1

ผมคือสตอล์กเกอร์


 

Chapter 1

ผมคือสตอล์กเกอร์

“กรี๊ด! ดูนั่นสิ นั่นใช่ครามเดือนคณะนิเทศหรือเปล่า”

“จริงด้วย หล่อเว่อร์วังอลังการมาก หล่อจนน่าดักฉุดเอาไปทำพ่อของลูก อ๊ายยย!”

“คราม ครามคะ กรี๊ดดด!”

“กรี๊ดดดดดด!”

“หล่อที่สุดเลยค่า อ๊ายๆๆ อ๊ายๆ”

ผู้คนมากมายโดยเฉพาะหญิงสาวต่างพากันส่งเสียงอึกทึกพร้อมกับกรูกันเข้าไปหาชายหนุ่มที่เรียกได้ว่าฮอตที่สุดในมหาวิทยาลัยและกำลังมาแรงมากในตอนนี้ ด้วยเขาคือตัวเก็งที่สุดที่จะประกวดเดือนมหาวิทยาลัย ทำให้มีคนมากมายเฝ้าติดตามเขา เพราะไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้นที่ดีผิดมนุษย์ทั่วไป แต่โปรไฟล์ตั้งแต่ฐานะทางบ้านยันอุปนิสัยและการเรียนก็ไม่น้อยหน้าเลย

เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็กต์!

“ถ้าได้มาเป็นพ่อของลูก ฉันคงตายตาหลับ”

หงึกๆๆ

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของใครก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาแฟนมุงทั้งหลายของครามที่มายืนรายล้อมดูเขาเล่นบาสกับเพื่อนๆ เหมือนทุกวัน

พวกเธอพูดถูก ถ้าได้มาเป็นพ่อของลูกก็คงจะดี

คิดในใจพลางยกมือขึ้นลูบที่ท้องของตัวเอง ลูก…งั้นเหรอ…

เพียะ!

“โอ๊ย!”

“ตื่นๆๆ แกมีมดลูกกับเขาที่ไหน ไม่ต้องมามโนว่าจะได้มีลูกกับไอ้ครามหน่อยเลย”

“ยุ่งน่า”

ย่นหน้าใส่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตลอดชีวิตอย่างไอ้ ‘หนุงหนิง’ หญิงสาวแสนห้าว ซึ่งบางทีมันก็แมนกว่าผมเสียอีก มันเป็นเพียงคนเดียวบนโลกนี้ที่รู้ว่าผมคิดอะไร…

“ฉันว่าแกพอสักทีเหอะ สามปีที่ผ่านมายังไม่เหนื่อยอีกเหรอวะ แกเฝ้าตามดูไอ้ครามเหมือนพยาธิในตูดมันมานานแล้วนะเว้ย มันเคยเห็นหัวแกที่ไหน ชื่อแกยังจำไม่ได้เลยมั้ง”

“ตะ…แต่ครามเคยฝากสมุดการบ้านให้ฉันเอาไปส่งอาจารย์ด้วยนะเว้ย”

“มันก็แค่เห็นว่าแกรวบรวมสมุดการบ้านของเพื่อนในห้อง ก็เลยเดินเอามาฝากไปด้วยเฉยๆ ปะ เรียนห้องเดียวกันมาสามปี ลากยาวมาจนเข้าปีหนึ่ง มันเคยพูดอรุณสวัสดิ์กับแกสักคำไหม”

“อะ…อาจเป็นเพราะตอนเช้าๆ เราไม่ได้เจอกันก็ได้ ครามเลยไม่ได้ทักฉัน”

“อ๊ากกก! อกอีแป้นจะแตก ฉันจะบ้าตาย อะไรทำให้แกหลงมันได้ขนาดนี้วะเนี่ย!”

“เรื่องนั้น…”

เป็นความลับของผมเพียงคนเดียว

 

ย้อนกลับไปตอนปฐมนิเทศชั้น ม.4

“สายแล้วๆๆๆ แย่แน่ๆ เลย ต้องถูกทำโทษแน่ๆ”

ผมในวัยสิบหกปีกำลังวิ่งตรงไปทางหอประชุมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปฐมนิเทศในวันนี้อย่างเร่งรีบ หลังจากกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์วินที่โบกนั่งมาจากที่บ้าน เมื่อคืนเผลอดูอนิเมะดึกไปหน่อยก็เลยตื่นสาย อุตส่าห์คิดว่าพ่อจะปลุก แต่พ่อเองก็ตื่นสายจนเกือบไปทำงานไม่ทันเหมือนกัน

ตึก…ตึก…

“จะไปไหน!”

เอี๊ยดดด!

เบรกฝีเท้าแทบไม่ทัน เพิ่งรู้ว่าตรงทางขึ้นบันไดของหอประชุมก็มียักษ์ปักหลั่นเฝ้าอยู่ด้วย! ผมค่อยๆ ถอยหลัง กอดกระเป๋าสะพายของตัวเองไว้แนบอก มีหนึ่งเลื่อนขึ้นขยับขาแว่นตากรอบดำอันใหญ่ของตัวเอง ตัวสั่นงกๆ ด้วยความกลัว

“ปะ…ไปปฐมนิเทศครับ”

“คิดว่าตอนนี้มันกี่โมงกัน หา! รุ่นพี่นัดรวมพลก่อนปฐมนิเทศตอนเจ็ดโมงสี่สิบไม่ใช่หรือไง!”

ยักษ์เบอร์หนึ่งตวาดกร้าว

อ๊ากกก! กูอยู่แค่ม.4 นะเว้ย ม.4 นี่เขามีพี่ว้ากมารอต้อนรับกันแล้วเหรอ ฮือออ

“ขะ…ขอโทษครับ!”

“คิดว่าขอโทษแล้วมันหายเรอะ!”

“ถ้าไม่หาย รุ่นพี่ก็ไปหาหมอสิครับ”

“นี่ยอกย้อนใช่ไหม!”

เอ๊า! กูแค่แนะนำเฉยๆ เองนะ ยิ่งไปกว่านั้น…ตวาดเสียงดังจนลูกกระเดือนสั่นไปหลายริกเตอร์ ไม่เจ็บคอบ้างหรือไงฟะ

“โอ๊ย! นั่นพี่หยาดฟ้าคนสวยถูกเปิดกระโปรง!”

“ว่าไงนะ!!!”

ขวับ!

หมับ!

“อ๊ะ!”

“ชู่! หนีกันเถอะ”

ใครคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จักคว้าข้อมือผมแล้วพาวิ่งหนีออกมาหลังจากรุ่นพี่ยักษ์วัดแจ้งทั้งสองหันหลังไปมองอะไรบางอย่างที่ผมเดาว่าสาเหตุคงมาจากประโยคพูดลอยๆ ของใครบางคนนั่น

ในหัวยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สองขาก็ยังคงวิ่งต่อไปตามแรงดึงของคนที่ช่วยพาผมหนีออกมา ดูจากชุดและดาวบนอกเสื้อแล้ว เขาคงอยู่ม.4 เหมือนผมแน่ๆ แต่ใครกันหว่า แล้วเรารู้จักกันด้วยเหรอ

“แฮกๆ น่าจะปลอดภัยแล้วละ ดีนะที่เข้าบอร์ดของโรงเรียนนี้ก่อนจะมา ถึงได้รู้ว่าดาวโรงเรียนนี้ชื่อหยาดฟ้า และพวกรุ่นพี่ผู้ชายก็พากันเทิดทูนเธอมากด้วย”

คนที่พาผมวิ่งออกมาพูดเจื้อยแจ้ว แต่ยังหอบแฮกๆ ไม่เลิก พอมาหยุดวิ่งแบบนี้แล้ว ผมเลยได้มองหน้าบุคคลแปลกหน้าคนนี้ชัดๆ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดกับผิวขาวๆ เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมาก รูปร่างสูงโปร่งกับบุคลิกที่ดูซุกซนและร่าเริงตามวัย สะกดใจผมในทันที

สดใสจัง

ช่างแตกต่างกับผมราวฟ้ากับเหว

“งั้นฉันขอตัวนะ จากนี้ก็หาทางขึ้นหอประชุมเอาเองละกัน แต่ระวังอย่าให้ถูกพวกรุ่นพี่จับได้อีกล่ะ ไม่งั้นโดนลงโทษแย่”

“…”

“ว่าแต่ ทำไมนายถึงมาสายล่ะ ท่าทางคงแก่เรียนแบบนี้ ไม่น่ามาสายได้นะ อย่างฉันนี่ เมื่อคืนเที่ยวดึกไปหน่อย เลยตื่นสาย ว่าไงล่ะ เฮ้! เป็นใบ้เหรอ”

หมับ

มือหนาจับเข้าที่หน้าผมพลางยื่นหน้าเข้ามาพินิจพิจารณาใกล้ๆ นั่นยิ่งทำให้ผมเห็นใบหน้าของเขาเต็มตามากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่ดูดีเหมือนถูกปั้นแต่งมาเพื่อให้เป็นเทพบุตร

ตึกๆ! ตึกๆ! ตึกๆ!

เป็นครั้งแรกที่หัวใจเต้นแรงขนาดนี้

“ไม่เป็นมิตรเอาซะเลยนะนาย คนอุตส่าห์ช่วยออกมาจากรุ่นพี่แท้ๆ ขอบใจสักคำยังไม่มี งั้นฉันไปละ อย่าให้โดนจับได้อีกเป็นครั้งที่สองนะ เพราะฉันจะไม่ช่วยนายแน่ๆ”

ป๊อก!

ว่าพลางดีดนิ้วใส่หน้าผากผมหนึ่งทีก่อนจะผละออกไป ผมยืนมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอยู่ไม่ถึงสามวินาทีก็ถลาวิ่งตามและคว้าตัวเขาเอาไว้

หมับ!

“หือ?”

“เอ่อ…”

“ไม่ได้เป็นใบ้สินะ แล้ว…มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”

“ชะ…”

“ชะ?”

ร่างสูงกว่าผมเกือบคืบเอี้ยวคอหันมามอง ขนาดขมวดคิ้วแม่งยังหล่อเลย

“ชื่อ…”

“…”

“นายชื่ออะไรเหรอ”

“…”

“…”

“คราม ฉันชื่อคราม ยินดีที่ได้รู้จักนะไอ้แว่น”

รอยยิ้มแรกจากเพื่อนคนแรกของการขึ้นชั้นมัธยมปลายของผมก็คือ…คราม

 

เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นครามก็กลายเป็นหนุ่มฮอตที่มีเพื่อนๆ คอยห้อมล้อมจนผมไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้เราจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่การที่เราต่างกันมาก มันทำให้เราเหมือนอยู่กันคนละโลก เขามีโลกของเขา และผมก็มีโลกของผม โลกของเราเลยไม่มีทางบรรจบกันได้เลย จนกระทั่งตอนนี้…

ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม

แต่ผมมีความสุขมากนะ กับการได้แอบชอบคราม แม้จะเป็นการแอบชอบเพียงฝ่ายเดียวโดยที่เขาไม่รู้อะไรด้วยเลยก็เถอะ

“ไอ้ลิน ระวัง!”

พลั่ก!!!

สิ้นเสียงบอกให้ระวังของไอ้หนิง ร่างของผมก็หงายหลังล้มตึงไปกองกับพื้น พร้อมกับแรงกระแทกที่เบ้าหน้าแบบเต็มสตรีม

อุกกาบาตตกใส่กูเรอะ!

“ไอ้ลิน!”

ไม่จริง…เมื่อกี้มันยังสว่างอยู่เลยนี่หว่า ไหงดาวขึ้นเต็มท้องฟ้าเลยวะเนี่ย

“อ๋อย! ดาว ดาวเต็มเลยไอ้หนิง”

“ตั้งสติเพื่อน! นี่เพิ่งบ่ายสาม ดาวบ้านป้าแกสิมาขึ้นตอนนี้”

“ตะ…แต่ฉันเห็นจริงๆ นะเว้ย ขึ้นมาเต็มไปหมดเลย อ๊ะ! นั่นดาวแม่แน่ๆ ไอ้หนิง สว่างที่สุดเลยว่ะ”

อาการเบลอจากแรงกระแทกของอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้าใส่ผมเมื่อกี้ ทำให้สติค่อนข้างได้รับความเสียหาย นัยน์ตาก็พร่าเลือนนิดๆ อาจเพราะแว่นมันหล่นหายไปตอนล้มเมื่อกี้ ทำให้ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดนัก

“เอ่อ ไม่ใช่ดาวเว้ยไอ้ลิน เดือน…”

“เดือน? แกหมายถึงพระจันทร์เหรอ”

“ขอลูกบาสคืนด้วย”

“ใครอะ”

หยีตาเพื่อพยายามเพ่งมองเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยไม่น้อย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะมองออกว่าคนที่มาขอลูกบาสคือใคร ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดโวยวายดังขึ้นเสียก่อน

“กรี๊ด! ดูนี่สิ นี่มันรูปตัดต่อนี่ ตัดเอารูปของครามมาแปะกับรูปของตัวเอง แล้วก็แปะสติกเกอร์หัวใจตรงกลางด้วย!”

คำบรรยายเหล่านั้นทำเอาสะดุดกึก นึกเอะใจว่ามันช่างคุ้นเสียเหลือเกิน เหมือนรูปที่ผมพกไว้ในกระเป๋าตังค์เลย

หมับ…

กระเป๋าตังค์…

กระเป๋าตังค์!

“อะ…ไอ้หนิง อย่าบอกนะว่า…”

“อย่างที่แกคิด รูปไอ้ครามที่แกพกไว้ในกระเป๋าตังค์นั่นแหละ”

เหี้ย!

บรรลัยแล้วไหมล่ะ เสียงซุบซิบดังระงมขึ้นในเวลาแค่ไม่กี่วินาที ผมรู้โดยไม่ต้องมองเห็นชัดเลยว่าตอนนี้รูปในกระเป๋าตังค์คงถูกส่งต่อไปเรียบร้อยแล้ว

หมดกัน!

หมดกัน!

“ไอ้หนิง ครามอยู่ไหน อย่าให้เขาเห็นรูปนี้นะเว้ย เอาคืนให้ฉันที ฉันหาแว่นแป๊บ”

“เอ่อ…”

“เร็วสิวะ จะให้ครามเห็นไม่ได้นะเว้ย!”

“ไอ้ลิน คือว่า…!”

“หานี่อยู่ใช่ไหม”

บางสิ่งที่พอมองเห็นได้รางๆ ว่ามีลักษณะคล้ายแว่นถูกส่งมาให้ ผมรีบคว้าเอามาสวมโดยไม่ลืมขอบคุณผู้มีพระคุณ จะได้รีบไปฉกเอารูปคืนมาก่อนที่ครามจะเห็น

“ขอบคุณมากครับที่ช่วย…!”

“…”

“…”

“…”

“คระ…คราม…”

แควก! แควก! แควก!

ร่างสูงในสภาพเหงื่อท่วมจากการเล่นบาสที่มานั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า ชูสิ่งที่ผมตั้งใจจะไปแย่งกลับคืนมาตรงหน้า ก่อนจะจัดการฉีกทำลายมันจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และ…

พรึ่บ!  

โยนมันทิ้งขึ้นฟ้าจนปลิวว่อนไปทั่ว เศษภาพเหล่านั้นหล่นใส่บนตัวผมที่วิญญาณและหัวใจหลุดออกจากร่างไปพร้อมกันตั้งแต่วินาทีที่ได้แว่นคืน และรู้ว่าคนตรงหน้าคือเขาแล้ว…

“ขยะแขยง”

“!!!”

สายตาเย็นยะเยือกกับน้ำเสียงแข็งกร้าว กรีดลึกลงในหัวใจจนกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยสมน้ำหน้าผมดังระงมอยู่รอบตัว

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น