้มกว้าง เธอสืบข้อมูลเชิงลึกทั้งว่าที่เจ้านายของน้องสาวและบริษัทที่น้องสาวเธอจะมาทำงานเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างโปร่งใสไม่มีปัญหา แต่เพื่อความไม่ประมาทเธอจำเป็นต้องตามมาด้วย เพราะเธอไม่มีทางยอมปล่อยให้น้องสาวเดินทางมาทำงานที่อัลซาดาห์เพียงคนเดียวแน่นอน สิรรินเป็นคนเรียบร้อย หัวอ่อน ไม่สู้คน เธอจึงไม่ไว้ใจให้สิรรินมาอยู่ต่างแดนตามลำพัง   

            เมื่อรถยนต์จอดที่ชั้นจอดรถเรียบร้อย ชายที่มารับสิรดากับสิรรินก็พาทั้งคู่เดินไปยังลิฟต์และขึ้นไปยังชั้นบน เพื่อไปรายงานตัวต่อเจ้านายว่าพนักงานใหม่ที่รับมาจากสนามบินได้เดินทางมาถึงแล้ว

            “เชิญครับ คุณราฟัซรออยู่ด้านในครับ” ชายวัยกลางคนยิ้ม เปิดประตูให้หญิงสาวเดินเข้าไป 

            สิรดาเดินตามน้องสาวเข้าไปด้วย อย่างน้อยเธอต้องเข้าไปแสดงตัวให้เจ้านายของน้องสาวรู้ว่า น้องของเธอไม่ได้มาคนเดียว จะมารังแกกดขี่เหมือนสิรรินเป็นคนพลัดถิ่นหัวเดียวกระเทียมลีบไม่ได้

            ชายหนุ่มนัยน์ตาสีดำสนิทเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารเบื้องหน้า จ้องมองหญิงสาวทั้งสองที่เดินเข้ามาด้วยสายตาคมเข้ม พร้อมกับเอ่ยปากเชื้อเชิญ “เชิญครับ”

            สิรดากับสิรรินยกมือไหว้ชายหนุ่มตามมารยาทที่ดีของคนไทยด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่จัดวางไว้เบื้องหน้า สิรรินยื่นแฟ้มประวัติส่วนตัวให้ว่าที่เจ้านาย ซึ่งรับไปเปิดดูเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับหญิงสาวด้วยท่าทางเป็นกันเอง

            “งานของคุณสิรรินก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ติดต่อประสานงานระหว่างทางผมกับทางเมืองไทย ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ทางเราขอให้คุณสิรรินมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ” ราฟัซร้องขอกึ่งบังคับหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าให้มาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้

            “ได้ค่ะ” สิรรินพยักหน้ารับคำด้วยความเต็มใจ

            “ไม่ให้พักผ่อนจัดข้าวของสักวันหรือคะ” แฝดผู้พี่เอ่ยแทรกขึ้น

            “ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณสิรดา พอดีช่วงนี้ทางผมมีงานเร่งด่วน ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะจัดแม่บ้านให้ไปคอยช่วยคุณสิรดาจัดของ คงไม่ว่าอะไรนะครับ” ราฟัซหันมายิ้มให้สิรดา

            “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องก็ได้ ของของเราสองคนมีไม่มากนัก ฉันจัดคนเดียวได้” สิรดามองหน้าน้องสาว แค่เห็นสีหน้า เธอก็รู้แล้วว่าน้องสาวเธอมีความกระตือรือร้นอยากเริ่มงานมากแค่ไหน

            “ผมขอแสดงความยินดี และขอต้อนรับผู้ร่วมงานคนใหม่ของเรา” ราฟัซลุกขึ้นยืน และยื่นมือมาให้สิรริน หญิงสาวยิ้มขอบคุณพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่ม และในทันทีที่สองมือประสานกัน ราฟัซก็ส่งยิ้มให้ ในที่สุดเวลาเกือบปีที่เขารอคอยก็มาถึงแล้ว...

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น