บทที่ ๓

ครั้งแรกของหลง

The stars are proof that even on the darkest night

there is a little light.

เสียงเพลงดังกระหึ่มจากลำโพงสี่ด้าน บนเวทีกำลังมีเหล่าผู้เมามายแย่งไมค์ร้องเพลงกัน ด้านล่างเรียงรายไปด้วยโต๊ะกลมขนาดใหญ่สิบที่นั่ง บนโต๊ะมีทั้งจานอาหารและเครื่องดื่มมึนเมาหลากหลายชนิด

นี่เป็นครั้งแรกที่หลงได้มางานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท เพราะทุกๆ ปีจะไม่มีใครใส่ชื่อหลงเข้าไปในรายชื่อผู้ร่วมงานเลย แต่ปีนี้พี่มิลค์ใจดีชวนหลงมางานเลี้ยงด้วยกัน ถึงแม้ตอนนี้พี่มิลค์จะหายไปกับพี่ปราบแล้วก็ตาม

“ไอ้หลง ไม่แดกเหล้าเหรอวะ”

พี่จั่นจากทีมปั้น 3D ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมกับยกมือขึ้นกอดคอหลง การกระทำรุ่มร่ามของรุ่นพี่คนนี้ทำให้หลงรู้ว่าเขาคงจะเมาได้ที่แล้ว

“หลงกินไม่เป็น”

“ไรวะ อยู่ฝ่ายแบบต้องแดกเหล้าเป็นทุกคนนะเว้ย”

ไม่พูดเปล่าพี่จั่นก็เทเหล้าใส่แก้วใบสูงจนเต็มแล้วยื่นให้หลง คะยั้นคะยอให้เธอกระดกเครื่องดื่มกลิ่นเหม็นนี่จนหมดแก้ว ความร้อนผ่าวไหลผ่านลำคอไปจนถึงช่องท้อง ใบหน้าหลงเหยเกเพราะความขมปร่าอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัส

“มึงแม่งหลอกง่ายฉิบหาย”

พี่จั่นหัวเราะแล้วก็เดินออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่เต้นกันอยู่ด้านหน้าเวที ปล่อยให้หลงนั่งมึนเพราะเริ่มเมาอยู่ที่โต๊ะคนเดียว

คนที่ไม่เคยดื่มมาก่อนในชีวิตเริ่มแสดงอาการ...หลงรู้สึกร้อนไปทั่วร่างแล้วยังมึนหัวอีกต่างหาก ดวงตาพร่าเลือนมองอะไรไม่เป็นภาพชัด จากคนที่เคยมีหัวเดียวก็แยกออกเป็นสองหัวได้

ฟึ่บ!

และทุกอย่างก็ถูกดับวูบ เหมือนมีใครมาดึงปลั๊กโทรทัศน์ออกไป

“น่าสงสารพี่หลงเนอะ โดนพี่ๆ ในแผนกแกล้งตลอด”

“สงสารทำไม ทำตัวเองทั้งนั้น”

อี้เฟยย่นจมูกหลังได้ยินรุ่นน้องพูดเห็นอกเห็นใจคนพรรค์นั้น เขายังจำได้ดีว่าหลงทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แค่ขอให้แก้แบบต้องขอร้องมันแทบเป็นแทบตาย คนไม่มีน้ำใจอย่างมันไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือจากใครหรอก

“เจ๊ก็ใจร้ายเกินไป พี่หลงเป็นเพื่อนเจ๊นะ”

“กูไม่นับมันเป็นเพื่อนค่า แค่อายุเท่ากันไม่ได้หมายความว่ากูกับมันจะสนิทชิดเชื้อกันสักหน่อย”

“ก็เห็นเจ๊ไปหาพี่หลงบ่อย นึกว่าจะสนิทกัน”

“กูไปหามันเพราะต้องแก้แบบไหม พูดเรื่องนี้แล้วของขึ้น! แค่แก้ไม่กี่ห้องให้กูรอเป็นชาติ อีหลอกดูก!”

“แหมเจ๊ ฝ่ายแบบงานเยอะจะตาย อีกอย่าง...โพรเจกต์นั้นเจ๊ดองงานเองนะ”

“อีนิ่ม! มึงจะอยู่ฝั่งไหน มึงเลือกมาเลยนะ”

“ฝั่งเจ๊อยู่แล้วจ้า”

อี้เฟยจิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะกระดกวอดก้าเพียวๆ หมดแก้ว ความร้อนผ่าวของมันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า อยากจะขยับโยกย้ายส่ายสะโพกไปกับแสงสีสักหน่อย

‘จะไปกับแสงสี กับปีกที่สวยๆ ให้เหมือนผีเสื้อราตรี...จะหยิบเอาสายฟ้า มาเสียบเป็นสีสัน แต่งแต้มหัวใจทั้งคืน’

นิ่มส่ายหน้านั่งมองรุ่นพี่ชายใจหญิงออกไปเริงร่ากับเสียงดนตรี ท่ามกลางหมู่มวลมนุษย์ที่กำลังดีดดิ้นไปมา เจ๊เฟยของนิ่มโดดเด่นที่สุด เพราะส่วนสูงร้อยแปดสิบทำให้เจ๊ยืนหนึ่งอย่างไม่มีใครเทียบได้

เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืน หลายคนเมาหนักจนต้องพากันหามออกจากร้าน บางคนถึงกับต้องเรียกคนที่บ้านมารับ นิ่มที่ยังเมาไม่มากนักลุกไปเก็บร่างของเจ๊เฟยที่นอนพังพาบอยู่บนเวที

ระหว่างแบกร่างรุ่นพี่คนสนิทเดินผ่านโต๊ะฝ่ายแบบ นิ่มยังเห็นพี่หลงนอนฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ไม่มีใครคิดจะพาพี่เขากลับด้วยเลยสักคน

นิ่มคิดหนักว่าจะเข้าไปช่วยดีไหม แต่ก็ไม่รู้จะยื่นมือเข้าไปอย่างไร พี่หลงกับนิ่มไม่เคยคุยกันเลยสักครั้ง นิ่มรู้จักพี่หลงก็เพราะเจ๊เฟยเอามาเมาท์มาฝอยให้ฟัง นอกจากเจ๊ก็มีเพื่อนแผนกเดียวกันอีกหลายคนที่ชอบพูดถึงพี่หลง แต่ทุกคนก็ล้วนนินทาในด้านที่ไม่ดีทั้งนั้น

ช่างเถอะ...เราไม่ได้รู้จักพี่เขานี่

“ที่รักจ๋า มาจุ๊บๆ กันหน่อย”

“โอยเจ๊ หยุด! อย่ามารุ่มร่ามกับน้องนะ”

แกะมือที่เกี่ยวพันเป็นหนวดปลาหมึกออก กว่าจะยัดร่างยักษ์ของเจ๊เฟยเข้ารถได้ก็เหนื่อยเอาแรง ยังต้องมาสู้รบตบมือกับความเมาแล้วเรื้อนของเจ๊อีก…เป็นอีนิ่มมันเหนื่อยนะ!

นิ่มเข้าไปนั่งฝั่งคนขับกำลังจะสตาร์ตรถเพื่อไปส่งเจ๊เฟยที่คอนโด ทว่าภาพของพี่หลงที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ในร้านคนเดียวก็ผุดขึ้นมาในหัว รู้สึกผิดบาปเหลือเกินที่ไม่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

“เอาวะ! ช่วยก็ช่วย”

ปิดประตูรถเสียงดังก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในร้าน กวาดสายตามองหาพี่หลงที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะแล้ว ใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ กลัวว่าจะโดนใครฉุดไปแล้วหรือเปล่า เป็นผู้หญิงคนเดียวในร้านเหล้าแบบนี้มันค่อนข้างอันตรายมากๆ เหมือนกัน

“น้องๆ เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นป่ะ” นิ่มถามพนักงานในร้าน

“ผมเห็นเขาลุกไปเข้าห้องน้ำครับ”

“ขอบใจ”

นิ่มวิ่งไปตามเส้นทางที่พนักงานในร้านบอก ก่อนจะพบว่าในห้องน้ำหญิงมีร่างหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้น มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพี่หลง จึงตรงเข้าไปแบกขึ้นมา

“ทำไมตัวเบาจังวะ”

พี่หลงเป็นคนตัวเล็ก แต่ไม่คิดว่าจะเบาหวิวถึงขนาดที่เธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันยังอุ้มได้สบายๆ ได้แต่คิดว่าวันๆ พี่เขากินอะไรบ้างเนี่ย ถึงได้ผอมบางขนาดที่ว่าลมพัดมาทีคงจะปลิวไปไกล

“โอยอีนิ่ม ช่วยเขาแล้วจะพาเขาไปส่งไหนก่อน”

บ้านพี่หลงอยู่ที่ไหน นิ่มก็ไม่รู้จัก ครั้นจะถามเจ้าตัวก็ไม่น่าจะมีสติคุยด้วยแล้ว จะพาไปบ้านตัวเองก็ไม่สะดวก ที่บ้านนิ่มคนเยอะจะตายไป พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายอยู่กันครบตระกูล

“รังนอนอีเจ๊ก็ได้วะ”

ทางออกหนึ่งเดียวของอีนิ่มตอนนี้คือคอนโดเจ๊เฟย ถึงเจ๊เฟยร่างจะเป็นชายอกสามศอก แต่ใจตุ้งติ้งยิ่งกว่าหญิงสาวชาววัง นิ่มก็เคยนอนกับเจ๊เฟยอยู่บ่อยๆ มั่นใจได้ว่าไม่มีทางเกิดเรื่องบัดสีบัดเถลิงแน่นอน

นิ่มคิดเองเออเองตกลงกับตัวเอง ไม่ถงไม่ถามคนเมาทั้งสองเลยสักคำ

คอนโดเจ๊เฟยอยู่ห่างจากร้านอาหารไม่ถึงสิบห้านาที นิ่มแจ้งนิติคอนโดให้ช่วยพาเจ๊เฟยขึ้นห้อง ส่วนตัวเองก็แบกพี่หลงเดินตามหลังไป

โยนทั้งคู่ลงบนเตียงนอนห่มผ้าให้เสร็จสรรพ แล้วก็ปิดไฟในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ

วันนี้นิ่มได้ทำความดีแล้ว…

“อื้อ...”

เสียงหวานร้องครางในลำคอ กระสับกระส่ายด้วยความไม่สบายเนื้อสบายตัว ขยับตัวเข้าหาแหล่งที่มาของกลิ่นหอมน่ากิน คล้ายกับกลิ่นของน้ำตาลไหม้อ่อนๆ ยิ่งสูดดมยิ่งติดใจ

“หอมจัง”

เสียงพูดแผ่วเบาเพราะสติเลื่อนลอย จมูกมนคลอเคลียอยู่ที่ช่วงอกของใครอีกคน พยายามตักตวงความหอมละมุนเข้าเต็มปอด ในขณะเดียวกันมือหนาก็เลื่อนมาจับเข้าที่เอวคอด ลูบไล้ใต้เสื้อสัมผัสผิวเนื้อเนียนละเอียดของแผ่นหลัง

เสื้อของหลงถูกถอดออก เหลือเพียงบราเซียที่ประคองทรวงอกอิ่มเอาไว้ ดวงตาสีดำขลับปรือมองเห็นภาพเลือนราง ร่างเงาใหญ่ยักษ์พลิกมาคร่อมทับกัน

“อ๊ะ…อื้อ”

เสียงชายหนุ่มครางสั่นเครือยามริมฝีปากร้อนจูบประทับหลังใบหูของหญิงสาว ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ไหปลาร้า และเนินอกอวบ ร่างน้อยบิดไปมาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน เบื้องล่างฉ่ำแฉะขับน้ำหวานจนเปรอะเปื้อน

“ขาว”

คนบนร่างเธอพูดเสียงกระเส่า แลบลิ้นเลียริมฝีปากราวกับหิวกระหาย ก่อนจะก้มลงขบกัดเนื้อนุ่มบนหน้าท้องแบนราบ พาให้รู้เสียวซ่านไปทั้งตัว

อี้เฟยไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะใดๆ ทุกการกระทำล้วนมาจากสัญชาตญาณดิบในตัว มันถูกปลุกเร้าขึ้นมาด้วยน้ำเมาและความขาวนวลตรงหน้า

เขาถอดเสื้อตัวเองอย่างเร่งรีบ เผยให้เห็นกล้ามท้องที่เรียงตัวเป็นลอนสวยงาม อกหนากระเพื่อมไหวหอบหายใจถี่กระชั้น ปฏิบัติตัวไม่ต่างจากสิงโตที่จ้องรอการผสมพันธุ์

“อ๊ะ! เจ็บ”

หลงดีดดิ้นเมื่อร่างกายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง มันกำลังชำแรกเข้ามาในตัวของเธอ เจ็บแต่กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

“แน่นจังวะ”

อี้เฟยตีหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วแน่นอย่างทรมาน คนใต้ร่างบีบรัดจนเขาแทบขาดใจ พยายามกระเสือกกระสนกายตนเองเข้าไปให้ลึกขึ้น จนเห็นหน้าท้องบางปูดนูนขึ้นมา

“อ๊ะ อ่า…”

“ซี้ด”

ขยับเขยื้อนกายเป็นจังหวะหนักเบาสลับกัน เหงื่อกาฬผุดพรายตามผิวเนื้อ ความร้อนรุ่มเบียดเสียดอยู่ในมวลอากาศ สองร่างหอบหายใจไปพร้อมกับส่งเสียงครางกระสันอยาก ก่อนที่อี้เฟยจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเพราะใกล้ถึงฝั่งฝัน

“อ๊ะ มะ...ไม่ไหว อึก!” เสียงของหลงร้องบอก

“จะเสร็จแล้ว อ่า…” อี้เฟยครางออกมาด้วยความสุขสม

ความอุ่นร้อนถูกฉีดพ่นเข้าไปในร่างกายของหลง สิ่งต่างๆ ยังค้างคาเอาไว้ไม่หลุดจากกันจนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น สองร่างพลิกกายหลับใหลหลังปลดปล่อยความอัดแน่นของร่างกายจนหมด

แสงดาวพราวระยับประดับท้องฟ้า เป็นพยานในค่ำคืนอันร้อนรุ่มดั่งสุมด้วยเพลิง


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น