6

บทที่ 6


6

บดินทร์ฉัตรแวะมาเยี่ยมลูกสาวแต่เช้าพร้อมขนมและผลไม้มากมาย หนูน้อยยิ้มแป้นต้อนรับเขา ผิดกับลลนา แววตาหล่อนบอกชัดเจนว่าไม่เต็มใจต้อนรับ พัทนีมีงานที่ออฟฟิศแต่เช้า เขาจึงได้อยู่ที่บ้านกับลูกและอดีตภรรยาของเขาตามลำพัง

หญิงสาวเปิดการ์ตูนเรื่องโปรดของเลศยาที่ห้องรับแขก ก่อนที่หล่อนจะเลี่ยงออกไป ปล่อยให้เขาได้นั่งอยู่กับลูกสาวตามที่เขาต้องการ

บดินทร์ฉัตรรู้ว่าลลนาจงใจหนีหน้า และยิ่งหล่อนหนี เขาก็ยิ่งเข้าใกล้ ถ้าลลนาไม่ได้อยู่ด้วยกันตรงนี้ จะบรรลุความประสงค์ได้อย่างไร เขาอยากให้หล่อนเป็นทุกข์ อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยของหล่อนยามลูกสนใจพ่อมากกว่า

“น้องไลท์อยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพ่อไปเอาขนมอร่อยให้”

 

บดินทร์ฉัตรกอดอกพิงประตูครัว มองลลนาล้างจานกองโตอย่างคล่องแคล่ว นับเป็นเรื่องแปลกเพราะเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ลลนาที่เคยรู้จักเป็นผู้หญิงเร่าร้อนรักสนุก ไม่สนงานบ้านงานเรือน หล่อนไม่เคยปล่อยให้ใบหน้าจืดชืดไร้สีสัน ผมเผ้าก็จัดทรงได้ลงตัว ไม่ใช่มัดหนีบเอาไว้ลวกๆ อย่างเช่นตอนนี้

เขาจำได้ไม่เคยลืม ครั้งแรกที่พบกัน เขาสะดุดตากับรูปหน้าสวยสง่าและเรือนร่างเย้ายวนที่บิกินีตัวน้อยปิดไว้ไม่มิด จริตมารยาของหล่อนนั้นร้ายนัก หลอกล่อให้เขาหลงรักหัวปักหัวปำ ซ้ำยังลืมไม่ลงจนบัดนี้ บดินทร์ฉัตรเชื่อได้ยากว่าลลนาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ผู้หญิงหัวนอก รักอิสระ ผ่านผู้ชายมานักต่อนัก คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอดอยากปากแห้ง

“ต้องล้างเองทำไมเล่า เรียกพนักงานคนโปรดมาทำให้ก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่เหนื่อย”

พัทนีบอกว่าคัมภันคือพนักงานของรีสอร์ต แต่บดินทร์ฉัตรเชื่อว่าต้องเป็นมากกว่านั้น หมอนั่นขี้ริ้วขี้เหร่เสียที่ไหน

“ฉันไม่เข้าใจหรอกว่าคุณหมายถึงใคร อย่ามาเกะกะค่ะ ฉันจะรีบทำงานให้เสร็จ”

ลลนาขยับหนีเมื่อบดินทร์ฉัตรขยับเข้าใกล้ ท่าทางรังเกียจทำให้เขาไม่พอใจ หล่อนเคยต้องการเขา เราเคยมีความสุขในรสสวาทที่ไม่เคยลืม

“แต่ก่อนเราเคยใกล้กันมากกว่านี้ ลืมไปแล้วเหรอ หรือต้องให้ทวนความจำกันสักหน่อย”

บดินทร์ฉัตรฉวยโอกาสเบียดลลนาให้จนมุม หล่อนดันอกเขาเอาไว้ จ้องสู้ด้วยตาแข็งกร้าว จากกันไปเกือบห้าปีแล้ว แต่หัวใจเขายังเต้นแรงทุกครั้งยามอยู่ใกล้ลลนา เขาดีใจหรือที่ได้เห็นหน้าผู้หญิงหลอกลวงอีกครั้ง สุขใจหรือที่ได้สัมผัสแนบชิดกัน

‘ไม่!’ เสียงดังลั่นในใจแท้ๆ แต่ทำไมเขาไม่ยอมหนีไปให้ไกลจากหล่อนเสียที

“ถอยออกไปค่ะ”

“ผู้ชายคนใหม่เร้าใจกว่ารึไง แต่ก่อนไม่เห็นปฏิเสธ”

เขาหมั่นไส้ท่าทีสะดีดสะดิ้ง มันเจ็บเมื่อตาสวยกลับแข็งกร้าวใส่ทั้งที่ในอดีตเคยมองเขาอย่างหวานฉ่ำ น้ำเสียงนั่นก็เช่นกัน เคยออดอ้อนไพเราะอยู่ทุกนาที

“หยุดดูถูกฉันสักทีเถอะ ถอยออกไป!”

ลลนาขึ้นเสียง ออกแรงผลัก แต่บดินทร์ฉัตรกลับคว้าสองมือหล่อนไว้แล้วดันร่างอ่อนแอกว่าชิดผนัง เขาจ้องหน้าหล่อนนิ่ง แรงหล่อนมากเท่าใดก็สู้แรงชายอย่างเขาไม่ได้

 

“ลืมผมได้จริงๆ เหรอ”

“อย่ารื้อฟื้นเลยค่ะ เรื่องของเรามันจบแล้ว”

ลลนาตอบไม่ตรงใจนัก บดินทร์ฉัตรแปลบลึกในอก ด้วยหวังคำตอบที่มีความหมาย ไม่ใช่คำพูดและแววตาที่แสนเฉยชาห่างเหิน เขายังรับความจริงไม่ได้ เมื่อเยื่อใยที่ควรจะเหลือกลับไม่มีให้เห็น ลลนาตัดเขาได้สิ้นจากชีวิตและหัวใจของหล่อน ราวว่าที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษใดกับเขาเลย คงเหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังบ้าบอและทรมานอยู่เพียงลำพัง

“จบง่ายดีนะ แล้วถ้าผมไม่ต้องการให้มันจบล่ะ”

ทั้งสองฟาดฟันกันด้วยสายตาที่เจือไปด้วยเงาอดีตหวานหอมและโหดร้าย ลลนาเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเขา แต่ไม่ทันได้พูดอะไร เพราะเสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกชื่อหล่อนที่หน้ารั้วบ้านทำให้บดินทร์ฉัตรยอมคืนอิสรภาพให้อดีตภรรยา และเดินตามออกไปดูจนได้รู้ว่าใครคือก้างชิ้นโต เห็นหญิงสาวยืนคุยกับคัมภัน แต่เรื่องอะไรนั้นเขาไม่ได้ยิน รู้แค่ว่าหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมของคนทั้งคู่ ยิ่งเห็นแววตาอ่อนโยนของคัมภันยามมองลลนา ยิ่งมั่นใจว่าไอ้สวะนั่นคิดเกินเลยกว่าเจ้านายลูกน้องแน่นอน 

 

คัมภันเต็มใจเมื่อพัทนีไหว้วานให้มาตามลลนาที่บ้าน ป้าเป็นห่วงหลานสาว เช่นเดียวกับเขาเองที่แสนห่วงลลนา เขาเห็นบดินทร์ฉัตรขับรถเข้ารีสอร์ตมาตั้งแต่เช้า จนสายป่านนี้ก็ยังอยู่กับลลนาและลูกสาวตามลำพังในบ้าน

“คุณพัดอยากให้คุณรันช่วยไปซื้อของที่ห้างแทน เห็นบ่นว่าปวดขา ไม่อยากไปเดินนานๆ แล้วจะช่วยดูแลน้องไลท์แทนครับ”

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ”

สีหน้าของลลนาดูวิตกไม่น้อย หญิงสาวเดินเคียงเขากลับไปที่ออฟฟิศ คุยรายละเอียดกับพัทนี เรียบร้อยดีก็รับสมุดบันทึกรายการมาถือเอาไว้

“ให้พ่อภันขับรถให้แล้วกัน จะได้ไปช่วยรันขนของ”

“ฝากยายไลท์ด้วยนะคะป้า”

“ไม่ต้องห่วงหรอก เชื่อมือป้าเถอะ”

ตาสวยของลลนาดูเศร้า ความกังวลยังกระจ่างอยู่บนใบหน้า การปรากฏตัวของบดินทร์ฉัตรนำมาแต่ความทุกข์ที่ขยายวงกว้างลุกลามใจผู้เกี่ยวข้อง รวมไปถึงหัวใจของเขา คัมภันไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเดือดเป็นร้อนกับความรู้สึกของลลนา รวมถึงปัญหาใหญ่ที่หล่อนกำลังเผชิญ เขาพูดเองแท้ๆ ว่าความผูกพันมันเกิดขึ้นได้ไม่ง่าย แล้วไยเขาจึงรู้สึกผูกพัน ห่วงใย ทั้งที่เพิ่งรู้จักหล่อนได้ไม่นาน

คัมภันรีบห้ามหัวใจไม่ให้คิดเลยเถิด เขาปรารถนาดีต่อหล่อนได้ แต่ไม่ควรคิดไปไกลกว่านั้น อนาคตเขายังไม่รู้จุดหมาย ลูกจ้างรายวันจะยกระดับชั้นเทียบผู้เป็นนายได้อย่างไร แทบเป็นไปไม่ได้เลย

 

กว่าจะเลือกซื้อของใช้ตามรายการได้ครบก็เลยมื้อกลางวันมาร่วมชั่วโมง ลลนาโทร. หาพัทนีเพื่อให้แน่ใจว่าลูกสาวได้รับยาหลังอาหารตามที่หมอสั่งครบถ้วน และอดที่จะถามถึงบดินทร์ฉัตรไม่ได้ เขายังไม่ยอมไปไหน พัทนีจึงเสนอให้หลานสาวแวะซื้อของแต่งสวนและไม้ดอกไม้ประดับ เพราะยังมีอีกหลายมุมในรีสอร์ตที่ต้องจัดแต่ง ลลนาเข้าใจจุดประสงค์ของป้าดี เพราะหล่อนเองก็เหนื่อยใจเหลือเกินที่ต้องเผชิญหน้ากับคนในอดีต

“เดี๋ยวแวะกินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ ฉันหิวแล้ว”

คัมภันขนของขึ้นท้ายกระบะเรียบร้อยจึงรับคำสั่ง ร้านอาหารที่ลลนาบอกไม่ได้หรูหราอยู่บนห้างสรรพสินค้า แต่หล่อนเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในซอยไม่ไกลกันนัก รัชชานนท์เคยพามาฝากท้องที่นี่หลายครั้ง หล่อนชอบก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นที่เนื้อยุ่ยและรสชาติถึงเครื่อง ยิ่งเพิ่มลูกชิ้นหมูแท้ลูกโต รับรองได้ว่าคัมภันจะถูกใจ หล่อนเลือกที่นั่งชั้นบนของร้าน ซึ่งมีลูกค้าเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น

“กินหมดเหรอครับ”

คัมภันถามเมื่อก๋วยเตี๋ยวชามโตสองชามวางเสิร์ฟตรงหน้าหล่อน

ลลนาไม่ได้สั่งให้ตัวเอง แต่หล่อนเลื่อนก๋วยเตี๋ยวอีกชามไปตรงหน้าเขา ตอนขับรถออกจากห้างสรรพสินค้า หล่อนแอบได้ยินเสียงท้องเขาร้องท้วงเบาๆ ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวที่เขาสั่ง ลลนาจึงคิดว่าเขาคงไม่อิ่ม

“ของคุณค่ะ เดี๋ยวต้องขนของอีกเยอะ คุณต้องกินเยอะๆ นะคะ”

“เรายังซื้อของไม่ครบเหรอครับ”

“ป้าพัดอยากได้ต้นไม้กับของแต่งสวนเพิ่มน่ะค่ะ คงต้องแวะดูกันอีกสองร้าน”

คัมภันยิ้มรับแล้วลงมือจัดการก๋วยเตี๋ยวสองชามตรงหน้า เขาปฏิเสธเครื่องปรุงที่หล่อนเลื่อนให้ และยังหวังดีเตือนให้หล่อนลดพริกป่นช้อนโตที่กำลังจะเทลงชาม

“เดี๋ยวปวดท้องนะครับ เมื่อเช้าคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

ลลนาวางช้อนตักพริก ไม่ได้ถามว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าท้องหล่อนว่างมาตั้งแต่เช้า ผู้ชายคนนี้ช่างสังเกต บ่อยครั้งก็ทำเหมือนอ่านความคิดหล่อนได้ เขาดูเข้าใจทุกเรื่องได้ง่ายโดยที่หล่อนไม่ต้องอธิบายอะไร

“เพิ่มอีกได้นะคะ ดูเหมือนคุณจะไม่อิ่ม”

ลลนาแกล้งแซ็วเมื่อคัมภันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาอิ่มนานแล้ว ซ้ำยังฝืนกินลูกชิ้นอีกครึ่งลูกที่หล่อนยกให้ หล่อนไม่ได้บังคับ แค่เปรยๆ ว่าเสียดาย ไม่อยากจะทิ้งให้เสียของเท่านั้น

“แค่นี้ก็ต้องปลดเข็มขัดแล้วครับคุณรัน”

เขาใช้ทิชชูเช็ดปากแล้วรินน้ำเติมลงแก้วหล่อน รูปร่างหน้าตาอย่างเขา จับใส่สูทผูกไทคงดูดีไม่เบา เมื่อใบหน้าคมคายเกลี้ยงเกลาปราศจากหนวดเครารก เขาก็ดูไม่เหลือคราบหนุ่มชาวเรือสักนิด สังเกตได้จากตาหลายคู่ของสาวๆ ในห้างสรรพสินค้า บางคนถึงขั้นมองตามคัมภันจนเหลียวหลัง แต่ดูเหมือนว่าหูตาเขาจะไม่แพรวพราว ลักษณะของคัมภันไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ เขาไม่เคยชายตามองสาวคนไหน แต่หากเป็นเด็กเล็ก เขาจะมองนิ่งๆ และยิ้มกริ่มอยู่ตามลำพัง

“หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึเปล่าครับ”

ลลนาสะดุ้งเพราะเผลอสำรวจเขาอยู่นาน หล่อนปฏิเสธว่าไม่มีอะไรและเรียกเก็บค่าอาหาร ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นจุดหมายแรกของภารกิจในช่วงบ่ายนี้

 

ร้านศิลาดลที่อำเภอใกล้เคียงมากมายด้วยของตกแต่งบ้านและสวน ลลนาเพลิดเพลินกับการเลือกอ่างน้ำพุและตุ๊กตาปูนปั้นนานาชนิด หล่อนให้คัมภันช่วยตัดสินใจ เลือกระหว่างเป็ดน้อยกับกุ๊กไก่ ตุ๊กตาปูนปั้นที่พร้อมหน้าพร้อมตาไปด้วยพ่อแม่ลูก

“เอาแค่แม่กับลูกก็พอค่ะ เป็ดสีนี้น่ารักดี ยายไลท์คงชอบ ฉันจะเอาไปวางที่สนามหญ้าข้างบ้าน คุณว่าไงคะ”

คัมภันพิจารณาแม่เป็ดตัวโตกับลูกน้อยทั้งสามที่ตัวขาวผ่อง ไล่สีเขียวอ่อนอมเหลืองช่วงปีกและหาง แล้วหยิบเป็ดปูนปั้นสีสวยตัวโตอีกตัวมาวางข้างๆ กัน ลลนาคงไม่พอใจ หล่อนค้อนเขาแล้วบอกว่า

“ไม่เอาพ่อเป็ด!”

“ไม่ใช่พ่อครับ พี่เลี้ยงลูกเป็ด” คัมภันยิ้มเมื่อลลนาเอียงหน้าแล้วขมวดคิ้ว

“แม่เป็ดมีลูกตั้งหลายตัว มีพี่เลี้ยงช่วยเลี้ยงลูกด้วย จะได้ไม่เหนื่อยมาก ไม่ดีหรือครับ”

“แต่พี่เลี้ยงลูกเป็ดต้องมีหลายตัวนะคะ”

ลลนาหัวเราะเบาๆ คงเข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงอะไร คัมภันไม่ได้เจาะจงว่าเป็ดพี่เลี้ยงอีกตัวคือใคร และไม่ได้บอกว่าบางทีพี่เลี้ยงอาจเลื่อนสถานะขึ้นเป็นอื่นอีกก็ได้

“สรุปเอาหมดนี่นะครับ แม่เป็ด ลูกเป็ด พี่เลี้ยงลูกเป็ด”

ทั้งสองยิ้มให้กัน เป็นความรู้สึกดีที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นทีละนิดในใจของคัมภัน นานแล้วนับแต่ภรรยาทิ้งไป เขาไม่คิดจะสุงสิงกับผู้หญิงคนใดอีกเลย เขาหลีกหนีจากสภาพเดิมๆ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ อีกทั้งยังปิดหัวใจตัวเองเพราะกลัวความผิดหวัง

ชีวิตครอบครัวเขาพังมาครั้งหนึ่งแล้ว บทเรียนเจ็บปวดช่วยสอนว่าควรทำอย่างไรไม่ให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย ถ้าเขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน เขาจะไม่ใจร้อนหลงรูปอย่างเมื่อครั้งวัยรุ่นที่เคยผ่านมา เขาจะให้หัวใจได้เรียนรู้และเป็นตัวตัดสินว่า ผู้หญิงคนใดจะได้ก้าวเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจเขาเป็นลำดับต่อไป

 

บ่อยครั้งที่บดินทร์ฉัตรชะเง้อมองหน้าบ้าน ความกระวนกระวายเกิดขึ้นตั้งแต่รู้ว่าลลนาออกไปซื้อของกับคัมภัน หลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับเข้ามา หมาหวงก้างเป็นเช่นไร พัทนีเข้าใจว่าบดินทร์ฉัตรคงเป็นเช่นนั้น เขาดูแลลูกสาวได้ แต่ไม่ดีนัก เพราะใจยังกังวลเรื่องลลนากับผู้ชายคนอื่น คำถามแต่ละคำถามของเขาหนีไม่พ้นเรื่องของคัมภัน รวมถึงหนุ่มๆ ต่างแดนที่เขาเชื่อว่าลลนาต้องเปลี่ยนหน้าควงไม่เคยซ้ำตามนิสัย

“คุณไม่เชื่อจริงๆ เหรอว่าหลานฉันเปลี่ยนไปแล้ว”

“เชื่อยากครับ”

พัทนีหมดคำอธิบาย บดินทร์ฉัตรก่อกำแพงทิฐิสูงลิบ ตั้งธงในใจแล้วว่าลลนายังเป็นผู้หญิงเหลวแหลกคนเดิม เมื่อเขาเป็นเช่นนี้ เหตุผลดีๆ คงยากจะฟังกันได้

“แล้วคุณจะอยู่ทานมื้อเย็นกับเราด้วยไหม”

“คงไม่ละครับ อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว”

พัทนีไม่ได้ซักอะไรต่อ โทรศัพท์ไปหารัชชานนท์ที่ออฟฟิศ ไหว้วานให้ช่วยบอกคัมภันว่าเมื่อกลับมาแล้วให้มาพบที่บ้านเพราะมีงานซ่อมเล็กๆ ให้ช่วยสะสาง

“เมื่อไหร่แม่รันจะกลับมาคะ”

เลศยาผละจากกองของเล่นมานั่งข้างๆ พัทนี พ่ออยู่ด้วยทั้งคน แต่เขาไม่อาจมัดใจลูกสาวเอาไว้ได้ หนูน้อยยังงอแงถามหาแม่ บ้างก็เล่าเรื่องของลุงภันอย่างชื่นชม ทำให้บดินทร์ฉัตรยิ่งหงุดหงิด

“เดี๋ยวก็มาแล้วละลูก เข้าครัวช่วยยายเด็ดผักดีไหม”

เลศยายิ้มถูกใจ รีบเดินตามพัทนีเข้าครัว หนูน้อยปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ประจำ รอให้พัทนีวางโหระพาสองกำลงตรงหน้า ยายพัดสอนเด็ดใบโหระพาใส่กะละมังใบเล็ก เลศยาหัวไวทำได้ถูกใจพัทนีนัก แม้บางใบจะช้ำจะขาดไปบ้าง แต่มั่นใจว่าหลานตัวน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

 

ข้าวของเครื่องใช้จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบในห้องเก็บของที่แม่บ้านประจำรีสอร์ตดูแล คัมภันช่วยสาวๆ ยกของมากมายลงจากรถ เขาแข็งแรง คล่องแคล่ว กล้ามเนื้อแน่นเห็นชัดเจนเมื่อออกแรงยกของหนักให้สาวๆ ได้เอ่ยแซ็วกันอย่างสนุกปาก ลลนาอมยิ้มเมื่อผู้ชายตัวใหญ่อายม้วนจนหน้าแดง แล้วรีบเดินหนีมือไม้ของสาวใหญ่ที่ซุกซนจับกล้ามท้องเล่น

“พอได้แล้วพวกหล่อน อย่ามายุ่งกับผู้ชายของเจ๊”

รัชชานนท์แสร้งสวมบทบาทสาวประเภทสอง เรียกเสียงหัวเราะได้ครื้นเครง เป็นภาพที่ชวนขนลุกเมื่อหนุ่มหน้าหวานเกาะแขนคัมภันแล้วเอียงหน้าลงซบ ลลนาคุ้นเคยกับความขี้เล่นของรัชชานนท์ดี แต่คัมภันคงไม่ชิน เขาทำตาโตแล้วมองรัชชานนท์หน้าตื่นทีเดียว

“ช่วยด้วยครับคุณรัน”

คัมภันสลัดมือรัชชานนท์ออกแล้ววิ่งมาหลบหลังเมื่อลลนาก้าวเข้าไปใกล้ หญิงสาวใช้สายตาปรามหนุ่มหน้าหวาน ส่วนสาวๆ ก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน สี่โมงครึ่งแล้ว ใกล้เวลาเลิกงาน แต่คัมภันยังต้องแวะไปที่บ้านลลนาตามคำสั่งของพัทนี

“เห็นหน้าภันไหมรัน ซีดเป็นไก่ต้มเลย สงสัยจะกลัวนนท์จริงๆ”

คัมภันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว รัชชานนท์จึงหันมาชวนคุย

“ถ้าเขาลาออก รันจะบอกป้าพัดว่านนท์ทำให้เขากลัว”

“ก็แค่ขำๆ จริงจังไปได้น่า”

“เขากลับไปแล้วใช่ไหม”

รัชชานนท์พยักหน้า รู้ว่าลลนาหมายถึงใคร บดินทร์ฉัตรเพิ่งกลับไป คลาดกับลลนาเพียงไม่กี่นาที

“ถ้าเขามาทุกวัน รันจะรับมือไหวเหรอ”

สองเพื่อนซี้กลับเข้ามานั่งสนทนากันในออฟฟิศ ประเด็นที่เปิดเอาไว้เคร่งเครียด รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสองเลือนไปจนสิ้น

“ไม่ไหวก็ต้องไหวละนนท์ รันทำกับเขาเอาไว้มาก ก็คงต้องทนๆ ไป”

“แล้วถ้าเขาจะพาน้องไลท์ไป”

“เขาจะร้ายกับรันยังไงก็ได้ รันทนได้ แต่ถ้าเขาคิดจะพรากลูกไปจากรัน รันก็จะไม่ไว้หน้าเขา นนท์ก็รู้ ลูกคือชีวิตของรันนะ”

รัชชานนท์ตบหลังมือที่กำแน่นเบาๆ ตาสวยของลลนาแข็งกร้าวขึ้นทันที ยอมรับว่าเขาเองไม่สบายใจเลยเมื่อบดินทร์ฉัตรกลับเข้ามาในชีวิตของลลนาอีกครั้ง และดูเหมือนปัญหาใหญ่หลวงนี้จะไม่สามารถคลี่คลายได้ในเร็ววัน เขาเองเปรียบเสมือนคนนอก ทำได้แค่เป็นหูเป็นตา ช่วยดูแลเลศยาให้ปลอดภัยจากความคิดร้ายของบดินทร์ฉัตร จุดอ่อนของลลนาคือลูกสาว และเขาเชื่อว่าบดินทร์ฉัตรจะเห็นประโยชน์จากการใช้เลศยาเป็นเครื่องมือ

“นนท์กับป้าจะช่วยดูแลน้องไลท์เอง รันไม่ต้องห่วงนะ”

รัชชานนท์เชื่อว่านอกจากเขากับพัทนีแล้ว ยังมีคัมภันอีกคนที่เต็มใจช่วยเหลือ เขากับพัทนีเห็นพ้องกันว่าคัมภันดูแลความปลอดภัยให้ลลนาและลูกได้ เท่าที่รู้จัก หนุ่มชาวเรือคนนี้นิสัยดี อัธยาศัยดี ไว้ใจได้ และฝีไม้ลายมือไม่เบา ถ้าบดินทร์ฉัตรคิดการไม่ดีกับลลนาและลูก รัชชานนท์มั่นใจว่าคัมภันจัดการได้อย่างแน่นอน

 

“วันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะพ่อภัน ยายไลท์แสดงฝีมือเด็ดใบโหระพาด้วยตัวเองเลยนะ”

                พัทนีหยิบยื่นน้ำใจให้ นางไหว้วานให้คัมภันช่วยเปลี่ยนก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำสองห้องแทนตัวเก่าที่ปิดได้ไม่สนิท รวมถึงแก้ไขปัญหาอ่างล้างจานอุดตันเพราะมีเศษอาหารลงไปติดค้าง

“น้องไลท์ช่วยยายพัดทำกับข้าวด้วยค่ะ”

เลศยาอยู่ไม่ห่างเลยตั้งแต่คัมภันมาถึง หนูน้อยดูตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มมากกว่าเห็นพ่อของตัวเอง ถึงวัยจะต่างกันมาก แต่คัมภันสามารถทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยภาษาเดียวกันกับเลศยาได้

พัทนีแปลกใจในความสนิทสนมของคนทั้งคู่ นับเป็นเรื่องดีที่ลลนาต้องรู้ว่าเลศยาไม่ได้โหยหาพ่ออย่างที่หญิงสาวนึกกังวลสักนิด มองดูแล้วหนูน้อยดูมีความสุขเมื่ออยู่กับคัมภันมากกว่าอยู่กับบดินทร์ฉัตรเสียอีก

“วันนี้ไปดูปูเสฉวนไหมคะ”

“วันนี้ค่ำแล้วค่ะ เอาไว้เราไปพรุ่งนี้ดีกว่านะ”

พัทนีอมยิ้มเมื่อได้ยินคัมภันพูดจาคะขา นางปล่อยให้ทั้งสองนั่งเล่นกันตามลำพังที่ห้องรับแขก เพื่อปลีกตัวไปจัดเตรียมโต๊ะอาหาร

 

มื้อเย็นของบ้านคึกคักมากกว่าทุกวันเพราะมีคัมภันและรัชชานนท์เข้าร่วม เลศยาไม่ยอมนั่งเก้าอี้ติดกับแม่รัน แต่ขออนุญาตนั่งคั่นกลางคัมภันกับรัชชานนท์ ให้สองหนุ่มได้ผลัดกันบริการเอาใจ หนูน้อยดูมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน อีกทั้งยังเจริญอาหารมากขึ้นอีกด้วย

“วันนี้น้องไลท์กินเก่งจริงๆ” รัชชานนท์ป้อนหมูทอดชิ้นเล็กให้เลศยา

แม่หนูยิ้มแป้นแล้วหันมามองพัทนี

“ยายพัดทำอร่อยค่ะ ลุงภันก็อร่อยด้วย”

เลศยาพูดจบก็ตักข้าวคำโตในจานตัวเองแล้วป้อนคัมภัน ภาพน่าเอ็นดูนั้นเรียกรอยยิ้มให้ลลนากับพัทนี ป้าหลานมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม รัชชานนท์เองก็คงแปลกใจอยู่บ้าง เลศยาสนิทกับคัมภันได้ไวเหลือเกิน คงเพราะคัมภันมีเปลือกหอยสวยมาซื้อใจเลศยาบ่อยครั้ง และเวลานี้ก็ดูเหมือนคัมภันจะทำคะแนนแซงหน้ารัชชานนท์ไปได้มากแล้ว

 

บดินทร์ฉัตรไม่ได้ตื่นเช้า แต่เขานอนไม่หลับกระทั่งรุ่งสาง ในหัวมีแต่ภาพของลลนากับผู้ชายคนอื่น เขายังหึงหวง และคิดเสมอว่าสิทธิ์ในตัวหล่อนต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

โทรศัพท์บนเตียงส่งเสียงให้บดินทร์ฉัตรควานหามากดรับสาย ลงว่าแม่ยายขึ้นต้นประโยคด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเช่นนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก

“ปันเข้าโรงพยาบาลเหรอครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า”

บดินทร์ฉัตรตาสว่างขึ้นทันที เขานิ่งฟังแม่ยายอธิบายเรื่องทั้งหมดแล้วสรุปความยาวยืดด้วยประโยคสั้นๆ ที่เข้าใจได้ง่ายว่า ปาลิดามีไข้สูงร่วมกับปวดเมื่อยตามร่างกาย แพทย์ให้รอดูอาการที่โรงพยาบาลเพราะเกรงว่าจะเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่

“ได้ครับ ผมจะรีบกลับไป”

เขาต้องรับคำขอของแม่ยายเพื่อมิให้มีพิรุธ แม้ใจอยากปฏิเสธการเดินทางกลับเกาะพงัน เพราะยังพะวงห่วงเรื่องของลลนา แต่ถ้าเขาไม่ยอมกลับ เรื่องคงลุกลามไปถึงหูพ่อแม่เพราะปากไม่มีหูรูดของแม่ยาย ว่าเขาไม่สนใจดูแลภรรยาอย่างที่ควรกระทำ บดินทร์ฉัตรต้องการตัดปัญหาเพราะพ่อแม่เขาไม่ควรต้องทุกข์ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้ด้วยเลย

 

“ลุงภันไปไหนคะแม่รัน น้องไลท์คิดถึง”

ลูกสาวนั่งลงช่วยลลนาเก็บของเล่นที่กระจายเกลื่อนห้องรับแขก สองวันแล้วที่คัมภันไม่ได้มาทำงาน เขาบอกหล่อนไว้ว่าสัปดาห์นี้คลื่นลมดี น้ำนิ่งเหมาะแก่การออกเรือตกหมึกตกปลา ต้องยอมรับว่ารายได้จากการจับสัตว์น้ำในแต่ละวันของคัมภันมากกว่าค่าจ้างรายวันเป็นเท่าตัว

“ลุงภันมีงานต้องทำเยอะค่ะ เดี๋ยวอีกวันสองวันก็มาแล้ว น้องไลท์หิวรึยังคะ กินขนมไหม เดี๋ยวแม่รันไปหยิบมาให้”

“ไม่ค่ะ น้องไลท์ไม่หิว”

เลศยากอดตุ๊กตากระต่ายสีฟ้าอ่อนตัวนุ่มนิ่มไว้แนบอกแล้วเดินไปล้มตัวนอนบนโซฟายาว ลลนามองใบหน้าไร้รอยยิ้มของลูกสาวแล้วรู้สึกแปลกใจ เพราะสองวันนี้ไม่ใช่แค่คัมภันที่หายไป บดินทร์ฉัตรเองก็เช่นกัน แต่เลศยาถามถึงพ่อแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นับเป็นเรื่องที่ลลนายินดียิ่ง เพราะอย่างน้อยบดินทร์ฉัตรก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของลูกสาวหล่อนเท่ากับคัมภัน

“พี่เป็ดที่แม่ซื้อมายังไม่มีบ้านอยู่เลย เราไปจัดสวนให้พี่เป็ดกันไหมคะ”

ลลนานึกถึงตุ๊กตาปูนปั้น แม่เป็ด ลูกเป็ด และพี่เลี้ยงลูกเป็ด ที่คัมภันช่วยเลือกซื้อเมื่อวันก่อน พวกมันยังนอนนิ่งอยู่ในกล่องเพราะหล่อนยังไม่มีเวลาจัดแต่งสวนข้างบ้าน

“พี่เป็ดของลุงภัน ถ้าลุงภันมาเห็นสวนสวยๆ ของพี่เป็ด ลุงภันคงจะดีใจ”

ลลนาหลอกล่อเพราะลูกสาวยังเอาแต่นอนนิ่ง และทันทีที่มีชื่อของคัมภันเข้ามาในบทสนทนา เลศยาก็สนใจและลุกขึ้นจากโซฟา

“ไปค่ะ พี่เป็ดอยู่ที่ไหนคะ”

ลลนาพาลูกสาวไปหาพี่เป็ดที่ห้องเก็บของ สองแม่ลูกช่วยกันขนกระถาง ต้นไม้ อุปกรณ์จัดสวน และกล่องใส่พี่เป็ดที่เลศยาร้องว้าวเมื่อกล่องถูกเปิด

“อันนี้น้องไลท์ อันนี้เพื่อนๆ”

เลศยาชี้เป็ดตัวจิ๋วที่แม่รันหยิบมาวางเรียง เลือกเป็ดแทนตัวเอง อีกสามตัวที่เหลือก็เหมารวมว่าเป็นเพื่อนในวัยเดียวกัน

“แล้วไหนแม่รันคะ”

“นี่ค่ะ ฉวย ติดโบด้วยค่ะ”

แม่เป็ดเป็นเพียงตัวเดียวที่ติดโบสีชมพูหวาน ซึ่งแตกต่างจากอีกสองตัวโตที่เหลือ

“แล้วที่เหลือล่ะคะ”

“อันนี้ลุงภัน อันนี้ลุงนนท์ค่ะ”

ลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ชัดเจนว่าเลศยาไม่ได้ผูกพันกับบดินทร์ฉัตรเลย หล่อนควรต้องกังวลเรื่องความผูกพันที่เลศยามีให้คัมภันมากกว่า ถ้าวันหนึ่งเขามีอิทธิพลต่อลูกสาวหล่อนมากเกินไป หล่อนจะตั้งรับเหตุการณ์นั้นอย่างไรดี

“มีลุงภัน ลุงนนท์ แล้วพ่อล่ะคะ น้องไลท์ไม่อยากให้พ่ออยู่ในสวนของเราหรอกเหรอ”

“พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องอยู่ในสวนก็ได้”

“ไม่มีพ่อก็ได้ใช่ไหมคะ”

ลูกสาวเอียงหน้ามองแล้วยกมือเปื้อนดินแตะแก้มลลนา สองตากลมโตสดใส ปากและแก้มแดงระเรื่อช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“มีแม่รันไงคะ”

 

รัชชานนท์ยืนกอดอก มองภาพแม่ลูกกอดกันกลมท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ที่ยังจัดไม่เป็นระเบียบ เขาไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ภาพที่เห็นมันอิ่มใจจนอดที่จะบันทึกภาพเอาไว้ในโทรศัพท์ของตนไม่ได้ และแบ่งปันในโปรแกรมแชตไลน์ เพื่อถ่ายทอดความน่ารักของลลนาและลูกสาวให้รสรินได้ร่วมชื่นชมไปพร้อมกับเขา

“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ สองแม่ลูก”

“นนท์มาก็ดีจ้ะ จัดสวนด้วยกันไหม” ลลนารีบหาแนวร่วม เพราะมองดูแล้วสวนข้างบ้านใหญ่เกินกว่าหล่อนกับลูกจะจัดการได้ไหว

และรัชชานนท์ก็แสนมีน้ำใจ เขาไม่ปฏิเสธคำชวน ช่วยหล่อนวางแผนสร้างสวนสวยให้ฝูงเป็ดปูนปั้น เลศยารับหน้าที่เป็นลูกมือ คอยช่วยหยิบนั่นจับนี่ตามคำสั่ง พื้นหญ้าโล่งข้างตัวบ้านกำลังจะงดงามขึ้นเพราะมีมุมไม้ดอกไม้ใบหลากสายพันธุ์ ตกแต่งพื้นสนามด้วยตุ๊กตาปูนปั้นของครอบครัวเป็ด และอ่างน้ำพุที่สายน้ำพวยพุ่งจากโอ่งสีส้มอ่อนตัดด้วยดอกลีลาวดีเซรามิกสีเหลืองสดแซมใบเขียวแก่ บนขอบโอ่งคือนกแก้วปูนปั้นสองตัว สีเขียวตองและสีแดงสด

รัชชานนท์ช่วยจัดการต่อตัวเครื่อง เลศยาช่วยตักน้ำเติมลงในโอ่ง เมื่อสวนสวยเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอยยิ้มของทั้งสามก็คลี่กว้าง เลศยาดูมีความสุขเหลือเกินเมื่อเห็นสวนสวยของพี่เป็ดที่หนูน้อยตั้งชื่อให้ว่า

“สวนเป็ดลุงภัน”


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น