4

ตามติด



 

Chapter 4

ตามติด

“น้องลินจ๋า ยู้ฮู! อยู่ข้างในไหมลูก น้องลินนน”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“รีบเข้าไปซ่อนในตู้เร็วเข้า! เข้าไปเร็วๆ เลยนะ”

ผมออกคำสั่งด้วยกลัวเหลือเกินว่าพ่อจะเปิดเข้ามาเห็น ไอ้เด็กผีพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปทางตู้เสื้อผ้า แล้วทะลุหายเข้าไปในนั้น!!!

“!!!”

อกอีแป้นจะแตก!

ยกมือขึ้นกุมหัวใจ น้ำตาแทบไหลพราก อย่าลืมสิเว้ยว่ากูเป็นคน มาทะลุตู้เสื้อผ้ากันต่อหน้าแบบนี้ ใครจะไปตั้งตัวทันฟะ

เมื่อเริ่มสงบใจได้แล้ว ผมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันไว้ให้เหมือนกำลังจะไปอาบน้ำ ก่อนจะไปเปิดประตูให้พ่อที่ยังเคาะเรียกไม่เลิก อย่างน้อยก็จัดการซ่อนเจ้าผีเด็กนั่นจากพ่อได้แล้ว

“คระ…ครับพ่อ”

“น้องลินคุยกับใครอยู่เหรอ พ่อเหมือนจะได้ยินเสียงน้องลินคุยกับใครน้า!”

ถามพลางชะโงกหน้าเข้ามามองในห้อง พ่อผมค่อนข้างเป็นคนพูดจาแบบ…เรียกว่าไงดีล่ะ ตุ้งติ้งๆ หน่อยหนึ่ง จนหลายครั้งที่ผมถูกเพื่อนล้อว่า ‘ไอ้ลูกตุ๊ด’

“เปล่านี่ครับ ผมไม่ได้คุยกับใครสักหน่อย”

“งั้นเหรอ…ถ้าอย่างนั้น…พ่อขอเข้าไปหน่อยนะ”

ขอเสร็จก็ผลักประตูเดินเข้ามาข้างในปั๊บ! กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงโชยออกมาจากตัวพ่ออีกแล้ว ผมรีบตามติดพ่อเข้าไปจนถึงกลางห้อง ถึงพ่อจะไม่ได้แสดงออกและถามตรงๆ แต่ผมก็รู้ว่าพ่อกำลังสงสัยและไม่เชื่อที่ผมบอกว่าไม่ได้คุยกับใคร!

แบบนี้แสดงว่าตอนยืนเคาะประตูคงได้ยินเสียงผมคุยกับเจ้าเด็กผีแน่ๆ!

“มีอะไรเหรอครับพ่อ ผมจะรีบอาบน้ำไปเรียนแล้วนะ”

“ดีเลย งั้นเดี๋ยวพ่อช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้น้องลินดีกว่านะ น้องลินไปอาบน้ำได้ตามสบายเลย”

“เฮ้ยพ่อ! ไม่ต้องครับ ผมเตรียม…!”

ผ่างงงงงง!!!

อ๊ากกกกกก! งานงอกกูแล้วไง!  พ่อเจอไอ้เด็กผีนั่นแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ ให้แนะนำว่าเป็นผีที่จะมาขออาศัยอยู่ด้วยงั้นเหรอ แบบนั้นมีหวังพ่อช็อกตายกันพอดี เอายังไงดีล่ะ!

“น้องลิน เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมทำหน้าตาตกใจแบบนั้นล่ะ”

“แล้ว…แล้วพ่อไม่ตกใจเหรอครับ”

“ตกใจ? จะให้พ่อตกใจอะไรเหรอลูก”

หือ?

ชักแปลกๆ แล้วสิ

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาทีละข้างเพื่อมองพ่อ อีกฝ่ายกำลังมองมาที่ผมด้วยแววตางุนงง สองมือจับขอบตู้เสื้อผ้าที่เปิดกว้างอยู่เอาไว้ โดยที่ข้างในไม่มีใครเลย!

อ้าวเฮ้ยยย!

ไปไหนล่ะนั่นนน

“หาผมเหรอครับ ลินลิน~”

“เฮ้ยยยยยย!!!”

ร้องเสียงหลงออกมาดังลั่นเมื่อไอ้คน...เอ๊ะ! หรือไอ้ผีดี ช่างเหอะ เอาเป็นว่าไอ้เด็กผีที่ผมมองหามันย้ายตัวเองจากในตู้เสื้อผ้าไปนั่งห้อยขาอยู่บนหลังตู้แทน!

หน้าของพ่ออยู่ตรงหน้าแข้งมันพอดี

“ช่างเถอะ ท่าทางพ่อจะคิดมากไปจริงๆ ขอโทษนะที่พ่อนึกว่าน้องลินแอบพาแฟนมาซ่อนเอาไว้ ก็แหม…ถ้าลูกรักของพ่อมีแฟน พ่อก็อยากจะทำความรู้จักด้วยนี่นา”

“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกครับพ่อ”

“แล้วแม่หนุงหนิงคนนั้นล่ะ พ่อเห็นสนิทกันมาตั้งนานแล้วนา…”

อุ๊บ!

เหมือนของเสียกำลังทยอยกันไหลออกมาทางปาก พ่อเอาอะไรมองถึงคิดจะจับคู่ไอ้หนุงหนิงให้ผมเนี่ย ฟ้าคงผ่าลงมากันพอดี!

“โอเคๆ พ่อไม่เซ้าซี้แล้วก็ได้ ไว้ถ้าน้องลินมีแฟนจริงๆ ค่อยพามาพบพ่อเนอะ งั้นพ่อไปงีบก่อนนะ เดี๋ยวเก้าโมงต้องออกไปทำงานละ วันนี้เข้างานสาย คงโดนเถ้าแก่บ่นยับแน่ๆ”

พ่อหันไปปิดประตูลงตามเดิม ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่สังเกตเห็นอะไรที่เพิ่มมาในห้องเลยสักนิด!

“ความจริงผมก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมลินลินต้องให้ผมซ่อนด้วย ในเมื่อไม่มีใครมองเห็นผม นอกจากลินลิน…”

“เรื่องนั้นน่ะ…”

“…”

“ควรจะบอกให้มันเร็วกว่านี้สิเฟ้ย!”

“อะไรนะครับ น้องลินนน”

“ปละ…เปล่าครับพ่อ ไม่มีอะไร”

อยากจะบ้าตายจริงๆ เลยโว้ยยย! หัวใจผมเกือบหยุดเต้นไปด้วยความที่จิตตกแบบสุดๆ กลัวพ่อจะมองเห็นเจ้าเด็กบ้านี่ ทำให้ผมลืมคิดไปเลยว่าหมอนี่เป็นผี และพ่อไม่มีวันมองเห็นเขา…

ตุ้บ…

“ให้ตายสิ! แทบหมดแรงเลย”

ทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้น เมื่อกี้ผมกังวลมากจริงๆ นะ มากแค่ไหนก็ดูเอาจากความบ้าที่จับผีซ่อนในตู้ก็แล้วกัน ลืมไปได้ยังไงกันนะเรา

“นายอยู่ในนี้นะ ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ส่วนไอ้เรื่องอะไรนอกเหนือจากนี้ที่อยากจะคุย ไว้ค่อยคุยทีหลังแล้วกัน”

“ครับผม…”

ขานรับอย่างน่ารักสมกับเป็นแค่เด็กม.ปลายจริงๆ ทั้งที่ในใจกำลังส่งเสียงค้านอย่างบ้าคลั่งว่าให้ไล่เจ้าสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่าผีตัวนี้ออกไปให้ได้ แต่อาจเป็นเพราะผมเหนื่อยหรือหมดแรงไปกับการตกใจก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ เลยไม่อยากจะทำแบบนั้น อีกอย่าง…

“แฮ่…”

อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างน่าเอ็นดูมาให้เมื่อผมมองไป เขานั่งจ๋องอยู่บนหลังตู้เสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยน่ารัก เหมือนเด็กหลงทางมากกว่าผีอีกเว้ย…

ใครจะไปใจร้ายไล่ได้ลงคอล่ะ

สุดท้ายผมก็แพ้ทางผีเด็กน้อย พาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย จะได้มีเวลาคิดด้วยว่าจะเอายังไงต่อไปดี เด็กคนนั้นบอกว่า เหตุที่ตามผมมาเป็นเพราะแหวนวงนี้ งั้นไม่แน่ว่าบางทีสิ่งที่นำพาเขามาหาผมอาจจะเป็นแหวน

“แหวนงั้นเหรอ…”

ก้มมองแหวนในมือหลังจากปิดประตูห้องน้ำจนสนิท ผมถอดผ้าเช็ดตัวตามด้วยกางเกงในออก ก่อนจะไปยืนอยู่ตรงถังขนาดใหญ่ที่ใส่น้ำไว้รออาบ มีขันสำหรับใช้ตักอยู่ขันหนึ่ง ส่วนตรงมุมห้องน้ำก็คือส้วมนั่นเอง ไม่น่าเชื่อเนอะว่าห้องแคบๆ จะสามารถใช้ได้ทั้งอาบน้ำและปลดปล่อยของเสียแบบนี้

เอื้อมหยิบก้อนสบู่ตรงชั้นวางมา ตักน้ำราดใส่มือซ้ายและถูสบู่จนเกิดฟอง ก่อนจะเอามาถูไถที่นิ้วอย่างแรงด้วยหวังจะให้แหวงวงนี้หลุดออกมาให้ได้ ถ้าหลุดออกมา ผมก็จะจับใส่หม้อส่งให้วัดทันทีโดยไม่คิดอะไรเลย

ผีกับคน...ยังไงก็อยู่ด้วยไม่ได้หรอก ถึงหมอนั่นจะเหมือนลูกหมา แต่ของจริงก็คือผีวันยังค่ำ!

‘ลินลิน~’

จู่ๆ เสียงเจื้อยแจ้วใสกิ๊งเหมือนลูกแก้วของเขาก็ดังแวบเข้ามาในหัว ตามด้วยภาพลูกหมาตัวน้อยๆ ที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนน ซึ่งมักพบเห็นได้ตามสถานที่ทั่วไป ดะ…เดี๋ยวนะ! ผมกำลังเอาผีกับหมามารวมไม่ใช่หรือไง ไม่ๆๆ แยกพวกมันออกจากกันเดี๋ยวนี้ ผีก็ส่วนผี หมาก็ส่วนหมาสิวะ!

“ไม่ไหวแฮะ ไม่ออกเลย”

ทั้งที่ตอนลองใส่ก็ไม่ได้ยัดเข้าไปหรือรู้สึกคับเลยแท้ๆ แต่ทำไมตอนถอดถึงได้ถอดไม่ออกกันล่ะ ไม่เข้าใจเลย!

“ทำยังไงก็ไม่ออกหรอกครับลินลิน ผมบอกแล้วไงว่า แหวนวงนี้เลือกลินลินแล้ว ไม่งั้นลินลินคงมองไม่เห็นผมหรอก”

“เฮ้ยยย! เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”

“ผมเป็นผีนะ จะแวบไปที่ไหนก็ได้”

แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่กูกำลังอาบน้ำเฟ้ย!

อาบน้ำ…อาบน้ำเหรอ

“ว้ากกกกกกกกกกกก!!!”

หมับ!

ร้องตะโกนลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพล่อนจ้อน ไม่มีอะไรปกปิดเลยสักชิ้น จึงต้องหันไปคว้าเอาขันน้ำมาปิดเจ้าลูกชายที่ด้านหน้าไว้ก่อนชั่วคราว

บัดสีบัดเถลิงที่สุด!

“ว่าแต่…ทำไมน้องช้างของลินลินถึงหดเหลือแค่นั้นเองล่ะครับ หนาวเหรอ”

หนาวห่าอะไรล่ะ! ของกูมันอันเท่านี้อยู่แล้วเว้ย จะถามให้กูเจ็บช้ำน้ำใจไปเพื่ออะไร…

ปังๆๆ!

“น้องลิน น้องลินเป็นอะไรลูก น้องลิน!”

“ปละ…เปล่าครับพ่อ ผมแค่ตกใจแมลงสาบนิดหน่อย ไม่เป็นไรแล้วครับ”

“โล่งอกไปที นึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นซะอีก ถ้าอย่างนั้นพ่อไปนอนต่อก่อนนะ ถ้ามีอะไรรีบเรียกพ่อเลยนะ เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับพ่อ ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ”

รอจนมั่นใจว่าพ่อเดินกลับไปถึงที่นอนของตัวเองแล้วแน่ๆ จึงค่อยหันมาส่งสายตาเขียวปั๊ดให้ไอ้เด็กผีที่ยืนก้มหน้าจ๋อยอยู่ตรงหน้า

“ขอโทษคร้าบบบ…”

ไม่ต้องมาทำเป็นลากเสียงยานคางให้ดูน่ารักเลยมึง!

มือข้างหนึ่งมีขันปิดน้องจุ๊ดจู๋เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นบีบนวดขมับ เหมือนจะถูกไมเกรนกินกบาลแบบเฉียบพลันซะแล้วสิ

กูเครียดดดดดด!

“ออกไปก่อนได้ไหม”

“ได้ครับ…”

ไม่ต้องมาทำเสียงจ๋อยใส่กูด้วย! กูไม่สงสารหรอกเว้ย!

“เดี๋ยวฉันอาบน้ำเสร็จค่อยคุย เวลาอาบน้ำคือเวลาส่วนตัว เข้าใจหรือเปล่า”

ซะเมื่อไหร่…

ใจอ่อนเต็มๆ เลยนี่หว่า อ๊ากกก! เกลียดตัวเอง

เจ้าผีเด็กเงยหน้ายิ้มหวานเมื่อน้ำเสียงในประโยคหลังของผมอ่อนลง ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ แล้วเดินทะลุกำแพงกลับออกไป หัวใจหล่นตุ้บไปที่ตาตุ่ม!

อีกหน่อยมันจะมีถอดหัวควักไส้ออกมาโชว์ให้กูดูแบบในหนังไหมเนี่ย ยิ่งขวัญอ่อนอยู่ด้วย

ซ่า…

ตักน้ำขึ้นมาราดฟองสบู่ที่มือซ้ายออก แหวนเงินตกกระทบกับแสงไฟนีออนบนเพดานจนเกิดประกายวาววับขึ้นมา

“ทำไมถึงถอดไม่ออกกันนะ”

ที่สำคัญ หากเป็นอย่างที่เด็กผีตนนั้นพูดจริงๆ ทำไมแหวนวงนี้ถึงได้…เลือกผมล่ะ

 

“ลินลินตั้งชื่อให้ผมหน่อยสิครับ นะๆๆ ตั้งชื่อให้หน่อยน้า!”

“ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ น่ารำคาญจริงๆ เลย!!!”

ตวาดกลับไปอย่างหัวเสีย คนยิ่งกำลังคิดหาเหตุผลว่าทำไมแหวนวงนี้ถึงเลือกผม แล้วตราบใดที่ผมยังถอดแหวงวงนี้ไม่ได้ เจ้าเด็กผีนี่ก็จะ ‘ตามติด’ ผมไปทุกหนทุกแห่งแบบนี้น่ะเหรอ

“เอ่อ…ลินลินครับ”

“อะไรอีกล่ะ”

“คือผมก็ดีใจหรอกนะที่ลินลินยอมคุยกับผมแบบปกติ แต่ว่า…ลินลินคุยเสียงเบาๆ ก็ได้นะ คนอื่นเขามองกันหมดแล้ว”

คำว่า ‘คนอื่น’ ของเขาทำให้ผมสำนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ค่อยๆ หันไปมองรอบๆ จำได้ว่าก่อนหน้านี้มันเบียดเสียดและเต็มไปด้วยผู้คน ทว่าจุดที่ผมยืนอยู่ในตอนนี้กลับว่างเปล่าไม่มีใคร เนื่องจากทุกคนพากันขยายออกเป็นวงกว้างโดยทิ้งผมไว้ตรงกลาง

สายตาของพวกเขามองมาราวกับผมเป็นคนบ้า…

“เอ่อ…”

เอี๊ยด!!!

รถเมล์จอดหยุดรถที่ป้ายถัดไป ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากอธิบายหรือแก้ตัว สิ้นเสียงเบรกอันดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนบนรถต่างกรีดร้องโวยวายแย่งกันลงจากรถไปจนหมด…

หมดจริงๆ...

แม้แต่คนขับกับกระเป๋ารถเมล์ก็ไม่เหลือ!!!

“แหะๆ พะ…พวกเขาดูกลัวลินลินนะครับ”

คิดว่ามันเพราะใครกันล่ะโว้ยยย!

ผมทำหน้าบึ้งตึงมองไปยังตัวต้นเหตุที่ยืนตัวลีบและกำลังยกมือท่วมหัวเพื่อไหว้ขอโทษผม รู้ตัวเหมือนกันสินะว่าเป็นเพราะใคร!

อีกแค่ป้ายเดียวก็จะถึงมหาวิทยาลัยของผมแล้ว เดินเอาก็ได้วะ เพราะขืนอยู่ในรถต่อไปก็เสียเวลาเปล่า ในเมื่อไม่มีแม้แต่คนขับแบบนี้ ผมเดินลงมาจากรถก็เจอผู้โดยสารที่ยังยืนออกันอยู่ ทุกคนต่างพากันผงะตกใจและหลบทางให้ผมเดิน จนกระทั่งผมเดินพ้นป้ายรถเมล์มาแล้ว…

ตึกๆๆ! ตึกๆๆ!

บรืนนนนนน!

พวกเขาพากันวิ่งกลับขึ้นรถจนหมด ก่อนที่คนขับจะสตาร์ทรถขับออกไปด้วยความเร็วแสง ให้ตายสิ! จ่ายค่ารถไปแล้ว แต่กลับต้องลงโดยที่ยังไม่ถึงป้ายที่ต้องการ แบบนี้ขาดทุนฉิบหาย!

“ลินลิน โกรธผมเหรอครับ ผมขอโทษนะ…”

เจ้าผีเด็กตามมาเดินข้างๆ พอได้เห็นหน้าชัดๆ แบบนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าหมอนี่ดูดีแฮะ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาและหล่อเหลาเอาการเลย นี่ถ้าผมไม่ได้เจอครามและตกหลุมรักหมอนั่นไปก่อน ไม่แน่ว่าผมอาจจะตกหลุมรักเด็กคนนี้ก็ได้นะเนี่ย ยิ้มที...โลกสดใสไปทั้งใบเลย

อ๊ะ…ไม่สิ ลืมไปว่ามันเป็นผี

โธ่เว้ยยย! ความหน้าตาดีของไอ้เด็กคนนี้ทำผมสับสนไปหมดแล้ว

“ไม่ได้โกรธ แค่เสียดายเงินค่ารถเมล์”

ตอบกลับไปตามความจริง

“งั้นเหรอ ดีใจจัง ลินลินเนี่ย…เป็นคนใจดีจังเลยเนอะ”

“ฉันใจดีกับสิ่งที่ควรใจดีเท่านั้นแหละ แต่กับนาย…”

ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงใจร้ายใส่ไม่ลง!

ผมพยายามกระซิบกระซาบคุยกับเขาให้เสียงเบาและปากขยับน้อยที่สุด เพราะแม้จะไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ในระหว่างที่จะเดินไปยังป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย แต่ก็มีคนเดินสวนไปสวนมาอยู่เหมือนกันนะ ลำพังสภาพเฉิ่มเชยอันน่าหดหู่ของผม ก็ทำให้ไม่มีใครอยากคบหาด้วยพอตัวอยู่แล้ว ขืนพ่วงอาการพูดคนเดียวออกไปอีก คงโดนจับส่งโรงพยาบาลบ้าชัวร์ๆ

“เอาเป็นว่าเย็นนี้ฉันจะพานายกลับไปที่ร้านกิฟต์ช็อปนั่นอีกครั้ง คุณลุงคนนั้นต้องรู้อะไรแน่ๆ ถึงได้คะยั้นคะยอให้ฉันซื้อแหวงวงนี้มาเหลือเกิน เพราะงั้นตอนนี้นายจะไปไหนก็ไป พอฉันเลิกเรียนแล้วค่อยโผล่ไปหาฉันละกันนะ ไปละ…”

บอกลาเจ้าเด็กผีเมื่อมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยพอดี

ผมกำลังจะข้ามถนนตรงประตูของมหาวิทยาลัยเพื่อความไปอีกฝั่ง ทว่า…

“ลินลิน ระวังครับ!”

ขวับ!

พรึ่บ!

หมับ!

“อ๊ะ!”

เสี้ยววินาทีนั้น ผมหันหน้ากลับไปมองอีกฝ่ายที่ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตกใจ จนขาที่กำลังจะก้าวลงจากฟุตบาทเกิดพลิก ทำให้ร่างกายเซไปตามแรงโน้มถ่วง ประจวบกับมีรถยนต์กำลังจะแล่นออกจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว ลินลินที่เบิกตากว้างอย่างตกใจเอื้อมมือมาหาเพื่อจะคว้าแขนผมไว้ แต่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า เพราะเราไม่อาจสัมผัสกันได้ โชคดีที่ใครบางคนซึ่งกำลังจะเดินผ่านมาพอดีดึงผมกลับเข้าไปได้ทัน

“ระวังหน่อยสิ”

“ขะ…ขอบคุณมากนะครับ ขอโทษที่ทำให้เดือด…”

“…”

“คระ….คราม…”

ร่างสูงที่ดึงแขนผมเอาไว้ยังคงไม่ปล่อยมือออกจากแขนของผม ใบหน้าเรียบนิ่งดูเย่อหยิ่งไม่เหมือนครั้งแรกที่เจอกัน กำลังจ้องผมตาไม่กะพริบ

ผมไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น