๕
หนึ่งคนรู้ สองคนรู้ สามคนไม่รู้
The sky knows the secret Earth pretends to hide.
สองเดือนผ่านไป…
“อึก! แหวะ!”
หลงขย้อนน้ำย่อยลงชักโครกไม่หยุดหย่อน รสชาติเฝื่อนติดปากไม่รู้หาย อาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงก็ยังไม่หยุด หลงได้แต่ร้องไห้ไปอาเจียนไปอย่างทรมาน
“อึก โอ้ก แค็กๆ”
ระลอกสุดท้ายไอโครกออกมาจนแสบคอ มือบางชันกายลุกขึ้นยืน เดินขาสั่นพยุงตัวเองไปยังอ่างล้างหน้าเพื่อบ้วนปาก ใบหน้าสะท้อนในกระจกดูซีดเซียวและหมองคล้ำ เหมือนกับคนป่วยเป็นโรคร้ายแรง
เวลา ๐๔.๐๐ น.
หลงเพิ่งจะได้นอนแค่สามชั่วโมงเอง ขอนอนต่ออีกสักงีบแล้วกัน…
พาร่างกายอันอ่อนล้ากลับเข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง เปลือกตาสีอ่อนปรือปรอยและหลับสนิทลง หลงท่องอยู่ในความฝันท่ามกลางแสงตะวันที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า
กริ๊ง…
“ฮัลโหล”
‘ไอ้หลง! อยู่ไหน ทำไมยังไม่มาทำงาน!’
หลงตื่นเต็มตาลุกพรวดพราดนั่งขัดสมาธิ สมองยังมึนเบลอจากการถูกปลุกกะทันหัน เหลือบตามองนาฬิกาบนผนังห้อง มันชี้บอกเวลาเก้าโมงครึ่งแล้ว
“ละ...หลงจะรีบไป”
‘ให้ไวเลยนะ’
ปึก!
เสียงปลายสายกระแทกโทรศัพท์ดังลอดเข้ามาก่อนที่จะถูกตัดสัญญาณไป สองขากระโดดลงจากเตียงเดินหัวทิ่มหัวตำเข้าห้องน้ำ อาบน้ำด้วยความไวแสงและแต่งตัวเสร็จภายในไม่ถึงสิบนาที
“สายไปสองชั่วโมง แกคิดว่าทำงานอะไรอยู่ ไอ้หลง!”
“หลงขอโทษ”
ไม่มีคำพูดอื่นใดจะแก้ตัวให้ตัวเอง ก็หลงมาสายจริงๆ นี่
ความอ่อนเพลียทำให้หลงไม่ได้ฟังสิ่งที่พี่ปราบบ่นเลย มันเหมือนหูดับไปชั่วขณะ ภาพด้านหน้าพร่าเบลอเห็นเป็นแสงขาวๆ จนกระทั่งพี่ปราบตีเข้าที่ต้นแขนทำให้หลงรู้สึกตัว
“กูพูดนี่ฟังบ้างไหม มายืนหลับในใส่กูอีก!”
“หลงขอโทษ”
“เลิกขอโทษแล้วรีบเข้าประชุมได้แล้ว ไป!”
บางทีก็สงสัยว่าพี่ปราบไปกินรังแตนที่ไหนมา อารมณ์เสียใส่หลงได้ทุกวี่ทุกวัน หลงสะบัดหัวไล่ความง่วงซึมออกไป รีบเดินมาหยิบสัมภาระที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อเตรียมเข้าประชุม
“เป็นอะไรหรือเปล่าหลง หน้าซีดเชียว” พี่มิลค์ถาม
“นอนดึกน่ะ”
“เดี๋ยวก็ป่วยเอาหรอก หัดดูแลตัวเองบ้าง เป็นลมเป็นแล้งในออฟฟิศขึ้นมาจะทำยังไง”
ก็คงมีแต่พี่มิลค์แหละมั้งที่เป็นห่วงหลง
“อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนสิ!” เสียงพี่มิลค์กระแทกด้วยการประชด
หลงขอถอนคำพูดแล้วกัน…
ตลอดตั้งแต่เช้าจดบ่ายหลงยังไม่ได้ออกจากห้องประชุมเลย เธอนั่งหน้าซีดเหมือนผีตายซาก ก้มมองแผ่นกระดาษตรงหน้าที่เขียนชื่อโครงการใหม่เด่นหรา เสียงของอี้เฟยยังคงไหลเข้าหูอยู่เรื่อยๆ
หลงไม่กล้าเงยหน้าสบตาใครทั้งนั้น เพราะมีความผิดติดตัวเรื่องที่มาสายจนทำให้เริ่มประชุมช้า และอีกเหตุผลหนึ่งคือเธอไม่กล้าสู้หน้าคนที่ยืนพรีเซนต์งานอยู่หน้าห้อง
ความลับระหว่างเราสองคนถูกเก็บเงียบมานานได้เกือบสองเดือนแล้ว ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องของเรา คงจะเป็นเพราะหลงไม่ได้อยู่ในสายตาคนอื่นมากนัก ส่วนอี้เฟยก็ยังทำตัวปกติ พูดคุยกับทุกคนอย่างร่าเริง รวมถึงหลงด้วยเช่นกัน
“ทั้งหมดที่ลูกค้าต้องการมีเท่านี้ค่ะ”
“แล้วน้องเฟยจะให้ฝ่ายแบบส่งดราฟต์แรกเมื่อไรครับ”
“ถ้าเป็นภายในอาทิตย์นี้พอจะได้ไหมคะ ลูกค้าเฟยเขาอยากดูแบบเร็วๆ”
ภายในสัปดาห์นี้เหรอ...เหลือเวลาอีกแค่สี่วันเอง ทั้งเขียนแบบและทำภาพสามมิติ หลงจะทำเสร็จทันได้อย่างไร
“ได้สิครับน้องเฟย ทีมพี่ทำให้ได้อยู่แล้ว”
‘ทีมพี่’ ในความหมายของพี่ปราบก็คือหลงคนเดียวนั่นแหละ งานเร่งๆ พี่ปราบก็ชอบโยนให้หลงทำคนเดียวตลอด
“งั้นเฟยขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้นะคะ จะได้รีบไปกินข้าวกินปลากัน”
“พี่ต้องขอโทษแทนไอ้หลงด้วยนะที่ทำให้เริ่มประชุมช้า”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่ปราบ เฟยไม่คิดมาก”
“แต่ยังไงพี่ก็ต้องอบรมลูกน้องให้ดีกว่านี้”
หลงยืนโงนเงนฟังเสียงสองคนนั้นพูดคุยกัน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก่อนที่ก้อนอะไรบางอย่างจะตีตื้นขึ้นมาจุกอก เธอรีบพุ่งตัวออกจากห้องประชุมก่อนใคร ไม่สนใจว่าถูกกล่าวหาว่าไร้มารยาทหรือไม่ เพราะตอนนี้เป้าหมายของหลงคือห้องน้ำเท่านั้น
“โอ้ก แค็กๆ”
ปล่อยของเหลวออกมาจนหมด ตามด้วยเสียงร้องไห้อีกระยะหนึ่ง หลงนั่งพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง หอบหายใจเหนื่อย ถ้านับตั้งแต่เมื่อคืนหลงอาเจียนห้ารอบแล้ว มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย…
“จะตายไหมนะ”
นั่นสิ...หลงใกล้จะตายแล้วหรือเปล่า
แต่หลงยังไม่ได้ดูแสงเหนือหรือออโรราเลยนะ ขอเก็บตังค์ไปดูก่อนได้ไหม
“หอมจัง”
กลิ่นหอมคล้ายคาราเมลโชยเข้ามาด้านใน หลงสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด มันช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นหลังจากอ่อนเพลียมาทั้งวัน อาการมึนหัวหายไปชั่วขณะ ก่อนที่ความหอมหวานจะหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูด้านนอก
“เป็นอะไรเจ๊ เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละ”
นิ่มเอ่ยทักรุ่นพี่ที่ดูผิดปกติตั้งแต่กลับมาจากห้องน้ำ นั่งเหม่อลอยเขี่ยข้าวไปมา ไม่ตักเข้าปากสักคำ ทำเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เจ๊เฟย!”
“ฮะ! แกจะตะโกนเสียงดังทำไมเนี่ย ตกใจหมด”
“นิ่มถามว่าเป็นอะไร ทำไมนั่งเหม่อ”
“ฉันก็แค่...คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
พูดปดออกไปพลางตักข้าวเข้าปากคำโต พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แม้ในหัวจะยังมีภาพยัยหน้าเต้าหูอ่อนลอยไปลอยมาก็ตาม
“คิดเรื่องอะไร บอกมา!”
อี้เฟยถอนหายใจ วางช้อนส้อมลงแล้วเอามือเท้าคาง
“แกว่าได้กันคืนเดียวจะท้องป่ะ”
“เจ๊ทำใครท้อง!”
“ไม่ใช่โว้ย! กูแค่ถาม”
เขาเครียดเรื่องนี้มาสักพักแล้วตั้งแต่รู้ข่าวว่าหลงมาทำงานสาย พอเจอหน้าก็ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่เพราะหลงดูแย่มากๆ แถมตอนเข้าห้องน้ำยังเผลอไปได้ยินเสียงโอ้กอ้ากฝั่งห้องน้ำหญิงอีก
ในใจก็ภาวนาไม่ให้เป็นหลง แต่พอเปิดแง้มประตูเข้าไปก็เห็นว่าห้องน้ำด้านในสุดมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ในนั้น หลงคงจะรีบน่าดูถึงได้ลืมปิดประตูห้องน้ำแบบนั้น
“มันก็แล้วแต่คน น้ำยาดีก็ท้อง ไร้น้ำยาก็ไม่”
ไม่มีอะไรดีทั้งสองอย่างเลย ขอเป็นน้ำยาดีแต่ไม่ท้องได้ไหม…
“แต่กินยาคุมแล้วนะ จะท้องได้เหรอวะ”
“ยาคุมมันกันได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะเจ๊ เด็กมันจะเกิดอ่ะ ต่อให้ใส่ถุงยางมันก็มุดหัวมาเกิดได้”
ความคิดเห็น |
---|