8

8

บทที่ ๘

 

“คุณ!” อะมานดาจำเขาได้ทันที “คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ” 

เธอดูตกใจ ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองอยู่ในชุดว่ายน้ำ มือคว้าเสื้อคลุมที่พาดบนกิ่งไม้ คริษฐ์จึงรีบหมุนตัว

“ขอโทษครับ ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาเจอใครที่นี่”

“หันกลับมาได้แล้วค่ะ” เธอบอก “ฉันใส่เสื้อคลุมเรียบร้อยแล้ว”

“ครับ” เขาหมุนกลับไป และยิ้มเจื่อน “ผมขอโทษที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคุณ”

“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะคะ ไม่ใช่ของฉันคนเดียวเสียหน่อย” เธอบอกยิ้มๆ มือก็หยิบข้าวของเก็บลงในกระเป๋าที่เป็นเชือกถัก “ฉันมาเจอที่นี่เมื่อหลายวันก่อนและชอบมาก พอดีวันนี้ร้อนมาก ชวนใครก็ไม่ยอมมา ก็เลยหลบมาว่ายน้ำคนเดียว”

“แต่มันเปลี่ยวมากนะครับ คุณอาจเป็นอันตรายได้”

“ไม่หรอกมั้ง ที่นี่มีแต่แขกของโรงแรม คราวก่อนฉันยังเจอแขกสองสามคนมาว่ายน้ำเล่นเลย” เธอยักไหล่ ก่อนจะก้าวข้ามก้อนหินกลางสายน้ำที่ไหลลงไปสู่ที่ต่ำว่าจากแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เขารีบยื่นแขนให้อะมานดาจับเพื่อเป็นหลัก เธอยอมรับความช่วยเหลือ แล้วกระโดดลงยืนข้างตัวชายหนุ่มก่อนปล่อยมือ “ว่าแต่คุณยังไม่บอกฉันเลยว่ามาทำอะไรที่นี่คะ”

“อ้อ ผมตามคุณฟิลลิปมาทำงานน่ะครับ”

“นั่นสินะ ฉันลืมไปได้ยังไงกัน จำได้ว่าคุณพ่อพูดว่าคืนนี้จะมีประชุม ไม่นึกว่าพวกคุณจะมาถึงตั้งแต่บ่าย”

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด คุณฟิลลิปคงอยากมาพักผ่อนด้วยกระมังครับ”

“จริงด้วย แล้วทำไมคุณถึงเลือกมาที่น้ำตกนี่ล่ะคะ”

“ผมเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาบอกว่าหน้าร้อนสวยกว่า ผมก็เลยอยากมาชมอีกครั้งน่ะครับ”

“เขาพูดไม่ผิดหรอกค่ะ สวยจริงๆ ฉันก็ชอบมากถึงได้มาหลายครั้ง แต่คนอื่นเบื่อ ชวนใครก็ไม่ยอมมีใครมากับฉันเลยฉันถึงต้องออกมาคนเดียว” เธอบอกพลางย่นจมูก ทำหน้าเบื่อหน่าย

“แล้วคุณแอนโทนีล่ะครับ”

“แกไปเล่นกับรอย เพื่อนใหม่ของแกค่ะ เห็นบอกว่ามีเด็กวัยเดียวกันหลายคน เลยเล่นสนุกลืมพี่ไปเลย”

“ถ้างั้นคุณจะว่ายน้ำต่อไหมครับ ผมจะนั่งเป็นเพื่อน ถึงยังไงผู้หญิงคนเดียวอยู่กลางป่าก็ไม่น่าวางใจ”

“แล้วฉันจะวางใจคุณได้หรือคะ” เธอเอียงคอถาม ท่าทางคล้ายท้าทายมากกว่าจะกลัวจริงๆ

“นั่นสิ” เขาพึมพำ ไม่มั่นใจตัวเองเช่นกันเพราะเขาห่างเหินผู้หญิงมานานเหลือเกิน แถมเธอยังสวยขนาดนี้ ขืนอยู่ใกล้และเห็นเธอนุ่งน้อยห่มน้อย เขาอาจจะหน้ามืดตามัวได้ “ถ้าอย่างนั้นผมจะรออยู่ตรงโน้นก็แล้วกันนะครับ คุณว่ายน้ำตามสบาย รับรองว่าจะไม่แอบดู”

พูดจบก็รีบเดินย้อนกลับไปทางเดิม แต่มือเล็กแตะต้นแขนเขาเสียก่อน

“ฉันว่ายน้ำพอแล้วละค่ะ ว่ายนานก็ไม่ไหว น้ำยังเย็นจัดอยู่เลย เดี๋ยวจะเป็นหวัด เที่ยวไม่สนุกกันพอดี”

“อ้อ ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณจะกลับเลยหรือเปล่าครับ ผมจะเดินไปส่ง”

“ยังหรอก ฉันอยากขึ้นไปบนน้ำตก เขาบอกว่าข้างบนยังมีน้ำตกอีกชั้นสวยมากเหมือนกัน ว่าจะขึ้นไปดูเสียหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นผมเดินไปเป็นเพื่อนนะครับ แถวนี้มีหมีกริซลี ถ้ามันได้ยินเสียงคนคุยกัน มันก็จะหลบไป ปลอดภัยกว่าเดินไปเงียบๆ คนเดียวแน่นอนครับ” เขาบอก ยังขยาดประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่นาน

“ก็ได้ค่ะ ดีเหมือนกันที่มีเพื่อน ถ้าอย่างนั้นฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

“ครับ” เขารีบถอยหลังห่างออกไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับเธอ ระหว่างที่รอก็ยืนดูน้ำตกจากหน้าผา ความสูงไม่ต่ำกว่าสิบห้าเมตร และมีปริมาณธารน้ำที่ละลายจากหิมะบนเขาทะลักผ่านหน้าผาลงมาเป็นจำนวนมาก น้ำยังเย็นจัดเป็นสีเขียวสดใส ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ การได้แช่ในน้ำเย็นก็คงจะทำให้รู้สึกดีไม่น้อย และถ้าไม่ติดว่าอยากไปช่วยดูแลความปลอดภัยให้อะมานดา เขาก็อยากจะลงว่ายน้ำให้ชื่นใจเช่นกัน 

เมื่อเวลามีจำกัด จึงได้แต่วักน้ำขึ้นมาล้างหน้าให้สดชื่น ลูบเลยไปที่ท้ายทอยและคอเพื่อล้างคราบเหงื่อไคล ไม่ลืมที่จะลูบผมให้เข้าที่ เพราะวันนี้ไม่ได้ลงครีมและหวีผมให้เรียบ ผมจึงชี้ไปทุกทิศทางตามความเคยชิน 

พอลูบผมเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็มั่นใจขึ้นมาหน่อยว่าคงจะดูเข้ายุคสมัยเหมือนชายอื่น ไม่ขัดสายตาเธอ

“เสร็จแล้วค่ะ” เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง คริษฐ์หมุนตัวกลับไป เห็นร่างอ้อนแอ้นในเสื้อสีขาวทับด้วยผ้าพันคอสีน้ำเงินสลับแดงผูกเป็นโบตรงเหนือทรวงอก และสวมกางเกงขี่ม้าที่หลวมตรงสะโพกและแคบลงตั้งแต่ใต้เข่าลงไป ทับด้วยรองเท้าบูตยาวถึงเข่า ผมสีน้ำผึ้งทองของเธอเริ่มแห้ง จึงกลับมาหยักเป็นลอนน้อยๆ คลอเคลียบ่า ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้เห็นรอยกระเล็กๆ บนโหนกแก้มและจมูก รอยเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอดูลดลง กลับทำให้ดูเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย อีกครั้งที่เขารู้สึกใจหาย...

“ฉันมีอะไรผิดปกติงั้นหรือคะ” เธอยกมือลูบแก้ม “หรือเป็นเพราะฉันไม่ได้แต่งหน้า คุณถึงมองแบบนี้ ฉันดูน่าเกลียดมากเลยเหรอคะ”

“เปล่าเลยครับ คุณดูสวยมากต่างหาก พอไม่แต่งหน้าก็ดูเด็กลงมากเลยครับ”

“แหม ขอบคุณค่ะ” เธอตอบ และเขาเห็นโหนกแก้มที่มีกระน้อยๆ แดงระเรื่อขึ้น ก่อนจะเฉไฉ “ไปดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นเกินไป”

เธอออกเดินนำหน้า  คริษฐ์ยิ้ม เห็นหญิงสาวดูคล่องแคล่ว สมัยใหม่ แต่ก็ยังเขินเมื่อถูกชม ทั้งที่เธอควรจะชินแล้วด้วยซ้ำ เพราะคงจะได้ยินมามาก พอเห็นเธอเดินห่างไปไกล เขาก็รีบก้าวตามเงียบๆ ทิ้งระยะห่างพอควร ไม่อยากให้เธอกังวลว่าเขาจะเป็นตัวอันตราย

“ฉันนึกว่าคุณจะเดินมาเป็นเพื่อน เพื่อจะได้คุยไล่หมีไปเสียอีก” เธอหันมาถามหลังจากเห็นเขาเดินตามเงียบๆ มาได้สักหนึ่ง

“ผมกำลังคิดว่าจะชวนคุณคุยเรื่องอะไรดีน่ะครับ”

“เรื่องดินฟ้าอากาศเป็นไง” เธอชะลอฝีเท้าลง คริษฐ์จึงเดินเคียงข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกิ่งไม้ที่แผ่ปกคลุมจนหนาทึบเหนือศีรษะเหนือทางเดิน แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ผมว่าอากาศวันนี้ร้อนมาก และเหมาะที่จะหนีมาว่ายน้ำจริงๆ”

อะมานดาปิดปากหัวเราะคิก ไม่คิดว่าเขาจะคล้อยตามเธอง่ายขนาดนี้ คริษฐ์เห็นสายตาของเธอ จึงเข้าใจและหัวเราะตาม 

“ถ้างั้นผมให้คุณคุยดีกว่าครับ เพราะผมไม่ค่อยถนัดเป็นคนชวนคุยสักเท่าไหร่”

“ก็ได้ค่ะ อืม...คุณมาจากเมืองไหนคะ”

“ผมมาจากซีแอตเทิลครับ”

“เหรอคะ มาไกลจัง คือฉันหมายถึงฉันก็มาจากซีแอตเทิล ไม่คิดว่าคุณจะมาทำงานไกลถึงที่นี่ ว่าแต่อะไรทำให้คุณถึงตัดสินใจมาทำงานบนเขาได้คะ”

“ผมแค่อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อีกอย่างผมชอบเดินป่าเป็นชีวิตจิตใจ ผมคิดว่ามาทำงานที่นี่จะได้มีโอกาสสำรวจความงามของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกค้นพบ”

“คุณเคยบอกว่าข้างบนเขาสวยมาก”

“ครับ วันหนึ่งถ้าถนนเสร็จ พวกเขาจะได้เห็นในสิ่งที่พวกเราเห็น มันสวยงามมากจริงๆ จนผมไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้”

“วันนั้นแค่ได้ขึ้นไปแค่แคมป์ที่หนึ่ง ฉันก็คิดว่ามันสวยมากๆ แล้ว ฉันอยากให้ถนนเสร็จเร็วๆ จัง จะได้ขึ้นไปชมวิวที่โลแกนพาสกับการ์เดนวอลล์ ที่เขาบอกกันว่าสวยนักหนา”

“คงอีกหลายปีครับ กว่าถนนจะเสร็จสมบูรณ์”

“นั่นสิคะ ฉันต้องอดใจรออีกหลายปี...เฮ้อ...”

คริษฐ์มองคนพูดด้วยความเห็นใจ...ได้แต่เงียบเสีย เพราะรู้แก่ใจว่าเธอจะไม่มีวันได้เห็นถนนเสร็จสมบูรณ์ และขึ้นไปชมบนเขาอย่างที่ต้องการ 

“แล้วตอนที่คุณอยู่ซีแอตเทิล คุณอยู่แถวไหนคะ”

“ผมอยู่ทางเหนือครับ ใกล้กับมหาวิทยาลัย”

“อ๋อ ค่ะ แล้วหลังจากหมดฤดูร้อน คุณจะกลับไปบ้านไหมคะ หรือว่าจะทำงานกับบริษัทต่อ”

“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจครับ อาจจะไม่กลับเพราะว่าผมไม่มีใครรออยู่ที่นั่น”

เธอหันขวับมองเขาตาโต เขาจึงอธิบาย

“ผมเติบโตในโบสถ์ที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะครับ และผมไม่มีญาติที่ไหน” ขณะที่พูด ก็กล่าวคำขอโทษพ่อกับแม่ในใจ...สถานการณ์บังคับให้ต้องปด อย่างน้อยเขาก็ไม่มีญาติอยู่ที่นี่ ณ เวลานี้จริงๆ

“แล้วคุณทราบไหมคะว่าพ่อกับแม่ของคุณมาจากชาติไหน เพราะคุณดูมีส่วนผสมของคนเอเชีย”

“แม่ของผมเป็นคนไทยครับ”

“คนไทย”

“ครับ” เขาตอบ แต่เธอทำหน้างงๆ

“อยู่ส่วนไหนของเอเชียหรือคะ”

“อยู่ติดกับลาว พม่า และมาเลเซียครับ” เขาอธิบาย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ขอโทษครับ แม่ของผมมาจากประเทศสยาม คุณเคยได้ยินแฝดสยามใช่ไหมครับ”

“โอ...” เธอยกมือปิดปาก “ใช่ค่ะ ฉันเคยได้ยิน ฝาแฝดที่ตัวติดกันจากสยาม”

“นั่นแหละครับ แม่ของผมติดตามพ่อมาที่นี่ แต่บุญน้อย ทั้งพ่อกับแม่เสียชีวิตระหว่างเดินทาง ผมจึงถูกส่งตัวไปที่บ้านเด็กกำพร้า” เขาพูดได้คล่องแคล่วขึ้น มั่นใจว่าพ่อแม่จะไม่โกรธเพราะจำเป็น

“ฉันขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ”

“ขอบคุณครับ แต่อย่างน้อยผมก็ได้ร่ำเรียนหนังสือมากพอ จนคุณฟิลลิปรับผมเข้าทำงาน”

“พ่อเคยชมว่าผู้ช่วยของอาฟิลลิปเก่ง ท่านบอกว่ารายงานที่ส่งมาอ่านเข้าใจง่ายและละเอียดมาก ท่านชมให้ฟังหลายครั้งเชียวค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ ผมดีใจที่ทำงานได้คุ้มกับค่าจ้าง”

“อาจจะเกินค่าจ้างด้วยซ้ำมั้งคะ” เธอกระเซ้า 

“แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” เขารีบถ่อมตัว “ว่าแต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัย”

“เรื่องอะไรหรือคะ”

“คือผมอยากทราบว่าทำไมคุณพ่อของคุณถึงไม่ให้คุณโอเวนทำงานที่สำนักงานล่ะครับ อาจจะเหมาะกับเขามากกว่าภาคสนาม”

“ไม่รู้สิคะ ฉันก็ไม่เคยถามพ่อเรื่องนี้ ไม่อยากสนใจด้วย”

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ผมได้ยินมาว่าคุณกับเขากำลังจะหมั้นกันเร็วๆ นี้”

อะมานดาหยุดเดินและถอนใจเฮือกใหญ่ “เขาพูด ไม่ใช่ฉันพูดแน่นอนค่ะ”

“หมายความว่าสิ่งที่ผมได้ยินมาไม่ถูกต้องงั้นหรือครับ”

“ถ้าเรื่องหมั้น ก็ผิดค่ะ ฉันเพิ่งเรียนจบ ยังไม่อยากรีบแต่งงาน แม่อยากให้หมั้น แต่ฉันไม่อยาก พ่อก็อยากเห็นผลงานของเขาเสียก่อน”

คริษฐ์ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น นอกจากนิ่งฟัง

“ฉันยังอยากเห็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล อยากไปท่องยุโรป หากมีโอกาสก็อยากไปแอฟริกากับอินเดีย ถ้าแต่งงานมีลูก มีครอบครัว...ฉันก็คงจะวุ่นวายอยู่กับพวกเขาจนไปไหนไม่ได้”

“ถ้าครอบครัวของคุณสนับสนุน ก็เดินทางพร้อมกันทั้งครอบครัวได้นี่ครับ”

“ก็จริงค่ะ...อืม...” เธอทำหน้าครุ่นคิด ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน “อีกอย่าง ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะรักโอเวนจนถึงขั้นแต่งงานและต้องอยู่กินกันไปตลอดชีวิตได้หรือไม่”

อะมานดาช้อนตาขึ้นมองเขา ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนท่าทางไม่สบายใจนั้น 

“แหม...ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังทำไมก็ไม่รู้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ถ้าจะช่วยทำให้คุณได้ระบายความไม่สบายใจออกมาบ้าง”

“แต่คุณทำงานกับโอเวน มันคงไม่ดี หากเรื่องนี้ได้ยินไปถึงหูของเขา”

“ปกติคนงานอย่างผมไม่มีโอกาสเข้าไปวุ่นวายกับระดับหัวหน้างานหรอกครับ และคุณไม่ต้องห่วง ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปให้ใครฟังเด็ดขาด”

“ขอบคุณค่ะ เฮ้อ...ตอนนี้ฉันกำลังขอเวลาศึกษานิสัยใจคอของเขา ไม่รู้ว่าจะดึงไปได้นานแค่ไหน และที่เขาตัดสินใจมาทำงานที่นี่ก็เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ ฉัน ทั้งที่ฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบบุกป่าลุยเขานัก แต่เขาก็พยายาม ดังนั้นฉันก็ควรจะให้โอกาสเขา”

“เป็นความคิดที่ดีครับ”

“แล้วคุณล่ะคะ แต่งงานหรือยัง”

เขาสั่นศีรษะทันที “ผมยังไม่เคยคิดเรื่องนั้นครับ ผมอาจจะเหมือนคุณที่ชอบการผจญภัย ผมชอบธรรมชาติ อยากพบเห็นสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ”

“ดีจัง ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็คงจะทำเหมือนคุณ แม่ชอบว่าฉันอยู่เรื่อยว่าพ่อสนับสนุนฉันผิดๆ เป็นผู้หญิงต้องแต่งงานดูแลครอบครัว อย่างพี่แอนนา อีกไม่นานก็ต้องแต่งงาน ทั้งที่เธอก็ยังไม่ค่อยอยากแต่งเท่าไหร่ แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้”

“แล้วพ่อของคุณไม่ช่วยทัดทานหรือครับ”

“พี่แอนนาเป็นลูกของคุณแม่กับเซอร์วิลเลียม ก่อนจะหย่ากันแล้วมาแต่งงานกับคุณพ่อค่ะ คุณพ่อก็เลยห้ามไม่ได้เต็มปาก แต่ฉันได้ยินผู้ใหญ่คุยกันว่าพ่อต้องการเงินสำหรับโครงการนี้ ดังนั้น โทมัส คู่หมั้นของพี่แอนนาที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของธนาคารก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อีกอย่างแม่ก็ชอบบ่นว่าเธออายุมากแล้ว ถ้าไม่รีบแต่งจะไม่มีผู้ชายต้องการอีก”

คริษฐ์เข้าใจดี...ระบบพวกพ้องและเครือญาติยังปฏิบัติกันมาตลอดทุกยุคทุกสมัย แต่เรื่องอายุมาก เขาไม่คิดว่าแอนนาจะอายุมากจนถึงกับไม่มีใครต้องการ แต่ด้วยยุคสมัยนี้ นิยมแต่งงานกันตั้งแต่ยังน้อย ถ้าใกล้สามสิบคงจะกลายเป็นสาวแก่ไม่เป็นที่ต้องการของหนุ่มๆ อีก

“แต่พี่แอนนาไม่ค่อยพอใจนัก เพราะเขาเคยแต่งงานมาก่อนแล้ว เมียก็เสียชีวิตและอายุมากกว่าพี่แอนนาเป็นสิบปี” พอได้เล่า อะมานดาก็เริ่มสนุก และอีกฝ่ายก็เป็นผู้ฟังที่ดี จึงเล่าต่อ “แต่แม่ชอบ เพราะว่าเขาช่วยสนับสนุนธุรกิจของเราได้”

“รวมทั้งคุณโอเวนด้วยหรือครับ”

“โอเวนมีเชื้อสายขุนนางจากอังกฤษ แม่ของฉันที่เป็นคนอังกฤษโดยกำเนิดก็อยากจะนับญาติ คงถือเป็นหน้าตามากกว่าเรื่องฐานะ ซึ่งเราก็มีพร้อมอยู่แล้ว” เธอยักไหล่ คริษฐ์มองเห็นแววตาที่หม่นลง ทั้งที่เคยฉายแววสดใสร่าเริงอยู่ประจำ “บางที...ฉันอยากจะหนีไปให้ไกลๆ เพื่อตามหาความฝันให้รู้แล้วรู้รอด อย่างน้อยความรู้ที่ร่ำเรียนมาคงจะเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ให้ลำบากนัก”

และท่าทางเธอคงจะรู้ตัวว่าพูดมากเกินไปแล้ว ก่อนจะโบกมือ

“ฉันนี่พูดแต่เรื่องไร้สาระ คุณคงเบื่อแย่”

“ไม่เบื่อหรอกครับ อีกอย่างผมก็เข้าใจความรู้สึกของคุณดี คุณอายุยังน้อยย่อมมีสิทธิ์ที่จะฝัน คุณแม่ของคุณก็วางแผนเพื่อความมั่นคงของครอบครัวและของลูกๆ คิดว่าวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีประสบการณ์มากกว่าเด็กๆ ถ้าลูกๆ ได้แต่งงานกับคนที่พวกท่านเห็นว่าดีและเหมาะสม คงจะทำให้ลูกๆ มีความสุขในชีวิตคู่”

“แล้วคุณคิดว่ามันถูกต้องไหมล่ะคะ”

“ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับ บางทีบางคู่ก็รักกันและมีความสุขกับการแต่งงานไปชั่วชีวิต บางคู่ก็อาจจะไม่”

“แต่ฉันยังไม่เคยรู้จักนิสัยใจคอของโอเวนมากเท่าไหร่เลย เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งแม่ก็ตัดสินใจจะให้หมั้นเลย โชคดีที่พ่อยังช่วยไว้ก่อน ว่าแต่คุณเคยทำงานกับเขาใช่ไหมคะ ถึงได้ถาม”

“เคยครับ” เขาไม่อยากปด

“แล้วเขาเป็นยังไงบ้างล่ะตอนอยู่บนเขา เอ่อ...ฉันหมายถึง...ลูกน้องเข้ากับเขาได้ดีไหม แล้วคุณชอบทำงานกับเขาหรือเปล่าทำนองนั้น”

“เขามีบ้านพักส่วนตัว จึงไม่ค่อยสนิทกับลูกน้องสักเท่าไหร่ และผมก็แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมาย นอกเหนือจากนั้น ผมก็ตอบคำถามของคุณไม่ได้ครับ” เขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเต็มที่แล้วที่จะไม่พูดสิ่งที่เพื่อนคนงานนินทาลับหลังโอเวน เขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับอดีตเจ้านาย...กับว่าที่คู่หมั้นแล้ว โอเวนควรจะได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเอง

“คุณพูดเหมือนกำลังปกป้องเขา” เธอมองหน้า เหมือนพยายามค้นหาสิ่งที่เขาซุกซ่อน

“เปล่าเลยครับ เรื่องนี้คุณควรจะศึกษานิสัยใจคอเขาเองจึงจะดีที่สุด อย่าเอาคำพูดของคนอื่นมาตัดสินเขาเลยครับ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้แก้ตัว และจะกลายเป็นว่าผมนินทาเขาแทน”

คิ้วโก่งย่นเข้าหากัน ก่อนจะคลายออกและหัวเราะ

“ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเหมือนคุณมาก่อนเลย คุณคงจะถูกสอนมาดีมาก ถึงได้ให้เกียรติทุกคนเช่นนี้”

“ขอบคุณที่ชมครับ ครูคงจะดีใจที่ได้ยิน”

“ค่ะ ส่วนเรื่องโอเวน ฉันยังมีเวลาอีกหลายเดือน ฉันหวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจถ้าฉันกับเขาเข้ากันไม่ได้จริงๆ”

“ผมมั่นใจว่าพ่อกับแม่ของคุณจะเข้าใจครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่คิดถึงความสุขของลูก”

“ค่ะ” เธอยิ้ม ใบหน้ากลับมาสดใสอีกครั้ง “ฉันว่าคุณน่าจะไปเป็นนักจิตวิทยานะคะ ได้คุยกับคุณแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย”

“ผมดีใจที่พอจะช่วยได้ครับ ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะผมอายุมากกว่าคุณหลายปี และมีประสบการณ์เยอะกว่า จึงพอจะแนะนำได้บ้างครับ”

“ฉันชอบคุยกับคุณจัง ว่าแต่เสร็จงานคืนนี้แล้ว คุณจะกลับเลยหรือเปล่าคะ”

“ผมต้องกลับพร้อมคุณฟิลลิป เห็นบอกว่าจะกลับเช้าวันจันทร์ครับ คงจะมาพักผ่อนไปด้วย”

“ถ้างั้นพรุ่งนี้คุณก็ยังอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“ดีเลย พรุ่งนี้คุณจะไปขี่ม้ากับพวกเราด้วยหรือเปล่า”

“ผมไม่ทราบครับ ต้องรอฟังคำสั่งคืนนี้”

“แหม อยากให้คุณไปด้วยจัง ถ้างั้นคืนนี้ฉันจะถามพ่อว่าจะชวนคุณไปด้วยนะคะ”

“อย่าดีกว่าครับ ผมคิดว่าอาจจะเป็นโอกาสดี ที่คุณจะได้คุยกับคุณโอเวนมากขึ้น”

“ก็จริง” เธอทำปากยื่น “ตั้งแต่มาถึงที่นี่ ฉันหาคนคุยถูกคอแทบไม่ได้เลย แต่ละคนก็มีกิจกรรมของตัวเอง แม่ก็ชอบนั่งคุยกับเพื่อนๆ จิบน้ำชาริมทะเลสาบ พี่แอนนาก็ชอบนอนอ่านหนังสือที่ระเบียง นอนอาบแดด พ่อก็ทำแต่งาน น้องชายยังมีเพื่อนเล่นอีก”

“คุณเลยต้องหนีมาว่ายน้ำคนเดียว” เขาเดา

“ใช่ค่ะ ฉันออกมานี่ยังไม่มีใครสนใจถามเลย”

“คุณโอเวนคงจะตามหาตัวคุณให้วุ่นแน่ครับ” เขาปลอบใจ

“ก็อาจจะจริง ตอนแรกคุณเชื่อไหมว่าฉันไม่คิดว่าเขาจะทำงานบนเขาได้ เพราะท่าทางสะโอดสะองเป็นหนุ่มเจ้าสำอางแบบนั้น แต่เขากลับทำได้ดีเกินคาดที่อยู่ได้นานตั้งหลายเดือน”

“อาจเป็นเพราะอิทธิพลของความรักครับ เขาคงอยากพิสูจน์ให้คุณกับครอบครัวเห็นจริงๆ”

“ก็คงเป็นแบบนั้นค่ะ” เธอยักไหล่ 

แล้วทั้งสองก็ได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกล อะมานดาตาโต ก่อนจะรีบเดินจ้ำไปตามเสียง ส่วนคริษฐ์หลงลืมไปแทบสนิทว่าจะมาดูเส้นทางไปสู่หน้าผาที่เขาตกลงไปเมื่อหลายเดือนก่อน มัวแค่คุยเพลิน จึงลืมสิ่งที่ตั้งใจ แล้วเขาก็รีบก้าวตามเธอไป ก็เห็นเธอยืนอยู่บนก้อนหินริมลำธารขนาดใหญ่ที่ไหลลงสู่เบื้องล่าง ความสูงของมันทำให้เขาต้องกลืนน้ำลาย ไม่คิดว่าตนจะกล้าโดดลงไปได้

“สวยจังเลยนะคะ” เธอกางมือออก เงยหน้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด

“สวยมากครับ น่าเสียดายไม่มีกล้องถ่ายรูป”

“แหม กว่าจะขนขึ้นมา ลำบากแย่” เธอขำ คริษฐ์จึงนึกขึ้นได้ว่ากล้องสมัยนี้มันมีขนาดใหญ่แค่ไหน ก่อนจะแก้เก้อ

“บนเขาเรายังมีถ่ายรูปและถ่ายภาพยนตร์การสร้างถนนเลยนะครับ”

“ก็นั่นเป็นการบันทึกหน้าหนึ่งที่สำคัญของประวัติศาสตร์นี่คะ แต่มาเดินป่าแบบนี้ ไม่มีใครหอบของพะรุงพะรังหรอกค่ะ แต่ถ้าถ่ายที่โรงแรมและทะเลสาบนั่นถือเป็นเรื่องปกติ”

“ถ้างั้นคงได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำเท่านั้นนะครับ”

“ค่ะ ก็สมมุติว่าเราถ่ายรูปคู่กันตรงนี้”

เธอโพสท่าสวย คริษฐ์สนุกไปด้วยจึงเดินไปยืนข้างกายและยกมือกางนิ้วชี้และนิ้วโป้งแตะกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายืนมือไปสุดแขน และบอก 

“ยิ้มครับ” เขาหันมองคนข้างกาย เห็นเธอยิ้มกว้าง เขาก็พลอยยิ้มไปด้วย ก่อนทั้งสองจะหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันด้วยความขบขัน

 

หนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันกลับโรงแรมและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พอผ่านโรงไฟฟ้าชายหนุ่มก็นึกถึงสถานะของตนได้ จึงรีบอ้างว่าจะไปเยี่ยมโรเบิร์ตที่ป่านนี้คงจะเลิกงานแล้ว เธอจึงแยกตัวไปตั้งแต่ก่อนถึงทางมุ่งหน้าสู่ตัวตึก แต่แทนที่คริษฐ์จะแยกไปทางกระท่อมของโรเบิร์ต เขากลับตัดสินใจรอจนเธอเดินห่างไปไกล แล้วจึงเดินตามหลัง ปะปนในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินอยู่บนเส้นทางรอบทะเลสาบตรงหน้าโรงแรม เขาก็เห็นโอเวนในชุดลำลองหล่อเหลาลุกขึ้นจากโต๊ะกลุ่มสุภาพสตรีที่กำลังจิบน้ำชายามบ่ายริมน้ำวิ่งตรงมาหาอะมานดา และเห็นเขาจับมือของเธอขึ้นมาจุมพิต ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเคียงข้างกันไปยังกลุ่มสตรีและร่วมรับประทานอาหารว่างยามบ่ายพร้อมกัน 

คริษฐ์เดินผ่านเลยไป ไม่มีใครสนใจเขานอกจากอะมานดาที่หันมาส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง ทำให้หัวใจหนุ่มเต้นแรงและริมฝีปากมีรอยยิ้มไปตลอดทาง

 


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น