11

อดีต


ผู้หญิงคนนี้...หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ศศรัณย์นึกไม่ออก เธอมีหน้าตาที่น่ารัก ถึงจะไม่สวยโดดเด่นแต่ก็น่ามอง สวมชุดกระโปรงสีหวาน พอมายืนใกล้ๆ กันแบบนี้แล้ว เหมือนเธอเป็นคุณหนูมาเดินเล่นในสวน ส่วนเธอกับนะโมเป็นคนรับใช้ 

“หม่ามี้!” เด็กน้อยที่นะโมอุ้มอยู่เรียกผู้หญิงคนนั้นแล้วโผเข้าหา ผู้หญิงคนนั้นรับตัวเด็กไป จูบเด็กชายที่แก้มแล้วกอดเอาไว้ 

“แม่มาแล้วจ้ะ” เธอบอกลูกชายที่ยิ้มแฉ่งให้ เด็กชายชี้นิ้วเล็กๆ มายังนะโมแล้วบอกแม่ของเขา 

“ปาป๊า” 

เกิดความเงียบงันคั่นกลางระหว่างคนทั้งคู่ บรรยากาศน่าอึดอัดนี้คืออะไร ขนาดศศรัณย์ลอบมองทั้งคู่อยู่ห่างๆ ยังแทบหายใจไม่ออกตามไปด้วย นะโมยืนนิ่ง มองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ ผู้หญิงคนนั้นหน้าเสียไป แต่แล้วเธอก็ยิ้มให้ลูกชาย 

“ไม่ใช่ปาป๊าครับ ปาป๊าไปทำงาน” เธอบอกเด็กน้อย นะโมมองเธอสลับกับเด็กชาย มองอยู่อย่างนั้น เขาไม่พูดอะไรเลย 

“นะโมเป็นไงบ้าง” ผู้หญิงคนนั้นถามก่อน นะโมสะดุ้งไปนิด เขากระพริบตา เหมือนเพิ่งได้สติ 

“เรา... ก็ดี ณิชาล่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” 

“ณิชาสบายดี นี่ลูกชาย” เธอบอกเขา นะโมพยักหน้า 

“ขวบกว่าแล้วสิ”  

“ใช่ เร็วไหม เหมือนไม่ได้เจอกันแค่แป๊บเดียวเลยนะ” 

“ณิชารู้สึกอย่างนั้นเหรอ” เขาถาม เหมือนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย ศศรัณย์เห็นเธอหน้าเสียไป 

“เผลอแป๊บเดียวเอง สองปีแล้ว” เธอบอกอีก คราวนี้นะโมไม่ตอบอะไร มองเด็กชายที่ส่งยิ้มมาให้เขา 

“สวัสดีลุงนะโมหรือยังนิช” ณิชาบอกลูกชายที่ยกมือไหว้นะโมอย่างว่าง่าย นะโมยิ้มให้เด็กน้อย เขาถามเธอ 

“ลูกณิชาชื่ออะไรนะ” ไม่ใช่คำถามยากสักหน่อย แต่ศศรัณย์เห็นณิชานิ่งไป เธอตอบเสียงเบา 

“ชื่อนิช น. หนู สระอิ ช. ช้าง” และคราวนี้ศศรัณย์เห็นนะโมอึ้งไปบ้าง 

“อ้อ...” เขายืนทื่อเหมือนคนบ้า ไม่เหมือนนะโมที่ศศรัณย์รู้จัก อีกครั้งที่ความเงียบคั่นกลางระหว่างคนทั้งคู่  

“นะโมก็ดูแข็งแรงดีนี่ ณิชาได้ยินมา... เรื่องนะโม เมื่อปีก่อน” 

“เราหายแล้ว” นะโมรีบตอบ 

“ขอโทษนะ” ณิชาว่า สีหน้านั้นสลดลง นะโมยิ้มให้เธอ เป็นยิ้มแรกตั้งแต่ทั้งคู่คุยกัน  

“ไม่เป็นไรหรอก มันผ่านไปแล้ว” 

“นะโมมากับใคร” ณิชาถาม นะโมหันมาหาศศรัณย์ที่ทำเป็นง่วนอยู่กับสีน้ำ เธอเหลือบมองไปยังทั้งคู่อีกครั้ง เห็นณิชามองมา ศศรัณย์ก้มศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นการทักทาย ณิชายิ้มกลับมาให้ แต่รอยยิ้มของเธอดูจะเลือนไปหน่อย เหมือนไม่ค่อยยินดีที่เห็นว่านะโมไม่ได้มาคนเดียว 

“คุณพลล่ะ” นะโมถาม ณิชาทำหน้าแปลกๆ ใส่เขา 

“ไปทำงาน เดี๋ยวก็มารับแล้วล่ะ” เธอว่า มองนะโมนิ่งอยู่ ศศรัณย์เห็นเธอเอื้อมมือมากุมมือนะโม  

“ขอโทษนะนะโม” เธอบอกอีก นะโมปลดมือนั้นออก ยิ้มกลับไปให้ 

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร” 

จากนั้นนะโมก็ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเด็กน้อยหันมาหา  

“ไงนิช ครั้งสุดท้ายที่เจอยังอยู่ในท้องอยู่เลย ขอลุงอุ้มหน่อยนะ” เขาบอก ณิชาส่งนิชให้ เด็กชายไม่อิดออดเลย โผเข้าหานะโมอย่างยินดี หัวเราะคิกคักด้วย  

“ปาป๊า” นิชเรียกเขาแบบนั้นอีกแล้ว นะโมหัวเราะ ลูบศีรษะนิชแล้วจูบที่แก้ม 

“นี่ลุง ไม่ใช่ปาป๊า อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังเป็นพี่อยู่เลย ตอนนี้เป็นลุงแล้ว ไม่เป็นลุงได้ไหม เป็นน้าแทน” เขาหันไปถามณิชาที่ส่ายหน้า 

“นะโมแก่กว่าณิชาสองเดือน เป็นลุงน่ะ ถูกแล้ว” 

“โธ่ แค่สองเดือน ไม่อยากเป็นลุง แก่เกิน” 

“ปาป๊า” นิชเรียกเขา มือเล็กๆ จับที่ใบหน้าของนะโมแล้วจูบเขาที่แก้ม นะโมหัวเราะ มองเด็กน้อยอย่างชอบใจ ณิชาก็ยิ้มกว้างให้เขา ศศรัณย์นั่งมองอยู่ตรงนี้ก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ สามคนนี้ดูเข้ากันดี เหมือนกำลังมองโฆษณาครอบครัวสุขสันต์ 

“ติดใจลุงนะโมแล้วล่ะสิ” ณิชาบอกลูกชาย 

“ไปหาแม่ไป” นะโมบอก ส่งนิชคืนให้ณิชา  

จากนั้นนะโมกับณิชาก็มองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร ศศรัณย์รู้สึกว่าสายตาของคนทั้งคู่บอกอะไรมากมายเหลือเกิน มากจนเธอแทบจะสำลักความอึดอัดนั้น  

“ไปเถอะ” นะโมบอกเธอ ณิชาพยักหน้า แต่ก็ยังยืนนิ่งมองเขาอยู่ ดวงตาของเธอรื้นน้ำขึ้นมา และนะโมเป็นฝ่ายหันหน้าหนี 

“อยู่แบบนี้ไม่น่าจะดีนะ” นะโมบอก 

“นะโม...” 

“ดีใจที่ได้เจอนะ ดีใจที่ได้เจอนิชด้วย เห็นณิชาสบายดีเราก็ดีใจ” 

ณิชาคว้ามือเขาขึ้นมากุมอีกครั้ง มองเขาด้วยดวงตาแดงๆ นะโมจ้องตอบไป เขาส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนจะบอกอะไรกับตัวเองมากกว่าจะบอกคนตรงหน้า เขาปลดมือตัวเองออกอีกครั้ง 

“ไปเถอะ เราจะไปหารันแล้ว” เขาว่า มองมาทางศศรัณย์ที่เลิกคิ้วมองเมื่อได้ยินเขาเรียกแบบนั้น ณิชามองตาม สีหน้าของเธอสลดลงและพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ 

พอคนพวกนั้นจากไปแล้ว นะโมก็เดินมานั่งแหมะอยู่ข้างศศรัณย์ที่เดิม ศศรัณย์เอารูปที่เธอวาดให้เขาดู เพราะนะโมทิ้งไปคุยกับเพื่อนเมื่อกี้ เธอเลยละเลงสีด้วยตัวเองจนเต็มหน้ากระดาษ นะโมไม่ว่าอะไร หยิบกระดาษอีกแผ่นออกมา คราวนี้เขาไม่ให้เธอวาดด้วย และลงมือละเลงสีด้วยตัวเอง 

นะโมจุ่มพู่กันลงบนสีสีหนึ่ง ศศรัณย์เห็นว่าเขาไม่ได้มองด้วยซ้ำว่ามันคือสีอะไร เขาป้ายมันลงไปบนกระดาษขาว ลากพู่กันป่ายปัดไปมาไร้ทิศทางเหมือนกำลังสับสน สีจากปลายพู่กันจางลง... จางลงทุกทีจนสุดท้ายก็เลือนหาย เขาหยุดมือ มองกระดาษตรงหน้านิ่ง ดวงตาสีดำไม่ส่องแสงวิบวับเหมือนทุกที เธอเห็นมือเขาสั่น ศศรัณย์ตกใจ เธอรู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับนะโมแน่ๆ แต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี สุดท้ายก็วางมือลงบนไหล่ของเขา 

นะโมหันมาหาเธอ มองเธอสักพัก เหมือนเพิ่งได้สติว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไรอยู่ เขามองภาพตรงหน้า ถอนหายใจ โยนพู่กันทิ้ง  

“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ศศรัณย์ถาม รู้สึกว่าเป็นคำถามที่บ้าสิ้นดี เพราะเห็นๆ อยู่ว่าเขาต้องเป็นอะไรแน่ๆ  

“อย่าถาม” เขาบอกแค่นั้นแล้วถอนหายใจ 

“นะโม” 

“บอกว่าอย่าเพิ่งถามไง” 

“ไม่ได้จะถาม” ศศรัณย์บอก นะโมหันมามองเธออย่างแปลกใจ 

“ขอลูกอมหน่อย” ศศรัณย์บอกอีก นะโมขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ก็ยอมเปิดกระเป๋าเป้แล้วหยิบลูกอมรูปหัวใจให้ ศศรัณย์แกะเปลือกลูกอมออก เรียกเขาอีกครั้ง และเมื่อนะโมหันมา เธอก็ยัดลูกอมใส่ปากเขา 

“แก้เครียด” ศศรัณย์ว่า หยิบพู่กันของเขามาล้าง ดึงรูปที่นะโมเพิ่งวาดออกไปวางห่างๆ  

“รูปนี้รอแห้ง” เธอบอก แล้วเอากระดาษขาวแผ่นใหม่มาวางตรงหน้าเขาแทน 

“พร้อมเมื่อไหร่ค่อยวาด” เธอว่าอีก จากนั้นก็เอากระดาษอีกแผ่นมาให้ตัวเอง เริ่มต้นละเลงสีน้ำบนกระดาษขาวไปเงียบๆ ปล่อยให้นะโมนั่งเงียบๆ ต่อไป สักพักจึงหันไปหา 

“ถ้าอยากกลับเมื่อไหร่ก็บอกนะ” 

 

นะโมนั่งเฉย ไม่แตะต้องกระดาษตรงหน้า ศศรัณย์ละเลงสีจนเต็มกระดาษของตัวเองแล้วก็ชวนเขาไปกินข้าว 

“เดี๋ยวเจ๊เลี้ยง เจ๊มีเงิน” เธอพูดติดตลก แต่นะโมไม่เห็นยิ้ม ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม จนศศรัณย์ต้องฉุดลากดึงรั้งนะโมให้ลุกตาม 

ในที่สุดก็ถึงร้านอาหารใกล้ๆ นะโมไม่สั่งอะไรจนศศรัณย์ต้องเป็นคนสั่งให้ จำได้ว่าเขากินคะน้าหมูกรอบตอนไปแก้คอมพิวเตอร์ที่คอนโดมิเนียมของเธอ เลยสั่งเมนูเดิมให้เขา แต่สุดท้ายนะโมก็แค่เขี่ยข้าว กินไปได้นิดเดียวเท่านั้น ศศรัณย์มองแล้วอยากถอนหายใจใส่ 

“อยากเล่าไหม” เธอถาม นะโมมองเธอแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้า 

“ตามใจ” เธอว่า จัดการกับผัดซีอิ๊วคำสุดท้ายในจานแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม นะโมเขี่ยข้าวในจานอีกครั้งแล้วบอก 

“ผมอยากกลับแล้ว” 

 

ศศรัณย์บอกนะโมว่าไม่ต้องมาส่งเธอก็ได้ แต่เขาไม่ยอม บอกว่าพูดไปแล้วก็ต้องทำตามนั้น เขาจ่ายค่ารถให้เธอด้วยอย่างที่รับปากไว้ 

“จะตายก่อนถึงบ้านไหม” ศศรัณย์แกล้งแหย่ แต่นะโมไม่เล่นด้วย เขานั่งเงียบบนรถจนถึงป้าย พาเธอเดินเอื่อยๆ ไปจนถึงคอนโดมิเนียม 

“ส่งแค่นี้ก็ได้ ขอบคุณนะ อุตส่าห์พาไปวาดรูป” 

“ครับ” 

“กลับบ้านเถอะ กลับดีๆ ล่ะ จำทางกลับบ้านได้ไหม” 

“จำได้” 

“ถ้ากลับไม่ถูกก็แวะมานะ ในใจพี่มีที่สำหรับนะโมเสมอ” เธอแอ๊ว เมื่อเห็นเขาหัวเราะหึก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่เขาไม่ยักต่อมุก 

“ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ” 

“ครับ” 

ศศรัณย์มองตามร่างสูงที่ก้าวจากไป นะโมในแบบนี้เธอไม่คุ้น เหมือนเขาแผ่รังสีสีเทาอึมครึมออกมารอบตัว เห็นแล้วอึดอัด ศศรัณย์แทบหายใจไม่ออกเมื่อมองเขา 

เธอกลับขึ้นห้อง วางภาพมันดาลาและสีบนโต๊ะทำงาน ลุกไปอ่านหนังสือ แต่ไม่มีสมาธิเลย ศศรัณย์มองโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ เช็คเฟสบุ๊คแทบตลอดเวลาว่านะโมทิ้งข้อความไว้ให้ไหม เขาถึงบ้านหรือยัง 

แต่ไม่มีแม้กระทั่งการแท็กรูปปริศนาให้นักสืบอย่างเธอเดาความหมาย นะโมอาจจะไม่ได้ตรงเข้าบ้านเลยก็ได้ อาจจะแวะที่ไหนก่อน เขาก็มีชีวิตของเขา จะไปไหนมันก็เรื่องของเขา จะบอกเธอหรือไม่มันก็สิทธิ์ของเขาไม่ใช่เหรอ 

ศศรัณย์ถอนหายใจ เธอเลื่อนนิ้วไปกดเพิ่มนะโมเป็นเพื่อนสนิท ฟังค์ชันนี้ในเฟสบุ๊คทำให้เธอรู้ความเคลื่อนไหวของเขา ถ้าเขาโพสต์อะไร มันจะแจ้งเตือนเธอ 

แค่วันนี้เท่านั้นแหละ ศศรัณย์บอกตัวเอง แค่อยากแน่ใจว่าเขาถึงบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นจะปลดฟังค์ชันนี้ออก  

ศศรัณย์นั่งอ่านหนังสือหลังจากนั้น ใจพอสงบลงได้บ้างหลังจากแน่ใจว่าจะมีแจ้งเตือนหากนะโมโพสต์อะไร อ่านหนังสือไปได้สักพักโทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียงสั้นๆ ศศรัณย์หันขวับแล้วคว้าหมับ ข้อความที่หน้าจอทำให้ศศรัณย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก 

นะโมเพิ่งโพสต์อะไรสักอย่างในเฟสบุ๊ค คงถึงบ้านแล้ว ศศรัณย์ใจชื้น เธอกดเปิดแอพพลิเคชันแล้วรีบเข้าไปดูที่หน้าเฟสบุ๊คของเขา 

เขาโพสต์ลิ้งเพลง ความจริงศศรัณย์ก็พอจะเดาได้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น และพอเห็นเขาโพสต์เพลงนี้ก็ยิ่งชัด 

เพลงเกือบ ของบุรินทร์ เขาโพสต์ข้อความกำกับไว้ด้วย 

‘เกือบลืมไปแล้ว...’ 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น