4

Chapter 04


Chapter 04

แสงจันทร์สุกสว่าง อันตราย, ไม่ควรแอบส่องสาวในห้องอาบน้ำ

คืนนั้น เวลาราวสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน เป็นเวลาพักระหว่างคาบเรียนตอนกลางคืนพอดี เหมือนที่โรงเรียนภาคกลางวันต้องมีพักเที่ยงนั่นเอง

หอหญิงเป็นอาคารรูปตัว H ห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เป็นของส่วนกลางจะอยู่ในตึกแนวนอนที่เชื่อมระหว่างอาคารทั้งสองหลัง

ตัวอาคารอยู่ชิดกับแนวป่า หน้าต่างระบายอากาศบนกำแพงอิฐอยู่สูงเหนือพื้นสามเมตร มีไอน้ำอุ่นๆ สีขาวลอยออกมาเป็นระยะ พร้อมกับกลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่หอมฟุ้งตามลมออกมา เป็นกลิ่นหอมยวนใจในภาพฝันสีชมพูของชายหนุ่มหลายคน

ด้านล่างกำแพงสูงคือพุ่มไม้เตี้ยสำหรับตกแต่งภูมิทัศน์ เงาตะคุ่มสามร่างทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ท่ามกลางความมืดของม่านราตรี

ตึ๊งดึ่ง!

เสียงร้องเตือนข้อความเข้าดังออกมาจากมือถือ

เอ็มเมอรัลด์ก้มอ่านข้อความอย่างรวดเร็วแล้วกระซิบว่า “จูเยว่ส่งข้อความมา เขาบอกว่าโมมิจิเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้ว”

“ถ้างั้น” ฝูซิงกลืนน้ำลาย “รวมเวลาถอดเสื้อผ้าอะไรด้วยแล้ว เขาก็น่าจะเข้ามาถึงที่ห้องอาบน้ำในอีกประมาณห้านาทีใช่ไหม”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแอบเข้าห้องอาบน้ำหญิง เด็กหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ ฝ่ามือชื้นจนรู้สึกแฉะ

“ใช่ เราต้องเตรียมตัวลงมือกันแล้ว” เอ็มเมอรัลด์หยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วดึงจุกเปิด เขาส่องเข้าไปในขวดครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนใจแล้วค่อยๆ เทผงในขวดลงบนฝ่ามือแล้วโปรยใส่ตัวฝูซิงด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ “อันนี้แพงมากเลยนะ...”

“นี่ก็เพราะพวกเราต้องช่วยนายไม่ใช่หรือไง!” ฝูซิงพูดสวนอย่างอารมณ์เสียหน่อยๆ “ผงพรางตัวของนายนี่ใช้ได้ผลแน่เหรอ”

“แน่นอน แถมยังมีคุณสมบัติกันน้ำระดับพื้นฐานด้วยนะ ถ้านายไม่ได้โดนน้ำสาดใส่แบบเปียกโชก ไม่มีใครเห็นตัวนายแน่”

“เหรอ แล้วทำไมฉันยังเห็นนายอยู่เลยล่ะ”

“ถ้าใช้ผงพรางตัวนี่พร้อมกัน ผงจะไม่มีฤทธิ์กับอีกฝ่าย เราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาเพราะมองไม่เห็นเพื่อนร่วมทีมไง”

“อ้อเหรอ” พอเห็นสีหน้าอาลัยอาวรณ์ของเอ็มเมอรัลด์แล้ว ฝูซิงก็ใจชื้นขึ้นอีกหน่อยว่าผงนี้น่าจะไม่ใช่ของปลอม

“นี่ๆ ถามหน่อยสิ” โรคอร์ตที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามอย่างงุนงง “พวกเราจะเข้าไปในห้องอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องมายืนรอตรงนี้ด้วยล่ะ”

“ลอดหน้าต่างระบายอากาศนั่นเข้าไปก็เจอห้องอาบน้ำหญิงอยู่ข้างในแล้ว”

“ฉันรู้” โรคอร์ตเกาหัวแกรกๆ “แต่ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากด้วยล่ะ เดินเข้าไปเลยไม่ได้เหรอ”

“ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน” เอ็มเมอรัลด์โปรยผงใส่ตัวโรคอร์ต “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าปกติมีสาวๆ มาชวนท่านโรคอร์ตสุดหล่อเข้าไปอาบน้ำด้วยกันหรือเปล่า แต่เป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้มันไม่ใช่แบบนั้น”

“โรคอร์ต มีคนเคยชวนนายไปอาบน้ำจริงๆ น่ะเหรอ” ฝูซิงถามด้วยสีหน้าประหม่า

มุมปากของโรคอร์ตยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ “ต่อให้ไม่มี ฉันก็เข้าไปในนั้นโดยไม่ต้องรอให้คนเชิญได้อยู่ดี”

“นี่นายกำลังอวดพวกเราอยู่ใช่ไหม!”

“เบาเสียงหน่อย” เอ็มเมอรัลด์ตะคอก “พวกเรามีเวลาไม่เยอะ ปีนขึ้นหน้าต่าง เข้าไปในห้องน้ำ หาตัวโมมิจิ ดึงขนหาง เผ่นแน่บ ตามนี้นะ ทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด”

“ฉันไม่เคยปีนกำแพงมาก่อนเลยนะเนี่ย!” ใบหน้าของโรคอร์ตระบายด้วยความตื่นเต้น เขาพึมพำท่องมนตร์เบาๆ จากนั้นแค่เขย่งเท้านิดเดียวก็โดดขึ้นไปยืนเหนือขอบหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย

ฝูซิงไม่มีทักษะพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น จำต้องอาศัยการปีนป่ายตามท่อน้ำขึ้นไปข้างบนอย่างงุ่มง่าม

โรคอร์ตยื่นมือมาช่วยดึงฝูซิงปีนขึ้นกำแพง เขาออกแรงเยอะมากกว่าจะดึงตัวอีกฝ่ายขึ้นมาข้างบนได้

“ตรงนี้แคบมาก งั้นพวกเราเข้าไปก่อนนะ?” โรคอร์ตดึงตัวฝูซิงพลางพูดกับเอ็มเมอรัลด์ที่ยืนรออยู่ข้างล่าง

“โอเค”

“ขนหางของโมมิจิเป็นสีแดงเหมือนสีผมของเขาใช่ไหม”

“ใช่ เป็นสีน้ำตาลแดงเหมือนเปลวเพลิงน่ะ...เฮ้ย!” จู่ๆ เอ็มเมอรัลด์ก็นึกเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมาได้

โมมิจิเป็นปีศาจจิ้งจอก จิ้งจอกเพลิงเป็นธาตุไฟ—แต่ภารกิจของเขาคือการหาขนหางของจิ้งจอกหิมะต่างหาก!

“หยุดก่อน! อย่าเพิ่งเข้าไป! รีบลงมาเร็วเข้า!”

“หา!?” ฝูซิงลำบากแทบตายกว่าจะปีนขึ้นมาข้างบนได้ จังหวะที่เขากับโรคอร์ตกำลังปีนข้ามหน้าต่าง จู่ๆ ลมแรงจัดอย่างผิดธรรมชาติหอบหนึ่งก็พัดพวกเขาหล่นจากขอบหน้าต่างเข้าไปด้านใน

“อ๊ากกก!!!—” ทั้งสองทิ้งดิ่งลงสู่พื้น โชคยังดีที่ด้านล่างเป็นอ่างน้ำ เลยไม่มีแผลบาดเจ็บตรงไหน

แต่...น้ำจะชะผงแป้งออกจากตัว ทำให้เกราะอำพรางของผู้บุกรุกทั้งสองอันตรธานไปในพริบตา!

“กรี๊ดดด!”

“มีคนบุกเข้ามาในนี้!”

“เป็นผู้ชาย!”

เสียงกรีดร้องสะท้อนก้องไปทั่ว ตามด้วยเสียงสิ่งของถูกเขวี้ยงกระทบพื้น ทั้งกระบวยน้ำ สบู่ ขวดแชมพูทั้งหลายกระหน่ำเข้ามาไม่หยุดหย่อนราวกับก้อนอุกกาบาตจากท้องฟ้า ทำให้ผู้บุกรุกถูกซัดจนหน้าบวมตุ่ยไปหมด

“ซะ...ซวยแล้ว! รีบหนีเร็ว!” ฝูซิงทนความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามา ละอองน้ำและฟองสบู่ไหลเข้าตาจนลืมตาไม่ขึ้น เขารีบคว้าตัวโรคอร์ตที่อยู่ข้างๆ ตั้งท่าจะกัดฟันพุ่งตัวออกจากวงล้อมโดยเร็วที่สุด

ข้อมือของโรคอร์ตเล็กกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดอะไรไม่เป็นเรื่อง ความคิดอย่างเดียวในหัวเขาตอนนี้คือต้องหนีให้พ้นจากนรกที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและก้อนอุกกาบาตโดยเร็วที่สุด

ทันใดนั้นเอง ลมประหลาดเมื่อครู่ก็พุ่งเข้าจู่โจมพวกเขาอีกระลอก คราวนี้ลมหอบเอาผงสีเทาเงินกระจายไปในอากาศกลายเป็นหมอกจางๆ ห้อมล้อมผู้บุกรุกทั้งสองไว้ จากนั้นก็เริ่มหมุนคว้างราวกับพายุเฮอริเคน เพียงอึดใจ ร่างของทั้งสองก็ถูกกลืนหายไปในใจกลางของพายุหมุน

 

เวลาเดียวกันนั้น ที่หอพักอาจารย์

กรอทท์กำลังนั่งอย่างงามสง่าอยู่ข้างเตาผิงในห้องที่ตกแต่งด้วยไม้ มือบรรจงทาสีที่เล็บเท้าอย่างระมัดระวัง เหนือเตาผิงคือขาตั้งโลหะแบบสามขาที่มีลูกแก้วคริสตัลโปร่งใสวางอยู่ด้านบน สีสันในลูกแก้วหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ราวกับมีสายน้ำหลากสีไหลเรื่อยล้อแสงไฟอยู่ในนั้น

กริ๊ง!

ลูกแก้วส่งเสียงร้องใสกังวาน จุดสีชมพูกะพริบสองทีก่อนจะหายวับไป

มุมปากของกรอทท์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

โอ๊ยโย้ยโหย! วัยรุ่นนี่พลังงานล้นเหลือดีเหลือเกิน...

วันนี้เด็กดวงกุดกลุ่มไหนแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนสวนแห่งความลับของซามุคาวะอีกล่ะเนี่ย

 

เพล้ง! ตูม!

ทิ้งดิ่งสู่ความเวิ้งว้างภาคสอง น้ำอุ่นท่วมล้อมร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองไว้อีกครั้ง

ถูกโจมตีแล้วหมุนเหวี่ยงรัวต่อกันเป็นชุด เวลานี้ฝูซิงกับโรคอร์ตเวียนหัวจนตาพร่าลายไปหมด

กะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” เสียงตะคอกแผดทะลวงแก้วหูของผู้บุกรุกทั้งสอง ทว่าคราวนี้กลับกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย หรือว่าตอนนี้พวกเขาเข้ามาอยู่ในห้องอาบน้ำชายแล้ว?

ฝูซิงพยายามพยุงตัวให้พ้นน้ำแล้วใช้มือขยี้ตาที่พร่าเลือนเพราะม่านน้ำ แล้วทัศนียภาพรอบด้านก็ปรากฏแก่สายตา

ที่นี่คือห้องอาบน้ำ แต่ขนาดเล็กกว่าห้องอาบน้ำรวมมาก มองแล้วเหมือนห้องอาบน้ำส่วนตัวในห้องชุดมากกว่า เหนือขอบอ่างน้ำสีน้ำเงินสลักประดับด้วยลวดลายสีทอง ภายในอ่างมีน้ำอุ่นอยู่เต็ม กลิ่นหอมหวานของแอพริค็อตลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ผิวน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่สีขาวละมุนมีวัตถุสีสันสดใสลอยละล่อง ฝูซิงเอื้อมมือออกไปคว้ามาดู

หืม...เป็ดยาง? นี่มันของเล่นสำหรับอาบน้ำให้เด็กไม่ใช่เหรอ

“เฮ่อฝูซิง!”

เสียงตะคอกอย่างกราดเกรี้ยวกึกก้องไปทั่วอีกครั้ง ฝูซิงรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูพิกล ร่างของฝูซิงสั่นระริกด้วยความสยองขณะเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่เขาเห็นคือเด็กชายผมดำอายุราวสิบสองหรือสิบสามแก้ผ้าล่อนจ้อนแช่น้ำอยู่ในอ่าง นัยน์ตาฉายประกายอำมหิตจ้องตรงมาที่เขา

เพื่อนจากที่โรงเรียนเหรอ แต่เขาไม่เห็นจำได้เลยว่ารู้จักใครหน้าตาแบบนี้? เอ...แต่มองไปมองมาก็คุ้นตาชอบกล “อะ...เอ่อ นายเป็นใครน่ะ”

“พวกเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! ไอ้พวกบ้า!”

“ที่นี่คือหอพักนักเรียนหรือเปล่า”

“ที่นี่หอพักอาจารย์!” เด็กหนุ่มแผดเสียงตะคอกอย่างโกรธจัด ดวงตาฉายอำมหิตราวกับพร้อมจะฉีกร่างฝูซิงเป็นชิ้นๆ แต่สถานการณ์ตรงหน้ากระอักกระอ่วนจนเขาไม่อาจลงมือ

“มะ...เมื่อกี้พวกเราไปทำธุระที่หอหญิง ไม่รู้ทำไมถึง...” ฝูซิงพยายามแก้ต่างอย่างอ้อมค้อมที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกลับถมึงทึงน่ากลัวกว่าเก่า

“คิดจะแอบเข้าไปในห้องน้ำหญิงงั้นเหรอ! ไอ้กรอทท์ตัวแสบ!” เด็กหนุ่มสบถอย่างกราดเกรี้ยว “ไอ้เด็กเวร! เธอสองคนคิดจะทำเรื่องสกปรกอะไร สารภาพมา!”

“หะ...หา!?” เรื่องที่พวกเขาทำไม่น่ารุนแรงขนาดนั้นนะ!

“อย่าทำไขสือ ดูสภาพของเจ้าเด็กนั่นสิ”

เจ้าเด็กนั่น? เขาหมายถึงโรคอร์ตเหรอ

ฝูซิงหันไปมอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ใช่โรคอร์ต แต่เป็นคนอื่น

เป็นผู้หญิง

ร่างผอมบางสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่เปียกน้ำจนมองทะลุเห็นผิวขาวเนียนใต้ร่มผ้า เครื่องหน้าหวานละมุนชวนมอง ผมสีเงินยาวสลวย ปลายหูยาวและแหลม ฝูซิงจำได้ทันที

นี่มันแฟรี่แสนสวยที่เขาเจอในคลาสเรียนอาคมครั้งแรกนี่นา!

ฝูซิงตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง เขาลืมไปสนิทว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เด็กหนุ่มเกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อยขณะหันไปพูดกับอีกฝ่าย “เอ่อ...สวัสดี ไม่เจอกันตั้งนานนะ...”

ดวงตากลมโตสีฟ้าใสราวท้องฟ้าของอีกฝ่ายกะพริบปริบๆ ใบหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มบางฉายแววงุนงง “พูดอะไรของนายน่ะ ฝูซิง”

“เอ๋? เธอจำฉันได้ด้วยเหรอ” ว้าว! ดีใจจังเลย!

มุมปากของสาวน้อยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหวานหยด “แหงสิ นี่ฉันเอง โรคอร์ต”

ฝูซิงตะลึงจนตาค้าง ผีเสื้อที่บินวนเวียนอยู่ในท้อง ถูกไม้ช็อตยุงไฟฟ้าฟาดตายเรียบในพริบตา

“ว่าไงนะ! ?” เด็กหนุ่มและฝูซิงโพล่งออกมาพร้อมกัน

“ไม่จริง!” ฝูซิงปฏิเสธอย่างเฉียบขาด เขาไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงตรงหน้า

สาวน้อยที่บอกว่าตัวเองคือโรคอร์ตยิ้มพลางพูดว่า “นี่คืออีกร่างหนึ่งของฉัน เมื่อกี้พอร่วงลงน้ำ ฉันกลัวว่าพวกผู้หญิงจะตกใจก็เลยแปลงร่างเป็นแบบนี้” พูดจบก็ดึงเสื้อเชิ้ตให้อีกฝ่ายดู “ดูสิ ชื่อฉันยังปักอยู่ที่เสื้อนี่เลย”

ฝูซิงชะโงกหน้ามองกระเป๋าอกบนเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่าย มีลายปักสีน้ำเงินเขียนขนาดเล็กจิ๋วที่ปักเป็นภาษาอังกฤษว่าโรคอร์ตอยู่จริงๆ

วินาทีที่ได้รู้ว่านางในฝันที่เขาจินตนาการถึงตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่แท้คือเพื่อนสนิทของเขาเอง ความฝันสีชมพูของเด็กหนุ่มผู้ไร้เดียงสาก็ถูกทำลายไม่เหลือเศษซากในพริบตา

“ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!” เสียงตะคอกของเด็กหนุ่มผมดำอีกคนที่นั่งอยู่ในอ่างดึงความสนใจของเขากลับมา “ไปรอฉันที่ห้องอาจารย์เดี๋ยวนี้! รอถูกทำโทษได้เลย!”

“นายเป็นใครน่ะ” ฝูซิงผู้ถูกทำลายความฝันมาสดๆ ร้อนๆ กำลังอารมณ์บูดมาก เขาหันไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสายตารำคาญ

“ซามุคาวะโมโหเหรอจ๊ะ” โรคอร์ตมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยแววตาไร้เดียงสา

“ซามุคาวะ?” ฝูซิงตกใจจนตาค้าง “นายคือซามุคาวะเรอะ! ?”

เป็นไปไม่ได้! ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไม่อาจหาความคล้ายคลึงระหว่างหนุ่มน้อยหน้าใสกิ๊งตรงหน้ากับลุงซามุคาวะหน้าบูดได้เลยสักนิด ทำไมพวกสปีชี่ส์พิเศษถึงชอบแปลงร่างแบบนี้เนี่ย! แกล้งกันชัดๆ!

“กรุณาระวังคำพูดด้วย!” เด็กหนุ่มตะคอกด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง ท่าทางก้าวร้าวอารมณ์ร้อนของเขา แม้จะให้ความรู้สึกที่ต่างจากลุงซามุคาวะเวลาสอนในคลาส แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ชะงัดไม่ต่างกัน

“คุณคือ...อะ...อาจารย์ซามุคาวะจริงๆ เหรอครับ” ฝูซิงมองหนุ่มน้อยวัยละอ่อนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แล้วสายตาก็ค่อยๆ เลื่อนไปที่เป็ดยางตัวน้อยที่ลอยละล่องอยู่เหนือผิวน้ำ “แล้ว...อาจารย์ก็ชอบเล่นกับของเล่นนี่เวลาอาบน้ำเหรอครับ”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มกลายเป็นสีแดงจัดในพริบตา “หุบปากน่า!” แล้วมวลพลังเวทก็เริ่มก่อตัวบนฝ่ามือ

“อย่าโมโหเลยน่า ซามุคาวะ” โรคอร์ตผุดลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปกอดซามุคาวะ เรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรกับส่วนอกอันอวบอิ่มและนุ่มนิ่มเบียดชิดกับใบหน้าของอีกฝ่าย เขาใช้สองนิ้วจิ้มที่มุมปากของหนุ่มน้อยแล้วดึงยกขึ้น รอยยิ้มบิดเบี้ยวฝืดฝืนปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่าย “ขนาดโมโหยังน่ารักเลยนะเนี่ย แต่ยังไงเวลายิ้มก็น่ารักกว่าแหละ”

“แก! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ซามุคาวะที่ถูกโรคอร์ตจับไปกอดแนบอก ใบหน้าแดงเถือก แต่ดูเหมือนว่าสาเหตุจะไม่ใช่เพราะความโกรธเพียงอย่างเดียว

“ทำไมเหรอ” โรคอร์ตจ้องหน้าซามุคาวะแล้วก้มลงมองเสื้อเชิ้ตที่ตัวเองสวมอยู่ “อ๋อ เสื้อเปียกๆ แนบติดตัวเลยรู้สึกไม่สบายเหรอ” โรคอร์ตพยักหน้า “งั้นฉันถอดออกละกัน” พูดจบก็ทำท่าจะปลดกระดุม

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ซามุคาวะตะโกนเสียงดังลั่นแล้วคว้ามือโรคอร์ตหมับ “คิดจะทำบ้าอะไร! นายวางแผนจะลอบทำร้ายฉันใช่ไหม! แปลงร่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“ซามุคาวะไม่ชอบแบบนี้เหรอ” โรคอร์ตกะพริบตาปริบๆ แล้วหันไปทางฝูซิง “แล้วฝูซิงล่ะ ชอบไหม”

“ไม่รู้...” ฝูซิงเบือนหน้าไปอีกทาง “แต่...นายในสภาพนี้...ทางที่ดีอย่าเล่นอะไรโลดโผนมากจะดีกว่านะ...”

แม้จะรู้ว่าร่างที่แท้จริงของสาวน้อยตรงหน้าคือโรคอร์ต แต่ภาพที่ปรากฏต่อสายตาก็ทำให้เลือดเขาสูบฉีดแรงอย่างช่วยไม่ได้

“โอเค” โรคอร์ตหลับตาลง ผิวหนังของเขาเริ่มทอแสงสีแดงเข้ม วงแสงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนโอบล้อมร่างกายของเขาไว้ทั้งหมด เพียงชั่วพริบตา ร่างอ้อนแอ้นก็คืนสภาพเป็นร่างสูงเพรียว

โรคอร์ตที่แปลงร่างกลับสู่สภาพเดิมแล้ว มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์แต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์นิดๆ ระบายทั่วใบหน้า เขาก้มลงมองซามุคาวะที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง แล้วกระซิบว่า “แบบนี้ล่ะ ชอบไหม ซามุคาวะ”

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ไอ้เลว!”

“ไม่ชอบเหรอ” โรคอร์ตขมวดคิ้ว

“เอ่อ...โรคอร์ต...พวกเรารีบไปจากที่นี่จะดีกว่านะ...” ไม่รู้เพราะอะไร ภาพตรงหน้าในเวลานี้ยิ่งดูยั่วเย้าและชวนให้คิดลึกยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

“พวกเราต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่จู่ๆ ก็เข้ามารบกวนอาจารย์แบบนี้นะครับ แต่พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น! ขออภัยอย่างที่สุดครับ อาจารย์อย่าถือสาพวกเราเลยนะครับ...” ฝูซิงพูดพลางลากโรคอร์ตปีนออกจากอ่างน้ำ แล้วมุ่งหน้าไปทางประตู “อ้อ แล้วก็...พวกเราจะไม่เล่าเรื่องที่เห็นวันนี้ให้ใครฟังเด็ดขาดครับ อาจารย์วางใจได้เลย!”

“พวกนายกำลังขู่ฉันเหรอ!”

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ!”

ซามุคาวะไม่ฟัง มวลพลังเวทเริ่มพุ่งเข้ามารวมกันเหนือฝ่ามืออีกครั้ง เตรียมจะปล่อยคลื่นพลังโจมตีใส่ฝูซิงกับโรคอร์ต

“อ๊าก!” ฝูซิงกระโดดหลบโดยสัญชาตญาณ

ทว่า ก่อนที่พลังโจมตีระลอกนั้นจะแตะโดนตัวฝูซิง เปลวเพลิงสีแดงม่วงก็พุ่งออกมาทำลายมวลพลังนั้นสลายไปก่อน แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สถานการณ์ของฝูซิงก็คับขันเกินกว่าจะมีเวลาวิเคราะห์ เขารีบลากโรคอร์ตแล้วพุ่งตัวออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว

“ไอ้สารเลวกรอทท์! ฉันกับแกไม่จบแค่นี้แน่! ไอ้กะเทยควาย!”

 

ระหว่างที่ฝูซิงกับโรคอร์ตถูกวาร์ปไปยังห้องพักของซามุคาวะและชุลมุนจนเอาตัวแทบไม่รอดนั้น เอ็มเมอรัลด์ก็มุ่งหน้าออกจากที่เกิดเหตุ และกลับไปยังหอพักชาย

แน่นอนว่าเขาต้องเลือกตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เขาไม่โง่ขนาดจะยืนรออยู่ตรงนั้นจนมีคนมาจับ และไม่พ่อพระขนาดจะแบกหน้าไปยอมรับผิดและรับการลงโทษ เขารู้ว่าฝูซิงกับโรคอร์ตอาจจะถูกทำโทษ แต่เขาทำการบ้านมาแล้ว และรู้ว่าอาจารย์ที่ดูแลอาคมป้องกันเขตหอหญิงคือกรอทท์ และกรอทท์ก็มีแนวโน้มจะลำเอียงแอบช่วยนักเรียนของตัวเองมากกว่าอาจารย์คนอื่นๆ อยู่แล้ว ดังนั้นเขาเชื่อว่าฝูซิงน่าจะไม่โดนอะไรหนักหนาสาหัสนัก

ฝ่าฟันมาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ทำภารกิจให้สำเร็จ เขาจะสู้หน้าเพื่อนๆ คนอื่นที่พยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่ได้ยังไง

เอ็มเมอรัลด์เดินกลับเข้าหอพัก แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องพักห้องหนึ่งภายในหอ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอื้อมมือไปเคาะประตูเบาๆ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาเปิดประตู เขามีดวงตาเรียวยาวเหมือนหางหงส์สีม่วงเข้ม ผมยาวสีดำถักเป็นเปียยาว ใบหน้าเย็นเยียบราวน้ำแข็ง

“ขอโทษที่มารบกวนนะ ฉันมาหาชิวเซียง”

“ฉันไม่รู้จักนาย” อีกฝ่ายมองหน้าเอ็มเมอรัลด์ด้วยสายตาเย็นชาพลางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เอ็มเมอรัลด์ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “ได้ยินว่านายเป็นปีศาจจิ้งจอกหิมะที่มาจากเขาฉางไป๋ใช่ไหม”

ชิวเซียงเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ฉันเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันต้องการแลกเปลี่ยนกับนาย” ดวงตาของเอ็มเมอรัลด์ฉายประกายแห่งความฉลาดเฉลียวประหนึ่งพ่อค้ามือฉมัง “ฉันได้รับภารกิจมา งานของฉันคือต้องหาขนหางของจิ้งจอกหิมะสามเส้น ฉันเลยอยากให้นายแลกเปลี่ยนกับฉัน เงื่อนไขคือ ถ้านายได้รับภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม ฉันจะช่วยนายโดยไม่มีเงื่อนไข ตกลงไหม”

ชิวเซียงไม่ตอบ เขาหรี่ตามองเอ็มเมอรัลด์อย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “ถ้าฉันจะอัญเชิญเอลฟ์แห่งความมืด ต้องใช้อะไรบ้าง”

เอลฟ์แห่งความมืดเป็นสปีชี่ส์หายาก จำพวกเดียวกับเอลฟ์ธาตุพิเศษ เช่น เอลฟ์แห่งแสงสว่างและเอลฟ์ราชนิกุล ซึ่งเป็นสปีชี่ส์พิเศษที่พบได้น้อยมาก และมีความสูงส่งเทียบได้กับเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์เอลฟ์เลยทีเดียว โดยมากเอลฟ์สปีชี่ส์นี้จะใช้ชีวิตอยู่ในอีกมิติ ดังนั้นถ้าอยากเจอตัว ต้องมีการทำพิธีอัญเชิญแบบพิเศษเพื่อเรียกตัวออกมา

“นี่คือภารกิจของนายเหรอ”

ชิวเซียงยกมือซ้ายขึ้นมาแล้วหันลายประทับรูปก้นหอยสีฟ้าจางบนฝ่ามือให้เอ็มเมอรัลด์ดู

เอ๋? เขาก็โชคดีเหมือนกันนะเนี่ย! “การอัญเชิญเอลฟ์ระดับสูงต้องใช้วัตถุดิบพิเศษ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ค่อนข้างจะหายากและมูลค่ามาก คนทั่วไปคงหาเจอได้ยาก...” เอ็มเมอรัลด์แกล้งทำเป็นอ้อยอิ่งให้อีกฝ่ายรอด้วยความลุ้น จนอีกฝ่ายตั้งท่าจะปิดประตูถึงพูดออกมาว่า “แต่ฉันบังเอิญมีวัตถุดิบที่ว่า”

ชิวเซียงผลักเปิดประตูออกมาอีกรอบ ตาจ้องเอ็มเมอรัลด์เขม็ง

“อยากแลกเปลี่ยนกับฉันไหม”

ชิวเซียงพยักหน้าอย่างชืดชา

“ถ้างั้นเอาขนหางจิ้งจอกหิมะมาห้าเส้น” เอ็มเมอรัลด์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“เมื่อกี้นายบอกว่าสามเส้น”

“อ้อ นั่นสำหรับสถานการณ์ปกติ ถ้าภารกิจของนายไม่ยากขนาดนี้ ขนหางแค่สามเส้นก็พอ”

คิ้วของชิวเซียงกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจนิดหน่อยว่า “นายมันเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าจิ้งจอกเสียอีก...”

“ช่วยไม่ได้น่ะ” เอ็มเมอรัลด์แกล้งทำเป็นยักไหล่เหมือนไม่รู้ไม่เห็น “ฉันเรียนวิชามาจากมนุษย์อีกที”

 

วันต่อมา ภารกิจของเอ็มเมอรัลด์ก็สำเร็จโดยราบรื่น

ข่าวเรื่องฝูซิงกับโรคอร์ตแอบส่องห้องอาบน้ำหญิงเมื่อวานแพร่สะพัดไปทั่ว พอเข้าเรียน นักเรียนหญิงจำนวนไม่น้อยจึงหันมามองฝูซิงด้วยสายตารังเกียจ อ้อ แต่แน่นอนว่ามีแค่ฝูซิงคนเดียวที่เป็นผู้โชคร้าย

“ทำไมไม่เห็นมีใครว่าอะไรโรคอร์ตเลยล่ะ!” นักเรียนหญิงคนที่เจ็ดเดินผ่านฝูซิงแล้วหันมาด่าเขาว่า ‘ไอ้โรคจิต’ ฝูซิงทนต่อไปไม่ไหวและเริ่มบ่นเป็นชุด “เขาก็แอบเข้าไปพร้อมฉัน แล้วทำไมทุกคนด่าฉันคนเดียว! อีกอย่างพวกเราไม่ได้จะเข้าไปแอบดู เราเข้าไปปฏิบัติภารกิจต่างหาก!!!”

“ตอนที่ฉันร่วงลงไปในอ่างน้ำ ฉันแปลงร่างเรียบร้อยแล้วน่ะ” โรคอร์ตเอ่ยอย่างภาคภูมิ “ฉันลักลอบเข้าไปอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม”

“พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็โมโห! โรคอร์ต ในเมื่อนายแปลงร่างได้แล้วทำไมไม่บอกพวกเรา!”

“ก็นายไม่ถามนี่นา” โรคอร์ตทำตาใส “อีกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเสียหน่อย แถมแปลงร่างแบบนั้นเหนื่อยมากเลย ฉันเปลี่ยนร่างเป็นแบบนั้นไม่บ่อยเท่าไหร่น่ะ...”

“นั่นคือเวทลวงตาชั้นสูงไม่ใช่เหรอ” เอ็มเมอรัลด์วิเคราะห์อย่างเยือกเย็นเพื่อหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด “มีแฟรี่จำนวนหนึ่งที่เชี่ยวชาญการใช้เวทพรางตา และสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองเพื่อลวงตามนุษย์” โรคอร์ตก็น่าจะมีทักษะลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

“นายใช้เวทแบบนั้นได้ด้วยเหรอ” เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก!

“แต่ก่อนมีพี่สาวคนหนึ่งเคยสอนเวทนี้ให้ฉัน เขาอายุเยอะกว่าฉันและใช้ชีวิตมานานมากแล้ว เลยรู้เรื่องอะไรเยอะมาก”

“ใช้ชีวิตมานานมากแล้วนี่...นานกี่ปีเหรอ”

“น่าจะสักหลายพันปีได้ละมั้ง แต่เขาสวยมากเลยนะ”

“เหรอ” กระทั่งซามุคาวะที่หน้าบูดบึ้งตลอดศก โรคอร์ตยังคิดว่าน่ารัก ฝูซิงคิดว่ามาตรฐานคำว่า ‘สวย’ ของโรคอร์ตน่าจะเชื่อถือไม่ได้เท่าไหร่

“ไม่ว่าเป้าหมายของนายคืออะไร แต่สุดท้ายนายก็เข้าไปเห็นมาแล้วอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะพยายามเล่นลิ้นอธิบายยังไง คนอื่นก็คงนึกว่านายข่มเหงพวกสาวๆ แล้วยังแกล้งตลบตะแลงหาทางเอาตัวรอด” เอ็มเมอรัลด์เอ่ยล้อพลางหัวเราะ

“ใครจะไปอยากดูเล่า!” โอเค เขายอมรับว่าลึกๆ เขาก็อยากดูอยู่นิดหน่อย แต่ก็นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ นะ! “อีกอย่างต้นเหตุก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ ไม่ค้นข้อมูลดูให้ดีก่อนว่าภารกิจของตัวเองคืออะไร”

“พวกนายเองก็ช่วยกันวางแผนด้วยกันกับฉัน ไม่เห็นมีใครฉุกคิดเลยว่าเราเข้าใจผิด” เอ็มเมอรัลด์พูดอย่างไม่ยี่หระ “อีกอย่างพวกนายก็อยู่รอดปลอดภัยดีนี่ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”

แม้ว่าฝูซิงกับโรคอร์ตจะถูกจับได้ แต่บทลงโทษก็ไม่รุนแรงเท่าไหร่ หลังจากทั้งสองเผ่นออกมาจากห้องพักของซามุคาวะแล้ว ก็ถูกกรอทท์เรียกตัวไปที่ห้องพักอาจารย์ และถูกลงโทษด้วยการให้ทำงานใช้แรงงาน

ระบบป้องกันความปลอดภัยหอพักหญิงอยู่ภายใต้การดูแลของกรอทท์ อาคมป้องกันของกรอทท์ตั้งเงื่อนไขไว้ว่า หากมีบุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีเจตนาจะโจมตีหรือบุกทำร้าย จะถูกส่งตัวไปที่หอพักของซามุคาวะทันที และตำแหน่งที่ถูกส่งตัวไปจะตรงกับตำแหน่งที่บุกรุกเข้าไปในหอหญิง เช่น หากแอบเข้าไปในห้องอาบน้ำ ก็จะถูกส่งตัวไปที่ห้องอาบน้ำ แอบเข้าไปในห้องนอน ก็จะถูกส่งเข้าไปในห้องนอน และสิ่งที่ช่วยป้องกันฝูซิงจากการโจมตีในตอนแรก ก็คืออาคมของกรอทท์เช่นเดียวกัน

เห็นได้ชัดว่าอาคมป้องกันของกรอทท์ไม่ได้มีไว้ลงโทษผู้บุกรุก แต่มีไว้แกล้งซามุคาวะเสียมากกว่า

กรอทท์บอกว่า เด็กผู้ชายที่พวกเขาเจอในคืนนั้นคือร่างที่แท้จริงของซามุคาวะ ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของซามุคาวะหยุดอยู่ที่อายุสิบสอง ส่วนร่างลุงแก่ที่พวกเขาให้ในยามปกติคือร่างแปลงที่ใช้อาคมสร้างภาพลวงและแปลงร่างสร้างขึ้นมา ที่จริงซามุคาวะอายุห้าร้อยกว่าปีแล้ว

รูปลักษณ์ภายนอกของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์พิเศษส่วนใหญ่จะไม่แก่ชรา เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยหนึ่ง ก็จะใช้พลังเวทในการรักษารูปลักษณ์และร่างกายของตนเองไว้ในช่วงที่ร่างกายยังแข็งแรง คนส่วนใหญ่เลือกที่จะคงสภาพรูปร่างหน้าตาในช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบและสวยงามที่สุดของตัวเองไว้

กระนั้น สำหรับคนนิสัยเพี้ยนๆ อย่างซามุคาวะ การมีหน้าตาอ่อนเยาว์เกินไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเขาเองมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ไร้เดียงสาราวกับตุ๊กตาแบบนั้น เวลาด่าคนดูแล้วไม่ขลังสักนิด คนอื่นคอยแต่จะคิดว่าเขาน่ารักเสียด้วยซ้ำ

ส่วนฝูซิงก็รูดซิปปิดปากเงียบเรื่องความชอบแปลกๆ ของซามุคาวะ เขาไม่โง่ขนาดคิดจะใช้เรื่องนี้เป็นแต้มต่อรองข่มขู่ซามุคาวะ เพราะเขารู้ดีว่าซามุคาวะสามารถปิดปากเขาแบบถาวรก่อนที่เขาจะมีโอกาสเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศที่ไหน

อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อคืนด้วยความลนลานตอนที่หนีออกจากที่เกิดเหตุ ฝูซิงเผลอหยิบเป็ดน้อยสีเหลืองสดใสตัวนั้นติดมือออกมาด้วยโดยไม่ตั้งใจ แต่การจะเอาของแบบนี้กลับไปคืนคงทำให้กระอักกระอ่วนพอสมควร แถมซามุคาวะอาจจะเข้าใจผิดว่าเขากำลังข่มขู่จะเปิดโปงความจริงให้ทุกคนรู้ ด้วยเหตุนี้ฝูซิงจึงจำต้องซ่อนเป็ดน้อยตัวนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะของตัวเอง

ทั้งสามพูดคุยกันพลางมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

คาบเรียนเย็นวันศุกร์คือ ‘วิชาการเข้าสังคมและมารยาทในสังคมมนุษย์’ เป็นวิชาบังคับสำหรับสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์พิเศษ สาระสำคัญคือการสอนสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์พิเศษที่ไม่ค่อยเข้าใจโลกภายนอกให้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันในโลกมนุษย์เป็นอย่างไร เพื่ออนาคตสิ่งมีชีวิตพิเศษเหล่านี้จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ได้อย่างกลมกลืนและไม่ถูกเปิดโปงตัวตนที่แท้จริง

เนื้อหาสาระที่เรียนในคาบก่อนๆ ง่ายมาก ราวกับวิชาการใช้ชีวิตและวิชาจริยธรรมสำหรับเด็กประถม เวลาเข้าเรียนฝูซิงเลยง่วงจนงีบหลับทุกที แต่นับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ก็เริ่มมีการให้ลงมือปฏิบัติจริงและแสดงความเห็นในชั้นเรียน ทำให้วิชาเรียนน่าสนใจขึ้นมาก

วิชาเรียนของสัปดาห์นี้คือการวิเคราะห์ภาพยนตร์ หลังจากอาจารย์เพเลสเล็คเชอร์เรื่องการเข้าสังคมที่เหมาะสมแล้ว ก็มีการฉายวิดีโอให้ทุกคนดูและบันทึกวิเคราะห์ส่งในชั้นเรียน

วิดีโอความยาวสามสิบนาที ฉากอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชายหญิงที่ดูเหมือนกำลังนัดดูตัวกลุ่มหนึ่งนั่งคุยกันอย่างมีมารยาทที่โต๊ะอาหารตัวยาว

ได้ยินว่าอาจารย์เพเลสจัดทำวิดีโอชุดนี้ขึ้นเพื่อใช้ในการสอนโดยเฉพาะ ถึงกับใช้งบประมาณมหาศาลซื้อระบบควบคุมกล้องวงจรปิดทางไกล และติดตั้งกล้องเหล่านั้นไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบันทึกภาพการใช้ชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ให้สมจริงและครบทุกรายละเอียดแล้วนำมามอบความรู้ให้แก่นักเรียนในห้องเรียน แต่นักเรียนจำนวนไม่น้อยต่างสงสัยว่า อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ของอาจารย์เพเลสน่าจะมีวัตถุประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงด้วย หรือไม่ก็ต้องมีกล้องวงจรปิดบางตัวที่ติดตั้งไว้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงหรือโรงแรมแน่นอน

“โรคอร์ต นายตั้งใจดูวิดีโอที่อาจารย์จะเปิดนะ” ก่อนที่อาจารย์เพเลสจะเริ่มเปิดวิดีโอ ฝูซิงก็หันไปกำชับกับโรคอร์ตด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง

“ทำไมล่ะ”

“เพราะฉันง่วงมากเลย...” ฝูซิงพยายามฝืนเปลือกตาไม่ให้หลุบปิด ก่อนจะสั่งเสียเป็นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “นายต้องเป็นคนบอกฉันว่าวิดีโอเกี่ยวกับเรื่องอะไร...”

ข้อดีอย่างหนึ่งของการให้วิเคราะห์แล้วเขียนความคิดเห็นคือ ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ครั้งที่แล้วเขาก็ไม่ได้ดูวิดีโอเลยแม้แต่นิดเดียว พอถึงเวลาต้องส่งงานก็ใช้พลังจินตนาการทั้งสายรุ้งและยูนิคอร์น โยงไปถึงเรื่องละครน้ำเน่ากับวิถีชีวิตชาวบ้านของไต้หวัน เขียนอะไรประมาณว่า “หัวหน้าแผนกหลี่ขมวดคิ้ว รู้สึกเคลือบแคลงว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล” แล้วก็ “คุณนายหวังตกใจมาก สีหน้าเปลี่ยนทันควัน” ทำนองนี้

ไม่นึกว่าอาจารย์ชอบงานของเขามาก และให้เกรด A

“โรคอร์ต หลังจากนี้...ฝากนายด้วยนะ...”

พอไฟดับลง ฝูซิงก็เดินทางสู่แดนนิทรา หลับลึกไม่รู้เรื่องจนเลิกเรียน

 

เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ฝูซิงบิดคอเล็กน้อยให้หายตึง แล้วคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายเดินออกจากห้อง

“เมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นไหม” ฝูซิงเดินพลางบิดยืดกล้ามเนื้อไปด้วย

เอ็มเมอรัลด์ซึ่งกำลังคำนวณค่ารับจ้างเขียนรายงานส่งอาจารย์หันมาตอบว่า “นอกจากตอนที่นายละเมอลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดังว่า ‘ไม่เอา...ผมไม่กินนะแม่’ ก็ไม่มีอะไรนะ” ระหว่างตอบมือก็ยังกดไอโฟนไม่หยุด มีเสียงติ๊งๆ แว่วออกมาเป็นระยะ

“โกหก!”

“เอาน่า ที่จริงก็ไม่ได้เสียงดังอะไรขนาดนั้นหรอก”

แสดงว่าเขาละเมอจริงๆ เหรอเนี่ย! น่าอายที่สุดเลย! “เอ้อ แล้วโรคอร์ตไปไหนล่ะ ทำไมไม่ออกมาพร้อมกัน”

“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นบอกว่ามีคนจะมาหา ก็เลยขอตัวไปก่อน ฉันว่าต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ”

“อ้อเหรอ” บ้าที่สุด อย่าบอกนะว่ามีรุ่นพี่เรียกเขาไปปฏิบัติภารกิจชวนใจวาบหวิวอะไรแบบนั้นอีก!

เฮ้อ! เขาเองก็อยากมีสาวๆ รุมล้อมเหมือนกันนี่นา! จะมีวันไหนไหมนะที่เขาจะได้เป็นเหมือนโรคอร์ต เดินไปที่ไหนก็มีนักเรียนหญิงตามกรี๊ดชื่อเขา?

ราวกับสวรรค์ได้ยินคำขอในใจเขา เพราะมีเสียงผู้หญิงตะโกนดังลั่นแว่วมาเข้าหูเขาทันที

“เฮ่อ . ฝู . ซิง!” น้ำเสียงเหมือนกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ

ฝูซิงหันไป ร่างอันคุ้นตาของหญิงสาวผูกผมหางม้าปรากฏต่อสายตา

“รุ่นพี่โนเอลีนมีอะไรเหรอครับ” ภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว ทำไมยังมาหาเขาอีกล่ะ

อ๋อ! เขารู้แล้ว! บางครั้งผู้หญิงจะไม่ค่อยกล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาตรงๆ เพราะความอ่อนโยนและเป็นกุลสตรีที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้พวกเธอต้องใช้วิธีแบบอ้อมๆ หาข้ออ้างต่างๆ นานา เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนที่หมายปอง

แบบนี้สินะที่เรียกว่ามารยาร้อยเล่มเกวียน!

สีหน้าของโนเอลีนบูดบึ้งมาก ท่าทางเหมือนเพชฌฆาตที่พร้อมลงทัณฑ์นักโทษประหาร เสียงแหลมสูงของเธอแผดลั่นอย่างกราดเกรี้ยว “ดูภายนอกเหมือนไร้พิษภัย ที่แท้กล้าดีนักนะ! ถึงกับบุกเข้าไปในห้องอาบน้ำหญิง!”

“เอ่อ ที่ผมทำแบบนั้นผมมีเหตุผลนะครับ อีกอย่างผมก็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น...”

“ภารกิจครั้งที่แล้วของเธอคงจะง่ายเกินไปสินะ เธอคงคิดว่าฉันกำลังดูถูกความสามารถของเธอ” โนเอลีนยิ้มเย็น “ชอบความท้าทายแบบสุดโต่ง ค้นหาความตื่นเต้นของชีวิตอยู่สินะ”

“เปล่าเลยนะครับ!”

“ตอนนี้นายมีโอกาสแล้วล่ะ” ลูกสมุนของโนเอลีนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางโบกม้วนกระดาษในมือมาตรงหน้าเขา

ฝูซิงจำได้ทันทีว่านั่นคือใบอนุญาตมอบภารกิจ “ไม่จริงน่า!”

โนเอลีนรับม้วนกระดาษนั้นมา ตามองฝูซิงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ยากหรอก ฉันแค่อยากให้นายไปหาของมาให้ฉันนิดหน่อย”

“คราวนี้จะให้ผมหาอะไรอีกล่ะครับ รูปของเลโอนาร์ดเหรอ หรือว่าขนของเขา?” พอนึกถึงภารกิจแปลกประหลาดพวกนั้น ฝูซิงก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย

“พูดบ้าอะไรของนาย! อุบาทว์!”

“เด็กนี่มันทุเรศจริงๆ นะ!”

โนเอลีนถลึงตาจ้องหน้าฝูซิง “ได้ยินมาว่านายกับมนุษย์หมาป่าที่ชื่อแบรด ‘สนิท’ กันพอตัวเลยนี่?”

ซวยแล้ว ทำไมรู้สึกลางไม่ดีเลย?

โนเอลีนยิ้มน้อยๆ เสียงหวานซึ้งตะโกนลั่น “โนเอลีนห้อง 2D ขอสั่งให้เฮ่อฝูซิงห้อง 1C ไปหารอยประทับอุ้งเท้าหมาป่าของมนุษย์หมาป่าแบรด อัลเบิร์ต มาให้ได้ภายในสองสัปดาห์”

“ว่าไงนะ!”

“ให้เวลาสองอาทิตย์นี่นับว่าใจดีมากแล้วนะ” โนเอลีนส่งเสียงหึอย่างไม่ยี่หระ “รับภารกิจไปซะ เฮ่อฝูซิง”

ฝูซิงเบิกตากว้าง แววตาไร้เดียงสามองตรงไปยังโนเอลีน ในใจหวังว่าสายตาอันบริสุทธิ์ใสซื่อจะช่วยปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในหัวใจของอีกฝ่ายขึ้นมาได้ เขาเรียนวิธีนี้มาจากหนังเรื่อง ‘10 ข้อสัญญาน้องหมาของฉัน’ ปีก่อนแม่ยืมแผ่นหนังเรื่องนี้กลับมาดูที่บ้าน พอนั่งดูจนจบ ขนาดพี่สาวซึ่งเป็นตัวร้ายประจำบ้านยังน้ำตาคลอเบ้า

ทว่า แววตาใสซื่อไร้เดียงสากลับไม่มีผลกับโนเอลีนแม้แต่น้อย เธอขมวดคิ้วแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าขยะแขยงว่า “ทำหน้าซื่อบื้อทำไม! แกล้งทำเป็นปัญญาอ่อนตอนนี้ไม่ได้ผลหรอกนะ!”

ฝูซิงเบ้ปากเล็กน้อยแล้วคืนสีหน้าเป็นปกติ เขายื่นมือไปรับใบมอบภารกิจอย่างเสียไม่ได้ รอยประทับรูปก้นหอยสีน้ำเงินจางๆ ปรากฏบนฝ่ามือ

แสดงว่า ค้างคาวคงไม่เหมาะจะใช้วิธีของหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เพื่อขอความเมตตา

พอโนเอลีนเดินจากไปแล้ว เอ็มเมอรัลด์ก็ตบบ่าฝูซิงเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ “ไม่ต้องกังวลนะ ครั้งที่แล้วนายช่วยฉัน ดังนั้นครั้งนี้ฉันก็จะช่วยนายเหมือนกัน”

ฝูซิงซาบซึ้งจนน้ำตาแทบพุ่งเป็นสาย “ขอบใจมากนะ! เอ็มเมอรัลด์ นายนี่มันเพื่อนแท้จริงๆ!” โอ! มิตรภาพช่างเป็นสิ่งที่สวยงามอะไรอย่างนี้!

“แน่นอน!” เอ็มเมอรัลด์ยิ้มกว้าง “ราคามิตรภาพ ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์” จากนั้นก็ควักรายการสินค้าของเขาออกมาจากกระเป๋า “ต้องการอุปกรณ์อะไรบอกมาได้เลย!”

“ไอ้พ่อค้าใจทราม เอะอะอะไรก็เอาแต่เงิน!” แม้ปากจะพูดอย่างนี้ แต่ฝูซิงก็ยื่นมือไปรับรายการสินค้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่แน่อาจจะมีของอะไรที่ใช้งานได้อยู่ ชีวิตสำคัญกว่าศักดิ์ศรีเยอะเลย

 

ระหว่างที่ฝูซิงกับเอ็มเมอรัลด์เผชิญหน้ากับโนเอลีนที่กำลังโกรธจัด โรคอร์ตแอบไปที่อาคารวิจัยของอาจารย์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของโรงเรียนเพียงคนเดียว

ก่อนเลิกเรียน มีคนส่งกระดาษโน้ตของอาจารย์ให้เขา ส่วนเขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งบนโน้ต และมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายตามที่ระบุไว้ก่อนเวลาพลบค่ำ

“ซามุคาวะ มีธุระอะไรกับฉันเหรอ” โรคอร์ตเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมไม่ใช้หน้าที่ดูดีกว่านี้หน่อยล่ะ”

“กรุณาเรียกฉันว่าอาจารย์ด้วย!” ซามุคาวะนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ไซปรัส ใบหน้าหยิ่งยโสมองโรคอร์ตที่มาเพียงคนเดียว รอยยิ้มเย็นเยือกปรากฏที่มุมปาก “ตอนแรกตั้งใจว่าจะลงโทษนายแล้วก็ไอ้เด็กปีศาจค้างคาวนั่นพร้อมกันเลย แต่เจ้าเด็กนั่นโชคดี มีคนมอบภารกิจให้เขาก่อนที่ฉันจะเรียกตัวเขามานี่” กฎของการมอบภารกิจคือ ผู้รับภารกิจจะรับสองภารกิจซ้อนทับกันไม่ได้

“ภารกิจเหรอ” สีหน้าโรคอร์ตเหมือนเข้าใจทุกอย่างกระจ่าง “ซามุคาวะ นายเองก็อยากให้ฉันจูบหรือกอดนายเหมือนกันเหรอ”

“หุบปาก! ฉันไม่เหมือนเด็กไร้สมองพวกนั้นหรอกนะ!” เขาแนะนำให้ผู้อำนวยการซางปี้เปลี่ยนกฎเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว! แต่พูดจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา!

“แล้ว?”

ซามุคาวะกางม้วนกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน “ปีศาจหมาดำซามุคาวะ ขอสั่งให้โรคอร์ตห้อง 1C ไปหาคริสตัลภูตระดับสูงมาให้ได้ กำหนดเวลา—สองวัน”

โรคอร์ตชะงักไปครู่หนึ่ง “นี่คือภารกิจของฉันเหรอ”

ซามุคาวะคิดว่าโรคอร์ตชะงักเพราะความยากของภารกิจ รอยยิ้มสะใจปรากฏชัดบนใบหน้า “ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็ปฏิเสธแล้วเตรียมรับการลงโทษได้เลย จะได้ไม่เปลืองเวลา จะว่าไปความอ่อนหัดของนายก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะ”

“อ๋อ ไม่ใช่หรอก” โรคอร์ตยิ้มบาง “ฉันรับภารกิจนี้ได้นะ”

ซามุคาวะหรี่ตาก่อนจะส่งเสียงหึในลำคออย่างไม่อยากเชื่อ “แน่ใจเหรอ ถ้าทำไม่สำเร็จ บทลงโทษจะยิ่งรุนแรงนะ!”

โรคอร์ตมอบรอยยิ้มแทนคำตอบ

“เหอะ!” ดูท่าเจ้านี่จะสมองนิ่มแบบไร้ทางเยียวยา

ซามุคาวะยื่นม้วนกระดาษให้โรคอร์ต ทันทีที่อีกฝ่ายรับภารกิจ ตราประทับลายก้นหอยสีน้ำเงินอ่อนก็ปรากฏบนฝ่ามือ

“มีเวลาแค่สองวัน ทางที่ดีนายควรจะรีบลงมือนะ” ซามุคาวะเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าน้อยๆ ก่อนโรคอร์ตจะเดินจากไป

“นายเป็นห่วงฉันเหรอเนี่ย ซามุคาวะ”

คำพูดของอีกฝ่ายทำหน้าใบหน้าของซามุคาวะแดงจัด เขาตะคอกเสียงดังลั่นด้วยความกราดเกรี้ยว “ไปให้พ้นเลยนะ!”

“ปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลย...”

 

ฝูซิงกับเอ็มเมอรัลด์และโรคอร์ตนัดกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนจะกลับหอพัก ฝูซิงซึ่งกำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากับภารกิจสุดหิน ไม่มีกะจิตกะใจจะถามโรคอร์ตว่าเมื่อกี้หายไปไหนมา และไม่สังเกตด้วยว่าบนฝ่ามือของอีกฝ่ายมีลายรูปก้นหอยสีน้ำเงินอ่อนแบบเดียวกับตัวเอง

พอกินข้าวเสร็จแล้ว ฝูซิงกับเอ็มเมอรัลด์ไปที่ห้องนั่งเล่นรวมเพื่อเจอกับจูเยว่ เพื่อปรึกษากันว่าจะปฏิบัติภารกิจอย่างไรให้สำเร็จ ส่วนโรคอร์ตก็แยกตัวออกไปเพียงคนเดียว และมุ่งหน้าไปยังเขตสวนป่าทางใต้อย่างเงียบเชียบ

เขามุ่งหน้าเข้าไปใกล้อาณาเขตของหอคอยต้องห้าม ขณะนั้นเป็นเวลากลางดึก บรรยากาศรอบด้านเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง เมื่อเทียบกับเขตอาคารเรียนที่มีนักเรียนภาคกลางคืนเดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย พื้นที่บริเวณนี้เงียบสงัดและมืดสลัวราวป่าช้า

โรคอร์ตยืนอยู่กลางสวนต้นสนพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า คืนนี้พระจันทร์เสี้ยวส่องแสงสว่างไสว แสงจันทร์สีเงินลอดผ่านร่องใบไม้ ตกกระทบสู่พื้นหญ้า

เวลาประจวบเหมาะ

มุมปากของโรคอร์ตยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง เขาหลับตาลงแล้วสูดหายใจลึก พลังล่องหนก่อตัวขึ้นโดยรอบ อากาศโดยรอบเริ่มหมุนคว้าง แสงจันทร์ในบริเวณนั้นกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ หมุนวนรอบร่างของเขาราวกับธารแสง

ทันใดนั้น ร่างเพรียวสูงของโรคอร์ตก็เริ่มทอแสงเรืองสว่าง แล้วรูปร่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลง

โครงกระดูกเล็กและบางลง เส้นผมยาวลงจรดเท้า สีผมอ่อนจางลง ปลายหูแหลมเล็ก เหนือแผ่นหลังปรากฏปีกโปร่งใสสองข้าง ขนตายาวพริ้มกระพือเบาๆ สองครั้ง หยดน้ำใสบริสุทธิ์เอ่อขึ้นที่หางตา อาบไล้ลงเหนือแก้ม หยดลงสู่ฝ่ามือ

เขาลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่ฝ่ามือ คริสตัลสีชมพูมุกที่ส่องประกายสว่างราวแสงจันทร์สองก้อนปรากฏต่อสายตา

“เรียบร้อย” ภารกิจเสร็จสิ้น! เขาถอนใจยาวราวกับเพิ่งเสร็จจากงานหนัก พอก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เวลาเพิ่งผ่านไปห้านาที

โรคอร์ตควักทิชชู่ที่หยิบมาจากโรงอาหารออกมาห่อคริสตัลสองเม็ดนั้นไว้แล้วเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วแปลงร่างกลับสู่สภาพเดิม หลังจากนั้นก็เดินตัวลอยอย่างสบายอารมณ์กลับไปที่หอพักของซามุคาวะ

 

ฝั่งตะวันตกของเขตหอพักอาจารย์ มีบ้านเดี่ยวที่สร้างด้วยไม้กระจายตัวอยู่โดยรอบ

โรคอร์ตมุ่งหน้าไปยังบ้านไม้หลังหนึ่งในนั้น ตัวบ้านทาด้วยสีดำทั้งหลัง เขาจำได้ว่าเมื่อคืนวานก็เพิ่งแวะมาเยี่ยมเยียนที่นี่ แถมยังต้องวิ่งหนีหางจุกตูดออกจากห้องพร้อมร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยหยดน้ำ ที่นี่คือเคบินของซามุคาวะนั่นเอง

เขาเดินไปที่หน้าประตูแล้วกดกริ่งจนสุด เสียงนกร้องแบบปลอมๆ แว่วมาจากด้านหลังประตู

“กดครั้งเดียวก็พอแล้ว!” เสียงตะคอกดังสนั่นออกมาพร้อมบานประตูที่เปิดออก พอเจ้าของบ้านเห็นว่าผู้มาเยือนคือโรคอร์ต สีหน้าก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย “นายนี่เอง มีอะไร? ยอมรับแล้วเหรอว่าตัวเองไร้ความสามารถ? จะขอยกเลิกภารกิจใช่ไหม”

“ไม่ใช่หรอก ฉันมาส่งของตามคำสั่งน่ะ”

ซามุคาวะพ่นลมออกทางจมูกอย่างแรง ราวกับต้องใช้พละกำลังทั้งหมดในร่างกายเพื่อสั่งขี้มูก “ยังจะปากดีอีก!”

โรคอร์ตควักก้อนกระดาษทิชชู่ยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “อ้ะ ให้นาย”

ซามุคาวะมองก้อนกระดาษด้วยสายตาเหยียดหยาม “นี่มันอะไรกัน! บนหน้าผากฉันมีคำว่าไอ้งั่งเขียนอยู่หรือไง”

“ของที่นายต้องการอยู่ในนี้”

ซามุคาวะมองหน้าโรคอร์ตอย่างเคลือบแคลงเล็กน้อย เขารับก้อนกระดาษทิชชู่มาอย่างไม่เต็มใจ แล้วค่อยๆ แกะออกดู—

“นะ...นี่มัน!” ซามุคาวะเข่าอ่อนจนแทบยืนไม่อยู่ เขาตกใจจนตัวเซไปชนกับบานประตูที่อยู่ด้านหลัง วัตถุทรงกลมในมือเกือบร่วงตกพื้น แต่เขายื่นมือไปคว้าไว้ได้อย่างทันท่วงที

“นะ...นะ...นี่มัน...คริสตัลระดับราชนิกุล!” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

คริสตัลสีทึบเป็นคริสตัลของภูตระดับสูง คริสตัลยิ่งสีเข้มเท่าไหร่ แสดงว่าเจ้าของยิ่งมีพลังกล้าแกร่ง แต่คริสตัลสีชมพูมุกที่ส่องแสงเรืองสว่างอย่างงดงามราวหยกล้ำค่าในมือของเขานี้ คือน้ำตาของราชินี!

เป็นไปไม่ได้!

“นายไปหามาได้ยังไง!” ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าราชินีภูตอาศัยอยู่ที่ไหน เชื่อกันว่าเธอซ่อนตัวอยู่ในอีกมิติ และไม่มีใครพบเธอมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ราชินีภูตมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ในปัจจุบันเป็นเพียงตำนานที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้

“ลองเดาดูสิ” โรคอร์ตยิ้มบาง

“ใครให้นายมา?”

“ลองเดาดูสิ แบบนี้ถือว่าภารกิจของฉันเสร็จสิ้นแล้วใช่ไหม”

“ก็ใช่ แต่ว่า...” ซามุคาวะมองคริสตัลสีมุกในมือ พอควบคุมอารมณ์ให้สงบลงได้แล้ว จึงพูดอย่างสุขุมว่า “นายแน่ใจเหรอว่าจะมอบคริสตัลอันนี้ให้ฉัน? ฉันต้องการแค่คริสตัลภูตระดับสูงทั่วไปเท่านั้นเอง ของที่นายให้มามีมูลค่ามากกว่าหลายเท่า”

แม้ว่าเป้าหมายของเขาในตอนแรกคือการมอบภารกิจยากๆ เพื่อโรคอร์ตจะได้ทำไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายพอสิ่งที่อีกฝ่ายนำมาให้ เป็นของที่มีมูลค่ามากกว่าสิ่งที่เขาสั่งในตอนแรกอย่างไม่อาจเทียบชั้น เขาก็รู้สึกว่าไม่อาจรับไว้ได้

“ซามุคาวะนี่ใจดีจริงๆ นะ แต่นี่เป็นของอย่างเดียวที่ฉันหามาได้ จะให้ฉันเอาอย่างอื่นมาให้แทนคงยากน่ะ”

“แต่—”

แล้วจู่ๆ โรคอร์ตก็ขยับตัวเข้ามาประชิด “ซามุคาวะอาบน้ำหรือยัง”

“ยัง...” เดี๋ยว พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแบบนี้ เขาคิดจะทำอะไรน่ะ!

“แอพริค็อตหอมมากเลย ฉันชอบ เป็ดน้อยก็น่ารักนะ”

“นาย—” นี่คือการขู่ใช่ไหม!

“ฉันชักจะเหนื่อยแล้วสิ ขอตัวกลับไปนอนก่อนนะ” โรคอร์ตหาว “ราตรีสวัสดิ์นะซามุคาวะ ส่วนของนายก็รับไว้แล้วกัน ถ้าไม่อยากได้จะโยนทิ้งก็ได้”

“ของล้ำค่าขนาดนี้จะโยนทิ้งได้ยังไง!”

“งั้นก็ถือว่าฉันยกให้นายแล้วกัน”

ซามุคาวะเบิกตากว้าง เขามองโรคอร์ตแล้วก้มลงมองคริสตัลในมือ “ของมีค่าแบบนี้ปล่อยไว้ในมือนายก็ถูกทิ้งขว้าง งั้นฉันจะช่วยเก็บไว้ให้ก่อนแล้วกัน!” เขาพ่นลมออกจมูกแรงๆ แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะกระแทกปิดประตู ยังไม่วายทิ้งท้ายย้ำอีกว่า “แค่ช่วยเก็บไว้ให้เฉยๆ นะ”

โรคอร์ตยิ้มบางอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วหมุนตัวเดินจากไปอย่างสบายใจ “ซามุคาวะนี่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ น้า~”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น