9

9

            ‘พ่อของผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้นำชุมชนของที่นี่ มีบารมีพอตัว’

                ‘นายสงสัยว่าพ่อหล่อนเป็นพวกเดียวกับผู้ก่อการร้ายงั้นรึ’

                ‘อืม แค่สันนิษฐาน’

                ‘แล้วที่กลิ่นจันทน์บอกว่าคนงานสามคนต้องรีบไปพบพี่ชายของหล่อนเล่า’

                ‘สามคนนั้นอาจจะถูกส่งตัวมาสอดแนมที่นี่ เหมือนกับที่ส่งผู้หญิงคนนั้นมาตีสนิทกับกลิ่นจันทน์ นายอย่าลืมว่าคนของฉันและฉันเข้าออกที่นี่กันเป็นว่าเล่นทั้งๆ ที่ลุงสมกับป้านวลไม่ค่อยสุงสิงกับใคร’

                ‘นายกำลังจะบอกว่าพวกนั้นคิดว่าที่นี่คือฐานลับของทางการงั้นรึ’

                ‘อืม อาจใช่ หรือไม่ก็แค่สงสัยว่าเจ้าของเป็นใคร มีความสัมพันธ์อย่างไรกับทางการ’

                ‘หากเป็นเช่นที่นายตั้งสมมุติฐาน พวกนั้นก็เดาทางเก่งพอตัว รู้ได้อย่างไรว่าฉันคือกำลังสำคัญที่หนุนหลังงานของผู้กองคนเก่งอยู่’

                ‘อย่าเห็นเป็นสนุกไป’

                ‘เอาละชายดิน นายจงวางใจ มันสมองของหม่อมเจ้าทัตเทพไม่ด้อยไปกว่าพวกผู้ก่อการร้ายนั่นดอก’

                หม่อมเจ้าทัตเทพกอดอุระขณะทอดพระเนตรหาจุดจับพิรุธคนงานชายทั้งสามที่กำลังปรับหน้าดินกันอย่างขะมักเขม้น พลางคิดย้อนถึงบทสนทนาระหว่างพระองค์กับหม่อมเจ้าเมทนีดลเมื่อเย็นวาน ทว่าขณะที่พระองค์ทรงดำริอะไรเพลินๆ อยู่นั้นจู่ๆ หญิงสาวหนึ่งเดียวในไร่ก็ถือจอบไปช่วยสมและคนงานชายทั้งสามขุดดินโดยไม่กลัวไม่เกรงไอร้อนจากแสงแดดช่วงบ่ายแผดเผา

                “น้องกลิ่นจันทน์นี่ขยันจริงๆ ทำงานบ้านเสร็จก็เข้าไร่เข้าสวนอีก” เกรียงชวนหญิงสาวสนทนา

                “ถ้างานบ้านงานครัวเสร็จไว กลิ่นจันทน์ก็จะมาช่วยงานปู่แบบนี้ทุกวัน ได้ออกกำลังไปในตัว สนุกดีด้วยจ้ะ” กลิ่นจันทน์ตอบโดยที่สายตาจับอยู่ที่หน้าดินที่เธอกำลังขุด

                “เล่นซนไปทุกเรื่อง บอกให้ทำงานในร่มก็ไม่ฟัง ชอบนักเรื่องตากแดดตากฝน” สมแสร้งทำเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก กลิ่นจันทน์จึงได้แต่ส่งยิ้มหวานประจบ

                “ก็กลิ่นจันทน์อยากเก่งเหมือนปู่นี่นา” 

คำตอบของหญิงสาวทำให้คนฟังอมยิ้ม ไม่เว้นแม้กระทั่งเอกบุรุษที่กำลังเสด็จออกมาจากใต้ต้นมะค่า หม่อมเจ้าทัตเทพทรงยิ้มบางๆ ด้วยความเอ็นดู

                “แล้วเย็นนี้มีอะไรให้พวกพี่กินบ้าง อาหารเมื่อวานอร่อยทุกอย่างเลย” ทองถามขึ้นมาบ้าง

                “เย็นนี้ย่าบอกว่าจะแกงผักกาดจ้อนใส่ไก่จ้ะ”

                “ของโปรดพี่พอดีเลย ถ้ามีเหลือขอห่อไปแกล้มเหล้าคืนนี้สักหน่อยนะ” ผัดว่า

                “เรื่องกิ๋นคิงกึ๊ดเร็วแต๊ละบ้ะผัด” ทองหันไปเอ่ยกับผัดเสียงกลั้วหัวเราะว่าเรื่องกินช่างไวเหลือเกิน

                “ฮาก็ถามเผื่อหมู่คิงนั่นละ กะว่าคิงจะบ่กิ๋นก็ได้หนา จะได้บ่เปลือง ฮาแบ่งกั๋นกับบ้ะเกรียงสองคนก็ได้” ผัดไหวไหล่น้อยๆ ก่อนตอบกลับไปว่าเขาเองก็ถามเผื่อทุกคนนั่นแหละ แต่ทองจะไม่กินก็ได้จะได้ไม่เปลือง เขาจะได้แบ่งกับเกรียงแค่สองคน

                “หึ ว่าไปไคว่ก่า เรื่องอะหยังฮาจะบ่กิ๋นของลำๆ จะอี้” ทองตอบกลับทันควันว่าผัดอย่าได้พูดจาเรื่อยเปื่อย ใครจะพลาดของอร่อยๆ เช่นนี้

                กลิ่นจันทน์หันไปมองตามเสียงพูดแล้วหัวเราะคิก ถึงแม้ว่าจะพูดภาษาเหนือไม่ได้แต่เธอก็พอฟังที่ทั้งสามสนทนากันอยู่ออกบ้าง “ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวกลิ่นจันทน์เตรียมไว้ให้”

                “งานบ้านเสร็จหมดแล้วรึ ถึงได้มาเล่นซนอยู่ที่นี่”

                “...”

                กลิ่นจันทน์ สม เกรียง ทอง และผัดหันกลับไปมองตามเสียง จึงพบว่าเจ้าของไร่ที่ยืนคุมงานอยู่ใต้ร่มต้นมะค่าเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังพวกตนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“งานหลักๆ กลิ่นจันทน์ทำเสร็จหมดแล้วจ้ะ เหลือแต่งานเล็กๆ น้อยๆ ย่าบอกว่าให้เก็บไว้ให้ย่าทำแก้เหงาระหว่างวัน” กลิ่นจันทน์ตอบ

“เช่นนั้นก็ช่วยหาน้ำเย็นโรยดอกมะลิให้ฉันสักแก้วเถิด แดดวันนี้ร้อนเหลือใจ” 

“จ้ะพ่อเลี้ยง” 

“ฉันจะไปนั่งพักตรงแคร่ใต้ต้นชมพู่” ราชนิกุลหนุ่มตรัสพลางบุ้ยใบ้ไปยังต้นชมพู่ต้นใหญ่ เยื้องไปอีกมุมกับจุดที่ยืนอยู่ในขณะนี้

“จ้ะ” กลิ่นจันทน์รับคำแล้ววางจอบลง เช็ดหลังมือกับชายเสื้อก่อนยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากมน 

ท่านชายทัตชายเนตรตามกิริยาของหญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะเสด็จไปประทับใต้ต้นชมพู่

...

“น้ำจ้ะพ่อเลี้ยง” 

ราชนิกุลหนุ่มกวทอดพระเนตรมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด หล่อนยังคงสวมเสื้อแขนยาวตัวโต มีผ้าคลุมศีรษะกันแสงแดดดังเช่นก่อนหน้า มือหนาเอื้อมออกไปรับแก้วน้ำเย็นโดยอัตโนมัติก่อนที่หล่อนจะทันวางแก้วใบนั้นลงบนแคร่ 

“ขอบใจ” ผู้เป็นนายตรัสยามทาบทับฝ่าหัตถ์ลงบนหลังมือบอบบางทว่าแห้งกร้าน ทรงอดดำริไม่ได้ว่าไร่แห่งนี้ใช้แรงงานหญิงอย่างไร้ความปรานีถึงเพียงนี้เทียวหรือ หล่อนควรรับผิดชอบแค่เพียงงานบ้านและเย็บปักถักร้อย แต่นี่หล่อนกลับต้องแบกจอบออกไปขุดดินดายหญ้ากลางแดดจ้าเฉกเช่นเดียวกับแรงงานชายที่จ้างเป็นรายวัน

“เธอควรทำงานอยู่แต่ในบ้านในครัว ส่วนงานสวนงานไร่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลุงสมกับคนงานสามคนนั่น” ท่านชายทัตตรัสหลังจากที่หญิงสาวละมือบอบบางออกจากแก้ว

“งานบ้านเสร็จแล้ว กลิ่นจันทน์อยู่ว่างๆ ก็เลย...” หญิงสาวตอบทั้งที่ยังก้มหน้างุด ตั้งแต่แตกเนื้อสาวก็ไม่เคยต้องมือชายใด และการสัมผัสกับฝ่ามือนุ่มของผู้เป็นนายเมื่อครู่ก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าหญิงสาวยังตอบไม่ทันจบประโยคดีผู้เป็นนายก็ทรงถามขึ้นอีกรอบ

 “เธอชอบงานเย็บปักถักร้อยไม่ใช่รึ ทำไมไม่ทำเล่า”

“กลิ่นจันทน์ทำงานปักงานเย็บก่อนนอนจ้ะ กลางวันจะได้ทำงานอย่างอื่น”

“แต่ถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยงานตอนนี้ เธอก็จะไม่ออกไปขุดดินใช่หรือไม่” 

“จ้ะ กลิ่นจันทน์ต้องรับผิดชอบงานที่พ่อเลี้ยงสั่งให้เรียบร้อยก่อนถึงจะไปทำงานอย่างอื่นได้” 

“เช่นนั้นช่วยจัดดอกไม้ที่ห้องนอนฉันใหม่ทีเถิด เห็นโรยไปหลายดอก แล้วฉันก็อยากได้ผ้าเช็ดปากลายใหม่เอาไว้ใช้เย็นนี้ด้วย”

“...”

กลิ่นจันทน์เผลอเงยหน้าขึ้นประสานกับดวงตาคู่คม เมื่อครู่ตอนเก็บบ้านเธอก็ยังเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งในบ้านบานรับแสง ดอกใบสีสดด้วยเพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อวาน ส่วนผ้าเช็ดปากเมื่อเช้าเธอก็เพิ่งจะนำลายใหม่มาจัดวางให้ เหตุใดผู้เป็นนายถึงได้เบื่อลายผ้าไวถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะไม่เข้าใจพ่อเลี้ยงมากนัก แต่กระนั้นก็พยักหน้ารับแต่โดยดี

“ได้จ้ะ กลิ่นจันทน์จะรีบไปจัดการ”

“ขอบใจ” ท่านชายทัตตรัสตอบสุรเสียงแผ่วพร้อมทรงยิ้มน้อยๆ รอจนกระทั่งหญิงสาวเดินไปยังทิศทางของเรือนใหญ่แล้วจึงเสด็จกลับไปคุมงานที่แปลงกาแฟต่อ

 

“มาแอบนั่งปักผ้าอยู่ที่นี่เอง ย่านึกว่าเจ้าช่วยปู่อยู่ที่แปลงกาแฟเสียอีก” นวลทักขึ้น เมื่อเดินออกมาจากโรงครัวแล้วพบว่าหลานสาวนั่งก้มหน้าก้มตาปักผ้าอยู่บนแคร่

กลิ่นจันทน์ละสายตาจากเข็มและด้ายในมือ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ผู้เป็นย่าก่อนตอบ “ไปแล้วจ้ะย่า แต่ช่วยขุดดินได้สองสามทีก็ต้องรีบกลับไปเปลี่ยนดอกไม้ในห้องนอนพ่อเลี้ยง”

“แล้วกันสิ ย่าคิดว่ากลิ่นจันทน์ทำงานบ้านเรียบร้อยหมดแล้วเสียอีก” นวลว่าพลางย่อตัวลงนั่งบนแคร่

กลิ่นจันทน์ขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ ผู้เป็นย่าแล้วเอนศีรษะลงซบบนลาดไหล่อย่างออดอ้อน “กลิ่นจันทน์ทำเสร็จหมดแล้วจ้ะย่า ดอกไม้เปลี่ยนไปเมื่อวาน ตอนเช็ดฝุ่นในห้องกลิ่นจันทน์ก็ดูแล้วนะจ๊ะว่าดอกยังงามอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมพ่อเลี้ยงถึงบอกว่าดอกไม้เฉาแล้ว”

“งั้นรึ พ่อเลี้ยงเธอคงชอบดอกไม้สดๆ แล้วนี่เปลี่ยนเรียบร้อยหมดแล้วหรือ” นวลถามขณะลูบแขนของหลานสาวไปด้วยพลางๆ

“เปลี่ยนใหม่หมดแล้วจ้ะ” กลิ่นจันทน์ตอบแล้วยกศีรษะขึ้นนั่งหลังตรง เอ่ยถามผู้เป็นย่าด้วยแววตาใสซื่อ “ย่าจ๋า ปกติพ่อเลี้ยงเป็นคนขี้เบื่อหรือจ๊ะ”

“ย่าไม่รู้จักเธอขนาดนั้นดอก แล้วอะไรทำให้กลิ่นจันทน์คิดว่าพ่อเลี้ยงเป็นคนขี้เบื่อกัน” 

“พ่อเลี้ยงบอกกลิ่นจันทน์ว่าเย็นนี้อยากใช้ผ้าเช็ดปากลายใหม่ กลิ่นจันทน์เลยแปลกใจ เพราะลายใหม่ที่เพิ่งปักเสร็จเมื่อคืนเพิ่งวางไปพร้อมกับสำรับเช้า”

นวลหรี่ตาลงทำท่าครุ่นคิด พึมพำตอบเสียงไม่ดังมากนัก “แปลก ปกติเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แล้วนี่กลิ่นจันทน์ปักลายอะไรอยู่”

“ปักแบบของม้งจ้ะ ลายดอกจับมือ ขวัญข้าวเคยสอนกลิ่นจันทน์ทำ” กลิ่นจันทน์ตอบแล้วก้มหน้าลงจดจ่อกับการปักลายผ้าในมืออีกรอบ

 

ยามตะวันยอแสงกลิ่นจันทน์จึงยกขันโตกสำรับข้าวปลาอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ เดินนำผู้เป็นปู่กับย่าขึ้นไปยังเรือนใหญ่ เมื่อสมเปิดประตูระเบียงหญิงสาวจึงเดินเข่านำสำรับคาวหวานไปวางบนโต๊ะกลาง

หม่อมเจ้าทัตเทพละสายเนตรจากแสงสีแดงเข้มที่เคลื่อนตัวเข้าจับขอบฟ้า ทอดพระเนตรไปยังสำรับบนโต๊ะแล้วแย้มมุมโอษฐ์ก่อนทรงพระสรวลสุรเสียงแผ่ว

“แค่ฉันบอกว่าอยากใช้ผ้าเช็ดปากลายใหม่ เธอถึงกับปักสี่มุมเลยงั้นรึ”

กลิ่นจันทน์หันไปมองปู่กับย่าแล้วยิ้มแหย ก่อนเอียงหน้าขึ้นตอบเสียงหวาน “กลิ่นจันทน์อยากลองปักแบบที่ไม่เคยทำให้พ่อเลี้ยงมาก่อนจ้ะ”

“อืม แล้วปักแบบนี้เขาเรียกว่าลายกระไรเล่า” ท่านชายทรงถามต่อ

“กลิ่นจันทน์ปักแบบผ้าม้งจ้ะ ลายนี้เรียกว่าลาย ‘ดอกจับมือ’ ”

“ดอกจับมือ?” เอกบุรุษตรัสพลางหลุบเนตรลงทอดพระเนตรบริเวณสองมือบางที่พระองค์เคยสัมผัสเมื่อช่วงสายแล้วทรงยิ้มน้อยๆ “แปลกตาแต่ว่างามนัก”

หญิงสาวเผลอถอนหายใจดังเฮือกด้วยความโล่งอก 

“ถึงกับถอนหายใจเทียว เธอคิดว่าฉันเป็นยักษ์เป็นมารหรือไร ถึงได้กลัวได้เกรงนัก” 

“ปละ...เปล่าจ้ะ กลิ่นจันทน์แค่กลัวว่าพ่อเลี้ยงจะไม่ถูกใจ”

ไม่ถูกใจ? ใครบอกหล่อนกันเล่า พระองค์โปรดทุกสิ่งที่หล่อนทำถวายเสียมากกว่า คนกระไรช่างรู้พระทัยพระองค์ยิ่งนัก ดูอย่างลายดอกจับมือนั่นเถิด หล่อนก็เลือกสีด้ายได้เข้ากันหนักหนา ชวนให้อยากใช้เจ้าดอกจับมือนั่นซับโอษฐ์ซ้ำๆไม่อยากวางเจ้าจับมือดอกงามลงบนขันโตกเลยแม้แต่น้อย

“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าเมือง ลุงกับป้าอยากได้ข้าวของอะไรเพิ่มหรือไม่” ท่านชายทัตเทพทรงถามหลังจากยกผ้าซับมุมโอษฐ์ทั้งสองข้าง

“ของในครัวใกล้หมดหลายอย่าง แต่ป้าว่าสักสัปดาห์หน้าผู้หมวดกับจ่าก็จะมารับรายการของที่ต้องไปซื้อแล้ว ยังไงรอสัปดาห์หน้าค่อยซื้อก็น่าจะทัน” นวลทำท่าครุ่นคิด พูดเองเออเองเสร็จสรรพจนคนฟังสามคนเผลอยิ้มออกมาพร้อมกัน

“จะรอหมวดกับจ่าทำไมเล่า ยังไงฉันก็ต้องไปทำธุระอยู่แล้ว” ผู้เป็นนายตรัสกลั้วเสียงทรงพระสรวล

“พ่อเลี้ยงจะหาซื้อไหวหรือ ของพวกนั้นต้องหาซื้อในตลาด” นวลตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“นั่นสิครับพ่อเลี้ยง” สมพยักหน้าเห็นด้วยกับคู่ชีวิต “ลุงเองก็ติดคุมงานในไร่ งั้นพรุ่งนี้ให้กลิ่นจันทน์ไปช่วยซื้อของดีไหม”

ท่านชายเลิกขนงขึ้น ทอดพระเนตรเจ้าของใบหน้าหวานที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ทอดมองมาทอประกายแห่งความหวังคล้ายกำลังรอคอยคำตอบจากสรวงสวรรค์แล้วทรงระบายยิ้มบางๆ “เอาสิ ลุงกับป้าบอกรายการของที่ต้องซื้อกับหล่อนก็แล้วกัน” 

เมื่อผู้เป็นนายเอ่ยจบประโยคกลิ่นจันทน์ก็เผลอขยับตัวยกสองมือกุมกันระหว่างอกแล้วคลี่ยิ้มกว้าง “คืนนี้กลิ่นจันทน์จะตรวจดูของที่ต้องซื้อเองจ้ะ”

“ปู่ให้เจ้าไปช่วยพ่อเลี้ยงซื้อของไม่ได้ให้ไปเที่ยว ไม่ต้องยิ้มกว้างขนาดนั้นดอก” สมปรามหลานสาวอย่างไม่จริงจังนัก

กลิ่นจันทน์ขยับตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อยอีกรอบแล้วยิ้มแหย “จ้ะปู่ กลิ่นจันทน์ลืมตัว”

“อยากเข้าเมืองขนาดนั้นเทียว” ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียงของคนที่จะได้เข้าเมืองไปช่วยซื้อของทำให้ผู้เป็นนายอดถามไม่ได้

“จ้ะ กลิ่นจันทน์ไม่เคยไป แล้วก็ไม่เคย...นั่งรถด้วย”

“หืม เช่นนั้นตอนมาจากสิบสองปันนาเธอโดยสารอะไรรึ” หม่อมเจ้าทัตเทพทรงถาม

“ปู่พากลิ่นจันทน์เดินมาจ้ะ แต่ก็ขอติดเกวียน ติดรถอีแต๋นคนนั้นคนนี้เขามาบ้าง” กลิ่นจันทน์ตอบตามตรง 

เอกบุรุษที่ใช้ชีวิตสุขสบายมาตั้งแต่ประสูติพยักพักตร์รับน้อยๆ จากนั้นจึงมีรับสั่งกับนวลโดยตรง

“ป้าช่วยเตรียมของเปรี้ยวให้กลิ่นจันทน์ติดตัวไปด้วยก็แล้วกัน”

“จ้ะ พ่อเลี้ยง” นวลรับคำเสียงกลั้วขำ และยิ่งขำหนักเข้าไปอีกเมื่อหญิงสาวผู้ตกเป็นหัวข้อสนทนาขยับตัวเข้าไปจับแขนผู้เป็นย่าแล้วละล่ำละลักบอกอย่างกระตือรือร้น “ย่าจ๋า ของเปรี้ยวกินแต่เช้าน่าจะเสาะท้อง กลิ่นจันทน์ว่าห่อหมูทอดกับข้าวเหนียวติดไปน่าจะดีกว่า”

ราชนิกุลหนุ่มหลุบเนตรมองใบหน้างามที่เอียงมองปู่ทีย่าทีแล้วทรงเผลอระบายยิ้มออกมาด้วยความเอื้อเอ็นดู จากนั้นจึงหันไปให้ความสนใจแก่สำรับตรงหน้าต่อจนแล้วเสร็จ โดยไม่ลืมยกผ้าเช็ดโอษฐ์ในมือขึ้นซับมุมโอษฐ์เป็นระยะ และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบางจังหวะนั้นเขาเผลอยกผ้าลายจับมือผืนดังกล่าวขึ้นแตะที่ปลายนาสิก

 


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น